Áͧ¡ÃШ¡ áÅÇŒ Ç¡ÁÒÁͧµÑÇàͧ È.¹¾.àÊ¹Í ÍÔ¹·ÃÊØ¢ÈÃÕ
1
คำนำ มองกระจก แลววกมามองตัวเอง เปนบทความสวนหนึ่งของหนังสือ ๘ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ครบรอบ ๘๔ ป นายแพทยเ สนอ อนิ ทรสขุ ศรี ทส่ี ำนกั สง เสรมิ และพทิ กั ษผ สู งู อายุ สำนกั งานสง เสรมิ สวสั ดภิ าพและพทิ กั ษเ ดก็ เยาวชน ผดู อ ยโอกาส และผสู งู อายุ ไดร บั อนญุ าตจากศาสตราจารยน ายแพทยเ สนอ อนิ ทรสขุ ศรี ใหน ำมา จดั พมิ พเ ผยแพรใ หค วามรูแกผูสงู อายุ และประชาชนทว่ั ไป สาระของบทความ กลาวถึงการเปล่ียนแปลงทางรางกายของผูสูงอายุ ในดานตาง ๆ ทั้งรางกาย และจิตใจ ท่ีเปนประโยชนตอผูอานใหรูเทาทัน เขาใจ และพรอ มรับในสิง่ ท่จี ะเกิดข้นึ เพือ่ การปฏิบตั ิตนอยา งเหมาะสมตอ ไปในวยั สงู อายุ สำนักสงเสริมและพิทักษผูสูงอายุ ขอขอบพระคุณศาสตราจารยนายแพทย เสนอ อินทรสุขศรี เปนอยางยิ่ง ทีไ่ ดก รุณาอนญุ าตใหนำบทความดงั กลา วจดั พิมพ และเผยแพรเพื่อเปนวทิ ยาทานตอ ไป สำนกั สง เสรมิ และพิทักษผ ูส ูงอายุ 3
มองกระจกแลววกมามองตวั เอง ศ.นพ.เสนอ อินทรสุขศรี เมอ่ื มอี ายุมากขึน้ และมากขึ้น ๆ ทุกวนั ใคร ๆ ท่ไี มไดพบปะกันมานานแลว หรอื พงึ่ จะรจู กั แลว สนทิ กนั มาบา ง ชา งชอบถามเสยี จรงิ ๆ วา เวลานอี้ ายเุ ทา ไหร พอบอกแลว เขาจะแกลงชมใหเราดีใจหรือเดาอายุเราผิดจริงก็ไมรู คนไหนคนน้ันจะตองบอกวา.. ไมเช่ือวาจะมีอายุมากถึงอยางน้ันแลว ถามตอวาปฏิบัติตัวอยางไรถึงยังดูเหมือน ๆ เดิม กี่ปก่ปี ม าเหน็ ก็เหมือนเดมิ ไมเ ปลี่ยนแปลงเลย พูดกันตามจริง ก็ชอบละที่เขาชมอยางน้ัน แตที่ไมเปล่ียนแปลงเลยน้ัน ไมได พลอยหลงเชื่อตามไปหรอก ตองแกลงพูดเลนวา ท่ีไมคอยจะเปล่ียนไปตามที่บอกนั้น กเ็ พราะมโี รคอยใู นตวั “โรคหนุมเรื้อรัง” คร้ันมีคนถามถึงอายุและบอกสภาพของตัวเองบอยเขา ก็คิดวาตองมองพิจารณา การเปลยี่ นแปลงสภาพของตัวเองเสยี ที “การเปลีย่ นแปลงของรา งกายของผสู งู อาย”ุ วนั น้ันสองกระจกมองพจิ ารณาตัวเอง กก็ ระจกเงาบานทส่ี อ งดอู ยทู กุ วนั เวลาหวผี ม ผดั หนา ทาแปง แตง ตวั กบ็ านนนั้ แหละ เมอ่ื แตงตวั เสรจ็ แลวก็แลวไป ไมไดใสใ จจองพิจารณาอยา งใด แตวันนั้นสองกระจกพิจารณานานหนอย ภาพที่เห็นในกระจกน้ันดูแลวรูสึก แปลกเปนพิเศษไปจากท่ีเคยมองเห็นมา นี่ใครกันนะหนาตาดูคุน ๆ วาเคยเห็นมากอน จองดูอีกใหแนวา อาว ภาพในกระจกน้ันตัวเราเองแหละไมยักเคยรูเคยเห็นหรอกวา ลกั ษณะสภาพตวั เรานเ่ี ปลย่ี นแปลงไปโดยทเ่ี ราพง่ึ จะเหน็ เมอ่ื สงั เกตและมองอยา งพจิ ารณา เมือ่ สัก 3 – 4 ป มาแลว ก็เคยมีความสำนึกและรูตวั วา มีอายมุ ากแลว เปน คนท่ี ใคร ๆ เขาเรียกวา คนแก ไดแ ลว แตม คี ำเรยี กปลอบใจ หรือไมแสลงหู ชวยบำรุงขวญั โดยเรียกกันวา ผูสูงอายุ แตถึงอยางไร ผมชอบที่เรียกกันวา “คนแก” อยางท่ีเรียกกัน มานานแสนนานแลว ดว ยความเขาใจกันไดดี 5
มาถึงวันนี้เมื่อมองดูสภาพของตัวจากกระจกเงาแลวก็รูดีวานี่เรามีอายุมากขึ้น ไปอีกแลวซีนะ พูดอยางชาวบานกันเองโดยไมตองพูดหลอกหลอนลวงกันใหเหลิงกัน ไดเ ลยวา แกข้นึ กวา เดมิ มองเห็นหนาของตัวเองจากกระจกเงาเพงพินิจสักหนอย ก็บอกไดแลววามีการ เปล่ยี นแปลงไปอยา งชดั เจนวา แกข ึ้นกวาเดิม ใบหนาท่ีเคยอวบอูมก็ดูเหมือนจะยุบลง (หรือตอบลง) กระดูกของโหนกแกม คาง และคว้ิ นนู ขน้ึ ผวิ ใบหนา แหง เหย่ี วยน หนา ผากยน เปน รว้ิ ๆ เหน็ ชดั เจน เชน เดยี วกบั ทบ่ี ริเวณหางตาจะมีผิวยน ๆ ตามทเี่ รยี กวา “รอยตนี กา” ผวิ หนา ซีด ๆ มีฝา จาง ๆ ขึน้ ที่ แกม ท้งั 2 ขาง ผมเองมีไฝเม็ดโตที่โหนกแกมขวา (แกลงเชิดชูไฝเม็ดน้ีวาเปนไฝเสนห) เวลานี้มี ขนาดโตเกอื บ ๆ เทาเมด็ ถ่งั แดง แตกอนเคยมสี ดี ำ เวลานี้มีสซี ีด ๆ และเหยี่ วฝอแบนลง ริมฝปากที่อิ่มเอิบงามดั่งคันศร (ชมตัวเอง) เวลานี้เหี่ยวยนยุบลง เวลาสวดมนต และออกเสียงพูด ตัวเองก็ไดยินและรูวาคำพูดไมคอยจะชัดถอยชัดคำ ลองผิวปากเปน เพลงตามที่เคยผิวปากในเวลาคร้ึมอกครึ้มใจอยางแตกอนโนน อยาวาแตจะผิวใหเปน เพลงเลย เสียงผิวยังไมมีเสียงดวยซ้ำย่ิงเปาปากอยางโกสมัยกอนย่ิงไมมีเสียง มีแตลม ผา นรมิ ฝป าก ฟู ๆ อา ว ลมื ใสฟ น ปลอม (ฟน หนา ของฟน บน) มนิ า พดู กไ็ มช ดั ผวิ ปาก เปา ปากกไ็ มไ ด ริมฝป ากตอนบนกด็ ูยบุ ไป พอเอาฟนปลอมใสแลว เออ – ดูหนาแลวเหมือนคนเดิมขึ้นมามากทีเดียว เอ - คนไมมีฟนน่ีหนามันผิดแปลกไปไดนะ ถาฟนหักทั้งหมดปากหนาคงจะผิดแปลก จากเดิมมากเชียวละ ตา มองดตู าตวั เองจากกระจก แลว นกึ ไดถ งึ ตำราแพทยม บี อกไวว า คนทแ่ี กแ ลว ถา ดูรอบขอบตาดำท่ชี ดิ สวนตาขาว รอบของตาดำจะเปน เสน สขี าวฝา ๆ โดยรอบ แตตา เราไมม ีขอบวงตาดำเปน สขี าวเลย เราคงยงั ไมแก หรอื แกไ มม ากซินะ ขนตาบน รวงไปเสียสว นมาก เหลอื ไมก เ่ี สน สว นขนตาลางไมเหลอื ใหเห็น ขนคว้ิ กร็ ว งไปบางเหมอื นกนั บางเสน งอกยาวออกไปมาก บางเสนหงอกเสยี ดวย หนวด เครา โกนทุกเชา ขนเครา – หลังโกนแลว โคนขนท่ีเหลือบางเสนก็เห็น มีหงอก 6
ขนจมูกน้ัน เห็นมีหงอกบางเสนมานานแลว แตเวลาน้ีเห็นวามีหงอกมากเสน กวา แตก อ น ตายงั มองเหน็ ดี แตก ม็ สี ายตายาวตอ งสวมแวน มานานปแ ลว เวลานตี้ อ งใหจ กั ษแุ พทย ตรวจบอย ๆ หมอเขาบอกวาสายตาคนเราอาจเปลี่ยนทุก ๆ 2 ป บางปจึงตองเปลี่ยน กระจกแวน ตาใหเ หมาะกบั สายตา เวลาอา นเขยี นหนงั สอื เวลานต้ี อ งการแสงสวา งมากกวา แตกอน ๆ หมอตาบอกวาเริ่มมีตอกระจกนิด ๆ แลว พอแกแลวทุกคนก็ไมพน ตอกระจก แลวแตใครจะเปนชาหรือเร็วเทานั้น แกแลวทั้งตัว มันก็เส่ือมไปหมดละ ผมมันหงอก ตามนั กห็ งอกไดนา รำคาญอยูท่วี า หัวตามนั มขี ี้ตาอยูเร่อื ย ก็คงเพราะมีทอนำ้ ตาอักเสบเลก็ ๆ นอย ๆ อยูเสมอตามสภาพของคนอายุมาก เช็ดข้ีตาออกทิ้งไปไมไดยากเย็นอะไร จึงไมมีปญหา หรือเดือดรอนอยางไร ดีแลวท่ีไมเกิดมีทอน้ำตาอุดตัน น้ำตาไหลเหมือนกับวารองไห อยตู ลอดวัน แลว เกดิ หนองเกดิ ฝข น้ึ ในทอ นำ้ ตา ไหน ๆ สอ งกระจกมองตาตวั เองแลว ก็ดูหูเสยี เลยเถอะ หู หูเวลาน้ีก็ผิดแปลกเปลี่ยนไปดวย หูขางซายท่ีเคยไดยินเสียงไมคอยชัด พูดไดวามีหูตึงมากอนแลวหลายป ตอนนี้มันตึงมากย่ิงข้ึน ลองเอามืออุดหูขวาไวแลว หซู า ยน้แี ทบจะไมไดย นิ เสียงคนพูดทพี่ ดู ดว ยวาพดู อะไรยังไง ตอ งพดู เสยี งดังมาก ๆ หขู า งขวากพ็ อจะไดย นิ ในเวลาพดู คยุ สนทนากนั ในระยะใกล ๆ ถา อยไู กลสกั หนอ ย ก็ฟงไมชัด เวลาฟงวิทยุหรือชมโทรทัศน มักจะขัดแยงกับพวกเด็ก ๆ ที่ชอบประทวงวา “เปดเสียงดงั อะไรนกั หนา” เรื่องไมไดยินเสียงหรือฟงคนพูดดวยไมไดยินชัดน้ี มันก็ทำใหรำคาญใจและ มีโมโหโทโสอยูในใจอยูแลว ไมร วู ากรรมเวรอะไรนกั หนา หขู างขวาที่พอจะชวยใหไ ดยนิ คนคุยหรือฟงเสียงอะไรไดพอรูเรื่อง อยู ๆ ก็เกิดมีขี้หูขึ้นมามากจนเต็มรูหู จนไปชิด เย่ือแกวหู ที่น้ีก็ไดเร่ือง มีเร่ืองสำคัญท่ีจะตองพูดคุยกันหรือมีประชุมกรรมการเก่ียวกับ ธุรกิจการงาน ใครเขาจะพูดจะถามหรืออกความเห็นอยางไร ไดยินเสียงเหมือนกระซิบ กระซาบ ฟงไมชัด จับความไมไดในที่สุดตองเดือดรอนถึงหมอหู ใหชวยแซะชวยคีบ หูออกจนเกลย้ี ง จึงไดยนิ ไดอยางเดิม (คอื ยังมีตึง ๆ อยู – แตไ ดยินเสียงดีขึน้ ) ข้หี ูเตม็ รหู ขู วาน้ี ตอนแรกหลังจากคบี ขี้หูออกเพยี งแค 2 – 3 อาทติ ย กเ็ ต็มหูอีก แตกห็ างไปหางไป จนหายไปเอง 7
หูคนเรา เม่ือมีอายุมากๆ ประสาทรับเสียงก็คอย ๆ เส่ือมไปทำใหหูตึง ฟงไมชัด คนทีจ่ ะพดู ดว ยตองพูดดัง ๆ หรือพูดซ้ำ ๆ ท่ีแปลกก็คือ ถาเปนเสียงสูงหรือแหลมจะไดยินเสียงชัดนอยกวาเสียงต่ำหรือ เสียงหาว บางทพี ูดเสียงตามธรรมดา ๆ จะไมไ ดยิน แต – ถา เปนเสยี งกระซบิ กลบั ไดยิน น่ีไงละทเี่ ราเคยเห็นหรือเคยไดยนิ คนพูดถึงปยู าตายายทแ่ี กมาก ๆ วา เวลาทพี่ ดู คยุ ดว ยไมไ ดย นิ เสยี งพดู หรอก ตอ งพดู ซำ้ ๆ หรอื พดู ดงั ๆ แตพ อพดู กระซบิ นนิ ทาเสยี งเบา ๆ เทา นั้นแหละคณุ เอย ไดย นิ เรานินทาชัดแจวเชยี วละ ผม เม่ือมองดูผมของตัวเองในกระจก ใจหายนิดหนอย (เพราะปลอบใจตัวเอง มากอนแลววา เรานี่ยังดีกวาเพ่ือนรุนเดียวกันหลายคนที่ผมเรายังมีเหลือมากกวา) ดูที่ ศีรษะแลวเห็นหนังศีรษะไดชัด ผมมีหงอกมากข้ึน โดยเฉพาะที่บริเวณขมับและตีนผม มีผมหงอกดูขาวชดั เอากระจกเล็กอีกบานหน่ึงสองมองดานหลังศีรษะซ่ึงนานปแลวไมไดเห็น หลังศีรษะของตัวใจหายวูบไปพักใหญ ศีรษะดานหลังนั้นมีผมบางมาต้ังแตหนุมแลว มาดตู อนนเ้ี หน็ ไดว า มนั บางจนเกอื บเหมอื นคนหวั ลา น แตก ต็ ดั สนิ ใจคดิ ไปวา เอาเถอะนา ยังดีท่ีมีผมหรอมแหรมอยูบางไมใชวาหมดจนเกล้ียง ชางมัน ถามองดานหนา มันไมมี ลักษณะเหมอื นคนหัวลา น หนาผากยงั ไมก วา งก็ดีแลว อยามองดดู า นหลังศีรษะก็แลว กนั วากันตามตำรา ตลอดทั่วหนังศีรษะที่มีผมหงอกนั้น ตามปกติแลวจะมีเสนผม ทั้งหมดประมาณ 1 แสน 1 หมนื่ เสน เวลาน้ผี มของเราคงจะมเี หลืออยสู กั 3 – 4 หมน่ื เสน เหน็ จะได เรือนรางและอิริยาบถ พิศดูรูปรางของตัวแลว จึงไดรูวาตัวเรานี้ผอมลงกวา แตกอนๆ แลวยังดูเต้ียลงดวย น้ำหนักตัวไมไดช่ังดูมาไดสักปกวา แตก็พอจะรูตัววา นำ้ หนกั ตวั ตอ งลดกวา เดมิ แน ๆ เพราะตวั มนั ผอมลงเนอื้ หนงั เหยี่ ว พงุ กย็ บุ ไปกวา แตก อ น ๆ กางเกงเกา ๆ ที่เคยสวมเม่ือ 10 กวาปมาแลว มันคับพุงมากตองเอาเก็บไวในตูเสื้อผา ก็เอาออกมาสวมอีกไดอยางสบายพุง เข็มขัดตองรนเขาไปอีก 1 – 2 รู แตกางเกงเกาน้ี สงั เกตไดว า เมอื่ สวมแลว ขากางเกงมนั ยาวกวา เดมิ ๆ สกั เกอื บ 1 นว้ิ ฟตุ เออ – นเ่ี ราผอมลง แลวเตยี้ ลงดว ยซินะ พศิ ดตู วั เองตอ อกี เอะ เรานมี้ สี ภาพอยใู นลกั ษณะหลงั โกงบา งแลว ซนิ ี่ รตู วั เหมอื นกนั วาระยะป 2 ปมาน้ี เวลาน่ัน ยืนเดินหรือแมแตเวลานอนเราไมไดยืดตัวไวใหตรง 8
เราเผลอกมหลังอยูในทาหลังคอมตามท่ีเรารูสึกสบายอยูตลอดเวลา ลองควารูปท่ีถายไว ตอนหลัง ๆ น้ีมาดูก็ เห็นไดวาเวลายืนใหใครถายรูปใหนั้น เรายืนหลังคอมเหมือน คนหลงั โกง เวลาเดิน แตกอน ๆ น้ัน เปนคนที่ชอบเดินเร็ว ๆ เดินชาไมเปน ถาเดินชา ๆ กลับรสู กึ เหน่ือยเรว็ แตสกั 2 – 3 ปมานี้ เดนิ เรว็ ไมไ ด ขนื เดนิ เรว็ หรอื จะทำอะไรที่จะตอ ง เปลยี่ นอริ ยิ าบถเรว็ ๆ ละกเ็ ปน เหนอื่ ยหอบ ใจสนั่ ขนึ้ มาทนั ที เวลาเดนิ จงึ ตอ งเดนิ ชา ๆ รีบรอนไมไ ด ต้ังแตอายุมากขึ้นน่ีใหยืนขาขางเดียวไมไดหรอก ยืนไดก็ไดแผล็บเดียว การทรงตัวไมดี ขืนยืนเปนลมเลยเชียว เวลานุงกางเกงใน กางเกงนอก สวมถุงเทา รองเทา ตองน่ังสวมน่ังใส เลิกยืนสวมใสมานานแลว นึกไปถึงเม่ือคร้ังเปนเด็ก คุณครู ลงโทษใหยืนขาเดียวหนาชั้นเรียน บางทีโทษหนักยืนขาเดียวคาบไมบรรทัด แลวยัง กางแขนดวย คร้ังนั้นยังยืนไดสบายมาก เวลาน้ีถาถูกลงโทษใหยืนขาเดียว คงไดลม แขนหกั ตะโพกหักไปแน ๆ เลย เวลานี้เวลาที่เดินไปแตละกาวก็เกือบเหมือนยืนขาเดียวพรอมกับเคลื่อนท่ี กลา มเนือ้ ขามนั หยอ นออ นกำลัง เวลาเดนิ ขาและเทา รบั น้ำหนักตัวไดไ มดพี อ แตล ะกาว ท่ีขายกข้ึนขางหนึ่ง จึงเหมือนยืนขาเดียว น้ำหนักตัวทำใหตัวเองเสียศูนยไป พอตัว เอนเอยี งไปดา นไหน ตวั กพ็ าลจะเซไปทางนน้ั ถา เดนิ เรว็ ซกั หนอ ย จงึ เหมอื นคนเมาเหลา เซไปเซมา เวลาเดินจึงตองทำจิตใจใหต้ังม่ันเดินกาวไปชา ๆ ทำยังกับเดินวางมาด ใครไมรจู ะไดน ึกวาเรายงั เดนิ ไดสมารต ผิวกาย ผิวหนังนซี่ ิท่ีมันฟอ งใหใคร ๆ เขารูวา เราพน ความเปน หนุมสาวมาแลว ละสายตา จากกระจกเงามามองผวิ กายของตวั เองโดยทว่ั ๆ มาปน ส้ี ภาพรา งกายของเราเปลย่ี นแปลงไป อยางเห็นไดชัด เม่ือใครไดเห็นผิวกายเราเพียงมองแวบเดียว เขาก็คงรูวาเราแกแลว พินจิ พจิ ารณาตวั เองก็รอู ยแู กใ จจะคดิ วาตัวยงั ไมแ กเ ห็นจะไมไ ด ก็ผวิ หนังท่ีมันเหีย่ ว ยน แหง บางเปน มนั หยอ นยาน นั่นแหละมันฟอ ง 9
มองคอตัวเองในกระจก หนังตั้งแตใตคางตรงลงมาตามแนวกลาง ๆ คอ มันยน หอยยอยเปนแนวลงมาเหมือนเหนียงไก อยางท่ีเขาพูดกันวา “คอเหนียงแดงไปหมด” มันเหมือนเหนียงไกจรงิ ๆ ดว ย ผิวหนังแหงมีร้ิวรอยแตกแยก มีลักษณะเรียกไดวา “ผิวรอยแตกงา” คือเหมือน ผวิ ของงาชา งเกา ๆ ความจรงิ ดแู ลว ผวิ หนงั ยน ๆ ดำ ๆ ทำใหน กึ ไปถงึ ผวิ เปลอื กมะมว งงอม มะมวงที่ยายหวงนกั หวงหนาใครมาเกบ็ มาแตะตอ งมะมว ง ท่ตี น แกไมไ ดเ ลย พอแกกเ็ ก็บ มะมวงบอกพวกเราเด็ก ๆ วาสุกแลวถึงคอยกิน สุกแลวก็ยังหวงไมกินและไมยอมใหใคร กนิ จนมะมว งงอมเรม่ิ เนา หวั ดำ นั่นแหละจงึ เอามะมว งมาบงั คับใหห ลาน ๆ กิน ผิวตอน หัวมะมวง เหีย่ ว ยน ดำ ไมชวนกนิ เลย พวกเราเรยี กกนั วา “มะมว งกระสือดดู ” ผิวหนัง ตามแขนขาและตามตัวของคนที่แกมาก ๆ ก็เกอื บเหมอื นผวิ มะมวงกระสอื ดดู น่ีแหละ ผิวหนังที่มองดู และเปนผิวหนังตัวเองนี้ ดูเหมือนจะมีสภาพอยางตำราที่ได เลาเรยี นมาเขาไปทกุ ที คอื มสี ภาพทแ่ี สดงถงึ การเกิดความเส่ือม ตามตำรา กลาวไวว า ... ผวิ หนงั ของคนทมี่ อี ายมุ ากขน้ึ นนั้ จะคอ ย ๆ บางลง ความยดื หยนุ มนี อ ยลง ผวิ จงึ ไมตึงไขมันใตผิวหนังก็มีลดนอยลงดวย ผิวหนังจึงหยอนเหี่ยวยน ตอมเหง่ือเส่ือมสลาย จำนวนตอมนอยลง เหง่ือออกนอย เมื่อมีเหง่ือออกนอย พออากาศรอนขึ้น เหง่ือนอย ความรอ นในรา งกายกร็ ะเหยออกไดไ มม ากพอ กจ็ ะรสู กึ วา อากาศรอ นมาก และเมอ่ื ไขมนั ใตผิวหนังมีนอยลงผิวหนังบางคนแกจึงทนตออากาศท่ีเปล่ียนแปลงเล็กนอยไมได ถา อากาศรอนขึน้ สกั หนอ ย กร็ สู ึกรอ นมาก แตพ ออากาศเย็นสักหนอ ย ก็หนาวมาก ตอ มนำ้ มนั ธรรมชาตขิ องผวิ หนงั พอแกแ ลว กจ็ ะลดจำนวนตอ มลง ตอ มเสอ่ื มไปมาก ผวิ หนงั กม็ นี ำ้ มนั นอ ย ผวิ หนงั จงึ แหง ไมเ ปน มนั ไมอ อ นนมุ เหงอื่ กอ็ อกนอ ยดว ย ผวิ กย็ ง่ิ แหง ในเมอื่ คนแกม ผี วิ แหง เวลาอาบนำ้ ถา อาบแชน ำ้ อยนู าน ๆ ฟอกสบมู าก ๆ อกี ดว ย น้ำมันบนผิวหนังจะถูกฟอกลางออกไปหมด พออาบน้ำเสร็จเช็ดตัวแลวผิวหนังที่ไมมี น้ำมันก็จะแหง ผิวตึง ๆ คันและเมื่อเกามาก ๆ ผิวหนังจะอักเสบ เปนแผล เกิดหนอง หรอื เกิดโรคผิวหนงั ตามมาไดมากโรค สีของผิวหนัง เกิดจากการมีสีในช้ันเซลลที่มีสีของผิวหนัง เม่ือคนเราอายุมากข้ึน เขาสสู ภาพคนแกส ีในเซลลผ ิวหนังจะลดนอยลง ผวิ คนแกจึงมีสซี ดี ๆ เหลือง ๆ แตก ็จะมี บางสวนบางแหงของผิวหนังท่ีจะมีหยอมหรือกลุมเซลลมีสีเพิ่มข้ึนกวาปกติ ผิวหนังน้ัน จงึ เห็นมีจุดสีน้ำตาลแกเปน จุด ๆ โดยมากเห็นไดท แี่ ขน ลำตัว และหนา ซ่งึ เปนลักษณะ ที่เรียกวา “ตกกระ” 10
ตรงกนั ขา ม ถา จะมกี ลมุ เซลลต อนใดทขี่ าดสี จดุ ทมี่ กี ลมุ เซลลข าดสกี จ็ ะเปน จดุ ขาว ผิวของคนแกจึงเห็นมีจุดขาว ๆ เกิดขึ้นไดทั่ว ๆ ไป ถามีผิวหนังมีจุดขาวเขามารวมกัน ผิวหนังก็จะมีหยอมขาวใหญข้ึน ถาผิวขาวนี้เกิดข้ึนเปนบริเวณกวางใหญ ผิวหนังจะ ดดู า งไป เราเรยี กกนั วา “ผวิ ดา งขาว” บางคนเมอ่ื แกแ ลว เปน โรคผวิ ดา งขาวเตม็ ทว่ั ตวั กม็ ี ผิวหนังบางแหง อาจหนาข้ึน บางท่ีผิวท่ีหนาและแหงนี้จะมีรอยแตกแยก บางทีอาจเห็นวามีหูดตามที่ตาง ๆ หรือบางท่ีเกิดเปนติ่งเล็ก ๆ งอกข้ึนมาจากผิวหนัง บางทีติ่งก็จะเกิดขึ้นหลายติ่งและหลายตำแหนง ต่ิงมีขนาดหัวเข็มหมุด หรือโตจนเทา ปลายนิว้ มือได เนื่องจากคนแกมีผิวบางกวาปกติ หลอดเลือดท่ีมาอยูท่ีผิวหนังจึงขึ้นมาอยูใกล ผวิ ของผิวหนงั เวลาทผ่ี วิ หนงั ถกู กระทบกระแทกเบา ๆ หรือแมแตการเกาหลอดเลือดฝอย จะแตก เลือดก็ออกมาอยูในผิวหนัง 2 – 3 วัน ตอมาเลือดจะเปล่ียนเปนสีดำ ผิวหนัง อาจเห็นมีสนี ้ำตาลแก เปน จ้ำๆ ลักษณะเชนนี้ ชาวบานเรียกกนั วา “พรายย่ำ” (ไมร วู า พรายอะไรมันมาชอบเหยียบมาย่ำใหผิวหนังคนแกชอกช้ำ) สังเกตคนแกดูเถอะทุกคน ย่งิ แกมากจะยิง่ เห็นวา ตามผวิ หนงั โดยมาก ตามแขนตามขา จะมีผวิ หนงั สดี ำเปน จำ้ ๆ หลายจำ้ นนั้ กเ็ พราะผวิ หนงั ตรงนนั้ กระทบกระแทกของแขง็ หรอื เพราะเกาบอ ย ๆ (ผวิ คนแก แหง และมกั คนั อยูตลอดเวลา) บางคนแขนขาดำดางไปหมด การที่มีผิวบางมีผลอีกอยางหนึ่ง คือ ปลายประสาทจะยิ่งมาอยูใกลตอนผิวของ ผิวหนังมากขึ้น ในเม่ือผิวหนังคนเราตองถูกตองสัมผัสสิ่งตาง ๆ อยูตลอดเวลา สัมผัส แมแ ตฝ นุ ละอองของตา ง ๆ ทปี่ ลวิ ปนมาในอากาศ หรอื อากาศเองทร่ี อ นและเยน็ อกี ทง้ั มด ไร แมลงตา ง ๆ ทมี่ าไตต อมกจ็ ะมรี ะคายเคอื งผวิ หนงั จงึ อาจมคี วามรสู กึ คนั ตลอดเวลาได คนแกเมื่อผิวหนังสัมผัสสิ่งตาง ๆ ก็จะคันไดงาย เม่ือคันก็เกา หลอดเลือดฝอยก็แตก ดงั กลาวมา และอาจเกิดผวิ หนังอักเสบไดแลวอาจรนุ แรงมากดว ย คิดไปถึงตัวเอง ต้ังแตยังหนุม (หรือยังไมแก) นึกขำอยูในใจทุกเวลาที่คนแกบน หรือบอกวา แสบหรือเจ็บเสียวตามผิวกายท่ีตรงนั้นตรงนี้ เจ็บเสียวแปลบเหมือนฟาแลบ หรือถกู ไฟฟาชอรต บางทผี วิ หนังบางแหงบางหยอมมนั เกิดแสบ ๆ เจบ็ ๆ เหมอื นถูกพริก หนังศีรษะเจ็บแปลปเปนแนวเสนจากทายทอยขึ้นไปถึงยอดศีรษะ หรือท่ีหนังศีรษะรูสึก เจบ็ แสบ เปนหยอมใหญค ลายกับถูกไฟลวก เวลานถี้ า จะมคี นแกม าบน บอกอยา งทวี่ า น้ี ไมข ำ หวั เราะไมอ อก เวรกรรมตามทนั มนั เกิดข้นึ กบั ตัวเองเรากเ็ ปน อยา งนนั้ ดว ย 11
อาการท่ีเกิดเชนนั้น ก็เพราะปลายประสาทมันอยูใกลผิวของผิวหนังมากขึ้น เม่ือปลายประสาทสัมผัสถูกรบกวนจากส่ิงใด หรือเกิดอักเสบของปลายประสาทมันก็จะ รสู กึ เจบ็ แสบอยา งทีว่ า แลว ยงั เรอื่ งการเกดิ “ตะครวิ ” ทข่ี า มกั จะเกดิ ตอนใกลร งุ ซง่ึ คนแกม กั พดู เปน เชงิ บน ใหเ ราทเี่ ปน ลกู หลานฟง อยบู อ ย ๆ พอกลางดกึ กำลงั หลบั เกดิ ตะครวิ ขน้ึ มาทขี่ า ตอ งสะดงุ ตื่นขึ้นมาเพราะปวดขามาก ลุกขึ้นมาบีบนวดขากันอยูบอย ๆ เราก็รับรูรับฟงแตไมออก ความเหน็ บนไปเถอะ บน ไดบ นไป ในใจคิดแตเ พียงวา คนแกก ต็ องปวดตองเมื่อย และ เปน ตะคริวบา ง ตามทีเ่ ขาเรยี กกนั วา โรคคนแกน ั่นแหละ ตะครวิ นนั้ กเ็ คยเปน ตงั้ แตเ ดก็ ๆ เมอื่ เวลาวงิ่ แขง หรอื วง่ิ ทางไกล เคยเปน เมอ่ื คณุ ครู ทำโทษใหวิ่งรอบสนามฟุตบอลเสียหลายรอบ เวลาเลนฟุตบอลทามกลางสายฝนก็เคย เกดิ ตะคริว ตะครวิ เกิดทนี่ อง นอ งตึงแขง็ เจบ็ ปวดมาก ๆ พอหยุดวิง่ นวดกันสักพกั กห็ าย แตกลางคืนนอนพักไมออกแรง หลับสบาย ไมเห็นวาเวลานอนจะเกิดตะคริว อยา งปูยา ตายายหรือคนแกเ ปน กัน พอถึงเวลาที่ตัวแก ก็โดนกับตัวเอง แลวก็เผลอบนถึงเปนตะคริวกลางดึก ใหล กู หลานฟง ฟง แลวมันก็ไมมีทที าจะต่ืนตกใจ มันจะคิดเหมอื นอยา งเราหรือเปลาไมร ู ตะครวิ เกิดบอยขึน้ เราก็เผลอบนบอยข้นึ พวกลกู หลานฟง ชนิ ไปเสยี แลว กลางดึกโดยมากตอนตี 4 ตี 5 ชอบเกดิ ตะคริว หลบั อยดู ี ๆ ตอ งสะดุง ต่ืนขึ้นมา เพราะปวดนอง บางทีนองซาย บางทีนองขวา ปวดเจ็บมาก ๆ บีบนวดอยูพักใหญ นองจึงคอ ยออ นและคลายปวด บางทีตื่นเชาข้ึนมาเชาตรู พอทำทาอยางบิดขี้เกียจ บิดตัวเหยียดเกร็งขาเทาน้ัน กเ็ กดิ ตะครวิ ระยะหลงั ๆ มาน้ี ถา เกดิ ตะครวิ ทกี่ ลา มเนอื้ นอ ง กไ็ มเ จบ็ ปวดมากและไมน าน นวด ๆ คลึง ๆ นอ ง จับปลายเทา ใหพ ับขน้ึ มาทางดานหนา แขง หรอื ยันปลายเทากบั เสา หรือสิ่งใดก็ได เพื่อใหเอ็นรอยหวายดึงรั้งกลามเน้ือนองท่ีหดเกร็งตัวใหยืดหยอนลง สกั ครูก็หาย แตตะคริวมันเกิดข้ึนที่กลามเนื้อสันหนาแขงนี่ซิ เจ็บปวดสาหัสยิ่งกวาเกิดท่ีนอง มากนกั หนา แลว มนั ยงั เกดิ ทกี่ ลา มเนอ้ื เลก็ ๆ ของนว้ิ เทา หรอื หลงั เทา พรอ ม ๆ กบั เกดิ ทน่ี อ ง และสนั หนา แขง ดวยละก็ เจบ็ ปวดสุดท่จี ะทน แทบวา น้ำตารวงเชยี ว 12
แลวก็มาคิดเพ่ือจะปฏิบัติตัวใหถูก อันที่จริงเราน่ีก็ไมไดน่ิงเฉย ไมไดนั่งนอนอยู ตลอดเวลา ไมไดเลนออกกำลังกาย แตก็เดินมาก เดินอยูทุกวัน กระแสเลือดไหลเวียน ที่ขาก็นาจะดี เลอื ดก็คงไมค ัง่ อยูทขี่ าหรอกนา ถาไมมหี ลอดเลือดขำขอดอยทู ข่ี า อาหาร การกินก็ไมไดอดอยากเลย ไมขาดสารอาหารอยางใด เอาละ ลองกินแคลเซียมและ อาหารที่มีแคลเซียมมาก ๆ เพิ่มดูซิ กลางคืนนอนสวมถุงเทาหมผาใหขาดและเทาอุน กแ็ ลว กัน แตก็นัน่ แหละ ตะครวิ มันจะเกิดเม่ือไหรม ันกเ็ กิด ถา มันไมเกิดก็ไมเกดิ จะทำทา บิดขีเ้ กยี จหรอื ทำยังไงมนั กไ็ มเ กดิ แตกอนคร้ังที่อายุไมมาก ยังไมแก นอนกลางคืนพอถึงกลางดึก หรือตอนเชาตรู ก็ไมเห็นจะเคยเกิดตะคริว วากันวาท่ีเกิดตะคริวก็เพราะตอนใกลรุงอากาศมันเย็นลง ขาถกู อากาศเยน็ จงึ เกดิ ตะครวิ แตเ มอื่ ตอนอายยุ งั ไมม ากกไ็ มช อบนอนหม ผา อยา งดกี ห็ ม แคหนาอกชอบใหมอื และเทา ถกู อากาศเยน็ เสยี อีกดว ย แตก ไ็ มเคยเปน ตะคริวกลางดกึ ความจริงอากาศเย็นมาก ๆ ก็เปนสาเหตุใหเกิดตะคริวได เพราะความเย็นทำให หลอดเลือดหดตัว และเลือดไปเลี้ยงกลามเน้ือนอยลงจึงเกิดตะคริว แตความเย็นท่ีเย็นลง มาตอนใกลร งุ นน้ั ไมเ ยน็ พอทจ่ี ะทำใหค นอายนุ อ ย ๆ เกดิ ตะครวิ แตถ า คนแกล ะกอ็ าจเกดิ ได เพราะคนเราอายุมาก ๆ แลว หลอดเลือดใหญเล็กทั้งหลาย เริ่มเสื่อมและแข็งบางแลว ไมมากก็นอย เมื่อถูกอากาศเย็นอยางเชน ขาถูกเย็นเล็กนอย หลอดเลือดท่ีแข็งอยูแลวก็ หดตัว รูของหลอดเลือดแข็งน้ันเล็กอยูแลวก็เลยเล็กมาก จนเลือดไปเล้ียงกลามเนื้อขา และเทาไมพอ จึงเกิดตะคริว คนแกท่ีไมสวมกางเกงขายาวไมหมผาที่ขา ปลอยใหขาถูก ความเยน็ เพียงเลก็ นอ ยกเ็ กดิ ตะครวิ บน เรอื่ งตะครวิ ทข่ี านมี่ ากไปแลว ซิ ยงั มเี รอ่ื งการเปลยี่ นแปลงในตวั ทต่ี อ งบน อกี มาก แตท่ีบนน้ีก็เพราะยอมรับการเปล่ียนแปลงไปของตัวน่ีละ ในเราก็รูวามันตองเปลี่ยนไป เพราะความเสือ่ ม แกแลวก็ตองเปน อยางน้ีแหละ ระบบทางเดินหายใจ นีก้ ม็ ีเร่ืองตองบน ดว ย จมกู ตอ งบน กอ น จมกู เรากผ็ ดิ แปลกเปลย่ี นไปเหมอื นตำราทเ่ี รยี นรมู า แตบ างอยา ง เปลีย่ นไปนอยมาก และบางอยา งก็มีแปลกเกินมา จมูกคนแกนั้นประสาทรับรูกลิ่นจะเสื่อมไป เวลาดมส่ิงที่มีกลิ่นจะรูกลิ่นนอย ถาประสาทรับกลนิ่ เสื่อมหมดก็จะไมร ูกล่นิ อยางใดเลย 13
จมกู คนแกม กั จะมเี ยอื่ บบุ วม ๆ ทำใหค ดั จมกู หายใจไมส ะดวก และหายใจทางปาก ชวยการหายใจ ลมผานปากผานคออยูนาน ปากคอจะแหง เวลานอนก็จะมีเสียงกรน เพราะจมกู คดั คิดถึงตัวเอง ก็ยังดีใจอยูท่ีวาจมูกยังพอจะไดกลิ่น รูวากลิ่นนั้นหอมหรือเหม็น แตก็มีเรื่องที่ขาดความสุขไปบางใน 4 – 5 ปมาน้ี โรคแพอากาศหรือโรคภูมิแพ ซึ่งแตไหนแตไรมาไมเคยเปน กเ็ กดิ มาเปนรำคาญเหลือหลาย อยดู ี ๆ ก็จามถี่ ๆ คดั จมูก น้ำมูกไหล ตอ งส่ังน้ำมูกทีม่ ีมากเหลอื เฟอ ตอ งเสียกระดาษทิชชูไ ปทลี ะมาก ๆ แลว อยู ๆ กห็ ายไปเสยี เฉย ๆ งนั้ แหละ เรม่ิ แตต น่ื เชา พอเขา หอ งนำ้ กจ็ ามเอาจามเอาแลว กห็ ายไปเอง กอนเขานอน กอนฝนจะตกมีลมพัดฝุนคลุง เวลาที่ไดกล่ินควันบุหรี่ กลิ่นปรุงอาหาร หรือเวลาขยนั จดั ตเู ส้ือผา คน หาหนงั สือเกา ๆ หรือปดกวาดพื้น ฯลฯ เปน ไดเรอื่ ง ไอจาม ขี้มูกไหลทันที ก็แพอากาศน่ีแหละ ถึงไดเปนหวัด เจ็บคอ ไซนัสอักเสบ มีไขตามมาบอยๆ เปนแตละทีก็นาน ๆ แลวตามดวยไอ ไอซ้ำซาก เจ็บอก เจ็บหนาทอง เวลาไอ น้ำมูก ก็ไหลออกไมได เพราะจมูกตันจึงไหลออกทางรูจมูกดานหลัง ลงไปกวนคอและโคนล้ิน เกิดระคายเคืองคอเลยไอไมยอมหยุดงา ย ๆ ไออยูน านจนหยุดไปเอง กลุมจรงิ ๆ นอนกรน – ก็คงตองมีละ เวลาหายใจคัด ก็หายใจทางปาก ตื่นนอนเม่ือใดก็มี คอแหง เสมอไมม ากกน็ อ ย กลองเสียง เมื่ออายุมาก ๆ ก็คอย ๆ เส่ือมไป ล้ินของกลองเสียงจะหดและตึง เสยี งทพี่ ูดจะเปลย่ี นไปเปนเสียงแหบหาว เอาละ เราน่ียังดีอยูหรอกท่ีเสียงพูดยังคงเหมือนเดิมหรือเกือบเหมือน ๆ เดิม อาจมเี สยี งผดิ ไปสกั นิด แหบไปสักหนอย กเ็ พราะเกดิ มาแพอากาศเอาตอนแกนีเ่ อง ปอดและหลอดลม เม่ือเปนผูสูงอายุก็ตองเสื่อมไปตามวัยดวย เนื้อปอดที่เสื่อม จะเปลยี่ นไปเปน เยอ่ื พงั ผดื มากขนึ้ มเี นอื้ ปอดดคี งเหลอื อยบู า งแตก ารกลายไปเปน พงั ผดื นี้ เม่ือมากข้ึน พังผืดหดตัว ปอดจะยืดตัวหดตัวไดไมดี ปอดก็ขยายตัวรับอากาศไมไดมาก เต็มที่ พอมีอายุมากข้ึนนี้เย่ือหุมปอดก็จะเหี่ยวแหงและทำใหปอดยิ่งยืดขยายพองตัวไมดี ทรวงอกก็แข็งและขยายมาก ๆ ไมได เวลาหายใจเขาก็ขยายลำบาก สภาพของการ เปลี่ยนแปลงที่วามา ก็ยิ่งทำใหปอดขยายตัวรับอากาศและหดตัวปลอยอากาศท้ิงไป ไมเต็มท่ี ปอดรับออกซิเจนเขากระแสเลือดนอย รางกายไมไดออกซิเจนพอ ทำใหตอง 14
หายใจเร็วขึ้น ถาจะตองออกแรงมากสักหนอย แมแตเดินเร็ว ๆ ก็จะเหนื่อยเร็ว จนอาจ หายใจหอบ หายใจเร็ว และหายใจไดลำบาก นอกจากนนั้ คนแกม กั จะมหี ลอดลมอกั เสบเรอื้ รงั หรอื บางคนมโี รคถงุ ลมพองดว ย ก็ยง่ิ มีหอบเหนอื่ ยไดม าก ๆ ทีนี้หันมามองตัวเอง 10 กวาปมาแลวท่ีเกิดโรคหลอดลมอักเสบเร้ือรัง และหลอดลมหดเกรง็ ตวั (สะปาสตกิ , บรองไคตสิ ) เวลาทจี่ ะรบี ทำอยา งไรทตี่ อ งการใหเ รว็ ๆ หรือเม่ือรีบรอนในการมีอิริยาบถอยางใด เชน รีบ ๆ เดิน จะมีอาการหายใจขัดและ หอบเหน่ือย ยิ่งถาเปนฤดูกาลใดหรือเมื่อใดที่มีแพอากาศดวยแลว เม่ือตองออกแรง มากขึ้นเพียงเล็กนอย หรือจิตใจรีบรอนอยากใหเกิดผลเร็ว ๆ ก็ยิ่งหอบหายใจขัดมาก แตถาฤดูกาลใด อากาศดี ไมมีมลพิษในอากาศมากนัก และเม่ือมีอาการแพอากาศนอย ไมรบี รอ นนกั ก็จะออกแรงมากไดบ า ง หรือเดนิ เร็ว ๆ เดนิ ไกล ๆ ไดโ ดยหอบเหน่ือยนอย เม่ือหอบหายใจขัด ถาไมมีอาการมากนัก หยุดพักน่ังน่ิง ๆ ชั่วครูเดียวก็หาย ก็อาการมากนักและหอบนาน กม็ ยี าพนคอท่หี มอใหไวแ ละหายใจเอายาผานเขา ทางเดิน หายใจ สกั ครูก็หายไปได นาน ๆ จึงจะกนิ ยาท่ีเปน ยาแกแพเ สียครั้งหนงึ่ เปนอันวา – ตอนนี้ตองมีภาระท่ีจะตองรักษาโรคแพอากาศและโรคหลอดลม อกั เสบเร้ือรงั หลอดลมหดรดั เกร็งตวั รักษาอยูเปนประจำเพิ่มเติมใหตัวอีกโรคหนึ่ง นอนหลบั ทนี กี้ ็คดิ ถึงเรื่องการพกั ผอนหลับนอนของตัว ตามตำราและไดเลาเรียนมาจากคุณครูทานส่ังสอนไว เปนท่ีรูอยูแกใจวา คนเรา ควรจะไดมีเวลานอนใหมากพอตามความตองการของรางกายเพื่อจะไดพักผอน อยางเต็มที่ ความตองการเวลานอนหลับในแตละวันเปนเวลานานเทาใดนั้น ก็ตอง แลวแตคนแลวแตอายุ เพศ อาชีพการงาน ชีวิตความเปนอยู สภาพของรางกาย ฯลฯ แตโ ดยเฉลี่ยแลว วนั หนึ่ง ๆ ควรไดห ลบั นอนราว ๆ 6 – 8 ชั่วโมง เปนประจำ มานึกถึงตัวดูบาง ดูเหมือนจะไมไดปฏิเสธตามที่เรียนมา แลวยังนอนไมตรงตาม เวลา และไมเ คยปฏิบัตติ วั อันควรปฏิบัติอยางใดเปนประจำเสยี อกี ดวย 15
ตง้ั แตเ ปน นกั เรยี นมธั ยมตอนปลาย มาเปน นกั เรยี นแพทยจ นเรยี นสำเรจ็ เปน แพทย ทำงานอาชีพแพทย เรื่อยมาจนมีอายุเขาสูวัยกลางคนและจนปลดเกษียณจากราชการ เวลาทไี่ ดน อน (หลบั หรอื ไมห ลบั กต็ าม) ในแตล ะวนั เอาแนน อนไมไ ดเ ลย พดู ไดเ พยี งแตว า “ชัว่ โมงนอน” ในแตล ะวนั นอย เวลาท่เี ปน นกั เรยี นแพทยกค็ ร่ำเครง อยกู บั ตำรา และการ เรียนจากคนไข นอนดกึ ตนื่ ค่ำมดื ทุกคืนจนเคยชนิ จนเปนหมอกย็ งั คงนอนดกึ อีตอนเปนหมอนี่แหละ ย่ิงซ้ำราย ไมเพียงแตนอนดึก แตเรื่องหลับนอน ไมเปนเวลาอีกดวย นอนก็ไมเปนเวลา ตื่นก็ไมเปนเวลา เมื่อสำเร็จไดเปนหมอใหม ๆ ถกู ปลกุ ถกู ตามตัวแทบทกุ คืนจากทางโรงพยาบาลหรือคนไขท อี่ ยูตามบา น ตอนกลางคนื กำลังจะนอนหรือนอนหลับแลวก็ตองตื่นมารับโทรศัพท ปรึกษาหรือเชิญไปดูคนไข ถามและตามทางโทรศัพทบอย ๆ นานเขาก็ชักจะใกลพบกับโรคประสาททุกที พอเสียง โทรศพั ทก รง๊ิ กรา งดงั ขน้ึ มาเปน ไดส ะดงุ คดิ ขน้ึ มาทนั ทเี ราโดนตาม อกี แลว เสยี งโทรศพั ทน น้ั เขาจะพดู กับใครก็คิดวาตองโทรศัพทถ ึงเราทุกทีไป ยคุ ทส่ี ำเรจ็ เปน หมอใหม ๆ ระหวา งน้นั ราว 4 – 5 ป ยุคที่การโทรศัพทมันวิปรติ เหลอื หลาย โทรศพั ทก บั เราไมก นิ เสน กนั เลย พดู ไดว า เรากบั โทรศพั ทน สี่ มพงษไ มต รงกนั จะไมใหเกดิ โมโหโกรธาไดยงั ไง ดูเอาเถอะ เวลาใครเขาตอโทรศัพทมาหาเรา เขาโทรมา ขอคำแนะนำ ขอความชวยเหลอื หรือใชงานเรา เขาตอ พดู กบั เราไดงา ย ๆ หนอย พอเรา มีธรุ ะจะตอ งใชโ ทรศพั ทบ า ง ตามธรรมดากไ็ มช อบใชม นั อยแู ลว เหน็ วา จำเปน จรงิ ๆ ถงึ จะใชพ ดู 2 – 3 คำ รเู รอ่ื งกนั แลว กเ็ ลกิ พดู ไมต ะบตี้ ะบนั บา พดู อยนู าน ๆ หรอก ตอ โทรศพั ทใ ชท ไี ร ตอ ไปเถอะ หมนุ เบอรโ ทร 5 หน 7 หน ก็ไมต ิด ยิง่ เรื่องดว นยิ่งตอ ไมติด พออดทนหมนุ ตอ เสยี ง กรง๊ิ – กรงิ๊ – เออ ไดพ ดู กนั เสยี ที เสยี งพดู มาจากคนรบั สาย “ตี้กอ” ตอ ผดิ แน..วางหูตอ ใหมอกี ..หมุน 2 คร้ัง ทีน้ตี ิดได เสยี งคนรับสาย.. “น้นั ท่ไี หน.. ฮัลโหล..นน้ั ที่ไหน” พธุ โธ – มนั ควรจะเปน คำพดู ของเราทถี่ ามอยา งนนั้ กลบั มาถามเราอกี แต. .ผดิ อกี .. ทางฝายรับนั้นดเุ รามาอีกวา .. “ตอผดิ แลว คุณ ตอ ใหมเ สียเถอะ” มนั ก็ตองเลิกคบเทา นน้ั .. ไมพดู แลว ตอ ผิดอยูนนั้ แหละ แลวถาเปนใครจะรูสึกอยางไรบางไหม ดึกมากแลว เพิ่งจะไดหลับไปสักไมเกิน ครึ่งชั่วโมงตองสะดุงตื่นข้ึนมาเพราะเสียงโทรศัพทดังล่ัน ไมมีใครรูสึก ไมมีใครไดยิน หรือไมมีใครอยากจะต่ืนข้ึนมารับโทรศัพท เราใจสั่นต้ัก ๆ คนไขของเราที่ผาตัด ตอนกลางวันจะเปนอยางไรละม้ัง หรือพวกญาติๆ จะแจงขาวรายที่ตองบอกใหรูดวน 16
คิดไปสารพัดลว นแตเ รื่องราย ๆ กระโดดควา โทรศัพทม ารบี บอกวาเราพูด พอไดย นิ เสียง คนที่โทรมาพูดเทานั้นแหละ อยากตะโกนตอวาเทวดาฟาดินดวยถอยคำไมละเอียด ใหย บั ไปเลย “ตอ ผดิ คะ ” ...เธอโทรศพั ทถ งึ สถานวี ทิ ยแุ หง หนง่ึ เพอ่ื จะขอฟง เพลง หรอื ขอให “ใครคนหนง่ึ ” ถาจะตอ งรับโทรศพั ทท่ี “ตอ ผดิ ” กลางดกึ เพยี งคนื ละ 2 ครัง้ ก็ไมตอ งนอนกันละ อารมณม นั หว่นั ไหวจติ ใจผดิ ผผู ิดคนเสยี สุขภาพจิตหมด รับโทรศัพทท่ีตอผิดในยามราตรีเวลาดึกด่ืนเชนน้ีอยูบอยคร้ัง ตามธรรมดา กไ็ มชอบโทรศพั ทนกั พอมาโดน “ตอ ผดิ ” อยางวานานเขา ความชิงชงั รังเกียจโทรศัพท ประทบั ใจมาจนถึงทุกวันนี้ เกลียดเขากระดูกดำเชยี วละ มีตนเหตุที่ทำใหการหลับนอนเอาความแนนอนไมได ก็เพราะในระยะเวลาที่ สำเร็จเปนหมอแลวน้ัน การตรวจรักษาไขยังนิยมเปนธรรมเนียมที่เคยปฏิบัติกันมา แตโบราณกาลนานแสนนานตลอดมา จนถงึ เวลานั้นราว ๆ เมอ่ื สกั 50 กวา ปม าแลว คอื เม่ือคนเจ็บปวย ถาไมไดไปตรวจรักษาท่ีโรงพยาบาลก็จะนอนปวยอยูที่บานรักษากันเอง จนทนไมได หรือรำคาญใจมากท่ีไมหาย คิดขึ้นมาไดก็จะตามหมอมาตรวจรักษา หรือ บางทีเจ็บปว ยข้นึ มาไมวา หนักเบาแคไ หน กจ็ ะเชิญหมอไปตรวจรกั ษาถึงบา น ไมว า บาน จะอยูไกลหรอื ใกล ๆ บานหมอ ไมมืดคำ่ กไ็ มมาเชิญเสยี ดวย ไมม าหาหมอ ตอ งใหหมอไปหาอกี ดว ย หมอไมวาเปนหมอมีคลินิกของตัวหรือหมอท่ีประจำโรงพยาบาลตองมีกระเปายา พรอมท่ีจะควาไปดวยทันทีที่มีคนไขตามไปดูไข (เหมือนหมอคร้ังโบราณที่จะมีลวมยา) กระเปามีเครอื่ งตรวจหูฟง หลอดฉีดยา ยาฉีดตาง ๆ เมือ่ ตรวจคนไขแลวฉีดยาและใหยา จำเปน ชว งระยะคนื น้ันแลว กส็ ่ังใหญ าติตามมาเอายาท่ีบา นหรอื มาเอาวันรงุ ขนึ้ บน มาแลว วา “คนไขเ วลานนั้ กลางวนั เฉย กลางคนื ตาม” บางทอี ยไู กลแสนไกล ก็มาตาม ถือเอาวาเปนหมอประจำของตัวหรือใคร ๆ บอกวาหมอนี่ดี ใจดี รักษาเกง สงสารคนไข ก็มาตามมาปลุกไปดูไขเมื่อดึกแลว กวาจะไดกลับมาก็เกือบเชา ไมมี เวลานอนแลว หรอื นอนไมห ลับเสยี แลว เปน อนั วา คนื น้ันไมตองนอน มอี ยบู อ ย ๆ ทท่ี เุ รศจงั เลย นกึ สงสารสงั ขารของตวั เอง ญาตคิ นไขม าปลกุ กลางดกึ เชิญมาปลุกกลางดึกเชิญไปตรวจคนไขบานอยูไกลพอดู ไกลก็ไกลตองไปดูเขาใหได เขาตองการใหชวยเขา พอถึงบานคนไข พุธโธเอย มีหมอตรวจไขอยูแลว บางทีมีหมอ ที่เขาตามมาต้งั 3 – 4 คน เพราะพอคิดจะตามหมอพวกญาตแิ ตละคนรูจกั หมอคนไหน 17
กไ็ ปเชญิ มา ไมไ ดตกลงกนั วา จะเชญิ ใคร พอหมอมาพบกันตา งกเ็ กรงใจยดั เยียดใหคนใด คนหนงึ่ ตรวจไขท เี่ หลอื ไหน ๆ กพ็ บกนั กลางดกึ กพ็ ดู จาประสาหมอกนั ไดค ยุ กนั พกั ใหญ ญาตเิ ขาจงึ พาสงกลับบาน ออ เกือบเชา ขนื บน กเ็ สียคน รวมความวา เมื่อถูกตามไปตรวจไขเวลากลางคืน พอกลับถึงบานก็นอนไมหลับ เสียแลว หรือบานคนไขอยูไกลมากกวาจะกลับก็ใกลรุงสาง ไดเห็นแสงเงินแสงทองของ พระอาทิตยแลว อาบนำ้ แตงตวั เตรยี มไปทำงานเลย คืนน้ันกไ็ มไดนอนกนั ละ แลว ก.็ .สรปุ ไดว า ระหวา งทท่ี ำราชการนนั้ นอนดกึ ๆ มาตลอดเกอื บทกุ วนั มาทกุ ป นอนตี 1 ตี 2 ตน่ื เชา 6 โมงครึ่ง จนเปน นสิ ยั และกท็ นการนอนนอยไดอยางสบาย พอปลดเกษียณราชการแลว ตอมา 2 – 3 ป เปล่ียนนิสัยเวลานอนใหม มันเปล่ียนไปเอง เปลี่ยนเพราะอิสระไมทำราชการจึงไมตองหวงเร่ืองเวลาตองนอน เวลาตองต่ืนหรือจะเปนเพราะสภาพกำลังสังขารมันเปล่ียนไป ก็ไมไดกังวลที่จะตองหา สาเหตเุ พอื่ จะทำวจิ ยั พอ 2 ทุมกวา หรือไมเกิน 3 ทุม มันเกิดงวงอยางมากขึ้นมา งวงอยางจับใจ ทนงว งไมไ หวตอ งนอน หลบั ผลอ็ ยไปทนั ทที ห่ี วั ถงึ หมอน พอ 6 ทมุ ตนื่ ขนึ้ มา แลว อกี ชวั่ ครู กห็ ลับไดอกี จนถึงเวลาตี 4 ทนี ี้หลับ ๆ ตน่ื ๆ ตี 5 ครง่ึ ....ต่ืนนอน ตอ มา การหลบั นอนเปลย่ี นไปอกี เลก็ นอ ย พอ 2 ทมุ กวา ๆ หลบั แลว ทนี ี้ กต็ น่ื ทกุ ๆ 2 ช่ัวโมง ทกุ วนั นี้ นสิ ยั การหลบั นอน เรยี กไดว า มรี ะเบยี บและตรงตามเวลา เรม่ิ ตน ราว ๆ 3 ทมุ จะตองหลับ พอ 2 ยาม หรือ 6 ทุมจะต่นื ตน่ื แลวไมหลับตองนอนเลน ๆ คิดโนน คิดนี่ คิดถงึ ความหลัง หรอื ไมก็อา นหนังสือ พอถึงเวลาตี 1 กวา ๆ หรือตี 2 กวา ๆ จงึ งว งและ หลบั ตอ เวลาตี 5 ครึง่ ...ตื่น ต่ืนเปนประจำ ตี 5 คร่งึ แตก็มีบางคืนท่ีผิดระเบียบไป คือพอต่ืนขึ้นมาตอนตี 3 ต่ืนแลวไมหลับอีก พยายามทจ่ี ะหลบั กไ็ มห ลบั นอนหลบั ตานงิ่ ๆ ไปจนไดย นิ ไกข นั นกดเุ หวา รอ ง นกเขาขนั และกางเขนรองเจื้อยแจว ตี 5 ครึ่ง ก็ต่ืนตามปกติ ไมมีอาการหรือรูสึกผิดปกติอยางใด ทง้ั น้ัน คนแกเ องหรอื ใครตอ ใครมกั พดู กนั วา คนแกแ ลว ตอ งการเวลาในการนอนหลบั นอ ย จึงนอนไมคอยหลับ คนแกหลายคนท่ีมีปญหาอยางมากในเรื่องนอนหลับยากหรือ นอนไมหลบั อาจนอนไมหลับเลย หรอื หลับ ๆ ตน่ื ๆ หลายครั้งตลอดทั้งคนื หรอื ตั้งแต หวั ค่ำไมห ลับ ไปหลบั เอาตอนตี 3 ตี 4 หรอื หัวค่ำหลับไดสัก 2 ช่วั โมง ตน่ื แลวไมหลบั จนเชา 18
คนเราเม่ืออายุมากแลวตองการเวลานอนนอยลงบาง ก็เปนจริงแตไมใชถึงกับ นอนนอยมาก หรือนอนไมหลับ เม่ือรางกายเสียพลังงานไปมาก ๆ รางกายออนเพลีย รางกายก็จะสรางและสะสมพลังงานที่สูญเสียไปใหสมบูรณดังเดิม รางกายก็จะตอง พกั ผอน คือตองนอนหลบั การที่คนเรานอนหลับยากหรือนอนไดนอย ตามที่เรียกกันวา “นอนไมหลับ” นน้ั อาจเกดิ ไดจ ากสาเหตตุ า ง ๆ เชน สภาพแวดลอ มทร่ี บกวนใหไ มห ลบั เสยี งดงั , แสงสวา ง จามาก, อากาศรอนอบอาว หนาวเย็น อุปกรณเคร่ืองใชในการนอน แข็งหรือออนนุม เกินไป หรือไมสะอาด ฯลฯ ความเจ็บปวย ไขสูง ปวดเจ็บบาดแผล ฯลฯ แตสาเหตุ สวนใหญท่ีสำคัญซึ่งทำใหนอนไมหลับก็คือ “อารมณ” ผูที่อารมณเสียหรืออารมณไมดี วติ กกงั วล โลภ โกรธ เศรา เสียใจ อิจฉารษิ ยา ตื่นเตน ตกใจกลวั ฯลฯ เม่ือมีอารมณ ผดิ ปกติเชนน้ี กจ็ ะนอนไมห ลับ ย่ิงอารมณน นั้ เครียดมาก กย็ ง่ิ ไมหลับ คนแกท่ีนอนไมหลับ สวนมากก็เพราะมีอารมณไมดีตาง ๆ ทำใหคิดมากจึง นอนไมหลับ มคี นแกห ลายคนทบี่ อกวา กลางคนื นอนไมห ลบั นอนไดน อ ยมาก หรอื บอกใคร ๆ วา ตวั นอนไมห ลบั ทง้ั คนื แตต อนกลางวนั นน้ั ไดน อนบา ง บางคนนอนกลางวนั ไดม ากกลางคนื นอนไมหลับ ก็เพราะไดนอนมากตั้งแตกลางวันแลว แตคนแกมักไมยอมที่จะถือเอาวา นอนตอนกลางวันนั้น ก็เปนการนอนตามที่รางกายตองการแลว แลวเรียกการ นอนกลางวนั วา... “เอนหลงั ” ทีน้ีก็มาดูถึงการนอนหลับของตัวเองบาง ตามที่พูดกันวา.. คนแกแลวไมตองการ เวลานอนมากนั้น เราเช่ือผิดไปจากคำกลาวน้ันมาก เมอ่ื เรางวงมากและอยากนอนไมว า กลางวนั กลางคนื ถา ไดน อนกห็ ลบั คนแกบ างคนเหน็ มาแลว เมอื่ พาคณุ ยา คณุ ยายไปวดั คนแกหลายคนนั่งฟงเทศน ก็เห็นหลับตาฟงพระสวด เวลาฟงคงหลับบางละ คนแกท่ี ไมทำอะไร ถาใหน่ังเกาอ้ีสบาย ๆ ก็น่ังหลับได เราเองเขาสูสภาพที่เคยหัวเราะคนแก เขา ใหแ ลว นง่ั ตรงไหน เผลอ ๆ กจ็ ะหลบั หรอื อา นหนงั สอื สกั ครเู ทา นนั้ หนงั สอื ตกจากมอื น่ังเขียนหนังสือสะดุงต่ืนมาเห็นเปนเสนกราฟบนกระดาษแทนตัวอักษร น่ังตรงไหน เผลอหลับตาเลน ๆ โงกหลับไปแลว พาลจะตกจากเกาอีห้ ลายคร้ังหลายครามาแลวดว ย สะดงุ ต่ืนขึน้ มาตองรบี ควากระดาษทิชชมู าเช็ดปาก นำ้ ลายมันเปย ก ๆ แกม 19
ระหวา งทีม่ กี ารระบาดของไขหวดั นกน้ัน สว นเราเองเปน ... “ไขหลับนก” มากอน นานแลว และยงั เปนอยู เรอ่ื งการหลบั นอนไมค อ ยจะมปี ญ หาใหว ติ กกงั วลวนุ วายนกั หรอก เพราะนอนหลบั ไดม ากมเี วลาไดน อนกลางวนั ก็ยังหลบั มาก ๆ นาน ๆ อีก ไมห ลับกม็ เี หมือนกนั แตก็เปน ครง้ั เปน คราว มนั ไมหลบั เสยี เฉย ๆ อยางนั้นแหละ ไมมีสาเหตุ ถาไมหลับก็คิดเอาวารางกายไมตองการพักผอนนอนอิ่มพอแลวในเวลาน้ัน ถา รา งกายตอ งการพกั ผอ นมนั กห็ ลบั ไปเองแหละ มคี วามสำนกึ อยเู สมอวา ไมห ลบั กไ็ มห ลบั ไมเดือดรอน เวลานี้เรามีเวลาเปนของเราเองเหลือเฟอ งวงเมื่อใดก็มีเวลานอนจนได ไมตองกระวนกระวายใจ บางทียังคิดเสียดวยซ้ำไปวา..นอนไมหลับก็ดี เราพอใจไมหลับ เราจะไดอานหนังสือสนุก ๆ ควาหนังสือท่ีวางไวหัวนอนมาอาน พอจับหนังสืออานได ไมก บ่ี รรทัดหรอก มนั งว งแลว กห็ ลับทุกที บางทไี มห ลบั กบ็ อกตวั เองวา .. ตวั เราไมใ ชข องเรา เราจะใหห ลบั จะไดพ กั ผอ นบา ง ปรานถี งึ อยา งน้แี ลวยงั ไมหลบั ไมห ลบั อยา หลบั เดยี๋ วใชใ หทำงานตออีกละก็อยา บนนะ มีคนบนเรื่องนอนไมหลับและขอคำแนะนำการปฏิบัติใหนอนหลับ หรือบางคน ขอยากนิ ใหห ลบั ยงั แกลง พดู ทเี ลน ทจี รงิ กบั เขาอยบู อ ย ๆ (พดู เฉพาะกบั คนท่ี พดู เลน กนั ได. . เทานัน้ ) “นอนไมห ลับกด็ ีแลว เราจะไดร ูต วั วาเรายงั มชี ีวติ อยู ทนี ้ีถา ไมห ลบั ละกใ็ หด ใี จ เอาไวไ ด..บอกตัวเองไดเ ลย เรายังอยู เรายงั อยู” หรือบางครงั้ กพ็ ูดลอ เลน วา .. “คนกินไมไดนอนไมหลับ ตองถือวาเปนบุคคลมีคามีประโยชนตอครอบครัว และบานของตัวมาก เขาหากันนัก อยากไดมาเปนเขยหรือสะใภของบาน เหมาะสม สำหรับสภาพบานเมืองเวลาน้ีดวย กินไมไดก็ดีแลว เวลานี้อาหารมันแพงเหลือเกิน นอนไมหลับก็ดจี ะไดเ ฝาบา น ไมตอ งจา งยามหรือ ร.ป.ภ.” เอาละ เร่ืองหลับนอนนี้ เราไมมีปญหาอยางใดนัก งวงและนอนไดทุกเวลา ไมต อ งถงึ กบั นอนหรอก นง่ั กย็ งั หลบั ยานอนหลบั ไมเ คยคดิ ไมเ คยนกึ ถงึ เลย ไมเ คยคดิ วา จะตองใชยานอนหลบั อยางไหนทงั้ สิ้น เวลาทีอ่ ยากจะอยูดึก ๆ ไมอ ยากงวงนอนจะไดด ู ตำรา เขยี นหนงั สอื ตงั้ แตเปนนักเรียนน้นั ก็กนิ กาแฟกันจนเคย พอมาเรียนแพทยเมอื่ ใด ตองการดตู ำราดกึ ๆ เชน เวลาจะสอบสง่ั กาแฟดำรอ นมาด่มื ต้งั เหยอื ก กาแฟหมดเหยือก ก็หลับสนิทไปได จนกระท่ังทุกวันน้ี กาแฟพ่ึงไมไดเลยถาจะไมใหงวง ตรงกันขาม... พอนอนไมหลบั ด่ืมกาแฟแลว หลบั ดีเสยี ดว ย พลิ ึกจรงิ ๆ 20
อาหารการกิน เรอื่ งหลับนอนของคนแกก ็วา ไปแลว ทีนีก้ ็มาคิดถึงเรอ่ื งการกินอาหาร เวลานแ้ี มจ ะอายมุ ากแลว เรอ่ื งอาหารนก้ี ย็ งั อยใู นสภาพ “เจรญิ อาหาร” เหมอื นเดมิ ยงั คงมคี วามอยากอาหาร และกนิ ไดม าก แตเ ปลยี่ นไปจากเมอื่ ครง้ั ทอี่ ายยุ งั ไมม าก (จะให กินมากๆ อยางครง้ั เปนหนุมคงเปนไปไมไ ด) แมจะกินไดมาก กไ็ มกนิ อยา ง “คนตายอด ตายอยาก” ซ่ึงตอนเปนนักเรียนกนิ พรำ่ เพร่ือ วนั ละ 7 มอื้ คอื เชา สาย เทย่ี ง บาย เยน็ ค่ำ ดึก เวลานี้ลดมาเหลือ 3 ม้อื เหมอื นคนธรรมดา คือ กินอยางผอู ยางคนไดแลว มบี างระยะเวลาท่เี กิดฟนโยกคลอน ปวดฟน หรอื ฟน หักแตล ะซ่ี แตล ะครง้ั กท็ ำให กินไดนอยไป ความหิวความอยากอาหารยังคงมี แตมันเคี้ยวอาหารไมได กินไมได เพราะปวดฟน เมอ่ื กนิ อาหารลดไป บางทีนำ้ หนักตวั ลดลงมากไดเ หมือนกนั พอฟนท่ีผุฟนท่ีเสียนั้นหักหลุดไป ก็เร่ิมตนกินไดเหมือนอยางเดิมอีก ไมได คอยระวังเรื่องอาหารกับเขาหรอก กินทุกอยาง ไมเลือก กินมากกินนอยก็ไมคิด กินจน อิ่ม อมิ่ แลวก็หยุดกนิ มีคนคอยถามอยูบอย ๆ วา..ควบคุมอาหารหรือเปลา ก็บอกเขาตามจริงวา.. ควบคมุ อยูตลอดวนั ..ตลอดเวลา..ควบคมุ ไมใหลด (กลวั วา จะกินขาวปลาอาหารนอ ยไป) ฟนมันก็คอย ๆ หักไป เปนระยะ ๆ นาน ๆ ก็หักไปซ่ี 2 ซ่ี พอฟนหักไปเม่ือใด ทนั ตแพทยก ต็ อ งเดอื ดรอ นทจี่ ะตอ งทำฟน ปลอมเพมิ่ ใหท ลี ะซ่ี แผงฟน ปลอมกค็ อ ย ๆ โตขนึ้ ตามลำดับตามฟนที่หัก เวลาน้ีจำนวนฟนปลอมของฟนบนเกือบมีจำนวน ซ่ึงเทากับ ฟน แทแลว คงไมนานหรอกคงจะไดฟน ชดุ ท่ี 3 ครบชดุ แทนฟน แท การเปลี่ยนแปลงที่เปนเรื่องความเสื่อมโทรมของฟนในคนแกก็เปนอยางน้ีแหละ ฟนจะตอ งผุ หักหลุดไป หมดปากชาหรอื เรว็ กแ็ ลว แตแตละคนไป ระบบอวัยวะทางเดินอาหารของคนแก จะมีสภาพของความเสื่อมโทรม จึงทำให อาหารการกนิ และการยอยอาหารผดิ ปกติไป ฟนผุฟนหักและฟนมีจำนวนนอยซี่ลง ทำใหเค้ียวอาหารไมแหลกละเอียด อาหารแข็ง ๆ หรือเหนียว ๆ จะเค้ียวไดยาก อาหารท่ีไมแหลกละเอียดเมื่อกลืนลงสู กระเพาะอาหาร ลำไส จะยอยไดยากหรือยอยไมไดเ ลย 21
ตอ มน้ำลายของคนแก เม่อื เสื่อมไปกจ็ ะมนี ำ้ ลายออกมานอย นำ้ ลายแหง ปากคอ กแ็ หง อาหารเมอื่ เขาไปอยใู นปากจะขาดนำ้ ลายมาชวยคลกุ เคลา ใหเ ปย กมากพอ ทำให เคย้ี วลำบากกลนื ก็ลำบาก เพราะอาหารไมเปย ก แตผลเสียยิ่งกวานั้นก็คือ เมื่อมีน้ำลายนอย เวลาเค้ียวอาหาร ควรจะมีน้ำลาย ออกมามาก ๆ เพ่ือคลุกเคลาอาหาร และละลายเอาสารท่ีเปนรสอาหารออกมากระตุน ตอมรับรสอาหารท่ีล้ิน แตเม่ืออาหารแหงเพราะขาดน้ำลายละลายรสอาหารใหกระตุน ตอ มรับรส กนิ อาหารก็ไมรรู สเลย กินอาหารไมอรอ ย ย่ิงกวานั้น คนแกจะมีตอมรับรสที่ลิ้นเส่ือมไป รูรสไดไมดี ประสาทรับกล่ินใน จมูกเส่ือม จึงไมไดกล่ินอาหารที่อยูในปาก เม่ืออาหารไมไดรสไมไดกล่ิน ก็หมดความ อรอ ยไปเลย ความอยากอาหารกล็ ดลง แลว ยงั เคยี้ วพวกอาหารแขง็ ๆ เหนยี ว ๆ ไมไ ดเ สยี อกี ดวย กก็ ินอาหารไดน อ ยไปทกุ ที ในที่สดุ ก็เบอ่ื อาหารและเกิดโรคขาดสารอาหาร เราเองยงั บุญดี ถึงแมวาจะกินอาหารนอยกวา กอน ๆ แตก ็ไมมีเบอื่ อาหาร แตก ม็ ี ความผิดแปลกในการกินอาหารนี้เกิดข้ึนอยางหน่ึง คือ แตไหนแตไรมาชอบอาหาร รสเผ็ดพอประมาณ กินเผ็ดไดหายเผ็ดเร็ว แตเวลาน้ีกลัวอาหารรสเผ็ด เผ็ดนิดเดียว ก็เผ็ดมากเสียเหลือทน ล้ินมันรูรสผิดไปเสียดวย สวนมากไมคอยรูรสอยางใดดีพอ แตเผ็ดละก็รูรสดีมาก พอไดรสเผ็ดสักหนอยก็เผ็ดมากและเผ็ดนาน กินของหวานเทาใด กห็ ายเผ็ดยาก ความผิดปกติท่ีเกิดข้ึนอีกอยางหน่ึง ก็คือ ระหวางที่กำลังเคี้ยว ๆ อาหารอยูนั้น ถาเกิดข้ึนอะไรข้นึ มา หรอื เผลอพดู แลว มันจะสำลักแลว ตามดวยไอ ไอถ่ี ๆ นำ้ มกู นำ้ ตา ไหลเชียวละ รูสึกเหมือนกับวาเผลอกลืนอาหารในระหวางท่ีกลองเสียงปดไมสนิท หรือ บางทมี ีความรสู กึ วา เศษอาหารท่เี ผด็ ๆ หรือรสจดั ไปถูกโคนลิน้ แลว มนั จะตองไอ ไอถ่ีๆ จาม นำ้ มกู ไหลเปย กไปหมด เปน อยพู กั ใหญถ งึ จะหาย ทง้ั ๆ ทรี่ อู ยา งนนั้ เวลากนิ อาหาร กอ็ ดเผลอคิดเรอ่ื งโนน เรอ่ื งนี่ หรอื เผลอพดู ไมได มีสภาพที่ผิดแปลกไปอยูอยางหน่ึง ที่เปนการสำแดงเตือนใหรูวาตัวเราน่ีอายุ มากแลว และคงจะมีใครเปน อยา งนี้เหมอื นกัน คือ เวลาท่ีกำลังเค้ียวอาหารเปยก ๆ หรือ มนี ำ้ รวมอยดู ว ย เผลอ ๆ นำ้ ในปากมนั จะไหล หรอื ซมึ ออกมาทมี่ มุ ปาก เลอะแกม ตอ งรบี ควาผาเช็ดทนั ที 22
สภาพเชนนี้ก็เหมือนครั้งเราเปนเด็ก ไดเห็นคุณยาคุณยายเวลากินอาหารด่ืมน้ำ จะมีน้ำออกมาเปอนมุมปาก หรือเวลาเคี้ยวหมากจะมีน้ำหมากมาเลอะมุมปาก คุณยาคณุ ยายจะตอ งมีผาเช็ดนำ้ หมากประจำเชี่ยนหมาก เพื่อเช็ดปาก เช็ดแกมนี่แหละ สภาพดงั กลา วทว่ี า นเ้ี ปน เรอ่ื งธรรมดาทจี่ ะเกดิ ไดใ นคนแก เนอื่ งจากกลา มเนอื้ ปาก กลามเน้ือมุมปากและแกมหยอน เมื่อหุบปากไมแนน มุมปากก็ปดไมสนิท น้ำในปาก กร็ วั่ ไหลออกมาได ระบบทางเดินอาหารของคนแก นอกจากความเส่ือมในปากและฟนแลว กระเพาะอาหาร ลำไสเ ล็ก และลำไสใหญ ก็จะเปล่ียนแปลงไปเพราะความเส่อื มดวย กรดเกลอื ในกระเพาะอาหาร นำ้ ยอ ยของกระเพาะอาหารและลำไสก ม็ ลี ดนอ ยลงไป การเคลอื่ นไหวบบี รดั ตวั ทจ่ี ะรดี ใหอ าหารผา นจากกระเพาะอาหารลงสลู ำไส จนไปถงึ ทสี่ ดุ คือ ทวารหนักน้ันก็ไมแรงดีพอ พวกอาหาร ลม และน้ำผานไปตามแนวทางเดินอาหาร ไมไ ดด ี คนแกจ งึ มที อ งอดื เฟอ จกุ เสยี ด เรอ แนน อดึ อดั จนบางทหี นา มดื เปน ลมบอ ย ๆ ได นอกจากน้ัน เมื่ออาหารยอยแลว ก็ซึมผานลำไสเขากระแสเลือดไมดีพออีกดวย การเปล่ียนแปลงของทางเดินอาหารท่ีกลาวมา คนแกอาจมีเบ่ืออาหาร และเมื่อเจ็บปวย อยางใดแลว ก็จะยิ่งเบ่ืออาหารไมยอมกินอาหาร ในท่ีสุดก็จะเกิดโรคเลือดจางหรือ โรคขาดอาหาร มีบวมตามมือตามเทา และตามขอได ตับ ของคนแกก็อาจมีสภาพเสื่อมไปดวย ในเมื่อตับมีหนาท่ีตอการมีชีวิต ความเปนอยูหลายประการที่สำคัญอยางหน่ึงคือ ทำลายพิษตาง ๆ ท่ีเขาสูรางกาย โดยที่พิษนั้น ๆ เมื่อผานไปทางกระแสเลือด ก็จะตองผานตับ และตับจะทำลายพิษนั้น เมื่ออายุมากตับเส่ือมไปบาง พิษท่ีเขาสูรางกายแลวตับลดความสามารถในการทำลาย พิษไปมาก อันตรายกจ็ ะเกิดข้ึนแกช วี ติ ไดมาก ถงุ นำ้ ดี ของคนแก โดยทวั่ ๆ ไป กม็ กั มถี งุ นำ้ ดอี กั เสบเรอ้ื รงั มานาน ๆ การยอ ยอาหาร โดยเฉพาะการยอยไขมันจะเสียไป เมื่อกินอาหารท่ีมีน้ำมันมากสักเล็กนอยก็จะมีทองอืด ไดมาก บางทกี ม็ ีน่วิ เกิดในถุงนำ้ ดแี ละทอ น้ำดี รว มไปกบั มถี ุงน้ำดีอกั เสบเรอื้ รงั ดวย ตบั ออ น กม็ กั เสอื่ มไปดว ย และเมอื่ อายมุ ากขน้ึ ตบั ออ นทเี่ สอ่ื มไปมาก อาจทำให ตอมเอนโดกรีนในตบั ออนเสียไป กจ็ ะเกิดโรคเบาหวานได การขับถายอุจจาระ เปนภาวะหนาท่ีของระบบยอยอาหาร ซึ่งอาหารที่ยอยแลว จากลำไสเล็กคงเหลือเปนกากอาหารที่เขาไปรวมอยูในลำไสใหญและถูกขับถาย 23
ทิ้งออกไปจากรางกาย เรอื่ งถา ยอจุ จาระน้มี ักเปนปญหามากในคนแกท ่วั ไปโดยทมี่ กั จะมี ทอ งผกู ไดเสมอ ชั่วชีวิตที่ผานมาตั้งแตเด็ก ผมไมเคยที่จะมีทองผูกจนเปนปญหาแตอยางใด เรอ่ื งยาถา ยหรอื สวนอจุ จาระ พดู ไดว า เคยใชม านอ ยทสี่ ดุ แทบจะนบั ครง้ั ได รงุ เชา ตนื่ ขน้ึ มา ก็ถา ยทนั ทเี สรจ็ สน้ิ ไปเหมอื นกดปมุ สวิทซ กดปมุ ทเี ดยี วเกลย้ี ง แต 2 – 3 ปมานี้ ปญ หา เรื่องทองผูกเกิดมีบางเปนครั้งคราว บางทีถายวันเวนวัน ถายทีออยอ่ิงพอควร พอถาย วันเวนวันก็วิตก แตเปนสักครั้งสองครั้ง ก็กลับคืนเปนถายปกติ นาน ๆ จึงจะใชยา สวนทวารเสยี ที โดยทั่วไปยงั ถือวา ถา ยเปน ปกติ คนแกท ม่ี ที อ งผกู เปน ประจำ เพราะเคยจนเกดิ เปน นสิ ยั ผดิ ปกตมิ านาน นาน ๆ จงึ จะ ถายเสยี คร้งั หรือคนที่ตอ งหนั เขา พ่ึงยาถายจนเคยและใชทุกวันตอ ๆ มา วนั ไหนหยุดใช กจ็ ะไมถ า ยอจุ จาระ การทค่ี นแกม ที อ งผกู ไดม าก ๆ นนั้ กเ็ พราะสาเหตหุ ลายอยา งรวม ๆ กนั เม่ือมีอายุมากข้ึนการเคี้ยวอาหารท่ีแข็งจะเค้ียวไมไดดี จึงไมคอยจะกินผัก ผลไม หรือ อาหารท่ีมีกากมาก ๆ ไดนอย เคี้ยวอาหารพวกนี้ไมแหลกละเอียด จึงกินไดนอย หรือ ไมก ินเลย น้ำก็ด่ืมนอ ยมาก ออกกำลงั กายก็ไมค อ ยจะปฏิบัติ แมแตอ อกแรงอยา งใดกท็ ำ นอ ยมาก การพักผอ นนอนหลบั ก็มไี ดน อ ย เพราะนอนไมหลับ แลว ยังมจี ิตใจและอารมณ ไมค อ ยดเี สียอกี ดวย เลยพาลจะทองผูกเอางาย ๆ เม่อื มที องผูกมาก ๆ ทอ งผกู อยูน าน ๆ จะถา ยแตล ะคร้ังตอ งเบงถายอยนู านดวย ก็จะเกดิ รดิ สดี วงทวารหนกั ตามมา ระหวาง 2 ป ผานมาน้ี ตัวเองเคยคุยวาไมมีปญหาเรื่องทองผูกก็มีปญ หากับเขา บา งเลก็ ๆ นอ ย ๆ เนื่องจากมฟี น ผุ ฟนหกั ระหวา งนัน้ ก็มีปญหาทอ งผูกและตอ งพึง่ การ สวนอุจจาระบาง เม่ือไดฟนปลอมมาแทนฟนเดิมท่ีหักไปและเค้ียวอาหารไดดีก็ถาย เปนปกตโิ ดยท่วั ไปตลอดมาจนถึงทกุ วนั น้ี การถา ยอจุ จาระมไี ดเ ปนปกติ ยังไมเ กิดปญ หา อยางใดมากนกั สรุปวา ..การเปลี่ยนแปลงของรางกายเวลานก้ี ม็ บี างเลก็ ๆ นอ ย ๆ ยังโชคดี หรือ ภาษาชาวบานตองพูดวา “ยังบุญดี” ที่อายุมากแลว แตก็ยัง “กินได หลับสบาย ถายสะดวก” 24
โครงรา ง คนแกจะมีกระดูกโครงรางในสภาพเส่อื มเชน กนั กลามเน้อื ทั่วทัง้ ตัวก็เสอื่ มดวย กระดกู ทุกสวนทกุ แหง จะเสือ่ มไปตามอายุ เน่อื งจากการมีธาตุแคลเซยี มในกระดกู นอยลง พออายุมาก ๆ กระดูกก็จะบางเปราะ และหักไดงาย ๆ แคลเซียมที่ไดรับจาก อาหารท่กี นิ เขา ไป จะรับเขา เกบ็ ไวใ นกระดกู ไดนอ ย แตก ลบั ละลายตัวออกมาจากกระดูก เขามาสูกระแสเลือดไดมาก ถาอวัยวะใดเส่ือมไปตามอายุท่ีมากข้ึน แคลเซียมที่มีใน กระแสเลือดจะไปเกาะซอมแซมสวนท่ีเสื่อมของอวัยวะนั้น คลายกับวาเปนการชวยปะ สวนท่ีเสื่อมเอาไว ดังนั้นแคลเซียมก็อาจไปเกาะอยูที่กระดูกออน, เอ็น, ผนังหลอดเลือด หรอื ท่ีอวยั วะใดสวนไหนก็ได อวยั วะไหนมแี คลเซียมไปเกาะปะอยู ก็จะทำใหสวนนัน้ แขง็ คนแกจะมีหลอดเลือดแข็งเนื่องจากมีแคลเซียมมาเกาะ จึงเปนเหตุใหหลอดเลือดน้ัน มกี ารอุดตนั หรือหลอดเลือดแตกไดง า ย เมอื่ กระดกู บางลง ๆ กระดกู นน้ั กเ็ ลก็ ลงดว ย กระดกู ขา และกระดกู สนั หลงั บาง กจ็ ะ ยบุ ลงไดบ า ง ดงั นนั้ พอแกแ ลว ตวั กเ็ ตยี้ ลงไปกวา เดมิ และจะมหี ลงั โกง ตวั เอยี ง ขาโกง ได ก็รูตัวแลววาเราก็เปนอยางท่ีวานั้น เวลานี้สวนสูงลดลงกวาแตกอนเกือบ 2 น้ิวฟตุ ขายงั ไมโ กง สว นหลังนน้ั เวลาเผลอ ๆ เพลินตัว นั่งไมตรงยนื ไมตรง หลังมันก็ ทำทาจะคอ มลง เพราะมนั อยใู นทาสบาย พอรตู วั ก็พยายามยดื ตวั ใหต รงเสยี ทีหนึง่ ขอ ตาง ๆ บรรดาขอกระดูกตางก็เส่ือมไปเม่ืออายุมากขึ้น ๆ จะมีความเสื่อมเร็วหรือชา ก็แลวแตแตละคน น้ำลื่น ๆ ในขอ (ซ่ึงชาวบานเรียกวา ไขขอ) ท่ีทำใหขอลื่นชวยให กระดูกออนท่ีหัวของกระดูกท่ีประกอบเปนขอจะไมเสียดสีกันนั้น คนแกจะมีไขขอแหงไป กระดูกออนที่หัวกระดูกจะแตกและเส่ือมสลายไป เอ็นและพังผืดรอบขอจะหดตัวและตึง ขอฝดคือขอขยับเขย้ือนเคล่ือนไหวไมไดดี หัวกระดูกของขอจะกระทบถูไถกัน เวลาเคลือ่ นไหวขอจะเกิดเสียงจากกระดูกถไู ถกันและจะเจ็บปวดขอ 25
คนแกจงึ มักจะมปี วดขดั ขอเขา ปวดหลงั เอว ตน คอ และขอ ไหล คนแกม ีอาการ ปวดขอ ..มกั จะเรียกกันวา โรคขอเส่ือม (โดยท่ัวไปกม็ ขี ออกั เสบเร้ือรัง) ขอกระดูกตนคอ..เมื่อเกิดโรคขอเส่ือม นอกจากจะปวดเจ็บท่ีตนคออยางมาก ยังปวดราวมาถึงแขนจนถึงปลายมือ เน่ืองจากการอักเสบของขอ และกระดูกยุบตัวลง กดทปี่ ระสาทตอนโคนของประสาททมี่ าควบคมุ แขน ขอกระดูกท่ีบ้ันเอว..เม่ือเกิดโรคขอเสื่อม จะมีปวดมากที่กระเบนเหน็บ และมีปวด ไปตามแนวของประสาทขา คอื ปวดจากตะโพกลงไปจนถึงนอ งและเทา เน่ืองจากกระดกู บน้ั เอวกดทับประสาทขา เหมอื นอยา งขอกระดกู ตนคออกั เสบ ชาวบานมักจะพดู วา ..กระดกู ทับเสน เราเอง..เกิดลักษณะอาการของขอเสื่อมของขอตาง ๆ บางแลว แตไมมีอาการ เจ็บปวดมากนัก เปน ๆ หาย ๆ ในเรื่องของการปวดขอ กลามเน้ือ กลามเนื้อทั่วรางกายของคนแกก็เส่ือมลง เซลลกลามเน้ือจะเสื่อมลงสลายไป และมเี ยือ่ พังผืดงอกมาแทน กลา มเนอ้ื แตล ะมดั จะเหี่ยวและเลก็ ลง เมอื่ กลามเนอ้ื เสอื่ มและเลก็ ลง คนแกจ ึงไดมกี ำลังลดถอยไป ไมแ ข็งแรงเหมอื นครงั้ ยังหนุมสาว ทำงานหนักไมไหว เหนื่อยเร็ว เม่ือยลาปวดเม่ือยตามตัว อิริยาบถเชื่องชา ไมค ลอ งแคลว กลา มเนอื้ ไมแ ขง็ แรง การทรงตวั ไมด ี ถา เปลย่ี นทา อริ ยิ าบถเรว็ ๆ จะลม ไดง า ย เม่ือพลาดลม ตัวเอียงไปทางไหนก็ไมอาจย้ังตัวใหกลับคืนมาอยูทาปกติได ยั้งตัวไมอยู กจ็ ะลม ลงไปเลย ลมแตล ะทีก็จะเจ็บเน้อื เจ็บตัวไปนาน หรือไมกอ็ าจมีกระดูกหัก คนแกเมื่อลมแลว ถาไมมีกระดูกหักท่ีขอมือ มีมากดวยกันที่มักจะหักที่คอของ กระดกู ตน ขา (ชาวบานวา ..ตะโพกหัก) เราเองเวลานี้ กม็ ีลักษณะอาการเชนนน้ั เวลาเดินมันเซไปเซมาคลา ยคนเมาเหลา เพราะกลา มเนอ้ื ขาไมแ ขง็ แรง กา วเดนิ แตล ะกา วรา งมนั เหมอื นเสยี ศนู ย (กเ็ พราะยนื กา วเดยี ว ไมไดน่ันแหละ พอยกขาข้ึนจะกาวเดินมันก็ตองยืนขาเดียวขางหนึ่ง) เวลานี้จะลุกขึ้นน่ัง ลุกขนึ้ ยนื ตอ งลุกชา ๆ เดนิ เร็วอยา งแตก อ นไมไ ด ตองเดินชา ๆ ตองเดินวางมาดหนอย ๆ 26
การออกกำลังกาย เวลาน้ี จะใหเตะฟุตบอล เลนรักบี้ บาสเกตบอล วายน้ำหรือเลนกีฬาใดก็ตาม อยางครง้ั หนุม ๆ ไมไ ดแ ลว เพียงแคเดินเร็ว ๆ ก็ยงั จะลม เสียแลว แตก ็ไมไ ดนั่ง ๆ นอน ๆ หรอื อยนู ง่ิ หรอก ยงั คงเดนิ เดนิ ชา ๆ แตก เ็ ดนิ มากเหมอื นกนั เพยี งแตว า เดนิ ไกลนกั กไ็ มไ หว ระบบหวั ใจและเลอื ดไหลเวียน ทีนี้พิจารณาตัวเองถึงเรื่องหัวใจและเลือดไหลเวียนดูบาง มาดูถึงหัวใจและ หลอดเลอื ดคนแกก นั ดกู อ นวา เมอื่ แกแ ลว เสอื่ มไปตามอายจุ ะเกดิ การเปลย่ี นแปลงอยา งไรบา ง หัวใจ พอแกแลว เซลลกลามเน้ือหัวใจจะเสื่อมไปและเกิดเยื่อพังผืดข้ึนมาแทน เหมือนกลา มเน้ือรางกายนั้นเอง หวั ใจออกแรง คอื หดตัวไดน อ ยลง หวั ใจอาจโตขน้ึ กวา เดิมบาง แตก็ออนกำลัง ออกแรงไมไดมากเหมือนครั้งเปนหนุมสาว ออกแรงไมมากนัก กเ็ หนอื่ ย ลน้ิ หวั ใจกห็ นาแขง็ ทำหนา ทไ่ี มด เี หมอื นเดมิ หลอดหวั ใจกแ็ ขง็ นำเลอื ดมาเลย้ี ง กลา มเนอื้ หวั ใจไดน อ ยลง หลอดเลือดแดง ทั่วรางกายจะมีผนังหลอดเลือดแข็ง เนื่องจากมีการเสื่อม แลวมี แคลเซียมมาเกาะตามท่ีที่เส่ือม ถาหลอดเลือดแข็งที่หลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมอง หลอดเลือดไตและหลอดเลือดท่ีแขนขาก็อาจเกิดอันตรายจากการมีหลอดเลือดน้ัน ตีบตนั หรือแตก ซ่งึ เปน อนั ตรายตอชีวิตไดมาก หลอดเลือดดำ เม่ือเสื่อมอาจทำใหผนังหลอดเลือดยืดขยาย หลอดเลือดดำ จะขยายโตข้ึนและเกดิ หลอดเลือดดำขอด ซ่ึงจะเหน็ ไดเ สมอทขี่ า หลอดเลือดฝอย จะเปราะและแตกไดงาย ทผี่ วิ กายทั่ว ๆ ไป เมือ่ ผิวหนังตอนใด ถูกกระทบกระแทกหรือถูกกดรัด หลอดเลือดฝอยท่ีผิวหนังน้ันจะแตก มีเลือดออกมาอยู ใตผ ิวหนังเปน จ้ำ ๆ อาจแผข ยายออกไปไดเปนวงกวา ง หรือมเี ลือดมารวมอยทู ำใหบ วม มีลักษณะทีช่ าวบานเรยี กวา ฟกชำ้ ดำเขยี ว หรือหอเลอื ด 27
ไขกระดูก แหลงที่เปนตัวสรางเม็ดเลือด และเกล็ดเลือดก็เส่ือมไปตามอายุ อาจสรางเลือดไดนอยลง และถาขาดสารอาหารจากการเบื่ออาหารหรือเม่ือปวยเจ็บ อยางใด ท่ีทำใหไมอยากอาหารก็จะขาดสารอาหารที่จะสรางเลือด เลือดก็มีนอย.. ในกระแสเลือดซ่ึงมีเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือดเหลานี้จะมีจำนวน ลดนอยลง ถาเม็ดเลือดแดงลดนอ ยลงมาก กจ็ ะเกดิ โรคเลือดจาง ความดันโลหิต จะสูงขึ้นไดบางเม่ืออายุมากขึ้น ดังนั้นคนแกจึงมีความดันโลหิต สงู ขน้ึ กวา ทเี่ คยมมี าตงั้ แตค รง้ั ทย่ี งั อายนุ อ ย การทค่ี วามดนั โลหติ สงู ไดบ า งนนั้ เปน ผลจาก เมอ่ื อายุมาก ๆ หลอดเลอื ดทวั่ รา งกายก็แข็งไปบาง เมื่อมองดูตัวในเวลานี้ เทียบกับสภาพดังกลาวมาในตำรา ตัวเราเองก็มีการ เปลีย่ นแปลงทางระบบหัวใจ และหลอดเลือดบางอยเู หมือนกนั หัวใจผมเองเกิดความผิดปกติมานานกวา 10 ปแลวโดยที่เกิดมีหัวใจหองบน เตนมีจังหวะเร็วกวาหัวใจหองลาง หัวใจจึงเตนไมเปนจังหวะ ตรวจพบเขาโดยบังเอิญ เม่ือมีอาการหนามืดวูบหน่ึงแลวก็หายไป นาน ๆ เกิดข้ึนมาครั้งหน่ึงอาจหางกัน หลายช่ัวโมงหรือหลายวัน ไมมีอาการผิดปกติอยางอื่นใด หลังการตรวจหัวใจดวย เครอ่ื งมอื ตาง ๆ ก็พบไดวาสภาพของหัวใจดงั กลา วนั้น ทางการแพทยเ รยี กวา AF (Atrial Fibrilation) หมอทางโรคหัวใจบอกและใหการแนะนำวา ถาเปนเชนน้ีอยูนานตอไป จะเส่ียงตอการมีการอุดตันของหลอดเลือดสมอง หัวใจ และไตได ตองใชยาท่ีจะทำให หลอดเลอื ดเหลวใส ไมข น ไมเ หนยี วเอาไวต ลอดไป กเ็ ลยตอ งใชย ากนิ ใหเ ลอื ดเหลวใสทกุ วนั เปน ประจำตลอดมาถึงเวลาน้.ี . 10 กวา ปแลว เมอ่ื ไมก เี่ ดอื นมานี่ (ราวปลาย ๆ เดอื นมกราคม 2547) ใหเ ขาชว ยเจาะเลอื ดตรวจดู ความสมบรู ณข องเลอื ดและสารเคมบี างอยา ง ไปพรอ มกบั การตรวจ P.T. (ดคู วามเหลวใส ของเลือด เพื่อตรวจดูผลยากินประจำ) ซ่ึงตรวจเปนประจำอยูทุกเดือน ท่ีขอตรวจ ความสมบูรณของเลือดนั้นไมใชเพราะเกิดอาการผิดปกติอยางใด แตเห็นวา 3 – 4 ป แลว ไมไ ดตรวจก็ขอดูเสยี ที ปรากฏวามีเลือดจาง โดยไมเคยรูตัวเพราะไมเคยมีอาการผิดปกติเลย เลือดท่ี ตรวจน้ัน มีเม็ดเลือดแดง, เม็ดเลือดขาว, เฮโมโกลบิน มีจำนวนลดนอยไปทุกอยาง เกลด็ เลอื ดกล็ ดนอ ยอกี นอ ย เฮโมโกลบนิ นน้ั มเี พยี ง 9 กรมั % เลอื ดจางไปเพราะเหตใุ ดนน้ั หาเหตไุ มได 28
ไดเจาะไขกระดูก (จากกระดกู เชิงกราน) มาตรวจ ผลปรากฏวา ไขกระดูกทำหนาที่ผิดปกติ สรางเม็ดเลือดแดงไดมาก แตเปน เม็ดเลอื ดแดงตัวออนสว นมาก ตวั แกสมบูรณท่ีปลอ ยออกมาสกู ระแสเลอื ดมนี อ ย ตวั ออน จะถูกทำลายไปหมดเพราะสงออกมาไมไ ด ดังนั้นจึงเกดิ เลอื ดจาง หมอทางโลหติ วทิ ยาทชี่ ว ยตรวจรกั ษา บอกวา ถา ไมม อี าการผดิ ปกตไิ มซ ดี ไมเ หนอ่ื ย ก็ไมตองวิตกอยางใด เสริมสรางสุขภาพใหดีไวตามธรรมดา คอยตรวจดู C:B:C. เปนระยะ ๆ ไปก็แลวกัน ระหวางน้ีก็กินยา B6 B12 Folic Acid เพียงวันละนอย ๆ สว นธาตเุ หล็กไมต อ งกินยา กินอาหารกเ็ หลอื เฟอมีเหลก็ มากแลว ระยะหลัง ๆ 5 – 6 เดือนตอมา เฮโมโกลบินขน้ึ เปน 10.3 กรมั % อาการผิดปกติของระบบเลือดไหลเวียน นอกจากท่ีกลาวแลวก็ไมมีผิดปกติ อยา งอน่ื ใด ระบบขับถายปส สาวะ เมื่อแกแลวอวัยวะระบบขับถายปสสาวะก็มีการเส่ือมไป เหมือนอวัยวะอื่น ๆ ท้ังหลายโดยเสือ่ มไปตามวัย ไต จะขับปสสาวะในตอนกลางคืนมากข้ึน จึงทำใหถายมากขึ้นกวาแตกอน ๆ น้ำปสสาวะท่ีขับออกมามากน้ีจะเปนสวนที่เปนน้ำเสียสวนมาก แตสวนที่เปนของเสีย ขบั ถา ยออกมาไดน อ ย ตามปกตทิ ว่ั ไปคนเราจะถา ยปส สาวะในเวลากลางวนั ราว 3 – 4 ครง้ั กลางคืน (หลังหลับแลว) 1 ครั้ง แตเมื่ออายุมากข้ึน ในตอนกลางคืนจะถายบอยครั้งข้ึน อาจต่ืนข้ึนมาถาย 2 – 3 ครั้งหรอื บางทีถายทกุ ๆ 2 ชัว่ โมง กระเพาะปสสาวะ ของคนแก มักจะยืดหยอนและบีบรัดตัวขับใหปสสาวะออกมา ไดไมดีนัก เมื่อถายแตละคร้ังน้ำปสสาวะออกไมหมดกระเพาะปสสาวะ ยังมีปสสาวะ ตกคางอยูจำนวนหนึ่ง ไตขับปสสาวะออกมาไมเทาใดก็เต็มกระเพาะปสสาวะทำให เกดิ ปวดถายอีก การถา ยปส สาวะจึงยิง่ บอยขน้ึ มีอาการอยางหนึ่งที่มักจะเกิดขึ้นเม่ืออายุมาก ๆ ก็คือ การกล้ันปสสาวะไมอยู ชาวบานเรียกวา “ช้ำร่ัว” เกิดขึ้นเพราะกลามเนื้อหูรูดที่รัดอยูรอบทอปสสาวะท่ีจะกัน 29
ปสสาวะไมใหร่ัวไหลออกมาจากกระเพาะปสสาวะในเวลาไมถายปสสาวะ แตจะหยอน คลายตัวปลอยน้ำปสสาวะใหถายท้ิงออกมาในเวลาถาย กลามเนื้อหูรูดน้ียืดหยอนจึงหด รัดทอ ปสสาวะไดไมแ นน เพยี งนึกจะถา ยปส สาวะหูรดู กห็ ยอ น ปส สาวะกไ็ หลออกไดแลว โดยกล้ันไมได บางทีเพียงหัวเราะ จาม ไอ หรือเพียงตะโกนเสียงดังน้ำปสสาวะก็ ไหลราดออกมา ผูหญิงทีเ่ คยตงั้ ครรภค ลอดลูกมาหลายครัง้ จะเกดิ อาการชำ้ ร่วั น้ไี ดมาก ผูชายเมื่ออายุมากข้ึน ๆ ต้ังแตอายุ 55 ปขึ้นไป จะมีตอมลูกหมากโตไดทุกคน ถาโตมากๆ ตอมลูกหมากน้ันก็จะกดรัดทอปสสาวะออกยาก ถายไมออกตองเบงถาย มกี ารถา ยขัด ปวดถา ย ถา ยบอยข้นึ และจะมอี าการช้ำรวั่ ดวย ผูชายเม่ืออายุมากข้ึนจะมีตอมลูกหมากโต ถาโตขึ้นจนมีความผิดปกติในการ ถายปส สาวะ โดยมกี ารอุดตนั ทอปสสาวะ : ก็เรยี กไดวา “โรคตอมลูกหมากโต” ถา โต แตไมมีอาการของการอุดตันทอปสสาวะขับถายปสสาวะไดตามปกติ ก็ไมถือวาเปนโรค ตอ มลกู หมากโต อาจไมใ ชโ รค หรอื เปน โรคกไ็ ด แลว แตว า ตอ มโตแลว ทำใหก ารถา ยปส สาวะ ผิดปกติหรือไม โรคตอมลูกหมากโตตองรกั ษาดวยการผา ตัด ตวั เรานห้ี นมี นั ไมพ น เปน โรคนอี้ ยแู ละหาโอกาสเหมาะจะผา ตดั รกั ษาอยเู หมอื นกนั พอพรอมที่จะผาตัด เกิดตรวจเลือดพบวามีโลหิตจางเสียแลว หมอเขาบอกวาใหมี เลือดสมบูรณสักหนอยกอนเถอะ จึงคอยทำการผาตัด เราตองเชื่อหมอ ในใจอยากทำ เสยี ใหห าย เพราะรำคาญเรอื่ งถามบอ ย ๆ ยง่ิ กวา นน้ั บางทมี นั กลน้ั ปส สาวะไมอ ยเู สยี ดว ยซี ระบบตอ มไรท อ ตอมไรทอ พออายุมากขึ้นก็จะมีการเปล่ียนแปลงไปตามวัยที่สูงอายุ ตอมไรทอ ไดแก ตอมเพศ ตอมปจูอิตาร่ี ตอมไทรอยด ตอมแอดรีนัล และตอมไรทอในตับออน ตอมเหลาน้ีเมื่อเส่ือมก็จะมีการเปล่ียนไปของรางกายโดยท่ีอวัยวะทั่วท้ังรางกายจะมี อาการตา ง ๆ ผดิ ไปจากปกติ เมื่อพิจารณาตัวเองโดยท่ีไมไดใหแพทยตรวจ และไมมีอาการผิดปกติใหรูเห็น ไดชัดเจนวามีการเส่ือมของตอมไรทอตอมใด แตก็คิดวาเราแกแลว อายุมากแลว ถึงอยางไรก็คงจะตองมีตอมไรทอและรางกายมีการเปลี่ยนไปบาง แมจะไมเกิดปญหา มอี าการอยา งใดมากนกั 30
ระบบสมองและประสาท สมองของคนแกเมอ่ื มสี ภาพเส่ือมไป เซลลป ระสาทจะมจี ำนวนลดนอ ยไปตามอายุ หลอดเลอื ดทม่ี อี ยใู นสมองนนั้ กค็ งเกดิ หลอดเลอื ดแขง็ เหมอื น ๆ หลอดเลอื ดของอวยั วะอนื่ ๆ ดงั นน้ั หลอดเลอื ดสมองอาจเกดิ การอดุ ตนั หรอื แตกได ถา เกดิ สภาพเชน นน้ั กจ็ ะเกดิ อมั พาต ครง่ึ ซกี ตามปกตธิ รรมดาคนแกจ ะมเี ลอื ดสง มาเลยี้ งสมองไดน อ ยจงึ ทำใหร ะบบประสาทเสอ่ื ม สมองจึงทำหนาท่ีไมดีพอ คนแกจึงมีความรูสึกนึกคิดชา การตัดสินใจชา ความจำเส่ือม อวยั วะตาง ๆ เคล่ือนไหวไดชา ๆ อิรยิ าบถเชือ่ งชา การทำหนา ท่ีของกลา มเนอ้ื โครงราง และสมองไมส มั พันธก นั จึงมมี อื ส่ัน ขาส่ัน หรอื สน่ั ไปท้ังตวั การทรงตัวไมดี และกลามเนื้อยังไมแข็งแรงอีกดวย เมื่อมีการเปล่ียนอิริยาบถ อาจเปลีย่ นผิดทา ไดงายๆ เวลาลื่นลมตัวเอียงไปสกั หนอย ไมอาจฝนกลบั ทา ตามปกตไิ ด จะตองลมลงไปเลย การเคลอ่ื นไหวรา งกายบางทไี มส มั พนั ธก นั เชน ขณะทนี่ งั่ อยู เมอื่ คดิ วา จะลกุ ขนึ้ เดนิ สมองจะส่ังงานมายังรางกายใหลุกยืนแลวกาวเดินไป พอลุกยืนแลวจะออกเดินตาม สมองส่ัง สวนลำตัวจะเคล่ือนไป ขาไมกาวตาม ตัวย่ืนออกไปแลวโครงรางก็เสียศูนย เมอ่ื การทรงตัวไมด ีกอ็ าจลม ลงไปได กลา วแลววา ..เมอื่ คนแกลม ก็อาจมกี ระดูกที่สว นใดของรา งกายหกั มาคิดถึงตัว ก็ดีใจและพอใจมาก คิดวาเราน้ียังบุญดีนักหนาที่ระบบประสาท เวลาน้ีไมมีการเปลี่ยนแปลงจนเกิดปญหา ใหเกิดทุกขเกิดความลำบากยุงยากในชีวิต ถึงแมวา 5 – 6 ปท่ีผานไปแลว เคยประสบเคราะหกรรมมีเลือดออกเปนกอนเลือด ใตเ ยอ่ื หมุ สมองจนเกดิ อมั พาตของแขนขา ตอ งผา ตดั เปด กะโหลกศรี ษะ อมั พาตยงั มตี อ มา อีกเกือบปครึ่ง แตก็รอดมาอยูในสภาพผูสูงอายุตามปกติ ความรูสึกนึกคิด ความจดจำ ก็ยงั ดี ไมหลง ๆ ลืม ๆ และยงั อา นออกเขยี นได ที่ดียิ่งกวาน้ัน..ยังไมตองรบกวนใคร หรือทำใหผูอ่ืนเขาเดือดรอนเปนทุกขดวย ยังคงพงึ่ ตนเองได 31
เอะ..สองกระจกช่ัวแปบเดียว นึกถึงสภาพการเปลี่ยนแปลงของตัวเองเปรียบเทียบ กันที่กลาวไวในตำรามานานมากถึงอยางน้ีเชียวรึ ก็ยังปล้ืมอกปลื้มใจในตัวเองท่ียังไมมี การเปล่ียนแปลงไปจนหมดทุกลักษณะตามตำรา เอาละ..หมายความวาเราก็ยังไม แกม ากนกั หรอก ยังมคี วามเปน หนมุ เหลืออยบู า งละ แตว า ..ทบ่ี น ถงึ สภาพการเปลย่ี นแปลงของตวั ทรี่ ำพงึ เสยี เปน วรรคเปน เวรยาวยดื นนั้ ก็ลวนแตเปนเร่ืองรางกายการเปลี่ยนแปลงทางรางกายของคนแก (ใครอยากใชคำวา “ผสู งู อาย”ุ กต็ ามใจ) ทง้ั นน้ั ไหน ๆ กพ็ ดู ถงึ เรอ่ื งคนแกม าแลว งน้ั กบ็ นั ทกึ ถงึ การเปลย่ี นแปลง ทางจติ ใจของคนแกเอาไวกค็ งจะเหมาะ ออ..คิดข้ึนมาอีกวา..ถาง้ันก็เติมเรื่องความทุกขท่ีจะเกิดข้ึนเม่ือแกแลวอีกนิด ก็นาจะเปนการดีมีคามีประโยชนในเมื่อมีคนเขาสนใจอานพบเขา วากันเพียงยอ ๆ ตอจากน้ไี ปกแ็ ลวกัน “การเปลีย่ นแปลงของจติ ใจของผูส งู อายุ” ท่ีพูด ๆ มาแลวเปน เรอ่ื งสภาพรางกายของคนแก ทนี พ้ี ูดถึงเรอ่ื งการเปลยี่ นแปลง ทางจติ ใจบา ง แตเหน็ จะไมต อ งมาคิดถึงตวั เองใหยุง อีกละ เมอื่ มอี ายมุ ากขนึ้ ๆ จนเปน ผสู งู อายหุ รอื คนแก สภาพทางจติ ใจกจ็ ะเปลย่ี นแปลงไป ซึ่งเปลี่ยนผิดไปก็เนื่องจากความเส่ือมของสมอง นอกจากน้ันยังอาจมีสาเหตุอื่น ๆ มารวมเปนตน เหตดุ ว ย เชน สภาพความเปน อยูข องชวี ติ ตลอดมาตงั้ แตเ กดิ สภาพอาชพี ครอบครัว สภาพของส่ิงแวดลอมและการมีสขุ ภาพจิตดีไมดเี พียงใด การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ จะเกิดความเปล่ียนแปลงผิดแปลกไปทีละนอย ตามอายุท่ีเพิม่ ขนึ้ ๆ ความเจริญพัฒนาการทางจิตของคน ตามปกติจะเจริญไดเร็วดีและเจริญได เรว็ มากในระหวา งอายุ 30 ปแ รก พออายไุ ด 30 ปแ ลว ตอ ไปการเจรญิ ทางจติ จะมไี ดบ า ง แตแ ลวก็จะคอย ๆ ลดนอ ยลงไปจนถึงอายุ 50 – 65 ป แลว ตอจากน้ีก็เริ่มเส่อื มลง และ เสอ่ื มมากนอยเร็วหรือชา ตา งกนั ไปไดใ นแตละคน 32
การเรยี นรูของผสู งู อายุ ถาจะใหผูสูงอายุเลาเรียน ก็จะยังคงเรียนไดเสมอเปนไปไดอยางถูกตองตาม ท่ีพูดวา “คนเราไมแกเกินเรียน” แตการเลาเรียนของคนแกจะมีความแตกตาง บางประการไปจากเด็กคือ “ความกระตือรือรนในการเรียน” จะมีนอยกวาเด็ก “ความเขา ใจในวชิ าทเี่ รยี น” กเ็ ขา ใจไดช า และ “ความจำในวชิ าทเ่ี รยี น” ไมค อ ยจะจำได งายนัก ถาย่ิงเปนการเรียนวิชาใหม ๆ ท่ีไมเคยรูและไมเคยเรียนมากอนหรือถาไมเคยมี ฐานความรมู ากอ นเลยกจ็ ะยง่ิ เรยี นรไู ดช า เขาใจไดยาก และจำไมไ ดด เี ลย ความเชื่อถอื และยดึ มนั่ ของผสู งู อายุ ถา ไดเ ชอ่ื ถอื เรอ่ื งอะไรอยา งไหนอยา งใดแลว จะใหเ ลกิ เชอื่ หรอื มเี รอ่ื งอนื่ ทจี่ ะนำมา ลบลางความเชื่อถือเดิมท่ียึดมั่นอยูกอนแลวนั้นจะไมยอมไดงายนัก นิสัยเดิมท่ีมีอยู มานานมากจะใหเลิกไปเสีย แลวเปลี่ยนนิสัยใหมน้ันย่ิงยากมากหรือบางทีไมยอมเชื่อ ไมยอมที่จะเปล่ียนนิสัยที่เคยมีอยูแลวน้ันเลย คนแกจึงดูเหมือนวาจะเปนคนด้ือดึงและ มีทิฐิมาก มิหนำซ้ำยังจะพาลโกรธเคือง ไมพอใจ หรือนอยใจ เมื่อพยายามช้ีแจงจะ ใหเลิกเชื่อหรอื ใหเ ปล่ยี นนิสัยเดมิ นนั้ อกี ดว ย เชาวนปญ ญาของผสู งู อายุ นกั จติ วทิ ยาเคยทดสอบเชาวนป ญ ญาของคนอายตุ า ง ๆ ผลจากการทดสอบปรากฏวา ระยะต้ังแตเด็กเล็ก ๆ และเจริญเติบโตตอ ๆ มาจะมีคะแนนของเชาวนปญญาคอย ๆ เพิ่มข้ึนตามลำดับ พออายุได 15 ป และเริ่มจากอายุนี้ไปก็จะไดคะแนนเพ่ิมขึ้น อยางรวดเร็ว เมื่ออายุถึง 20 ป คะแนนจะไดสูงสุด และจากน้ีคะแนนสูงสุดจะดำรง เร่ือยไป พออายุเลย 50 ปไ ปแลว คะแนนเชาวป ญ ญาจะเร่มิ ตนคอย ๆ ลดลง แสดงวา คนเราถาอายมุ าก ๆ เชาวนปญ ญาก็จะลดนอยลงไปได 33
ความทรงจำของผสู งู อายุ เม่ืออายมุ ากข้นึ ๆ คนแกก จ็ ะมคี วามจำเสื่อมไป บางทพี ดู กันแลวเพียงชว่ั ครกู ล็ มื หรอื บางทที ำอะไร พดู อยา งไร พอถามถงึ กน็ กึ ไมอ อกแลว มอี ยบู อ ย ๆ ทคี่ ดิ วา จะทำอะไร เพียงชั่วขณะก็ลืมวาตัวจะทำอะไร เชน วาจะไปเอาขวดน้ำปลาในครัว พอเดินเขาไป ในครวั กน็ กึ ไมอ อกวา จะมาเอาสง่ิ ใดในครวั อกี อยา งหนง่ึ ทจ่ี ะเกดิ ไดบ อ ย ๆ เหมอื นกนั คอื นกึ ถงึ ชอื่ ของคนทจี่ ะพดู ถงึ ไมอ อก ทงั้ ๆ ทรี่ จู กั กนั ดพี บและพดู คยุ กนั อยเู สมอ แลว กม็ กั จะ พูดเปน เชิงบน ทไี่ ดย นิ กนั บอย ๆ วา ช่ืออะไรนะ.. มนั อยูท่ีริมฝปากน่ีแหละ บางทีพบกับ คนทร่ี จู กั กนั ดี และพดู คยุ กนั อยา งสนทิ สนมแตน กึ ไมอ อกวา ชอ่ื อะไร หรอื พดู คยุ กนั เสรจ็ แลว เม่ือเขาจากไป ถาจะมีคนถามวาคนที่คุยกันนั้นช่ืออะไรก็ลืมช่ือเขาแลว มีบางที เห็นเขาเดินเขามาหาก็รูแลววาเปนใครช่ืออะไร แตทักทายกันเสร็จเพียงครูเดียวน้ัน ก็ลมื วาช่อื อะไรเสยี แลว บางคนลืมเร่ืองที่ตัวพ่ึงจะทำไปเพียงช่ัวขณะจนเกิดลักษณะท่ีเรียกวา “ย้ำพูด ย้ำทำ” ลักษณะการลืมอยางนี้มักจะเห็นไดหรือมีเรื่องเลากันอยูเสมอถึงการปฏิบัติของ คนท่ีมีการลืมลักษณะน้ีอยางเชน คนแกน้ันพอค่ำลงกอนจะเขาหองนอน ปดประตู หนาตางบานชั้นลางแลวก็ขึ้นบันไดไปช้ัน 2 (บาน 2 ช้ัน) และเขานอน พอลงนอน เกิดคิดถึงเตาไฟในหองครัววาดับถานในเตาไฟหรือยัง ลุกข้ึนและรีบลงบันไดมาดูเพ่ือจะ ดบั ถาน ออ..ดับถานในเตาแลวลมื ไป นกึ วายงั ไมไดด บั ถาน เม่ือเดนิ ขนึ้ บนั ไดไปยังไมถึง ช้ันบนเกิดนึกข้ึนมาวาปดหนาตางหองขางลางหรือยัง ตองกลับเดินลงบันไดไปดู โธ..เราปดหมดแลวละลืมไป เอาละ สบายใจแลวขึ้นนอนเสียที.. พอเดินไปที่หองพระ.. เอะ..ใครมาจุดธูปเอาไว ออ..เราเองแหละ.. สวดมนตไหวพระแลวคิดวาสักครูจะมาดูวา ธปู ดบั ดหี รอื ยงั .. จรงิ ซิ เราดบั เทยี นแลว เดนิ ออกไป..ออกไปจะไปไหนนะ..คดิ ไมอ อกแลว .. ฯลฯ ลกั ษณะการหลง ๆ ลมื ๆ แบบน้ีเปนการย้ำคดิ ย้ำทำทอี่ าจเกิดกบั คนแก จนอาจ ทำใหม ีเวลาทจ่ี ะไดหลบั นอนนอยไป บางทกี จ็ ะรสู กึ รำคาญตัวเองไดมาก ๆ ดว ย เร่ืองความจำเปนของผูสูงอายุ จะมีลักษณะที่แปลกอยูอยางหนึ่ง คือ ถาเร่ืองใด หรอื เหตกุ ารณอ ยา งไรเกิดข้นึ ใหม ๆ หรือเกดิ ขนึ้ ในปจจบุ ันและเวลาผานไปชวั่ ระยะเวลา 34
ไมน านนกั มกั จำไมค อ ยไดแ ละลมื ไปแลว หรอื พดู คยุ กนั อยหู ยก ๆ ชว่ั สกั ครหู นงึ่ กล็ มื แลว แตเร่อื งราวหรือเหตกุ ารณท ่เี กดิ ขน้ึ กับตนหรือเคยรูเห็นมานาน ๆ หลายปแลว กลับจำได นึกออก หรือนึกข้ึนมาได บางทีจำไดอยางละเอียดถ่ีถวนเสียดวย เร่ืองเกา ๆ ตั้งแต คร้ังยงั เปน เดก็ กย็ งั จำได การจำหรือนึกถึงความหลังไดนี้จึงเห็นไดวา คนแกจะมีความพอใจและรูสึก เปน สขุ มาก ท่ีจะไดเลาเร่ืองเกา ๆ ตงั้ แตครงั้ ที่ตัวยงั เปน เดก็ หรอื เรือ่ งความหลังที่เกดิ ขนึ้ ของตัวเองใหพ วกลกู หลานฟง บางทกี เ็ ลาแลว เลา อีก ซำ้ แลว ซ้ำเลา โดยลมื แลว วา ตวั เอง เคยเลาแลว พวกลูกหลานฟงมาเสียหลายครั้งจนจำไดขึ้นใจ เผลอ ๆ พอเร่ิมเอย เรือ่ งเทา น้นั พวกลกู หลานก็เลา ตอเรอื่ งใหเ ลย การที่ผูสูงอายุจำถึงเร่ืองราวความหลังหรือเรื่องเกา ๆ ซึ่งผานพนมานานปไดดี จำเหตุการณตาง ๆ ตั้งแตคร้ังยังเปนเด็ก ซึ่งก็เปนเวลาหลายปมาแลวน้ี อาจมีคุณคาท่ี จะทำใหเกิดผลประโยชนไดมาก โดยท่ีเราจะไดรูเรื่องที่เกิดขึ้นหรือภาพของบานเมือง สมัยกอน ๆ ท่ีนานมาหลายป และปจจุบันนี้ลืมเลือนกันไปแลว เราจะรูไดจากความจำ ของคนแก เหมือนกับไดรูประวัติสภาพของสังคมความเปนอยู เร่ืองของประชาชน ผูคนพลเมอื ง การศึกษาวัฒนธรรม ความเจริญและความเส่ือมของสงั คมและถน่ิ ฐาน ฯลฯ ผูสูงอายุท่ีจำความหลังไดและมีความจัดเจนในชีวิตที่ผานมานาน จะไดใหคำแนะนำ ปรกึ ษา และเรยี นรเู ร่ืองแตค รัง้ กอนเกา ได แตเก่ียวกับการมีความจำท่ีเกิดในระยะเวลาปจจุบัน หรือในเวลาอันส้ัน ของคนอายุมาก ๆ แลวนี้ลืมไปไดงายๆ และประกอบกับความไมแนใจของตน คนแก จงึ มกั จะมลี กั ษณะของการ “ยำ้ พดู ยำ้ ทำ” อยา งเชน พดู คยุ กนั เมอ่ื พดู ไปแลว กล็ มื แลว วา ตัวพูดหรือยัง หรือไมแนใจวาผูรับฟงจะรับรูหรือไดยินหรือเปลาจึงพูดใหม แลวก็ลืมและ พดู ซ้ำอกี พูดเรอ่ื งเดยี วซ้ำ ๆ หลายครั้ง ผูฟ ง จะคดิ เหน็ ถงึ การพดู ซำ้ ๆ น้ันเปนสภาพบน จึงอาจคดิ วา ผูนั้นเปนคนแกขบ้ี น ดวยเหตุนี้พวกเด็ก ๆ ลูกหลาน หรือผูท่ีตองเก่ียวของดวยจึงมักจะคิดและนินทา กลาวหาวา พอแม ยายาย คนแกนั้นข้ีบน พูดซ้ำซากไมรูจบ ลูกหลานหรือคนในบาน ไมรูถึงสภาพตามความจริงของคนแกที่พูดซ้ำๆ จนตัวจำได แตบางคนก็ถึงกับดุวา ใหหยุดพูดเสียที หรือทำบ้ึงตึงไมพูดดวย ซ่ึงเปนเหตุใหคนแกนอยอกนอยใจและ เสยี ใจอยางมาก 35
การจำถึงเร่ืองความหลังไดดีของคนแกน้ี บางทีก็อาจเปนเหตุใหเกิดผลเสีย ไดมากเหมือนกัน คนแกบางคนเกิดความคิดถึงเร่ืองความหลังของตัว คิดถึงชีวิตต้ังแต เด็กมาจนโต คิดวาตลอดชีวิตท่ีผานมามีแตความผิดหวัง ไมเคยสมหวังในเร่ืองท่ี ตนปรารถนา คิดถึงความผิดหวังของตัววาไมควรจะทำ ตำหนิและกลาวโทษตัวเอง เสียดายเวลาเสียดายโอกาสที่ตัวปลอยท้ิงไปเองเพราะความอวดดี จำและคิดเร่ืองครั้งที่ ตนเปนเด็กเปนหนุมสาว แลวก็กลับมาคิดถึงสภาพของตัว คิดวาตัวแกแลว หวาดวิตก ในชีวิตความเปนอยู เฝาคิดแตวาตัวจะมีชีวิตอยูไดอีกไมนานนัก หวงหนาหวงหลัง หวงขาวของสมบัตทิ ี่อตุ สา หห ามาดว ยความเหน่อื ยมาก ดว ยความจำและนกึ ถงึ ชวี ติ แตเ กา กอ น กอ็ าจทำใหเ กดิ ความคดิ ตา ง ๆ ไดด งั กลา ว ทำใหค นแกเสยี สุขภาพจิตไดมาก การยอมรับเหตุผลหรือสภาพการณท่ีเกิดขึ้นใหมของผูสูงอายุ เร่ืองหรือ เหตกุ ารณอ ยา งใดทเี่ กดิ ขนึ้ ใหม ๆ หรอื เรอ่ื งทต่ี วั ไมเ คยไดร เู หน็ มากอ น ถา จะใหเ หน็ คนแก ยอมเช่ือยอมรับรูยอมเขาใจหรือยอมปรับตัวใหเขาไดกับสภาพเหตุการณ หรือ ความคดิ เหน็ ของคนอนื่ ทวั่ ไปนนั้ ไมใ ชง า ยนกั มกั จะมคี วามยงุ ยากและอาจเปน ปญ หามาก ถึงแมจะเปนเรื่องถูกตองและมีเหตุผลก็ยากท่ีจะยอมรับยอมเชื่อ เพราะคนแกเมื่อเชื่อแลว กจ็ ะยดึ มนั่ เช่อื ม่ันอยางสนิทเลกิ เชือ่ ไดย าก ถาถูกบังคับใหยอมรับ ยอมเช่ือ ยอมเขาใจ ในคำชี้แจงหรือเหตุการณนั้นแลว จะไมพอใจหงดุ หงดิ อารมณเ สียโดยขาดเหตผุ ลขนึ้ มาทนั ที ขอหวนกลับมาพูดถึงเร่ืองเก่ียวกับลักษณะในการจำของคนเราสักเล็กนอยกอน ทจี่ ะพูดถงึ ความลืม ๆ หลง ๆ ของคนแกต อไป คนเรามลี กั ษณะในการจำเปน 3 ลกั ษณะ คอื ลักษณะที่ 1 เม่ือไดเ ห็น ไดย นิ ไดส มั ผสั หรอื รสู กึ อยา งใดก็จะจำไดท ันที แตใ น เวลาตอ มาระยะหนง่ึ ก็อาจลมื เสยี หมด ลักษณะท่ี 2 เม่ือไดเ หน็ ไดย นิ ก็จำได แตจำไดไมน าน ช่วั เวลาสน้ั ๆ ก็ลมื ลักษณะที่ 3 จำเรือ่ งในอดตี ทผ่ี านมาไดดี ผูส งู อายจุ ะมลี ักษณะการจำในลักษณะ 1 และ 2 ไมด ี แตจะมกี ารจำในลกั ษณะ 3 ไดดี เหตุการณปจจุบันพบแลวจะลืมงายแลวจำไมได จำไดแตเรื่องท่ีเคยประสบมา ในอดตี ทีผ่ านพนมานานแลว 36
คนแกจ งึ ลมื เรอ่ื งทต่ี วั พง่ึ จะพดู ไปแลว ไมน านนกั จงึ พดู อกี ซำ้ ๆ ลมื ชอ่ื คนทร่ี จู กั กนั ดี ลมื เรอื่ งทต่ี นไดท ำไปแลว ในชวั่ เวลาไมน าน ลมื สง่ิ ของทตี่ วั มอี ยู ลมื ของทเ่ี กบ็ ไว นกึ ไมอ อก วา เอาไปไวท ่ไี หน ลมื เร่ืองที่นัดใครไว ฯลฯ จนถึงกับยำ้ พูดยำ้ ทำ ดงั ไดกลา วมาแลว คนแกเ มอ่ื อายมุ ากขน้ึ ๆ สมองกจ็ ะเสอื่ มมากขน้ึ ดว ย ความหลง ๆ ลมื ๆ กจ็ ะเพม่ิ ขน้ึ เหมอื นกนั ความจำจะคอ ย ๆ ลดนอ ยลงดว ย จนในทสี่ ดุ กจ็ ะหมดสน้ิ ความจำไป เมอ่ื มาถงึ ระยะน้ีคนแกจะไมส นใจในเรอ่ื งใด ไมสนใจส่ิงของทรัพยส ิน ไมสนใจตอวนั เวลาสถานที่ หรือเหตุการณอ ยา งใดกต็ ามทเ่ี กิดข้นึ จำไดแตเ ร่ืองเกา ในอดีต จึงพดู แตเ รื่องเกา ๆ ซ้ำ ๆ ไมวาใครที่มาพูดดวยก็จะพูดแตเร่ืองเกานั้นทุกทีไป แตถาพูดถึงเร่ืองปจจุบันอาจพูด ไมตรงความจรงิ หรอื พดู เกินความจรงิ เชน กินขาวแลวกบ็ อกวา ยังไมไ ดกิน ยงั ไมไดกนิ ก็วากินแลว บางทีทำใหคนอ่ืนเขาใจผิด เชน กินขาวแลวก็บอกวายังไมไดกิน แลวพูด ซ้ำเติมวาลูกหลานไมไดดูแลเอาใจใส ไมจัดหาอาหารใหกิน ปลอยใหอดอยากหิวโหย คงอยากใหต วั ตายเรว็ ๆ จะไดไ มต อ งมภี าระดแู ล... (เรยี กวา ..พดู ตอ เตมิ จนคนไดฟ ง สงสาร และนินทาวาไมเลี้ยงดพู อแม) บางทลี กู หลานเอาใจใสจ ดั อาหารใหก นิ อยา งสมบรู ณ กลบั กลา วหาวา พวกลกู หลาน คอยบังคับขเู ขญ็ ใหกินมาก ๆ ทัง้ ๆ ท่อี มิ่ แลว มันประชดประชนั หาวา เราวามันไมดแู ล เลย้ี งดู อยากใหก นิ ๆ เสยี จะไดต ายพน ๆ ไป ใคร ๆ ไดฟ ง แลว ลกู หลานเสยี หายหมดเลย ระยะตอ ๆ มา.. ความจำเร่ืองทั้งปจจุบันและความหลังครั้งอดีตจะลืมไปหมดส้ิน จำอะไรไมไ ดเ ลย พดู จาเลอะเลอื น ไมร จู กั บคุ คล ไมร ใู ครคอื ใคร ไมร เู วลาวา เวลาเทา ไหร สถานท่นี ั้น ๆ เปน ท่ีไหน ลมื ทุกอยา งหมด จำอะไรไมไดเ ลย หงดุ หงิด โกรธงาย ใจนอย หาวาใคร ๆ ขัดใจตัว กลางคืนนอนไมหลับหรือไมยอมนอน บางทีลุกข้ึนน่ังเฉย ๆ ตลอดเวลานานๆ หรือลุกขึน้ เดินไปเดินมา บางทีลกุ ขึน้ มากลางดกึ มาจัดตเู สอ้ื ผา ขา วของ เครื่องใช หรอื ร้อื คน สิง่ ของออกมาเต็มบา น มาถึงระยะน้ี ถายังมีกำลังแข็งแรงเดินไดดี พอลูกหลานเผลอ จะออกจากบาน และเดินเร่ือยไปโดยไมรูตัวและไมมีจุดหมาย เม่ือเปนเชนน้ีอาจมีอันตรายจากอุบัติเหตุ บนทองถนน รถยนตชนไดรับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตก็ได คนแกที่ไมรูตัวแลวหลบหนี หายไปจากบาน ลูกหลานออกตามหากันใหวุนวายไปหมด มักจะไดยิน พูดถึงหรือ มีขา วออกทางวทิ ยหุ รอื หนังสอื พมิ พบ อย ๆ บางทกี ็ไดรับอุบัตเิ หตุตาง ๆ 37
สวนคนแกทไ่ี มมีกำลังไมอ าจไปไหนได ก็จะไดแตน ัง่ ๆ นอน ๆ อยูก บั ที่ บางคน ท่จี ะถายปสสาวะ อุจจาระออกมาโดยไมรตู ัว มีลกั ษณะเหมือนทารกเล็ก ๆ แสดงใหรูว า.. มสี มองเสอ่ื มมากแลว การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจของผูสูงอายุ นอกจากจะมีไดตาง ๆ ดังกลาวมา ยังอาจมีลักษณะอาการท่ีผิดไปไดอีก เชน พออายุมากข้ึน เม่ือมีปญหาอยางใด เพยี งเลก็ นอยกไ็ มอาจแกปญหา คิดอา นไมไ ดถ กู ตอง ตดั สนิ ใจไมค อ ยได การคดิ คำนวณ งาย ๆ ก็คิดผิด เขาใจเรื่องใด ๆ ไดยาก มีความเชื่อถือผิด ๆ จนเกิดความหลงผิด ความคิดสบั สน คนแกบ างคนมนี สิ ยั เปลย่ี นแปลงผดิ ไปจากเดมิ กลายเปน คนเฉอื่ ยชา ไมส นใจใคร ไมสนใจเหตุการณเรื่องราวอยางใดท้ังน้ัน เก็บตัวอยูแตในบาน ไมอยากจะไปไหนๆ ไมตองการคบคาสมาคมกับใคร ไมชอบความสนุกสนาน จิตใจและอารมณเปลี่ยนไปได ตาง ๆ อาจระแวงสงสัยไปทุกอยาง คิดวาไมมีใครเอาใจใสตัว หวาดกลัวไปตาง ๆ บางคนจะซึมเศรา ไมพ ูดคุยกับใคร ฯลฯ อยา งไรกต็ าม คนแกถ งึ แมจ ะมอี ายมุ ากสกั เทา ใด โดยทวั่ ๆ ไป ตามปกติ กย็ งั คงมี สภาพของความเปน คนตอ งการไดร บั ปจจยั 4 ซ่ึงเปนสงิ่ จำเปนตอชวี ิต ยงั ตอ งการทจี่ ะมี ความสุขจากการกิน การนอน การขับถายของเสีย การเที่ยวเตร ตองการมีงานทำ มีงานอดิเรก มีเพ่ือน ตองการความสนุกสนาน รื่นเริงใจ ตองการมีคนท่ีรักตัว เคารพ นับถือตัว ตองการความมั่นคงของชีวิต ตองการคำเยินยอสรรเสริญ ตองการไดรับ ทกุ ส่งิ ทกุ อยางทค่ี นเราตอ งการ ไมไ ดผ ิดแปลกไปจากคนวยั ใดอ่ืนเลย ความทกุ ขของผสู ูงอายุ ไหน ๆ ก็รำพึงถึงตัวเอง เม่ือมีอายุมากข้ึนจนไดเปนคนแกกับใคร ๆ เขาก็ภูมิใจ อยูเหมือนกันท่ีมีบุญรอดมาจนเปนคนแกแทนปูยา ตายาย พอแม และคนแกอ่ืน ๆ ท่ีลวงลับไป แลวทิ้งตำแหนงน้ีเอาไวใหคนที่ยังอยูขางหลังรับชวงตอ ไดพูดถึงรางกาย และจิตใจที่เปล่ียนแปลงไปของคนเราเมื่อถึงเวลาแกเฒา ซึ่งก็เปนผลจาก “ความเสื่อม” ไปตามสภาพของสง่ิ มชี วี ติ อนั เปน เรอ่ื งปกตธิ รรมดาแท ๆ เมอื่ พดู มาถงึ นแ้ี ลว กน็ กึ ขนึ้ มาอกี วา 38
คนเราน้ีเม่ือแกแลว ผูท่ีใชชีวิตในวัยสุดทายนี้อยางเปนสุขก็มีมาก แตแกแลวยังมีชีวิตอยู เปน ทกุ ขก ็มีมาก และสมควรอยา งยงิ่ ท่ีจะใหความชว ยเหลอื ถาหากวาผูใดมีจิตใจอันดีงาม และปรารถนาท่ีจะใหความชวยเหลือคนแก ทม่ี คี วามทุกข กค็ วรจะไดร เู หตแุ หงทุกขข องคนแกเ สยี กอ น จะไดพนิ จิ พิจารณาแกไขหรอื ชวยเหลอื ใหถ ูกตองตามเหตุแหง ทกุ ข ดงั นน้ั ก็จะขอรำพงึ ถึงความทกุ ขของคนแกต อ ไปอกี เร่ืองหนง่ึ ประเทศไทยเวลานป้ี ระชากรเพม่ิ มากขนึ้ ๆ อยา งรวดเรว็ เนอ่ื งจากการสาธารณสขุ เจริญมากข้ึน ประชาชนไดรับการปองกันโรคเปนอยางดี และไดเรียนรูถึงสุขศึกษาท่ีจะ ชวยใหร ูจ กั การรักษาและเสรมิ สรา งตวั ใหม สี ุขภาพอนามัยดี ความรใู นการทจี่ ะใหค วาม ดูแลแม และเด็กเจรญิ กาวหนามาก ชวยใหเดก็ มีชีวติ รอดพน จากโรคตาง ๆ ทเ่ี คยทำลาย ชีวิตเด็กมาแลวจำนวนมากนั้นไดผลดีที่สุด เด็กจึงมีชีวิตเจริญเติบโตไปจนเปนผูใหญ ไดมากขึ้น การแพทยก็เจริญอยางมากท้ังดานวิชาการ ดานเทคโนโลยี และดานการ รักษาพยาบาล ฯลฯ ความเจริญในดานตาง ๆ ดังกลาวมา ประชาชนชาวไทยเวลาน้ี จึงอายุยืนกวา คนในสมยั กอนๆ เมือ่ 100 ปม าแลว คนเรามีอายอุ ยูไดโ ดยเฉล่ียราว ๆ 45 – 50 ป คนไทยเวลานี้ มีอายุโดยเฉลี่ยอยูไดถึง 60 – 65 ป (อายุเฉลี่ยของผูหญิงมากกวาชายเล็กนอย) แตค นอายุ 70 – 80 ป กย็ งั เหน็ มอี ยมู ากจนเปน ธรรมดา คนอายุ 100 ป กม็ ใี หร เู หน็ กนั ได คนมีอายุยืน 100 กวาป ก็มีขา วกันอยบู อ ย ๆ ประเทศไทยมีประชากรเวลานี้มากกวา 61 ลานคน มีผูสูงอายุ คือคนท่ีมีอายุ นับแต 60 ปข้ึนไป เปน จำนวนราว ๆ 5 – 6 ลา นคน นาคดิ วา อีกไมก ปี่ น ักประเทศไทย อาจมีผูสูงอายุ 7 – 8 ลา นคน ผูสูงอายุ ถาหากมีจำนวนเพ่ิมมากข้ึน ๆ ย่ิงมีมากเทาใดก็จะยิ่งมีปญหาตาง ๆ มากย่ิงขึ้น อาจเปนปญหาเฉพาะตัวผูสูงอายุ ปญหาในครอบครัว ปญหาเศรษฐกิจ การงาน ปญหาดา นสงั คมตลอดจนปญหาทางการแพทย สภาพชีวิตความเปนอยูของผูสูงอายุชนชาติใดบานเมืองใด จะชวยบอกใหรูถึง ศีลธรรม วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี นิสัยใจคอของชนชาติหรือสังคมน้ันได อีกทั้งอาจรูไดถึงความสัมพันธของผูสูงอายุกับคนในครอบครัว และการดูแลเอาใจใส ผูสูงอายุดีหรือไมเพียงใด ผูสูงอายุจะมีความสุขหรือความทุกขอยางไรนั้น สภาพชีวิต ความเปน อยขู องผสู ูงอายุ จะเปนเสมอื นภาพสะทอนชว ยใหร กู นั ไดอกี ดว ย 39
ผูสูงอายุชนชาติตะวันตก ดูเหมือนจะเปนผูสูงอายุท่ีมีความทุกขมากท่ีสุด ขนบธรรมเนียมประเพณีท่ีถือมน่ั วา จะตอ งเลี้ยงดูเอาใจใส พอ แม ปูย า ตายาย เม่อื ยาม แกเฒา และใหความเคารพนับถือทานอยางสูง ทานเหมือนรมโพธิ์รมไทรท่ีใหความ รมเย็นเปนสุขแกลูกหลาน ตองมีความกตัญูกตเวทีตอทาน การยึดม่ันในธรรมเนียม ประเพณีที่อบรมกันมาเชนนี้ของชาวไทยเรา (และชนชาติเอเชีย) ดูเหมือนจะไมมีในหมู ชนชาตติ ะวนั ตกนกั ลกู หลานของคนตะวนั ตก เมอื่ เตบิ โตขน้ึ มาตอ งดแู ลตวั เอง พอมงี านทำ หรือมีครอบครัวก็จะแยกครอบครัวไปอยูท่ีอื่น อาจไปอยูหางกันตางเมือง หรืออาจตาง ประเทศ ไปอยูเ ปนตัวของตัวเอง สรางครอบครัวมบี านของตวั ขน้ึ มาใหม นาน ๆ ก็จะได กลับมาเยี่ยมพอแม ญาติพ่ีนองเสียครั้งหน่ึง แลวก็ท้ิงใหพอแมหรือญาติผูใหญท่ีแกแลว อยกู ันตามลำพังตอไป บางทกี ท็ อดทงิ้ พอ แม คนแกไ วและไมต ิดตอมาอกี เลย พวกลูกหลานท่ีแยกครอบครัวไปอยูหางไกลกันเปนเวลานานจนลืมนึกถึงพอแม ไปเลยหรอื บางทีพอแมญ าติผูใหญต ายไปนานแลว พวกลูกหลานยงั ไมร ูวาตายแลวก็มี ตามสวนสาธารณะมักจะเห็นคนแกชายหญิงน่ังซึมอยูตามเกาอี้หรือมาน่ังในสวน น่ังเหมอตาลอยอยูคนเดียว เกาอี้มีหลายตัวที่อยูท่ัว ๆ ไป แตตัวไหนมีคนแกน่ังอยู ก็ไมคอยมีใครที่จะไปนั่งดวยยึดท่ีน่ังอยูคนเดียว บางทีก็มีคนแก 2 คน ตางก็ซึม ๆ หนาตาเหมือนคนมีทุกขใจ ไมคอยพูดคุยกัน บางทีอาจเห็นหญิงแกคนเดียว นั่งพูด รำพนั กบั ตนเองตามลำพังโดยไมส นใจใคร คนแกหลายคนท่ีมานั่งอยูในสวนสาธารณะทั้งวันตั้งแตเชา แลวเย็นก็กลับที่พัก บา นพกั อาจเปนหองเชา อยูค นเดยี ว หรอื เชา บานรวมอยูกับคนอนื่ ตางคนตา งอยูใ นหอง ของตวั ไมย ุงเก่ียว ไมส นใจใคร ตา งกไ็ มเ อาใจใสกัน คนแกบ างคนเดินไปมาบนทางเทา บนจูจ้ีอยูคนเดียวหนาหงิกหนางอ ไมยิ้มใหใครเลย เห็นแลวสังเวชสลดใจ ไมมีใครดูแล เลี่ยงดู ถูกทอดท้ิงใหอ ยูค นเดียว เคยมบี อย ๆ ท่นี อนตายอยใู นหอ งเชาหลายวันแลว จงึ มี คนรูกนั คนชาวตะวันตกหรือพวกฝรั่งนี้ไดเห็นชีวิตพวกคนแกของเขาแลว ตางจากคนแก ไทยเราอยางเทียบกันไมไดเลย ตองถือวาเปนบุญของคนไทยท่ีคนแกไทยเรามีสุขกวา คนแกช าตอิ น่ื ๆ หลายชาติ เรามศี ลี ธรรมและขนบประเพณที จี่ ะตอ งใหค วามเคารพนบั ถอื คนแก ตองมีความกตัญูกตเวที ใหอาหารดูแลเล้ียงดูและถือวาพอแมกับคนแก ในครอบครวั เปน รมโพธ์ริ ม ไทรใหค วามรม เย็นแกต นเสมอ 40
ปญหาทางอารมณและจิตใจของคนแกในครอบครัวไทย เรามีนอยกวาคนแก ในครอบครัวของชนชาติอ่นื หลายชาติ แต..ในเม่ือบานเมืองเจริญข้ึนอยางรวดเร็วมาก ประชากรก็เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ สภาพของสังคมไทยเราเปลี่ยนไป คนไทยนิยมและยอมรับเอาวัฒนธรรม ธรรมเนียม ประเพณีและสภาพชีวิตความเปนอยูอยางชนชาติตะวันตกหรือพวกฝร่ัง มาเปนของตัว มากขน้ึ ทุกที ความเปน ไทยคอย ๆ ถกู กลนื ตัวเองกล็ มื ไป และทิง้ ความเปนไทยของตวั ไปเกือบสิ้น ตอไปจึงนาคิดวา สภาพชีวิตความเปนอยูของคนแกชาติไทย เราก็คงมีสภาพ อยางคนแกทางตะวันตก คนแกเราจะมีทุกขมากข้ึนและมีปญหามากขึ้น จนกลายเปน ปญหาของประเทศชาตทิ ่ีจะตอ งชว ยเหลอื แกไข เมอื่ คนเรามีชีวิตผานเขา สวู ัยสูงอายุ ท่ีเราเรยี กกนั งา ย ๆ มาเปน เวลานานแลววา .. “คนแก” คนแกมักจะครุนคิดถึงชีวิตของตัวในอดีต ปจจุบัน และจะคิดไปถึงชีวิตตนใน อนาคต ความครุงคิดนี้อาจมีอยูตลอดทุกวัน ทุกเวลาเปนผลใหมีจิตใจเปนทุกข และ เสียสุขภาพจิตมากขึ้นทุกที ในเม่ือเฝาครุนคิดอยูโดยไมแกไข ไมขจัดและลืมความคิด เสยี บา ง การครุน คดิ ของคนแกมักจะคิดดังนี้ คดิ ถึงอดีต – คิดถงึ เรอ่ื งความหลังทผี่ านมาดวยความอาลยั อาวรณ เสียดายเวลา ทผ่ี า นไป นกึ ถึงความผิดในอดตี ของตัว คดิ ถงึ ปจจบุ นั – คดิ ถึงดว ยความวติ ก หวาดระแวง สงสยั เศราใจ คิดถึงอนาคต – คดิ ถงึ ดว ยความหวาดกลัว หวงหนา หว งหลัง “สาเหตุของความทุกขทีเ่ กดิ ขนึ้ กบั ผสู ูงอาย”ุ ความทุกขข องคนแกอาจมีไดเปน 3 สาเหตใุ หญ ๆ คือ 1. สาเหตเุ กยี่ วกบั งานอาชพี รายได เศรษฐกจิ และครอบครวั 2. สาเหตจุ ากความเจบ็ ปว ย 3. สาเหตุเกิดจากสภาพจติ และอารมณข องตวั เอง 41
1. ความทกุ ขจากเรือ่ งงานอาชพี รายได เศรษฐกิจ และครอบครวั อาจเกิดไดแ กส าเหตตุ าง ๆ เชน (1.) เม่ือตองหยุดทำงาน ไมมีงานทำ เน่ืองจากเกษียณอายุการงาน ถูกใหออกจากงานท่ีทำงาน ตองเลิกกิจการเพราะขาดทุน ตัวเองมีหน้ีสินลนพนตัว ไมไดทำงานตามความรูความสามารถของตน ออกจากงานแลวหางานทำใหมไมได เพราะตัวมีความรูความสามารถทำงานอยางเดียวโดยเฉพาะ เมื่อออกจากงานแลว ทำงานอยางอนื่ ไมไ ด เม่ือไมมีงานทำหรือไมมีงานใหมทำจึงขาดรายได หรือไดเงินพิเศษทำแตได รายไดนอ ยไมพอใช (2.) ทง้ั ๆ ทอ่ี ายมุ ากแลว ควรทจี่ ะไดห ยดุ การทำงาน หรอื ทำเพยี งงานเบาๆ แตยังไมอาจหยุดการทำงาน ยังตองทำงานหนัก เพ่ือหาเล้ียงครอบครัว หรือผูอื่นท่ี ตนยังตองรับผิดชอบ โดยลูกหลานหรือคนอื่นยังทำงานไมได หรือยังไมมีงานทำ หรือ ลกู หลานมปี ญ หาความเจบ็ ปว ยไมอ าจทจ่ี ะทำอาชพี ได ตวั จงึ จำเปน ตอ งทำงาน หยดุ ไมไ ด (3.) เม่ือเกษียณจากกิจการงาน หรือออกจากงานโดยถูกเลิกจาง หรือ ไมมีงานทำจากเหตุใดก็ตามแลวตองอยูคนเดียว ไมมีญาติพ่ีนอง หรือเปนโสด มาย หยาราง เม่อื เลิกทำงานตอ งอยูค นเดียว ขาดคนชวยเหลอื แบง เบาภาระการงาน ขาดคน รวมคิด คนรวมพูดคุยสนทนา หรือมีลูกหลาน แตลูกหลานก็แตงงานมีครอบครัวและ ยายครอบครัวไปอยูท่ีอื่น หรือพวกลูกหลานตองไปทำงานตางจังหวัดหางไกลกัน ไมมี ใครอยูคอยดูแล คนแกบางคนที่ลูกหลานทอดทิ้งใหอยูตามลำพังแลวไปอยูตางเมือง หรือตางประเทศ หรือปลอยใหอยูกับคนอ่ืนซ่ึงเขาก็ไมไดชวยเหลือดูแลแตอยางใดนัก และพวกลูกหลานทีจ่ ากไปก็ไมเคยทจี่ ะติดตอ มาเลย ไมร วู า ไปอยทู ่ไี หนเสียอกี ดวย (4.) ขาดเงนิ ทจ่ี ะจบั จา ยใชสอย ไมมีงานพเิ ศษทำ ขาดรายได ขาดคนชวย เลย้ี งดู มหี ลายคนทที่ ำงานมานานหลายป ไมเ คยคดิ ทจี่ ะสะสมเงนิ เอาไวใ ชเ มอ่ื อายมุ ากแลว พอเกษียณอายุการงานหรือหยุดทำงานก็ไมมีเงินสะสมที่จะใชเมื่อยามจำเปนหรือไมมี รายได อาจไดเงินบำเหน็จเม่ือเวลาออกจากงาน แตไมนานก็ใชหมด หรือไดเปนเงิน บำนาญก็เปนจำนวนนอยมาก แตละเดือนไมพอที่จะเปนคาใชจายท่ีจำเปนเสียอีกดวย และจะยิง่ ไดร บั ความทุกขลำบากมากข้ึน เม่ือไมมญี าติพ่นี องลกู หลานท่จี ะพง่ึ ไดบา ง 42
(5.) ขาดอาหาร อาหารการกินไมสมบูรณ ไมมีใครจัดหาอาหารใหกิน ตองหุงหาขาวปลาอาหารกินเอง ทั้ง ๆ ท่ีแกมาก หมดเรี่ยวแรง เน้ือตัวส่ันตลอดเวลา คนแกถูกไฟไหมน ้ำรอ นลวกจากการหุงหาอาหารกินเองนี้จะพบไดบอ ยๆ (6.) ขาดท่ีอยูอาศัย ไมมีบานของตนเอง คนท่ีทำงานราชการหรือ งานบริษัท แมจะมีรายไดมากพอควร ก็ยังมีคนเปนจำนวนมากที่ไมคิดจะมีบานเปนของ ตนเองตลอดเวลาที่อยูบานหลวง อยูบานเชาแตตนไมตองจายคาเชา ไมเก็บเงินสะสม มีเงินก็ใชจายไปตามสะดวกสบายพอออกจากงาน ไมมีบานของตัว ตองเชาบานอยูกัน ตองเสียเงินคาเชา ในท่ีสุดก็เดือดรอนทั้งครอบครัวท่ีตองใชจายเงินมากขึ้น ๆ บางคน เชา บา นอยแู ลว คา งคา เชา บา นกเ็ กดิ ทกุ ขย งุ ยากใจ บางคนตอ งขออาศยั บา นคนอน่ื เขาอยู และยง่ิ จะเพม่ิ ความทกุ ขม ากขน้ึ เมอ่ื จะไปขออาศยั บา นญาตหิ รอื บา นเพอ่ื นทเ่ี คยสนทิ สนม กนั มาอยางดี แตไมมีใครยอมใหอยอู าศัย (7.) นอกจากสาเหตุตาง ๆ ดังกลาวมาแลว มีอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำใหเพิ่ม ความทุกขมากยิ่งขึ้นไปอีก คือเร่ืองการมีหนี้สิน ผูสูงอายุบางคนท่ีกูหนี้ยืมสินเขามา ใชแ ลว ไมอ าจหาเงนิ มาใชห นไ้ี ด คา งหนเ้ี ขามานานจนเงนิ ทเ่ี ปน หนร้ี วมทง้ั ตน และดอกเบย้ี มากกวาเงินกูยืมหลายเทา ยิ่งอายุมากก็ย่ิงหาเงินมาใชหน้ีไมได จนบางทีก็เปนภัยตอ ชีวิตความเปนอยูข องตัวไดมาก 2. ความทุกขเนอื่ งจากโรคภยั ไขเจ็บ เม่ือคนเรามีอายุเขาสูวัยสูงอายุ ก็อาจพูดไดวามีโรคหลายโรคอยูในตัวแลว โดยเปนโรคทีเ่ กดิ จากความเสอ่ื มของรางกาย ทีช่ าวบา นเรียกกนั วา “โรคคนแก” น้นั เอง อยา งเชน ฟนหัก ตามัว หูตงึ ปวดเขา ปวดหลัง ปวดเอว ฯลฯ เหลานี้ เมือ่ เกิดขึ้นกบั ผใู ด กจ็ ะพูดวา เปน โรคคนแก เราควรจะไดรูและเขาใจวา คนแกเมื่อเจ็บปวยอยางใดแลว ไมใชจะเกิด โรคนน้ั โรคเดยี ว แตม โี รคหลายโรครว มดว ย เพราะมโี รคความเสอ่ื มอยกู อ นแลว หลายโรค โรคความเส่ือม (หรือ..โรคคนแก) ที่มีอยูแลวนั้น จะทำใหโรคท่ีเกิดข้ึนใหม เกิดปญหา มากยงิ่ ข้นึ โรคท่ีจะเกิดข้ึนกับผูสูงอายุมีไดมากเหมือนกัน โรคที่เกิดขึ้นและพบไดบอยๆ อาจมไี ดดังนี้ 43
(1.) อบุ ตั เิ หตตุ า ง ๆ ..เมอ่ื เกดิ ขน้ึ แลว จะทำใหม บี าดเจบ็ มบี าดแผล เสยี เลอื ด และกระดูกหัก อุบัติเหตุท่ีมีบอยก็คือ หกลม ไฟไหมน้ำรอนลวก อุบัติเหตุในหองน้ำ อบุ ัตเิ หตุในทองถนนจากยวดยานตา ง ๆ และกระดกู หัก (2.) โรคหวั ใจและหลอดเลือด.. มไี ด เชน โรคกลา มเนื้อหัวใจอักเสบเร้อื รงั โรคความดันโลหติ สงู โรคหลออดเลอื ดดำขอดท่ขี า โรคหลอดเลือดแขง็ ซึง่ มีอันตรายมาก เมือ่ เกิดหลอดเลือดแดงแขง็ ท่หี ลอดเลอื ดสมอง หวั ใจ ไต ตบั ออ น แขน ขา (3.) โรคระบบหายใจ ไดแ ก หลอดลมอักเสบเรอ้ื รัง โรคถงุ ลมพอง (4.) โรคเลือดจาง (5.) โรคขาดสารอาหาร (6.) โรคเบาหวาน (7.) โรคขอ เชน โรคเกาท โรคขอเสอื่ ม (8.) โรคเนื้องอก โรคมะเรง็ ของอวยั วะตา ง ๆ (9.) โรคอมั พาต และความพิการ (10.) โรคตา หู คอ จมูก (11.) โรคจิตในวัยสงู อายุ เม่ือผูสูงอายุเกิดโรคใดโรคหน่ึงแลวก็เทากับมีโรคหลายโรคเกิดขึ้น โดยมีโรคของ ความเสื่อมแทรกซอนอยดู ว ย เปนการเพ่ิมปญ หามากขึน้ กย็ งิ่ มที กุ ขม ากขน้ึ ผูสูงอายุเมื่อเจ็บปวยอยางใด ยอมไมอาจทนตอโรคไดดีอยางคนอายุนอยๆ โดยจะทนไมไดด เี มือมไี ขส งู เม่ือรา งกายขาดนำ้ ขาดอาหาร ขาดเกลอื แร ฯลฯ เมอ่ื มกี าร ขาดตาง ๆ ดังกลาว หรือมีไขสูงมาก ความตานทานโรคของรางกายจะยิ่งลดนอยลง โรคจะยิ่งหนักข้ึน ผูสูงอายุมักจะเกิดโรคแทรกซอนงายและโรคก็ย่ิงหนักมากขึ้นอีก เม่ือเกิดโรคแลว การหายจากโรคของผูสูงอายุยังหายไดชากวาคนอายุนอยอีกดวย จึงทำใหสญู เสยี เวลา เสยี การเงนิ ท่ีเปน คาใชจ า ยในการรกั ษาและอื่น ๆ มาก ก็ยอ มเปน ทุกขม ากย่งิ ขนึ้ ไปอีก เม่ือผูสูงอายุเจ็บปวยไมสบาย บางคนไมยอมท่ีจะบอกใครใหรูวาตัวปวย ตอเม่ือ อาการหนักมากแลว จึงจะบอกกลาวใหลูกหลานรูหรือลูกหลานสังเกตรูเอง การรักษา โรคน้จี งึ มกั จะไดเริ่มรักษากันกเ็ มื่อโรคเปน มากหรืออาการหนกั แลวเสมอ การทผี่ สู งู อายไุ มย อมบอกใครเมอ่ื ตวั เจบ็ ปว ยนน้ั มเี หตผุ ลตา ง ๆ เชน ตวั คดิ เอาเอง วาตัวไมสบายเล็กนอย หรือตัวเปนโรคธรรมดา ๆ ท่ีจะหายเองได ไมตองกวนใจ 44
บอกลูกหลาน หรอื ใครหรอก เจ็บปวยแคน บ้ี อกใหเขาหว งหรือรำคาญใจเปลา ๆ บางคน กค็ ิดวา .. “แกม ากแลว ถงึ รักษาหายได จะอยูรอดไปก็ไมน านหรอก” หรือบางคนคิดวา “รักษาแลวจะตองเสียเงินมากเสียดายเงิน” บางคนพูดบนแสดงความนอยใจ ความผิดหวัง หรือมีอารมณไมดีอยางใดอยูในใจโดยพูดวา.. “ปวยไขชางมันเถอะ ตายเสียไดกด็ ี จะไดพ นทุกขห มดเวรหมดกรรมไปเสยี ที” ความทุกขเม่ือเจ็บปวยที่จะเปนปญหาไดมากอยางหนึ่งก็คือมีโรคที่มีความพิการ เกิดขน้ึ อยางเชน มีอัมพาตเกิดข้ึน โดยท่ีชวยตวั เองไมได หรอื พอจะพง่ึ ตวั เองทำอะไร ๆ ไดบาง แตตองพ่ึงคนอื่นตองยุงยากลำบากมาก และถาขาดคนชวยเหลือดูแลก็จะเปน ทกุ ขอ ยา งมากยิง่ เมื่อยามเจ็บปวยแลว จะเกิดทุกขมากยิ่งขึ้นไปอีก ถาหากไรญาติขาดมิตร เปนโสดหรือมายไมมีลูกหลานที่จะชวยดูแล คอยพูดคุยใหกำลังใจ ไมมีใครมาเย่ียม ตอ งนอนปว ยอยดู ว ยความวา เหว หวาดระแวง เศรา เสยี ใจในตวั เอง กย็ ง่ิ เพมิ่ ทกุ ขม ากขน้ึ ความทุกขจะยิ่งยากข้ึนเม่ือเจ็บปวย ถาขาดเงินท่ีจะใชจายในการรักษาหรือ ขาดญาติพนี่ องลูกหลานทจี่ ะชวยเหลอื ทางการเงินอกี ดวย 3. ความทุกขเน่อื งจากจติ ใจและอารมณข องผูส ูงอายุเอง ความทุกขซ่ึงเกิดจากการมีจิตใจและอารมณผิดปกตินี้จะกอใหเกิด ความทกุ ขแกต นไดมาก แลวยังจะใหเกิดปญ หาในครอบครัวและสงั คมของตัวไดม ากดวย ผสู งู อายหุ รอื คนแกจ ะมคี วามทกุ ขค วามสขุ อยา งไร มากนอ ยแคไ หน ขน้ึ อยกู บั การมีสขุ ภาพจิตของคนแกเองวา มดี ีหรอื ไมดี เพียงใดเปนสำคัญ สขุ ภาพจิตของผูสูงอายุ มีรากฐานเริ่มมาแตเปนเด็กเล็ก ๆ แลว โดยที่ความทุกขใจจะมีตั้งแตเกิดและมีการสราง ขึ้นจากสภาพของครอบครัวคือสภาพของพอและแม ผูสูงอายุท่ีมีสุขภาพจิตไมดี มักจะ เกิดจากครอบครัวท่ีขาดความสุข พอแมขาดความรักใครปรองดองกัน มีแตความขัดแยง กันทะเลาะวิวาทกัน พอแมหยารางกัน หรือพอแมฝายใดฝายหน่ึงตายจากกันไปกอน เด็กท่ีขาดพอแมมาตั้งแตเล็ก เด็กท่ีขาดความรักขาดความดูแลเอาใจใสจากพอแม เด็กที่ มีแตความผิดหวังไมเคยไดรับส่ิงที่ตนปรารถนา มีแตความนอยเนื้อต่ำใจ ฯลฯ เหลานี้ ทำใหเด็กเร่ิมมีรากฐานของการขาดสุขภาพจิตท่ีดี ตอมาเม่ือเติบโตจนเปนผูใหญ และ เมื่อเขาสูวัยสูงอายุมักจะคิดไปถึงความหลงั แลว สรา งความทกุ ขใ จจากความนกึ คดิ เรอ่ื ง ความหลงั ใหต วั เอง ถา ไมอ าจปรบั ตวั ใหล มื หรอื ยอมรบั ในเรอื่ งของความหลงั โดยคดิ วา มนั เปน 45
เรอ่ื งทห่ี มดสนิ้ ไปแลว หรอื ผา นไปแลว ก็จะมีการแสดงออกดวยลักษณะคนเจาอารมณและ เกิดความทุกขใจไดอ ยา งมาก ผูสูงอายุท่ีมีความสุขใจ มักเปนคนมีสุขภาพจิตดี เปนคนท่ีเกิดมาจาก ครป รองดองดี ตวั เองก็ไดร ับความสำเรจ็ ในชีวติ การงาน หลกั ฐานมนั่ คง ครอบครัวดี มี ความภูมิใจในตัวเองในฐานะอาชีพและความเปนอยูของตัว สามารถปรับตัวใหเขาสังคม ไดด ี ผูสูงอายุทีม่ ที ุกขเนอ่ื งจากจติ ใจและอารมณของตน อาจมไี ดตา งๆ เชน ... ☺ นอยอกนอยใจในตัวเอง เม่ือคิดถึงความหลังคิดวาเม่ือคร้ังเปนเด็กน้ัน ตัวทำแตความไมดี ประพฤติไมเหมาะ ไมตั้งใจเลาเรียน ไมเชนนั้นเวลาน้ีก็จะเปนใหญ เปนโตไดดิบไดดีไปแลวหรือคิดวาตัวความรูก็ไมดี พอมีงานทำก็เกียจคราน เกะกะเกเร สรุ ยุ สุรา ย เวลามีเงนิ ไดมากกใ็ ชม ันจนหมด ไมเชนน้นั ร่ำรวยสบายไปแลว ไมม าลำบาก ยากจนอยูอยางน้ีหรอก อาจคิดเรื่องตาง ๆ ท่ีตนทำตัวไมดี มาถึงเวลานี้จึงมีแต ความผิดหวัง คิดไปแลวก็เสียใจ เสียดายในโชคชะตาของตัว คิดหนักเขา ๆ ก็เกิด ความเกลียดชงั ตัวเอง ☺ วิตกกังวลใจในสภาพของตัว โดยคิดไปวา เราน้ีแกแลว เมื่อเปนคนแก ก็คงจะไรความสามารถไปหมดทุกอยาง จะไปไหนมาไหนก็จะมีแตเช่ืองชา ยืดยาด ไมท นั คนอื่น จะทำอะไรก็มที ีทา งก ๆ เง่ิน ๆ ใครเห็นกค็ งนกึ ขนั จะตอ งอับอายขายหนา ใคร ๆ ไปหมด ☺ เศราสลด เสียใจ ในสภาพของการเปลี่ยนแปลงไปของรางกายและรูปราง ของตวั ซง่ึ เกดิ ความเสอ่ื มไป มองกระจกเหน็ หนา ตาตวั เองทไี รกย็ ง่ิ ใจหาย มหี นา แหง เหย่ี ว หนังยน ฟน หกั ผมบาง ตามวั หูตงึ เสียงแหบแหง ฯลฯ ผดิ ไปจากแตกอ น ๆ สารพดั ไมนาดู หนาตาเคยดูงาม ทาทีท่ีสงาไมเหลือไวใหเห็นเลย ยิ่งคิดย่ิงเปนทุกขสงสารตัว ย่งิ นัก ☺ เฝาแตคิดอยูตลอดเวลา ตัวกลายเปนคนไมมีคาไมมีประโยชนตอครอบครัว และสังคมอีกแลว พอแกเชนนี้ก็คงชวยอะไรใครไมไดหรือคงไมมีใครเขาอยากใหชวย เขาคงคิดวาแกแลวชวยอะไรไมไดหรอก ในที่สุดก็คิดเลยเถิดไปวาไมมีใครเขารูจักตัว ตัวขาดคนใหค วามเคารพนับถือหมดแลว ☺ เกิดความคิดวา ตัวแกแลว ใครตอใครแมแตพวกลูกหลานก็คงไมเอาใจใส ท่ีอยกู ับเขาทกุ วันนี้ พวกลกู หลานเขาคงรำคาญ คิดไปวาตัวทำใหพ วกเด็กตอ งหวงกังวล 46
จากการท่ีตองมาคอยเอาใจใสดูแลตัว แลวนึกตอไปอีกวา ตัวคงจะขัดขวางความสุข สะดวกสบาย ท่ีพวกเด็กเขาควรจะไดรับอยางเต็มที่ แตตองเสียเวลาใหกับตัว ลูกหลาน อาจเบ่อื หนายรำคาญที่ตวั จะตองพ่งึ เขาไปทกุ อยาง ☺ คิดวาตัวอายุมากแลว ผานโลกมามาก ตัวรูดีหมดทุกอยาง เม่ือตัวพูดหรือ ทำอยางไรแลวตองถูกเสมอ ความคิดความเห็นของตัวตองถูกหมด ไมยอมทีจะรับรูหรือ เห็นดวยกับความเห็นใคร โดยเฉพาะความเหน็ ของลกู หลาน หรอื เด็กรุนหลงั เมือ่ ตนพูด แนะนำออกความเห็น หรือทำอยางใดไปแลว ถา ลกู หลาน มคี วามเห็นมขี อ ขัดแยง หรือ สงสยั อยา งใด จะไมพ อใจและโกรธเคอื งอยา งมาก กลา วหาวา พวกเดก็ ไมเ คารพนบั ถอื ตวั ☺ เมื่อลูกหลานไมไดอยูรวมบาน ไมวาจะเปนเวลาเพียงช่ัวคราวหรือเปน เวลานาน ๆ โดยที่มภี ารกิจจะตองทำและตองไปคา งอยตู างเมอื งตา งจงั หวัด หรอื จำเปน ตองพาครอบครัวยายไปอยูท่ีอ่ืน เพื่อปฏิบัติงานของราชการ องคการ หรือบริษัท หรือ จำเปน ตอ งไปประกอบอาชพี อยา งใด ผสู งู อายไุ มย อมรบั สภาพความเปน จรงิ แตก ลา วหาวา พวกลกู หลานรำคาญและไมเ อาใจใสจ งึ ไดท อดทงิ้ ตวั และหนไี ปอยเู สยี หา งไกล ไมไ ดห ว ง และเหลียวแลตัวเลย ☺ เอาแตใ จตวั ไมยอมฟง ใคร ไมเ ช่ือใคร ไมเขาใจใคร ไมเ ขาใจลกู หลานตวั วา อยางไรจะตองเปน อยางนั้น ☺ ตลอดมาทุกวันทกุ เวลา เฝาแตคิดถึงปญ หาตาง ๆ ที่เกิดข้นึ กบั ตวั หรือคดิ วา อาจเกิดปญหาข้ึนมากับตัว ซ่ึงอาจจะเปนปญหาสวนตัว ปญหาครอบครัว ปญหาธุรกิจ การงาน ปญ หาทางเศรษฐกจิ การเงิน หรือปญหาสงั คม คิดไมต กคิดแลวคดิ อีก แลวเกบ็ ความทุกขไ วใ นใจตวั ไมพ ดู ไมบ อกหรือปรกึ ษาใคร ☺ เกิดความเศราสลด ซึม หงอยเหงา วาเหว โดยท่ีคิดอยูตลอดเวลา ถึงพวก ญาติพ่ีนองเพ่ือนสนิท คนที่เคยรูจักกันดีและคนอายุรุนราวคราวเดียวกันตางก็ลมหาย ตายจากกนั ไปทกุ ที คิดขึน้ มาแลว ก็เกดิ หวาดระแวง กังวลใจ และวติ กไปตางๆ วา ใกลจ ะ ถึงเวลาส้ินสดุ ของตนแลว เกดิ หว งหนา หว งหลงั คดิ ไปตา ง ๆ นา ๆ จนเกิดทกุ ขใ จ ☺ เก็บตวั อยแู ตในบาน ไมยอมไปไหน ไมค บหาสมาคมกบั ใคร แมแตญ าติและ เพ่ือนสนิทไมติดตอ ไมไปมาหาสูกันอยางแตกอน รูจักโลกภายนอกนอยลง ๆ ทุกที ไดพบเห็นผูคนนอยลง ๆ ขาดเพื่อน วาเหว เปลาเปลี่ยว เหมือนกับวาตัวอยูคนเดียว ในโลก 47
☺ แกแลวยังมีความโลภ อยากมีอำนาจเปนใหญเปนโต อยากไดเงินทอง ทรัพยสินสิ่งมีคามหาสมบัติ ยังคิดการใหญ แสวงลาภยศอิทธิพล ช่ือเสียง อิจฉาริษยา คนอ่นื กลวั ไปวาจะย่งิ ใหญกวาตวั ☺ ยังมีความตระหนี่ถ่ีเหนียว ช่ืนชมอยูกับเงินที่เก็บไว ไมยอมใชเงินเพ่ือบำรุง ความสุขในบ้ันปลายชีวิตของตัว ถาจะตองเสียเงินแมแตซ้ือหาของกินของใชสำหรับตัว ก็เสียดาย เมอื่ เจ็บปวยกก็ ลวั วาจะตอ งเสียเงนิ ไปเปนคารักษา ☺ ระแวงอยตู ลอดเวลาวา จะมคี นคอยปองรา ย หรอื อยากใหต วั ตายไปเสียเร็ว ๆ จะไดครองสมบตั ขิ องตน ☺ แกแ ลว ยังมีแตค วามหลงผิด เกลยี ดชงั อจิ ฉารษิ ยาคนอน่ื ☺ เฝาแตวิตกหวาดกลัววาตัวจะตองเจ็บปวยทรมาน กลัววาตัวจะตองตาย อาลยั อาวรณท รพั ยส มบัติท่หี ามาไว หวงใยลูกหลานท่อี ยูข างหลัง ที่กลาวมาน้ัน เปนเรื่องความผิดปกติของจิตใจและอารมณคนแก ซึ่งทำใหคนแก มที กุ ขมาก เมือ่ เกดิ อารมณ จติ ใจ ตามตัวอยา งดังกลาว สภาพจติ ใจของคนแก ยังอาจ มีไดตาง ๆ อีกมากท่ีจะทำใหเกิดทุกข มีสุขภาพจิตเสื่อมไปได ผูสูงอายุท่ีเกิดโรคจิต โรคประสาท เหตเุ พราะความทกุ ขจ ากจติ ใจ อารมณข องตวั นก้ี ม็ ไี ดม ากเหมอื นกนั ผูสูงอายุจะตองรูตองเขาใจและยอมรับสัจจะธรรมของชีวิตวา คนเราจะตองมี การเกิด แก เจ็บ และตาย ซึ่งไมอาจหนีพนธรรมชาติของชีวิต ถึงอยางไรเราก็จะตอง เปนคนแก ใคร ๆ กต็ องแกท้งั น้ัน แตเ รากค็ วรคดิ วาเราจะตอ งเปนคนแกท่มี ีความสุข เมื่อไดร ูถึงสาเหตทุ ี่ทำใหค นแกมที กุ ขแ ลว คนแกก ค็ วรทจี่ ะหาทางแกไ ข เตรยี มตัว ท่ีจะกระทำตัวใหมีความสุขในบ้ันปลายชีวิต คนในครอบครัว คนของสังคม รวมท้ัง ผมู หี นา ทใ่ี นการบรหิ ารงานประเทศ จะตอ งรว มมอื กนั ดแู ล และชว ยใหค นแกม คี วามสขุ ดว ย ผูท่ียังมีอายุนอย ยังไมแก ควรจะมีสำนึกเอาไวเสมอวาตัวก็จะตองเปนคนแก ในวนั หนา จะตองเตรียมตัวเตรียมใจท่ีจะรับสภาพคนแก และตองเปนคนแกท่ีมีความสุข ควรจะคิดเอาไวเสียกอนนาน ๆ กอ นจะถงึ เวลาทีจ่ ะตอ งเกษียณการงาน กอ นจะถงึ เวลา ท่ีจะทำการงานนอยลง คิดเสียกอนเม่ือจะตองหยุดงานอาชีพท่ีทำมาเปนประจำแลว จะมีงานอยางใดทำ เพ่ือใหตัวเองยังมีงานทำ ไมใชวาจะอยูนิ่ง ๆ เพราะการมีงานทำ จะชวยใหจ ิตใจเปนสุข รสู ึกวาตัวยังเปน คนมคี า มปี ระโยชน ไมว า เหว และยังคงมีรายได ใหต นไดใชจายเอง โดยไมต อ งพ่งึ ลกู หลานหรอื ใครอื่นมากนัก 48
เมื่อยังหนุมสาว ยังมีเรี่ยวแรงทำงาน ขยันทำกิจการงาน รูจักหาเงินรูจักใชเงิน รูจักการประหยัดและเก็บเงิน ตองมีเงินสะสมท่ีจะเก็บไวใชในวันขางหนาเม่ือแกแลว นอกจากน้ันตองคิดใหจงหนักวา.. “เราจะตองมีบานของเราเอง” ตองสรางบาน ใหม ่นั คง และสรา งครอบครวั ท่ดี ีทสี่ ุด ผูส ูงอายจุ ะตองมงี านทำบาง มีเงินพอใชของตน มเี พอ่ื นและเขา สงั คมได ยังตอ ง ทำตนเปน คนมคี า มปี ระโยชนต อ สงั คม เสรมิ สรา งสขุ ภาพจติ ใหด ี และเปน คนอารมณด เี สมอ “กอนเปนผูส ูงอายุ วางแผนชวี ิตเอาไวลางหนา เพ่ือจะไดเปนคนแกท ไ่ี มมที กุ ข เปนคนแกท ีม่ แี ตค วามสขุ กอนจากโลกน้ไี ป” “ลาโรงสงทา ย” รำพึงคำนึงคิดถึงตัวเองหลังสองกระจก กลายเปนนึกถึงเร่ืองสภาพของคนแก ทเี่ ปลย่ี นไป เพราะความเสอ่ื มของรา งกายและจติ ใจ แลว ยงั เลยไปถงึ เรอื่ งคนแกม ที กุ ขอ กี ดว ย ไปไกลมากพอดู หวนกลบั มาคำนึงถึงตวั เองอกี สักนดิ เถอะ หวนคิดไปถึงชีวิตท่ีผานมา 80 กวาป เขาระยะครบ 7 รอบอายุ แลวนึกขัน อะไรกนั เวลามนั ชา งผา นไปรวดเร็วเสียจริง ๆ แผลบ็ เดียวแท ๆ ดวยเวลาทั้งหมดที่ผานไปจนถึงเวลานี้ เกิดความคิดแตเพียงวา เราไดเกิดมา ในโลกน้ี เราไดทำหนาท่ีตามธรรมชาติชวี ิตครบถวนสมบรู ณแ ลว เราเกดิ เราเจรญิ เตบิ โต เราไดศ กึ ษาเลา เรยี น เรามอี าชพี การงานทำ เราสรา งชวี ติ มีฐานะมัน่ คง เราไดแตง งานมคี รอบครวั เอง เรามลี กู แลว มีหลาน.. และเวลานเ้ี ราแกแลว.. พดู ไดว า ..ไดทำหนาทต่ี ามธรรมชาติสมบรู ณแลว ที่สำคญั เราไดม ีลกู หลาน คือสรางชวี ติ ใหมข ้นึ มาแทนเราใหยงั คงมนษุ ยชาตใิ นโลกนตี้ อ ไป.. ไมส้นิ สดุ เปนบุญของเราอยางมากหนักหนาแลวท่ีตลอดชีวิตท่ีผานมาจนถึงวัยสูงอายุหรือ เรียกกันงาย ๆ วา เปนคนแกแลวในเวลานี้ เรามีชีวิตท่ีราบร่ืน มีความสุข แมวาจะเกิด ความทกุ ข ความยากลำบากอยางไร ก็ถอื วา ทกุ ขเลก็ นอย นอยกวา คนอ่ืน ๆ เขามากนัก ความทุกขนั้นถึงจะมี เราก็แกไขได หรือมันส้ินสุดไปเองได หรือเราทนท่ียอมรับมันได พูดไดวา..ไมมีทกุ ข 49
เราสรางตัวของเราเอง จะคิดอยางไรทำการอยางไร เราพบแตคนมีน้ำใจดี เมตตาสงสารเรา ใหความชวยเหลือสนับสนุนเรา เราสรางฐานะและครอบครัว ใหเ จรญิ กา วหนา มน่ั คง เรารบั ผดิ ชอบใหค วามรกั ใหค วามสขุ สบายแกท กุ คนในครอบครวั เราไดทำคุณทำประโยชนใหแกเพ่ือนมนุษยและสังคมมามากดวยความตั้งใจดี เราภูมิใจ ในตัวเราเองมากพอแลวที่ตลอดชีวิตมานี้เราคิดแตพยายามจะทำความดี ไมเคยท่ีจะคิด ทำใหใ ครตองเดือดรอ น ในชีวิต เรามีความรักที่จะใหคนไดอยางครบถวน โดยที่.. “เรารักตัวเรา เรารัก คนอื่น ๆ และเรารักสงั คมเรา” เวลาน้ีความสำนึกของเรามีอยางหน่ึงที่คงจะเหมือนความนึกคิดของคนแก ท้งั หลาย เปน ความนึกคิดทไ่ี มเคยเกิดขึ้นเลย มามอี ายุมากขน้ึ ๆ จงึ ไดค ิด เกดิ “วติ กกงั วล” ไปเองวา ยง่ิ อายมุ ากขน้ึ ยิ่งจะพบความเหงา เมอื่ ปลดเกษยี ณอายรุ าชการนน้ั ยงั มงี านทำสว นตวั มแี รงกายแรงใจทจี่ ะทำงานได ไมคิดอยา งใดอ่ืนเลย มาตอนนี้ มันคิดข้ึนมาเอง คิดวาวันขางหนาสักวันใดวันหนึ่ง เราอาจตอง หยุดทำงานตองอยูบาน พอรุงเชาพวกลูกหลานก็คงออกจากบานไปทำงานกันหมด เราตองอยูบานคนเดียวตลอดวัน พวกลูกหลานกวาจะกลับบานก็คงค่ำมืด ซ่ึงเราคง หลับไปแลว หรือเขา หองนอนแลว เราอยูคนเดียวเราจะทำอะไร จะพูดคุยกับใคร ถาอานหนังสือคงอานไดไมนาน เขยี นหนังสือก็ช่วั ครู ไมมลี กู หลานอา นใหฟ ง ไปไหน ๆ กค็ งไมไหวแลว คงเหงาพอดู แต..ชางมันเถอะ น่ันมันเรื่องวันขางหนา มันอาจไมเปนอยางนั้นก็ได เอาละ.. คอยคดิ แกเ หงาภายหลงั แตเ วลานี้ ก็เรมิ่ เหงาและรำคาญใจแลว ถาอยเู ฉย ๆ เพราะกลางวนั ใคร ๆ ก็ไป ทำงานหมด เด็กก็ไปโรงเรยี น เวลานท้ี กุ ๆ วนั กพ็ ยายามหลกี เลยี่ งความเงยี บเหงาวา เหว ยงั พยายามทำเหมอื น กับวายงั ทำงานอยเู หมอื นเดมิ ๆ ตั้งแตเ ชา ใหรถยนตม าสง โรงพยาบาลกรุงเทพ ขอหองทำงานสว นตัวเขา 1 หอ ง สำหรบั อา นหนงั สอื เขยี นหนงั สอื กนิ อาหารกลางวนั และงว งนอนเมอื่ ใดกน็ อนบนเกา อย้ี าว นอนอยางเปนสขุ เลย 50
ระหวางที่ไปถึงโรงพยาบาลกรุงเทพ ทักคนนั้น คุยคนน้ี ยั่วคนโนน เดินเลนไป ตามสะดวกท่ัวไป เม่ือยนักก็หลบเขาหอง เบ่ือหองก็ออกคุยกับใครตอใครท่ีผานไป ไมมีเหงา บาย 2 โมงคร่งึ รถยนตม าสงท่ีคลนิ กิ ไดเ วลาราวบา ย 3 โมง แมวาเวลานี้คนไขมาหาลดนอยไปกวาแตก อ นกส็ บายใจ มคี นไขก็ไดคุย คนไขเกากค็ ุยหยอกลอ เปนกันเอง ไมมีคนไข ก็นั่งเลนมองคลินิก และนึกถึงวาคลินิกน้ีไดใหความรู ความสุข ความตื่นเตนและสารพัดเหตุการณมาตั้ง 50 กวาปแลว คิดแลวก็มองดูคลินิกไดอยาง คร้มึ ใจ ตกเยน็ 6 โมงคร่ึง..ใกล ๆ ทุม ลูกหลานคนไหนวา ง เขากม็ ารับกลับบา น กนิ ขาว อาบน้ำ เขาหอ งนอน..หลับบาง ต่นื บา ง ก็ชา งมัน ไมมีอะไรจะตอ งหวง ตนื่ นอนตี 5 ครง่ึ วนั อาทติ ยต น่ื ตี 5 อาบนำ้ แตง ตวั เพอื่ ใหท นั ใสบ าตรเปน ประจำ เสาร – อาทติ ย ตอนเชา ไปอยูที่คลินิกครึง่ วัน ครึ่งวนั บาย – นอน หมดไปวนั หน่ึง ๆ ไมม ีเหงาไมมวี าเหว คิดถึงตัวแลวทุกวันน้ี ชีวิตก็ราบร่ืนดีแลวจะเอายังไงอีกในเม่ือ... “กินได นอน สบาย ถายสะดวก” อยแู ลว และเวลาน้ตี วั อายมุ ากแลว ก็ไดย ดึ มัน่ อยูกบั การปฏบิ ตั ิตวั 3 ประการ “อยาทำยุงมาก อยา พดู มาก อยา คิดมาก” เอาละ... มองตวั เองพอแลว 51
Search