Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คำแนะนำสารเคมี

คำแนะนำสารเคมี

Published by pimpisa, 2019-11-22 03:05:06

Description: คำแนะนำสารเคมี

Search

Read the Text Version

คาแนะนา เพ่อื ความปลอดภัยในการจดั การสารเคมใี นโรงพยาบาล ห น้ า | 1 บทที่ 1 หลักการบริหารจัดการความปลอดภยั ดา้ นสารเคมีและวัตถุอนั ตราย คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาลเปรียบเสมือนสถานประกอบการขนาดใหญ่ ท่ีมีกิจกรรมการดูแลรักษา พยาบาลและการผลิตนักศึกษาแพทย์ พยาบาล มีห้องปฏิบัติการที่ใช้ในการเรียนการสอนและการวินิจฉัยโรค และมีอุปกรณ์และเคร่ืองมือต่างๆ ทาให้มีความเส่ียงต่อการเกิดอุบัติภัยด้านสารเคมีต่างๆได้ หากไม่มีวิธีบริหาร การใช้ การจัดเก็บสารเคมีและวัตถุอันตรายให้ถูกต้องเหมาะสม ตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายและหลักวิชาการ ดังน้ัน คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล จึงได้กาหนดโครงสร้างการบริหาร อานาจหน้าท่ีและผู้รับผิดชอบ ความปลอดภยั ดา้ นสารเคมีและวัตถอุ นั ตราย และจัดตง้ั ระบบจดั การสารเคมีและวตั ถอุ ันตราย ดงั นี้ 1.1 การมอบหมายหน้าท่ีความรับผิดชอบเกยี่ วกบั ความปลอดภัยดา้ นสารเคมีและวัตถุอนั ตราย คณบดี คณะแพทยศาสตรว์ ชริ พยาบาล คณะกรรมการอาคารสถานท่ีและส่ิงแวดล้อม คณะอนกุ รรมการความปลอดภยั ด้านสารเคมีและวตั ถอุ นั ตราย หวั หนา้ หน่วยงานทเี่ กย่ี วข้องกับสารเคมี และหวั หนา้ หอ้ งปฏบิ ัตกิ าร ผู้ปฏบิ ัติงาน คณบดีคณะแพทยศาสตรว์ ชิรพยาบาล มีอานาจหน้าท่ีดงั นี้ 1. กาหนดนโยบายความปลอดภยั ดา้ นสารเคมีและวัตถอุ นั ตราย 2. แต่งตงั้ คณะอนกุ รรมการความปลอดภยั ด้านสารเคมีและวัตถุอนั ตราย คณะอนุกรรมการความปลอดภยั ดา้ นสารเคมีและวัตถุอันตราย ประกอบดว้ ย 1. ประธานคณะกรรมการอาคารและสถานท่ี เป็นที่ปรึกษา ทาหน้าท่ีกากบั ดูแลและสนับสนุนทรัพยากรในการดาเนนิ งาน 2. เลขานุการฯ และผู้ประสานงาน 3. ตวั แทนจากหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องกบั สารเคมี และหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร เป็นกรรมการ และคณะทางาน คณะอนุกรรมการความปลอดภัยดา้ นสารเคมีและวตั ถอุ นั ตราย มอี านาจหน้าที่ดังนี้ 1. นานโยบายมากาหนดแนวทางปฏบิ ตั คิ วามปลอดภัยดา้ นสารเคมี และวตั ถุอนั ตราย 2. บริหารจัดการใหเ้ กิดระบบและจัดกจิ กรรม เพ่ือความปลอดภัยด้านสารเคมแี ละวัตถอุ ันตราย ได้แก่ - การจดั ทาบญั ชีสารเคมีในหน่วยงาน โดยการรวบรวมเอกสารข้อมูลความปลอดภัยของสารเคมี (Safety Data Sheet: SDS) - จัดทาสื่อสัญลกั ษณต์ า่ ง ๆ ด้านความปลอดภยั จัดทาโดย คณะอนกุ รรมการความปลอดภยั ดา้ นสารเคมีและวตั ถุอนั ตราย คณะแพทยศาสตรว์ ชริ พยาบาล มหาวทิ ยาลยั นวมนิ ทราธริ าช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพอ่ื ความปลอดภัยในการจดั การสารเคมใี นโรงพยาบาล ห น้ า | 2 - จัดทาข้อแนะนา การจดั ซอ้ื การแยกประเภทสารเคมี การจดั เก็บ การจดั การของเสียสารเคมี การบนั ทกึ การ นาเขา้ และคงอยขู่ องสารเคมี และการรายงานอุบัตกิ ารณ์ 4. สือ่ สาร แจง้ เตอื นขอ้ มูลเกย่ี วกับความปลอดภัยด้านสารเคมแี ละวัตถอุ ันตรายแก่บุคลากร 5. ให้คาแนะนาแก่หน่วยงาน / ห้องปฏิบัติการ เพ่ือจัดทาคู่มือวิธีปฏบิ ัติดา้ นสารเคมีและวตั ถุอันตรายเฉพาะของ หน่วยงาน และจัดทาระบบตรวจเย่ียมเพ่ือช่วยให้หน่วยงาน / ห้องปฏิบัติการ ปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัย ดา้ นสารเคมแี ละวัตถุอนั ตราย 6. ตรวจติดตามการปฏิบัติงานและการจัดสภาวะแวดล้อมในหน่วยงาน/หองปฏิบัติการ ให้เป็นไปตามวิธี ปฏบิ ัตงิ าน ท่ปี ลอดภัยและข้อกาหนดเกยี่ วกบั ความปลอดภัย 7. รายงานปัญหาที่เกดิ ข้ึนต่อหัวหน้าภาควชิ า/หัวหน้าหนว่ ยงาน เพื่อหาทางแกไขและป้องกนั หวั หน้า หนว่ ยงาน/หอ้ งปฏบิ ตั กิ าร มีหน้าท่ี ดงั น้ี 1. รวบรวมและทบทวนวิธีปฏิบัติงานของทุกห้องปฏิบัติการ ให้เป็นไปตามข้อกาหนดเก่ียวกับ ปลอดภยั 2. ดูแลการจัดทาวิธีปฏิบัติงานของกระบวนการต่าง ๆ ให้มรี ายละเอยี ดเกยี่ วกับความปลอดภัยในการ ปฏิบตั ิงานกับสารเคมีท่เี ปน็ อันตรายรวมอยู่ด้วย 3. สนับสนุนให้มีการรวบรวม Safety data sheet (SDS) และ safety guide (SG) ของสารเคมีที่ใช้ ไวในหน่วยงานและจดั ทารายการสารเคมที เี่ ป็นปจั จบุ ัน 4. ควบคุมให้มีการปฏิบัติตามวิธีปฏิบัติงานท่ีปลอดภัย และข้อกาหนดที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย กากบั ให้ผู้ปฏิบัติงานทราบถงึ อันตรายของสารเคมที ี่ใช้โดยศึกษาจาก Safety data sheet (SDS) 5. แตง่ ตง้ั บคุ ลากรในสังกัดให้เป็นคณะอนกุ รรมการความปลอดภัยดา้ นสารเคมีและวัตถุอนั ตราย 6. รายงานปัญหาทเี่ กิดข้ึนต่อผู้รบั ผดิ ชอบของโรงพยาบาล เพ่ือหาทางแกไขและป้องกนั ต่อไป จดั ทาโดย คณะอนกุ รรมการความปลอดภยั ด้านสารเคมแี ละวตั ถุอนั ตราย คณะแพทยศาสตรว์ ชิรพยาบาล มหาวทิ ยาลยั นวมินทราธิราช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพอ่ื ความปลอดภัยในการจัดการสารเคมใี นโรงพยาบาล ห น้ า | 3 1.2 ระบบจัดการสารเคมีและวัตถุอนั ตราย การปฏิบัติงานในโรงพยาบาลนั้น บุคลากรมีโอกาสที่จะรับสัมผัสกับสารเคมีหลายชนิด ตามความแตกต่าง ของลักษณะงานท่ีทา ซึ่งการเกิดผลกระทบต่อสุขภาพขึ้นอยู่กับ ขนาด ชนิดหรือปริมาณ คุณสมบัติความเป็นพิษ ของสารเคมนี ้นั ๆ รวมถงึ ปัจจยั อืน่ ๆของแตล่ ะบุคคล เชน่ อายุ เพศ มาตรการปอ้ งกันควบคมุ ท่ีมีอยู่ เปน็ ต้น สารเคมี นอกจากมีผลต่อสุขภาพจากคุณสมบัติความเป็นพิษแล้ว ยังมีผลกระทบในแง่ความปลอดภัยของบุคลากร ผู้ปฏิบตั งิ านอีกดว้ ย เชน่ เปน็ สารไวไฟอาจมผี ลต่อการระเบิดและอัคคีภยั ดังนน้ั หากมกี ารใชส้ ารเคมี บุคลากรต้อง ตระหนักและรู้ว่า สารเคมีที่ใช้อยู่ มีคุณสมบัติอย่างไร ใช้อย่างไรจึงจะปลอดภัย ควรมีวิธีการจัดเก็บรักษาอย่างไร การคัดออก ท้ิงทาลายทาอย่างไร หรือกรณีสารเคมีหกร่ัวไหล จะกาจัดอย่างไร จึงจะไม่เกิดผลกระทบต่อตนเอง คนส่วนใหญ่และสิ่งแวดล้อม คณะอนุกรรมการความปลอดภัยด้านสารเคมีและวัตถุอันตราย จึงได้จัดทา Flow ระบบจดั การสารเคมแี ละวตั ถอุ นั ตรายขึ้น ดังนี้ การจัดการสารเคมแี ละวัตถอุ ันตราย การจาแนกประเภท ขอ้ มูลสารเคมีและวัตถอุ นั ตราย การจดั เกบ็ เอกสารความปลอดภยั (SDS) รายงานสารเคมี จากบริษัท+สบื คน้ จากหน่วยงาน การขนยา้ ย ฐานข้อมูลสารเคมี การสารวจและคดั ออก และวตั ถุอนั ตราย (กาจดั ทิ้ง) จดั เก็บเอกสารใน Google drive (Login) จดั ทาโดย คณะอนุกรรมการความปลอดภยั ด้านสารเคมแี ละวตั ถุอนั ตราย คณะแพทยศาสตรว์ ชริ พยาบาล มหาวิทยาลยั นวมินทราธริ าช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพอื่ ความปลอดภัยในการจัดการสารเคมใี นโรงพยาบาล ห น้ า | 4 บทที่ 2 การจาแนกประเภทสารเคมีและวตั ถอุ นั ตราย 2.1 การจาแนกประเภทสารเคมแี ละวตั ถุอันตราย แบ่งการจาแนกไดเปน 2 ประเภท คือ การจาแนกประเภทสาหรับการขนสง่ และการจาแนกประเภทสาหรบั การเกบ็ รักษา ดงั น้ี 2.1.1 การจาแนกประเภทสารเคมีและวัตถอุ นั ตรายสาหรบั การขนสง่ จ า แ น ก ต า ม ร ะ บ บ UN ( United Nations Committee of Experts on the Transport of Dangerous Goods) ซึ่งสหประชาชาติได้แบ่งสารอันตรายออกเป็น 9 ประเภท (UN-Class) เพ่ือให้ประเทศต่าง ๆ นาไปใช้ให้เหมือนกันในการขนส่งสารเคมีอันตราย เพ่ือความปลอดภัยในการขนส่งสารเคมีและการปฏิบัติในภาวะ ฉกุ เฉนิ ดงั น้ี สญั ลกั ษณ์ ตารางท่ี 1 แสดงสัญลักษณแ์ สดงอนั ตรายของสารเคมีตามระบบ UN ประเภท ประเภทท่ี 1 วัตถรุ ะเบิด (Explosive) : หมายถึง วัตถุหรือสารท่ีไวต่อแรงเสียดทานหรือกระแทก หรือความร้อน เช่น ทีเอ็นที ดนิ ปืนพลุไฟ ดอกไม้ไฟ ประเภทท่ี 2 ก๊าซ (Gases) : แบง่ เป็น 2.1 ก๊าซไม่ไวไฟ,ไม่เป็นพิษ (Non- flammable gases) : อาจเกิดระเบิดได้เม่ือ ถูกกระแทกอย่างแรงหรือได้รับความร้อนสูงจากภายนอก เช่น ก๊าซออกซิเจน ก๊าซไนโตรเจนเหลว กา๊ ซคาร์บอนไดออกไซด์ 2.2 ก๊าซไวไฟ (Flammable gases) : ติดไฟง่ายเมื่อถูกประกายไฟ เช่น ก๊าซหุง ตม้ กา๊ ซไฮโดรเจน ก๊าซมีเทน กา๊ ซอะเซทลี นี 2.3 ก๊าซพิษ (Poison gases) : อาจตายไปเมื่อสูดดม เช่น ก๊าซคลอรีน ก๊าซแอมโมเนีย ก๊าซไฮโดรเจนคลอไรด์ ก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ ประเภทที่ 3 ของเหลวไวไฟ (Highly or Liquids flammable) : ติดไฟงา่ ย เมื่อถูก ประกายไฟ เช่น นา้ มนั เชอื้ เพลิง ทนิ เนอร์ อะซโิ ตน ไซลิน จดั ทาโดย คณะอนกุ รรมการความปลอดภัยด้านสารเคมแี ละวตั ถอุ ันตราย คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลยั นวมนิ ทราธิราช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพื่อความปลอดภัยในการจดั การสารเคมีในโรงพยาบาล ห น้ า | 5 สญั ลกั ษณ์ ตารางที่ 1 แสดงสัญลักษณ์แสดงอนั ตรายของสารเคมตี ามระบบ UN (ต่อ) ประเภท ประเภทที่ 4 ของแข็งไวไฟ (Extremely or Solid Flammable): 4.1 วตั ถุไวไฟ ลกุ ตดิ ไฟง่าย เมือ่ ถูกเสียดสี หรือ ความรอ้ นสูงภายใน 45 นาที เช่น ผงกามะถนั ฟอสฟอรัสแดง ไม้ขีดไฟ 4.2 วตั ถทุ ่ีเกิดการลุกไหม้ : ลกุ ตดิ ไฟเมอ่ื สัมผัสกับอากาศภายใน 5 นาที เช่น ฟอสฟอรสั ขาว ฟอสฟอรัสเหลือง โซเดยี มซัลไฟต์ 4.3 วัตถทุ ถ่ี ูกน้าแลว้ ให้ก๊าซไวไฟ : ทาปฏิกิรยิ ากับนา้ แลว้ มีแนวโนม้ ทจี่ ะตดิ ไฟได้เอง หรอื ทาใหเ้ กิดกา๊ ซไวไฟในปริมาณท่เี ป็นอนั ตราย เช่น แคลเซียมคาร์ไบด์ โซเดยี ม ประเภทที่ 5 วตั ถุออกซิไดส์ : 5.1 ไมต่ ดิ ไฟแต่ชว่ ยใหส้ ารอ่นื เกดิ การลกุ ไหม้ได้ดีขึ้น เชน่ ไอโดรเจนเปอร์ออกไซด์ โปแตสเซียมคลอเรต 5.2 ออรแ์ กนคิ เปอรอ์ อกไซด์ (Organic peroxides) : อาจเกดิ ระเบดิ ได้เมื่อถูกความ รอ้ นไวตอ่ การกระทบและเสยี ดสีทาปฏกิ ริ ยิ ารนุ แรงกบั สารอน่ื ๆ เชน่ อะซิโตนเปอร์ออกไซด์ ประเภทท่ี 6 สารพษิ และสารตดิ เชอ้ื (Toxicity) : 6.1 วตั ถทุ มี่ ีเชื้อโรคปนเป้ือนและทาให้เกดิ โรคได้ เชน่ ของเสียอนั ตรายจากโรงพยาบาล เขม็ ฉดี ยาทใ่ี ช้แลว้ เช้ือโรคตา่ ง ๆ 6.2 วตั ถมุ ีพษิ : อาจทาให้เสียชวี ติ หรือจากการกนิ การสูดดม หรอื จากการสมั ผสั ทาง ผิวหนัง เช่น ปรอท อาร์เซนิค ไซยาไนด์ สารฆ่าแมลง สารปรอทศตั รูพืช โลหะหนักเป็นพิษ ประเภทท่ี 7 วตั ถกุ ัมมนั ตรังสี (Radioactive) : วัตถุที่สามารถให้รงั สที ่ีเป็นอนั ตรายต่อ สิง่ มีชีวิต เชน่ โคบอลต์ เรเดยี ม ประเภทที่ 8 วัตถุกัดกร่อน (Corrosive) : สามารถกัดกร่อนผิวหนังและ เป็นอนั ตรายต่อ ระบบหายใจ เช่น กรดเกลือ กรดกามะถนั โซเดียมไฮดรอกไซด์ แคลเซียมไฮโปคลอไรต์ ประเภทท่ี 9 วตั ถุอนื่ ๆทเ่ี ปน็ อันตราย : เช่น ของเสียอนั ตราย แอสเบสทอสขาว เบนซัสดี ไฮด์ ของเสยี ปนเปื้อนไดออกซิน จัดทาโดย คณะอนกุ รรมการความปลอดภยั ด้านสารเคมีและวตั ถุอันตราย คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลยั นวมนิ ทราธริ าช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพ่อื ความปลอดภัยในการจัดการสารเคมีในโรงพยาบาล ห น้ า | 6 2.1.2 การจาแนกประเภทสารเคมแี ละวัตถุอนั ตรายสาหรับการเกบ็ รักษา ตารางท่ี 2 แสดงประเภทสารเคมีและวตั ถอุ นั ตรายสาหรับการเกบ็ รกั ษา ประเภท รายละเอียด 1 วัตถุระเบดิ 2A กา๊ ซอัด กา๊ ซเหลว หรอื ก๊าซที่ละลายภายใต้ความดัน 2B ก๊าซใต้ความดนั ในภาชนะบรรจุขนาดเลก็ (กระป๋องสเปรย์) 3A ของเหลวไวไฟ จดุ วาบไฟ < 60 °C 3B ของเหลวไวไฟ จุดวาบไฟ 60-93 °C 4.1A ของแขง็ ไวไฟท่มี ีคณุ สมบัตริ ะเบดิ 4.1B ของแข็งไวไฟทมี่ ีคณุ สมบัติไม่ระเบิด 4.2 สารทีม่ คี วามเส่ียงต่อการลุกไหมเอง 4.3 สารทใี่ หก้ า๊ ซไวไฟเม่ือสัมผสั น้า 5.1A สารออกซิไดซ์ทม่ี ีความไวในการทาปฏกิ ิริยามาก 5.1B สารออกซิไดซท์ ่ีมีความไวในการทาปฏิกริ ิยาปานกลาง 5.1C สารออกซิไดซแ์ อมโมเนยี มไนเตรทและสารผสม 5.2 สารอินทรยี เปอร์ออกไดซ์ 6.1A สารตดิ ไฟไดที่มีคณุ สมบัติเปน็ พิษ 6.1B สารไมติดไฟท่ีมีคุณสมบตั ิเปน็ พิษ 6.2 สารตดิ เชอ้ื 7 สารกัมมันตรังสี 8A สารติดไฟทีม่ ีคุณสมบัติกัดกร่อน 8B สารไมติดไฟท่ีมีคุณสมบตั ิกัดกรอ่ น 9 ไมนามาใช้ 10 ของเหลวตดิ ไฟไดที่ไม่จดั อยู่ในประเภท 3A หรือ 3B 11 ของแข็งตดิ ไฟ 12 ของเหลวไมติดไฟ 13 ของแข็งไมติดไฟ (ทม่ี า: คมู่ อื การเกบ็ รักษาวัตถุอันตราย; 2550) จดั ทาโดย คณะอนกุ รรมการความปลอดภัยดา้ นสารเคมแี ละวตั ถุอันตราย คณะแพทยศาสตร์วชริ พยาบาล มหาวิทยาลยั นวมินทราธริ าช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพ่อื ความปลอดภัยในการจัดการสารเคมีในโรงพยาบาล ห น้ า | 7 2.1.3 การจาแนกประเภทสารเคมีและวัตถุอันตรายสาหรับการติดฉลาก และการแสดงรายละเอียดบน เอกสารข้อมลู ความปลอดภยั (Safety Data Sheet : SDS) ระบบการจาแนกประเภทสาหรับ การติดฉลากสารเคมีและการจัดทาเอกสารความปลอดภัยต่าง ๆ ให้เป็น ระบบเดียวกันทั่วโลก (Global Harmonization System, GHS) โดยจาแนกสารเคมีตามความเป็นอันตราย ออกเป็น 3 ประเภท คือ ความเป็นอันตรายทางด้านกายภาพ ความเป็นอันตรายทางสุขภาพ และความเป็น อันตรายทางด้านสง่ิ แวดลอ้ ม ดังน้ี ตารางที่ 2 แสดงประเภทและสัญลักษณค์ วามเป็นอนั ตรายตามระบบ GHS ความเปน็ อันตราย ประเภท สัญลักษณ์ ด้านกายภาพ •แกส๊ ไวไฟ • สารเคมีที่ทาปฏกิ ิรยิ าไดเ้ อง** •ของแข็งทล่ี กุ ติดไฟไดเ้ องในอากาศ • ของเหลวทีล่ ุกติดไฟได้เองในอากาศ •สารละอองลอยไวไฟ •สารเคมที เี่ กดิ ความร้อนไดเ้ อง •ของเหลวไวไฟ •ของแข็งไวไฟ •สารเปอร์ออกไซดอ์ ินทรีย*์ * •สารเคมีท่สี ัมผสั น้าแล้วใหแ้ ก๊สไวไฟ •ของแขง็ ออกซิไดซ์ •แกส๊ ออกซิไดซ์ •ของเหลวออกซิไดซ์ •วตั ถรุ ะเบิด •สารเปอรอ์ อกไซด์อนิ ทรีย์** •สารเคมีท่ที าปฏิกริ ยิ าได้เอง** •แก๊สภายใตค้ วามดนั •สารท่ีกัดกร่อนโลหะ จัดทาโดย คณะอนุกรรมการความปลอดภัยด้านสารเคมีและวตั ถอุ นั ตราย คณะแพทยศาสตร์วชริ พยาบาล มหาวทิ ยาลยั นวมนิ ทราธริ าช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพื่อความปลอดภัยในการจัดการสารเคมีในโรงพยาบาล ห น้ า | 8 ตารางท่ี 2 แสดงประเภทและสัญลักษณ์ความเป็นอันตรายตามระบบ GHS (ต่อ) ความเปน็ อันตราย ประเภท สัญลกั ษณ์ ดา้ นสขุ ภาพ •ความเปน็ พษิ เฉยี บพลัน** •ความเปน็ พิษเฉยี บพลนั ** •ระคายเคอื งผิวหนงั •ระคายเคืองต่อดวงตา •ไวต่อการกระตนุ้ อาการแพ้ตอ่ ผิวหนัง •เปน็ พิษเจาะจงตอ่ อวัยวะเฉพาะบางระบบจากการสมั ผัสครั้งเดยี ว** •กดั กรอ่ นผิวหนงั •ทาลายดวงตาอย่างรุนแรง ด้านสุขภาพ •ไวต่อการกระตุ้นใหเ้ กดิ อาการแพ้ของระบบทางเดินหายใจ ดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม •การกลายพันธขุ์ องเซลลส์ ืบพนั ธุ์ , เป็นพิษต่อระบบสืบพนั ธ์ุ •กอ่ มะเร็ง •เปน็ พษิ เจาะจงต่ออวยั วะเฉพาะบางระบบจากการสมั ผสั คร้งั เดียว** •เปน็ พษิ ตอ่ ระบบอวัยวะเปา้ หมาย-การไดร้ บั สัมผัสซา้ •อันตรายตอ่ ระบบทางเดินหายใจส่วนลา่ งหรอื ทาใหป้ อดอักเสบ •อนั ตรายต่อสง่ิ แวดล้อมทางนา้ •อนั ตรายตอ่ ชัน้ โอโซน (ทมี่ า: ค่มู ือปฏบิ ตั ิด้านความปลอดภัยหอ้ งปฏบิ ตั ิการกรมวิทยาศาสตรบ์ รกิ าร, 2558) จัดทาโดย คณะอนกุ รรมการความปลอดภัยดา้ นสารเคมแี ละวตั ถุอนั ตราย คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลยั นวมินทราธิราช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพ่ือความปลอดภัยในการจัดการสารเคมใี นโรงพยาบาล ห น้ า | 9 2.2 ป้ายกากับสารเคมี บริษัทผู้ผลิตสารเคมีมักมีป้ายกากับสารเคมีสารเคมี เพ่ือแสดงถึงลักษณะของอันตรายไวท่ีฉลากของภาชนะ บรรจุสารเคมี ซ่ึงมักประกอบไปด้วยสัญลักษณ์ต่างกันออกไป ระบบของป้ายกากับสารเคมีสารเคมีท่ีควรรูจักมี ดังต่อไปน้ี NFPA (The National Fire Protection Association) ไดกาหนดป้ายกากับสารเคมีสารเคมี เป็นรูปเพชร ภายในมตี ัวเลขและอกั ษรระบุระดับความรุนแรงของอนั ตรายท่ีเกยี่ วขอ้ งกับสารเคมี รูปท่ี 1 ระดับอันตรายของสารเคมี มาตรฐาน NFPA สญั ลกั ษณ์สีแทนระดบั อนั ตรายของสารเคมี มคี วามหมายดังนี้ สนี ้าเงิน แทนกลุม่ สารทเ่ี ป็นอันตรายตอ่ สขุ ภาพ (health hazard) สแี ดง แทนกลุม่ สารไวไฟ ตดิ ไฟง่าย (flammability) สเี หลอื ง แทนกลุ่ม สารทที่ าปฏิกริ ยิ ารุนแรง (reactivity) สีขาว แทนกลุ่ม สารที่ทาปฏิกิริยารุนแรงเฉพาะกับสารบางชนิด เช่น น้า (W) หรือตัวออกซิไดซ์ (oxidizer, OXY) ระดับความรนุ แรงของสารเคมี กาหนดโดยการใช้ตัวเลข เลข 0 = ไมม่ อี ันตรายหรอื มีอันตรายน้อยทส่ี ุด เลข 1 = มอี ันตรายเลก็ นอ้ ย เลข 2 = มอี ันตรายปากลาง เลข 3 = มีอนั ตรายมาก เลข 4 = มีอันตรายสูงสุด จดั ทาโดย คณะอนุกรรมการความปลอดภยั ดา้ นสารเคมแี ละวตั ถอุ ันตราย คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลยั นวมินทราธิราช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพอื่ ความปลอดภัยในการจัดการสารเคมีในโรงพยาบาล ห น้ า | 10 2.3 วิธีการจาแนกประเภทสารเคมีและวตั ถุอันตราย ให้ดาเนินการดงั ตอ่ ไปนี้ ศึกษาข้อมูลความปลอดภัย (Safety Data Sheet: SDS) เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี และวัตถุอันตราย จะต้องมีข้อมูลความปลอดภัยของสารเคมีและวัตถุอันตรายท้ังหมด และศึกษาข้อมูลความ ปลอดภัยของสารเคมีให้เข้าใจ เพอ่ื ใหท้ ราบถึงวิธกี ารใช้สารเคมไี ดอ้ ยา่ งถูกต้อง โดยสามารถขอข้อมูลความปลอดภัย ของสารเคมีและวัตถุอันตรายไดจากบริษัทผู้ขายหรือจากบริษัทผู้ผลิตโดยตรง รวมทั้งสามารถ สืบค้นไดจาก ฐานขอ้ มูลตา่ ง ๆ ดงั นี้ ฐานข้อมูลฉบับภาษาไทย เชน่ 1. ฐานข้อมูลการจัดการความรู เร่ืองความปลอดภัยด้านสารเคมีของจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ที่ http://www.chemtrack.org/ 2. มลู นิธสิ มั มาอาชีวะ ที่ http://www.summacheeva.org/ 3. บริษทั MERCK ที่ http://www.merckmillipore.com/TH/en ฐานขอ้ มลู ฉบบั ภาษาต่างประเทศ เชน่ 1. https://toxnet.nlm.nih.gov/ 2. https://www.sigmaaldrich.com/singapore.html 3. https://www.fishersci.com ขอ้ มูลความปลอดภัยของสารเคมี จะประกอบไปดว้ ย16 หัวข้อดงั นี้ 1. ข้อมลู เกี่ยวกับสารเคมีและบรษิ ัทผผู้ ลติ และจัดจาหนา่ ย 2. องคป์ ระกอบ/ข้อมูลเกี่ยวกับองค์ประกอบของสารเคมี 3. ข้อมลู เกยี่ วกับอันตรายของสารเคมี 4. มาตรการปฐมพยาบาล 5. มาตรการการผจญเพลงิ 6. มาตรการเม่ือมีอบุ ตั เิ หตสุ ารเคมีหกร่วั ไหล 7. ข้อปฏิบตั กิ ารใชส้ ารและการเก็บรักษา 8. การควบคมุ การสมั ผสั สาร/การปอ้ งกนั สว่ นบคุ คล 9. สมบตั ทิ างเคมีและกายภาพ 10. ความเสถียรและความว่องไวต่อปฏิกริ ิยา 11. ข้อมลู ทางพิษวิทยา 12. ขอ้ มลู เชิงนิเวศน์ 13. มาตรการการกาจดั 14. ข้อมูลการขนสง่ 15. ขอ้ มลู เกี่ยวกับข้อกาหนดและพระราชบญั ญตั ิ 16. ขอ้ มูลอน่ื ๆ จดั ทาโดย คณะอนุกรรมการความปลอดภัยด้านสารเคมีและวตั ถุอนั ตราย คณะแพทยศาสตร์วชริ พยาบาล มหาวทิ ยาลยั นวมนิ ทราธิราช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพือ่ ความปลอดภัยในการจดั การสารเคมใี นโรงพยาบาล ห น้ า | 11 บทท่ี 3 การจัดเกบ็ การขนยา้ ย การสารวจและคัดออกสารเคมีและวตั ถอุ นั ตราย สารเคมีหลายตัวเม่ือทาปฏิกิริยากัน จะเกิดผลลัพธ์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และทรัพย์สิน ดังน้ันควร ระมัดระวังในการจัดเก็บสารเคมีเหล่านี้ให้แยกจากกัน เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุท่ีจะทาให้สารเคมีเหล่าน้ีทา ปฏิกิริยากัน รวมท้ังระมัดระวังในการนาขวดบรรจุสารเคมีเก่ามาใช้บรรจุสารเคมีตัวอื่นๆ หลักการจัดเก็บสารเคมี และวัตถุอนั ตราย ดงั นี้ 3.1 ข้ันตอนการเก็บรกั ษาสารเคมแี ละวตั ถุอนั ตราย ผู้จัดเก็บศกึ ษาขอ้ มูลความปลอดภยั เบื้องต้นทปี่ รากฏอยู่ในฉลาก เอกสารกากับความปลอดภยั เพอ่ื พจิ ารณา จาแนกประเภทสารเคมแี ละวัตถุอนั ตรายสาหรบั การจดั เกบ็ โดยจดั ลาดบั ความสาคญั ดังต่อไปน้ี 3.1.1 สารติดเชอื้ 3.1.2 วสั ดุกัมมันตรงั สี 3.1.3 วัตถุระเบดิ 3.1.4 กา๊ ซอัด กา๊ ซเหลว หรอื ก๊าซทีล่ ะลายภายใต้ความดันหรือ กา๊ ซภายใต้ ความดันในภาชนะบรรจุ ขนาดเลก็ (กระปอ๋ งสเปรย์) 3.1.5 สารทมี่ ีความเสยี่ งตอ่ การลุกไหมไดเอง 3.1.6 สารใหก้ า๊ ซไวไฟเมื่อสมั ผัสกับน้า 3.1.7 สารเปอรออกไซดอินทรีย 3.1.8 สารออกซไิ ดซ 3.1.9 ของแขง็ ไวไฟ 3.1.10 ของเหลวไวไฟ 3.1.11 สารติดไฟทเี่ ป็นสารพษิ 3.1.12 สารไมตดิ ไฟทเ่ี ป็นสารพิษ 3.1.13 สารติดไฟท่ีเป็นสารกดั กร่อน 3.1.14 สารไมติดไฟทเ่ี ป็นสารพิษกัดกรอ่ น 3.1.15 ของเหลวติดไฟทไี่ มอยใู่ นประเภท 3A หรอื 3B 3.1.16 ของแข็งตดิ ไฟ 3.1.17 ของเหลวติดไฟ 3.1.18 ของแขง็ ไมตดิ ไฟ ทั้งน้ี กรณที เี่ ป็นสารผสม ซ่งึ มสี ่วนผสมของสารเคมีหลายชนิด การเกบ็ รักษาให้เป็นไปตามคุณสมบัติหลักของ สารผสมน้ัน จดั ทาโดย คณะอนุกรรมการความปลอดภยั ด้านสารเคมีและวตั ถุอันตราย คณะแพทยศาสตรว์ ชริ พยาบาล มหาวทิ ยาลยั นวมนิ ทราธริ าช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพ่อื ความปลอดภัยในการจดั การสารเคมีในโรงพยาบาล ห น้ า | 12 3.2. วิธีการจัดเก็บสารเคมีและวตั ถอุ นั ตราย สามารถแบ่งการจดั เกบ็ ได ดังน้ี 3.2.1 การจัดเก็บแบบแยกบริเวณ (Separate Storage) หมายถึง การจัดเก็บสารเคมีและวัตถุอันตราย แยกบริเวณออกจากกนั 1. กรณอี ยู่ในอาคารคลังสนิ ค้าเดียวกัน จะถูกแยกจากสารอื่นๆ โดยมผี นังทนไฟ ซึ่งสามารถทนไฟได อยา่ งน้อย 90 นาที 2. กรณีอยู่กลางแจง (ภายนอกอาคารคลังสินคา) จะถูกแยกออกจากบริเวณอื่น ด้วยระยะทางท่ี เหมาะสม เช่น 5 เมตร ระหวา่ งสารไวไฟ กบั สารไมไวไฟ หรือ 10 เมตร ระหว่างสารอื่น หรอื การกน้ั ด้วยกาแพงทน ไฟ ซงึ่ สามารถทนไฟไดอยา่ งนอ้ ย 90 นาที 3.2.2 การจัดเก็บแบบแยกห่าง (Segregate Storage) หมายถึง การจัดเก็บสารเคมีและวัตถุอันตราย ต้ังแต่ 2 ประเภท ขึ้นไป ในบริเวณเดียวกัน ท้ังน้ี ตองมีมาตรการป้องกันท่ีเพียงพอสาหรับการ จัดเก็บ โดยต้องนา ข้อกาหนดพิเศษเพ่ิมเติมสาหรับการจัดเก็บเฉพาะประเภท ตามคุณสมบัติเฉพาะ เช่น วัตถุระเบิด สารออกซิไดซ์ หรือสารไวไฟ เป็นต้น มาพิจารณาประกอบตามเง่ือนไขที่กาหนดไวใน ตารางที่ 4 การจัดเก็บสารเคมีและวัตถุ อนั ตราย 3.3 ข้อควรระวงั ในการจดั เกบ็ สารเคมีและวตั ถุอนั ตราย 3.3.1 การจัดเก็บสารเคมีประเภทของเหลวท่ีไวไฟ หรือติดไฟ (Flammable and combustible liquid) กาหนดปริมาณสูงสุดท่ีจะเก็บ ไมควรเก็บของเหลวไวไฟในภาชนะท่ีทา ด้วยแกว เน่ืองจากมีโอกาสที่เกิดการตกแตก และเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย รวมท้ังควรแยกการเก็บ สารเคมีประเภทนี้ออกจากสารเคมีท่ีเป็น Oxidizer เช่น ไมควรเก็บกรดอินทรีย์ (Organic acids) ท่ีมักมีคุณสมบัติติดไฟได (combustible) ไวรวมกับ กรดอนินทรีย์ (Inorganic acids) ซง่ึ มีคณุ สมบัติเป็น Oxidizer 3.3.2 การจดั เกบ็ สารเคมีประเภท Oxidizer ไมควรเก็บสาร Oxidizer รวมกบั สารเคมี ประเภทของเหลวไวไฟ โดยทั่วไป สาร Oxidizer ท่ีเป็นก๊าซ จะมีความไวต่อปฏิกิริยากิริยาเคมี และทาปฏิกิริยากับโลหะต่างๆ การทาความสะอาดสารเคมีประเภทน้ี ไมควรท้ิงลงในถังขยะ เน่อื งจากอาจเกิดการลุกไหมได 3.3.3 สารเคมีทเี่ ป็นอันตรายตอ่ สุขภาพ (Health hazard) สารเคมที ่เี ปน็ อันตรายตอ่ สขุ ภาพ ไดแก สารพิษต่างๆ รวมถงึ สารกอ่ มะเร็ง (Carcinogen) และสารท่กี ่อใหเ้ กดิ ความผดิ ปกติของพนั ธกุ รรม (Mutagen) ควรมกี ารแยกเกบ็ สารเคมีประเภท นี้ไว้เฉพาะสว่ น รวมท้งั ควรมีการกาหนดบคุ คล ทสี่ ามารถใช้งานสารประเภทนี้ เฉพาะผู้ ที่ได รับ อนญุ าตเท่าน้ัน จัดทาโดย คณะอนกุ รรมการความปลอดภัยด้านสารเคมีและวตั ถอุ ันตราย คณะแพทยศาสตรว์ ชิรพยาบาล มหาวทิ ยาลยั นวมินทราธิราช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพือ่ ความปลอดภัยในการจดั การสารเคมใี นโรงพยาบาล ห น้ า | 13 3.4 การจดั เกบ็ สารเคมตี ามหลกั เกณฑ์รายการสารเคมที ่ีเขา้ กันไมไ่ ด้ ตารางที่ 3 แสดงรายการสารเคมที ่เี ขา้ กันไม่ได้ ไม่ควรเก็บรวมกนั สารเคมี กลมุ่ สารเคมีที่เข้ากนั ไม่ได้ (ไมค่ วรเก็บรวมกัน) Acetic acid chromic acid, nitric acid, hydroxyl compounds, ethylene glycol, perchloric acid, peroxides, permanganates Acetone concentrated nitric and sulfuric acid mixtures Acetylene chlorine, bromine, copper, fluorine, silver, mercury Alkali and alkaline earth water, carbon tetrachloride หรือ other chlorinated hydrocarbons, metals (lithium, sodium, carbondioxide, halogens, powdered metals ( aluminum or magnesiu potassium) m) Ammonia (anhydrous) mercury (เช่น ใน thermometer, manometers), chlorine, calcium hypochlorite, iodine, bromine, hydrofluoric acid (anhydrous) Ammonium nitrate acids, powdered metals, flammable liquids, chlorates, nitrates, sulfur, finely divided organic or combustible materials Aniline nitric acid, hydrogen peroxide Arsenical materials reducing agents Azides acids Bromine ให้ดูใน chlorine Calcium oxide water Carbon (activated) calcium hypochlorite, all oxidizing agents Carbon tetrachloride sodium, chlorates, ammonium salts, acids, powdered metals, sulfur, finely divided organic or combustible materials Chlorine ammonia, acetylene, butadiene, butane, methane, Chlorine dioxide propane (หรือ other petroleum gases), hydrogen, sodium carbide, benzene, finely divided metals, turpentine ammonia, methane, phosphine, hydrogen sulfide Chromic acid and acetic acid, naphthalene, camphor, glycerol, alcohol, chromium flammable liquids Copper acetylene, hydrogen peroxide Cumene hydroperoxide acids (organic หรอื inorganic) (ท่ีมา: แนวปฏิบตั ิการจดั การของเสียทางการแพทย์ที่เปน็ สารเคม,ี 2560) จดั ทาโดย คณะอนกุ รรมการความปลอดภยั ดา้ นสารเคมีและวตั ถอุ นั ตราย คณะแพทยศาสตร์วชริ พยาบาล มหาวิทยาลยั นวมนิ ทราธริ าช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพื่อความปลอดภัยในการจดั การสารเคมีในโรงพยาบาล ห น้ า | 14 ตารางที่ 3 แสดงรายการสารเคมีทเี่ ข้ากนั ไม่ได้ ไม่ควรเกบ็ รวมกนั (ต่อ) สารเคมี กลมุ่ สารเคมีทีเ่ ข้ากนั ไม่ได้ (ไมค่ วรเก็บรวมกนั ) Cyanides acids Flammable liquids ammonium nitrate, chromatic acid, hydrogen peroxide, nitric Fluorine acid, sodium peroxide, halogens ใหแ้ ยกจากทุกสิง่ ทุกอยา่ ง Hydrocarbons (butane, fluorine, chlorine, bromine, chromic acid, sodium peroxide propane, benzene) nitric acid, alkali Hydrocyanic acid Hydrofluoric acid ammonia (aqueous หรือ anhydrous) (anhydrous) Hydrogen peroxide copper, chromium, iron, most metals & their salts, alcohols, acetone, organic materials, aniline, nitromethane, combustible Hydrogen sulfide materials fuming nitric acid, oxidizing gases Hypochlorites acids, activated carbon Iodine acetylene, ammonia (aqueous หรอื anhydrous), hydrogen Mercury acetylene, fulminic acid, ammonia Nitrates sulfuric acid Nitric acid (concentrated) acetic acid, aniline, chromic acid, hydrocyanic acid, hydrogen Nitrites sulfide, flammable liquids, flammable gases,copper, brass, any heavy metals potassium cyanide หรอื sodium cyanide. Nitroparaffins inorganic bases, amines Oxalic acid silver, mercury Oxygen oils, grease, hydrogen, flammable: liquids, solids, หรอื gases Perchloric acid acetic anhydride, bismuth and its alloys, alcohol, paper, wood, Potassium grease, oils carbon tetrachloride, carbon dioxide, water Potassium chlorate sulfuric and other acids (ทมี่ า: แนวปฏิบตั กิ ารจดั การของเสยี ทางการแพทยท์ ีเ่ ป็นสารเคม,ี 2560) จดั ทาโดย คณะอนุกรรมการความปลอดภยั ด้านสารเคมีและวตั ถอุ นั ตราย คณะแพทยศาสตรว์ ชิรพยาบาล มหาวทิ ยาลยั นวมินทราธิราช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพ่ือความปลอดภัยในการจัดการสารเคมใี นโรงพยาบาล ห น้ า | 15 ตารางที่ 3 แสดงรายการสารเคมที เี่ ขา้ กันไม่ได้ ไม่ควรเก็บรวมกัน(ตอ่ ) สารเคมี กลมุ่ สารเคมีท่เี ขา้ กันไม่ได้ (ไม่ควรเก็บรวมกนั ) Potassium perchlorate ใหด้ ใู น sulfuric, other acids และ chlorates Potassium permanganate Selenides glycerol, ethylene glycol, benzaldehyde, sulfuric acid Silver reducing agents Sodium Sodium chlorate acetylene, oxalic acid, tartaric acid, ammonium compounds, Sodium nitrite fulminic acid Sodium peroxide carbon tetrachloride, carbon dioxide, water Sulfides acids, ammonium salts, oxidizable materials, sulfur Sulfuric acid ammonium nitrate and other ammonium salts Tellurides Water (น้า) ethyl or methyl alcohol, glacial acetic acid, benzaldehyde, acetic anhydride, carbon disulfide, glycerin, ethylene glycol, ethyl acetate, methyl acetate, furfural acids potassium chlorate, potassium perchlorate, potassium permanganate (สารประกอบทคี่ ล้ายคลึงกันของ light metals เชน่ sodium, lithium) reducing agents acetyl chloride, alkali and alkaline earth metals, their hydrides and oxides, barium peroxide, carbides, chromic acid, phosphorous oxychloride, phosphorous pentachloride, phosphorous pentoxide, sulfuric acid, sulfur trioxide (ทมี่ า: แนวปฏิบัตกิ ารจัดการของเสียทางการแพทยท์ เี่ ปน็ สารเคม,ี 2560) จัดทาโดย คณะอนกุ รรมการความปลอดภยั ดา้ นสารเคมีและวตั ถอุ นั ตราย คณะแพทยศาสตรว์ ชริ พยาบาล มหาวทิ ยาลยั นวมินทราธริ าช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพื่อความปลอดภัยในการจดั การสารเคมใี นโรงพยาบาล ห น้ า | 16 3.5 การจัดเก็บสารเคมีตามหลักเกณฑ์ตารางการจัดเก็บสารเคมีและวัตถุอันตราย สามารถแยกเก็บ สารเคมีไดด้ ังน้ี เง่ือนไขการจัดเก็บสารเคมีและวัตถุอันตรายตามตารางการจัดเกบ็ 1. การจัดเก็บของเหลวไวไฟและก๊าซภายใต้ความดันในภาชนะบรรจุขนาดเล็ก (กระป๋องสเปรย์) สามารถจัดเก็บได้โดยมีเงื่อนไขดังน้ี ต้องจัดให้มีการระบายอากาศ และปริมาณการจัดเก็บสารต้องไม่เกิน 60 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณการจัดเก็บทั้งหมด ท้ังน้ีปริมาณรวมของเหลวไวไฟและก๊าซภายใต้ความดันในภาชนะบรรจุ ขนาดเลก็ (กระป๋องสเปรย์) ตอ้ งไม่เกนิ 100,000 ลิตร 2.ก๊าซภายใต้ความดันในภาชนะบรรจุขนาดเล็ก (กระป๋องสเปรย์) เก็บคละกับสารพิษได้ โดยมี เงื่อนไขต่อไปน้ี ห้องที่มีผนังทนไฟขนาดพื้นที่ต้องไม่เกิน 60 ตารางเมตร และปริมาณการจัดเก็บสารไม่เกิน 60 เปอรเ์ ซน็ ต์ ของปรมิ าณการจัดเก็บทง้ั หมด อุณหภมู ิของหอ้ งต้องไม่เกิน 50 องศาเซลเซียส ตอ้ งมีการระบายอากาศ และต้องมีทางออกฉุกเฉิน 2 ทาง ทางออกฉุกเฉินทั้งสองทางต้องมีอุปกรณด์ ับเพลิงประเภทผงเคมีแห้ง ABC ขนาด 6 กิโลกรัม แห่งละ 1 เคร่ือง ถ้าห้องเก็บมีขนาดใหญ่กว่า 60 ตารางเมตร การเก็บวัตถุอันตรายเหล่าน้ี ต้องจัดเก็บ แบบแยกห่าง ดว้ ยวธิ กี ารที่เหมาะสมหรอื แยกบรเิ วณ 3.วสั ดทุ เี่ ปน็ สาเหตุใหเ้ กิดการลุกติดไฟหรือลุกลามได้อยา่ งรวดเร็ว เช่น วัสดทุ ่ีใช้ทาบรรจภุ ัณฑ์ควร จดั เกบ็ แยกบริเวณออกจากสารพิษหรอื ของเหลวไวไฟ 4.ผลิตภัณฑ์ท่ีไม่ทาปฏิกิริยากับสารอื่นในขณะเกิดอุบัติเหตุ สามารถเก็บคละกันได้โดยการจัดเก็บ แบบแยกห่าง เชน่ แยกออกจากกันโดยมีกาแพงก้ัน เวน้ ระยะปลอดภยั ใหห้ า่ ง เกบ็ ในบอ่ แยกจากกัน หรอื ในตเู้ ก็บที่ ปลอดภัย 5.ห้องเก็บรักษา ให้จัดเก็บก๊าซภายใต้ความดันได้ไม่เกิน 50 ท่อ ในจานวนดังกล่าว อนุญาตให้เก็บ เป็นก๊าซภายใต้ความดันที่มีคุณสมบัติ ไวไฟ ออกซิไดซ์ หรือก๊าซพิษ เก็บรวมกันได้ไม่เกิน 25 ท่อ สารติดไฟได้ (ประเภท 8A และ 11) (ยกเวน้ ของเหลวไวไฟ) อาจนามาเกบ็ รวมไดโ้ ดย จัดเกบ็ แบบแยกห่างจากก๊าซภายใต้ความ ดนั ดว้ ยผนงั ที่ทาจากวัสดทุ ่ีไมต่ ิดไฟ ที่มีความสูงอยา่ งน้อย 2 เมตร และมรี ะยะห่างจากผนงั อย่างนอ้ ย 5 เมตร 6.อนญุ าตให้เก็บคละได้ ถ้ามีข้อกาหนดความปลอดภยั สาหรับสนิ ค้าคงคลังทง้ั หมดโดยให้เป็นไปตาม ข้อกาหนดการจดั เกบ็ สารเคมแี ละวตั ถอุ ันตรายประเภท 2B 7.อนญุ าตใหเ้ ก็บคละกับของเหลวไวไฟที่มจี ุดวาบไฟสูงกว่า 60 องศาเซลเซียส ถ้าการเก็บคละกัน ไม่ทาให้เกิดปฏิกิริยาท่ีเป็นอันตราย (การลุกติดไฟและ/หรือให้ความร้อนออกมา หรือให้ก๊าซไวไฟ หรือให้ก๊าซท่ีทา ให้เกิดภาวะการขาดออกซิเจน หรือให้ก๊าซพิษ หรือทาให้เกิดบรรยากาศของการกัดกร่อน หรือทาให้เกิดสารท่ีไม่ เสถียร หรือเพ่ิมความดันจนเป็นอันตราย) หากพบว่ามีโอกาสเกิดอันตรายตามท่ีกล่าว ให้จัดเก็บโดยเว้นระยะห่าง ท่ปี ลอดภัย (5 เมตร) 8. สารติดไฟที่มีคุณสมบัติความเป็นพิษ (ประเภท 6.1 A) เก็บคละกับของแข็งไวไฟ (ประเภท 4.1B) ได้ 9.ห้ามเกบ็ ของเหลวไวไฟ (ประเภท 3A) คละกับสารกัดกร่อน ทีบ่ รรจุในภาชนะที่แตกง่าย ยกเว้นมี มาตรการป้องกนั ไมใ่ หส้ ารทาปฏกิ ิริยากันได้ ในกรณีทีเ่ กิดอุบัตเิ หตุขน้ึ 10.อนญุ าตให้เกบ็ คละกันได้ ยกเว้นก๊าซไวไฟ 11. ต้องจัดทามาตรการป้องกันเพิ่มเติม เพ่ือให้เกิดความปลอดภัย ในการเก็บรักษาโดยได้รับความ เหน็ ชอบจากกรมโรงงานอตุ สาหกรรม จัดทาโดย คณะอนุกรรมการความปลอดภยั ดา้ นสารเคมีและวตั ถอุ นั ตราย คณะแพทยศาสตรว์ ชิรพยาบาล มหาวทิ ยาลยั นวมินทราธริ าช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพอ่ื ความปลอดภัยในการจัดการสารเคมใี นโรงพยาบาล ห น้ า | 17 12.ของแข็งไวไฟ (ประเภท 4.1A) ท่ีมีคุณสมบัติการระเบิดอาจ เก็บคละกับสารอื่นคือประเภท 3B 4.1B 8A 8B 10 11 12 หรือ13 ได้ ถ้าระยะห่างท่ีปลอดภัยซึ่งจัดไว้เพ่ือปูองกันอันตรายที่จะมีต่อบริเวณโดยรอบ อาคารคลังสินค้ามเี พียงพอหรืออาจตอ้ งกาหนดให้มากขน้ึ ซง่ึ ต้อง ตรวจสอบเปน็ กรณีๆ ไป 13. อนุญาตให้เก็บสารเปอร์ออกไซด์อินทรีย์ (ประเภท 5.2) คละกับของแข็งไวไฟ (ประเภท 4.1B) ได้ 14.อนุญาตให้เก็บคละกับดินซับ (Propellants) และตัวจุดชนวน (Radical initiators) ถ้าสาร น้ันไมม่ ีส่วนผสมของโลหะหนกั 15. การเกบ็ สารออกซไิ ดซ์ (ประเภท 5.1B) อาจอนญุ าตให้เก็บคละกับสารติดไฟท่ีมีคุณสมบัติความ เป็นพิษ (ประเภท 6.1A) และสารไม่ติดไฟที่มีคุณสมบัติความเป็นพิษ (ประเภท 6.1B) ได้ซ่ึงสามารถเก็บได้ปริมาณ สูงถึง 20 เมตริกตัน โดยต้องมีมาตรการความปลอดภัยดังนี้ อาคารคลังสินค้าต้องมีระบบเตือนภัยไฟไหม้ ระบบ ดบั เพลิงอัตโนมัติ และทมี ผจญเพลงิ ระดบั ก่ึงมืออาชีพของบริษทั (พนักงานบริษัททาหนา้ ที่ดบั เพลงิ อย่างเดียวพร้อม มีรถดบั เพลิงของบริษทั ) ถา้ มีสารไมถ่ งึ 1 เมตรกิ ตัน ไมต่ อ้ งมมี าตรการเสริมดังกล่าว 16. การเก็บสารเปอร์ออกไซด์อินทรีย์รวมกับสารเคมีและวัตถุอันตรายอ่ืนๆ จาเป็นต้องออกแบบ และตรวจสอบแต่ละกรณีว่าระยะห่างปลอดภัย (ระหว่างอาคารคลังสินค้าและชุมชน) ท่ีกาหนดข้ึนโดยรอบอาคาร คลงั สินคา้ มีเพียงพอหรอื ต้องกาหนดให้มากขน้ึ เพื่อป้องกนั โอกาสท่จี ะเกิดอนั ตราย 17. ให้พิจารณาตามข้อกาหนดด้านความปลอดภัยเฉพาะของสารแตล่ ะประเภท 18. วัสดุกัมมันตรังสี ควรแยกจัดเก็บตามข้อกาหนดด้านความปลอดภัยของหน่วยงาน IAEA (International Atomic Energy Agency) และไดร้ ับการอนุมัติจากหนว่ ยงานของรัฐทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง จัดทาโดย คณะอนกุ รรมการความปลอดภยั ด้านสารเคมีและวตั ถอุ ันตราย คณะแพทยศาสตรว์ ชริ พยาบาล มหาวทิ ยาลยั นวมนิ ทราธริ าช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพือ่ ความปลอดภัย ตารางท่ี 4 การจัดเก (ทม่ี า: ค่มู ือการเกบ็ รกั ษาสารเ โดยหลกั การการจัดเก็บแบบคละ สามารถกระทาได้ *** จดั ลาดับความสาคญั โดยจาแนกประเภทสารเคมีและวัตถุอันตรายสาหรบั การจดั จดั ทาโดย คณะอนุกรรมการความปลอดภยั ด้านสารเคมีและวตั ถอุ นั ตราย คณะแพทยศ

ยในการจดั การสารเคมใี นโรงพยาบาล ห น้ า | 18 ก็บสารเคมีและวตั ถุอนั ตราย เคมแี ละวัตถอุ นั ตราย, 2550) ใหเ้ ก็บโดยวิธีแยกบริเวณ จัดเก็บคละได้โดยมเี ง่ือนไข ดเก็บ (ดหู น้า 11) ศาสตรว์ ชริ พยาบาล มหาวทิ ยาลัยนวมินทราธริ าช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพ่ือความปลอดภัยในการจดั การสารเคมีในโรงพยาบาล ห น้ า | 19 3.6 หลกั การเก็บสารเคมีและวัตถุอนั ตราย 3.6.1 หลกั การเก็บสารเคมีและวัตถอุ นั ตรายในอาคาร 1. จัดเก็บตามประเภทโดยพิจารณาจากเอกสารความปลอดภยั 2. ยึดหลักเข้าก่อน-ออกก่อน (first in-first out) เพื่อลดความเสี่ยง จากการเสื่อมสภาพหรือการถูก ทาลายของสารเคมี 3. ตองตรวจสอบคณุ ลักษณะทง้ั ปรมิ าณและคณุ ภาพ ภาชนะบรรจุ และหีบห่อตอ้ งอยูใ่ นสภาพดี 4. จดั ทาแผนผงั กาหนดตาแหนง ประเภทกลมุ่ สารเคมี พรอมตาแหนง อุปกรณ์ฉุกเฉิน อุปกรณผ์ จญ เพลงิ และเส้นทางหนไี ฟ ตองมพี นื้ ท่ีวา่ งโดยรอบระหวา่ งผนังอาคารกบั กองสารเคมี เพ่ือตรวจสอบและจัดการกรณี เกิดเพลิงไหมหรือหกร่วั ไหล 5.การจดั เรยี งสารเคมไี มควรสูงเกิน 3 เมตร 3.6.2 การเกบ็ สารเคมแี ละวัตถุอันตรายนอกอาคาร การเกบ็ สารเคมแี ละวัตถุอันตรายนอกอาคาร ต้องมี การจัดเตรยี มเขือ่ นป้องกนั เชน่ เดียวกับการเก็บสารเคมีในอาคาร และต้องมหี ลังคาป้องกันแสงแดดและฝนดว้ ย ขอ้ พิจารณาเพิม่ เติมจากการเก็บสารเคมีและวัตถอุ ันตรายนอกอาคาร 1. สารเคมีและวัตถุอันตรายท่ีเก็บนอกอาคาร โดยเฉพาะในประเทศที่มีอากาศร้อนต้องคานึงถึงการ เสอ่ื มสภาพ เน่อื งจากการสัมผสั กับอณุ หภมู ิสงู จงึ ต้องระมัดระวงั ในการเลือกวิธเี ก็บโดยอาศัยข้อมูลความปลอดภัย MSDS ชว่ ยในการพจิ ารณา 2. เพื่อเป็นการป้องกันการปนเปื้อนสารเคมีและวัตถุอันตรายลงสู่ดินและแหล่งน้า บริเวณที่เก็บต้อง ปพู ้นื ด้วยวสั ดทุ ที่ นตอ่ นา้ และความรอ้ น ไม่ควรใช้ยางมะตอยเพราะจะหลอมตัวไดง้ ่ายเมื่ออากาศร้อน 3. สารเคมีและวัตถุอันตรายท่ีเก็บต้องตรวจสอบการร่ัวไหลอย่างสม่าเสมอ เพ่ือมิให้ปนเป้ือน ลงสรู่ ะบบระบายนา้ 4. สารเคมีและวัตถุอันตรายที่เก็บในถัง 200 ลิตร และไม่ไวต่อความร้อน อาจเก็บไว้ในที่โล่งแจ้งได้ แต่จะตอ้ งมรี ะบบปอ้ งกนั การรวั่ ไหลของสารเคมีและวัตถุอนั ตรายเชน่ เดยี วกับที่เกบ็ ในอาคาร 5. แนะนาให้เก็บสารเคมีและวัตถุอันตรายในถังกลมในลักษณะต้ังตรงบนแผ่นรองสินค้า ถังที่เก็บใน แตล่ ะแบบจะต้องมพี นื้ ท่ีว่างเพียงพอเพอ่ื การดบั เพลิง 6. สารเคมีและวัตถอุ ันตรายทเ่ี ปน็ ของเหลวไวไฟสงู แก๊ส หรือคลอรีนเหลว ควรใหเ้ ก็บนอกอาคาร ตัวอยา่ งการเก็บสารเคมีและวัตถุอันตรายในถงั กลม จัดทาโดย คณะอนกุ รรมการความปลอดภัยดา้ นสารเคมีและวตั ถุอันตราย คณะแพทยศาสตร์วชริ พยาบาล มหาวทิ ยาลยั นวมนิ ทราธริ าช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพ่ือความปลอดภัยในการจัดการสารเคมใี นโรงพยาบาล ห น้ า | 20 3.7 ข้อกาหนดเฉพาะในการจัดเก็บสารเคมีและวัตถอุ ันตรายประเภทตา่ งๆ ตามสถานะทางกายภาพ ดังน้ี 3.7.1 การเก็บรกั ษาสารเคมีและวัตถุอนั ตราย มีข้นั ตอนดงั ตอ่ ไปนี้ 1.แยกสารเคมีตามลักษณะทางกายภาพ คือ ของแข็ง ของเหลว แก๊ส เพื่อจัดเก็บในบริเวณท่ีแยกจาก กัน ของแขง็ ของเหลว แก๊ส 2.แยกสารเคมี ที่เข้ากันไม่ได้ออกจากกันอย่างเด็ดขาด (ตารางท่ี 3 แสดงรายการสารเคมีที่เข้ากัน ไม่ได้ ห้ามจดั เก็บรว่ มกัน ) 3.แยกสารเคมี ตามประเภทสารเคมอี ันตรายระบบ UN และปฏบิ ัตติ ามคาแนะนา SDS ของสารนั้นๆ 4.นาสารเคมใี นกลุ่มเดียวกัน เกบ็ เรียงตามตัวอกั ษร 3.7.2 การเกบ็ รกั ษาสารเคมีและวัตถอุ นั ตรายแตล่ ะประเภทให้ปฏิบัตติ ามข้อกาหนด ดังนี้ 1.ข้อกาหนดสาหรบั การจดั เก็บสารไวไฟ ˗ ตอ้ งเก็บให้ห่างจากความรอ้ น แหลง่ กาเนิดไฟ เปลวไฟ และเก็บใหพ้ น้ จากแสงอาทติ ย์ ˗ กาหนดบรเิ วณ การจดั เกบ็ สารไวไฟในห้องปฏบิ ตั ิการไวโ้ ดยเฉพาะ ˗ ไม่เก็บสารไวไฟ ไว้ในภาชนะท่ีใหญเ่ กินจาเป็น เช่น ในภาชนะขนาดใหญ่เกิน 20 ลิตร และ ห้ามเก็บสารไวไฟหรอื สารทไี่ หม้ไฟได้ไวใ้ นหอ้ งปฏบิ ตั ิการมากกว่า 50 ลิตร ˗ ในกรณีทจ่ี าเป็นต้องเก็บสารไวไฟหรือสารท่ีไหม้ไฟไดไ้ ว้มากกวา่ 50 ลิตร ตอ้ งเกบ็ ไว้ในตู้ เฉพาะที่ใช้สาหรับเก็บสารไวไฟ หากต้องเก็บในที่เย็น ตู้เย็นท่ีใช้เก็บต้องมีระบบป้องกันการเกิดประกายไฟ หรอื ปัจจยั อ่นื ๆ ทอ่ี าจทาใหเ้ กิดการติดไฟหรือระเบิดได้ (explosion–proof refrigerator) ˗ ห้ามเก็บสารไวไฟในตู้เย็นสาหรับใช้ในบ้าน เน่ืองจากภายในตู้เย็นที่ใช้ในบ้านไม่มีระบบ ปอ้ งกันการติดไฟและยังมวี ัสดหุ ลายอยา่ งทเ่ี ปน็ สาเหตุใหเ้ กิดการติดไฟได้ เช่น หลอดไฟภายในต้เู ย็น จดั ทาโดย คณะอนกุ รรมการความปลอดภยั ดา้ นสารเคมีและวตั ถอุ นั ตราย คณะแพทยศาสตร์วชริ พยาบาล มหาวิทยาลยั นวมินทราธริ าช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพอ่ื ความปลอดภัยในการจดั การสารเคมีในโรงพยาบาล ห น้ า | 21 2.ข้อกาหนดสาหรับการจดั เก็บสารกัดกรอ่ น (ทง้ั กรดและเบส) ˗ ห้ามเก็บ ขวดสารกัดกร่อนขนาดใหญ่ (ปริมาณมากกว่า 1 ลิตรหรือ 1.5 กิโลกรัม) ไว้ในระดับท่สี ูงเกิน 60 เซนตเิ มตร ˗ หา้ มเก็บ ขวดสารกัดกร่อนทุกชนดิ เหนือระดบั สายตา ˗ ขวดกรด ต้องเก็บไว้ในตู้ไม้หรือตู้สาหรับเก็บกรดโดยเฉพาะท่ีทาจากวัสดุป้องกันการกัดกร่อน เช่น พลาสติก หรือวัสดุอ่ืน ๆ ท่ีเคลือบด้วยอีพ๊อกซ่ี (epoxy enamel) และ มีภาชนะรองรับ เช่น ถาดพลาสติก หรือมีวัสดุหอ่ หมุ้ ปอ้ งกนั การร่ัวไหล ˗ การเก็บขวดกรดขนาดเล็ก (ปริมาณไม่เกิน 1 ลิตรหรือ 1.5 กิโลกรัม) บนช้ันวาง ตอ้ งมีภาชนะ รองรบั เช่น ถาดพลาสติกหรือมีวสั ดหุ ่อห้มุ ปอ้ งกันการร่ัวไหล 3.ข้อกาหนดสาหรับการจัดเก็บสารออกซิไดซ์ เน่ืองจากสารออกซิไดซ์สามารถทาให้เกิดเพลิงไหม้ และการระเบิดได้เมื่อสัมผัสกับสารไวไฟ และสารที่ไหม้ไฟได้ เม่ือสารที่ไหม้ไฟได้สัมผัสกับสารออกซิไดซ์ จะทาให้อัตราในการลุกไหม้เพ่ิมขึ้นทาให้สารไหม้ไฟได้ เกิดการลุกติดไฟขึ้น ทันทีหรืออาจเกิดการระเบิด เมอ่ื ได้รับความรอ้ น การส่นั สะเทือนหรือแรงเสียดทาน ดังนน้ั จึงต้องมกี ารจดั เก็บ ดังน้ี ˗ เก็บสารออกซิไดซ์ ห่างจากสารไวไฟ สารอนิ ทรยี ์ และสารที่ไหม้ไฟได้ ˗ เก็บสารท่ีมีสมบัติออกซิไดซ์สูง เช่น กรดโครมิกไว้ในภาชนะแก้ว หรือภาชนะ ที่มสี มบัติเฉ่อื ย ˗ หา้ มใชข้ วด ทป่ี ิดดว้ ยจกุ คอรก์ หรือจุกยางเก็บสารออกซไิ ดซ์ จัดทาโดย คณะอนุกรรมการความปลอดภยั ด้านสารเคมีและวตั ถุอันตราย คณะแพทยศาสตร์วชริ พยาบาล มหาวทิ ยาลยั นวมินทราธริ าช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพ่ือความปลอดภัยในการจดั การสารเคมใี นโรงพยาบาล ห น้ า | 22 4.ข้อกาหนดสาหรบั การจัดเก็บสารทไี่ วตอ่ ปฏิกริ ยิ า สามารถแบ่งเป็นกลมุ่ ได้ ดงั นี้ ˗ สารที่ไวต่อปฏิกิริยาพอลิเมอร์ไรเซชัน (polymerization reactions) เช่น styrene สารกลุ่มน้ี เมื่อเกิดปฏิกิรยิ าพอลเิ มอไรเซชัน จะทาให้เกิดความรอ้ นสงู หรือไมส่ ามารถควบคุมการปลดปล่อยความร้อนออกมาได้ ˗ สารท่ีไวต่อปฏิกิริยาเมื่อสัมผัสน้า (water reactive materials) เช่น alkali metals (lithium, sodium, potassium) silanes, magnesium, zinc, aluminum รวมท้ังสารประกอบ อินทรีย์โลหะ เช่น alkylaluminiums, alkylithiums สารกลุ่มนเ้ี ม่อื สัมผัสกับน้าจะปลดปล่อยความร้อนออกมา ทาให้เกดิ การลุก ติดไฟขึ้นในกรณีท่ีตัวสารเป็นสารไวไฟหรือทาให้สารไวไฟท่ีอยู่ใกล้เคียงลุกติดไฟ นอกจากน้ีอาจจะทาให้เกิดการ ปลดปล่อยสารไวไฟ สารพษิ ไอของออกไซด์ของโลหะ กรด แก๊สทีท่ าให้เกิดการออกซิไดซ์ไดด้ ี ˗ สาร pyrophoric ส่วนใหญ่เป็น tert–butyllithium, diethylzinc, triethylaluminum, สารประกอบอินทรยี โ์ ลหะ (organometallics) สารกลุม่ น้ีเมอ่ื สมั ผสั กับน้าหรอื อากาศช้ืน จะทาใหเ้ กดิ การลกุ ตดิ ไฟ ˗ สารท่ีก่อให้เกิดเปอร์ออกไซด์ (peroxide–forming materials) หมายถึง สารท่ีเม่ือทา ปฏิกิริยากับอากาศ ความชื้น หรือสิ่งปนเปื้อนต่าง ๆ แล้ว ทาให้เกิดสารเปอร์ออกไซด์ เช่น ether, dioxane, sodium amide, tetrahydrofuran (THF) สารเปอรอ์ อกไซดเ์ ป็นสารที่ไม่เสถยี รแตส่ ามารถทาให้เกดิ การระเบิดได้ เมอื่ มีการสน่ั สะเทือน แรงเสยี ดทาน การกระแทก ความรอ้ น ประกายไฟ หรือแสง ˗ สารที่ไวต่อปฏิกิริยาเม่ือเกิดการเสียดสีหรือกระทบกระแทก (shock–sensitive materials) เช่น สารทีม่ ีหมู่ไนโทร (nitro), เกลือ azides, fulminates, perchlorates โดยเฉพาะอยา่ งย่ิง เมือ่ มี สว่ นประกอบของสารอินทรีย์อยู่ด้วย เม่ือสารกลุม่ น้ีถูกเสียดสีหรอื กระทบกระแทกจะทาให้เกิดการระเบิดได้ 5. ข้อกาหนดสาหรับการจัดเก็บสารเคมีที่เป็นแก๊ส แก๊สจะแยกบรรจุมาในภาชนะท่ีมิดชิดและใช้ เป็นการเฉพาะอยา่ ง จงึ มกั จัดเก็บแยก ขอ้ ควรระวังในการจดั เกบ็ ถังกา๊ ซท่อี ดั จากความดนั สูง มดี งั นี้ 1.ติดฉลากถงั แก๊สเสมอหากรู้ว่าประกอบดว้ ยแก๊สอะไร 2.ยึดถังแก๊สกับผนังด้วยสายหนังหรือโซ่คล้อง ในเขตที่มีแผ่นดินไหวบ่อยๆ ให้ใช้สายคล้อง มากกว่า 1 เส้น 3.เม่ือใช้ถังแก๊สไม่นาน ให้ปิดวาล์ว และไล่ความดันในตัวควบคุมความ ดันออก และถอดตัว ควบคมุ ความดนั และปิดฝาครอบถังแก๊ส 4.แยกทีเ่ กบ็ ถงั แก๊สออกจากท่ีเกบ็ สารเคมีอ่นื ๆ 5.จัดแยกแก๊สที่ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ออกจากกัน และเก็บพวกที่เป็น สารติดไฟได้แยกจาก สารเคมีท่วี อ่ งไวต่อปฏิกริ ิยารวมถงึ พวกทเี่ ป็นสารออกซิไดส์และสารกัดกร่อนได้ 6.แยกถงั แก๊สเปล่าออกจากถังท่บี รรจแุ กส๊ เต็ม 7.ศกึ ษาลกั ษณะทางกายภาพของแกส๊ ที่อดั ความดนั สูงและแกส๊ เหลว เช่น กล่นิ จดั ทาโดย คณะอนกุ รรมการความปลอดภัยด้านสารเคมีและวตั ถอุ นั ตราย คณะแพทยศาสตรว์ ชิรพยาบาล มหาวทิ ยาลยั นวมินทราธริ าช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพ่อื ความปลอดภัยในการจัดการสารเคมใี นโรงพยาบาล ห น้ า | 23 ตารางที่ 5 แสดงบริเวณพื้นที่จดั เก็บ ตเู้ ก็บ /ชนั้ เก็บ ประเภทสารเคมี ตู้เกบ็ /ช้ันเก็บ หมายเหตุ สารเคมีไวไฟ ช้ันทท่ี าดว้ ยวสั ดทุ นไฟ เก็บไว้ในพืน้ ที่ สาหรบั เก็บสารไวไฟ สารเคมไี วไฟพเิ ศษ ชน้ั ที่ทาดว้ ยวสั ดทุ นไฟ หา้ มเก็บรวมกบั สารเคมีไวไฟชนดิ อืน่ สารเคมที ่ีไวต่อการ ชั้นที่ทาด้วยวสั ดทุ นตอ่ การ เก็บแยกจากสารเคมี ชนดิ อื่นทอี่ าจเกิด เกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี ปฏกิ ิรยิ ากนั สารเคมีที่ไวตอ่ การ ชั้นทท่ี าด้วยวัสดุทนตอ่ การเกิด เกบ็ แยกจากสารเคมี ชนดิ อืน่ และสารไวไฟอืน่ เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเป็นพเิ ศษ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี สารเคมีกัดกรอ่ น ชน้ั ทท่ี าดว้ ยวสั ดุทนการกดั กร่อน เกบ็ แยกไว้ในพน้ื ที่ ทีป่ อ้ งกนั การกดั กร่อน สารเคมกี ัดกรอ่ นเร็ว ช้นั ทีท่ าด้วยวัสดุทนการกดั กร่อน เก็บแยกไวใ้ นพน้ื ท่ี ท่ปี ้องกันการ กดั กร่อนชนิดอ่นื เป็นพเิ ศษ สารเคมีท่เี ปน็ อนั ตรายต่อ ตู้ที่มกี ุญแจลอ๊ ค เกบ็ ในบริเวณ serous person area สขุ ภาพ สารเคมีปกติ ชนั้ วางปกติ เก็บแยกจากสารเคมี ท้งั 7 ข้อดา้ นบน (ทมี่ า : แนวทางปฏบิ ตั เิ พื่อความปลอดภัยทางเคมี มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล ,2555) 3.8 การขนย้ายสารเคมีและวตั ถุอนั ตราย 3.6.1 ผู้ที่ทาการขนย้ายสารเคมี ต้องสวมถุงมือแว่นตานิรภัย เส้ือกาวน์ และอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลที่ จาเปน็ อน่ื ๆ สาหรับการขนย้ายสารเคมี 3.6.2 ตรวจสอบฉลากสารเคมี วา่ ชดั เจนและถูกตอ้ ง 3.6.3 ตรวจสอบฝาภาชนะ ท่ใี ช้บรรจสุ ารเคมใี หส้ นทิ กอ่ นและขณะขนยา้ ย อาจปดิ ทบั ดว้ ยแผน่ พาราฟิล์ม 3.6.4 การขนยา้ ยสารเคมจี าพวกกรด ดา่ ง และตวั ทาละลาย ใหใ้ ชภ้ าชนะท่ีเหมาะสม ทนต่อการกัดกร่อน และแข็งแรง 3.6.5 ใช้รถเข็น ท่ีมีแนวกั้นสูงเพียงพอท่ีจะกั้นขวดสารเคมี และใช้ภาชนะรองรับท่ีไม่แตกหักง่ายอาจทามา จากยาง เหล็ก อะลูมเิ นียมหรอื พลาสตกิ ท่แี ขง็ แรง และสามารถบรรจุ ขวดสารเคมที ่ีทาการขนย้ายได้ในการขนยา้ ยสารเคมี 3.6.6 หากมกี ารขนย้ายสารเคมคี รงั้ ละหลายขวดพร้อมกนั ต้องมีวัสดุกันกระแทกระหว่างขวด เพื่อกันการกระทบกันแตกหรือ เกิดรอยรา้ วขณะเคล่อื นยา้ ย 3.6.7 ขนย้ายสารท่ีเข้ากันไม่ได้ในภาชนะรองรับท่ีแยกกัน หากจาเป็นให้ใช้ตัวดูดซับสารเคมีระหว่างขวด ขณะขนย้ายสาร เช่น vermiculite (ทไี่ มม่ สี ่วนประกอบของแร่ใยหิน) 3.6.8 ขนย้ายสารเคมีและวัตถุอันตรายอย่างระมัดระวัง หากจาเป็นต้องใชล้ ิฟต์ ควรใช้ลฟิ ตข์ นของ หลกี เลย่ี งการใช้ลิฟตท์ ั่วไป รูปที่ ตวั อย่างรถเข็นสาหรบั เคล่ือนยา้ ยสารเคมี 3.6.9 การขนย้ายสารเคมีประเภทของเหลวไวไฟ ให้ใช้ภาชนะ (ทีม่ า: คู่มือปฏิบัตดิ า้ นความปลอดภยั หอ้ งปฏิบตั กิ าร กรมวทิ ยาศาสตรบ์ รกิ าร, 2558) ท่ที นต่อแรงดนั จัดทาโดย คณะอนกุ รรมการความปลอดภยั ดา้ นสารเคมแี ละวตั ถุอันตราย คณะแพทยศาสตรว์ ชิรพยาบาล มหาวทิ ยาลยั นวมินทราธริ าช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพ่อื ความปลอดภัยในการจดั การสารเคมใี นโรงพยาบาล ห น้ า | 24 3.9 การสารวจและคัดออกสารเคมีที่หมดอายุและเลกิ ใช้แลว้ เพอ่ื ประหยัดพ้ืนทเี่ กบ็ และควบคุมให้มีสารเคมี เท่าทจี่ าเป็นเท่านนั้ สารเคมีท่ตี อ้ งคดั ออก คอื 3.6.1 หลักเกณฑ์การคัดสารเคมีที่ไม่ใช้แลว้ ดังน้ี 1. สารท่ไี มส่ ามารถใชง้ านได้จรงิ (ซงึ่ อาจจะเส่ือมก่อนหรอื หลงั วนั หมดอายุท่รี ะบใุ นฉลาก) 2. สารท่ไี ม่ต้องการใช้แล้ว แม้จะยงั ไมห่ มดอายุ 3.6.2 การสารวจเบ้ืองต้นเพื่อค้นหาสารที่ต้องคัดออก สามารถค้นหาโดยดูได้จากแบบบันทึก การนาเข้า สารเคมีของหน่วยงาน ซึ่งในขั้นตอนของการจัดซื้อสารเคมีเข้าหน่วยงาน จะต้องบันทึกรายการสารเคมี ลงในแบบบันทึกการนาเข้าสารเคมดี ว้ ย จัดทาโดย คณะอนุกรรมการความปลอดภัยดา้ นสารเคมีและวตั ถุอันตราย คณะแพทยศาสตรว์ ชริ พยาบาล มหาวิทยาลยั นวมนิ ทราธริ าช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพื่อความปลอดภัยในการจัดการสารเคมีในโรงพยาบาล ห น้ า | 25 บทท่ี 4 การกาจัดของเสียสารเคมี ของเสียสารเคมี หมายถึง ของเสีย เศษส่ิงของวัสดุท่ีไม่ใช่แล้ว หรือเสื่อมสภาพ หรือเจือปนด้วยสารเคมี ซึ่งอยู่ในสถานะของแข็ง ของเหลว แก๊ส หรือของผสม รวมถึงภาชนะบรรจุต่า งๆ ซึ่งมีหรือปนเป้ือนหรือ มีองค์ประกอบสารเคมีท่ีอาจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์หรือสิ่งแวดล้อมในขณะน้ันหรืออนาคต หากได้รับการจัดการ ที่ไม่เหมาะสม ระบบการกาจัดของเสียสารเคมี ประกอบด้วย การจาแนกประเภทของเสีย สารเคมี ขั้นตอนการจัดเก็บของเสียภายสารเคมี สถานท่ีใช้ในการจัดเก็บของเสียสารเคมี และการบาบัดของเสีย สารเคมี 4.1 การจาแนกประเภทของเสียสารเคมี มดี งั นี้ 4.1.1 ของเสียท่ีเป็นสารลุกติดไฟ (ignitable waste) หมายถึง ของเสียที่มีสารเคมี ท่ีลุกติดไฟได้ง่าย หรอื ให้ไอระเหยที่มาสารถเกิดการลุกไหม้ เมื่อไดร้ บั ประกายไฟ หรอื เปลวไฟ สามารถจาแนกได้ 2 ประเภท คือ - ของเหลวท่ีมีจุดวาบไฟ (flash point) ต่ากว่า 93.4 º C รวมทั้งสารละลายแอลกอฮอล์ในน้า ท่ีมีส่วนผสมมากกว่าร้อยละ 24 โดยปริมาตร เช่น benzene, toluene, xylene, acetone และ kerosene เป็นตน้ - ของแข็งที่ไวไฟ ซ่ึงมีคุณสมบัติในการลุกติดไฟ เม่ือสัมผัสกับอากาศ เช่น sodium metal และ phosphorus รวมถึงของแข็งบางชนิดที่ไม่มีสมบัติไวไฟ แต่สามารถลุกไหม้และระเบิดได้ เมื่อได้รับความ ร้อนสูงหรือเปลวไฟ เชน่ carbon, sulfur, aluminum metal เป็นต้น 4.1.2 สารกัดกร่อน หมายถึง ของเสียที่มีสารเคมีท่ีสามารถกัดกร่อนและก่อให้เกิดอันตรายต่อเน้ือเย่ือ ของร่างกาย เมื่อสัมผัสโดยตรงหรือกลืนเข้าไป ได้แก่ ของเสียประเภทกรด และกรดต่างๆเช่น sulfuric acid, hydrochloric acid, nitric acid รวมทงั้ ของเสยี ประเภทดา่ งเปน็ ต้น 4.1.3 สารเกิดปฏกิ ริ ยิ า หมายถึง ของเสียที่มีสารเคมีที่ไม่สามารถจัดเก็บไวร้ วมกบั ของเสียชนิดอื่นๆ เพราะ อาจเกิดปฏกิ ิริยาทร่ี ุนแรง ทาใหเ้ กดิ ความร้อนสงู หรอื เกิดระเบิดได้ แบ่งออกเปน็ - ของเสียที่สามารถเกิดปฏิกิริยาได้รวดเร็ว เมื่อสัมผัสอากาศ เช่น สารละลายของ alkyl magnesium halides และ n- butyllithium เปน็ ตน้ - ของเสียท่ีสามารถเกิดปฏิกิริยาได้รุนแรง เมื่อรวมกับน้า เช่น sodium metal เป็นต้น ของเสียท่ี สามารถเกิดปฏิกิริยาได้ เม่ือรวมกับสารออกซิไดซ์หรือสารรีดิวซ์ ในภาวะท่ีเหมาะสม เช่น potassium chlorate และ aluminum powder เป็นต้น - ของเสียที่ให้กา๊ ซพษิ ไอพิษเม่อื ผสมกบั นา้ เชน่ calcium carbide และ sodium amide เป็นต้น - ของเสียท่ีให้ก๊าซพิษเกิดข้ึนเม่ือผสมกับกรด เช่น potassium cyanide และ ferrous sulfide - ของเสียที่สามารถเกิดระเบิดรุนแรง เมื่อรับความร้อนหรืออยู่ในที่มีความดันสูง เช่น ammonium nitrate และ nitrocellulose เป็นตน้ 4.1.4.สารท่มี คี วามเปน็ พิษ คอื ของเสยี ทีม่ สี ารเคมที ี่สามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพและระบบอวัยวะ ตา่ งๆ ของร่างกาย โดยผ่านการสดู ดม กลืนเข้าปาก หรือดูดซึมเขา้ ทางผวิ หนัง ตัวอยา่ ง เชน่ - สารเคมีท่ีมีความเป็นพิษเฉียบพลันสูง ได้รับเพียงเล็กน้อยอาจทาให้ถึงตายได้ เช่น Parathion- methyl - สารกอ่ มะเรง็ เช่น Benzene, Chloroform, Formaldehyde, Ethylene oxide จัดทาโดย คณะอนุกรรมการความปลอดภยั ด้านสารเคมีและวตั ถอุ ันตราย คณะแพทยศาสตร์วชริ พยาบาล มหาวิทยาลยั นวมนิ ทราธิราช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพอ่ื ความปลอดภัยในการจัดการสารเคมใี นโรงพยาบาล ห น้ า | 26 - สารก่อการกลายพันธุ์ เช่น Ethidium bromide - สารทเี่ ปน็ พษิ ต่อระบบสบื พนั ธ์ุ เช่น Lead, Toluene 4.2 ขั้นตอนการจัดเกบ็ ของเสยี สารเคมี 4.2.1 การศึกษาข้อมูล เกี่ยวกับสารเคมีท่ีใช้จากเอกสารข้อมูลความปลอดภัยในการทางานกับสารเคมี (SDS) และจาแนกประเภทของเสยี ตามความเปน็ อันตราย ดังนี้ 4.2.2 จัดเตรียมภาชนะ บรรจุของเสียท่ีเหมาะสม เช่น ขวดแก้ว ขวด/แกลลอน/ถังพลาสติก Polypropylene (PP) หรือ Polyethylene (PE) โดยมีขนาด 5 ลิตร และควรบรรจุของเสียไม่เกิน 80% ของ ปริมาตร ภาชนะที่ใช้จัดเก็บเป็นภาชนะท่ีมีสภาพดี และมีฝาปิดมิดชิด ห้ามใช้ภาชนะพวกถัง ป๊ีบ หม้อ ชาม ขวด น้าดื่ม และถุงพลาสติกบรรจขุ องเสียสารเคมี ภาชนะบรรจตุ ้องเลอื กใหเ้ หมาะสมกับประเภทของเสียสารเคมี เช่น - ภาชนะท่ีเปน็ แกว้ ใช้บรรจขุ องเสยี สารเคมไี ดเ้ กอื บทกุ ชนิด ยกเว้นของเสยี พวก Hydrofluoric acid - ภาชนะท่ีเป็นพลาสติก ใช้บรรจุสารพวกกรด ด่าง แต่ห้ามบรรจุตัวทาละลายที่รุนแรง (เช่น ether, dichloromethane, สารผสมที่มีตัวทาละลายรุนแรง) ในภาชนะพลาสติก เว้นแต่เป็นภาชนะบรรจุที่ทาจาก High density polyethylene (HDPE) หมายเหตุ 1. ของเสียสารเคมีท่ีมีกล่ินรุนแรงควรบรรจุในขวดแก้วโดยให้มีการหุ้มบริเวณฝาขวดท่ีปิดสนิท ด้วยแผ่น parafilm รวมท้ังถ้าเป็นไปได้ให้นาขวดแก้วที่บรรจุของเสียสารเคมีดังกล่าว ไปใส่ในภาชนะรองรับอีกชั้นหนึ่ง (secondary containment) 2. ต้องใช้ความระมัดระวังในข้ันตอนการบรรจุของเสียสารเคมีลงในภาชนะบรรจุ ทั้งนี้เพ่ือป้องกันมิให้ เกิดการรั่วไหล หรือลดการรัว่ ไหลใหน้ อ้ ยท่สี ดุ 3. อย่าบรรจุของเสียสารเคมีลงในภาชนะบรรจุมากเกินไป ตัวอย่างเช่น ขวดแก้วกลมให้บรรจุ ได้มากท่ีสุดถึงขอบล่าง ของส่วนคอขวดที่โค้งเท่านั้น เนื่องจากช่องอากาศ ท่ีอยู่เหนือ ระดับสารเคมี จะทาให้ปริมาตรของเหลว และความดันของ ไอท่ีอยู่ด้านบนมี การปรับเปล่ียนได้ เมื่ออุณหภูมิเปลี่ยน ท้ังนี้ฝาขวด ไมค่ วรหมนุ ปดิ จนแนน่ เกนิ ไป จดั ทาโดย คณะอนุกรรมการความปลอดภัยดา้ นสารเคมแี ละวตั ถอุ ันตราย คณะแพทยศาสตรว์ ชริ พยาบาล มหาวิทยาลยั นวมินทราธริ าช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพ่อื ความปลอดภัยในการจัดการสารเคมีในโรงพยาบาล ห น้ า | 27 ตวั อยา่ งภาชนะบรรจขุ องเสียสารเคมี แนวระดับท่ีให้บรรจุ ภาชนะรองรับอีกชนั้ ไดม้ ากทส่ี ดุ รูปท่ี แสดงภาชนะบรรจุของเสยี สารเคมี (ท่ีมา: แนวปฏิบัตกิ ารจัดการของเสยี ทางการแพทยท์ เ่ี ปน็ สารเคม,ี 2560) 4.2.3 การติดป้ายบนภาชนะบรรจุของเสีย แสดงประเภทของเสียสารเคมีบนภาชนะบรรจุของเสยี ทเ่ี ตรียมไว้ โดยปา้ ยควรมีลักษณะดงั นี้ (ตัวอย่างในภาคผนวก 1: ป้ายตดิ ภาชนะบรรจุของเสียสารเคมี) 4.2.4 บันทกึ ปรมิ าณของเสีย แตล่ ะห้องปฏิบตั กิ ารจะต้องจัดทาบันทึกปริมาณของเสีย โดยตอ้ งมีการบันทึก ประเภทชนิด และปริมาณของเสียท่ีเกิดขึ้นในแต่ละวันลงในแบบบันทึกปริมาณของเสียประจาห้องปฏิบัติการ (ตัวอย่างแบบบนั ทึกปรมิ าณของเสีย ในภาคผนวก 2 ) จัดทาโดย คณะอนกุ รรมการความปลอดภยั ดา้ นสารเคมแี ละวตั ถุอันตราย คณะแพทยศาสตรว์ ชริ พยาบาล มหาวิทยาลยั นวมินทราธิราช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพื่อความปลอดภัยในการจัดการสารเคมใี นโรงพยาบาล ห น้ า | 28 4.3 คาแนะนาสาหรับสถานท่ีใชใ้ นการจัดเก็บของเสียสารเคมี จะต้องแยกออกเปน็ สถานท่จี ัดเก็บของเสียภายใน ห้องปฏิบัติการ และสถานท่จี ดั เก็บรวบรวมของเสยี ส่วนกลาง มีดังนี้ 4.3.1 สถานทจ่ี ดั เกบ็ ของเสียภายในห้องปฏิบัติงาน ควรเกบ็ ของเสียในบริเวณท่ีแบ่งแยกออกมาจากส่วนท่ี ปฏบิ ัติงาน อยู่ในบริเวณท่ีอากาศถา่ ยเทไดส้ ะดวก และต้องแยกของเสียท่ีอยู่รวมกับของเสียชนดิ อน่ื ไม่ได้ แตไ่ ม่ควร เก็บของเสียไว้ในห้องปฏิบัติงานในปริมาณมากเกินควร และระยะเวลานานเกินไป เพราะอาจทาให้เกิดอันตรายได้ ควรย้ายไปเกบ็ ไวท้ ส่ี ถานทเ่ี กบ็ ของเสยี สว่ นกลาง 4.3.2 สถานที่จัดเก็บรวบรวมของเสียส่วนกลาง เป็นสถานที่ แต่ละส่วนงานจัดไว้ให้ โดยเป็นโรงเรือนท่ีมี บริเวณกว้างพอ มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก มีการจัดเก็บของเสียประเภทต่าง ๆ อย่างถูกต้องตามมาตรฐาน และสามารถแยกเก็บของเสียท่ีไม่สามารถเก็บรวมกับของเสียประเภทอื่นได้อย่างเหมาะสม โดยสถานท่ีเก็บ รวบรวมของเสีย ส่วนกลางน้ี จะเปน็ แหล่งรวมของเสยี ท่ีจะนาไปกาจดั โดยวธิ ีการทถ่ี ูกต้องและเหมาะสม 4.3.3 รวบรวมส่งกาจัดของเสียสารเคมี เม่ือมีปรมิ าณของเสียมากพอ ให้ประสานกับหน่วยงานทรี่ บั กาจดั ของเสยี มารบั ไปดาเนนิ การอย่างถูกวธิ ีต่อไป 4.4 การบาบดั ของเสียสารเคมี 4.4.1 สารเคมีอนั ตรายท่สี ามารถทิ้งลงอา่ งน้าหรือท่อนา้ ทิง้ ได้แต่ต้องทาให้เจือจางก่อน ดังตารางต่อไปน้ี รายการ ตารางท่ี 6 แนวทางการบาบัดของเสียสารเคมี วธิ ีการบาบัดเบอ้ื งตน้ สารลุกตดิ ไฟ สารไวไฟสูง และตัวทาละลายที่ไม่ละลายน้า เช่น ethyl ether, hexane ,acetone ห้ามทิ้งลงอ่างน้า หากมีปริมาณไม่มาก และไม่ใช่สารพิษหรือสารก่อมะเร็ง อาจตั้งทิ้งไว้ สารกดั กรอ่ น ในตูด้ ดู ไอสารเคมจี นระเหยหมด แลว้ กาจดั ตะกอนหรือสารเคมีที่เหลอื ดว้ ยวิธีที่เหมาะสม สารเกิดปฏกิ ิริยา ตอ่ ไป ถา้ มีปรมิ าณมาก ใหร้ วบรวม และสง่ บรษิ ทั กาจัด สารท่มี คี วามเป็นพษิ สารกดั กร่อน เช่น hydrochloric acid, sodium hydroxide เป็นต้น สารเคมีทเ่ี ปน็ กรด หรือด่างน้ี ต้องเจือจางให้ต่ากว่า 1 M (1 Molar หรือ 1 โมล /ลิตร) ก่อนเททิ้งลงอ่างนา้ และเมอื่ เทลงอ่างแล้วให้เปดิ นา้ ลา้ งตามมากๆ สารไวปฏิกิริยา เช่น hydrogen peroxideห้ามจัดวางไว้ใกล้กับ copper, chromium, iron ตามตารางที่ 2 แสดงสารเคมีที่เข้ากนั ไมไ่ ด้ สารเคมีท่ีมีพิษน้อย (LD50 >500 mg/kg)กาจัดโดยเทลงท่อบาบัด ซ่ึงต่อท่อไปยังบ่อ บาบัดน้าเสียของโรงพยาบาล (ใช้การบาบัดโดยใช้เช้ือจุลินทรีย์ มีการตรวจสอบ มาตรฐานของน้าที่ผ่านการบาบัดให้ได้ มาตรฐานอย่างสม่าเสมอ) สารเคมีที่มีพิษสูง (LD50 <500mg/kg) แจ้งไปตามหน่วยต่างๆ ในโรงพยาบาลปีละ 1ครั้ง (หรือตามที่ กาหนด) เพื่อสอบถามว่า สารเคมีในห้องปฏิบัติการใด ต้องกาจัดเป็นพิเศษ เช่น ethidium bromide, xylene เป็นต้น เพื่อวางแผนรวบรวม ส่งให้บริษัทมารับไปกาจัด อย่างถูกวธิ ีตามประเภทของเสียสารเคมี (ทม่ี า: แนวปฏิบตั ิการจดั การของเสยี ทางการแพทยท์ ี่เป็นสารเคม,ี 2560) จดั ทาโดย คณะอนุกรรมการความปลอดภัยด้านสารเคมแี ละวตั ถุอันตราย คณะแพทยศาสตรว์ ชิรพยาบาล มหาวทิ ยาลยั นวมินทราธริ าช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพ่อื ความปลอดภัยในการจัดการสารเคมใี นโรงพยาบาล ห น้ า | 29 หมายเหตุ ค่า LD50 (50% lethal dose) หมายถงึ ปริมาณของสารเคมีท่ใี หก้ บั สัตวท์ ดลองทัง้ หมดเพียงครัง้ เดียว แลว้ ทาใหก้ ลุ่ม ของสตั วท์ ดลองรอ้ ยละ 50 (ครึ่งหน่ึง) ตายลง 4.4.2 ของเสียสารเคมี ดังต่อไปน้ี ตอ้ งเกบ็ รวบรวมเพ่ือนาสง่ ไปกาจัด ห้ามทิ้งลงท่อน้าท้ิงเด็ดขาด 1. น้ามัน และผลิตภณั ฑป์ ิโตรเลียมอนื่ ๆ 2. ตวั ทาละลายอินทรีย์ทไ่ี มร่ วมเป็นเนอื้ เดยี วกับนา้ 3. ตวั ทาละลายอินทรยี ์ทีม่ ีคลอรีนเปน็ องคป์ ระกอบ 4. ตวั ทาละลายอนิ ทรีย์ทล่ี ะลายน้าไดแ้ ต่มคี วามเปน็ พิษสูง (TLV < 100 ppm) เช่น เมทานอล, ไดออกเซน, อะซโิ ตไนไตรล์ 5. ฟีนอลและอนุพนั ธ์ เชน่ ครีซอล, รซี อร์ซนิ อล 6. สารละลายที่มีโลหะหนักเป็นส่วนประกอบ โดยเฉพาะอย่างย่งิ พวกทม่ี คี วามเป็นพิษสงู ไดแ้ ก่ โครเมยี ม (Chromium-Cr), ทองแดง (Copper-Cu), แบเรยี ม (Barium-Ba), ตะก่วั (Lead-Pb), นิเกิล้ (Nickle- Ni), สารหน(ู Arsenic-As), แคดเมียม (Cadmium-Cd), ปรอท (Mercury-Hg) ไม่ว่าจะอยใู่ นสถานะออกซเิ ดชนั ใดก็ตาม จดั ทาโดย คณะอนุกรรมการความปลอดภัยดา้ นสารเคมแี ละวตั ถอุ ันตราย คณะแพทยศาสตรว์ ชิรพยาบาล มหาวทิ ยาลยั นวมนิ ทราธริ าช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพ่อื ความปลอดภัยในการจดั การสารเคมใี นโรงพยาบาล ห น้ า | 30 บทที่ 5 มาตรการปอ้ งกนั อันตรายจากการปฏิบัตงิ านกบั สารเคมีและวตั ถุอันตราย สาหรับผู้ท่ีปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับสารเคมีและวัตถุอันตราย ซึ่งเป็นสิ่งคุกคามสุขภาพ ควรมีมาตรการความ ปลอดภัยและการป้องกันอันตรายจากการทางาน เพื่อความปลอดภัยแก่ผู้ปฏิบัติงาน ดังนั้น จึงควรมีเครื่องมือเพื่อ ความปลอดภัยในการทางานและอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment: PPE) ดงั น้ี 5.1 เครื่องมืออุปกรณ์เพ่ือความปลอดภัยในการปฏิบัติงานกับสารเคมี ประกอบด้วย ล้างตา (Eye Wash) และ ฝักบัวนิรภัย (Emergency Shower) โดยอุปกรณ์หรือเคร่ืองมือแต่ละชนิด มีวัตถุประสงค์ของการใช้งานเพื่อความ ปลอดภัย ดงั น้ี 5.1.1. อ่างล้างตา (Eye Wash) และฝกั บัวนริ ภยั (Emergency Shower) ใชใ้ นกรณีเกิดอบุ ัติเหตสุ ารเคมี อันตรายหกราดตัว หรือกระเด็นเข้าตา ในการใช้งานควรใช้ระยะเวลาการล้างตา หรือล้างตัวไม่ต่ากว่า 15 นาที เพอ่ื ให้แนใ่ จว่าสารเคมีไดถ้ กู ชะลา้ งจนหมดแลว้ ติดอ่างล้างตา ไว้ประจาท่ีและจาเป็นต้องมี วางอยู่ห่างจากท่ีปฏิบัติงาน ประมาณ 25-50 ฟุต ใช้เวลาเดนิ ไปไมน่ าน และระหว่างทางไม่ควรมีสง่ิ กดี ขวางใดๆ การเปดิ น้า อาจใช้ระบบเปิดดว้ ยเทา้ (foot paddle) หรือใช้มือผลัก (push bar) ควรให้น้าพ่นเข้าตาผ่านทางฐานจมูก โดยไม่ให้น้าพุ่งเข้าลูกตาโดยตรง และใช้นิ้วบังคับ เปลือกตา เพื่อให้น้าล้างตาได้ทั่วถึง หัวพ่นน้า ควรที่จะมีฝาครอบป้องกันฝุ่นละอองและควรทาความสะอาด อย่างสม่าเสมอ โดยการ flush นา้ ทิ้ง ฝักบัวนิรภัย ควรติดตั้งในบริเวณเดียวกันกับเคร่ืองลา้ งตา และควรสูงจากพื้นประมาณ 7-8 ฟุต ห่าง จากกาแพงอยา่ งน้อย 25 น้วิ การเปดิ ฝกั บวั อาจใช้ตัวผลกั (paddle) หรือใชก้ ารดึ ง โ ซ่ โ ด ย ฝั ก บั ว ฉุกเฉนิ มอี ยู่ 3 แบบ คือ - แบบยึดติดกับฝาผนัง (ceiling/wall type) โดยนา้ จะไหลลงศีรษะอยา่ งตอ่ เนอื่ ง - แบบทเ่ี ป็นสายยางฉีดตัวรว่ มกับ ฝักบวั (wall-mounted drench hose) โ ด ย ก า ร ใ ช้ งานสามารถฉดี ลา้ งบรเิ วณทเ่ี ปื้อนได้ - แบบท่ีสามคอื ฝักบัวฉกุ เฉนิ ทีต่ ิดตัง้ คกู่ บั เครื่องลา้ งตา (floor-mounted emergency combination) สามารถชาระลา้ งได้ทัง้ ตา ใบหนา้ และลาตวั ในเวลาเดยี วกัน จดั ทาโดย คณะอนุกรรมการความปลอดภยั ดา้ นสารเคมแี ละวตั ถอุ ันตราย คณะแพทยศาสตรว์ ชิรพยาบาล มหาวิทยาลยั นวมนิ ทราธิราช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพื่อความปลอดภัยในการจัดการสารเคมีในโรงพยาบาล ห น้ า | 31 ตัวอย่างฝักบวั นิรภยั 5.1.2 สัญญาณเตือนภัย (Alarm) เมือเกิดหรือพบอุบัติเหตุในห้องปฏิบัติการ ซ่ึงเป็นอันตรายมาก และไม่สามารถจดั การดว้ ยตวั เองได้ ต้องสง่ สัญญาณเตือนภัยทนั ที อยา่ ลืมเอาฝาครอบอปุ กรณต์ รวจจับควนั ออก รูปที่ เครื่องตรวจจับควัน รปู ที่ กรงิ่ สญั ญาณเตือนภยั (ที่มา: https://picclick.com) (ท่ีมา: http://www.112alarm.com) 5.2 คาแนะนาสาหรบั การใช้ถังดับเพลิง ถังดับเพลิง (Fire Extinguishers) แบ่งออกเป็น 4 ประเภท (class) โดยจาแนกตามลักษณะของการเกิด เพลิงไหม้ และจะตอ้ งระบุประเภทของเครือ่ งดับเพลิงไว้บนตวั ถังเครื่องอยา่ งชดั เจน เจา้ หนา้ ท่ีหรือผทู้ ่เี กี่ยวข้องควร ได้รับการฝึกฝนการใช้ถังดับเพลิง เพ่ือจะได้มีความสามารถในการดับเพลิงอย่างทันท่วงที เครื่องดับเพลิงมีหลาย ประเภทขึ้นอยู่กับต้นกาเนิดของเพลิงนั้นๆ ไฟเกิดจากการรวมตัวขององค์ประกอบ 3 ประการ ท่ีรวมตัวกันจนได้ สัดส่วน คือ - เชอื้ เพลิง (Fuel) คอื ส่ิงทีต่ ิดไฟและลกุ ไหมไ้ ด้ - ความรอ้ น (Heat) คือ ความรอ้ นท่ีเหมาะสมและเพียงพอ สามารถทาใหอ้ ณุ หภมู ิสงู จนทาใหส้ ารเช้อื เพลิง จุดตดิ ไฟ เช่น สะเกด็ ไฟ ลูกไฟจากการเช่ือม เคร่ืองจักรรอ้ น ไฟฟา้ ช๊อต เปลวไฟ บหุ ร่ี ฟ้าผ่า ฯลฯ - อากาศ (Oxygen) คือ ในบรรยากาศท่ัวไปมีออกซิเจน ประมาณ 21% อยู่แล้ว ซึ่งสามารถทาให้ช่วย ตดิ ไฟได้ จัดทาโดย คณะอนุกรรมการความปลอดภัยดา้ นสารเคมแี ละวตั ถอุ ันตราย คณะแพทยศาสตร์วชริ พยาบาล มหาวทิ ยาลยั นวมินทราธริ าช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพ่ือความปลอดภัยในการจดั การสารเคมใี นโรงพยาบาล ห น้ า | 32 5.2.1 ประเภทของไฟ (Fire classification) ตามมาตรฐาน NFPA แบง่ ได้ 5 ชนิด คอื 1. ไฟประเภท A มีสัญลักษณ์เป็นรูปตัว A สีขาวหรือดา อยู่ในสามเหล่ียมสีเขียว สัญลักษณ์เป็นรูป ถังขยะมที ่อนไมต้ ดิ ไฟ ไฟประเภท A คอื ไฟที่เกิดจาก เช้ือเพลิงท่ีมีลักษณะเป็นของแข็งเชื้อเพลิงธรรมดา เชน่ ฟืน ฟาง ยาง ไม้ ผา้ กระดาษ พลาสติก หนังสต๊กิ หนงั สตั ว์ ฯลฯ วิธีดับไฟประเภท A ที่ดีที่สุด คือ การลดความร้อน (Cooling) โดยการใช้น้าถังดับเพลิงท่ีเหมาะ สาหรับใช้ในการดับไฟ คือ ชนิดน้าสะสมแรงดัน, ชนิดโฟมสะสมแรงดัน, ชนิดผงเคมีแห้ง ABC ,ชนิดก๊าซเหลว ระเหยท่ไี ม่ทาลายมลภาวะ 2. ไฟประเภท B มีสัญลักษณ์เป็นรูปตัว B สีขาวหรือดา อยู่ในรูปสี่เหล่ียมสีแดง สัญลักษณ์เป็น รูปภาพ จะเป็นรูป ถังใส่น้ามัน ท่ีตดิ ไฟ ไฟประเภท B คือ ไฟที่เกิดจากเช้ือเพลิงที่มีลักษณะเป็นของเหลวและก๊าซ เช่น น้ามันทุกชนิด แอลกอฮอล์ ทนิ เนอร์ ยางมะตอย จารบี สี สารละลาย และกา๊ ซตดิ ไฟทุกชนิด เปน็ ต้น วิธีดับไฟประเภท B ท่ีดีที่สุด คือ กาจัดออกซิเจน ทาให้อับอากาศ โดยคลุมดับ ใช้ผงเคมีแห้ง ใช้ฟองโฟมคลุม ถังดับเพลิงที่เหมาะสาหรับใช้ดับไฟ คือ ชนิดโฟมสะสมแรงดัน ,ชนิดผงเคมีแห้ง ABC, ชนิดคาร์บอนไดออกไซด์ และชนิดกา๊ ซเหลวระเหย ที่ไม่ทาลายมลภาวะ 3.ไฟประเภท C มีสัญลักษณ์เป็นรูปตัว C สีขาวหรือดา อยู่ในวงกลมสีฟ้า สัญลักษณ์เป็นรูปภาพ ปลกั๊ ไฟทีล่ กุ ตดิ ไฟ ไฟประเภท C คือ ไฟท่ีเกิดจากเช้ือเพลงิ มีลักษณะเปน็ ของแข็ง ที่มีกระแสไฟฟ้าไหลอยู่ เช่น อุปกรณ์ ไฟฟา้ ทุกชนดิ การสปารค์ ปลก๊ั ไฟลกุ ติดไฟ วิธีดับไฟประเภท C ท่ีดีที่สุด คือ ตัดกระแสไฟฟ้าแล้วจึงใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือน้ายาเหลว ระเหยท่ีไม่มี CFC ไล่ออกซิเจนออกไป ถังดับเพลิงท่ีเหมาะสาหรับใช้ดับไฟ คือ ชนิดผงเคมีแห้ง ABC, ชนิดก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด,์ ชนิดกา๊ ซเหลวระเหยทีไ่ ม่ทาลายมลภาวะ 4. ไฟประเภท D มีสัญลักษณ์เป็นรูปตัว D สีขาวหรือดา อยู่ในดาว 5 แฉก สีเหลือง สัญลักษณ์เป็น รปู ภาพเฟอื งโลหะติดไฟ จัดทาโดย คณะอนุกรรมการความปลอดภยั ดา้ นสารเคมแี ละวตั ถอุ นั ตราย คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลยั นวมนิ ทราธริ าช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพ่อื ความปลอดภัยในการจดั การสารเคมใี นโรงพยาบาล ห น้ า | 33 ไฟประเภท D คือไฟท่ีเกิดจากเชื้อเพลิงที่มีลักษณะเป็นโลหะและสารเคมีติดไฟ เช่น วัตถุระเบิด ผงแมกนีเซยี ม, ปุ๋ยยูเรีย (แอมโมเนียมไนเตรต) ฯลฯ วิธีดับไฟประเภท D ท่ีดีท่ีสุด คือ การทาให้อับอากาศ หรือใช้สารเคมีเฉพาะ (ห้ามใช้น้าเป็นอันขาด) ซ่ึงตอ้ งศกึ ษาหาข้อมูลแตล่ ะชนดิ ของสารเคมีหรือโลหะนัน้ ๆจาก SDS ถังดับเพลงิ ที่เหมาะสาหรับดับไฟ คอื ชนิด ผงเคมี โซเดยี มคลอไรด์ 5. ไฟประเภท K มีสัญลักษณะเป็นรูปตัว K สีขาว อยู่ในรูปแปดเหล่ียมสีดา สัญลักษณ์เป็น รูปภาพกะทะทาอาหารที่ลุกตดิ ไฟ ไฟประเภท K คือไฟทเ่ี กดิ จากน้ามันทตี่ ดิ ไฟยาก เช่น นา้ มนั ทาอาหาร นา้ มันพชื ไขมันสัตวต์ ดิ ไฟ วิธี ดับไฟประเภท K ทด่ี ีท่สี ุด คือ การกาจดั ออกซิเจน การทาใหอ้ บั อากาศ ซง่ึ จะมีถงั ดับเพลงิ ชนดิ พิเศษทส่ี ามารถดบั ได้เฉพาะไฟนี้ คือ ถังดบั เพลงิ ชนดิ น้าผสมสารโปตสั เซีย่ มอะซเิ ตท 5.2.2 ประเภทของถงั ดับเพลิงและลักษณะการนาไปใช้งาน ตารางที่ 7 ประเภทถังดบั เพลงิ และลกั ษณะการนาไปใช้งาน ประเภทถงั ดบั เพลิง ลักษณะการนาไปใช้งาน ถงั ดบั เพลงิ สีแดง ชนดิ ผงเคมแี ห้ง : ดับเพลิงประเภท A B C บรรจุผงเคมีแห้งและก๊าซไนโตรเจน ลักษณะน้ายาท่ีฉีดออกมาเป็นฝุ่นละออง สามารถดับเพลิงไหม้ทุกชนิดได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูง เช่น เพลิง ไหม้ท่ีเกิดจากไม้ กระดาษ สิ่งทอ ยาง น้ามัน แก๊สและเคร่ืองใช้ไฟฟ้า ต่างๆ ไม่ เป็นอนั ตรายตอ่ มนุษย์และสงิ่ มีชีวติ ทกุ ประเภท ถังดบั เพลิงทบี่ รรจุแกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) : ดับเพลงิ ประเภท A B C ไว้ภายใน ใช้ในการดับเพลิงที่เกิดข้ึนภายใน ตัวอาคารน้ายาดับเพลิง เป็น น้าแข็งแห้ง ท่ีปลายสายฉีด จะมีลักษณะเป็นกระบอกหรือกรวย เวลาฉีด ลักษณะ น้ายาทอ่ี อกมา จะเป็นหมอกหมิ ะ ทไี่ ลค่ วามรอ้ น และออกซิเจน เหมาะสาหรบั ใช้ ภายในอาคาร คอื ไฟทีเ่ กิดจาก แกส๊ น้ามนั และไฟฟ้า ถังดับเพลิงสีเหลือง : ดับเพลิงประเภท A B C มีลักษณะเป็นถังดับเพลิงชนิด น้ายาเหลวระเหย BCF Hallon 1211 ใช้ดับเพลิงได้ดี โดยคุณสมบัติของสารเคมี มีความเยน็ จดั และมีประสิทธิภาพทาลายออกซเิ จนท่ีทาให้ติดไฟ เหมาะสาหรับใช้ กับสถานท่ีท่ีใช้ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์สื่อสาร ในอุตสาหกรรม อิเล็กทรอนิกส์ เรือ เครื่องบิน และรถถัง น้ายาชนิดน้ี ไม่ท้ิงคราบสกปรก หลัง การดับเพลิง และสามารถใช้ได้หลายคร้ัง ข้อเสียของน้ายาดับเพลิงชนิดน้ีคือ มีสาร CFC (Chlorofluorocarbon) ทาลายชั้นโอโซน ปัจจบุ ันไม่มีผลิตแลว้ จดั ทาโดย คณะอนกุ รรมการความปลอดภัยดา้ นสารเคมแี ละวตั ถอุ ันตราย คณะแพทยศาสตรว์ ชริ พยาบาล มหาวิทยาลยั นวมินทราธริ าช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพ่อื ความปลอดภัยในการจัดการสารเคมใี นโรงพยาบาล ห น้ า | 34 ตารางที่ 7 ประเภทถังดับเพลิงและลกั ษณะการนาไปใชง้ าน (ต่อ) ประเภทถงั ดบั เพลิง ลกั ษณะการนาไปใชง้ าน ถังดับเพลิงสฟี ้า : ดบั เพลงิ ประเภท A B C K ถังดับเพลิงชนิด HCFC-123 เป็นสารดับเพลิงท่ีใช้ทดแทนสารฮาลอน 1211 ไม่ ทาลาย ช้ันโอโซนและเป็นมิตรต่อส่ิงแวดล้อม เหมาะกับไฟท่ีเกิดจากเช้ือเพลิง ธรรมดา เช่น ไม้ ฝ้า กระดาษ พลาสตกิ ไฟทเ่ี กิดจากแก๊สของเหลวตดิ ไฟ ไขมนั และน้ามนั ต่างๆและไฟท่เี กิดกับอุปกรณ์ไฟฟ้า หรอื วัตถุทม่ี กี ระแสไฟฟ้า ถงั ดบั เพลิงสีเขียว** : ดบั เพลงิ ประเภท A B C D และ K เปน็ ถงั ดบั เพลิงชนิด BF 2000 บรรจนุ ้ายาเป็นสารเหลวระเหยชนดิ BF 2000 (FE 36) ไมส่ ง่ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สามารถใชก้ ับไฟที่เกิดจาก เชื้อเพลงิ ธรรมดา เชน่ ไม้ ผ้า กระดาษ พลาสตกิ ไฟทีเ่ กิดจากแกส๊ ของเหลวตดิ ไฟ ไขมนั และน้ามันต่างๆและไฟที่เกดิ กบั อุปกรณไ์ ฟฟา้ หรอื วตั ถุที่มกี ระแสไฟฟ้า ถังดบั เพลิงชนิดโฟม (Foam) : ดบั เพลิงประเภท A B ห้ามนาไปดบั เพลิง C จะเปน็ นา้ ยาฟองโฟมสขี าว ปกคลมุ ผวิ หน้าของเชื้อเพลิง สามารถดบั ไฟทเี่ กดิ จาก น้ามนั พชื ลกุ ไหม้ในกระทะของห้องครัวโดยเฉพาะ และยังใชด้ บั ไฟท่เี กดิ จากไม้ กระดาษ ผา้ พลาสติก และสารไวไฟทกุ ชนดิ หา้ มนาถงั ดับเพลิงชนดิ นี้ไปดบั ไฟ จาพวก วัตถุ เชือ้ เพลงิ ทเ่ี กิดจากกระแสไฟฟ้า เช่น กรณเี กดิ ไฟฟ้า ลัดวงจรโดย เดด็ ขาด เนอ่ื งจากถังดบั เพลงิ ชนดิ นา้ ยาโฟมมีน้าเปน็ สว่ นผสมน้าเปน็ ส่อื ไฟฟา้ อาจจะทาให้เกิดไฟฟ้าช๊อตได้ ** ปจั จบุ ัน วชริ พยาบาลเลือกใชแ้ บบน้ี 5.3 อุปกรณ์ปอ้ งกนั อนั ตรายส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment: PPE) ผู้ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับสารเคมี ต้องปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง ไม่ควรปฏิบัติงานเพียงลาพัง เพราะ ถ้าหากเกิดอันตรายใดๆข้ึน จะไม่สามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงที ก่อนปฏิบัติงาน ควรแต่งกายให้พร้อม โดยสวม อุปกรณ์ ป้องกันอนั ตรายส่วนบุคคลในห้องปฏบิ ัติการ ดงั นี้ 5.3.1.อุปกรณ์ป้องกันตาและใบหนา้ (Eye Protection and Face Shield ) ประกอบดว้ ย แว่นตานิรภัย (Safety glasses) มีเลนส์ที่ทนการกระแทก ใช้ในกรณี ทางานกับสารเคมีทั่วๆไป ที่มคี วามเส่ยี งในการเกิดอันตรายนอ้ ย เช่น การชั่ง ตวง วัด สารเคมี การผสมสารเคมี เปน็ ต้น ครอบตานิรภัย (Safety Goggle) ใช้ในกรณี ทางานกับสารเคมีกัดกร่อนหรือสารเคมีอันตรายท่ีมี โอกาสเกิดการหกได้งา่ ย เช่น การเทกรดหรือด่างออกจากขวดสารเคมีขนาดเล็ก การสงั เคราะหส์ ารโดยทีใ่ ช้สารเคมี อนั ตรายเปน็ ตน้ จดั ทาโดย คณะอนุกรรมการความปลอดภยั ด้านสารเคมแี ละวตั ถุอันตราย คณะแพทยศาสตรว์ ชริ พยาบาล มหาวทิ ยาลยั นวมินทราธิราช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพ่อื ความปลอดภัยในการจัดการสารเคมใี นโรงพยาบาล ห น้ า | 35 หน้ากากคลุมหน้า (Face Shield) ใช้ในกรณีทางานกับสารเคมีกัดกร่อนหรือมีความเป็นพิษสูงใน ปรมิ าณมากๆ เชน่ การเท กรดหรอื ดา่ งออกจากขวดสารเคมีขนาดใหญ่ การเท organic solvent จากขวดสารเคมี ขนาดใหญ่ เปน็ ต้น รูปที่ แวน่ ตานิรภยั (Safety glasses) รปู ท่ี ครอบตานิรภัย (Safety Goggle) รูปที่ หนา้ กากคลุมหนา้ (Shield) (ท่ีมารูป :http://www.streetdeal.co.th) (ท่มี ารปู : https://www.seton.com) (ท่มี ารปู https://www.sgb.co.th) 5.3.2 อปุ กรณ์ป้องกนั ระบบทางเดนิ หายใจ (Respiratory protective equipment) ใช้ป้องกันฝุ่น และไอระเหยท่ีอันตรายต่อทางเดินหายใจ หน้ากากควรกระชับพอดีกับใบหน้า และต้องเลือก ชนดิ ตัวกรองให้เหมาะสมกับการใช้งาน หมั่นเปลยี่ นตัวกรองตามอายกุ ารใชง้ าน ควรทาความสะอาดอย่างเหมาะสม ตามกาหนดเวลา ชนิดกรองอากาศ ใช้กับงานที่มีไอระเหย กลิ่น และ ชนิดส่งผ่านอากาศ ใช้กับงานในบริเวณที่มีก๊าซ ก๊าซเจือจางกรองอนุภาคของฝ่นุ ละออง ฟมู โลหะ ออกซิเจนน้อย พื้นท่ีอับอากาศและสารท่ีมีอันตราย มาก รปู ท่ี อุปกรณ์ปอ้ งกนั ระบบทางเดนิ หายใจ (ทม่ี ารปู : https://www.gazdetect.com) 5.3.3 เส้ือกาวน์ (Laboratory Coat) ใช้ป้องกันการกระเด็นเป้ือนของสารเคมี โดยเนื้อผ้าทาจากใยฝ้าย หรอื ใยสังเคราะหท์ ่ไี ม่ติดไฟง่าย ไมค่ วรใส่หลวมหรอื รัดเกินไป ควรซกั ทาความสะอาดเส้ือกาวน์ทุกครั้งก่อนออกจาก หอ้ งปฏิบัติการ เพือ่ ปอ้ งกันการแพร่กระจายของสารเคมี ห้ามนาเส้ือคลมุ ปฏบิ ตั กิ ารไปซักรวมกบั เสื้อผ้าอืน่ 5.3.4 ชุดกันเป้ือนสารเคมี (Protective Coat) เนื้อผ้าทาจากหนัง หรือ PVC ท่ีทนต่อสารเคมี ใช้สวมทับ เส้อื กาวนอ์ ีกที เพอื่ ป้องกนั การกระเด็น เปือ้ นของสารเคมี และใช้ในการทาความสะอาดสารเคมที หี่ ก 5.3.5 ถุงมือ (Gloves) ควรเลือกวัสดุของถุงมือ (vinyl, latex, nitrile) ให้เหมาะสมกับงาน เน่ืองจาก ลกั ษณะงานมหี ลายประเภท ยกตัวอย่างประเภทถุงมอื ท่ใี ช้ทั่วไป จดั ทาโดย คณะอนกุ รรมการความปลอดภยั ด้านสารเคมแี ละวตั ถอุ นั ตราย คณะแพทยศาสตรว์ ชริ พยาบาล มหาวิทยาลยั นวมนิ ทราธิราช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพ่ือความปลอดภัยในการจดั การสารเคมีในโรงพยาบาล ห น้ า | 36 หลักในทางปฏิบัติท่ีสาคัญ ก่อนถุงมือทุกคร้ัง ควรตรวจสภาพของถุงมือก่อนใช้งาน และเมื่อเลิกใช้งาน ควรล้างมือก่อนท่ีจะถอดถุงมือ ควรถอดถุงมือทุกครั้งก่อนออกจากห้องปฏิบัติการ ไม่ควรจับอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ลกู บิด โทรศัพท์ ปากกา ขณะทย่ี ังสวมใสถ่ ุงมือ เพื่อป้องกันสารเคมจี ากถงุ มือปนเปื้อน ถงุ มือ Vinyl ทนการขูดขดี ทนไขมัน ถงุ มอื latex ปอ้ งกันสารเคมีท่ี ถุงมอื nitrile ป้องกนั สารเคมีและตัว ทาละลายอนั ตราย เชน่ น้ามัน กรด ทนกรด ทนแอลกอฮอล์ ไมท่ น ละลายนา้ ได้ เชน่ กรด ดา่ ง เกลอื แอลกอฮอล์ และตัวทาละลายจาพวก คลอรีน ทนการฉีก แทงทะลุ ขดี ขว่ น Chlorinated solvent คโี ตน รูปท่ี ถงุ มอื สาหรบั ห้องปฏิบตั ิการ ท่มี ารูป : http://dmsc2.dmsc.moph.go.th/webroot/drug/km/lab_other/Laboratory%20safety.pd 5.3.6 รองเท้า (Shoes) ควรเป็นรองเท้าท่ีปกปิดนิ้วเท้าทาจากวัสดุที่ทนสารเคมีกัดกร่อน ทนตัวทาละลาย และกันน้าส่วนท่ีปกปิดนิ้วเท้าควรหนาพิเศษ ทาจากหนังหรือ Polymer ต้องเป็นรองเท้าไม่มีส้น พื้นรองเท้าไม่ลื่น และไมค่ วรนารองเทา้ ทส่ี ารเคมหี กรดมาใส่อกี รูปท่ี รองเทา้ (Shoes) ทมี่ ารูป : https://www.qtesafety.com 5.4 สัญลักษณ์ท่ีเก่ียวขอ้ งกับความปลอดภยั และอนั ตรายของสารเคมี ผู้ที่ปฏิบตั ิงานเก่ยี วขอ้ งกับสารเคมี หรอื ผ้ทู ีเ่ กยี่ วข้อง ควรรู้อันตรายของสารเคมีท่ีใช้ เพ่ือใช้ในการเตรียม ความพรอ้ มดา้ นความปลอดภัยและโตต้ อบฉุกเฉิน รวมทง้ั ประโยชนใ์ นการจดั เก็บตามชนดิ ของอันตรายของสารเคมี โดยสามารถได้ข้อมูลดังกล่าวจาก สัญลักษณ์แสดงอันตรายท่ีแสดงบนฉลากสารเคมี เป็นเครื่องหมายสากลท่ีเข้าใจ งา่ ย ดังน้ี 5.4.1 ปา้ ยเตือนอันตรายทางสารเคมี หลกั ในการพิจารณาตดิ ปา้ ยเตือนอันตรายทางสารเคมี - จัดให้มีป้ายเตือนอันตรายทางสารเคมี ในการทางานเกี่ยวกับสารเคมีอันตรายไว้ในที่เห็นได้ชัดเจน ณ ห้องเกบ็ สารเคมี ตเู้ ก็บสารเคมี - ป้ายเตือนตอ้ งมีขนาดทเ่ี หมาะสม ตดิ ไวใ้ หเ้ ห็นเดน่ ชดั บริเวณพ้นื ทีท่ ตี่ อ้ งใชป้ า้ ยนน้ั ๆ - กรณีห้องเก็บสารเคมี ตู้เก็บสารเคมี มีสารเคมีท่ีเป็นอันตรายหลายประเภท ในการติดป้าย เตือนให้ พิจารณาตามความเหมาะสม และความเปน็ อนั ตรายของสารเคมีตามลาดบั ดังน้ี จัดทาโดย คณะอนกุ รรมการความปลอดภยั ด้านสารเคมีและวตั ถุอนั ตราย คณะแพทยศาสตรว์ ชิรพยาบาล มหาวิทยาลยั นวมินทราธริ าช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพ่ือความปลอดภัยในการจดั การสารเคมีในโรงพยาบาล ห น้ า | 37 ตวั อย่าง การจดั ลาดับความเป็นอันตรายของสารเคมี วัตถุระเบดิ กา๊ ซภายใต้ความดนั สารออกซิไดซ์ สารไวไฟ สารกอ่ มะเร็ง สารพิษ สารกัดกรอ่ น อนั ตรายตอ่ สิง่ แวดล้อม ตัวอย่าง ป้ายเตือนอนั ตรายทางสารเคมี ระวังวตั ถรุ ะเบดิ ระวังสารกดั กรอ่ น ระวังสารพิษ Beware explosive Beware corrosive Beware toxic ระวังวัตถรุ ะเบดิ ระวังสารกัดกร่อน ระวังสารพิษ ระวังออกซไิ ดซ์ ระวังก๊าซภายใต้ความดนั ระวังอนั ตรายตอ่ สง่ิ แวดลอ้ ม Beware oxidizing Beware danger Beware gas under pressure environmental ระวังสารออกซไิ ดซ์ ระวงั ก๊าซภายใต้ความดัน ระวงั อันตรายต่อส่ิงแวดล้อม ระวงั สารก่อมะเร็ง ระวังสารไวไฟ Beware flammable ระวังสารไวไฟ จดั ทาโดย คณะอนุกรรมการความปลอดภยั ด้านสารเคมแี ละวตั ถุอันตราย คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวทิ ยาลยั นวมินทราธริ าช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพอ่ื ความปลอดภัยในการจดั การสารเคมใี นโรงพยาบาล ห น้ า | 38 5.4.2 ป้ายเตือนอันตรายทางชีวภาพ ระบบความปลอดภัยทางชีวภาพของห้องปฏิบัติการ แบ่งตาม ระดับของความปลอดภยั ทางชีวภาพ (biosafety levels) ของหอ้ งปฏิบตั กิ าร ออกเปน็ 4 ระดับ ดงั นี้ - ความปลอดภัยระดับที่ 1 (Biosafety Level 1 – BSL1) ใ ช้ ส า ห รั บ ก า ร วิ จั ย แ ล ะ ท ด ล อ ง เชื้อจุลินทรีย์ที่ไม่ก่อให้เกิดโรค หรือสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม ซึ่งมีอันตรายในระดับต่าท่ีสุดต่อผู้ปฏิบัติงานและ ส่ิงแวดล้อม จุลินทรีย์ที่จัดอยู่ในBSL1 ได้แก่ Bacillus subtilis, B. Naegleriagruberi, Infection Canine Hepatitis Virus - ความปลอดภยั ระดบั ท่ี 2 (Biosafety Level 2 – BSL2) ใช้กับการวิจัยและทดลองเก่ียวกับ เช้ือจลุ นิ ทรยี ท์ ีก่ ่อโรคโดยเฉพาะโรคติดต่อทางเลือด ทางปากและ ทางผวิ หนงั ส่งิ มชี วี ิตดดั แปลงพันธกุ รรม จลุ นิ ทรีย์ ทจ่ี ดั อย่ใู น BSL2 เชน่ Bacillus cereus, Clostridium botulinum, Staphylococcus aurers - ความปลอดภยั ระดับที่ 3 (Biosafety Level 3 – BSL3) ใช้กับการวิจัยและทดลองเก่ียวกับเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคและส่ิงมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม โดยเป็นสิ่งมีชีวิตก่อโรค ร้ายแรงและมีโอกาสแพร่กระจายผ่านทางระบบหายใจ จุลินทรีย์ท่ีจัดอยู่ใน BSL3 ได้แก่ Mycobacterium tuberculosis ไวรัสโรคไขเ้ หลอื ง - ความปลอดภัยระดบั ที่ 4 (Biosafety Level 4 – BSL4 ) ใช้กับการวจิ ยั และทดลองเก่ียวกับจุลินทรีย์ทม่ี ีความเส่ียงสูงต่อการเกิดโรคท่ีคกุ คามชวี ติ ตดิ ต่อดว้ ยการฟุ้ง กระจาย หรือเชื้อสัมพันธ์กับความเส่ียงในการติดต่อ ที่ยังไม่ทราบสาเหตุ จุลินทรีย์ที่จัดอยู่ใน BSL4 ได้แก่ Hanta virus, Ebola virus หมายเหตุ สญั ลกั ษณ์สารชีวภาพอันตรายใชส้ าหรบั หอ้ งปฏบิ ัติการความปลอดภัยระดบั ท่ี 2 (Biosafety Level 2 – BSL2 ) ขนึ้ ไป ควรติดสญั ลักษณ์ปา้ ยเตอื นอนั ตรายทางชีวภาพ ในจดุ ต่างๆ ดังน้ี - ประตทู างเข้าห้องปฏบิ ตั ิการ - ตู้เยน็ /ตู้แชแ่ ขง็ ทเี่ กีย่ วขอ้ งกบั เชื้อจุลินทรีย์ - ภาชนะหรอื เคร่ืองมอื ทสี่ มั ผัสกับสารชวี ภาพ ตวั อย่างปา้ ยเตือนบรเิ วณประตูทางเขา้ ห้องปฏบิ ตั กิ าร (ขนาดของป้าย 18 x 12 ซม.) จดั ทาโดย คณะอนกุ รรมการความปลอดภัยด้านสารเคมีและวตั ถอุ ันตราย คณะแพทยศาสตรว์ ชริ พยาบาล มหาวทิ ยาลยั นวมนิ ทราธิราช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพอื่ ความปลอดภัยในการจดั การสารเคมีในโรงพยาบาล ห น้ า | 39 ตวั อย่างปา้ ยเตอื นบริเวณ ตู้เย็น/ตแู้ ชแ่ ข็ง ทีเ่ กีย่ วขอ้ งกับเชอ้ื จุลนิ ทรีย์ (ขนาดของป้าย 8 x10 ซม.) ตัวอย่างป้ายเตือนบริเวณ ภาชนะหรอื เครือ่ งมอื ที่สัมผสั กับสารชีวภาพ (ขนาดของปา้ ย 4 x 5 ซม.) (ท่ีมา: งานอาชวี อนามัย โรงพยาบาลศริ ริ าช, 2555) 5.4.3 ปา้ ยสัญลักษณ์เกีย่ วกับการใชอ้ ุปกรณ์ป้องกนั ภัยส่วนบุคคล รูปท่ี ตวั อยา่ งปา้ ยสญั ลกั ษณก์ ารใชอ้ ุปกรณป์ ้องกนั ภัยสว่ นบคุ คล (ทม่ี า: http://www.siamsafetygroup.com) จดั ทาโดย คณะอนุกรรมการความปลอดภัยดา้ นสารเคมแี ละวตั ถอุ นั ตราย คณะแพทยศาสตรว์ ชิรพยาบาล มหาวิทยาลยั นวมินทราธิราช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพอื่ ความปลอดภัยในการจดั การสารเคมีในโรงพยาบาล ห น้ า | 40 บทท่ี 6 การจดั ทาขอ้ มลู ความปลอดภัย (Safety Data Sheet : SDS) และฉลากปดิ บนภาชนะบรรจุสารเคมี 6.1 ข้อมูลความปลอดภัยสารเคมี (Safety Data Sheet : SDS) หมายถึง เอกสารข้อมูลความปลอดภัย สารเคมีที่มีรายละเอียดเก่ียวกับประเภท สมบัติ ความเป็นอันตราย รวมทั้งการดาเนินการเกี่ยวกับสารเคมีเพื่อให้ เกิดความปลอดภัยสาหรับการใช้สารเคมีชนิดนั้น เป็นข้อมูลเฉพาะของ แต่ละชนิดของสารเคมี ผู้ผลิตสารเคมี จะต้องจัดทา SDS เป็นเอกสารกากับสาหรับผลิตภัณฑ์ และส่งให้ลูกค้าพร้อมการจัดส่งผลิตภัณฑ์เพื่อให้ผู้ใช้ สามารถนาสารเคมีไปใช้ได้อย่างปลอดภัย คณะอนุกรรมการความปลอดภัยด้านสารเคมีและวัตถุอันตราย ได้ทา แนวทางปฏิบัติการจัดทา เอกสารข้อมูลความปลอดภัย (Safety Data Sheet: SDS) ซ่ึงมีรายละเอียด ดังนี้ (ตัวอยา่ งแบบฟอรม์ จัดทาข้อมูลความปลอดภยั ทางเคมี (Safety Data Sheet: SDS) ในภาคผนวก 3 ) 1. การจัดแยกสารเคมี 9 ประเภท คือ การแบ่งประเภทความเป็นอันตรายของสารเคมีตามระบบ UN (United Nations Committee of Experts on the Transport of Dangerous Goods 2. ข้อมลู SDS / MSDS - ช่ือสารเคมี ชอื่ อนื่ ๆ สูตรทางเคมี องค์ประกอบของสารเคมี - CAS No. - UN No. - การใชง้ านสารเคมี - ระดับความเปน็ พิษและอนั ตรายของสารเคมี - มาตรการเฝ้าระวงั ทางสุขภาพและสง่ิ แวดลอ้ ม - การป้องกนั อันตรายส่วนบุคคล - การปฐมพยาบาล - สถานท่ตี ดิ ตอ่ เพื่อขอข้อมลู เพ่มิ เตมิ 3. การจัดเกบ็ สารเคมี และข้อควรระวังในการจดั เกบ็ การถา่ ยเทสารเคมี 4. ลักษณะการนาไปใชใ้ นหนว่ ยงาน (เชน่ ใชภ้ ายในตูด้ ูดไอระเหยสารเคมี) 5. การจัดการกบั สารเคมีท่หี ก / ร่ัว 6. การบรหิ ารจดั การของเสีย และการกาจัดภาชนะท่ใี ช้แล้วตัวอย่างฐานข้อมูลสืบคน้ เอกสารกากับ สารเคมี (MSDS / SDS) หมายเหตุ 1.ต้องมีเอกสารข้อมูลความปลอดภัย (Safety Data Sheet: SDS) ของสารเคมีทุกชนิดในห้องปฏิบัติการ และควร ปรับใหเ้ ป็นปจั จบุ นั 2.จดั เก็บเอกสารข้อมูลความปลอดภยั (Safety Data Sheet: SDS) เป็นเอกสารหรือไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ทเี่ จา้ หน้าท่ี ผปู้ ฏบิ ัตงิ านเขา้ ถึงไดง้ ่าย จัดทาโดย คณะอนกุ รรมการความปลอดภัยด้านสารเคมีและวตั ถอุ ันตราย คณะแพทยศาสตรว์ ชิรพยาบาล มหาวทิ ยาลยั นวมินทราธริ าช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพอ่ื ความปลอดภัยในการจัดการสารเคมใี นโรงพยาบาล ห น้ า | 41 6.2 ฉลากสารเคมี เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานต้องตรวจสอบฉลากบนภาชนะบรรจุสารเคมีท่ีมาจากผู้ผลิต ให้มี ข้อความชัดเจนไม่ลบเลือนมองเห็นง่ายติดแน่นไม่หลุดลอก กรณีที่ฉลากเสื่อมสภาพหรือถูกทาลาย ต้องจัดทา ฉลากใหม่ ให้มีข้อมูลที่สาคัญเพียงพอสาหรับภาชนะท่ีบรรจุสารเคมีท่ีเตรียมขึ้นเองหรือที่ใช้ถ่ายแบ่งจากขวดเดิม คณะอนุกรรม การความปลอดภัยด้านสารเคมีและวัตถุอันตราย ได้ทาแนวทางปฏิบัติการจัดทา ฉลากสารเคมี ตามกฎกระทรวง กาหนดมาตรฐานในการบริหารจัดการและดาเนินการด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม ในการทางานเก่ียวกับสารเคมีอันตราย พ.ศ. 2556 ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ (ตัวอย่างแบบ ฟอรม์ และตวั อยา่ งฉลากสารเคมี ในภาคผนวก 4) 1. ช่อื ผลิตภัณฑ์ (product name) 2. ชือ่ สารเคมีอันตราย (hazardous substances) 3.รูปสัญลักษณ์(pictograms) ตัวอย่างรูปสัญลักษณ์ (pictograms) ในตารางที่ 2 สัญลักษณ์ความเป็นอันตราย ระบบ GHS จาเเนกตามประเภทความเปน็ อนั ตราย 4.คาสัญญาณ (signal words) หมายถึง คาท่ีใช้เพื่อกาหนดระดับความสัมพันธ์ของความรุนแรงของอันตราย และเตือนผู้อ่านถึงโอกาสในการเกิดอันตรายซึ่งแสดงอยู่บนฉลากระบบ GHS ใช้คาว่า ‘Danger หรือ อันตราย’ และ ‘Warning หรือ คาเตือน’ เป็นคาสัญญาณ คาว่า “Danger หรอื อันตราย” ใช้สาหรบั กลุ่มความเป็นอันตราย ทร่ี ุนแรงกวา่ ในขณะทค่ี าว่า “Warning หรอื คาเตอื น” ใช้สาหรบั ความรุนแรงทีต่ า่ กวา่ 5.ข้อความแสดงอันตราย (hazard statements) หมายถึง วลีท่ีกาหนดขึ้นสาหรับประเภทและกลุ่มความเป็น อนั ตรายทอ่ี ธิบายถึงลกั ษณะของความเป็นอนั ตรายของผลติ ภณั ฑ์ 6.ข้อควรระวังหรือข้อปฏิบัติเพ่ือป้องกันอันตราย หมายถึง กลุ่มคา (และ/หรือรูปสัญลักษณ์) ท่ีระบุมาตรการ แนะนาว่าควรปฏิบัติตามเพื่อลดหรือปองกันการเกิดผลรายที่เกิดจากการรับสัมผัสกับผลิตภัณฑ์อันตราย หรือการ จัดเก็บหรอื จดั การผลิตภณั ฑ์อันตรายที่ไมถกู ตองเหมาะสม 7.การระบผุ ู้ผลติ หรือจาหน่าย ตวั อยา่ งฉลากสารเคมี จดั ทาโดย คณะอนกุ รรมการความปลอดภัยด้านสารเคมแี ละวตั ถุอันตราย คณะแพทยศาสตรว์ ชิรพยาบาล มหาวิทยาลยั นวมนิ ทราธิราช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพ่อื ความปลอดภัยในการจัดการสารเคมีในโรงพยาบาล ห น้ า | 42 บทท่ี 7 การตรวจสุขภาพตามปัจจยั เสยี่ งแกบ่ คุ ลากรท่ีทางานสมั ผสั สารเคมี การปฏิบัติงานในสถานที่ที่อาจเกิดอันตรายและเป็นแหล่งที่มีสิ่งคุกคามทางสุขภาพ (Health Hazards) หลายชนิด เช่น สิ่งคุกคามสุขภาพทางกายภาพทางเคมี ทางชีวภาพ ทางการยศาสตร์ อัคคีภัย และอุบัติเหตุต่างๆ ผู้ปฏิบัติงานจึงควรได้รบั การเฝ้าระวังทางสุขภาพ ดังน้ันการตรวจสุขภาพตามความเส่ียงแก่บุคลากรที่ทางานสัมผัส สารเคมี จงึ เปน็ เรอ่ื งท่มี ีความจาเปน็ โดยมีขน้ั ตอนการดาเนินงานดงั นี้ 7.1 หลักการตรวจสุขภาพตามปจั จัยเส่ยี งบคุ ลากรท่ที างานสมั ผสั สารเคมี 7.1.1 ทาการประเมินความเสี่ยงทางสุขภาพ เพ่ือหาข้อมูลนาไปพิจารณาในการตรวจสุขภาพ ในกรณีที่ยัง ไม่เคยดาเนินการประเมินความเส่ียง หรือมีการตรวจสุขภาพมาก่อน ควรจะมีการดาเนินการตามข้ันตอนประเมิน ความเส่ียงเปน็ ระบบ คอื 1. การสารวจสภาพการทางานเพ่ือรวบรวมข้อมูลสิ่งคุกคามต่าง ๆ ทั้งหมดในแต่ละข้ันตอนของ กระบวนการทางาน 2. พิจารณาว่าแต่ละส่ิงคุกคามนั้นมีผลกระทบต่อสุขภาพอย่างรุนแรงมากน้อยแค่ไหน ทั้งผลกระทบ ระยะสนั้ และผลกระทบระยะยาว 3. พิจารณาโอกาสท่ีสิ่งคุกคามน้ันๆ จะก่อให้เกิดอันตรายหรือโรคจากการทางานในกลุ่มผู้ทางาน หรอื ไมอ่ ย่างไร โดยพิจารณาจากระดบั และปจั จยั ทเี่ ก่ียวข้องของการรับสมั ผัสในแต่ละสงิ่ คุกคาม 4. จดั ลาดบั ความเสย่ี งของแต่ละสิ่งคุกคาม ว่าส่งิ คกุ คามในขน้ั ตอนกระบวนการทางานใดมคี วามเส่ียง ท่ีจะมีผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ทางานหรือพนักงานสูง สิ่งคุกคามมีความเส่ียงปานกลาง หรือมีความเสี่ยงน้อย หลังจากท่ีทาการจัดระดับความเสี่ยงของสภาพแวดล้อมจะต้องดาเนินมาตรการในการป้องกันและควบคุมความ เส่ียงดังกลา่ วก่อน 7.1.2 ขั้นตอนการทางานท่ีมีความเสย่ี งต่อสุขภาพจากการสารวจหรือวเิ คราะหค์ วามเสีย่ งในข้อ 1.1 จะตอ้ งพจิ ารณาว่าสง่ิ คกุ คามตา่ งๆ สามารถกอ่ ใหเ้ กิดอันตราย หรอื ก่อโรคจากการทางานหรือไม่ สามารถ ดาเนินการตรวจคัดกรองทางสุขภาพไดห้ รือไม่ (เนือ่ งจากในปจั จุบนั มีสิ่งคกุ คามหลายชนิดโดยเฉพาะสารเคมตี ่างๆ ทเ่ี รายังไม่ทราบกลไกการเกิดอนั ตรายต่อสขุ ภาพ หรอื สารเคมบี างชนดิ ทราบกลไกการเกดิ พิษ แตย่ งั ไมม่ ีวิธีการที่ จะตรวจคัดกรองทางสุขภาพ) 7.2.3 การตรวจประเมินสุขภาพ สามารถประสานหน่วยงานที่ให้บริการตรวจสุขภาพตามปัจจัยเส่ียงมา ให้บริการตรวจสุขภาพ เช่น กลุ่มงานอาชีวเวชกรรมของโรงพยาบาลต่าง ซึ่งจะมีทีมแพทย์อาชีวเวชศาสตร์และ พยาบาลอาชีวอนามัยท่ีให้บริการตรวจดังกล่าว ซึ่งการตรวจสุขภาพตามความเสี่ยงเป็นการตรวจสุขภาพในกลุ่มที่ ปฏิบัติงานเสยี่ งอนั ตรายโดยการตรวจต้องคานงึ ถงึ สภาพแวดล้อมการทางานของแต่ละกลุ่มว่ามีเสย่ี งอะไรบา้ งและมี ผลกระทบต่อร่างกายอย่างไร บางคร้ังจาเป็นต้องมีการตรวจพิเศษ อย่างไรก็ตามการตรวจสุขภาพตามความเส่ียง น้ัน ส่วนใหญ่ยังคงเป็นการตรวจคัดกรองทางสุขภาพก่อนที่ร่างกายจะเกิดการบาดเจ็บป่วย เพื่อการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคจากการทางานโดยใช้เครื่องมือตรวจพิเศษทางด้านอาชีวเวชสาสตร์ เช่นการตรวจ สมรรถภาพปอด การตรวจสมรรถภาพตาการตรวจสมรรถภาพการได้ยิน รวมถึงการตรวจหาสารเคมีและสารแปร รูปต่างๆ ในเลอื ดและในปสั สาวะของ จดั ทาโดย คณะอนุกรรมการความปลอดภัยด้านสารเคมแี ละวตั ถอุ ันตราย คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลยั นวมินทราธิราช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพ่ือความปลอดภัยในการจัดการสารเคมใี นโรงพยาบาล ห น้ า | 43 พนกั งาน ในการตรวจสุขภาพตามความเส่ียงต้องรวบรวมประวัติของคนงานท้ังประวัตสิ ว่ นตวั ประวัติครอบครัวและ ประวัติการเจบ็ ป่วยทั้งในอดตี และปจั จุบนั โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. ขอ้ มลู ทั่วไป : ประกอบด้วย วันทซี่ กั ประวัติข้อมูลสว่ นบุคคล เช่น วัน เดอื น ปเี กดิ เพศ เช้ือชาติ 2. ประวตั สิ ุขภาพ : สขุ ภาพทัว่ ไป ประวัตกิ ารเจ็บป่าวและบาดเจบ็ ต้ังแต่อดีตจนถงึ ปัจจุบนั การได้รับ ภูมิคุ้มกัน การป่วยทางจิต การรักษาในโรงพยาบาล การรับการผ่าตัด การแพ้ยา วิถีชีวิตทั้งในเร่ืองการกินอยู่ การ นอนหลับการออกกาลังกาย การดื่มกาแฟ ด่มื สุรา การใช้ยา การสบู บหุ รี่ 3. ประวัติครอบครัว : สถานสุขภาพของแต่ละคนในครอบครัว สาเหตุการตายของคนในครอบครัว ปัญหาสุขภาพของแต่ละบุคคล ประวัติการเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ เช่น โรคหลอดเลือดอักเสบปัญหาโรคทางระบบ เลอื ด เบาหวาน ปวดศรี ษะ ความดันโลหิตสงู การทางานของไตผิดปกติ ความผดิ ปกตทิ างจติ วัณโรค และอ่ืนๆ 4. ประวัติทางจิตสังคม : ข้อมูลท่ีควรทราบ ได้แก่ วิธีการพักผ่อนหย่อนใจ การใช้เวลาว่าง และการ แก้ไขปัญหาเมอื่ รสู้ ึกเครยี ด 5. ประวัติการทางาน : หนา้ ท่ใี นปัจจุบันทามานานเทา่ ไร งานทท่ี าอยเู่ กี่ยวขอ้ งกับสารเคมดี ว้ ยหรือไม่ ถ้าเกี่ยวข้องเป็นสารเคมีประเภทไหน (ฝุ่น ฟูม ไอ) เช่น ซิลิกา กราไฟท์ ฝุ่นไม้ แป้ง พลาสติก ใยแก้ว ใยหิน แอมโมเนียม ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ฟอมัลดีไฮด์ ฟลูออไรด์ ไซยาไนด์ หรืออื่นๆ ให้ระบุสัมผัสโลหะหนักชนิดไหนบ้าง เช่น ตะกัว่ โครเมยี ม ปรอด สารหนู นิเกิล อลมู ิเนยี ม หรือ อื่น ๆ ให้ระบุ ถ้าเปน็ สารทาลายมอี ะไรบา้ ง เชน่ เบนซนิ คาร์บอนไดซัลไฟด์ โทลูอีน คาร์บอนเตตราคลอไรดื ไตรคลอดรเอททิลีน ไซลีน หรืออื่น ๆ ให้ระบุ รวมท้ังระบุว่า งานท่ที านั้นมีสง่ิ ทนี่ ่าจะเปน็ อันตรายอื่นๆ ด้วยเช่น แสง เสียง ความร้อน ความสน่ั สะเทือนรว่ มด้วยหรือไม่ 7.2 รายการตรวจสุขภาพสาหรับผทู้ ่ปี ฏิบัติงานเก่ียวข้องกับสารเคมี รายงานการตรวจสุขภาพอาจแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่พิจารณาตามสุขภาพทั่วไป และกลุ่มที่ พิจารณาตามสิ่งคุกคามทางสุขภาพจากการปฏิบัติงานด้านสารเคมี กลุ่มแรกนั้นข้อพิจารณา ได้แก่ เพศ อายุ และ โรคเดิมท่ีมีอยู่หรือภาวะผิดปกติที่มีอยู่ เช่น ความดันโลหิตสูง อ้วน หรือประวัติโรคต่าง ๆ ในครอบครัว เป็นต้ น ส่วนการตรวจสขุ ภาพตามความเส่ียงของการสัมผสั สงิ่ คุกคามต่อสขุ ภาพในงานน้ัน แพทย์อาชีวเวชศาสตรจ์ ะมีส่วน ช่วยได้อย่างมากในการกาหนดรายการตรวจสุขภาพที่เหมาะสมกับลักษณะงาน และส่ิงคุกคามต่อสุขภาพ ผู้ปฏิบัติงานในห้องปฏิบัติการอาจสัมผัส โดยอาศัยข้อมูลจากกระบวนการทางาน และข้อมูลสุขภาพแวดล้อมการ ทางาน จดั ทาโดย คณะอนุกรรมการความปลอดภยั ด้านสารเคมีและวตั ถอุ ันตราย คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวทิ ยาลยั นวมินทราธริ าช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพอ่ื ความปลอดภัยในการจัดการสารเคมีในโรงพยาบาล ห น้ า | 44 ตารางรายการตรวจสขุ ภาพผ้ปู ฏิบตั ิงานสัมผัสสารเคมี โปรแกรมการตรวจ รายการตรวจ โปรแกรมที่ 1 รายการตรวจสขุ ภาพประจาปี (หากไม่กาหนดความถ่ีไว้ ให้เข้าใจวา่ ตรวจปีละคร้งั ) การตรวจสขุ ภาพทั่วไป อายุน้อยกว่า 35 ปี - ตรวจรา่ งกายโดยแพทย์ - ชง่ั น้าหนัก วดั สว่ นสูง คานวณดัชนมี วลกาย - วดั และคานวณสัดสว่ นเสน้ รอบเอวต่อเสน้ รอบสะโพก - วดั ความดนั โลหติ อายมุ ากกวา่ 35 ปีข้นึ ไป - ตรวจรา่ งกายโดยแพทย์ - ชง่ั นา้ หนกั วดั สว่ นสูง คานวณดัชนีมวลกาย - วัดและคานวณสดั สว่ นเสน้ รอบเอวต่อเสน้ รอบสะโพก - วัดความดนั โลหิต - ตรวจวัดสายตา (อายุ > 40 หรือใช้สายตามาก) - ตรวจระดบั โคเลสเตอรอลรวมในซรี ัม่ (อายุ > 35 ตรวจทกุ 3 ปี) - ตรวจระดับกลูโคสในพลาสมาหลังอดอาหาร (fastig plasma glucose; อายุ > 45 ตรวจทกุ 3 ป)ี - ตรวจระดับไตรกลเี ซอไรด์และไขมันดี (HDL – C) ในซีรมั่ (ชายอายุ > 45; หญงิ อายุ 55; ตรวจทกุ 3 ป)ี - ตรวจ stool occlt blood (อายุ > 40; ตรวจทกุ 5 ป)ี - ตรวจปัสสาวะ (ทุก 3 ป)ี โปรแกรมที่ 2 การตรวจสุขภาพตามความเสี่ยง ควรตรวจสุขภาพก่อนเข้าทางาน ขณะปฏิบตั ิงานและก่อนเปลี่ยน งานทมี่ คี วามเสยี่ ง สาหรบั บุคลากรท่ีปฏิบตั งิ านสัมผัสสารเคมี ตอ้ งมกี ารตรวจสุขภาพตามความเส่ยี ง ดงั นี้ Formaldehyde - การตรวจสมรรถภาพปอด ทกุ 1 ปี -CHEST X-RAY ทกุ 1 ปี Ethylene Oxide - CBC ทกุ 1 ปี Acetone - BUN ,Cr,AST,ALT,Alkaline phosphatase ทุก 1 ปี Xylene - AST,ALT,Alkaline phosphatase ทกุ 1 ปี Cidex - BUN ,Cr,AST,ALT,Alkaline phosphatase ทุก 1 ปี - การตรวจสมรรถภาพปอด ทุก 1 ปี ยาเคมีบาบดั - CBC ทกุ 6 เดอื น - BUN ,Cr,AST,ALT,Alkaline phosphatase ทกุ 1 ปี Waste anesthetic gas - CBC ทกุ 1 ปี - AST,ALT,Alkaline phosphatase และ UA ทุก 1 ปี จดั ทาโดย คณะอนุกรรมการความปลอดภัยด้านสารเคมแี ละวตั ถอุ ันตราย คณะแพทยศาสตร์วชริ พยาบาล มหาวทิ ยาลยั นวมินทราธริ าช โทร. 02-244-3567

คาแนะนา เพอ่ื ความปลอดภัยในการจดั การสารเคมใี นโรงพยาบาล ห น้ า | 45 จดั ทาโดย คณะอนกุ รรมการความปลอดภัยดา้ นสารเคมีและวตั ถุอันตราย คณะแพทยศาสตรว์ ชิรพยาบาล มหาวทิ ยาลยั นวมนิ ทราธิราช โทร. 02-244-3567


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook