Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Nude Simple Note Book

Nude Simple Note Book

Published by Guset User, 2023-06-29 16:54:58

Description: Nude Simple Note Book

Keywords: การสนปัสสาวะและการสวนล้างกระเพาะปัสสาวะ

Search

Read the Text Version

การสกวานรสล้วานงกปัรสะสเพาาวะะปแัลสะสาวะ รายวิชาการพยาบาลขั้นพื้นฐาน (0118300209) วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุดรธานี

การสวนปัสสาวะคืออะไร ? การสวนปัสสาวะ คือ การสอดท่อเล็กๆ ผ่านรูเปิดท่อ ปัสสาวะเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ เพื่อระบายน้ำปัสสาวะ ออก ผู้ป่วยบางรายอาจได้รับการสวนปัสสาวะเป็นพักๆ ชั่วคราวในระยะหลังผ่าตัด เนื่องจากความเจ็บปวดบวม บริเวณที่ผ่าตัดหรือไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ สตรีบางราย ที่มีปัญหาทางด้านระบบประสาท (เส้นประสาท) ของ กระเพาะปัสสาวะ อาจจำเป็นต้องได้รับการสวนปัสสาวะ ตลอดไปอย่างถาวร

ชนิดของการสวนปัสสาวะ (Types of catheterization) มี 2 ประเภท 1 การสวนปัสสาวะเป็นครั้งคราว(Intermittent catheterization) เป็นการสอดใส่สายสวนปัสสาวะผ่าน ทางท่อปัสสาวะเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ เพื่อระบายน้ำ ปัสสาวะ 2 การสวนคาสายสวนปัสสาวะ (Indwelling catheterization or retained catheterization) เป็นการสอดใส่สายสวนปัสสาวะชนิด Foley’s catheter ผ่านทางท่อปัสสาวะเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะแล้วคาสายสวน ปัสสาวะไว้

ชนิดของสายสวนปัสสาวะ (Types of urethral catheters ) มี 2 แบบ 1 สายสวนปัสสาวะ 2 ทาง ปัจจุบันมี 3 ขนาด หรือ 3 เบอร์ คือ เบอร์ 14 (สีเขียว), เบอร์ 16 (สีส้ม) และเบอร์ 18 (สีแดง) การใช้ งานสายสวนปัสสาวะ 2 ทาง ควรเลือกขนาดสายสวนปัสสาวะที่ เหมาะสม สายสวนปัสสาวะที่ผลิตจากยางธรรมชาติ สายสวน ปัสสาวะแบบซิลิโคน หรือเคลือบผิวด้วยซิลิโคนอย่างดีและผ่าน การฆ่าเชื้อโรคด้วยเพื่อลดอาการแพ้ สายสวนปัสสาวะ 3 ทาง ช่องที่ 1 เป็นทางให้ปัสสาวะไหล 2 ออกมา ช่องที่ 2 เป็นทางสำหรับใส่น้ำกลั่นบริสุทธิ์ และช่อง ที่ 3 เป็นทางสำหรับใส่น้ำเกลือหรือน้ำยาเข้าไปเพื่อชะล้าง กระเพาะปัสสาวะ ปัจจุบันสายสวนปัสสาวะแบบนี้มีให้เลือก หลายเบอร์ เช่น สายสวนปัสสาวะเบอร์ 12, สายสวนปัสสาวะ เบอร์14, สายสวนปัสสาวะเบอร์ 16, สายสวนปัสสาวะ เบอร์18, สายสวนปัสสาวะเบอร์ 24

ข้อบ่งชี้ในการสวนปัสสาวะ (Indications for catheterization) แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ดังนี้ 1.การสวนปัสสาวะเป็นครั้งคราว (Intermittent catheterization) สามารถใช้ กับผู้ป่วยได้ในกรณีดังต่อไปนี้ ใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถปัสสาวะเองภายใน 6-8 ชั้วโมงหลังจากถ่าย ปัสสาวะครั้งสุดท้ายก่อนเช้ารับการรักษา​ ใช้ในผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณไขสันหลัง ซึ่งอาจทำให้ระบบประสาทที่มา เลี้ยงกระเพาะปัสสาวะไม่สามารถทำหน้าที่ได้ โดยอาจมีความผิดปกติตั้งแต่ สมอง ใช้ในการเก็บปัสสาวะส่งตรวจเพื่อเพาะหาเชื้อที่อาจก่อโรคในทางเดิน ปัสสาวะ ใช้ในการตรวจหาปริมาณของ Residual urine หรือก็คือการตรวจหา ปัสสาวะเหลือค้างในกระเพาะปัสสาวะภายหลังถ่ายปัสสาวะเสร็จทันที

ข้อบ่งชี้ในการสวนปัสสาวะ (Indications for catheterization) 2.การสวนคาสายสวนปัสสาวะ (Indications for catheterization) สามารถใช้กับผู้ป่วยได้ดังกรณีต่อไปนี้ ใช้กับผู้ป่วยที่มีการอุดกันของท่อปัสสาวะ กรณีต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic hypertrophy) ท่อปัสสาวะตึบแคบ (Urethral strictures) ป้องกันการอุดกันของท่อปัสสาวะจากการมีก้อนลิมเลือดภายหลังผ่าตัดผ่านท่อ ปัสสาวะ ประเมินปริมาณปัสสาวะ เพื่อประเมินการทำงานของไต เช่น ผู้ป่วยในภาวะช็อค ป้องกันผิวหนังเกิดการระดายเคืองจากปัสสาวะในผู้ป่วยที่กลันปัสสาวะไม่ได้ ชะล้างกระเพาะปัสสาวะ (Bladder irrigation) เพื่อในการเตรียมผู้ป่วยสำหรับการเตรียมตรวจและรักษา เพื่อช่วยให้กระเพาะปัสสาวะว่างก่อนส่งตรวจพิเศษ หรือในระหว่างการผ่าตัด เพื่อตรึงท่อปัสสาวะ (Splint) เช่น ในผู้ป่วยทีได้รับบาคเจ็บของท่อปัสสาวะ เพื่อเป็นช่องทางในการใส่ยาเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ เพื่อสวนล้างกระเพาะปัสสาวะในรายที่มีเลือดออก มีลิมเลือด มีหนองหรือตะกอน ขุ่นมากในระบบทางเดินปัสสาวะ

หลักสำคัญ ในการสวนปัสสาวะ 1.อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจ ถึงความจำเป็นในการสวนปัสสาวะ 2.เครื่องใช้ในการสวนปัสสาวะต้อง สะอาดปราศจากเชื้อและเตรียม ให้พร้อมสำหรับการใช้งาน 3.พยาบาลต้องล้างมือให้สะอาดก่อน และหลังให้การพยาบาลเพื่อป้องกัน การติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้อ

หลักสำคัญ ในการสวนปัสสาวะ 4.จัดท่าให้เหมาะสม ที่มาของภาพ : https://www.slideshare.net/cc_npru/ss-73086237 ในผู้ป่วยชาย ผู้ป่วยหญิง จัดท่านอนหงาย นิยมท่านอนหงายชันเข่า (dorsal position) (dorsal recumbent position) 5. ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ ภายนอกและบริเวรรอบูเปิดท่อ ปัสสาวะให้สะอาดก่อนสวนปัสสาวะ

หลักสำคัญ ในการสวนปัสสาวะ 6.ปฏิบัติการพยาบาลอย่างมีขั้นตอน ระมัดระวังการปนเปื้ อนขณะ สอดสายสวนปัสสาวะ 7. มีแสงสว่างเพียงพอ หรือไฟฉายส่องเพื่อให้สามารถ มองเห็นรูเปิดท่อปัสสาวะ 8.กรณีที่สวนคาสายสวนปัสสาวะ หากผู้ป่วยบ่นว่าปวดภายหลังใส่ น้ำกลั่นเข้าไปในลูกโป่ง ให้รับเอาน้ำกลั่นออก

อุปกรณ์ในการใส่ สายสวนปัสสาวะ 1.สายสวนปัสสาวะ (Catheter) เลือกขนาดให้เหมาะสมกับผู้ป่วย เด็ก ใช้ นาด 8-10 Fr ผู้หญิง ใช้ขนาด 14-16 Fr. ผู้ชาย ใช้ขนาด 16-20 Fr. 2. ชุดสวนปัสสาวะปราศจากเชื้อ 1.ถ้วยใส่สำลีทำความสะอาด พร้อมสำลีทำความสะอาด 2. ผ้ากอส 3. ขันรองน้ำปัสสาวะ 4. ผ้าสำหรับปิดตาผู้ป่วย 5. ถุงมือ

อุปกรณ์ในการใส่ สายสวนปัสสาวะ 3. น้ำยาฆ่าเชื้อโรค เพื่อทำความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ 1. Savlon 1:100 หรือ 0.5 Hibitane solution ในรายที่แพ้ Savlon 2. Providine solution 4. ครีมหล่อลื่น เช่น K-Y jelly,2% Xylocaine jelly 5. กระบอกฉีดยา (Syringe) ขนาด 10ซีซี 6. ชามรูปไตสะอาดหรือถุงสำหรับทิ้งขยะ

อุปกรณ์ในการใส่ สายสวนปัสสาวะ 7. น้ำกลั่น(Sterile water) 8. ถุงเก็บปัสสาวะที่ปลอดเชื้อ (Urine bag) 9. พลาสเตอร์กระดาษ (Hypafix หรือ Micropore)

วิธีการปฏิบัติในการสวนปัสสาวะ มี 2 ประเภท 1.การสวนปัสสาวะเป็นครั้งคราว (Intermittent urethral catheterization) ผู้ป่วยเพศหญิง 1.ตรวจสอบแผนการรักษา 2.ระบุตัวผู้ป่วยให้ถูกต้อง 3.แจ้งให้ผู้ป่วยทราบพร้อมทั้งอธิบายวิธีการทำอย่างย่อๆ และการปฏิบัติตัวของผู้ ป่วยขณะที่พยาบาลสวนปัสสาวะให้ 4.จัดเตรียมอุปกรณ์ ทั้งหมดไปที่เตียงผู้ป่วย 5.กั้นม่านให้มิดชิดแล ะ/หรือปิดตาผู้ป่วย 6.จัดท่านอนโดยให้ผู้ป่วยนอนหงายชันเข่า (dorsal recumbent position)และ เเยกขาทั้งสองออกให้กว้าง ถ้าผู้ป่วยตั้งเข่าไม่อยู่ให้ใช้หมอนรองใต้เข่า ถ้าผู้ป่วยมี การเกร็งของกล้ามเนื้อขามาก ควรมีผู้ช่วยเหลือในการขับกางขาออก 7.ล้างมือให้สะอาดและเช็ดให้แห้งหรือใช้ Waterless 20-30 วินาที(ควรเตรียม น้ำยาใส่รถเข็นไปด้วย) 8.เปิดชุดสวนปัสสาวะอย่างถูกเทคนิคและระวังปนเปื้ อน 9. เทน้ำยา Savlon 1:100 หรือ 0.5% Hibitanesolution ลงในถ้วยใส่สำลีพอ ประมาณ 10. เปิดซองและใส่สายสวนและไม้พันสำลี 2 ก้านอย่างระมัดระวังลงในชุดสวน ปัสสาวะที่เตรียมไว้ 11.เปิดกระบอกสวนล้าง(Syringe irrigate)50ซีซีจากห่อผ้า โดยระวังการปนเปื้ อน 12.บีบครีมหล่ออื่นจากหลอดทิ้งเล็กน้อย ก่อนบีบลงผ้าก๊อสพอประมาณ

วิธีการปฏิบัติในการสวนปัสสาวะ มี 2 ประเภท 1.การสวนปัสสาวะเป็นครั้งคราว (Intermittent urethral catheterization) ผู้ป่วยเพศหญิง 13. ล้างมือให้สะอาดและเช็ดให้แห้งหรือใช้ Waterless 20-30 วินาทีแล้วจึงสวม ถุงมืออย่างถูกเทคนิค ปราศจากเชื้อ 1 ข้างที่ถนัด 14. ในกรณีที่ผู้ป่วยมีความเสี่ยงสูง หยิบไม้พันสำลีก้านหนึ่งชุบ Providine solution พอชุ่มสำลีแล้ววางพาดกับขันรองน้ำปัสสาวะ จากนั้นจึงใส่ถุงมือ Sterile อีกข้างให้ เรียบร้อย 15. หยิบสายสวนหล่อลื่นกับครีมหล่อลื่นที่หยดไว้บนผ้าก๊อส โดยทาตั้งแต่ ปลาย สายข้างที่จะใส่เข้าไปประมาณ 2 นิ้ว จัดกระบอกสวนล้าง(Syringe inrigate) 50 ซีซี ให้เข้าคู่พร้อมใช้งาน( ในกรณีใช้กระบอกฉีดยา) 16. แบ่งสำลีแผ่นออกเป็น 8 ชิ้น แล้วหยิบสำลีทำความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ โดยเช็ดจากด้านบนลงล่างห้ามเช็ดย้อนขึ้นลงแล้วทิ้งสำลีเช็ดนั้นไป สำลี ชิ้นที่ 1 เช็ดบริเวณเนินด้านบน สำลี ชิ้นที่ 2 เช็ดแคมใหญ่ด้านไกลตัว สำลี ชิ้นที่ 3 เช็ดแคมใหญ่ค้านใกล้ตัว สำลี ชิ้นที่ 4 ใช้มือแหวกแคมใหญ่ออกแล้วเช็ดแคมเล็กด้านไกลตัว สำลี ชิ้นที่ 5 เช็ดแคมเล็กด้านใกล้ตัว สำลี ชิ้นที่ 6 ใช้มือแหวกแคมเล็กออกให้เห็นรูเปิดท่อปัสสาวะแล้วใช้สำลีเช็ดรู เปิดท่อปัสสาวะ สำลี ชิ้นที่ 7 เช็ดเหมือนชิ้นที่ 6 17. ถอดถุงมือคู่แรกออก ล้างมือด้วย Waterless 20-30 วินาที ก่อนสวมถุงมือคู่ใหม่ ด้วยเทคนิคปราศจากเชื้อ 18. หยิบผ้าสี่เหลี่ยมเจาะกลางคลุมโดยให้เปิดเฉพาะบริเวณที่จะใส่สายเข้าไป

วิธีการปฏิบัติในการสวนปัสสาวะ มี 2 ประเภท 1.การสวนปัสสาวะเป็นครั้งคราว (Intermittent urethral catheterization) ผู้ป่วยเพศหญิง 19.ใช้มือแหวกแคมเล็กให้เห็นรูเปิดของท่อปัสสาวะ(โดยใช้มือข้างที่แหวกนี้ จะคง ค้างไว้จนกระทั่งใส่สายสวนปัสสาวะเสร็จ) 20. ในกรณีที่ผู้ป่วยมีความเสี่ยงสูงหยิบไม้พันสำลีชุบ Providine เช็ดที่รูเปิดของท่อ ปัสสาวะโดยเช็ดจากบนลงล่าง รอประมาณ 15 วินาทีจึงใช้ไม้พันสำลีแห้งเช็ด Providine ออก 21. วางขันลงระหว่างขาผู้ป่วย หยิบสายสวน ที่หล่อลื่นครีมแล้วใส่เข้ารูท่อเปิด ปัสสาวะอย่างนุ่มนวล โดยจับสายสวนห่างจากปลายสาย 3 นิ้ว ใส่สายสวนลึกประ ประมาณ 2-3 นิ้ว หรือเมื่อเห็นน้ำปัสสาวะไหลออกมา หากมีการต้านระหว่างใส่สาย สวนควรหยุดแล้วให้ผู้ ป่วยหายใจลึกๆแล้วจึงสอดเข้าเบาๆจนสุดสายและเห็นน้ำ ปัสสาวะไหลออกมา 22. ปล่อยให้น้ำปัสสาวะไหลออกมาให้หมด หากไม่มีน้ำปัสสาวะไหลออกมาให้ใช้ กระบอกสวนล้าง(Syringe irrigate) 50 ซีซี ดูดน้ำปัสสาวะออกให้ทำซ้ำๆและนุ่ม นวล 23.เมื่อปัสสาวะหยุดไหลให้ถอนสายสวนออกทีละ 1 นิ้วจนกระทั่งไม่มีน้ำปัสสาวะออก อีก จึงถอดสายออกอย่างนุ่มนวล 24. เก็บผ้าสี่เหลี่ยมเจาะกลางออก แล้วใช้สำลีชิ้นสุดท้ายเช็ดทำความสะอาดผ่านรู เปิดท่อปัสสาวะ 25. ตวงน้ำปัสสาวะที่ตวงได้ 26. ถอดถุงมือและจัดเสื้อผ้า จัดท่านอนผู้ป่วยให้เหมาะสม 27. เก็บอุปกรณ์ไปทำความสะอาดและล้างมือให้สะอาดหรือใช้ Waterless 20-30 วินาที 28.บันทึก วัน เวลา และจำนวนปัสสาวะที่สวนได้ลงในแผ่นบันทึกหน้าเตียงและ บันทึกทางการพยาบาล (Nurse's note)

วิธีการปฏิบัติในการสวนปัสสาวะ มี 2 ประเภท 1.การสวนปัสสาวะเป็นครั้งคราว (Intermittent urethral catheterization) ผู้ป่วยเพศชาย ขั้นตอน 1-10 เหมือนผู้ป่วยเพศหญิง มีการเตรียมกระบอกฉีดยา 5 ซีซีเพิ่ม และท่านอนในเพศชายจะเป็นท่านอนหงาย (dorsal position) 11. เปิดกระบอกฉีดยา(Syringe)5ซีซี จากซองกระดาษและกระบอกฉีดยา สำหรับสวนล้าง(Syringe irrigate) 50 ซีซี จากห่อผ้า(ในกรณีที่ใช้กระบอก ฉีดยาสำหรับสวนล้าง)ลงในชุดสวนปัสสาวะ โดยระวังการปนเปื้ อน 12. ล้างมือให้สะอาดและเช็ดให้แห้งหรือใช้ Waterless 20-30 วินาทีแล้วจึง สวมถุงมืออย่างถูกเทคนิคปราศจากเชื้อ 13. ใช้ถุงมือ Steril e ข้างที่ถนัดหยิบไม้พันสำลีก้านหนึ่งชุบProvidinesolution พอชุ่มสำลีแล้ววางพาดกับขันนรองน้ำปัสสาวะ 14. ดึงก้านกระบอกฉีดยา(Syringe) 5 ซีซี ออกจากกระบอกแล้ววางพิงกับขัน 15. แบ่งสำลีแผ่นออกเป็น 7 ชิ้นแล้วหยิบสำลีทำความสะอาดบริเวณอวัยวะ สืบพันธุ์ โดยจับที่องคชาตให้ตั้ตรง รูดหนังหุ้มปลายลง สำลีชิ้นที่ 1 เช็ดจากรูเปิดท่อปัสสาวะวนออกไปเป็นวงกลมรอบองคชาต จนถึงโคน สำลีชิ้นที่ 2 และ 3 เช็ดเหมือนชิ้นที่ 1 สำลีชิ้นที่ 4 เช็ดที่โคนองคชาตวนรอบออกไปห่างจากโคนประมาณ 2 นิ้ว สำลีชิ้น ที่ 5 เช็ดเหมือนชิ้น ที่ 4 สำลีชิ้นที่ 6 รองที่ปลายองคชาตไม่ให้รูเปิดท่อปัสสาวะสัมผัสกับผิวหนังส่วน อื่นของผู้ป่วย

วิธีการปฏิบัติในการสวนปัสสาวะ มี 2 ประเภท 1.การสวนปัสสาวะเป็นครั้งคราว (Intermittent urethral catheterization) ผู้ป่วยเพศชาย 16. ถอดถุงมือคู่แรกออกแล้วล้างมือด้วย Waterless 20-30 วินาที หยอดครีม หล่อลื่นลงในกระบอก 17. สวมถุงมือคู่ใหม่ด้วยเทคนิคปราศจากเชื้อ แล้วหยิบก้านสูบกระบอก ฉีดยา(Syringe) 5 ซีซี ต่อกับตัวเครื่อง 18. หยิบผ้าสี่เหลี่ยมเจาะกลางคลุมโดยให้เปิดเฉพาะบริเวณองคชาต 19. ใช้มือข้างที่ไม่ถนัดจับองคชาต ตั้งฉากกับลำตัวของผู้ป่วยแล้วใช้มืออีกข้าง จับไม่พันสำลีที่ชุบ Providine เช็ดที่รูเปิดท่อปัสสาวะ รอประมาณ 15 วินาที จึงใช้ ไม้พันสำลีแห้งเช็ด Providine ออก วางขันลงระหว่างขาผู้ป่วย ฉีดครีมหล่อลื่นใน กระบอกฉีดยา(Syringe)เข้ารูเปิดท่อปัสสาวะจนหมดแล้วสายสวนปัสสาวะตาม เตข้้าานไขปณอยะ่ใาสง่สนุ่ามยนคววลรหจั บยุสดาแยล้สววในห้ใผูห้้ปห่ว่ายงหจาายกใปจลเขา้ยาอสอายกปลึรกะๆมแาลณ้วจ3ึงสนิ้อวดหเขา้กาเมบีแารๆงจน สุดสายและเห็นน้ำปัสสาวะไหลออกมาจนหมด หากไม่มีน้ำปัสสาวะไหลออกมาให้ ใช้กระบอกสวนล้าง(Syringe irrigate) 50 ซีซี ดูดดูน้ำปัสสาวะออกมาจนหมด และทำอย่างนุ่มนวล 20. เมื่อปัสสาวะหยุดไหล ให้ถอดสายสวนออกทีละ 1 นิ้ว จนกระทั่งไม่มีน้ำ ปัสสาวะออกมาอีก จึงถอดนิ้ว จนกระทั่งไม่มีน้ำปัสสาวะออกมาอีก จึงถอดสายสวน ออกอย่างนุ่มนวล 21. ใช้สำลีชี้นสุดท้ายเช็ดทำความสะอาดผ่านรูเปิดท่อปัสสาวะแล้วรูดหนังหุ้ม ปลายขึ้น เก็บผ้าสี่เหลี่ยมเจาะกลางออก 22. ตวงน้ำปัสสาวะที่สวนได้ 23. ถอดถุงมือ และจัดเสื้อผ้า ท่านอนผู้ป่วยให้เหมาะสม 24. เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดและล้างมือให้สะอาดหรือใช้ Waterless 20-30 วินาที 25. บันทึก วัน เวลา และจำนวนปัสสาวะที่สวนได้ลงในแผ่นบันทึกหน้าเตียงผู้ป่วย และ บันทึกทางการพยาบาล(Nurse's note)

วิธีการปฏิบัติในการสวนปัสสาวะ มี 2 ประเภท 2.การสวนคาสายสวนปัสสาวะ (Urethral catheterization) ผู้ป่วยเพศหญิง 1.ตรวจสอบแผนการรักษา 2.ระบุตัวผู้ป่วยได้ถูกต้อง 3.แจ้งให้ผู้ป่วยทราบพร้อมทั้งอธิบายวิธีการทำและการปฏิบัติของผู้ป่วยขณะที่ พยาบาลสวนปัสสาวะ โ4ด.จยัดใเหต้รระียดัมบอขุปอกงรถุณง์อทัย ู้ง่ตห่ำมกดว่าไรปะทีด่ัเบตีกยรงะผูเ้พป่วายะปแัสขสวนาวถะุงแเลก็ะบปปัลสาสยาถุวงะอไยวู้่กสัูบงจไมา้กกั้พนื้นเตียง อย่างน้อย 6 นิ้ว 5.กั้นม่านให้มิคชิดและปิดตาผู้ป่วย 6.จัดท่านอนโดยให้ผู้ป่วยนอนหงายชันเข่า (dorsal recumbent position)และ แยกขาทั้งสองข้างออกให้กว้าง ถ้าผู้ป่วยมีอาการเกร็งของกล้ามเนื้อขามาก ควรมีผู้ ช่วยเหลือในการจับขากางออก 7.ล้างมือให้สะอาดและเช็ดให้แห้งหรือใช้ Waterless 20-30 วินาที(ควรเตรียม ขวดน้ำยาใส่รถเข็นไปด้วย) 8.เปิดชุดสวนปัสสาวะอย่างถูกเทคนิคและระวังปนเปื้ อน 9.เท Savlon 1:100 หรือ 0.5 Hibitane solution ลงในถ้วยใส่สำลีพอชุ่ม 10.เปิดซองและใส่สายสวนปัสสาวะอย่างระมัดระวังลงในชุดสวนปัสสาวะที่เตรียม ไว้ 11. เปิดกระบอกฉีดยา(Syringe)ขนาด 10ซีซีและ50 ซีซี ฉีกไม้พันสำลี 2 ก้าน จากซองกระดาษหรือห่อผ้าลงในชุดสวนปัสสาวะ โดยระวังการปนเปื้ อน 12. บีบครีมหล่อลื่นจากหลอดทิ้งเล็กน้อย ก่อนบีบลงผ้าก็อสพอประมาณ 13. เปิดฝาหลอดน้ำกลั่นไว้

วิธีการปฏิบัติในการสวนปัสสาวะ มี 2 ประเภท 2.การสวนคาสายสวนปัสสาวะ (Urethral catheterization) ผู้ป่วยเพศหญิง 14. ล้างมือให้สะอาดและเช็ดให้แห้งหรือใช้Waterless 20-30 วินาที แล้วจึงสวม ถุงมืออย่างถูกเทคนิคปลอดเชื้อ 1 ข้าง หยิบกระบอกฉีดยา(Syringe)10 ซีซี แล้ว ใช้มืออีกข้างที่ยังไม่ได้สวมถุงมือหยิบหลอดน้ำกลั่น(Sterile water) จากนั้นใช้ กระบอกฉีดยาดูดน้ำกลั่น(Sterile water) 10-20 ซีซีหรือตามข้อกำหนดของสาย สวนแต่ละยี่ห้อ 15. ในกรณีที่ผู้ป่วยมีความเสี่ยงสูง สวมถุงมือ Sterile ข้างที่ถนัด 1 ข้างจับไม้พัน สำลีก้านหนึ่งชุบ Providine solution พอชุ่มสำลีแล้ววางพาดกับขันรองน้ำ ปัสสาวะแล้วสวมถุงมืออีกข้าง 16.ใช้กระบอกฉีดยา(Syringe) 10ซีซี ทดสอบบอลลูนของสายสวนปัสสาวะแล้ว ดูดน้ำออกจากบอลลูน หลังจากทดสอบเสร็จ ใช้กระบอกฉีดยา (Syringe)50 ซีซี ทดสอบการอุดต้นของสายสวน 17. หยิบสายสวนหล่อลื่นกับครีมที่หยดไว้บนผ้าก็อส โดยทาตั้งแต่ปลายสายข้างที่ จะใส่เข้าไปประมาณ 2 นิ้ว 18. แบ่งสำลีออกเป็น 8 ชิ้นแล้วหยิบสำลีทำความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ โดย เช็ดจากด้านบนลงล่าง ห้ามเช็ดย้อนขึ้นลงแล้วทิ้งสำลีที่เช็ดนั้นไป สำลีชิ้นที่ 1 เช็ดบริเวณเนินด้านบน สำลีชิ้นที่ 2 เช็ดแคมใหญ่ด้านไกลตัว สำลีชิ้น ที่ 3 เช็ดแคมใหญ่ด้านใกล้ตัว สำลีชิ้นที่ 4 ใช้มือแหวกแคมใหญ่ออกแล้วเช็ดแคมเล็กด้านไกลตัว สำลีชิ้นที่ 5 เช็ดแคมเล็กค้านใกล้ตัว สำลีชิ้นที่ 6 ใช้มือแหวกแคมเล็กออกให้เห็นรู เปิดท่อปัสสาวะแล้วใช้สำลีเช็ดรู เปิดท่อปัสสาวะ สำลีชิ้นที่ 7 เช็ดเหมือนชิ้นที่ 6

วิธีการปฏิบัติในการสวนปัสสาวะ มี 2 ประเภท 2.การสวนคาสายสวนปัสสาวะ (Urethral catheterization) ผู้ป่วยเพศหญิง 19. ถอดถุงมือคู่แรกออก ล้างมือด้วย Waterless 20-30 วินาที แล้วสวมถุงมือคู่ ใหม่ด้วยเทคนิคปลอดเชื้อ 20. หยิบผ้าสี่เหลี่ยมเจาะกลางคลุมโดยให้เปิดเฉพาะบริเวณที่จะใส่สายเข้าไป 21.ใช้มือแหวกแคมเล็กออกให้เห็นรูเปิดท่อปัสสาวะ(โดยใช้มือข้างที่แหวกนี้ จะคง ค้างไว้จนกระทั่งใส่สายสวนปัสสาวะเสร็จ) 22. ในกรณีที่ผู้ป่วยมีความเสี่ยงสูงหยิบไม่พันสำลีที่ชุบ Providineเช็ดที่รูเปิดของ ท่อปัสสาวะโดยเช็ดจากบนลงล่าง รอประมาณ 20 วินาทีจึงใช้ไม้พันสำลีแห้งเช็ด Providineออก 23. วางขันลงระหว่างขาผู้ป่วย หยิบสายสวนที่หล่อลื่นครีมแล้วใส่เข้ารูเปิดท่อ ปัสสาวะอย่างนุ่มนวลห ากมีแรงต้านขณะใส่สาย ควรหยุดแล้วให้ผู้ป่วยหายใจลึกๆ แล้วจึงสอดเข้าเบาๆจนสุดสายและเห็นน้ำปัสสาวะไหออกมา แล้วต่อกระบอกฉีดยา ที่บรรจุน้ำกลั่น(Sterile water)เข้าตรงปลายหางที่ใช้สำหรับใส่น้ำกลั่นและดันน้ำ เข้าไปประมาณ 10-20 ซีซีหรือตามข้อกำหนดของสายสวนแต่ละยี่ห้อ หากไม่มีน้ำ ปัสสาวะออกมาให้ใช้กระบอกสวนล้าง (Syringe itrigate)50 ซีซี ดูดน้ำปัสสาวะ 24. ค่อยๆดึงสายสวนออกอย่างนุ่มนวล จนกระทั่งบอลลูนมาติดที่คอของกระเพาะ ปัสสาวะ 25. หยิบปลายของถุงเก็บปัสสาวะด้านที่จะต่อกับส่ายสวนสอดผ่านช่องสี่เหลี่ยม แล้วจึงปลดจุกออกต่อปลายของถุงเก็บปัสสาวะกับสายสวนปัสสาวะโดยระวังการ ปนเปื้ อน 26. เก็บผ้าสี่เหลี่ยมเจาะกลางออก แล้วใช้สำลีชิ้นสุดท้ายเช็ดทำความสะอาดผ่านรู เปิดท่อปัสสาวะ 27.ยึดสายสวนปัสสาวะด้วยพลาสเตอร์ที่หน้าขาโดยให้สายสวนหย่อนเล็กน้อย

วิธีการปฏิบัติในการสวนปัสสาวะ มี 2 ประเภท 2.การสวนคาสายสวนปัสสาวะ (Urethral catheterization) ผู้ป่วยเพศหญิง 28. สังเกตการไหลของน้ำปัสสาวะลงถุงเก็บปัสสาวะ โดยม้วนสายของถุงเก็บ ปัสสาวะไว้บนเตียงไม่ให้สายโค้งถ่วงอยู่ข้างเตียง ซึ่งจะทำให้การไหลไม่สะดวก ควรแขวนถุงเก็บปัสสาวะอยู่ในระดับต่ำกว่ากระเพาะปัสสาวะ และปลายถุงเก็บ ปัสสาวะอยู่สูงจากพื้นย่างน้อย 6 นิ้ว 29. ถอดถุงมือและจัดเสื้อผ้าจัดท่านอนผู้ป่วยให้เหมาะสม 30. เก็บอุปกรณ์ไปทำความสะอาดและล้างมือให้สะอาด หรือใช้ Waterless 20- 30 วินาที 31. บันทึกวัน เวลาที่ใส่คาสายสวนปัสสาวะลงในแผ่นบันทึกทางการพยาบาล (Nurse's note)

วิธีการปฏิบัติในการสวนปัสสาวะ มี 2 ประเภท 2.การสวนคาสายสวนปัสสาวะ (Urethral catheterization) ผู้ป่วยเพศชาย แขั้นละตท่อานนทอี่น1-ใ1น1เพเหศมชื อานยจผู้ะปเ่ปว็ยนเทพ่าศนหอญนิหงแงลายะเ(ตdรoียrมsaกlรpะoบsอiกtiฉoีดn)ยา 5 ซีซีเพิ่ม 11. เปิดกระบอกฉีดยา(Syringe) 10 ซีซีและ 50ซีซีและไม้พันสำลี 2 ก้านจากซอง กระดาษหรือห่อผ้าลงในชุดสวนปัสสาวะโดยระวังการปนเปื้ อน 12. เปิดฝาหลอดน้ำกลั่นไว้ 13. ล้างมือให้สะอาดและเช็ดให้แห้งหรือใช้ Waterless 20-30 วินาทีแล้วจึงสวม ถุงมืออย่างถูกเทคนิคปลอดเชื้อ 1 ข้างหยิบกระบอกฉีดยา(Syringe) 10 ซีซีแล้วใช้ มืออีกข้างที่ยังไม่ได้สวมถุงมือหยิบหลอดน้ำกลั่น(Sterile water)จากนั้นใช้ กระบอกฉีดยา ดูดน้ำกลั่น(Sterile water)ประมาณ 10-20 ซีซีหรือตามข้อ กำหนดของสายสวนปัสสาวะแต่ละยี่ห้อแล้วสวมถุงมืออีกข้าง 14. ใช้ถุงมือ Sterile ไม้พันสำลีก้านหนึ่งชุบ Providine solution พอชุ่มสำลีแล้ว วางพาดกับขันรองน้ำปัสสาวะ 15. ใช้กระบอกฉีดยา(Syringe)10 ซีซี ทดสอบบอลลูนของสายสวนปัสสาวะ โดย ใส่น้ำเข้าไปแล้วดูดน้ำออกจากบอลลูนหลังจากทดสอบเสร็จ 16. ดึงก้านกระบอกฉีดยา(Syringe) 5 ซีซี ออกจากกระบอกแล้ววางกับขัน

วิธีการปฏิบัติในการสวนปัสสาวะ มี 2 ประเภท 2.การสวนคาสายสวนปัสสาวะ (Urethral catheterization) ผู้ป่วยเพศชาย 17. แบ่งสำลีออกเป็น 7 ชิ้น แล้วหยิบสำลีทำความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์โดย จับที่องคชาตให้ตั้งตรงรูดหนังหุ้มปลายลง สำลีชิ้นที่ 1 เช็ดจากรูเปิดท่อปัสสาวะวนออกไปเป็นวงกลมรอบองคชาตจนถึง โคน สำลีชิ้นที่ 2 และ 3 เช็ดเหมือนชิ้นที่ 1 สำลีชิ้นที่ 4 เช็ดที่โคนองคชาตวนรอบออกไปเป็นวงกลมห่างจากโคน ประมาณ 2 นิ้ว ห้ามเช็ดย้อนไปมา สำลีชิ้นที่ 5 ร่นหนังหุ้มปลายองคชาตให้เปิดออกก่อนใช้สำลีที่มีเซฟล่อนอีก ก้อนเช็ดที่รูเปิดท่อปัสสาวะให้เป็นวงกลม จากตรงปลายองคชาตจนถึงโคน ทำเช่น เดิมอีก 2 ครั้ง สำลีชิ้นที่ 6 รองที่ปลายองคชาตไม่ให้รูเปิดท่อปัสสาวะสัมผัสผิวหนังส่วนอื่น ของผู้ป่วย บีบครีมหล่อลื่นจากหลอดทิ้งเล็กน้อย ก่อนบีบลงกระบอก ฉีดยา(Syringe) 5 ซีซี 18. สวมถุงมือคู่ใหม่ด้วยเทคนิคปลอดเชื้อ แล้วสูบก้านกระบอกฉีดยา(Syringe) 5 ซีซีต่อกับตัวเครื่อง

วิธีการปฏิบัติในการสวนปัสสาวะ มี 2 ประเภท 2.การสวนคาสายสวนปัสสาวะ (Urethral catheterization) ผู้ป่วยเพศชาย 19. หยิบผ้าสี่เหลี่ยมเจาะกลางคลุมโดยให้ปิดเฉพาะบริเวณองคชาต 20.ใช้มือข้างที่ไม่ถนัดจับองคชาต ทำมุม 60 องศากับลำตัวของผู้ป่วยแล้วใช้มือ อีกข้างหยิบไม้พันสำลีที่ชุบ Providineเช็ดที่รูเปิดท่อปัสสาวะรอประมาณ 15 วินาที จึงใช้ไม้พันสำลีแห้งเช็ด Providine ออกวางขันลงระหว่างขาผู้ป่วย ฉีดครีมหล่อ ลื่นในกระบอกฉีดยา (Syringe)เข้ารูเปิดท่อปัสสาวะจนหมด แล้วใส่สายสวน ปัสสาวะตามเข้าไป อย่างนุ่มนวลหากมีแรงต้านขณะใส่สายควรหยุดแล้วให้ผู้ป่วย หายใจเข้าลึกๆแล้วจึงสอดเข้าเบาๆจนสุดสายและเห็นน้ำปัสสาวะไหลออกมา แล้ว ต่อกระบอกฉีดยาที่บรรจุน้ำกลั่นเข้าตรงปลายหางที่สำหรับใส่น้ำกลั่นแล้วดันน้ำ กลั่นเข้าไปในลูกโป่ง ตามข้อกำหนดของสายสวนปัสสาวะตาละยี่ห้อ หากไม่มีน้ำ ปัสสาวะออกมาให้ใช้ก ระบอกสวนล้าง(Syringe irrigate)50 ซีซีดูดดูน้ำปัสสาวะ 21. ค่อยๆดึงสายสวนออกอย่างนุ่มนวล จนกระทั่งบอลลูนติดที่คอของกระเพาะ ปัสสาวะ 22.หยิบปลายของถุงเก็บปัสสาวะด้านที่จะต่อกับสายสวนสอดผ่านช่องสี่เหลี่ยม แล้วจึงปลดจุกออกต่อปลายของถุงเก็บปัสสาวะกับสายสวนปัสสาวะโดยระวังการ ปนเปื้ อน 23.ใช้สำลีชิ้นสุดท้ายเช็ดทำความสะอาดผ่านรูเปิดท่อปัสสาวะแล้วรูดหนังหุ้ม ปลายขึ้น เก็บผ้าสี่เหลี่ยมเจาะกลางออก 24.ยึดสายสวนปัสสาวะด้วยพลาสเตอร์ที่หน้าท้องหรือขาด้านใน โดยยกองคชาต ให้ตั้งฉากกับขาให้สายสวนหย่อนเล็กน้อย 25. ถอดถุงมือและจัดเสื้อผ้า ท่านอนผู้ป่วยให้เหมาะสม 26. ม้วนสายของถุงเก็บปัสสาวะไว้บนเตียงไม่ให้สายโค้งถ่วงอยู่ข้างเตียง ซึ่งจะ ทำให้การไหลระบายไม่สะดวก สังเกตดูการไหลของน้ำปัสสาวะลงถุงเก็บปัสสาวะ 27. เก็บอุปกรณ์ไปทำความสะอาดและล้างมือให้สะอาด 28. บันทึกวัน เวลา ที่ใส่คาสายสวนลงในแบบบันทึกทางการพยาบาล(Nurse's note)

การเตรียมชุดสวนปัสสาวะ ชุดอุปกรณ์สวนปัสสาวะ ( Set Catheterization ) 1. ขันสแตนเลส จำนวน 1 ใบ 2. ถ้วยน้ำยา จำนวน 1 ใบ 3. สาลี จำนวน 6 ก้อน 4. ก๊อสพับ จำนวน 2 แผ่น 5. ผ้าสี่เหลี่ยมเจาะกลาง จำนวน 1 ผืน 6. Tooth forceps จำนวน 1 อัน

การเตรียมชุดสวนปัสสาวะ ชุดอุปกรณ์การสวนปัสสาวะ( Urinary Catheterization ) 1.ชุดสวนปัสสาวะปลอดเชื้อ ประกอบด้วย ถ้วยใหญ่สำหรับใส่ปัสสาวะ 1 ใบ ถ้วยเล็กใส่สำลี 6 - 8 ก้อน ก๊อซ 2 แผ่น สำหรับใส่สารหล่อลื่น ผ้าสี่เหลี่ยมเจาะกลาง Non-tooth forceps 1 อัน 4. สารหล่อลื่นที่ละลายน้ำได้ เช่น K-Y jelly, Xylocain jelly เป็นต้น 2. สายสวนปัสสา วะตามขนาดเหมาะ สมเลือกเส้นที่เล็กที่สุดที่ทำให้น้ำ ปัสสาวะไหลสะดวก 5. ถุงมือปราศจากเชื้อ 2 คู่ 3. Sterile normal saline, Sterile water

การเตรียมชุดสวนปัสสาวะ ชุดอุปกรณ์กรณีสวนปัสสาวะคา เตรียมสิ่งของเพิ่มเติม ประกอบด้วย Urine Bag Syringe บรรจุน้ำกลั่นปริมาณตามที่ระบุ ไว้ที่ปลายสายสวนปัสสาวะ เช่น 5-10 ml. ในผู้ใหญ่ 3 ml. ในเด็ก Syringe บรรจุน้ำกลั่นปริมาณตามที่ระบุ ไว้ที่ปลายสายสวนปัสสาวะ เช่น 5-10 ml. ในผู้ใหญ่ 3 ml. ในเด็ก ชุดชำระอวัยวะสืบพันธุ์และหม้อนอน พลาสเตอร์สำหรับตรึงสายสวนปัสสาวะ

การดูแลผู้ป่วยขณะคาสาย สวนปัสสาวะ 1. ดื่มน้ำประมาณวันละ 3000 ซีซี ถ้าไม่มีข้อจำกัด เรื่อง การควบคุมน้ำดื่ม 2. ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนและ แอลกอฮอล์เนื่องจากมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ เช่น ชา กาแฟ เหล้า เบียร์ 3.แขวนถุงเก็บปัสสาวะให้ต่ำกว่ากระเพาะปัสสาวะประมาร 30 ซม ไม่ควรเกิน 40 ซม ระวังการดึงรั้งของสายสวน ปัสสาวะ 4. ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ทุกวันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งโดยใช้สบู่กับน้ำสะอาด ห้ามใช้น้ำยาที่มีส่วนผสมของ น้ำยาฆ่าเชื้อโรค อาจทำให้เกิดการระคายเคืองของผิวหนัง 5. การทำความสะ อาดอวัยวะสืบพันธุ์ขณะที่คาสายสวน ปัสสาวะโดยการล้างอวัยวะเพศและบริเวณขาหนีบ รวมทั้ง บริเวณสายสวนปัสสาวะที่ต่อออกมาจากรูเปิดของท่อ ปัสสาวะให้สะอาด และล้างสายสวนปัสสาวะออกมาทางด้าน นอกตัวผู้ป่วยอย่างนุ่มนวล

การดูแลผู้ป่วยขณะคาสาย สวนปัสสาวะ 6. การยึดตรึงสายสวนปัสสาวะสำหรับผู้หญิงให้ยึดตรึงสายไว้บริเวณหน้าขา ข้างใดข้างหนึ่งทั้งในท่านอนท่านั่ง 7. การยึดตรึงสายสวนปัสสาวะสำหรับผู้ชายขณะนอนบนเตียง ให้ยึดตรึง สายบริเวณหน้าท้อง เพื่อให้มีการระบายปัสสาวะที่ดีและยึดตรึงสายบริเวณ หน้าขาขณะนั่ง 8. เปลี่ยนถุงปัสสาวะทุกสัปดาห์หรือเมื่อสกปรกมาก หรือรั้วซึมด้วยวิธี ปราศจากเชื้อ 9. เปลี่ยนสายสวนปัสสาวะทุกๆ 2 สัปดาห์ 10. ขนาดของสายสวนปัสสาวะที่เหมาะสมกับเพศ ในผู้ชายใช้สายสวน 1ปั1ส.สดูาแวะลขสนายาดสว1น2ปัถ สึงส1า4วะFไrม่แใหล้มะีใกนาผรู้พหับญิงงอใช้ขนาด 14 ถึง 16 Fr 12. ควรเทปัสสาวะในถุงเก็บปัสสาวะอย่างน้อยทุก 3 ชม หรือเมื่อมีปัสสาวะ ประมาณ 2 ใน 3 ของถุงเก็บปัสสาวะ 13. ล้างมือก่อนและหลังจากเทปัสสาวะทุกครั้ง

อ้างอิง การป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะที่สัมพันธ์กับการใส่สายสวนปัสสาวะ (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2566. จาก https://shorturl.asia/RXg87. การถอดสายสวนปัสสาวะ -อุปกรณ์ในการถอดสายสวนปัจสาวะ 1. set flushing 2. ถุงมือสะอาด 1 คู่ 3. Savlon 1:100 4. ชามรูปไต 5. Syringe 10 cc.

การถอดสายสวนปัสสาวะ - วิธิการถอดสายสวนปัสสาวะ 1. ควรถอดสายสวนปัสสาวะออกทันทีเมื่อหมดข้อบ่งชี้ 2. เตรียมอุปกรณ์ โดยแยกสําลไว้ 1 ก้อน 3. ทำความสะอาดมือด้วยน้ำและสบู่ (normal handwashing) ใส่ถุงมือสะอาด 4. อธิบายให้ผู้ป่วยทราบก่อนถอดสายสวนปัสสาวะ เพื่อให้ผู้ ป่วยให้ความร่วมมือ 5. จัดท่านอนโดยให้ผู้ใช้บริการนอนในท่าหงาย 6. ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกด้วยสบู่และน้ำสะอาด 7. ดูดน้ำออกจากบอลลูน 8. ดึงสายสวนปัสสาวะออกด้วยความนุ่มนวล 9. ถอดถุงมือออก และทำความสะอาดมือ (hygienic handwashing) ขอบคุณคลิปจาก วรรณพร ชิดนอก อ้างอิง การป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะที่สัมพันธ์กับการใส่สายสวนปัสสาวะ (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2566. จาก https://shorturl.asia/RXg87.

การสวนล้างกระเพาะปัสสาวะ หางที่ 1 ระบายน้ำปัสสาวะ หางที่ 2 ใส่น้ำกลั่น หางที่ 3 ใส่น้ำยาล้าง การสวนล้างปัสสาวะเพื่อสวนล้างกระเพาะปัสสาวะในคนไข้ที่มีลือดออก มีลิ่มเลือด เลือดมีหนองหรือตะกอนขุ่นมากในระบบทางเดินปัสสาวะ การสวนล้างกระเพาะปัสสาวะต่อเนื่อง พบในผู้ป่วยหลังผ่าตัดต่อมลูก หมากในผู้สูงอายุ

บรรณานุกรม การดูแลความต้องการพื้นฐานของบุคคลด้านการขับถ่ายปัสสาวะ (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ วันที่ 25 มิถุนายน 2566. จากhttp://courseware.npru.ac.th/admin/files/20170115134326_ 0f4d3ก3า7รaดูcแ7ล3ผeู้4ป่cว6ย0คaาสdา4ยeส7ว0น3ป4ัส6ส9า7ว4ะb(2อ4อbน.ไpลdนf์). สืบค้นเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2566. จาก http://www.firstphysioclinic.com การเตรียมชุดสวนปัสสาวะ (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2566. จากhttp://learnnshare.bcnpy.ac.th/index.php/NurseLab-Toolsset การป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะที่สัมพันธ์กับการใส่สายสวนปัสสาวะ (ออนไลน์).สืบค้นเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2566. จาก https://shorturl.asia/RXg87. การสวนคาสายสวนปัสสาวะ (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 25 มิถุนายน 2566จากhttps://shorturl.asia/VokNn การสวนล้างกระเพาะปัสสาวะ สิริอร ข้อยุ่น. สไลด์. 2566 ชนิดของการสวนปัสสาวะ สิริอร ข้อยุ่น. สไลด์. 2566 ชนิดของสายสวน สิริอร ข้อยุ่น. สไลด์. 2566 สายสวนปัสสาวะผู้ชายผู้หญิงที่ทำความสะอาดง่ายที่สุด. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2566 จาก https://rakmor.com/product-category/medical-supplies/urinary- catheter/ สาระสุขภาพเหตุปัสสาวะไม่ออกเช็คด่วน (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2566. จากhttps://www.siphhospital.com/th/news/article/share/930

จัดทำโดย นางสาวศิรินทรา ยะสุนทร 65118301128 นางสาวศิริลักษณ์ ทองพา 65118301129 นายศุภกฤต อิ้มทับ 65118301130 นางสาวศุภัชญา สุพันธมาตย์ 65118301131 นางสาวสิรภัทร มินะสิงห์ 65118301132 นางสาวสิรินยา เลพล 65118301133 นางสาวสิริรักษ์ สารีพล 65118301134 นางสาวสุกัญญา พรมแสง 65118301136 นางสาวสุขพรรษา สิ้นปี 65118301137 นักศึกษาพยาบาลศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 ห้อง B เสนอ อาจารย์สิริอร ข้อยุ่น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook