Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore is (1)2

is (1)2

Published by 20756, 2019-09-21 05:40:30

Description: is (1)2

Search

Read the Text Version

โครงงานคอมพวิ เตอร์ เรื่อง Aloe Vela Soap จดั ทาโดย 1. นางสาวจารุวรรณวดี ลือยศ เลขท่ี3 2. นางสาวนา้ ฝน แซ่เฮ้อ เลขท5ี่ 3. นางสาวสิรินาถ ใหม่น้อย เลขที่9 4. นางสาวปาลติ า อทิ ธิพลปัญญา เลขท่ี10 ช้ันมัธยมศึกษาปี ท่ี 5/2 เสนอต่อ ครูดารงค์ คนั ธะเรศย์ รายวชิ า IS1 รหัสวชิ า I30201 การศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ ปี การศึกษา 2562 โรงเรียนปัว สานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารมัธยมศึกษา เขตท่ี37

โครงงานคอมพวิ เตอร์ เรื่อง Aloe Vela Soap จดั ทาโดย 1. นางสาวจารุวรรณวดี ลือยศ เลขท่ี3 2. นางสาวนา้ ฝน แซ่เฮ้อ เลขท5ี่ 3. นางสาวสิรินาถ ใหม่น้อย เลขที่9 4. นางสาวปาลติ า อทิ ธิพลปัญญา เลขท่ี10 ช้ันมัธยมศึกษาปี ท่ี 5/2 เสนอต่อ ครูดารงค์ คนั ธะเรศย์ รายวชิ า IS1 รหัสวชิ า I30201 การศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ ปี การศึกษา 2562 โรงเรียนปัว สานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารมัธยมศึกษา เขตท่ี37

ก เกย่ี วกบั โครงงาน เรื่อง Aloe Vela Soap ผจู้ ดั ทำ 1.นำงสำวจำรุวรรณวดี ลือยศ เลขที่3 2.นำงสำวน้ำฝน แซ่เฮอ้ เลขท่ี5 3.นำงสำวสิรินำถ ใหม่นอ้ ย เลขท่ี9 4.นำงสำวปำลิตำ อิทธิพลปัญญำ เลขที่10 ครูท่ีปรึกษำ ครูดำรงค์ คนั ธะเรศย์ สถำนศึกษำ โรงเรียนปัว อำเภอปัว จงั หวดั น่ำน สำนกั งำนเขตพ้ืนท่ีกำรศึกษำมธั ยมศึกษำเขต 37 ปี กำรศึกษำ 2562

ข บทคดั ย่อ โครงงำนวิทยำศำสตร์ เร่ืองสบู่สมุนไพรธรรมชำติน้ี จดั ทำข้ึนเพ่ือ เรียนรู้วธิ ีกำรทำสบู่เพรำะสบู่เป็ นของ ใช้ที่จำเป็ นในชีวิตประจำวนั ทุกวนั น้ีเรำอำบน้ำตอ้ งใช้สบู่เพ่ือกำรขจดั สิ่งสกปรกออกจำกร่ำงกำย ซ่ึงคน ส่วนมำกมกั จะเลือกสบู่ท่ีสำมำรถทำควำมสะอำดไดด้ ีมำกๆ จนไม่คำนึงถึงผลเสียที่จะเกิดกบั ผิวในภำยหลงั ปัจจุบนั สบู่มีมำกมำยหลำยชนิดให้เรำเลือกใช้ ตำมควำมเหมำะสมและควำมชอบของแต่ละบุคคล บำงชนิดก็ ผสมสมุนไพรบำงชนิดก็ผสมสำรเคมี เช่น Triclocarban เพื่อฆ่ำเช้ือแบคทีเรีย ซ่ึงผใู้ ช้บำงรำยอำจเกิดอำกำรแพ้ สำรเคมีหำกใช้บ่อยเกินไป แต่เรำรู้จกั สบู่เหล่ำน้นั ดีเพียงไร และจะมีสักก่ีคนที่ใส่ใจในรำยละเอียดว่ำสบู่แต่ละ กอ้ นมีส่วนประกอบสำคญั อะไรบำ้ ง สบู่ที่ดีจะตอ้ งมีส่วนประกอบสำคญั ที่จำเป็ นและมีประโยชน์ต่อผิว ซ่ึง นอกจำกจะทำให้สบู่ที่ไดท้ ำควำมสะอำดผิวไดด้ ีแลว้ ยงั สำมำรถบำรุงผวิ ไดอ้ ีกดว้ ย ท้งั น้ีสบู่เป็ นส่ิงท่ีเรำตอ้ งใช้ เป็นประจำทุกวนั หำกเรำคดั สรรสบู่ท่ีดีมีคุณภำพจะทำใหเ้ รำ มีสุขภำพผวิ ท่ีดีอยคู่ ูก่ บั เรำไปตลอดนำนเทำ่ นำน ในสภำวะเศรษฐกิจถดถอยกำรผลิตสบู่สมุนไพรใชเ้ องน่ำจะเป็ นแนวทำงหน่ึงที่ลดค่ำใชจ้ ่ำย ช่วยเหลือ เศรษฐกิจประชำชนชุมชนไดม้ ำก เพรำะวตั ถุดิบหลกั ท่ีใชเ้ ป็ นวสั ดุท่ีผลิตเองในประเทศเกษตรกรสำมำรถปลูก พืชน้ำมนั และสกดั น้ำมนั โดยวิธรกำรง่ำยๆนำมำใชเ้ ป็ นวตั ถุดิบหลกั นอกจำกน้ีในแหล่งชุมชนที่มีไขมนั สัตว์ เหลือใช้ อีกท้งั สมุนไพรหำไดใ้ นประเทศมำกมำยกำรผลิตสบูผ่ สมสมุนไพรจึงเป็นกำรสนบั สนุนกำรนำสำรจำก วสั ดุธรรมชำติท่ีผลิตไดเ้ องมำใชป้ ระโยชน์อยำ่ งคุม้ คำ่ รำคำถูกประหยดั และใชไ้ ดง้ ่ำยจึงน่ำที่จะผลิตสบู่สมุนไพร เพ่ือนำมำใชช้ ำระลำ้ งทำควำมสะอำดร่ำงกำย ก่อนท่ีจะทำกำรผลิตสบู่สมุนไพรน้นั เรำจำเป็ นตอ้ งศึกษำวธิ ีกำร ผลิตอยำ่ งละเอียดก่อนเพอื่ ควำมปลอดภยั และและเพื่อท่ีจะไดส้ บูท่ ่ีมีคุณภำพดี

ค กติ ตกิ รรมประกาศ โครงงำน เร่ือง Aloe Vela Soapฉบบั น้ี สำเร็จลุล่วฃไดเ้ พรำะไดค้ วำมอนุเครำะห์จำกคุณครูดำรงค์ คนั ธเรศย์ คุณครูที่ปรึกษำ ท่ีกรุณำสละเวลำใหค้ วำมรู้และคำแนะนำตลอดกำรทำโครงงำน ขอขอบคุณเพ่ือนๆที่ไดใ้ หค้ วำมช่วยเหลือในกำรทำโครงงำน และสุดทำ้ ยขอกรำบขอบพระคุณ คุณพอ่ และคุณแม่ผทู้ ่ีคอยใหก้ ำลงั ใจและใหโ้ อกำสทำงกำรศึกษำอนั มีคุณคำ่ ยงิ่ ใหญ่ คณะผจู้ ดั ทำ 20 กนั ยำยน 2562

สารบัญ ง เร่ือง หนำ้ เกี่ยวกบั โครงงำน ก บทคดั ยอ่ ข กิตติกรรมประกำศ ค สำรบญั ง บทท่ี1 บทนำ 1 บทท่ี2 เอกสำรและงำนวจิ ยั ที่เก่ิยวขอ้ ง 3 บทท่ี3 วธิ ีกำรดำเนินงำน 12 บทท่ี4 ผลกำรดำเนินงำน 13 บทท่ี5 สรุปและอภิปรำยผลกำรทดลอง 14 15 บรรณำนุกรม

1 บทที่ 1 บทนา ความเป็ นมาและความสาคัญของปัญหา สบู่ เป็ นผลิตภณั ฑช์ นิดหน่ึงท่ีใชใ้ นกำรทำควำมสะอำดร่ำงกำย เดิมใช้เพื่อทำควำมสะอำดร่ำงกำยเท่ำน้นั ปัจจุบนั กระบวนกำรผลิตสบู่ มีกำรเพ่ิมส่วนผสมอ่ืนๆ เพอ่ื ใหส้ บู่มีสรรพคุณตรงตำมควำมตอ้ งกำรของผูบ้ ริโภค มำกข้ึน เช่น มีสีสันที่สวยงำมน่ำใช้ มีกลิ่นหอม และมีสรรพคุณทำงยำในทำงกำรคำ้ มีกำรใช้สำรสังเครำะห์ เพม่ิ ข้ึนทำใหผ้ ลิตภณั ฑน์ ่ำใช้ บรรจุภณั ฑส์ วยงำมแตแ่ ฝงไป ดว้ ยสำรเคมีที่เป็นอนั ตรำย มีพษิ ตกคำ้ งและรำคำสูง ปัจจุบนั นิยมใช้พืชสมุนไพรท่ีมีอยู่ในธรรมชำติมำเป็ นส่วนผสมเพิ่มเติมในสบู่ แทนกำรใช้สำรเคมี สังเครำะห์ ในกำรใชช้ ีวิตประจำวนั ของคนทุกคนตอ้ งมีกำรอำบน้ำกนั อยทู่ ุกวนั โดยปกติคนส่วนใหญ่เฉลี่ย ก็ อำบน้ำวนั ละสองคร้ัง และปัจจุบันน้ี สบู่ก็มีมำกมำยหลำยชนิดให้ได้เลือกใช้ ตำมควำมเหมำะสม และ ควำมชอบของแต่ละบุคคล แต่จะมีใครทรำบหรือไมว่ ำ่ สบูส่ ่วนใหญ่ที่ใชก้ นั อยลู่ ว้ นแลว้ แตม่ ีส่วนผสมท่ี เป็นพิษ ของสำรซกั ฟอก และสำรเคมี และเศษท่ีหลงเหลือในอุตสำหกรรม จำกกำรกลน่ั น้ำมนั และปิ โตรเลียมเคมีรวมถึง วตั ถุกนั เสีย ซ่ึงสำรเหล่ำน้ีลว้ นส่งผลร้ำยต่อสัตวแ์ ละคน และท่ีมำกกวำ่ น้นั คือ ผวิ สำมำรถดูดซึมของเสียเหล่ำน้ี ไดถ้ ึง 60% ดงั น้นั ทำงกลุ่มเรำจึงไดศ้ ึกษำคน้ ควำ้ เก่ียวกบั กำรทำสบู่จำกหวำ่ นหำงจระเขเ้ พื่อที่จะศึกษำสรรพคุณของ วำ่ นหำงจระเขท้ ี่จะช่วยในกำรบำรุงผวิ พรรณ ทำให้ผิวพรรณเนียนนุ่ม ดูชุ่มช้ืน แกป้ ัญหำผวิ แหง้ กร้ำน ป้องกนั กำรเกิดริ้วรอยแห่งวยั ตอ่ ไป วตั ถุประสงค์ 1. เพอ่ื ศึกษำวธิ ีกำรทำสบู่สมุนไพรจำกวำ่ นหำงจระเข้ 2. เพือ่ ท่ีจะศึกษำเก่ียวกบั สรรพคุณของวำนห่ำงจระเขท้ ี่ทำต่อผวิ กำย

2 สมมุตฐิ าน สบูว่ ำ่ นหำงจระเขช้ ่วยให้ผวิ สะอำดและดูชุ่มชื่นข้ึน ขอบเขตของการศึกษา 4.1 ประชำกรท่ีใชใ้ นกำรศึกษำ ประชำกร หมำยถึง สมำชิกทุกหน่วยของสิ่งที่สนใจศึกษำ ซ่ึงไม่ไดห้ มำยถึงคนเพียงอย่ำงเดียว ประชำกร อำจจะเป็นสิ่งของ เวลำ สถำนท่ี ฯลฯ เช่น ถำ้ สนใจควำมคิดเห็นของคนไทยที่มีตอ่ กำรเลือกต้งั ประชำกร คือ คน ไทยทุกคน หรือถำ้ สนใจอำยกุ ำรใช้งำนของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ยห่ี ้อหน่ึง ประชำกรคือเคร่ืองคอมพิวเตอร์ยี่ห้อ น้นั ทุกเคร่ือง แต่กำรเก็บขอ้ มูลกบั ประชำกรทุกหน่วยอำจทำใหเ้ สียเวลำและค่ำใชจ้ ำ่ ยท่ีสูงมำกและบำงคร้ังเป็ น เร่ืองท่ีตอ้ งตดั สินใจภำยในเวลำจำกดั กำรเลือกศึกษำเฉพำะบำงส่วนของประชำกรจึงเป็ นเรื่องที่มีควำมจำเป็ น เรียกวำ่ “กลุ่มตวั อยำ่ ง” ประเภทของประชำกร จำแนกเป็น 2 ประเภทใหญๆ่ คือ 1. ประชำกรที่มีจำนวนจำกดั เป็นประชำกรท่ีสำมำรถนบั จำนวนได้ เช่น จำนวนนกั ศึกษำ จำนวนนกั เรียน ฯลฯ 2. ประชำกรท่ีมีจำนวนไมจ่ ำกดั เช่น จำนวนเม็ดทรำย ดวงดำวบนทอ้ งฟ้ำ ฯลฯ รูปแบบกำรเขียนประชำกรที่ใชใ้ นกำรศึกษำ ประชำกรท่ีใชใ้ นกำรศึกษำคร้ังน้ี ไดแ้ ก่ นกั เรียนช้นั ม.5/2 โรงเรียนปัว จำนวน 1 ห้องเรียน เป็ นนกั เรียน ท้งั สิ้น 4 คน 4.2ระยะเวลำ ระยะเวลำท่ีใชใ้ นกำรศึกษำคร้ังน้ี ดำเนินกำรในเดือนกรกฎำคม 2562 ถึงเดือนสิงหำคม 2562 ประโยชนท์ ่ีคำดวำ่ จะไดร้ ับ 1. เพือ่ เป็ นแนวทำงในกำรพฒั นำสบูท่ ่ีทำจำกธรรมชำติใหเ้ ป็นท่ีนิยมมำกข้ึนในคนหมูม่ ำก 2. เพอื่ ที่จะไดท้ รำบสรรพคุณของวำ่ นหำงจระเขว้ ำ่ จะทำใหผ้ วิ พรรณดูเนียนนุ่มชุ่มช้ืนข้ึนหรือไม่ 3. เพอ่ื ที่จะรู้ถึงกระบวนกำรทำสบู่จำกวำ่ นหำงจระเข้

3 บทท2่ี เอกสารและงานวจิ ยั ทีเ่ กยิ่ วข้อง สบู่ เกลือของกรดไขมนั เป็ นผลิตภณั ฑ์ท่ีใชช้ ำระลำ้ งหรือทำควำมสะอำดร่ำงกำยซ่ึงมีลกั ษณะเป็ น กอ้ นสบู่ เกิดจำก ปฏิกิริยำระหว่ำง ไขมนั หรือน้ำมนั (ไตร เอซิลกลีเซอรอล ) กบั สำรละลำยด่ำง เกิดเป็ นเกลือของ กรดไขมนั (หรือสบู่ ) กบั กลีเซอรอล สบู่ก้อน (bar soap) คือส่วนผสมระหว่ำงกรด(ไขมนั )กบั เบส(ด่ำง) ในอตั รำส่วนที่ทำให้สำมำรถทำควำมสะอำดได้ดี และไม่เป็ น อนั ตรำยต่อผวิ คือมีค่ำ pH อยูร่ ะหว่ำง 8 10 (ในเอกสำรจดแจง้ ของ อย.ให้ผูผ้ ลิตสบู่กอ้ นระบุว่ำมีค่ำ ph ไม่เกิน 11) กรดหรือกรดไขมนั เช่นนำ้ มนั พืช ไขมนั สัตว์ เบส เช่นโซดำไฟ โดยทว่ั ไปอตั รำส่วนผสมท่ีเหมำะสมคือเม่ือ ผสมกนั แลว้ ควรจะเหลือกรดไขมนั อยู่ประมำณ5% หำกไม่มีเครื่องมือในกำรวดั ค่ำ pH ให้เก็บสบู่เอำไวอ้ ย่ำง นอ้ ย 15- 30 วนั เพอ่ื ใหค้ ำ่ pH ลดลง อยใู่ นอตั รำท่ีเหมำะสม สมุนไพร คำวำ่ สมุนไพร ตำม พระรำชบญั ญตั ิยำ หมำยถึง \"ยำท่ีไดจ้ ำกพืช สัตว์ หรือแร่ ซ่ึงยงั ไม่ไดผ้ สม ปรุง หรือเปล่ียน สภำพ\" เช่น พืชก็ยงั เป็ นส่วนของ รำก ลำตน้ ใบ ดอก ผล ฯลฯ ซ่ึงยงั ไม่ได้ผ่ำนข้นั ตอนกำรแปรรูปใด ๆ แต่ ในทำงกำรคำ้ สมุนไพรมกั จะถูกดดั แปลงในรูปต่ำง ๆ เข่น ถูกหน่ั ให้เป็ นชิ้นเล็กลง บดเป็ นผงละเอียด หรืออดั เป็ นแท่ง อยำ่ งไรก็ตำมในควำมรู้สึกของคนทว่ั ๆ ไป เม่ือกล่ำวถึงสมุนไพร มกั จะนึกถึงเฉพำะตน้ ไมท้ ี่นำมำใช้ เป็นยำเทำ่ น้นั ท้งั น้ีอำจเป็นเพรำะวำ่ สตั ว์ หรือแร่ มีกำรนำมำใชน้ อ้ ย และใชใ้ นโรคบำงชนิดเท่ำน้นั พืชสมุนไพร หมำยถึงพนั ธุ์ไม้ต่ำง ๆ ท่ีสำมำรถนำมำใช้ปรุงหรือประกอบเป็ นยำรักษำ โรคต่ำง ๆ ใช้ในกำร ส่งเสริมสุขภำพร่ำงกำยได้

4 ว่านหางจระเข้ (Aloe vera) เป็นตน้ พชื ท่ีมีเน้ืออิ่มอวบ จดั อยใู่ นตระกลู ลิเล่ียม (Lilium) แหล่งกำเนิดด้งั เดิมอยใู่ นชำยฝ่ังทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และบริเวณตอนใตข้ องทวปี แอฟริกำ พนั ธุ์ของวำ่ นหำงจระเขม้ ีมำกมำยกวำ่ 300 ชนิด ซ่ึงมีท้งั พนั ธุ์ที่มีขนำดใหญ่ มำกจนไปถึงพนั ธุ์ท่ีมีขนำดเลก็ กวำ่ 10 เซนติเมตร ลกั ษณะพิเศษของวำ่ นหำงจระเขก้ ็คือ มีใบแหลมคลำ้ ยกบั เข็ม เน้ือหนำ และเน้ือในมีนำ้ เมือกเหนียว ว่ำนหำงจระเขผ้ ลิดอกในช่วงฤดูหนำว ดอกจะมีสีต่ำงๆกนั เช่น เหลือง ขำว และแดง เป็นตน้ คำวำ่ \"อะโล\" (Aloe) เป็ นภำษำกรีซโบรำณ หมำยถึงวำ่ นหำงจระเข้ ซ่ึงแผลงมำจำกคำวำ่ \"Allal\" มีควำมหมำยวำ่ ฝำดหรือขม ในภำษำยิว ฉะน้นั เมื่อผูค้ นไดย้ นิ ชื่อน้ี ก็จะทำให้นึกถึงว่ำนหำงจระเข้ วำ่ นหำงจระเขเ้ ดิมเป็ นพืชท่ี ข้ึนในเขตร้อนต่อมำไดถ้ ูกนำไปแพร่พนั ธุ์ในยโุ รปและเอเชีย และทุกวนั น้ีทวั่ โลกกำลงั เกิดกระแสนิยมวำ่ นหำง จระเขก้ นั เป็นกำรใหญ่ วำ่ ว่ำนหำงจระเข้ เป็ นสมุนไพรท่ีมีประโยชน์และสรรพคุณทำงยำในกำรบำบดั รักษำอำกำรเจ็บป่ วยของทำง ร่ำงกำยไดห้ ลำยดำ้ น โดยท่ีสมุนไพรชนิดอื่นๆ ก็ยงั เทียบสรรพคุณน้ีแทบไมไ่ ดเ้ ช่น 1.รักษำแผลคือ กำรช่วยบรรเทำอำกำรปวดแผล แผลท่ีแสบร้อนจำกกำรโดนไฟไหม้ หรือนำ้ ร้อน 2.ช่วยลดกำรอกั เสบของผวิ เพรำะในเน้ือวนุ้ ของวำ่ นหำงจระเขส้ ำมำรถช่วยตอ่ ตำ้ นเช้ือแบคทีเรีย ช่วยป้องกนั กำร เกิดฝ้ำ 3. ฟ้ื นฟูผวิ ไหมเ้ สียจำกแดดในวนุ้ ของวำ่ นหำงจระเขม้ ีฤทธ์ิเยน็ ช่วยใหผ้ วิ ท่ีโดนควำมร้อนเป็นเวลำนำนเยน็ ลง 4.ลดควำมมนั บนใบหนำ้ ผวิ หนำ้ ที่มีควำมมนั 5.ฆ่ำเช้ือโรค รักษำแผลวนุ้ วำ่ นหำงจระเขม้ ีสำรที่มีประโยชน์คือ สำรอะโลอิน ซ่ึงมีคุณสมบตั ิช่วยฆ่ำเช้ือโรคได้ นอกจำกน้ี ยงั ช่วยในกำรหำ้ มเลือด รักษำโรคผวิ หนงั 6.รักษำโรคตำ่ งๆวำ่ นหำงจระเขส้ ำมำรถรักษำโรคกระเพำะอำหำร ช่วยบำรุงร่ำงกำย ขบั สำรพิษ รักษำโรคเหงือก อำกำรปวดศีรษะ ปวดฟัน บรรเทำอำกำรริดสีดวงทวำรและอำกำรทอ้ งผกู ไดเ้ ป็ นอยำ่ งดี 7.บำรุงเส้นผมวำ่ นหำงจระเขส้ ำมำรถนำมำใชแ้ กป้ ัญหำเส้นผมและหนงั ศีรษะได้

5 กลเี ซอรีน (glycerine) แอลกอฮอลช์ นิดหน่ึงมีสูตรทำงเคมี C3H5(HO)3 มีลกั ษณะขน้ และใส ไม่มีสี เป็ นผลพลอยไดจ้ ำกกระบวนทำส บู่ โดยท่ีด่ำงจะผสมกบั ไขมนั จำกสัตวแ์ ละพืช ผูผ้ ลิต สบู่จะแยกกลีเซอรีนออกมำเพ่ือนำไปใชป้ ระโยชน์ในกำร ทำโลชั่นและครีมได้อีก กลีเซอรีน เมื่ออยู่ในโลช่ันจะให้ผลดีมำก เนื่องจำกเป็ นวตั ถุดิบท่ีให้ควำมชุ่มช้ืน สำมำรถละลำยไดใ้ นแอลกอฮอล์และในน้ำ และยงั นำไปใช้ผลิตไนโตรกลีเซอรีนและขนม ใช้ถนอมผกั และ ผลไม้ รวมท้งั แช่ตวั อยำ่ งทดลองในหอ้ งแล็ป มองหำส่วนผสมที่เป็ นกลีเซอรีนไดจ้ ำกบรรดำโลชน่ั ท่ีวำงจำหน่ำย ตำมช้นั ในร้ำนขำยยำ หรือร้ำนงำนฝีมือที่ขำยผลิตภณั ฑจ์ ำกสบู่ ประโยชน์ของกลีเซอรีน 1.ช่วยเพ่ิมและกกั เกบ็ ควำมชุ่มช้ืนใหผ้ วิ 2.เปรียบเสมือนเกรำะป้องกนั ที่ช่วยป้องกนั ผวิ ไม่ใหเ้ กิดกำรระคำยเคืองจำกมลภำวะสิ่งแวดลอ้ มต่ำงๆ 3.ทำงำนร่วมกบั สำรท่ีช่วยเพม่ิ ควำมชุ่มช้ืนหรือนำ้ มนั ทำใหผ้ วิ ท่ีแหง้ รู้สึก นุ่มข้ึน 4.ช่วยใหส้ ่วนผสมหลำยๆตวั ซึมลงสู่ผวิ ไดด้ ีข้ึน 5.ทำใหผ้ วิ ยดื หยนุ่ และดูออ่ นเยำวอ์ ยเู่ สมอ สภาพผวิ 1.ผวิ ธรรมดำ (Normal Skin) มีนอ้ ยคนมำก ที่จะมีผิวธรรมดำ ผวิ ธรรมดำจะเป็ นผวิ ที่เนียนเรียบอ่อนนุ่ม รูขมุ ขน เล็ก ถำ้ เอำกระดำษเช็ดซับใบหน้ำตอนต่ืนนอนในตอนเช้ำจะมีร่องรอยของน้ำมนั ปรำกฏเพียงเล็กน้อย ควร ปกป้องผวิ พรรณจำกแสงแดด ลม และ อำกำศที่แหง้ 2.ผวิ มนั (Oily Skin) ถำ้ เอำกระดำษเช็ดหนำ้ ซบั ใบหนำ้ ตอนตื่นนอนในตอนเชำ้ แลว้ ปรำกฏวำ่ มีนำ้ มนั ติดอยบู่ น กระดำษมำก แสดงวำ่ คุณมีผวิ เป็ นผวิ มนั คนผวิ มนั จะมีผิวท่ีค่อนขำ้ งหยำบ รูขมุ ขนใหญ่ และมกั จะเป็ นสิวหวั ดำ เน่ืองจำกไขมนั ไปอุดรูขมุ ขน ขอ้ ดีของกำรมีผวิ มนั กค็ ือ ผวิ หนำ้ เหี่ยวยน่ ชำ้ กวำ่ ชนิดอ่ืนๆ 3.ผวิ ผสม (Combination Skin) ผิวชนิดน้ีเป็นผิวผสมระหวำ่ งผวิ ธรรมดำหรือผิวแห้งกบั ผิวมนั กำรจะรู้ไดว้ ำ่ มีผิว ผสมหรือไม่ให้ใชก้ ระดำษเช็ดหน้ำแผน่ ใหญ่ปิ ดทบั ไปบนใบหนำ้ ท้งั หนำ้ ทนั ทีหลงั จำกต่ืนนอนตอนเชำ้ หำก ปรำกฏนำ้ มนั เป็ นรูตวั “T”บนกระดำษ คือ บริเวณหนำ้ ผำก สันจมูก จนถึงปลำยคำง คนท่ีมีผิวชนิดน้ีมกั จะมีสิว

6 หัวดำ บริเวณจมูก และมีสิวข้ึนบริเวณหน้ำผำกและคำง ควรดูแลผิวด้วยวิธีผสมผสำนระหว่ำงกำรดูแลผิว ธรรมดำหรือผวิ แหง้ ในส่วนที่เป็นผวิ ธรรมดำหรือผวิ แหง้ และใชว้ ธิ ีดูแลผวิ มนั ในบริเวณท่ีเป็นผวิ มนั 4.ผิวแห้ง (Dry Skin) ผิวแห้งจะเป็ นผิวท่ีละเอียดบอบบำงและจะเป็ นริ้วรอยได้ง่ำย กำรใช้สบู่ชำระล้ำงผิว โดยเฉพำะบริเวณใบหนำ้ จะยิง่ ทำให้ผวิ แหง้ แตกไดง้ ่ำยย่ิงข้ึน ควรใชโ้ ฟมไม่มีฟอง หรือ ครีมลำ้ งหนำ้ และตำม ดว้ ยครีมบำรุงผวิ ก่อนเขำ้ นอน ใชค้ รีมลำ้ งหนำ้ และสำรใหค้ วำมชุ่มช้ืนท่ีออ่ นโยนบำรุงผวิ พรรณ ความสาคัญของสบู่ว่านหากจระเข้ ของใช้ที่จำเป็ นในชีวิตประจำวนั ทุกวนั เรำอำบน้ำตอ้ งใช้สบู่เพ่ือกำรขจดั สิ่งสกปรกออกจำกร่ำงกำย ซ่ึงคน ส่วนมำกมกั จะเลือกสบู่ท่ีสำมำรถทำควำมสะอำดได้ดีมำกๆ จนไม่คำนึงถึงผลเสียที่จะเกิดกบั ผิวในภำยหลงั ปัจจุบนั สบู่มีมำกมำยหลำยชนิดใหเ้ รำเลือกใช้ ตำมควำมเหมำะสมและควำมชอบของแต่ละบุคคล แต่เรำรู้จกั สบู่ เหล่ำน้นั ดีเพียงไร และจะมีสักก่ีคนท่ีใส่ใจในรำยละเอียดวำ่ สบู่แต่ละกอ้ นมีส่วนประกอบสำคญั อะไรบำ้ ง สบู่ท่ีดี จะตอ้ งมีส่วนประกอบสำคญั ที่จำเป็นและมีประโยชน์ต่อผวิ ซ่ึงนอกจำกจะทำให้สบู่ท่ีไดท้ ำควำมสะอำดผวิ ไดด้ ี แลว้ ยงั สำมำรถบำรุงผวิ ไดอ้ ีกดว้ ย ท้งั น้ี สบู่เป็ นสิ่งที่เรำตอ้ งใชเ้ ป็ นประจำทุกวนั หำกเรำคดั สรรสบู่ที่ดีมีคุณภำพ จะทำใหเ้ รำมีสุขภำพผวิ ของที่ดีอยคู่ ู่กบั เรำไปตลอดนำนเทำ่ นำน

7 งานวจิ ัยทเี่ ก่ียวข้อง ตวั อยำ่ งโครงงำนของประเทศไทย สบูธ่ รรมชำติผลิตดว้ ยกระบวนกำรร้อน (Natural Hot-process soap) กรรมวธิ ีกำรผลิตสบูแ่ นวน้ี คือกำรใหค้ วำมร้อนจำกภำยนอกเขำ้ ไปสนบั สนุนใหเ้ กิดสบูส่ ำเร็จรูป ตำมลกั ษณะท่ี ตอ้ งกำรแลว้ เติมแตง่ กลิ่นและสีที่กำหนดไว้ กจ็ ะไดส้ บู่ท่ีมีควำมสวยงำม สดใสแวววำว มีเสน่ห์น่ำใช้ เปรียบเทียบไดก้ บั กำรทำนขำ้ วขำวหอมมะลิ นนั่ เอง ในควำมเป็นจริงแลว้ กำรผลิตสบูแ่ นวน้ีมีควำมยงุ่ ยำกซบั ซอ้ นพอสมควรหำกเริ่มต้งั แต่ตน้ คือตอ้ งผำ่ นกรรมวธิ ี Cold-process ก่อน แลว้ แยกส่วนท่ีเป็น glycerin ออกมำ ซ่ึง glycerin ก็ถือไดว้ ำ่ เป็นสบูส่ ำเร็จรูป เบ้ืองตน้ สำมำรถนำมำใชท้ ำควำมสะอำดไดอ้ ยำ่ งปลอดภยั แตเ่ ม่ือตอ้ งกำรควำมสวยงำมและเสน่ห์ท่ีน่ำใช้ ก็จำ เป็นตอ้ งนำ glycerin มำผำ่ นกระบวนกำรควำมร้อนที่จดั เตรียมไว้ เมื่อละลำยจนไดท้ ี่จึงเติมแต่งสีสัน เพม่ิ กล่ิน ดว้ ย Fragrance (นำ้ หอมเคมีสงั เครำะห์) เน่ืองจำก Essential oil มีรำคำสูงและจะสลำยไปอยำ่ ง รวดเร็วเมื่อถูกควำมร้อน จึงไมเ่ ป็นท่ีนิยมเชิงพำณิชยค์ วำมแตกต่ำงของสบู่ Natural Hot-process soap คุณภำพสูง และต่ำ อำจเกิดจำกกำรใช้ glycerin คุณภำพต่ำ ไมส่ ะอำดและมีจุดเดือดที่สูง ซ่ึงส่วนใหญ่มกั ผลิตจำกไขมนั สตั ว์ ที่ไดจ้ ำกโรงฆ่ำสัตว์ ในประเทศ เพรำะมีรำคำต่ำกวำ่ glycerin ท่ีผลิตจำกพืชที่ตอ้ งนำเขำ้ จำกตำ่ งประเทศ นอกจำกรำคำท่ีแตกตำ่ งแลว้ ประโยชน์ตลอดจนควำมปลอดภยั กแ็ ตกต่ำงกนั อยำ่ งมำกดว้ ย ผผู้ ลิตสบู่แนวน้ีท่ีไมเ่ นน้ คุณภำพจึงมกั ใช้ Glycerin คุณภำพตำ่ จำกไขมนั สัตว์ เพอื่ ใหไ้ ดผ้ ลกำไรที่ มำกกวำ่ หำกเปรียบเทียบในเชิงควำมเป็นธรรมชำติและประโยชนแ์ ลว้ สบู่ Natural Hot-process soap น้ี มีควำม เป็นธรรมชำติและประโยชน์นอ้ ยกวำ่ Natural Cold-Process soap เน่ืองจำกควำมร้อนท่ีนำเขำ้ มำเติมแต่งใน กระบวนกำรผลิตจะสลำยคุณคำ่ ทำงธรรมชำติออกไป สบูแ่ นวน้ีจึงไม่สำมำรถออกแบบหรือเติมแต่งสรรพคุณ พิเศษใดๆ ไดอ้ ีก Natural Cold-Process soap สบูผ่ ลิตดว้ ยกระบวนกำรเยน็ โดยธรรมชำติ กรรมวธิ ีกำรผลิตรูปแบบน้ี เป็นกระบวนกำรผลิตสบู่ท่ีคงควำมเป็นธรรมชำติไดด้ ีท่ีสุดเหมือนเมื่อพนั ปี ที่แลว้ ท่ี เกิดสบูข่ ้ึนบนโลกคร้ังแรกกำรผลิตจะเร่ิมจำกกำรนำเอำวตั ถุดิบท่ีเป็นธรรมชำติ ซ่ึงมี กรด (acid) คือ นำ้ มนั ที่มี คุณประโยชน์ตำ่ งๆ ท้งั hard oil ซ่ึงทำหนำ้ ที่สร้ำงรูปและตวั ตนใหก้ บั สบู่ ในฐำนะ based oil เช่น นำ้ มนั มะพร้ำว

8 นำ้ มนั ปำลม์ Exotic oil เช่น นำ้ มนั รำขำ้ ว นำ้ มนั มะกอก ซ่ึงเป็นนำ้ มนั หลกั ของควำมตอ้ งกำรที่จะใหส้ บู่น้นั ออก มำแลว้ มีประโยชนด์ ำ้ นใดบำ้ งส่วนด่ำง (lie) คือตวั ประกอบสำคญั ท่ีจะทำใหเ้ กิดปฏิกิริยำ saponification ซ่ึงใน ปัจจุบนั นิยมกำรใช้ sodium hydroxide กรณีตอ้ งกำรผลิตสบูก่ อ้ น หรือ potassium hydroxide กรณีตอ้ งกำรผลิต สบู่เหลว แทนกำรใชข้ ้ีเถำ้ จำกกำรเผำไหม้ มำผสมกบั นำ้ สะอำดเหมือนอดีต ท้งั น้ีเนื่องจำกควำมไมเ่ สถียรของค่ำ ควำมเป็นด่ำงและควำมไม่สะดวกในกำรจดั หำซ่ึง sodium hydroxide และ potassium hydroxide วตั ถุดิบท้งั สอง คือ นำ้ เกลือที่ทำใหม้ ีควำมเขม้ ขน้ สูงดว้ ยเทคนิคดำ้ นประจุไฟฟ้ำ จึงถือไดว้ ำ่ ยงั มีควำมเป็นธรรมชำติเพียงแตม่ ี ควำมเขม้ ขน้ มำก เกินกวำ่ ท่ีผิวมนุษยจ์ ะรับไดก้ ำรเตรียมด่ำงตอ้ งใช้ sodium hydroxide หรือ potassium hydroxide ผสมกบั นำ้ อยำ่ งถูกตอ้ งตำมหลกั ควำมปลอดภยั ไดแ้ ก่ วธิ ีกำรผสม และ อตั รำส่วนในกำรผสม ซ่ึงจะตอ้ งมีควำมแมน่ ยำและเที่ยงตรงดว้ ยกำรคำนวณหำคำ่ SAP Value ท่ีถูกตอ้ งเทำ่ น้นั ที่ จะทำใหไ้ ดส้ บู่ท่ีดีหรือเหมำะสมท่ีสุดในแต่ละสูตรจำกน้นั เรำสำมำรถเพม่ิ เติมคุณประโยชน์จำกธรรมชำติเขำ้ ไป ในตวั สบู่ได้ คือเพิ่ม active ingredient ตำ่ งๆ ตำมที่ตอ้ งกำรที่จะใหส้ บู่น้นั ทำหนำ้ ที่ เช่น นม นำ้ ผ้งึ นำ้ มนั เปลือก มงั คุด ผงสำหร่ำย ผงโคลน ฯลฯ แลว้ เติมแตง่ กล่ินพร้อมประโยชนด์ ว้ ยนำ้ มนั หอมระเหยตำมตอ้ งกำร แต่ตอ้ งมี กำรคำนวณและประมำณอตั รำส่วนที่ใชอ้ ยำ่ งพอเหมำะดว้ ยสุดทำ้ ยคือกำรผสมผสำนทุกส่วนเขำ้ ดว้ ยกนั จนขน้ ไดท้ ่ีแลว้ นำเขำ้ เกบ็ ไว้ ที่เรียกวำ่ ageing จนกวำ่ สบูจ่ ะคลำยฤทธ์ิและแปรสภำพท่ีเป็นประโยชน์ตอ่ กำรอำบนำ้ จะ เห็นไดว้ ำ่ ข้นั ตอนและรำยละเอียดต่ำงๆ เป็นไป ตำมธรรมชำติท้งั สิ้น โดยเรำไม่ตอ้ งนำควำมร้อนจำกภำยนอกไปเร่งปฏิกิริยำ saponification เลย จึงเป็นท่ีมำของ ช่ือ Natural Cold-process soap ซ่ึงสบู่แนวน้ีเปรียบเสมือนเรำเลือกทำนขำ้ วที่ไมผ่ ำ่ นกระบวนกำรขดั สีหรือเติม แตง่ เช่น ขำ้ วกลอ้ ง นน่ั เองในกำรจดั ทำโครงงำน เร่ืองสบู่สมุนไพรจำกกลีเซอรีน ในคร้ังน้ี ไดศ้ ึกษำเอกสำร เก่ียวกบั สมุนไพรใกลต้ วั ไดแ้ ก่ ขมิน้ ชนั และกำกกำแฟ ซ่ึงมีรำยละเอียดดงั น้ี

9 ตวั อยำ่ งโครงงำนตำ่ งประเทศ Aloe vera: a systematic review of its clinical effectiveness B K VOGLER E ERNST SUMMARY Background. The use of aloe vera is being promoted for a large variety of conditions. Often general practitioners seem to know less than their patients about its alleged benefits. Aim. To define the clinical effectiveness of aloe vera, a popular herbal remedy in the United Kingdom. Method. Four independent literature searches were conducted in MEDLINE, EMBASE, Biosis, and the Cochrane Library. Only controlled clinical trials (on any indication) were included. There were no restrictions on the language of publication. All trials were read by both authors and data were extracted in a standardized, pre- defined manner. Results. Ten studies were located. They suggest that oral administration of aloe vera might be a useful adjunct for lowering blood glucose in diabetic patients as well as for reducing blood lipid levels in patients with hyperlipidaemia. Topical application of aloe vera is not an effective preventative for radiation- induced injuries. It might be effective for genital herpes and psoriasis. Whether it promotes wound healing is unclear. There are major caveats associated with all of these statements. Conclusion. Even though there are some promising results, clinical effectiveness of oral or topical aloe vera is not sufficiently defined at present. Keywords: complementary medicine; aloe vera; review. Introduction THE use of aloe vera is being promoted for a large variety of conditions. Often general practitioners (GPs) seem to know less than their patients about its alleged benefits. The Department of Complementary Medicine at the University of Exeter receives more enquiries from colleagues related to aloe vera than for any other herbal remedy. Considering this high level of interest, it is relevant to review systematically the evidence for or against its clinical effectiveness. Aloe vera (synonym: Aloe barbadensis Miller) belongs to the Liliaceal family, of which there are about 360 species. Aloe capensis (Cape aloes) belongs to a different species. Aloe vera is a cactus-like plant that grows readily in hot, dry climates and currently, because of demand, is cultivated in large quantities. Cosmetic and some medicinal products are made from the mucilaginous tissue in the centre of the aloe vera leaf and called aloe vera gel. The peripheral bundle sheath cells of aloe vera produce an intensely bitter, yellow latex, commonly termed aloe juice, or sap, or aloes. Aloe vera sap and aloe vera gel are often confused. Unlike aloes, aloe vera gel contains no anthraquinones, which are responsible for the strong laxative effects of aloes. However, total leaf extracts may contain anthraquinones.1 Although most commercially-available products are based on the

10 gel, the British Pharmacopoeia does not contain an entry for aloe vera gel but it does describe aloes.2 The pharmacological actions of aloe vera, as studied in vitro or in animals (in most cases the total leaf extract was used), include anti-inflammatory and anti-arthritic activity, and antibacterial and hypoglycaemic effects.1 Aloe vera has been used for medicinal purposes in several cultures for millennia: Greece, Egypt, India, Mexico, Japan, and China.2 The therapeutic claims made for aloe vera range over a broad list of conditions, as do the pharmacological activities associated with it3 (Table 1). Most of these claims are based on historical use rather than hard evidence. Aloe vera contains 75 potentially active constituents: vitamins, enzymes, minerals, sugars, lignin, saponins, salicylic acids, and amino acids.4 Box 1 summarizes its most important constituents.5 The clinical use of aloe vera is supported mostly by anecdotal data.6 While such reports are interesting and relevant for formulating hypotheses, controlled trials are essential for defining its effectiveness more conclusively.7 The aim of this systematic review was to summarize all controlled clinical trials on aloe vera preparations with a view to providing evidence for or against its clinical effectiveness. Method Computerized literature searches were performed to identify all published articles on the subject. The following databases were used: MEDLINE, EMBASE, Biosis, and the Cochrane Library — all from their inception to May 1998. In addition, other experts working in this area were asked for further papers and our own files were searched. Furthermore, major manufacturers of aloe vera products were contacted in writing and asked for published and unpublished controlled clinical trials. The bibliographies of all investigations thus located were searched for further relevant articles. Only controlled clinical trials of aloe vera (for any indication) were included. Studies were excluded if not performed on aloe vera mono-preparations or if they were designed only on a certain pharmacological constituent of the plant. There were no restrictions regarding publication language. All articles (or abstracts if only available as abstracts) were read in full. Data were extracted in a predefined fashion. Methodological quality was assessed using the Jadad score8 (Box 2). Results Ten trials met the above criteria and were included in this review. Three clinical studies had to be excluded. They were either not performed on aloe vera mono-preparation9 or only designed on a pharmacologically active constituent of the plant.10,11 Studies assessing the effects of aloes (including anthraquinones) as mono-preparations were not found. No unpublished study was located. Two trials

11 investigated the effects of aloe vera gel on wound healing after surgery.12,13 One study tested its efficacy in patients

12 บทท่ี 3 วธิ ีการดาเนินงาน วสั ดุอุปกรณ์ 1.กระทะไฟฟ้ำ 2.ถว้ ยเเกว้ 3.วำ่ นหำงจระเข้ 4.กลีเซอรีนกอ้ น หรือ เกล็ดสบู่ 5.น้ำ 6.แม่พมิ พ์ 7.เสปรยแ์ อลกอฮอล์ วธิ ีการดาเนินงาน 1. ต้งั น้ำใหเ้ ดือดในกระทะไฟฟ้ำ แลว้ ใชไ้ ฟอ่อนๆ วำงถว้ ยแกว้ ลงบนกระทะ ใส่สำรต้งั ตน้ คือ กลีเซอ รีนกอ้ น หรือ เกลด็ สบู่ หมน่ั คนไปเร่ือยๆ จนกวำ่ สำรต้งั ตน้ จะละลำยเป็นของเหลว ใส่ส่วนผสมวำนหำงจระเข้ หลงั จำกสำรต้งั ตน้ เริ่มละลำยแลว้ คนต่อใหเ้ ขำ้ กนั เป็นเน้ือเดียว 2. นำถว้ ยน้ำสบูท่ ี่คนจนละลำยแลว้ ข้ึนมำจำกกระทะ พกั ไวส้ กั ครู่พอหำยร้อนระอุ แลว้ หยอดสีผสม และน้ำหอมกลิ่นที่ตอ้ งกำร 3. หลงั จำกน้นั เทใส่แม่พมิ พต์ ำมที่เรำตอ้ งกำร แลว้ ฉีดเสปรยแ์ อลกอฮอล์ ไล่ฟองอำกำศ เพือ่ ทำใหก้ อ้ น สบูม่ ีรูปร่ำงท่ีเนียนสวย แลว้ ทิ้งไวจ้ นกวำ่ สบู่จะเซ็ตตวั ประมำณ 30 นำที แลว้ แกะออกจำกแมพ่ มิ พ์

13 บทท่ี 4 ผลการดาเนินงาน จำกกำรจดั ทำโครงงำน Aloe vera Soap ในกำรจดั ทำโครงงำนคร้ังน้ีผจู้ ดั ทำไดใ้ ชส้ ารสกดั จากธรรมชาติ ซ่ึงจะช่วยใหส้ บู่น้นั มีคุณสมบตั ิที่ดีมากข้ึน สบูส่ มุนไพรวา่ นหางจระเขจ้ ากกลีเซอรีนธรรมชาติ ช่วยใหผ้ วิ หนงั ท่ีแหง้ ดูชุ่มช่ืน เพราะใบของวา่ นหาง จระเขม้ ีฤทธ์ิฝาดสมาน ถ้าต้องการลดการทาให้ผิวแห้งไดท้ ้งั น้ียงั ช่วยลดผื่นคนั และทาความสะอาดร่างกาย ไปในตวั

14 บทที่ 5 สรุปและอภปิ รายผลการทดลอง สรุปผลการทาโครงงาน กลีเซอลีนธรรมชำติสำมำรสนำมำผสมกบั สมุนไพรชนิดตำ่ ง ๆ ไดเ้ พอื่ ใหไ้ ดส้ บู่สมุนไพรตำมควำม ตอ้ งกำรของผใู้ ช้ โดยที่ปรำศจำกสำรเคมีตำ่ งๆ ท่ีเป็ นอนั ตรำยต่อร่ำงกำยในระยะยำว ผวิ หนงั ของคนเรำตำ่ งกนั เรำจึงเลือกใชส้ บูท่ ่ีตำ่ งชนิดกนั จึงมีสบูห่ ลำกหลำยใหค้ ุณไดเ้ ลือกใช้ บำงคนกช็ อบใชข้ มิน้ บำงคนกช็ อบใชว้ ำ่ น หำงจระเข้ ดงั น้นั เรำจึงสำมำรถทำเองไดโ้ ดยใชก้ ลีเซอรีนจำกธรรมชำติน้ี สมุนไพรท่ีใชก้ ห็ ำไดง้ ่ำยในทอ้ งถิ่น รำคำไมแ่ พงและยงั ใหป้ ระโยชนต์ ่อผิวเรำไดด้ ีอีกดว้ ย ข้อเสนอแนะ 1.สำมำรถนำสมุนไพรชนิดอื่นท่ีช่ืนชอบมำผสมลงในสบู่ เช่น ขมิ้น 2.สบูท่ ี่แกะออกจำกแมพ่ ิมพแ์ ลว้ ไมค่ วรปล่อยใหโ้ ดยลมเพรำะจะทำใหส้ บูม่ ีฟองนอ้ ยลงจึงควรรีบห่อบรรจุภณั ฑ์ ทนั ที 3.ควรระวงั ในกำรทำใหม้ ำกที่สุดเพอ่ื ควำมปลอดภยั ของตนเองและผใู้ ช้ ประโยชน์ทไ่ี ด้รับ 1.ไดท้ ำสบูส่ มุนไพรข้ึนมำจำกกลีเซอรีนธรรมชำติ 2.ไดร้ ู้ถึงวธิ ีกำรทำสบูอ่ ยำ่ งถูกตอ้ งโดยละเอียด 3.ไดล้ งมือคน้ ควำ้ หำขอ้ มูลและปฏิบตั ิจริง 4.ไดร้ ับควำมรู้และประสบกำรณ์จำกกำรทำสบู่ 5.ไดส้ บู่มำเป็นหนทำงหำรำยไดแ้ ละนำไปประกอบธุรกิจในข้นั ต่อไปได้ 6.ไดฝ้ ึกกำรปฏิบตั ิงำนร่วมกนั อยำ่ งเป็นหมู่คณะ 7.ไดฝ้ ึกทกั ษะกระบวนกำรคิดวเิ ครำะห์และกำรแกป้ ัญหำดว้ ยวธิ ีกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ 8.ไดร้ ู้สรรพคุณของพืชสมุนไพรชนิดตำ่ งๆที่สำมำรถนำมำทำสบู่ได้ 9.ไดส้ บู่ท่ีทำจำกสมุนไพรซ่ึงปรำศจำกสำรตกคำ้ ง และสำมำรถนำมำใชเ้ องได้

15 บรรณานุกรม วำรสำรวทิ ยำศำสร์และเทคโนโลยี (สทวท.). (2560). ฤทธ์ิการต้านอนุมูลอสิ ระ ปริมาณวติ ามนิ ซี และความพงึ พอใจของสบู่ว่านหางจระเข้. [ออนไลน์]. สืบคน้ เมื่อ 26 สิงหำคม 2562. แหล่งที่มำ https://research.kpru.ac.th/research2/pages/filere/16062018-05-24.pdf?fbclid=IwAR1Co3ipuSKZvru- cwK_9NT76u9or3oT0jnIkAqWwJ_ganKiGFtqEIv5TBY Dr PMBG Maia Campos. (2549). ผลชุ่มชื้นของสูตรเครื่องสาอางทม่ี สี ารสกดั จากว่านหางจระเข้ในระดบั ความ เข้มข้นต่างกนั ประเมินโดยเทคนิควศิ วกรรมชีวภาพทางผวิ หนัง. [ออนไลน์]. สืบคน้ เมื่อ 26 สิงหำคม 2562. แหล่งที่มำ https://onlinelibrary.wiley.com/doi/abs/10.1111/j.0909-752X.2006.00155.x?fbclid =IwAR0YI2Yxc0JDQe6tZp-tvw4U5vUcGBizztQmNtQt4fW18A1G6TyFCDEzO7I กองบรรณำธิกำร HONESTDOCS. (2562). ว่านหางจระเข้ กบั ประโยชน์และสรรพคุณทางยา. [ออนไลน์]. สืบคน้ เมิ่อ 28 สิงหำคม 2562. แหล่งที่มำ https://www.honestdocs.co/aloe-vera-benefits?Fbclid =IwAR1bJTeW_NRxg-S3ZTMoauxTX7a0c6iJBKtED3PREzKfz4CTNCiqDoicOvA เวบ็ ไซตเ์ มดไทย. (2560). ว่านหางจระเข้ สรรพคุณและประโยชน์ของว่านหางจระเข้ 40 ข้อ !. [ออนไลน์]. สืบคน้ เมื่อ 28 สิงหำคม 2562. แหล่งท่ีมำ https://medthai.com/%E0%B8%A7%E0% B9%88% E0% B 8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0% B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89/ ศำสตรำจำรยน์ ำยแพทยว์ วิ ฒั น์ วสิ ุทธิโกศล คณะแพทยศำสตร์โรงพยำบำลรำมำธิบดี มหำวทิ ยำลยั มหิดล. (2562). ประโยชน์ของว่านหางจระเข้. [ออนไลน์]. สืบคน้ เมื่อ 28 สิงหำคม 2562. แหล่งท่ีมำ https:// med.mahidol.ac.th/patient_care/th/health_issue/06112015-1325-th

16


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook