Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ทางแยกจุดเปลี่ยนชีวิต

ทางแยกจุดเปลี่ยนชีวิต

Published by Sutthiporn, 2021-10-25 01:44:36

Description: วิมพ์วิภา

Search

Read the Text Version

ทางแยก... จุดเปลี่ยนชีวิต? \"ชีวิตคนเราก็เหมือนกับถนนเมื่อถึงจุดแยกจาก ก็ยากที่จะกลับมาบรรจบ\"

...ตราบใดที่ยังมองเห็นดวงอาทิตย์ขึ้น ตอนเช้าและตกตอนเย็น.... แม้นชีวิตยากเข็นเช่นไรพึงระลึกไว้ \"ยังคงมีพรุ่งนี้เสมอ\" คำพูดของชายวัยกลางคน ท่านนึงที่พูดให้ฉันฟังทุก ครั้งยามที่อับจนหนทาง! สวัสดี..วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับบุคคลท่าน นึงที่มีเรื่องราวต่างๆมากมายผ่านเข้ามาในชีวิต อย่างนับไม่ถ้วนเรียกว่าเกือบครบทุกรสชาติของ ชีวิตเลยก็ว่าได้ ว่าแต่จะเป็นเรื่องอะไร??แล้ว ผ่านมาได้ยังไง??แล้วบุคคลที่ว่านี้คือใคร?? เรามีคำตอบให้คุณในหน้าถัดไป. . . เ รื่ อ ง ร า ว ค่ อ น ข้ า ง เ ศ ร้ า แ ล ะ ห นั ก ห น่ ว ง ต้ อ ง ข อ อ ภั ย สำหรับคนที่ไม่ใช่สายดราม่า....(ปล.เรายังไม่แนะนำตัว น ะ ข อ เ ป็ น บุ ค ค ล นิ ร น า ม ชั่ ว ค ร า ว ฮ่ า ๆ ๆ ๆ ) เครดิตภาพ: เพจfacebook คนเหงา.

สิ่งที่คถณสงสัยก่อนหน้านี้ คำตอบอยู่ด้านล่างนี้แล้วนะฮ้าบบยบ!!อิอิ รูปผู้ชายที่คุณเห็นด้านล่างนี้คือบุคคลที่เราตั้งใจไปสืบเสาะประวัติส่วนตัวของ เขามาอย่างละเอียดล้วงลึกทุกเรื่องราวในอดีตอย่าพลาดที่จะตามกันต่อไปนะฮ้/าบ... แต่ว่าตอนนี้เรามารู้จักเขาในเบื้องต้นกันก่อนเถอะ!!! เขามีชื่อว่า เจริญ อินศรี ชื่อเล่น ศรี เกิดวันที่ 13 พฤษภาคม 2518. ปัจจุบันอายุ 46ปี เขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านๆของอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นชาวพื้นเมือง ส่วนมากใช้ภาษาเหนือในการพูดสื่อสาร ด้านการศึกษาเขาบอกว่าตอนนั้นได้เรียนถึง ชั้นป.6เองเนื่องจากในสมัยนั้นโรงเรียนที่เขาเรีบนเป็นสถานศึกษาเล็กๆภายในหมู่บ้าน ยังไม่มีการพัฒนามากนักอาคารเรียนยังไม่มีสิ่งก่อสร้างล้วนเป็นไม้ห้องที่ใช้เรียนก็ เป็นเรือนไม้หลังจากจบชั้นป.6ก็ไม่มีโอกาสได้ศึกษาต่ออีกเพราะฐานะทางบ้านค่อน ข้างลำบากไม่มีกำลัังทรัพย์ส่งไปเรียนในเมือง แต่ปัจจุบันนี้โรงเรียนแห่งนั้นได้พัฒนา มาเยอะมากๆแล้วและมีระดับการศึกถึงชั้นม.3แล้วด้วยจ้า ปัจจุบันนี้เขาทำอาชีพ รับจ้างทั่วไป ส่วนใหญ่ชาวบ้านในพื่นที่นั้นจะรับจ้างเก็บเหมี้ยง(ลักษะคล้ายๆใบชาแต่ จะมีลักษณะใบที่ใหญ่กว่า)ส่วนคนที่มีสวนเป็นของตนเองก็จะปลูกลิ้นจี่ ปลูกส้ม ปลูก มะนาวแต่ที่นิยมและสืบทอดกันมาอย่างยาวนานก็คือการทำสวนเหมี้ยงปลูกเหมี้ยงกัน เสียส่วนใหญ่ น า ย เ จ ริ ญ อิ น ศ รี

เ ร า ม า ต่ อ กั น ด้ ว ย ลั ก ษ ณ ะ นิ สั ย แ ล ะ ไ ล ฟ์ ส ไ ต ล์ ก า ร ใ ช้ ชี วิ ต ข อ ง เ ข า กั น เ ถ อ ะ ว่ า จ ะ เป็ นแบบไหน??แบบที่คุณคิดรึป่าวนะ! เท่าที่สอบถามมาและเราสังเกตุเองนั้น...นิสัยของเขาจะเป็นคนตรงๆปากร้ายแต่ใจดี ขี้บ่นจุกจิกเหมือนผู้หญิง เป็นคนจริงจังเล่นเป็นเล่นเวลาทำงานก็ทำงานค่อนข้างเข้มงวด เจ้าระเบียบ(อ้อเราลืมบอกไปว่าเขาเคยเป็นทหารมาก่อนมิน่าล่ะฮ่าๆนิสัยเลยเข้มงวดไป นิด) เป็นคนมีเพื่อนเยอะชอบเข้าสังคมหรือแถวบ้านเรียกตั้งวงดื่มเหล้านั่นแหละแต่ข้อ เสียคือเวลาเมาชอบพูดมากแถมพูดจาไม่รู้เรื่องปากชอบหาเรื่องให้ตัวเองต้องเจ็บตัว มี ครั้งนึงเขาเล่าให้เราฟังว่าตอนนั้นอายุประมาณ30ต้นๆยังมีแรงยังซ่าได้อยู่เขาไปทำงานที่ เกาะสมุยแล้วตอนเลิกงานก็ตั้ั้งวงดื่มเหล้าสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆตามปกติแต่ พอเหล้าเข้าปากไปหลายๆแก้วก็เริ่มพูดจาหาเรื่องไปทั่วละดันไปท้าคนที่กำลังทะเลาะกับ เมียมาหมาดๆรึป่าวซ่าดีนักโดนเค้าเอาไม้ตีเข้าที่แขนอย่างจังคงตั้งใจจะตีหัวแต่เขาเล่า ว่าเขายกแขนขึ้นมาบังไว้เป็นไงล่ะได้ห้อยเฝือกไป1เดือนเต็มๆถามว่าเขาเข็ดไหมตอบ เลยว่าไม่หลังจากหายดีก็ตั้งวงสังสรรค์เหมือนเดิมแต่คำพูดคำจาก็น่าจะเพลาๆลงแหละ เนอะฮ่าๆๆ ส่วนไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตนั้น...เขาเล่าว่าสมัยหนุ่มๆเขาค่อน ข้างที่จะลุยๆกล้าได้กล้าเสียทำงานเสร็จกลับมาตั้้งวงกับ เพื่อนๆจนบางครั้งก็ละเลยครอบครัวและนี่ก็คงเป็นจุดเริ่มต้น ของความเสียใจในอดีตทั้งหมด!เขาเล่ามาถึงตรงนี้แล้ว เหมือนน้ำตาคลอและเราสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่เจ็บปวดของ เขา...แต่เขาก็เล่าต่อว่าพอเวลาเปลี่ยนไปชีวิตแปรผันอายุมาก ขึ้นเขาก็ใช้ชีวิตแบบรู้จักคุณค่าทะนุถนอมในแต่ละวัน เริ่มปล่อย วางในหลายๆสิ่งเข้าใจที่จะใช้ชีวิตมากขึ้นและทำทุกวันใน ปัจจุบันให้ดีที่สุด และสุดท้ายเขายังกล่าวติดขำนิดๆอีกด้วยว่า อุตส่าลงทุนเสียเวลาครึ่งค่อนชีวิตเรียนวิชานึงให้จบบทถ้าประ เมิณเป็นราคาคงมหาศาลเพื่อย้ำเตือนตัวเองก็ต้องตั้งใจ ท่องจำบทนั้นหน่อยสิจะได้ไม่กลับไปเรียนบทเดิมอีกฮ่าๆ.... เอ้!!!ว่าแต่สงสั ยไหมว่าเรียนวิชาอะไร??และบท อะไรถึงใช้เวลานานขนาดนั้ น???เรามีคำตอบให้ คุณน้ า.....แต่คุณต้องติดตามเรื่องราวจนจบแล้ว คุณก็จะทราบคำตอบเอง อิอิ..พบกันหน้ าถัดไป จ้า

รู้จักเขข้าอไมปูลพเอบื้สอมงคต้วนรเกแี่ลย้ววเกนับอตะัว แต่คนเท่ๆแบบเรารู้แค่นี้มันยังไม่พอ ฮ่าๆๆต้องรู้ลึกยันคนในครอบครัวเขา ด้วย!! ว่ า แ ต่ จ ะ มี ใ ค ร บ้ า ง นั้ น ? ? ? คำ ต อ บ อ ยู่ ด้ า น ล่ า ง นี้ แ ล้ ว จ้ า ( ต้ อ ง ข อ อ ภั ย ที่ ท า ง เ ร า ไ ม่ ส า ม า ร ถ นำ รู ป ข อ ง ค น ใ น ค ร อ บ ค รั ว เ ข า ม า ใ ห้ ดู จ น ค ร บ ทุ ก ค น ไ ด้ . . ) เริ่มจากผู้อาวุโสเรียงลำดับลงมาจนถึงเด็กน้อยละกันนะคะ นายประพันธ์ อินศรี(บิดา,เสียชีวิตแล้ว) นาง นาง อินศรี(มารดา,เสียชีวิตแล้ว) นายเจริญ อินศรี(ตัวเขาเอง) นายบุญส่ง อินศรี(น้องชาย) นายเอนก อินศรี(น้องชายคนสุดท้อง,เสียชีวิตแล้ว) นางหล้า ลุงแพะ(ภรรยา,แยกทางกัน) นางสาววิมพ์วิภา อินศรี(ลูกสาว)

..แรกพบยามสบตาตัวข้านั้นคนึงหาแต่นวลนาง ..ชีวิตคนเราเกิดมาทั้งทีต้องเคยมีความรักสักครั้งถึงจะเรียกว่าชีวิตที่มีรสชาติ!นี่ เป็นคำกล่าวของคุณเจริญ ที่ทางเราได้นำมาฝากทุกๆค่ะพูดเกริ่นมาขนาดนี้แล้วก็ ต้องถามเรื่องราวความรักของคุณเจริญกันบ้างแล้วว่ามีความเป็นมายังไงซึ่งทาง เราก็็ได้คำตอบมาแบบนี้ค่า คุณเจริญท่านเล่าให้ฟังว่า..ตอนนั้นท่านอายุประมาณ23ปีพึ่งปลดทหารมาใหม่ๆ แต่ท่านได้สมัครสอบเข้าเป็นทหารตรวจตระเวรชายแดนต่อที่หมู่บ้านมีชื่อว่า บ้าน ลานอยู่ที่อำเภอเชียงดาวจังหวัดเชียงใหม่พื้นที่แถวนั้นเป็นพื้้นที่ี่ราบสูงติด ชายแดนพม่าและชาวบ้านส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ล้วนเป็นเผ่าไทยใหญ่ที่อพยบมาตั้ง ฐิ่นฐานอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งแต่รุ่นบรรพบุรษในอดีตกาล และหมู่บ้านแห่งนี้เองที่เป็ นจุดเริ่มต้นรักแรกพบของคุณเจริญ!!เรื่ องมันมี อยู่ว่า ในตอนนั้นเป็นช่วงฤดูหนาวคุณเจริญได้หยุดเฝ้ าฐานสลับสับ เปลี่ยนกับนายทหารคนอื่นๆมีอยู่วันนึงเขาได้ลงมาหาซื้ออาหารใน หมู่บ้านแล้วบังเอิญไปเจอแม่ค้าขายข้าวโพดนึ่ งร้อนๆคนนึงเธอเป็ นหญิง สาวชาวบ้านธรรมดาๆแต่ทว่าหน้ าตานั้นน่าดึงดูดยิ่งนักดวงตากลมโตคิ้ว ดกดำโค้งเป็ นสะพานจมูกโด่งเป็ นคมสันสัมพันธ์กับริมฝี ปากกระจัับอััน บางเฉียบรูปทรงใบหน้ ารูปไข่ผมดกดำเงางามสลายอยู่กลางหลังขับกับ ผิวขาวผ่องของเจ้าตัวทำให้ใครพบเห็นก็ยากที่จะลืมเลือนเสมือนว่านาง คือรักแรกพบยังไงยังงั้น!! คุณเจริญเล่าต่อว่าคอนนั้นที่ได้พบและสบตาเข้ากับเธอคนนั้นเขารู้สึึก เหมือนต้องมนต์สะกดมิอาจกระพริบตาหรือละลายสายตาได้แม้แต่วินาที เดียวในขณะนั้นเธอคนนั้นกลับถลึงต่าใส่เขาและมองค้อนทำท่าทาง เหมือนจะกลัวเขาฮ่าๆก็เขาเล่นจ้องสะขนาดนั้นใครบ้างจะไม่กลัวแล้ว เธอคนนั้นรีบยกหาบข้าวโพดขึ้นมาบนบ่าแล้วเดินไปทางซอยนึงจนลับ สายตา...

..ในเมื่อพบเจอจงรีบไขว่คว้าแม้ว่าอุปสรรค มากีดขวางให้ฟันฝ่าจนกว่าจะได้ครอง! หลังจากวันนั้นที่ได้พบเธอเขาก็ทำทุกวิถีทางที่จะมีโอกาสได้ลงมาเพื่ื่อ เจอเธอและทำความรู้จักกับเธอจนเวลาล่วงเลยมาถึงปลายฤดูหนาวเริ่ม เข้าสู่ฤดูร้อนความสัมพันธ์์ระหว่างเขาทั้งสองจึงได้พัฒนาขึ้นมาอย่างช้าๆ และเริ่มก่อตัวเป็นความรักขึ้นมา!!!ในเมื่อทั้งสองต่างมีใจให้แก่กันจึงได้ ตกลงปลงใจที่จะคบหากันและได้้วาดฝันอนาคตจองเขาทั้งสองไว้อย่างมี วามสุขจนได้ข้อสรุปว่าคุณเจริญจะจากทหารแล้วพาหญิงสาวคนรักกลับ บ้านเกิดมาไหว้พ่อแม่และปลูกครอบครัวเล็กๆด้วยกันที่นั่นเลย.. ที่หมู่บ้านปางต้นเดื่ออำเภอแม่อายจังหวัดเชียงใหม่เป็นบ้านเกิดของคุณเจริญเขาได้ พาหญิงสาวคนรักที่มีขื่อว่า หล้า มาไหว้พ่อแม่และตกลงที่จะกินอยู่ด้วยกันฉันสามี ภรรยาอย่างเรียบง่ายทำพิธีผูกข้อไม้ข้อมือตามศาสนาประเพณีของชาวบ้านในพื้นที่ นั้น หลังจากใช้ขีวิตกินอยู่ด้วยกันมาสักระยะภรรยาของคุณเจริญก็ได้ตั้งครรภ์ลูกคน แรกขึ้นมาแต่เธอกลับไม่ได้ดีใจเลยสักนิดแถมยังมีความคิดที่จะเอาเด็กออก!!แต่ ทว่าคุณเจริญนั้นดีใจและตื่นเต้นมากจึงได้ขอร้องให้ภรรยาเขายอมอุ้มท้องลูกคนนี้ แต่หลายครั้งที่ทะเลาะกันเพราะภรรยาเขาไม่อยากอุ้มท้องด้วยเหตุผลที่ว่าผนัง มดลูกไม่ค่อยแข็งแรงกลัวว่าเด็กจะออกมาไม่สมประกอบ สุดท้ายแล้วคุณเจริญก็ ต้องเป็นฝ่ายยอมทุกครั้งที่ทะเลาะกันและคอยดููแลเอาใจใส่ภรรยาทุกอย่างเป็น อย่างดีจนกระทั่งวันที่1สิงหาคมพศ.2544ภรรยาเขาได้คลอดลูกออกมาเป็นเพศหญิง น้ำหนักแรกเกิด3200กรัมถือว่าค่อนข้างแข็งแรงและสมบูรณ์เด็กหญิงคนนี้ทีชื่อว่า วิมพ์วิภา อินศรี(นิ้ง)ซึ่งก็คือตัวดิฉันเองค่ะ!

เวลาผ่านไปความรักเริ่มอิ่มตัว! ปัญหาที่สะสมมานานเริ่มจุด ประกายเป็นเหตุของความขัดแย้ง? ตลอดระยะเวลาที่ท่านทั้งสองใช้ชีวิตร่วมกันมา15ปีในช่วง แรกๆที่เค้าเรียกกันว่าข้าวใหม่ปลามันอะไรก็ดีไปหมดชี้นกชี้ไม้ เป็นไมเไม่มีถกเถียงแต่พอผ่านไปเริ่มรู้จักเริ่มคุ้นชินก็จะ กลายเป็นไม้เบื่อไม้เมาในทันทีเริ่มมีความเบื่อหน่ายทะเลาะ เบาะแว้งปัญหาต่างๆเริ่มถาถมเข้ามานี่แหละหนาชีวิตคู่ที่ทุกคู่ต่าง ต้องพบเจอ!! ชีวิตคู่เมื่อยามมีปั ญหาผิดใจกันสิ่งแรกที่ ทำคือการหลบหลีกที่จะพูดคุยซึ่งกันและ กันท่านทั้งสองก็เป็ นแบบนี้ตอนนี้ฉันขอ เล่าในฐานะลูกและผู้ที่อยู่รู้เห็นใน เหตุการณ์ทุกอย่างต่อจากนี้!!..เวลามี ปั ญหาพ่อมักจะออกไปกินเหล้าสังสรรค์ กับเพื่อนส่วนแม่ก็จะร้องไห้เก็บตัวเงียบ อยู่ในห้องเป็ บแบบนี้ทุกครั้งตั้งแต่ฉันจำ ความได้จนกระทั่งฉันอายุประมาณ11ขวบ พ่อกับแท่ทะเลาะกันรุนแรงมากปั ญหา ซ้ำๆเดิมๆที่สะสมมานานเหมือนมันได้ ระเบิดออกมาวันนี้สุดท้ายแล้วปั ญาหาทุก อย่างจะจบลงยังไงฉันในตอนนั้นก็ยากที่ จะคาดเดา.....

ปั ญหาที่เดินทางมาถึงทางตันสุดท้ายแล้วทาง แก้คือทางแยกจาก!! สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะรักกันมากี่ปี จะใช้ชีวิตร่วมทุกข์ร่วมสุขผ่านร้อนผ่าน หนาวมาด้วยกันนานแค่ไหนถ้ามันถึงจุดที่ความคิดและเป้ าหมายต่างกัน ที่สุดแล้วก็คงต้องแยกกันเดินคนละทาง!!!... พ่อกับแม่ฉันสุดท้ายแล้วก็มีคนนึงที่ยอมจบ ปั ญหาทุกอย่างด้วยการเดินจากไปอย่างเงียบๆ คนนั้นก็ึอแม่ของฉันท่านเก็บของทุกอย่างทุก ชิ้นหนีจากฉันกับพ่อไปอย่างไม่คิดหวนกลับใน ตอนนั้นสิ่งที่ฉันพบเจอมันคือฝั นร้านฝยที่สุดใน ชีวิตวัยเด็กฉันต้องกลายเป็ นคนที่ไม่มีแม่พ่อก็ กลายเป็ นคนติดเหล้าหนักมากไม่เอาการ เอางานจนล้มป่ วยสถานการณ์ในตอนนั้นโครต เลวร้ายที่สุดกว่าจะผ่านมาได้มันไม่ง่ายเลยสัก นิดปิ ดฉากชีวิตครอบครัวที่มีพ่อแม่ลูกสำหรับ ฉันไปโดยปริยายเหมือนปิ ดตายไปเลยชีวิตหลัง จากนั้นฉันต้องเข้มแข็งและทนสู้กับพ่อสองคน อย่างลำพังทุกข์ย่กแค่ไหนคนที่เดินจากไปไม่ เคยเหลวแลหันกลับมามองฉันเลยสักนิิด!กว่า จะโตมาจนถึงวันที่ได้มีโอกาสมาเล่าเรื่องราว เหล่านี้ให้ใครหลายๆคนได้รับรู้นั้นมันก็สาหัสพอ สมควรแต่ทุกอย่างที่ผ่านมาล้วนเป็ นเกราะ กำบังที่ทำให้ฉันกับพ่อแข็งแกร่งขึ้นและข้าม ผ่านมันมาได้...

แม้ชีวิตหลังจากที่เลือกเดินคนละทางของพ่อและแม่ฉันนั้นจะมีเรื่องราว ระหว่างที่พบเจอแตกต่างกันแต่ฉันก็ยังเชื่อว่าสักวันจุดหมายปลายทางข้าง หน้ าเราอาจจะมีโอกาสได้พบเจอกันระหว่างก็เป็นได้ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ ก็ยังไม่ถึงจุดสิ้นสุดของการเดินทางชีวิต! เส้นทางนี้ตอนเริ่มต้นมีกัน3คนฉันเรียกมันว่าเส้นทางชีวิต แม้สุดท้ายตอนนี้จะเหลือเพียงฉันกับพ่อ2คนฉันก็ไม่คิดที่จะ หวาดหวั่นหรือท้อถอยเส้นทางคือทางเดินส่วนอนาคตเป้า หมายข้างหน้าเราเป็นคนกำหนดเองเรื่องราวหรือเหตุการณ์ ร้ายๆต่างๆที่ผ่านเข้ามาก็เหมือนกับพายุฝนที่ซัดกระหน่ำ เพียงชั่วคราวแต่หลัังจากพายุผ่านพ้นไปท้องฟ้าก็กลับมา ปรอดโปร่งและสดใสดังเดิม...ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ พ้อรักลูกนะ!ยังคงเป็นประโยคนี้ที่คอยเป็นกำลังใจให้ฉัน ทุกครั้งยามที่ท้อแท้...

ชีวิตจริงต่างจากละครไม่สามารถรู้ ได้ว่าตอนถัดไปจะเป็นยังไง...แต่ ชีวิตคุณ คุณสามารถกำหนดทิศทาง เดินได้ด้วยตนเอง... เขียนโดยนางสาววิมพ์วิภา อินศรี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook