Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ขนมไทย1

ขนมไทย1

Published by 20756, 2019-09-09 02:28:49

Description: ขนมไทย1

Search

Read the Text Version

ประวตั คิ วามเป็ นมาของขนมไทย ขนมไทย ขนมไทยหลายชนิด อาทิ ทองหยอด, ทองหยบิ , ฝอยทอง ซ่ึงเป็นขนมท่ีมีท่ีมาจากโปรตุเกส โดย ทา้ วทองกบี มา้ ขนมไทย มีเอกลกั ษณ์ดา้ นวฒั นธรรมประจาชาตไิ ทยคอื มคี วามละเอียดออ่ นประณีตในการเลอื กสรรวตั ถดุ บิ วิธีการทา ท่พี ถิ ีพถิ นั รสชาตอิ ร่อยหอมหวาน สีสันสวยงาม รูปลกั ษณ์ชวนรับประทาน ตลอดจนกรรมวธิ ีทีป่ ระณีตบรรจง เนื้อหา  1 ประวตั ิความเป็นมาของขนมไทย  2 การแบง่ ประเภทของขนมไทย  3 วตั ถดุ ิบในการปรุงขนมไทย o 3.1 ขา้ วและแป้ง o 3.2 มะพร้าวและกะทิ o 3.3 น้าตาล o 3.4 ไข่ o 3.5 ถว่ั และงา o 3.6 กลว้ ย o 3.7 สี o 3.8 กล่นิ หอม  4 ขนมไทยแต่ละภาค o 4.1 ขนมไทยภาคเหนือ o 4.2 ขนมไทยภาคกลาง o 4.3 ขนมไทยภาคอีสาน o 4.4 ขนมไทยภาคใต้

 5 ขนมในพธิ ีกรรมและงานเทศกาล o 5.1 ขนมไทยในงานเทศกาล o 5.2 ขนมไทยในพิธีกรรมและความเชอ่ื  6 ขนมที่มีช่ือเสียงเฉพาะถ่นิ  7 ขนมไทยทีไ่ ดร้ ับอิทธิพลจากขนมของชาตอิ ่นื ประวตั คิ วามเป็ นมาของขนมไทย ในสมยั โบราณคนไทยจะทาขนมเฉพาะวาระสาคญั เท่าน้นั เป็นตน้ วา่ งานทาบุญ เทศกาลสาคญั หรือ ตอ้ นรับแขกสาคญั เพราะขนมบางชนิดจาเป็นตอ้ งใชก้ าลงั คนอาศยั เวลาในการทาพอสมควร ส่วนใหญ่เป็น ขนบประเพณี เป็นตน้ วา่ ขนมงาน เนื่องในงานแต่งงาน ขนมพ้นื บา้ น เช่น ขนมครก ขนมถว้ ย ฯลฯ ส่วน ขนมในร้ัวในวงั จะมหี นา้ ตาจุ๋มจิ๋ม ประณีตวิจิตรบรรจงในการจดั วางรูปทรงขนมสวยงาม ขนมไทยด้งั เดิม มีส่วนผสมคือ แป้ง น้าตาล กะทิ เท่าน้นั ส่วนขนมที่ใชไ้ ข่เป็นส่วนประกอบ เช่น ทองหยบิ ทองหยอด เมด็ ขนุน น้นั มารี กีมาร์ เดอ ปี นา (ทา้ วทองกีบมา้ ) หญิงสาวชาวโปรตุเกส เป็นผคู้ ิดคน้ ข้ึนมา ขนมไทยท่ีนิยมทากนั ทุกๆ ภาคของประเทศไทย ในพธิ ีการต่างๆ กค็ ือขนมจากไข่ และเชื่อกนั ว่าชื่อ และลกั ษณะของขนมน้นั ๆ เช่น รับประทานฝอยทอง เพอื่ หวงั ใหอ้ ยดู่ ว้ ยกนั ยดื ยาว มีอายยุ นื รับประทาน ขนมช้นั ก็ใหไ้ ดเ้ ลื่อนข้นั เงินเดือน รับประทาน ขนมถว้ ยฟกู ข็ อใหเ้ จริญ รับประทานขนมทองเอก กข็ อใหไ้ ด้ เป็นเอก เป็นตน้ ในสมยั รัชกาลที่ 5 มีการพิมพต์ าราอาหารออกเผยแพร่ รวมถึงตาราขนมไทยดว้ ย จึงนบั ไดว้ า่ วฒั นธรรมขนมไทยมกี ารบนั ทกึ เป็นลายลกั ษณ์อกั ษรคร้ังแรก ตาราอาหารไทยเล่มแรกคือแมค่ รัวหวั ป่ าก์ ในสมยั ต่อมาเม่ือการคา้ เจริญข้ึนในตลาดมขี นมนานาชนิดมาขาย และนบั วา่ เป็นยคุ ท่ีขนมไทยเป็นที่ นิยม การแบ่งประเภทของขนมไทย แบ่งตามวธิ ีการทาใหส้ ุกไดด้ งั น้ี [1]  ขนมท่ีทาใหส้ ุกดว้ ยการกวน ส่วนมากใชก้ ระทะทอง กวนต้งั แต่เป็นน้าเหลวใสจนงวด แลว้ เทใส่ พิมพห์ รือถาดเม่อื เยน็ จึงตดั เป็นชิ้น เช่น ตะโก้ ขนมลืมกลืน ขนมเปี ยกปูน ขนมศิลาออ่ น และผลไม้ กวนต่างๆ รวมถึง ขา้ วเหนียวแดง ขา้ วเหนียวแกว้ และกะละแม

 ขนมที่ทาใหส้ ุกดว้ ยการน่ึง ใชล้ งั ถงึ บางชนิดเทส่วนผสมใส่ถว้ ยตะไลแลว้ น่ึง บางชนิดใส่ถาดหรือ พมิ พ์ บางชนิดห่อดว้ ยใบตองหรือใบมะพร้าว เช่น ช่อมว่ ง ขนมช้นั ขา้ วตม้ ผดั สาลอี่ อ่ น สงั ขยา ขนม กลว้ ย ขนมตาล ขนมใส่ไส้ ขนมเทียน ขนมน้าดอกไม้  ขนมที่ทาใหส้ ุกดว้ ยการเช่ือม เป็นการใส่ส่วนผสมลงในน้าเชื่อมที่กาลงั เดือดจนสุก ไดแ้ ก่ ทองหยอด ทองหยบิ ฝอยทอง เมด็ ขนุน กลว้ ยเชื่อม จาวตาลเช่ือม  ขนมที่ทาใหส้ ุกดว้ ยการทอด เป็นการใส่ส่วนผสมลงในกระทะท่ีมนี ้ามนั ร้อนๆ จนสุก เช่น กลว้ ย ทอด ขา้ วเม่าทอด ขนมกง ขนมคา้ งคาว ขนมฝกั บวั ขนมนางเลด็  ขนมที่ทาใหส้ ุกดว้ ยการน่ึงหรืออบ ไดแ้ ก่ ขนมหมอ้ แกง ขนมหนา้ นวล ขนมกลีบลาดวน ขนม ทองมว้ น สาลี่แข็ง ขนมจ่ามงกุฏ นอกจากน้ี อาจรวม ขนมครก ขนมเบ้ือง ขนมดอกลาเจียกที่ใชค้ วาม ร้อนบนเตาไวใ้ นกลมุ่ น้ีดว้ ย  ขนมท่ีทาใหส้ ุกดว้ ยการตม้ ขนมประเภทน้ีจะใชห้ มอ้ หรือกระทะตม้ น้าใหเ้ ดือด ใส่ขนมลงไปจนสุก แลว้ ตกั ข้ึน นามาคลกุ หรือโรยมะพร้าว ไดแ้ ก่ ขนมถว่ั แปบ ขนมตม้ ขนมเหนียว ขนมเรไร นอกจากน้ี ยงั รวมขนมประเภทน้า ท่ีนิยมนามาตม้ กบั กะทิ หรือใส่แป้งผสมเป็นขนมเปี ยก และขนมที่กินกบั น้าเช่ือมและน้ากะทิ เช่น กลว้ ยบวชชี มนั แกงบวด สาคูเปี ยก ลอดช่อง ซ่าหริ่ม วตั ถุดบิ ในการปรุงขนมไทย สาคูไสห้ มู และขา้ วเกรียบปากหมอ้ ขนมไทยส่วนใหญ่ทามาจากขา้ วและจะใชส้ ่วนประกอบอน่ื ๆ เช่น สี ภาชนะ กล่นิ หอมจากธรมชาติ ขา้ วท่ีใชใ้ นขนมไทยมที ้งั ใชใ้ นรูปขา้ วท้งั เมด็ และขา้ วที่อยใู่ นรูปแป้ง นอกจากน้นั ยงั มวี ตั ถดุ ิบอื่นๆ เช่น มะพร้าว ไข่ น้าตาล ซ่ึงจะกล่าวถึงรายละเอียดดงั ต่อไปน้ี ข้าวและแป้ง การนาขา้ วมาทาขนมของคนไทยเร่ิมต้งั แต่ขา้ วไมแ่ ก่จดั ขา้ วออ่ นท่ีเป็นน้านม นามาทาขา้ วยาคู พอแก่ ข้ึนอีกแต่เปลือกยงั เป็นสีเขยี วนามาทาขา้ วเมา่ ขา้ วเม่าที่ไดน้ าไปทาขนมไดอ้ ีกหลายชนิด เช่น ขา้ วเมา่ คลุก

ขา้ วเม่าบด ขา้ วเม่าหมี่ กระยาสารท ขา้ วเจา้ ท่ีเหลอื จากการรับประทาน นาไคม 2536</ref> ส่ากน้ี แป้งที่ใช้ ไดแ้ ก่]] ส่วนแป้งสาลีมใี ชน้ อ้ ย มกั ใชใ้ นขนมท่ีไดร้ ับอทิ ธิพลจากต่างชาติ[2] มะพร้าวและกะทิ มะพร้าวนามาใชเ้ ป็นส่วนประกอบของขนมไทยไดต้ ้งั แต่มะพร้าวอ่อนจนถึงมะพร้าวแกด่ งั น้ี [2]  มะพร้าวออ่ น ใชเ้ น้ือผสมในขนม เช่น เปี ยกสาคู วุน้ มะพร้าว สงั ขยามะพร้าวออ่ น  มะพร้าวทึนทกึ ใชข้ ูดฝอยทาเป็นไสก้ ระฉีก ใชค้ ลกุ กบั ขา้ วตม้ มดั เป็นขา้ วตม้ หวั หงอก และใชเ้ ป็น มะพร้าวขดู โรยหนา้ ขนมหลายชนิด เช่น ขนมเปี ยกปูน ขนมข้ีหนู ซ่ึงถือเป็นเอกลกั ษณ์อยา่ งหน่ึงของ ขนมไทย[3]  มะพร้าวแก่ นามาค้นั เป็นกะทกิ ่อนใส่ในขนม นาไปทาขนมไดห้ ลายแบบ เช่น ตม้ ผสมกบั ส่วนผสม เช่นกลว้ ยบวชชี แกงบวดต่างๆ หรือตกั หวั กะทิราดบนขนม เช่น สาคูเปี ยก ซ่าหร่ิม บวั ลอย นา้ ตาล แต่เดิมน้นั น้าตาลที่นามาใชท้ าขนมคือน้าตาลจากตาลหรือมะพร้าว ในบางทอ้ งท่ีใชน้ ้าตาลออ้ ย น้าตาลทรายถกู นามาใชภ้ ายหลงั ไข่ เร่ิมเป็นส่วนผสมของขนมไทยต้งั แต่สมยั สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราชซ่ึงไดร้ ับอทิ ธิพลจากขนมของ โปรตุเกส ไข่ที่ใชท้ าขนมน้ีจะตีใหข้ ้ึนฟู ก่อนนาไปผสม ขนมบางชนิดเช่น ทองหยบิ ทองหยอด ฝอยทอง ตอ้ งแยกไขข่ าวและไข่แดงออกจากกนั แลว้ ใชแ้ ต่ไข่แดงไปทาขนม [2] ถั่วและงา ถวั่ และงาจดั เป็นส่วนผสมที่สาคญั ในขนมไทย การใชถ้ ว่ั เขยี วน่ึงละเอียดมาทาขนมพบไดต้ ้งั แต่สมยั อยธุ ยา เช่นขนมพมิ พถ์ ว่ั ทาดว้ ยถวั่ เหลืองหรือถว่ั เขียวกวนมาอดั ใส่พิมพ[์ 4] ถว่ั และงาที่นิยมใชใ้ นขนมไทยมี ดงั น้ี[5]  ถวั่ เขียวเลาะเปลือก มชี ื่อเรียกหลายช่ือ เช่น ถว่ั ทอง ถว่ั ซีก ถวั่ เขียวที่ใชต้ อ้ งลา้ งและแช่น้าคา้ งคืนก่อน เอาไปน่ึง  ถว่ั ดา ใชใ้ ส่ในขนมไทยไม่กี่ชนิด และใส่ท้งั เมด็ เช่น ขา้ วตม้ มดั ขา้ วหลาม ถว่ั ดาตม้ น้าตาล ขนมถว่ั ดา

 ถว่ั ลสิ ง ใชน้ อ้ ย ส่วนใหญ่ใชโ้ รยหนา้ ขนมผกั กาดกวน ใส่ในขนมจ่ามงกฏุ ใส่ในรูปที่ควั่ สุกแลว้  งาขาวและงาดา ใส่เป็นส่วนผสมสาคญั ในขนมบางชนิดเชน่ ขนมเทียนสลดั งา ขนมแดกงา กล้วย กลว้ ยมีส่วนเก่ียวขอ้ งกบั ขนมไทยหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ขนมกลว้ ย กลว้ ยกวน กลว้ ยเชื่อม กลว้ ย แขกทอด หรือใชก้ ลว้ ยเป็นไส้ เช่น ขา้ วตม้ มดั ขา้ วเหนียวป้ิงไสก้ ลว้ ย ขา้ วเมา่ กลว้ ยท่ีใชส้ ่วนใหญ่เป็นกลว้ ย น้าวา้ กลว้ ยแต่ละชนิดเมือ่ นามาทาขนมบางคร้ังจะใหส้ ีต่างกนั เช่น กลว้ ยน้าวา้ เมือ่ นาไปเชื่อมใหส้ ีแดง กลว้ ยไข่ใหส้ ีเหลอื ง เป็นตน้ [6] สี สีที่ไดจ้ ากธรรมชาติและใชใ้ นขนมไทย มดี งั น้ี [2]  สีเขียว ไดจ้ ากใบเตยโขลกละเอียด ค้นั เอาแต่น้า  สีน้าเงินจากดอกอญั ชนั เดด็ กลบี ดอกอญั ชนั แช่ในน้าเดือด ถา้ บีบน้ามะนาวลงไปเลก็ นอ้ ยจะไดส้ ีม่วง  สีเหลอื งจากขมน้ิ หรือหญา้ ฝร่ัน  สีแดงจากครั่ง  สีดาจากกาบมะพร้าวเผาไฟ นามาโขลกผสมน้าแลว้ กรอง กลน่ิ หอม[แก้] กลน่ิ หอมท่ีใชใ้ นขนมไทยไดแ้ ก่ [2]  กลิ่นน้าลอยดอกมะลิ ใชด้ อกมะลทิ ี่เกบ็ ในตอนเชา้ แช่ลงในน้าตม้ สุกที่เยน็ แลว้ ใหก้ า้ นจุ่มอยใู่ นน้า ปิ ดฝาทิ้งไว้ 1 คืน รุ่งข้ึนจึงกรอง นานาไปใชท้ าขนม  กลน่ิ ดอกกระดงั งา นิยมใชอ้ บขนมแหง้ โดยเดด็ กลบี กระดงั งามาลนเทียนอบใหห้ อม ใส่ขวดโหลที่ ใส่ขนมไว้ ปิ ดฝาใหส้ นิท  กล่นิ เทียนอบ จุดไฟที่ปลายเทียนอบท้งั สองขา้ งใหล้ ุกสกั ครู่หน่ึงแลว้ ดบั ไฟ วางลงในถว้ ยตะไล ใส่ ในขวดโหลท่ีใส่ขนม ปิ ดผาใหส้ นิท  กลน่ิ ใบเตย หนั่ ใบเตยที่ลา้ งสะอาดเป็นท่อนยาว ใส่ลงไปในขนม ขนมไทยแต่ละภาค ขนมไทยภาคเหนือ

ส่วนใหญ่จะทาจากขา้ วเหนียว และส่วนใหญ่จะใชว้ ธิ ีการตม้ เช่น ขนมเทียน ขนมวง ขา้ วตม้ หวั หงอก มกั ทากนั ในเทศกาลสาคญั เช่นเขา้ พรรษา สงกรานต์ ขนมที่นิยมทาในงานบุญเกือบทุกเทศกาลคือขนมใส่ไสห้ รือขนมจอ๊ ก ขนมท่ีหาซ้ือไดท้ ว่ั ไปคือ ขนม ปาดซ่ึงคลา้ ยขนมศลิ าออ่ น ขา้ วอตี ูหรือขา้ วเหนียวแดง ขา้ วแตนหรือขา้ วแต๋น ขนมเกลอื ขนมที่มีรับประทาน เฉพาะฤดูหนาว ไดแ้ ก่ ขา้ วหนุกงา ซ่ึงเป็นงาคว่ั ตากบั ขา้ วเหนียว ถา้ ใส่น้าออ้ ยดว้ ยเรียกงาตาออ้ ย ขา้ วแคบ หรือขา้ วเกรียบวา่ ว ลกู ก่อ ถวั่ แปะยี ถว่ั แระ ลกู ลานตม้ [7] ในจงั หวดั แมฮ่ ่องสอน ขนมพน้ื บา้ นไดแ้ ก่ ขนมอาละหว่า ซ่ึงคลา้ ยขนมหมอ้ แกง ขนมเปงมง้ ซ่ึงคลา้ ย ขนมอาละหว่าแต่มีการหมกั แป้งใหฟ้ ูก่อน ขนมส่วยทะมนิ ทาจากขา้ วเหนียวน่ึง น้าตาลออ้ ยและกะทิ ในช่วง ท่ีมนี ้าตาลออ้ ยมากจะนิยมทาขนมอกี 2 ชนิดคือ งาโบ๋ ทาจากน้าตาลออ้ ยเคี่ยวใหเ้ หนียวคลา้ ยตงั เมแลว้ คลกุ งา กบั แปโหย่ ทาจากน้าตาลออ้ ยและถว่ั แปยี มลี กั ษณะคลา้ ยถว่ั ตดั [8] ขนมไทยภาคกลาง ส่วนใหญ่ทามาจากขา้ วเจา้ เช่น ขา้ วตงั นางเยย่ี วเลด็ ขา้ วเหนียวมูน และมขี นมที่หลุดลอดมาจากร้ัววงั จนแพร่หลายสู่สามญั ชนทว่ั ไป เช่น ขนมกลีบลาดวน ลูกชุบ หมอ้ ขา้ วหมอ้ แกง ฝอยทอง ทองหยบิ ขนมตาล ขนมกลว้ ย ขนมเผอื ก เป็นตน้ ขนมไทยภาคอสี าน เป็นขนมที่ทากนั ง่ายๆ ไม่พถิ ีพถิ นั มากเหมือนขนมภาคอื่น ขนมพ้นื บา้ นอสี านไดแ้ ก่ ขา้ วจ่ี บาย มะขามหรือมะขามบ่ายขา้ ว ขา้ วโป่ ง [9]นอกจากน้นั มกั เป็นขนมในงานบุญพธิ ี ท่ีเรียกว่า ขา้ วประดบั ดนิ โดย ชาวบา้ นนาขา้ วที่ห่อใบตอง มดั ดว้ ยตอกแบบขา้ วตม้ มดั กระยาสารท ขา้ วทิพย์ ขา้ วยาคู ขนมพ้นื บา้ นของ จงั หวดั เลยมกั เป็นขนมง่ายๆ เช่น ขา้ วเหนียวน่ึงจ้ิมน้าผ้งึ ขา้ วบ่ายเกลอื คือขา้ วเหนียวป้ันเป็นกอ้ นจิ้มเกลือให้ พอมีรสเค็ม ถา้ มมี ะขามจะเอามาใส่เป็นไสเ้ รียกมะขามบ่ายขา้ ว น้าออ้ ยกะทิ ทาดว้ ยน้าออ้ ยท่ีเคี่ยวจนเหนียว ใส่ถว่ั ลิสงควั่ และมะพร้าวซอย ขา้ วพองทามาจากขา้ วตากควั่ ใส่มะพร้าวหนั่ เป็นชิ้นๆ และถวั่ ลิสงควั่ กวนกบั น้าออ้ ยจนเหนียวเทใส่ถาด ในงานบุญต่างๆจะนิยมทาขนมปาด (คลา้ ยขนมเปี ยกปนู ของภาคกลาง) ลอดช่อง และขนมหมก (แป้งขา้ วเหนียวโม่ ป้ันเป็นกอ้ นกลมใส่ไสก้ ระฉีก ห่อเป็นสามเหล่ยี มคลา้ ยขนมเทียน นาไป น่ึง) [10]

ขนมไทยภาคใต้ ชาวใตม้ ีความเช่ือในเทศกาลวนั สารท เดือนสิบ จะทาบุญดว้ ยขนมท่ีมเี ฉพาะในทอ้ งถน่ิ ภาคใตเ้ ท่าน้นั เช่น ขนมลา ขนมพอง ขา้ วตม้ ห่อดว้ ยใบกะพอ้ ขนมบา้ หรือขนมลูกสะบา้ ขนมดีซาหรือเมซา ขนมเจาะหู หรือเจาะรู ขนมไข่ปลา ขนมแดง เป็นตน้ ตวั อยา่ งของขนมพ้ืนบา้ นภาคใตไ้ ดแ้ ก่ [11]  ขนมหน้าไข่ ทาจากแป้งขา้ วเจา้ นวดกบั น้าตาล นาไปน่ึง หนา้ ขนมทาดว้ ย กะทิผสมไข่ น้าตาล เกลือ ตะไคร้และหวั หอม ราดบนตวั ขนม แลว้ นาไปน่ึงอกี คร้ัง  ขนมฆมี นั ไม้ เป็นขนมของชาวไทยมสุ ลิม ทาจากมนั สาปะหลงั นาไปตม้ ใหส้ ุก โรยดว้ ยแป้งขา้ ว หมาก เก็บไว้ 1 คืน 1 วนั จึงนามารับประทาน  ขนมจู้จนุ ทาจากแป้งขา้ วเจา้ นวดกบั น้าเชื่อม แลว้ เอาไปทอด มีลกั ษณะเหนียวและอมน้ามนั  ขนมคอเป็ ด ทาจากแป้งขา้ วเจา้ ผสมกบั แป้งขา้ วเหนียว นวดรวมกบั ไข่ไก่ รีดเป็นแผน่ ตดั เป็นชน้ิ ๆ เอาไปทอด สุกแลว้ เอาไปเคลา้ กบั น้าตาลโตนดที่เค่ียวจนเหนียวขน้  ขนมคนที ทาจากใบคนที ผสมกบั แป้งและน้าตาล น่ึงใหส้ ุก คลุกกบั มะพร้าวขดู จ้ิมกบั น้าตาลทราย  ขนมกอแหละ ทาจากแป้งขา้ วเจา้ กวนกบั กะทิและเกลือ เทใส่ถาด โรยตน้ หอม ตดั เป็นช้ินๆ โรยหนา้ ดว้ ย มะพร้าวขดู คว่ั กุง้ แหง้ ป่ น และน้าตาลทราย  ขนมก้านบวั ทาจากขา้ วเหนียวน่ึงสุก นาไปโขลกดว้ ยครกไมจ้ นเป็นแป้ง รีดใหแ้ บน ตากแดดจนแหง้ ตดั เป็นรูปสี่เหล่ียมผนื ผา้ ทอดใหส้ ุก ฉาบดว้ ยน้าเช่ือม  ข้าวเหนยี วเชงา เป็นขา้ วเหนียวน่ึงสุก ตาผสมกบั งาและน้าตาลทราย  ข้าวเหนยี วเสือเกลือก คลา้ ยขา้ วโพดคลุกของภาคกลางแต่เปลี่ยนขา้ วโพดเป็นขา้ วเหนียวน่ึงสุกและ ใส่กะทิดว้ ย  ขีห้ มาพองเช มีลกั ษณะเป็นกอ้ นๆ ทาจากขา้ วเหนียวควั่ สุกจนเป็นสีน้าตาล ตาใหล้ ะเอยี ดเคลา้ กบั มะพร้าวขดู น้าตาลโตนดท่ีเค่ยี วจนขน้ เคลใ้ หเ้ ขา้ กนั ดี แลว้ ป้ันเป็นกอ้ น  ขนมดาดา เป็นขนมของชาวไทยมสุ ลมิ ใชใ้ นโอกาสเดียวกบั ฆานม ประกอบดว้ ยขา้ วเจา้ ขา้ วเหนียว ผสมน้าบดใหล้ ะเอยี ด นาไปละเลงในกระทะท่ีมนี ้ามนั ร้อนๆ พบั ใหเ้ ป็นแผน่ กินกบั น้าตาลเหลว  ขนมกรุบ นิยมทากนั ในจงั หวดั สุราษฎร์ธานี ใชแ้ ป้งขา้ วเหนียวนวดกบั น้าอ่นุ นาไปรีดใหแ้ ผบ่ างบน ใบตอง นาไปน่ึงแลว้ ตากแดดใหแ้ หง้ แลว้ ทอดใหก้ รอบคลุกกบั น้าตาลท่ีเค่ียวเป็นยางมะตูม  ขนมก้องถง่ึ ทาจากถว่ั ลิสงควั่ คลกุ กบั น้าตาลร้อนๆ แลว้ ใชไ้ มท้ ุบใหล้ ะเอยี ดจนเป็นแผน่ ตดั เป็นช้ิน ขนมในพธิ กี รรมและงานเทศกาล[แก้]

ขนมไทยมสี ่วนร่วมในวถิ ีชวี ิตไทยในทุกเทศกาลและโอกาสต่างๆ แสดงใหเ้ ห็นถึงความผกู พนั และ เป็นส่วนสาคญั ของวฒั นธรรมไทยต้งั แต่สมยั โบราณ ขนมท่ีใชใ้ นงานเทศกาลและพิธีกรรมต่างๆของไทย ตลอดท้งั ปี สรุปไดด้ งั น้ี ขนมไทยในงานเทศกาล[แก้]  งานตรุษสงกรานต์ ท่ีพระประแดง และราชบุรี ใชก้ ะละแมเป็นขนมประงานตรุษ[12] [13]  สารทไทย เดือน 10 ทุกภาคยกเวน้ ภาคใต้ ใชก้ ระยาสารทเป็นขนมหลกั นอกจากน้นั อาจมี ขา้ วยาคู ขา้ วมธุปายาส ขา้ วทิพย์ ส่วนทางภาคใต้ จะมี ขนมสารทเดือนสิบ โดยใชข้ นมลา ขนมพอง ขนมท่อน ใต้ ขนมบา้ ขนมเจาะหูหรือขนมดีซา ขนมตม้ (ขา้ วเหนียวใส่กะทิห่อใบกะพอ้ ตม้ ต่างจากขนมตม้ ของภาคกลาง) ยาสาด (กระยาสารท) ยาหนม (กะละแม) [12] โดยขนมแต่ละชนิดท่ีใชม้ คี วามหมายคือ ขนมพอง เป็นแพพาขา้ มหว้ งมหรรณพ ขนมกงหรือขนมไข่ปลา เป็นเคร่ืองประดบั ขนมดีซาเป็นเงิน เบ้ียสาหรับใชส้ อย ขนมบา้ ใชเ้ ป็นลูกสะบา้ ขนมลาเป็นเส้ือผา้ แพรพรรณ [14]  เทศกาลออกพรรษา การตกั บาตรเทโว เดือน 11 นิยมทาขา้ วตม้ ผดั ห่อดว้ ยใบตองหรือใบออ้ ย ธรรม เนียมน้ีมาจากความเช่ือทางศาสนาทีว่ ่า เม่อื ประชาชนไปรอรับเสดจ็ พระพทุ ธเจา้ เมื่อทรงพทุ ธดาเนิน จากเทวโลกกลบั สู่โลกมนุษย์ ณ เมืองสงั กสั สะ ชาวเมอื งที่ไปรอรับเสดจ็ ไดน้ าขา้ วตม้ ผดั ไปเป็น เสบียงระหว่างรอ[12] บางทอ้ งที่มีการทาขา้ วตม้ ลกู โยนใส่บาตรดว้ ยเชน่ ชาวไทยเช้ือสายมอญที่ จงั หวดั ราชบุรี [13]  ในช่วงออกพรรษา ที่จงั หวดั นครศรีธรรมราชมปี ระเพณีลากพระและตกั บาตรหนา้ ลอ้ ซ่ึงจะใชข้ นม สองชนิดคือ ห่อตม้ (ขา้ วเหนียวผดั กะทิห่อเป็นรูปสามเหลีย่ มดว้ ยใบพอ้ ) และห่อมดั (เหมอื นห่อตม้ แต่ห่อดว้ ยใบจากหรือใบมะพร้าวอ่อนเป็นรูปส่ีเหลย่ี มใชเ้ ชือกมดั ) [15]  ในช่วงถอื ศลี อดในเดือนรอมฎอน ชาวไทยมสุ ลมิ นิยมรับประทานขนมอาเก๊าะ[16]  เดือนอา้ ย มีพระราชพิธีเล้ียงขนมเบ้ือง เมือ่ พระอาทิตยโ์ คจรเขา้ ราศธี นู นิมนตพ์ ระสงฆ์ 80 รูป มาฉนั ขนมเบ้ืองในพระท่ีนง่ั อมรินทรวินิจฉยั [17]  เดือนอา้ ยในจงั หวดั นครศรีธรรมราชมีประเพณีใหท้ านไฟ โดยชาวบา้ นจะก่อไฟและเชิญพระสงฆม์ า ผงิ ไฟ ขนมท่ีใชใ้ นงานน้ีมี ขนมเบ้ือง ขนมครก ขนมกรอก ขนมจูจุน กลว้ ยแขก ขา้ วเหนียวกวน ขนม กรุบ ขา้ วเกรียบปากหมอ้ ) [15]  เดือนสาม ทางภาคอีสานมปี ระเพณีบุญขา้ วจี่ ซ่ึงจะทาขา้ วจี่ไปทาบุญที่วดั [18]  ชาวไทยมสุ ลิมมปี ระเพณีกวนขนมอาซูรอในวนั ท่ี 10 ของเดือนมูฮรอม[11] ขนมไทยในพธิ กี รรมและความเชื่อ[แก้]

 การสะเดาะเคราะห์และแกบ้ นของศลิ ปิ นวายงั -มะโยง่ ของชาวไทยมุสลิมทางภาคใต้ ใชข้ า้ วเหนียว สามสี (ขาว เหลือง แดง) ขา้ วพอง (ฆแี น) ขา้ วตอก (มือเตะ) รา (กาหงะ) และขนมเจาะหู[19]  ในพธิ ีเขา้ สุหนตั ข้ึนบา้ นใหม่ แต่งงาน นาเรือใหม่ลงน้า ชาวไทยมุสลิมนิยมทาขนมฆานม[19]  ขนมท่ีใชใ้ นงานแต่งงาน ในภาคกลางนอกกรุงเทพฯออกไปจะมขี นมกงเป็นหลกั นอกจากน้นั มี ทองเอก ขนมชะมด ขนมสามเกลอ ขนมโพรงแสม ขนมรังนก บางแห่งใช่ขนมพระพายและขนม ละมดุ ก็มี ในบางทอ้ งถ่ิน ใช้ กะละแม ขา้ วเหนียวแดง ขา้ วเหนียวแกว้ ขนมช้นั ขนมเปี ยก ขนมเปี๊ ยะ ถา้ เป็นตอนเชา้ ยงั ไมถ่ ึงเวลาอาหาร จะมกี ารเล้ียงของวา่ งเรียก กนิ สามถว้ ย ไดแ้ ก่ ขา้ วเหนียวน้ากะทิ ขา้ วตอกนากะทิ ลอดช่องน้ากะทิ บางแห่งใช้ มนั น้ากะทิ เมด็ แมงลกั น้ากะทิ[20] บางทอ้ งถ่นิ ใชข้ นม ตม้ ดว้ ย[3]  พธิ ีแต่งงานของชาวไทยมุสลิม จะมพี ิธีกนิ สมางตั ซ่ึงเป็นการป้อนขา้ วและขนมใหเ้ จา้ บ่าวเจา้ สาว ขนมที่ใชม้ ี กะละแมหรือขนมดอดอย ขนมกอ้ หรือตูปงปูตู ขนมลาและขา้ วพอง[21]  ขนมท่ีใชใ้ นงานบวชและงานทอดกฐินของชาวไทยเช้ือสายมอญในจงั หวดั ราชบุรีไดแ้ ก่ ขนมปลา หางดอก และลอดช่องน้ากะทิ[13]  ในงานศพ ชาวไทยเช้ือสายมอญในจงั หวดั ราชบุรีนิยมเล้ยี งเมด็ แมงลกั น้ากะทิ [13]  การบูชาเทวดาในพิธกี รรมใดๆ เช่น ยกเสาเอก ต้งั ศาลพระภูมิใชข้ นมตม้ แดง ขนมตม้ ขาว เป็นหลกั ในเคร่ืองสงั เวยชุดธรรมดา [22] ชดุ ใหญ่เพิ่ม ขา้ วตอก งาควั่ ถวั่ ทอง ฟักทองแกงบวด ในพธิ ีทาขวญั จุก ใชข้ นมตม้ ขาวตม้ แดงดว้ ยเช่นกนั [23] เคร่ืองกระยาบวชในการไหวค้ รูเพอ่ื ทาผงอทิ ธิเจ ใชข้ นมตม้ แดง ตม้ ขาวเช่นกนั [24]  พธิ ีเล้ยี งผขี องชาวไทยเช้ือสายมอญในจงั หวดั ราชบุรีใช้ ขนมบวั ลอย ขนมทอด [13]  ขนมที่ใชใ้ นพธิ ีไหวค้ รูมวยไทยและกระบ่ีกระบอง ไดแ้ ก่ แกงบวด (กลว้ ย เผอื กหรือมนั ) เผอื กตม้ มนั ตม้ ขนมตม้ แดงตม้ ขาว ขนมช้นั ถว้ ยฟู ฝอยทอง เมด็ ขนุน  ในการเล่นผหี ้ิงของชาวชอง บนหิ้งมีขนมตม้ [25] ขนมทีม่ ชี ่ือเสียงเฉพาะถ่นิ [แก้]  กรุงเทพมหานคร เขตธนบุรีมขี นมฝร่ังกุฎีจนี เขตปทุมวนั มขี นมกลบี ลาดวน  จงั หวดั จนั ทบุรี และจงั หวดั ตราด มที ุเรียนกวน  จงั หวดั ฉะเชิงเทรา มี ขนมช้นั  จงั หวดั ชลบุรี ตลาดหนองมน มี ขา้ วหลาม  จงั หวดั ชุมพร มขี นมขา้ วควายลยุ  จงั หวดั ตรัง มี ขนมเคก้ เมอื งตรัง  จงั หวดั นครปฐม มขี นมผงิ และขา้ วหลาม

 จงั หวดั นครสวรรค์ มี ขนมโมจิ ขนมฟักเขียวกวน  จงั หวดั นครพนม มี ขนมโซเซ  จงั หวดั ปราจีนบุรี มี ขนมเขียว  จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา ส่วนใหญ่เป็นผลไมเ้ ช่ือม ผลไมก้ วน เช่น มะยมเชื่อม พุทรากวน ที่ตาบล ท่าเรือ มขี นมบา้ บิ่น  จงั หวดั พทั ลุง มี ขนมกา้ นบวั  จงั หวดั พษิ ณุโลก อาเภอบางกระทุ่ม มกี ลว้ ยตาก  จงั หวดั เพชรบุรี เป็นแหลง่ ที่มขี นมหวานท่ีมีช่ือเสียงมานาน โดยเฉพาะขนมท่ีทามาจากตาลโตนดเชน่ จาวตาลเชื่อม โตนดทอด ตงั เม ส่วนขนมชนิดอื่นท่ีมชี ื่อเสียงต้งั แต่สมยั รัชกาลที่ 4 เป็นตน้ มาคือ ขนม ข้ีหนู ขา้ วเกรียบงา ขนมหมอ้ แกง[26] ดูบทความหลกั ท่ี: ขนมเมืองเพชร  จงั หวดั สตูล มี ขนมบุหงาบูดะ ขนมโรตีกาปาย และ ขา้ วเหนียวกวนขาว  จงั หวดั สมทุ รปราการ มี ขนมจาก  จงั หวดั สมุทรสงคราม มขี นมจ่ามงกุฏ  จงั หวดั สิงหบ์ ุรี มีมะมว่ งกวนหรือสม้ ลิ้ม  จงั หวดั สุพรรณบุรี อาเภอบางปลามา้ มีขนมสาลี่  จงั หวดั อา่ งทอง อาเภอวิเศษชยั ชาญ มขี นมเกสรลาเจียก  จงั หวดั อุตรดิตถ์ มีขนมเทียนเสวย ขา้ วหลามทุ่งย้งั  จงั หวดั อทุ ยั ธานี หนองแก มี ขนมกง ขนมปังสงั ขยา ขนมไทยทไ่ี ด้รบั อทิ ธิพลจากขนมของชาตอิ ่ืน[แก้] ไทยไดร้ ับเอาวฒั นธรรมดา้ นอาหารของชาติต่างๆ มาดดั แปลงใหเ้ หมาะสมกบั สภาพทอ้ งถิน่ วตั ถุดิบ ท่ีหาได้ เครื่องมือเคร่ืองใช้ ตลอดจนการบริโภคแบบไทย จนทาใหค้ นรุ่นหลงั แยกไมอ่ อกว่าอะไรคือขนมที่ เป็นไทยแท้ และอะไรดดั แปลงมาจากวฒั นธรรมของชาติอน่ื เช่น ขนมท่ีใชไ้ ข่และขนมท่ีตอ้ งเขา้ เตาอบ ซ่ึง เขา้ มาในรัชสมยั สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช จากคุณทา้ วทองกีบมา้ ภรรยาเช้ือชาติญ่ีป่ ุน-โปรตุเกสของ เจา้ พระยาวิชเยนทร์ ผเู้ ป็นกงสุลประจาประเทศไทยในสมยั น้นั ไทยมิใช่เพียงรับทองหยบิ ทองหยอด และ ฝอยทองมาเท่าน้นั หากยงั ใหค้ วามสาคญั กบั ขนมเหล่าน้ีโดยใชเ้ ป็นขนมมงคลอกี ดว้ ย ส่วนใหญ่ตารับขนมท่ี ใส่ไข่มกั เป็น \"ของเทศ\" เช่น ทองหยบิ ฝอยทอง ทองหยอดจากโปรตุเกส


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook