Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือสำหรับผู้ปกครอง(เด็กเรียนรู้ช้า)

คู่มือสำหรับผู้ปกครอง(เด็กเรียนรู้ช้า)

Published by morakot panpichit, 2019-12-23 01:06:28

Description: คู่มือสำหรับผู้ปกครอง(เด็กเรียนรู้ช้า)

Search

Read the Text Version

เดก็ เรียนรชู า คมู อื สําหรบั พอ แม/ผูปกครอง

ช่ือหนังสือ : เดก็ เรียนรชู า คมู อื สาํ หรับพอแม/ผูป กครอง จัดพิมพโดย : สถาบันราชานุกลู พิมพค ร้งั ที่ 1 : สิงหาคม 2555 จํานวนพิมพ : 2,000 เลม พิมพท่ี : บริษทั บยี อนด พับลิสชงิ่ จํากัด 2 เด็กเรียนรูชา คมู อื สาํ หรบั พอ แม/ ผูปกครอง

คาํ นาํ เดก็ เรยี นรชู า คอื เดก็ ทเ่ี รยี นรสู ง่ิ ใดอยา งเชอ่ื งชา ใชเ วลานานในการเรยี นรู สง่ิ ใหมๆ ใชไ หวพรบิ ปฏภิ าณในการเลน ไดแ ตไ มท นั เพอ่ื นในวยั เดยี วกนั เดก็ จะมี ปญ หาการเรยี นและมกั เกดิ ปญ หาอารมณห รอื พฤตกิ รรมตามมา เปน ทท่ี ราบกนั ดี วาหลักการสอนเด็กเรียนรูชาคือการสอนซํ้า ย้ํา และทวนบอยๆ การยอยงาน และการกระตนุ เตอื น ในคูมือน้ี ไดมีการเพิ่มเติมเทคนิคในการสอนเด็กเรียนรูชา และ การดแู ลชว ยเหลอื ดา นอารมณจ ติ ใจ หลกั การสรา งแรงจงู ใจ และการปรบั พฤตกิ รรม ซ่ึงเปนการรวบรวมความรูท้ังจากตําราและจากขอมูลท่ีไดจากการสัมมนา แลกเปลี่ยนเรียนรูประสบการณระหวางผูปกครอง ครูและครูการศึกษาพิเศษ ทม่ี ปี ระสบการณก บั เดก็ เรยี นรชู า นาํ มาเรยี งรอ ยเปน คมู อื ทง่ี า ยตอ การทค่ี ณุ พอ คุณแมจะนําไปปฏิบัติจริง คณะผูจัดทําหวังวาคูมือเลมน้ีนาจะเปนตัวชวยที่ดี ในการดูแลเดก็ เรียนรชู า ตอ ไป คณะผจู ัดทาํ เด็กเรียนรชู า คูม ือสาํ หรับพอแม/ผปู กครอง 3

4 เดก็ เรยี นรูชา คมู อื สาํ หรับพอ แม/ผปู กครอง

สารบญั ความหมายของเดก็ เรียนรูชา 7 ลกั ษณะของเดก็ เรยี นรูช า 8 8 วยั กอ นอนบุ าล 8 9 วัยอนบุ าล 10 13 วัยเรียน 14 สาเหตุของภาวะเรยี นรชู า แพทยต รวจอยางไรถึงบอกไดว า เด็กมภี าวะเรยี นรชู า 16 ระดับเชาวนปญญา ระดบั สติปญญา 17 (Intelligence Quotient, IQ, ไอควิ ) คืออะไร 18 เดก็ ทีม่ รี ะดบั เชาวนป ญ ญาตา่ํ กวาเกณฑ 24 ในแตละกลมุ มีความแตกตา งกนั หรือไม 27 แนวทางการชว ยเหลือเดก็ เรียนรูชา 34 40 จะชว ยลกู เรียนรูชา อยางไร จะเริ่มตรงไหนกอ นดี การชว ยเหลือลูกเรอื่ งเรียน หลักการสอนเสริมดานภาษา หลักการสอนเสริมคณติ ศาสตร เอกสารอางอิง เด็กเรียนรูชา คมู อื สําหรับพอแม/ ผูป กครอง 5

เดก็ เรยี นรชู า คูมือสาํ หรบั พอแม/ผูปกครอง 6 เดก็ เรยี นรูชา คูมอื สาํ หรบั พอแม/ผปู กครอง

เด็กเรียนรชู า ความหมายของเดก็ เรยี นรูชา เดก็ เรยี นรชู า คอื เดก็ ทเ่ี รยี นรสู ง่ิ ใดๆไดอ ยา งเชอ่ื งชา ใชเ วลาในการเรยี นรู ส่ิงตา งๆ รอบๆ ตวั มากกวาเด็กปกติ หรือบางทีเรียนรูบ างสงิ่ ทม่ี คี วามซับซอ น ไดอ ยา งยากลาํ บาก หรอื เรยี นไดแ ตม กั มผี ลสมั ฤทธท์ิ ต่ี า่ํ กวา เดก็ ปกติ เดก็ เรยี นรชู า ดูภายนอกจะดูเหมือนเด็กปกติโดยท่ัวไป แตมักพบปญหาในช้ันเรียน โดยมักพบวาเด็กเรียนไมทันเพ่ือน ไมเขาใจบทเรียน โดยเฉพาะบทเรียน ทต่ี อ งอาศยั การเขา ใจแบบนามธรรม เมอ่ื นาํ เดก็ ไปทดสอบระดบั เชาวนป ญ ญา จะพบวาเด็กมีระดับเชาวนปญญาตํ่ากวาเกณฑเฉล่ีย (ต่ํากวา 90) โดยใน คูม อื น้จี ะกลา วถึงเดก็ เรยี นรชู าที่มรี ะดบั สตปิ ญ ญาอยูร ะหวาง 50 - 89 เด็กเรยี นรชู า คูม อื สาํ หรับพอ แม/ผูปกครอง 7

ลักษณะของเด็กเรยี นรูชา วัยกอ นอนุบาล เด็กเรียนรูชามักไมแสดงอาการอะไรใหคุณพอคุณแมผิดสังเกต ในชวงวัยนี้ เด็กจะมีพัฒนาการดานกลามเน้ือมัดใหญ (กลามเน้ือแขน กลา มเนอ้ื ขา) อยใู นเกณฑป กติ โดยมกั จะพบวา เดก็ เรมิ่ ตงั้ ไข เรม่ิ เดนิ เรมิ่ วง่ิ ได ตามเกณฑปกติ มีพัฒนาการทางดานอารมณและสังคมปกติตามวัย แตอาจ พบวา เดก็ มพี ฒั นาการทางภาษาทช่ี า กวา เดก็ ปกตเิ พยี งเลก็ นอ ย เชน พบวา เดก็ เริม่ พูดเปน คาํ เมอื่ หนง่ึ ขวบกวา วัยอนุบาล เมื่อเด็กเขาโรงเรียนอนุบาล คุณพอคุณแมอาจเร่ิมสังเกตไดวา ลูกมีความพรอมในการเรียนในช้ันอนุบาลนอยกวาเด็กวัยเดียวกัน เชน กลามเน้ือมือไมแข็งแรง จับดินสอหรือกรรไกรไมถนัด ใชเวลาในการทํางาน ที่ครูสั่งนานกวาเพื่อนๆวัยเดียวกัน คุณครูตองคอยชวยเหลือหรือประกบ เปนระยะ แตเด็กยังสามารถเรียนกับเพ่ือนๆในหองเรียนไดอยางไมมีปญหา การเรียนอยางชดั เจน 8 เด็กเรียนรูชา คมู อื สาํ หรบั พอ แม/ผูป กครอง

วัยเรียน เม่ือเริ่มเขาเรียนในโรงเรียน มักพบวาเด็กชากวาเด็กอ่ืนในหอง เดก็ มกั ไมเ ขา ใจสงิ่ ทคี่ รสู อนในหอ งเรยี น หรอื สงิ่ ทคี่ รสู งั่ งานในหอ งเรยี น สง ผลให เด็กทํางานชา ทํางานไมเสร็จ งานและการบานค่ังคาง ถาคุณพอคุณแม สอนการบานเด็กจะพบวา เด็กใชเวลานานในการทําความเขาใจเร่ืองงายๆ เชน การบวก การทดเลข การขอยืมเม่ือทําการลบ ตองสอนซํ้าหลายครั้ง และมกั พบวา เดก็ ลมื เรอื่ งทส่ี อนไปแลว อยา งรวดเรว็ เดก็ เรยี นรชู า มคี วามจาํ กดั ในการแกไขปญหาเฉพาะหนาเม่ือเทียบกับเด็กวัยเดียวกัน โดยเฉพาะ ปญหาที่เจอเปนครั้งแรก ความคิดและการตัดสินใจไมสมเหตุสมผล และ ไมส ามารถนาํ ความรแู ละประสบการณจ ากเหตกุ ารณท เ่ี คยเกดิ แลว ไปใชใ นการ แกปญหาใหม เชน ปญหาเดิมที่เคยเกิดแลว คุณพอคุณแมบอกวิธีแกปญหา แลว แตเมื่อพบปญหาในคร้ังตอไปเด็ก ก็ยังคงแกปญหาไมได บางราย มีความยากลําบากในเรื่องการคงความสนใจ มีความสนใจสั้น ทํางานอะไร ไมคอยไดนาน เดก็ เรยี นรูชา คูม อื สาํ หรบั พอ แม/ ผปู กครอง 9

นอกจากลกั ษณะของเดก็ เรยี นรชู า จะสง ผลใหเ ดก็ มปี ญ หาการเรยี นแลว ลักษณะความคิดและการตัดสินใจการปรับตัวไมสมวัย ทําใหเด็กเรียนรูชา มีปญหาในการปรับตัวเขากับเพื่อนๆ ดวยเชนกัน เด็กมักไมเปนท่ียอมรับ ของกลุม ถูกลงโทษและตอวาบอยๆ ถาเด็กยังไมไดรับการชวยเหลือจาก คุณพอคุณแม คุณครู บอยครั้งปญหาเหลานี้จะเปนจุดเร่ิมตนของ ปญหา ดานอารมณ เชน เด็กมักจะรูสึกไมม่ันใจในตนเอง ไมกลาทําส่ิงใหมๆ มีความวิตกกังวลสูง กลัวการไปโรงเรียน ควบคุมอารมณตนเองไมคอยได และนํามาสูปญหาพฤติกรรมตางๆ ไดในทส่ี ุด สาเหตุ ของภาวะเรียนรูช า สาเหตุท่ีทําใหเด็กเรียนรูชาเกิดไดจากปจจัยตางๆ ซ่ึงอาจเกิดจาก สาเหตุใดสาเหตุหน่ึงเพียงอยางเดียวหรือหลายสาเหตุเกิดรวมกันทําใหเด็ก มีภาวะเรยี นรชู า สาเหตเุ หลาน้ันไดแก 1. ภาวะทางรางกายทสี่ งผลกระทบตอ การเรยี นรูของเด็ก ในปจจุบันพบสภาวะความบกพรองทางรางกาย หรือโรคบางอยาง ท่ีสงผลกระทบโดยตรงตอการทํางานของสมองและการเรียนรูของเด็ก ทําใหเด็กเรียนรูไดไมเต็มศักยภาพ ถูกมองวาเปนเด็กท่ีมีปญหาเรียนรูชา ภาวะเหลา นัน้ ไดแ ก - โรคทางระบบประสาท ทพี่ บไดบ อ ยๆ คอื โรคลมชกั โรคไขส มอง อักเสบ หรือภาวะที่ทําใหเกิดการกระทบเทือนตอสมองต้ังแต ทารกยังอยูในครรภ เชน มารดาดื่มเหลา สูบบุหร่ีระหวาง 10 เด็กเรียนรชู า คมู อื สําหรับพอ แม/ผูปกครอง

ต้ังครรภ มารดาไดรับสารตะก่ัวระหวางตั้งครรภ ภาวะขาด ออกซิเจนระหวางการคลอดหรือหลังคลอด ซ่ึงภาวะเหลานี้ มีผลตอการเจริญเติบโตของสมองและมักมีผลกระทบตอ การทาํ งานของสมองอยา งถาวร - ปญ หาดานการมองเหน็ (เชน การมองเหน็ บกพรอง ตาบอดส)ี ปญหาการไดยิน ปญหาดานการมองเห็นและปญหาการไดยิน พบไดบอยคร้ังที่ทําใหเด็กมีปญหาการเรียน ซ่ึงเปนสาเหตุท่ี สามารถใหการชวยเหลือและทําใหเด็กกลับมาเรียนหนังสือ ไดอ ยางเตม็ ประสิทธิภาพ เด็กเรยี นรูช า คมู อื สาํ หรบั พอ แม/ผปู กครอง 11

- ภาวะโลหติ จางเรอื้ รงั ภาวะนส้ี ง ผลโดยตรงตอ ความบกพรอ งทาง พฒั นาการของระบบประสาทในวยั เดก็ เด็กทมี่ ภี าวะโลหติ จาง จะมีอาการออนเพลีย เหน่ือยงาย หายใจลําบากเวลาออกแรง สมาธิในการเรียนลดลง - ภาวะการขาดสารไอโอดีน อาการของเด็กที่มีการขาดสาร ไอโอดนี คือ มคี อพอก ซง่ึ มีลกั ษณะคอโต ตัวเตีย้ แคระแกรน พัฒนาการชา นอกจากนี้ยังพบวาการขาดสารไอโอดีน เพียงเล็กนอยไมทําใหเกิดความผิดปกติทางรางกาย แตจะ สงผลตอ ระดบั เชาวนปญญาของเด็ก - ภาวะทพุ โภชนาการ การขาดสารอาหารทีจ่ ําเปนตอ รางกาย 2. การเลี้ยงดแู ละสภาพแวดลอ ม มีงานวิจัยที่ใหเด็กกลุมหนึ่งถูกปลอยใหเล้ียงตามธรรมชาติเทาที่ ครอบครวั มีความรู และอีกกลุม หนงึ่ ใหความรูเรอื่ งการเลีย้ งดูที่ถกู ตอง น่นั คอื ใหข อ มลู พดู คยุ กบั เดก็ สอนเดก็ ทกุ อยา งตงั้ แตช ว งแรกเกดิ พบวา เดก็ กลมุ ทส่ี อง มกี ารเรียนรทู ี่เรว็ กวาเดก็ ในกลุมแรก ดงั น้ัน การเล้ยี งดูอยางปลอยปละละเลย ปลอยใหเด็กอยูตามลําพัง ดูโทรทัศนลําพังเปนเวลานานๆ ทําใหสมองของ เดก็ ไมถ กู กระตุนใหคิด จนิ ตนาการ หรอื คิดแกป ญ หา เสนใยของสมองทจี่ ะมี การแตกก่ิงกานสาขาจากการกระตุนก็จะมีการเจริญเติบโตที่นอยกวาปกติ ทาํ ใหเดก็ เสย่ี งตอ การทจ่ี ะเปนเรยี นรูชาได ในเดก็ หลายๆ ราย อาจไมพ บสาเหตทุ ช่ี ดั เจนทท่ี าํ ใหเ ดก็ มภี าวะเรยี นรชู า เชน เด็กไมเคยมีประวัติภาวะแทรกซอนระหวางคลอดหรือหลังคลอด ไมมี โรคประจําตัวใดๆ มากอน มาทราบอีกครั้งก็พบวาเด็กมีปญหาการเรียน เมือ่ เขา โรงเรยี นไปแลว 12 เดก็ เรยี นรูชา คมู อื สําหรับพอ แม/ผูป กครอง

แพทยต รวจอยางไรถงึ บอกไดว า เดก็ มภี าวะเรยี นรูชา เม่ือสงสัยวาเด็กมีภาวะเรียนรูชาจากการสังเกตดวยตนเอง หรือ คุณครูเปนผูสงสัย ผูปกครองสามารถพาเด็กมาตรวจตรวจประเมินกับ กุมารแพทยหรือจิตแพทยเด็กเพื่อเปนการยืนยันการวินิจฉัยได เม่ือพาเด็ก ไปพบแพทย แพทยจ ะทาํ การซกั ประวตั ิ ตรวจรา งกาย ตรวจประเมนิ พฒั นาการ ประเมนิ ระดบั พัฒนาการเพ่อื หาความเจ็บปวยทางรางกายที่ทําใหเ ดก็ มีปญหา การเรียน เชน ภาวะโลหิตจาง สายตาสั้น การไดยินไมปกติ และสงเด็กพบ นกั จติ วทิ ยาเพอ่ื ทาํ การประเมนิ ระดบั เชาวนป ญ ญา หรอื ทง่ี า ยๆ วา “ตรวจไอควิ ” เด็กเรียนรูชา คมู ือสําหรบั พอ แม/ผปู กครอง 13

ระดบั เชาวนปญ ญา (Intelligence Quotient, IQ, ไอควิ ) คอื อะไร ในเดก็ ทเี่ รียนรูชา จะพบวา เด็กมีระดบั เชาวนปญ ญาทต่ี ํา่ กวาเกณฑ ระดับเชาวนปญญา หรือระดับสติปญญา คือ ระดับความสามารถ ในการเรยี นรูหรอื เขา ใจ หรอื ความสามารถในการตอบสนองอยา งรวดเรว็ และ ถูกตองในสถานการณใ หมๆ เกณฑปกติของระดับเชาวนปญญาอยูในชวง 90 - 109 เด็กที่มี ระดับเชาวนปญญาท่ีตํ่ากวาระดับ 90 จะถือวามีปญหาระดับเชาวนปญญา ตํ่ากวาเกณฑ เด็กท่ีมีระดับเชาวนปญญาตํ่ากวาเกณฑน้ัน จะเรียนรูส่ิงใด จะตองใชเวลามากกวาเด็กปกติทั่วไป ในทางตรงกันขาม เด็กที่มีระดับ เชาวนปญญาสูงกวาเกณฑจะสามารถเรียนรูส่ิงใหมไดอยางรวดเร็วมากกวา เดก็ ปกติ 14 เด็กเรยี นรชู า คมู ือสําหรับพอแม/ ผูปกครอง

คา ระดบั เชาวนป ญ ญาแบงระดบั ไดด ังนี้ 80 - 89 จัดอยูในกลุมสตปิ ญ ญาตา่ํ กวาเกณฑ 70 - 79 จดั อยูในกลุมสติปญ ญาคาบเสน 50 - 69 จัดอยูในกลมุ บกพรอ งทางสตปิ ญ ญา ระดบั นอ ย 35 - 49 จดั อยูในกลุมบกพรองทางสตปิ ญ ญา ระดบั ปานกลาง 20 - 34 จดั อยใู นกลมุ บกพรอ งทางสตปิ ญ ญาระดบั มาก ตํ่ากวา 20 จัดอยูในกลมุ บกพรองทางสตปิ ญ ญา ระดับรุนแรง เด็กเรียนรูชา คูม อื สําหรบั พอ แม/ผปู กครอง 15

เดก็ ทม่ี รี ะดบั เชาวนปญ ญาตํา่ กวา เกณฑ ในแตละกลุมมีความแตกตา งกันหรือไม เด็กที่มีระดับเชาวนปญญาที่แตกตางกันยอมมีลักษณะความรุนแรง ของอาการแตกตา งกันไป ดงั น้ี กลุมเด็กท่ีมีระดับเชาวนปญญาระหวาง 80 - 89 เปนกลุมท่ี สามารถเรยี นรใู นระบบการศกึ ษาปกตไิ ด เพียงแตจ ะชากวา เดก็ ปกติเล็กนอ ย ในเกือบทุกดาน โดยเฉพาะอยางย่ิงในดานวิชาการ ผลสอบอาจสอบได ในทท่ี า ยๆ กลมุ เดก็ ทมี่ รี ะดบั เชาวนป ญ ญาระหวา ง 70 - 79 เปน กลมุ สตปิ ญ ญา คาบเสน กลุมนี้มักจะตองการความชวยเหลือพิเศษจึงจะสามารถเรียนรูได อาจตอ งคอยประกบเปน บางครง้ั คราว ผลสอบกจ็ ะรงั้ ทา ยกวา กลมุ กอ นหนา น้ี กลุมเด็กท่ีมีระดับเชาวนปญญาระหวาง 50 - 69 เปนกลุมเด็ก ที่มีความบกพรองทางสติปญญาระดับนอย เด็กกลุมน้ีตองการการชวยเหลือ พิเศษ แตถือวาเด็กเรียนรูชากลุมนี้สามารถเรียนรูได คือ เรียนรูทางดาน วิชาการไดใ นระดบั หน่งึ สามารถอา นออกเขยี นได โดยในการเรยี นรจู ะตองใช เวลาทีม่ ากกวา ปกติ ตองการการสอนเสริม และการประกบตัวตอ ตวั มากกวา เดก็ ในกลุมแรกๆ กลุมท่ีมีระดับเชาวนปญญาระหวาง 35 - 49 เปน กลุมเด็กท่ีมี ความบกพรองทางสติปญญาระดับปานกลาง จัดเปนพวกฝกฝนได คือ สามารถฝกฝนส่ิงจําเปนในชีวิตประจําวันได เด็กกลุมนี้จะตองอาศัยระบบ การศึกษาพเิ ศษซึง่ จะแบง ระดบั ไปตามความรนุ แรงของความบกพรอ ง กลุมท่ีมีระดับเชาวนปญญาต่ํากวา 35 ลงไป เปนกลุมเด็ก ท่ีมีความบกพรองทางสติปญญาระดับปานมาก-รุนแรง เปนกลุมที่ตองอาศัย ผดู ูแลอยตู ลอดเวลา ซ่ึงกลุมน้ีมักมีโรคทางกายอน่ื ๆ รว มดว ยอยูแลว 16 เดก็ เรียนรชู า คูมอื สําหรบั พอ แม/ ผปู กครอง

จากระดับเชาวนปญญา คุณพอคุณแมจะเห็นวาเด็กเรียนรูชา คือ กลมุ เดก็ ทม่ี รี ะดบั เชาวนป ญ ญาตา่ํ กวา เกณฑ ทม่ี คี า ระดบั เชาวนป ญ ญาระหวา ง 50 - 89 ซง่ึ ถือเปนกลมุ ที่อาการไมร นุ แรงสามารถเรียนรไู ด แตจ ะเรียนรไู ดชา และสามารถเรียนในโรงเรียนระบบปกติท่ัวไปได สามารถทํากิจกรรมตางๆ ในโรงเรียนไดเหมือนเด็กปกติ มีความสามารถดานอ่ืนๆ เชน ดนตรี กีฬา ศิลปะ สามารถเรียนจบและประกอบอาชีพเล้ียงตนเองได ถาคุณพอคุณแม ดูแลอยางใกลชิดและใหความชวยเหลือลูกที่เปนเด็กเรียนรูชาอยางถูกตอง ในขณะเดียวกันถาเด็กถูกปลอยไวไมไดรับการชวยเหลือเด็กมักมีปญหา ไมมั่นใจในตนเอง ไมอยากเรียนหนังสือ รูสึกตนเองเปนคนไมมีความสามารถ สใู ครไมไ ด ทาํ อะไรๆ ไดไ มด ี แรงจงู ใจในการทาํ สงิ่ ดๆี เพอื่ อนาคตของตนเองลดลง นอยลงเร่ือยๆ จนนําไปสูการเขากลุมเพ่ือนท่ีมีปญหาการเรียนและชักนําไปสู ปญ หาพฤติกรรมท่รี ุนแรงได แนวทางการชว ยเหลอื เดก็ เรยี นรชู า เดก็ เรยี นรชู า ดเู ผนิ ๆ อาจคลา ยเดก็ ปกตโิ ดยทวั่ ไป แตม คี วามแตกตา ง ที่วิธีการเรียนรู นอกจากปญหาในดานการเรียนรูแลว เด็กบางคนยังมีปญหา การปรบั ตัวเขากับเพ่อื น ขาดทกั ษะสงั คม มปี ญ หาการควบคุมอารมณ นาํ มา ซงึ่ ปญหาพฤตกิ รรมตางๆ ไดอยางมากมาย ถา ไดรับการดูแลอยา งไมถกู ตอง ดังน้ัน การชวยเหลือเด็กเรียนรูชาจึงจําเปนตองเขาใจธรรมชาติ และปญหาของเด็ก หลักในการชวยเหลือ ท้ังในดานการสอนเสริม และ การปรบั ลดปญ หาพฤติกรรมตา งๆ ตอ งทําควบคกู ันไป โดยมเี ปาหมายเพอื่ ให เดก็ มกี ารพฒั นาตนเองไดอ ยา งเตม็ ศกั ยภาพ และสามารถดแู ลตนเองได มอี าชพี เลย้ี งตนเองไดเมือ่ เดก็ โตขน้ึ เด็กเรียนรชู า คมู ือสาํ หรบั พอแม/ ผปู กครอง 17

ภาพรวมในการชวยเหลือเด็กเรียนรูชาน้ัน แตกตางกันไปตามวัย ของเดก็ ถา ลกู ยงั อยใู นชว งวยั อนบุ าลการชว ยเหลอื จะเนน การเสรมิ พฒั นาการ ดวยกิจกรรมตางๆ และการชวยเหลือตนเองงายๆ ตามวัย ในชวงวัยประถม เนนการชวยเหลือในดานการเรียน การวางแผนการศึกษา การสอนเสริม รวมถึงการปรับพฤติกรรมท่ีเปนปญหาในวัยนี้ และการชวยเหลือตนเอง ในระดบั มากข้นึ จะชว ยลกู เรยี นรูชา อยางไร จะเร่ิมตรงไหนกอนดี 1. ใหการยอมรับและเขาใจในความเปนตัวตนของลูกอยเู สมอ สง่ิ ทส่ี าํ คญั ทส่ี ดุ ทค่ี วรจะระลกึ ไวเ สมอคอื ในการชว ยเหลอื เดก็ เรยี นรชู า คอื การใหก ารยอมรบั ในสง่ิ ทเี่ ดก็ เปน มองวา คนทกุ คนมที งั้ ขอ ดขี อ ดอ ยในตนเอง คน หาทง้ั ขอ ดใี นตวั เดก็ เชน นสิ ยั ดี มนี า้ํ ใจ อารมณข นั ชว ยงานบา นบางอยา งได รวมถงึ การใหค วามรกั อยา งสมา่ํ เสมอ เพราะสงิ่ เหลา นจ้ี ะชว ยเปน กาํ ลงั ใจใหก บั ลูกไดเปนอยางดี 18 เดก็ เรียนรชู า คูมอื สาํ หรบั พอ แม/ ผูปกครอง

2. คุณพอ คณุ แมตองรว มมือกนั วางแผนเพ่ือลูก ตัวผูปกครอง ตองหยุดการโทษตัวเอง หรือเลิกโทษสามี/ภรรยา หรือหยุดการพยายามหาวาใครทําใหลูกเปนแบบนี้ เพราะนอกจากจะไมได ชวยลูกแลว ยังทําใหคุณพอคุณแมตองทะเลาะกัน ทําใหความรวมมือกัน ในการดแู ลลกู จะยงิ่ ลดลง การใหก าํ ลงั ใจกนั ระหวา งคณุ พอ คณุ แม จบั มอื กนั นง่ั ลง รว มกนั วางแผนแกป ญ หาตา งๆ รวมถงึ การแบง หนา ทชี่ ว ยเหลอื กนั ในการดแู ลลกู ถือเปนส่ิงท่ีสําคัญท่ีจะชวยใหครอบครัวพัฒนาลูกไดเต็มศักยภาพ ปญหาที่ คุณพอคุณแมตองรวมมือกันวางแผน ไดแก การแบงหนาท่ีในการดูแลลูก ในดานตางๆ เชน หนาที่ในการสอนเสริม การตรวจดูการบาน หนาที่ในการ พบปะคณุ ครู หนา ทใ่ี นการพาลูกไปออกกําลงั กาย ทัศนศึกษา ปญหาในการวางแผนดานการศึกษา การหาท่เี รยี นทเ่ี หมาะสมกบั ลกู ปญหาพฤตกิ รรม ทตี่ องรว มมือกันแกไ ขไปในทิศทางเดยี วกัน เดก็ เรียนรชู า คูมือสําหรบั พอแม/ ผปู กครอง 19

3. คุณพอ คุณแมแ ละครูตอ งเปน ทมี เดยี วกนั คุณพอคุณแมจําเปนตองหม่ันพบปะ พูดคุยกับครูอยางตอเนื่อง เพอ่ื ตดิ ตามการเรยี นและปญ หาของลกู คณุ พอ คณุ แมค วรรวู า ทกั ษะในการเรยี น แตล ะดานของลกู อยรู ะดับใด และจะชวยสอนเสริมเรอื่ งอะไรไดบา ง ซง่ึ ขอ มลู เหลาน้ีถาคุณพอคุณแมและคุณครูไดมีการพูดคุยกันจะเกิดความตอเนื่อง ในการดูแลเดก็ ท้งั ท่ีโรงเรียนและที่บา น ทําใหการเรยี นรูข องเดก็ เปนไปอยางมี ประสทิ ธภิ าพ 4. สงเสริมใหลองทาํ อะไรใหมๆ คน หาสง่ิ ทช่ี อบ คน หาความสามารถอน่ื ๆ เปน ธรรมดาของเดก็ เรยี นรชู า ท่ีจะไมมีความม่ันใจในการทํางานอะไรใหมๆ หรือเม่ือทํากิจกรรมใดไปแลว ก็เลิกหรือหยุดกลางคันไดงายๆ เน่ืองจากความไมมั่นใจ หรือความสามารถ ในการคิดแกไขปญหาเฉพาะหนาที่มีจํากัด คุณพอคุณแมมีสวนชวยเหลือได โดยการสงเสริมใหลูกกลาคิดกลาทํา ไดลองอะไรใหมๆ โดยเริ่มจากกิจกรรม นอกเหนือจากการเรียน แลวใหเด็กไดทดลองทํา การทดลองปฏิบัติจาก ส่ิงงายๆ ไมตําหนิเมื่อเด็กทําพลาด คอยชวยเหลือแนะนําอยูหางๆ เม่ือลูกประสบความสําเร็จแมเพียงเล็กนอย คุณพอคุณแมก็ใหกําลังใจชื่นชม สิ่งเหลานี้ทําใหลูกเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง และมีความม่ันใจในตนเอง เพม่ิ ข้ึนได 5. ชว ยใหล กู ประสบความสําเร็จ โดยจดั งานหรือการบา นงา ยๆ กอน เมอ่ื ทําไดแ ลวคอยทาํ ส่งิ ทีย่ ากขึ้น คุณพอคุณแมควรอยูใกลเวลาที่ลูกทํางาน เพื่อคอยชวยกระตุนใหลูกทําเอง ใหไดมากท่ีสุด แนะนํา หรือใหกําลังใจ แตถาเด็กทําไมได อยาปลอยใหเด็ก จมอยูกับความรูสึกทําไมไดนานเกินไป ถาแนใจวาลูกทําไมได คุณพอคุณแม คอยเขาไปชว ยแนะ หรอื สอนเล็กๆ นอยๆ ในสวนทีล่ กู ติดขดั แลวใหลูกทําตอ ในสว นที่ทาํ ได และเมือ่ ลูกทาํ ไดสําเร็จรีบใหค าํ ชมทนั ที 20 เด็กเรียนรูชา คมู ือสาํ หรับพอแม/ผปู กครอง

6. ลดการเปรยี บเทยี บ ใครๆ ก็ไมชอบถูกเปรียบเทียบกันทั้งน้ัน บางคร้ังคุณพอคุณแม คดิ วา การเปรยี บเทยี บจะทาํ ใหล กู เกดิ ความฮดึ สอู ยากจะเอาชนะคาํ สบประมาท แตในความเปนจริงแลว เด็กจะอยากทําพฤติกรรมที่ดี หรืออยากทําอะไรดี เมอ่ื มคี นมองเหน็ ความดใี นตวั เขา การเปรยี บเทยี บ แมแ ตร ะหวา งพน่ี อ ง ทาํ ให เด็กรูสึกไดวาพอแมไมยอมรับในตัวเขา เขาตองเปนเหมือนคนอื่นๆ ที่คุณพอ คณุ แมเ อามาเปรยี บเทยี บคณุ พอ คณุ แมจ งึ จะภมู ใิ จ ดงั นน้ั ถา ตอ งการใหล กู เปน อยา งไร บอกลกู ตรงๆ และพยายามลดการเปรยี บเทยี บแมแ ตเ รอ่ื งเลก็ ๆ นอ ยๆ ในชวี ิตประจาํ วนั ตวั อยาง เมือ่ เดก็ อา นไมไ ด ควรพดู วา “ลองอานอีกทีซิ ตัวแรก ก.ไก มีสระ อะ อยูขางๆ อา นวา กะ ตวั ที่ 2 อา นวา อะไร อา นวา ทะ รวมกนั อา น วากะทะ ดีมาก อา นอีกครงั้ เย่ียมเลย ขยนั อา นอกี นิด แลวจะอานไดแ หละลูก ไมค วรพูดวา “อานซิ อานอะไรก็ไมได ทําไมไมเหมือนพี่เอกเลย นูนเคาเกงอยางกับอะไรดี แลวน่ีทําไมอานไมไดซักที งา ยอยางง้ี นอ งยงั อานไดเลย” เด็กเรยี นรชู า คมู อื สาํ หรับพอ แม/ผปู กครอง 21

7. ฝกใหลูกชวยเหลือตนเองในกิจวัตรประจําวัน ลดการชวยเหลือ หรือทําแทนลูก เพราะลูกไมยอมทําหรือทําชา การชวยเหลือตนเองที่คุณพอ คุณแมตองสอนใหลูกทํา ไดแก การทําความสะอาดรางกาย เชน แปรงฟน ลางหนา อาบนํ้า การแตงตัว การเตรียมอาหารงายๆ การจัดเตรียมของไป โรงเรยี น การจดั ตารางสอน การซอ้ื ของ การใชเ งนิ การเดนิ ทางไปสถานทต่ี า งๆ ดว ยตนเอง 8. ฝกใหทํางานบาน การฝกใหทํางานบานเปนวิธีการสอนใหพึ่ง ตนเองท่ีดีท่ีสุด โดยฝกงายๆ ไดตามวัยของลูก ควรมอบหมายใหเด็กมีหนาท่ี รับผิดชอบงานบานทุกวัน เพ่ือใหเกิดทักษะและเกิดความเคยชินท่ีจะตอง มสี ว นชว ยในการดแู ลบานรว มกับสมาชกิ ในบา นคนอนื่ ๆ จนเปนนสิ ัย 9. การฝกระเบียบวินัย คุณพอคุณแมมีแนวโนมท่ีจะไมเขมงวด กับลูกท่ีมีปญหาการเรียนรูชา โดยปกติทั่วไป คุณพอคุณแมมักจะสงสารและ ผอนปรนเม่ือเด็กทําผิดกฎกติกาตางๆ ใหเด็กกลุมนี้อยูเสมอ ซ่ึงจริงๆ แลว เด็กเรียนรูชา ตองการความชัดเจนและความสม่ําเสมอในกฎกติการตางๆ มากกวาเด็กทั่วไป เด็กตองการรูวาอะไรถูกอะไรผิด อะไรทําไดและอะไร ทาํ ไมไ ด ผใู หญท กุ คนในบา นพดู ไปในทางเดยี วกนั เหตผุ ลทอ่ี ธบิ ายใหเ ดก็ เขา ใจ ควรส้นั และกระชบั 22 เด็กเรียนรูชา คูม อื สาํ หรับพอ แม/ผปู กครอง

ระเบยี บพ้นื ฐานทค่ี วรฝก คือ - การจัดวางดแู ลสิง่ ของของตนเองใหเปนท่ี ส่งิ ของทุกอยางควร มที ่ปี ระจํา ไมเ กดิ ความสับสนหรือตอ งใหพ อหรอื แมช ว ยหา - ฝก ใหท ํากิจวตั รประจําวนั ตามตารางทีก่ าํ หนดไว - คอยดูแลใหเด็กปฏิบัติตามกฎอยางสม่ําเสมอ เชน กําหนดให เลนเกมไดคร่ึงช่ัวโมงหลังทําการบานเสร็จ ก็ตองดูแลใหเด็ก ทําการบานเสร็จกอนท่ีจะใหเด็กเลนเกม และติดตาม ระยะเวลาที่เด็กเลนเกม ถาครบครึ่งช่ัวโมงแลวก็เตือนและ พาเดก็ ทํากิจกรรมอื่น 10. ในเดก็ เรยี นรูชา ทม่ี รี ะดับเชาวนป ญญา ระหวา ง 50 - 69 หรือ ทเ่ี รยี กวา กลมุ เดก็ ทม่ี คี วามบกพรอ งทางสตปิ ญ ญาระดบั นอ ย สามารถดาํ เนนิ การ ขอจดทะเบยี นคนพกิ ารได สทิ ธิประโยชนท ี่จะไดรบั คอื 1. การรักษาพยาบาลทางการแพทยทุกชนิดโดยไมเสียคาใชจาย ไดทุกโรงพยาบาล ติดตอขอรับบริการไดที่สถานพยาบาล ของรัฐทวั่ ประเทศ 2. การศกึ ษาข้ันพืน้ ฐานฟรี 3. การบริการทางอาชีพแกคนพิการ มีการแนะนําการประกอบ อาชพี การจดั ฝก อาชพี มบี รกิ ารจดั หางานในสถานประกอบการ 4. เบ้ยี ยังชพี คนพกิ าร 500 บาท/เดอื น 5. ไดรบั การยกเวน การเกณฑทหาร ผูปกครองติดตอขอรับรายละเอียดเพ่ิมเติมไดท่ีสถานพยาบาล ใกลบ า น เพอื่ ใหแ พทยอ อกเอกสารรบั รองความพกิ ารและดาํ เนนิ การจดทะเบยี น ไดท่ีศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด สําหรับผูที่มีภูมิลําเนาในกรุงเทพมหานคร ติดตอไดที่กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ถนนกรุงเกษมสะพานขาว เขตปอมปราบศตั รพู า ย กรุงเทพมหานคร โทร. 0-2659-6170-1 เดก็ เรยี นรชู า คมู อื สาํ หรับพอ แม/ ผูปกครอง 23

การชว ยเหลอื ลูกเรอ่ื งเรยี น ส่งิ ท่สี าํ คัญนอกเหนือจากสงิ่ ที่ กลาวมาแลว คือการชวยลูกเรอื่ งการเรยี น หลักในการสอนเสรมิ เดก็ เรยี นรชู า จากการศึกษาจํานวนมาก พบวาเด็กเรียนรูชาสามารถเรียนใน โรงเรียนไดสัมฤทธ์ิผล ถาเด็กคนน้ันไดรับการพัฒนาอยางตอเน่ืองมาตั้งแต ชวงกอนวัยเรียน รวมกับเทคนิคการสอนเสริมตามธรรมชาติการเรียนรู ของเด็กกลมุ นี้ ดงั นัน้ เรามาเขาใจธรรมชาติการเรยี นรขู องเดก็ กลมุ นีก้ นั กอน ลกั ษณะการเรยี นรทู เี่ ปน ลกั ษณะเฉพาะตวั ของเดก็ เรยี นรชู า มดี งั น้ี คอื 1. มีปญ หาการคิดในลกั ษณะนามธรรม 2. มปี ญหาการตัดสนิ ใจ การคดิ สมมติ 3. ปญ หาในการจาํ 4. การขาดความสนใจตอ สิ่งเรา 5. มคี วามจาํ กดั ในการนาํ สงิ่ ทเ่ี รยี นรจู ากสถานการณห นงึ่ ไปปรบั ใชใ น สถานการณท ่แี ตกตา งกันไป ดงั นนั้ หลกั การในการสอนเสรมิ เดก็ กลุม น้ีคือ 24 เดก็ เรยี นรูชา คมู ือสําหรบั พอ แม/ผูปกครอง

1. การสอนซํา้ หลายๆ ครัง้ เพื่อใหเด็กจดจาํ ดกี วา การบังคบั ใหเ ดก็ ทองจําบทเรียนเปนเวลานานเพียงไมก่ีครั้ง เชน การสอนสะกดซ้ํา 5 คํา ครง้ั ละ 10 นาที ซาํ้ 5 ครง้ั ดกี วา การใหเ ดก็ ทอ งจนกวา จะจาํ ตวั สะกดทง้ั หมดได เพยี งคร้ังเดยี ว 2. จัดสถานที่ที่เงียบสงบ ไมมีเสียงรบกวน หรือมีของเลนลอใจ เวลาท่ีเด็กทําการบานหรือทบทวนหนังสือและใหรางวัลเมื่อเด็กสามารถสนใจ จดจอ กบั งานท่ีไดรับมอบหมายไดตลอดจนเสร็จ 3. การใชร างวลั เปน แรงจงู ใจ รางวลั หรอื แรงจงู ใจอาจเปน ขนม ของกนิ ของเลนเล็กๆ นอยๆ หรือส่ิงที่มีคามากกวาส่ิงของคือทาทีของคุณพอคุณแม ที่แสดงการยอมรับ ช่ืนชมเม่ือเด็กทําไดสําเร็จ ซ่ึงสามารถแสดงไดโดยการให คําชม การโอบกอด หอมแกม การพยกั หนายิม้ ตอบ เมอ่ื เด็กทาํ งานสาํ เรจ็ - สงิ่ ทส่ี าํ คญั ทส่ี ดุ ของการใหร างวลั คอื คณุ พอ คณุ แมต อ งพยายาม ใหรางวัลทันทีหลังจากที่เด็กทําสําเร็จ เชน การใหคําชม โดยทันที การใหเหรียญสะสม การใหสติกเกอรติดในสมุด หลังเดก็ ทาํ การบานเสรจ็ - ส่ิงท่ีสําคัญรองลงมาคือ อยารอใหรางวัลเม่ือเด็กทํางานเสร็จ ทั้งหมด เพราะเด็กอาจจะทอและเบ่ือไปกอนที่จะไดรางวัล แตใหแบงงานน้ันเปนข้ันตอนยอยๆ แลวใหรางวัลทันที ที่เด็กทําสําเร็จไดในขั้นตอนยอยๆ เชน เด็กมีการบานเลข ท้ังหมด 10 ขอ ใหรางวัลเมื่อเด็กทําเลขไดเสร็จทุก 2 ขอ จะทาํ ใหเดก็ สนใจและรว มมือในการทําจนเสรจ็ ไดม ากกวา เดก็ เรียนรชู า คูมือสาํ หรับพอแม/ผปู กครอง 25

4. เด็กเรยี นรชู า มักมปี ญหาการนําความรใู นหองเรยี นมาใชแ กปญหา ในชีวิตจริง ดังนั้นคุณพอคุณแมตองสงเสริมใหเด็กนําความรูที่เรียนมาใชใน ชีวิตจริงๆ เชน การใชทักษะบวกลบในการคิดเงินทอนเมื่อไปซื้อของ การใช ทกั ษะการหารเมอื่ ตองแบง ขนมใหเ พ่ือนๆ หรือการเรยี นเศษสวนจากขนมเคก หรือพิซซา การเรียนรูการอานจากการอานขาวในหนังสือพิมพ การอาน ปายโฆษณา การอานการตูนที่เด็กอยากอานและอยาลืมการใหรางวัล เมอื่ เด็กตอบไดถ ูกตอ งดว ย 5. การใชร ปู ภาพในการชว ยอา น เชน การใชร ปู ภาพคไู ปกบั คาํ ทต่ี อ งการ ใหเ ดก็ หดั สะกด ใหเดก็ ดซู าํ้ ๆ สะกดซาํ้ ๆ จนเดก็ จาํ ได แลว จงึ นาํ ภาพออกเหลอื แตต ัวหนงั สอื วธิ กี ารนจี้ ะชวยใหเ ด็กจดจําคาํ ศพั ทไดรวดเรว็ ขน้ึ 6. การสอนโดยการเลียนแบบ เด็กเรียนรูชา จะเรียนรูไดดีจากการ เหน็ ตัวอยา ง เชน ถา ตองการใหเดก็ ลางจาน คุณพอ คณุ แมต อ งทาํ ใหเด็กดูเปน ตัวอยา ง การเปนตวั อยางท่ดี ี คือการแสดงตัวอยางงา ยๆ ลดขัน้ ตอนทย่ี งุ ยาก ทําใหด ูอยางชา ๆ ทลี ะขั้นตอน และทําซ้ําๆหลายครั้ง 7. ควรมีการกําหนดงานที่ตองการใหเด็กทําอยางชัดเจน เชน อานหนังสือ 4 หนา ทองคําศัพท 10 คํากอนดูการตูน หรือ เอาขยะไปท้ิง หลงั รบั ประทานอาหารเยน็ เสรจ็ หรอื ใชเ วลาเปน ตวั กาํ หนด เชน ทาํ แบบฝก หดั สะกดคําเปนเวลา 30 นาที หลังจากน้ันใหกําหนดสิ่งท่ีเด็กจะไดรับ เม่ือเด็กทําไดสําเร็จ และสิ่งท่ีจะเกิดขึ้นเม่ือทําไมสําเร็จ เชน ถาตองการ ใหเด็กทําการบานเลขทั้งหมด 20 ขอ คุณสามารถต้ังขอตกลงไดวา ถาลูก ทําการบานเลขได 5 ขอลูกจะไดพัก 5 นาที (เปนการแบงงานและใหรางวัล ทนั ท)ี แลว ถา ลกู ทาํ การบา นเลขเสรจ็ หมดครบ 20 ขอ ลกู จะไดด กู ารต นู 1 เรอื่ ง แตถาวนั น้ที าํ การบานไมเสรจ็ ลกู จะตอ งงดดกู ารตูนท่ีชอบ 26 เดก็ เรียนรูชา คูมอื สําหรับพอ แม/ผูปกครอง

8. ถา เด็กมพี ฤตกิ รรม อิดออด ลกุ จากทนี่ ่งั คุณพอคุณแมจําเปนตอ ง จัดการโดยเร็ว โดยการเขาไปใหความสนใจ เชน การแตะตัว นําตัวกลับมาท่ี เกา อ้ี หาปญ หาทท่ี าํ ใหเ ดก็ ทาํ งานตอ ไมไ ดแ ละใหก ารชว ยเหลอื เชน มโี จทยเ ลข บางขอที่เด็กไมเขาใจ ทําใหเด็กไมอยากทําตอ และยืนยันดวยทาทีสงบ หนักแนน ใหเ ดก็ ทําตามขอตกลงที่ตกลงกันไว คุณพอคณุ แมอาจพดู วา “แมร วู า ลกู ไมอ ยากทาํ แลว แตไ หนดซู ิ โอโห ลกู ทาํ ไปตงั้ ครงึ่ นงึ แนะ ไปๆ แมใ หไปพกั แลวเดี๋ยวกลับมาแมจะชว ยทาํ ขอทล่ี กู วา มันยากนะ” “ตน ปดทีวีเดี๋ยวน้ี ลูกไปทําการบานตอไดแลว (แมเดินไปปดทีวี พรอ มทัง้ จูงมอื ตน ไปท่ีโตะ ) ตน เราตกลงกนั วาอะไรลูก” 9. ถา ลกู อาละวาด ไมย อมทาํ ตามกตกิ า หลงั จากทย่ี นื ยนั กตกิ าทต่ี ง้ั ไว คุณพอคุณแมควรเขาไปหยุดพฤติกรรมนั้นโดยทันที โดยการจับตัวใหหยุด ถาพฤติกรรมน้ันเปนอันตรายตอเด็กหรือเปนอันตรายตอคนอื่น หรือมีการ ทําลายสิ่งของ แตถาเปนการรองอาละวาดโวยวายเพียงอยางเดียว คุณพอ คุณแมควรบอกลกู วา คุณพอคุณแมเขา ใจส่ิงทีเ่ ขารูสึก แตก ฎกย็ งั เปนกฎ เชน “พอรูวาหนูไมอยากทําแลว แตเราตกลงกันแลวน้ีลูก พอจะรอจนหนูรองไห เสร็จแลวเรามาทําเลขขอท่ีเหลือกัน” เพื่อใหเด็กทราบวาไมวาจะรองอยางไร ก็ตองทําจนเสร็จอยูด ี หลกั การสอนเสริมดานภาษา ดานการรับรูและความเขาใจภาษา,การฟง หลักการคือ ฝกใหลูกแยกเสียงตางๆจากการฟงเพียงอยางเดียว ฝก สมาธิในการฟง และฝกจบั ใจความจากการฟง 1. เปด เทปทเ่ี ปน เสยี งหลายๆ ชนดิ ใหล กู ยกมอื เมอื่ ไดย นิ เสยี งทก่ี าํ หนด 2. อา นนทิ านส้ันๆ ใหฟง และบอกใหลกู ยกมอื ขน้ึ ถา ไดยินคําบางคาํ เชน หมนู อ ย ปา ใหญ เด็กเรยี นรูช า คูม ือสาํ หรบั พอ แม/ผปู กครอง 27

3. เลนเกมสฝก ทายเสียงพยัญชนะ เชน - หาคาํ ทข่ี น้ึ ตน ดว ยพยญั ชนะทต่ี า งกนั เปน คๆู ใหเ ดก็ บอกวา สองคาํ น้ี ขนึ้ ตนดว ยเสยี งเหมอื นกันหรอื ตา งกนั เชน แดง และ แสง - ไมเหมือนกัน วัน และ ฟน - ไมเหมอื นกัน ยาง และ ใย - เหมือนกนั - ใหล กู บอกตัวพยญั ชนะตนของคําที่คณุ พอ คณุ แมพ ูด เชน ไม (ตอบวา ม. มา ) รม (ตอบวา ร.เรอื ) - พดู คาํ หลายคาํ ทม่ี ตี วั พยญั ชนะเหมอื นกนั แลว มคี าํ ทแี่ ตกตา งกนั หนง่ึ คาํ ถามใหลูกบอกคาํ ทขี่ ้นึ ตนดว ยพยญั ชนะตางกัน เชน แสง, ใส, สรอ ย,โซ (ตอบวา โซ) แดด,แดง,แมน ,ดา ย (ตอบวาแมน ) 4. ฝกสมาธิจากการฟง และฝกฟงเสียงคําในชีวิตประจําวัน โดยผปู กครองอา นคาํ เก่ียวกบั สง่ิ ของตางๆ แลวแจงใหเ ด็กวงกลมใหต รงคําน้นั เชน 28 เดก็ เรยี นรูช า คูมอื สาํ หรับพอ แม/ผูป กครอง

5. เลนเกมสจับคูเสียงท่ีไดยินกับตัวเขียนโดยไมมีรูปภาพประกอบ โดยใหค ุณพอคณุ แมเ ลือกคําทอี่ อกเสียงคลา ยกนั 3 - 4 คํา เขยี นใสก ระดาษ แลวเลอื กอาน 1 คาํ ใหลกู วงกลมคําทค่ี ุณพอคุณแมอ าน เชน 1. ยาง กาง วาง ปาง 2. เลอ่ื น เปอ น เบือน เตอื น 3. เกลอ เรอ เจอ เผลอ 6. เพ่ือพัฒนาความเขาใจจากการฟง ผูปกครองอานนิทานใหฟงแลว ถามคําถามเกี่ยวกับเรื่องทเ่ี ลา ซ่งึ ตอ งการรายละเอยี ดจากลูก 7. บอกใหล ูกทาํ ตามคําสง่ั โดยเร่มิ ดวย คาํ สง่ั งายๆ คาํ ส่ังเดียว แลว จงึ เริม่ คําสงั่ ให ยาวข้ึน เชน บอกวา “ลกุ ข้นึ ,หมนุ ไปรอบๆ ,ปด ประตู” ฯลฯ 8. ใหคําสั่งท่ีเรียงเปนชุดเกี่ยวกับการหาของในบาน โดยใหลูกฟง คําสงั่ ทั้งหมดกอนแลวจึงไปหาของท่ีตองการ 9. พูดตัวเลขหลายตัวใหลูกพูดซํ้าตาม และเพิ่มความยากข้ึนอีกก็คือ ใหบอกทวนตวั เลขกลับจากทค่ี ณุ พอคุณแมพูด เชน 1 - 4 พูดทวนเปน 4 - 1 10. บอกคําสามคํา โดยท่ีสองคําเก่ียวของกัน ถามลูกวามีคําอะไร ท่ีเกี่ยวของกันสองอยางและเก่ียวกันอยางไรเชน มา,ตนไม,สุนัข มาและสุนัข เปน สตั วม ีสี่ขาเหมอื นกัน ฯลฯ 11. บอกคําตรงกันขาม,พูดคําๆ หนึ่งแลวใหลูกบอกคําตรงขาม เชน รอ น-เย็น,เปย ก - แหง ฯลฯ สง่ิ สาํ คญั : ทาํ ทกุ อยา งใหส นกุ เหมอื นเลน เกมส เมอื่ ลกู ตอบถกู อยา ลมื ใหร างวลั ดวยนะคะ เดก็ เรียนรชู า คมู อื สาํ หรับพอ แม/ ผูปกครอง 29

รถไฟมาแลว ดา นภาษาพดู หลักการเริ่มจากฝกการออกเสียง แลวจึงฝกการใชคําใหตรงความหมาย ฝกการ เลาเรื่องจากส่ิงท่ีเห็น เริ่มจากประโยคสั้นๆ นาํ มาตอ กนั เปน เรอื่ งราว ฝก การสนทนาโตต อบ 1. อานนิทานใหฟง และบอกใหลูก แสดงกรยิ าตามเปนสิง่ ทเ่ี ลา ในเรอ่ื ง เชน ตนไม ชา ง ฯลฯ ทกุ ครงั้ ทเี่ อย ถงึ สง่ิ ของลกู จะตอ งตอบ หรือพดู เสยี งท่เี กีย่ วของกบั สง่ิ น้นั เชน ปน-ปงปง , รถไฟ-ปูน ปูน ฯลฯ 2. ใหคณุ พอ คุณแม ทําทาทางเปน ประโยคหรือเรื่องราวนัน้ ๆ ใหเดก็ ทายความหมายจากทา ทางเปน คําพูด 3. วางของเลนไวตรงหนาลูก ใหลูกบอกเลาเก่ียวกับสิ่งน้ัน กระตุน ใหลูกสงั เกตหลายๆ อยาง เชน สี,ขนาด,รูปรา ง,หนาท่,ี ฯลฯ 4. เขียนประโยคงายๆ บนกระดานกระดาษใหลูกบอกวาคําไหน เปนคาํ ท่ีแสดงอาการ 5. การรอ งเพลงชว ยสงเสริมการพดู และการออกเสยี ง และยงั ชวยให เกดิ ความคลอ งในการพูดดว ย 6. ใชโทรศัพทของเลนใหลูกรูจักการพูดโทรศัพท การตอบ การรับ ท่ีถูกตอ ง 7. วางสง่ิ ของหลายอยา งไวบนโตะ เชน ลกู บอล ดินสอ หนังสอื ฯลฯ ผปู กครองแตง ประโยคทบ่ี รรยายถงึ สง่ิ ของอยา งหนงึ่ ใหเ ดก็ บอกวา เปน สง่ิ ของ อะไร เชน ผปู กครองพูดวา “แมวาดรปู ดว ย...” “ลกู โยน...ใหน อ ง” “ลูกปด .... เม่ืออานจบแลว ฯลฯ” 30 เดก็ เรยี นรชู า คมู อื สาํ หรบั พอแม/ผปู กครอง

ดานการสะกดคํา หลักการ ชวยใหลูกจําพยัญชนะตางๆใหไดกอน แลวจึงใหฝกให ออกเสียงตรงกบั พยัญชนะ ฝกแยกพยัญชนะทม่ี ีรูปรา งคลา ยกัน 1. ชวยลูกฝกการจดจําพยัญชนะตางๆ มีเทคนิคตางกัน เชน เขยี นพยญั ชนะตัวทต่ี องการใหล กู จาํ ไดล งกลางกระดาษ และเขยี นคาํ ตางลงไป ใหล ูกหาพยญั ชนะท่ีเหมอื นพยัญชนะตัวอยา งทซ่ี อ นอยูใ นคํา ช้าง ปาด ดอกไม้ สมดุ ด ปลา กบ เดก็ 2. ใหล กู แยกพยญั ชนะทม่ี รี ปู รา งคลา ยกนั ออกจากกนั เชน ใหล กู วงกลม พยัญชนะท่เี หมอื นพยัญชนะที่อยใู นรูปดาว ก ภถฤ ฎฏก พ ฟผพฝฬ เดก็ เรยี นรูชา คมู อื สาํ หรบั พอแม/ผูปกครอง 31

3. สอนลกู ใหรจู กั เสยี งสระตา งๆ มเี ทคนิคตา งๆ เชน เขียนคําท่ผี สม ดว ยสระออื สระออื ลดรูป สระอน่ื ๆที่คลา ยสระออื แลวใหลูกหาคาํ ทผ่ี สมดวย สระอือ ใชห ลักการเดยี วกนั ในการประยุกตใ ชในสระอ่นื ๆ จืด มีด คดิ อดึ ถือ เสือ เหมือน 4. ใหเด็กลองผสมคําตางๆ โดยเปลี่ยนพยัญชนะหรือสระ โดยใช อปุ กรณสีสันสดใส เพอื่ ดงึ ความสนใจของเด็ก เชน บตั รตวั พยัญชนะตวั อักษร พลาสติก 5. สอนวธิ ีการผนั เสียงตามวรรณยกุ ต เชน กา กา กา กา กา 6. สอนการแบง พยางค เชน หนงั /สือ กระ/ตา ย สงั /กะ/สี 7. ฝก แยกคาํ ทม่ี รี ปู คลา ยกนั หรอื เสยี งเหมอื นกนั เชน ตามแบบฝก หดั การอานและสะกดคํา ดา นการอาน 1. เลือกบทความหรือหนังสือใหเหมาะสม :- เหตุผลหนึ่งท่ีลูก ไมชอบการอานหรือกลัวการอาน เพราะวาหนังสือหรือเรื่องราวที่ใหอานน้ัน ยากเกนิ ไป สาํ หรบั เดก็ ๆ การเลือกหนงั สือสําหรับการสอนอา นตองพิจารณา ทั้งความยาก – งา ยและความนา สนใจ วธิ ีหนึง่ ที่ชว ยไดคอื ใหล ูกเลือกหนงั สือ ท่อี ยากอานดว ยตัวเอง 32 เดก็ เรยี นรชู า คูมอื สําหรับพอ แม/ผูปกครอง

2. ใหแ รงจูงใจตลอดการอา น ก. เรม่ิ ดว ยการสรางความเปนมติ รระหวา งคณุ พอคุณแมล กู ข. ใหมีประสบการณของความสําเร็จ เชน อานคําใหมๆ ได ลูกก็ไดร บั คําชมจากคุณพอคณุ แม ค. แสดงใหลูกเห็นความกาวหนาของตนเอง เชน จํานวนหนาท่ี อานได จํานวนคําทสี่ ะกดถูก ง. ไมใชหนังสือท่ีลูกคุนเคยมาแลว โดยเฉพาะหนังสือท่ีให ประสบการณท ไี่ มดแี กล กู ฉ. ไมใชหนังสือท่ีเคยอานมาแลวมาสอนการอานซํ้าอีก เพราะจะ ทําใหลกู ใชการจํามากกวา การฝก ทักษะการอาน ช. บทความหรือหนงั สือท่ีใชสอนการอา น ควรเปน ความรูเกี่ยวโยง ไปถึงวิชาอื่นๆ ท่ีลูกจะตองเรียนดวย เพ่ือชวยสงเสริมใหลูกไดนําความรู จากการอา นไปใชใ นวิชาอน่ื ได 3. ใหลูกไดมีเวลาอานเงียบๆ เด็กๆ แตละคนควรมีโอกาส ไดอานหนังสือเงียบๆ บอยๆ แตจะตองไมใชเวลานานเกินไป หลังจาก การอานเงียบๆ แตละครั้ง ควรจัดใหมีเวลาไดพูดคุยหรือตอบคําถามเก่ียวกับ เรื่องทอ่ี านเพอื่ ดูความเขา ใจของลูกดว ย 4. อยาปลอยใหลูกพยายามสะกดอยูกับคําหน่ึงคําใดนานเกินไป เมื่อลูกเร่ิมอานออกเสียงและพบกับคําที่ไมคุนเคย ผูปกครองควรออกเสียง คาํ นัน้ ๆ นํากอ นเปน ตัวอยาง เด็กเรียนรูชา คูม ือสาํ หรับพอ แม/ ผปู กครอง 33

หลักการสอนเสรมิ คณิตศาสตร กอ นจะสอนคณติ ศาสตรใ หล กู คณุ พอ คณุ แมเ รม่ิ จากการสาํ รวจพน้ื ฐาน ท่ีลูกมีอยูซักนิดกอน แลวสอนเสริมตอจากทักษะที่ลูกทําไดแลว ตามลําดับ ขัน้ ตอนจากงายไปยาก อยางชาๆ การสอนคณิตศาสตรเบอื้ งตน เรม่ิ ตามลําดับข้นั ตอนดังน้ี 1. การนบั เลขดว ยการทอ งจํา คอื การนับเลข 1,2,3,4,5... แตย ังนบั จาํ นวนใหตรงกบั เลขไมได เชน นบั 3 แตยังหยิบของไมได 3 ชน้ิ 2. การนับเลขไดตรงกับจาํ นวน เชน นับ 1 หยิบของ 1 ช้ิน แมขอดินสอ 5 แทง เด็กหยิบดินสอ สง ใหไ ด 5 แทง 3. รูความแตกตางของจํานวนและตัวเลข และเขียนตัวเลขได มีจํานวนนับมากขึ้นไปถึงหลักสิบ และหลักรอยได เชน นับไดถึง 30 เขาใจ จาํ นวนมากกวา นอ ยกวา เชน เขา ใจวา 75 มากกวา 40 4. เขา ใจความแตกตางระหวา งปรมิ าณ รูปรา ง ขนาดของวตั ถุสง่ิ ของตางๆ ใหญเ ลก็ สัน้ หรอื ยาว นอยหรอื มาก มากกวานอยกวา กลมหรือ เหลย่ี ม 34 เด็กเรยี นรชู า คมู ือสาํ หรบั พอ แม/ผปู กครอง

การสอนบวกเลข 1. ในการสอนการบวกเลขข้ันเร่ิมตน ควรใชการสอนท่ีเปนรูปธรรม เชน การใชส่งิ ของแทนการนบั ท่ีลกู สามารถสัมผัสไดด วยตนเอง ดงั ตัวอยาง การใชรปู ภาพใหลูกนับ += 1+ 2 = 3 2. ใชวัสดุอื่นๆ ท่ีหาไดงายๆ เชน ดินสอ ที่ใชสําหรับนับและ บวกเลข ลกู ปด รอ ยเชอื ก ใชส าํ หรบั การสอนนบั ,บวก,และลบ นอกจากรปู ภาพ ไดอ ีกดว ย 3. หลังจากท่ีคุณพอคุณแมใชการสอนดวยอุปกรณที่เปนรูปธรรม แลว ตอ ไปกจ็ ะเรม่ิ การคาํ นวณแบบนามธรรม แตล กู ยงั ตอ งใชก ารมองเหน็ ชว ย ในการคดิ อยู สง่ิ ทช่ี ว ยไดก ค็ อื การเขยี นตวั เลขเปน แถวใตเ สน ตรง ความสน้ั ยาว ของเสนตรง แสดงจํานวนตัวเลขท่ีเพิม่ ขึ้น ตวั อยา งเชน :- เริ่มตน --------------------------------------------- 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 เพม่ิ ขึน้ ------------------------------------------------------------------- 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 แถวตวั เลขนอ้ี าจจะทาํ เปน แถวตดิ ไวบ นโตะ ทาํ การบา นลกู หรอื เขยี น บนพ้ืนหอง การท่ีเด็กๆ ไดคุนเคยกับแถวตัวเลขดังกลาวนี้ จะเปนประโยชน ตอ ไปในการเรยี นเลข บวกและลบ เด็กเรียนรูชา คูม อื สาํ หรบั พอแม/ ผปู กครอง 35

4. การสอนจะตองสอนไปทีละอยาง เชน สอนบวก ก็จะสอนบวก อยางเดียวกอ น และตองสอนซ้าํ ๆ แตจะตอ งไมทําใหลกู รูสกึ เบือ่ ดวย 5. เม่อื ลูกสามารถจาํ ตัวเลข 1 ถึง 9 ไดแ ลวจึงคอ ยใหล กู ไดบวกเลข ดวยตวั เลขสองตัว 6. เมอ่ื จะใหล กู บวกเลข 2 หลัก จะตองใหล ูกเขา ใจคาของตวั เลขใน หลักตา งๆ กอ น เชน 483 4 = 400 8 = 80 3 = 3 หลงั จากน้นั จงึ เร่ิมสอนการทดเลขเม่ือบวกเลข 2 หลกั สรุป การสอนการบวกเลขขั้นแรกนี้ใหสอนดวยวิธีที่เปนรูปธรรม คอื ใชส่ิงของหรือวตั ถอุ ุปกรณ ตอ ไปจงึ เปล่ยี นเปน รปู ภาพและในที่สุดลูกก็จะ สามารถบวกเลขไดดวยการใชตัวเลขแทนสิ่งของหรือรูปภาพได และตอไปลูก กจ็ ะสามารถคดิ ในใจไดใ นทีส่ ดุ การสอนลบเลข การลบนน้ั ตรงขา มกบั การบวก การบวกเลขกค็ อื การเอาสงิ่ ของมารวม เขาดวยกัน แตก ารลบเลขก็คือการหักออกไปจาํ นวนหนง่ึ การสอนลกู ลบเลข ใชห ลักการเดียวกบั การบวก นัน่ คอื 1. เร่ิมการลบเลขจะใชวิธีที่เปนรูปธรรมและคอยๆ เปลี่ยนไปเปน นามธรรมหรือตัวเลข และคุณพอคุณแมควรสอนการลบเลข หลังจากที่ลูก บวกเลขไดแลว 2. เร่ิมสอนจากการมีตัวต้ังมากกวาตัวลบ เมื่อลูกเขาใจการลบแลว งา ยๆ แลว จึงสอนข้นั ตอไป นนั่ คือการลบที่ตอ งขอยมื 3. การขอยืมในการลบเลขที่ตัวต้ังนอยกวาเปนสวนท่ีเขาใจยากมาก สาํ หรับลกู ทเ่ี รยี นรชู า 36 เด็กเรยี นรูช า คูมอื สาํ หรับพอ แม/ ผูป กครอง

เชน มโี จทยว า 23 – 4 ลกู จะไมเ ขา ใจวา ทาํ ไม 3 ลบ 4 เลยไมไ ด เพราะ ลกู ไมเ ขาใจการ “ขอยืม” คุณพอคุณแมควรเร่ิมการสอนดวยการใหเด็กเขาใจคาของตัวเลข ในหลักตา งๆ กอ น ตวั อยาง ลบ 4 จาก 23 โดยสอนวา 23 มี 10 สองครั้ง (20) และ 3 แลว เปล่ยี นเปน 10 กบั 13 ลบดว ย 4 และบวกดวย 10 ไดคาํ ตอบ 19 เม่อื นักเรยี นเขาใจไดว า ตัวเลข 2 ใน 20 หมายถึง 10 สองครัง้ จะทําใหเขา ใจ การ “ขอยมื ” ไดงา ยขน้ึ 23 – 4 2 ใน 23 เทากบั 20 (10+10) 10 13 3 ใน 23 เทา กบั 3 (10+10) (10+10) 2 3 2 (10+3) 4 44 การสอนการคณู และการหาร ความจริงแลวการคูณก็คือการบวกเลขท่ีเร็วขึ้น และไดผลดีกวา เชน 7 คูณ 10 งายกวาและเร็วกวาบวก 7 สิบคร้งั การทดเลขจากหลักหน่งึ ไปอกี หลักหนึง่ คลา ยกนั กับการทดในการบวกเลข นอกจากนี้สิ่งที่เหมือนกนั ระหวา งการบวกและการคณู ก็คือ ถาตวั เลข สลบั กนั กไ็ ดค าํ ตอบเทา กนั เชน 1 + 7 = 8 หรือ 7+1 = 8, 7x1=7 หรือ 1x7 = 7 การสอนคูณเลขก็เหมือนกับการสอนเลขอยางอื่นๆ คือเร่ิมดวย การสอนทเ่ี ปนรปู ธรรม แลวจากน้ันคอยๆ เปล่ยี นไปเปน นามธรรม เดก็ เรียนรูช า คูมอื สาํ หรับพอ แม/ผูปกครอง 37

การหาร ตรงขามกับการคูณ ลูกจะตองมีทักษะจากการคูณเสียกอน การสอนหารจะตอ งทําภายหลงั การสอนคณู คลอ งแลว การสอนแกโ จทยป ญหา ลูกเรียนรูชาอาจจะเขาใจความหมายของคําท่ีใชในทางคํานวณ เชน บวก ลบ คูณ ฯลฯ แตถาลูกตองพบกับโจทยเลขที่ไมไดบอกวิธีคํานวณ คณุ พอ คณุ แมม กั จะพบวา ลกู กจ็ ะทาํ ไมไ ด ดงั นน้ั คณุ พอ คณุ แมจ งึ ตอ งสอนใหล กู รจู ักความหมายของถอ ยคําในโจทย จงึ จะแกปญ หาเลขโจทยไ ด ตัวอยา งโจทยเลข ขอ 1. สมศรีมีเงนิ อยู 28 บาท เขาซ้อื นมกลองไป 6 บาท และ ขนมอีก 5 บาท ถามวาสมศรยี ังเหลอื เงนิ อีกเทาไร? ขอ 2. สมชายซอื้ หนังสอื การตูนเลมละ 35 บาท หลังจากทอี่ าน เสรจ็ แลว สมชายไดข ายหนงั สอื การต นู ไป 25 บาท เอามารวมกบั เงนิ ทมี่ อี ยู แลว 28 บาท เดิมทสี มชายมีเงนิ เทาไร และเดยี๋ วน้สี มชายมีเงินอยเู ทา ไร? จากโจทยทั้งสองขอน้ี ไมไดบอกวิธีการคํานวณไวชัดเจน ดังน้ันคุณ พอคุณแมจะตองชวยใหลูกคนหาวาถอยคําไหนท่ีบงชี้วิธีการคํานวณเพ่ือแกไข โจทยเ ลขนไ้ี ด เชน โจทยขอ 1. คําวา มีอยู, ใชไป, ซอื้ ไป บอกใหท ราบวา สมศรมี ีเงิน อยูทั้งหมด และการซ้ือไป คือจายเงินไปจะตองเอามาลบกันจึงจะไดคําตอบ ทถ่ี ูกตอ ง โจทยข อ 2. คอ นขา งซบั ซอ นกวา ขอ แรก โจทยน นั้ ใหห าวา สมชาย มีเงินอยเู ดมิ เทา ไร และขณะน้มี เี ทาไร หมายถงึ จะตอ งแกปญหา 2 ขอ ดงั น้ัน จะตองชวยใหลูกมีทักษะในการเขาใจเหตุและผลไดเปนอยางดี ดวยการ พิจารณาถอยคําในโจทยเลขซึ่งอธิบายขั้นตอนการคิดหาคําตอบได เชน ไดเ งินมา คือการบวก รวมกบั เงนิ ท่มี ีอยูแลว ก็คอื การบวก เปนตน 38 เด็กเรียนรชู า คมู ือสาํ หรบั พอแม/ผปู กครอง

การสอนเรอ่ื งเวลา 1. การสอนใหเ ดก็ ดปู ฏทิ นิ ทาํ เครอ่ื งหมายบนปฏทิ นิ ในวนั สาํ คญั ตา งๆ สอนดูวันในหนึง่ สัปดาห ใน 1 เดือน และใน 1 ป 2. การสอนความเขา ใจเกย่ี วกบั เวลา เร่ิมจากเหตุการณท่ีเกิดข้ึนในเวลาใดเวลาหนึ่งโดยเฉพาะ เชน เวลา ดูโทรทัศน เวลาเลนเกมส เวลารับประทานอาหาร เวลาต่ืนนอน ควบคูกับ การดเู วลาจากหนา ปด นากิ า หรอื ผปู กครองเขยี นรปู นากิ าคกู บั กจิ กรรมกไ็ ด การบอกเวลาที่แนนอน เชน บอกเวลาเปนนาที จะตองรูจัก ความแตกตางระหวาง “กอนหนา” และ “ภายหลัง” วิธีงายๆ ที่จะทําให นักเรยี นเขาใจความหมาย “กอนหนา ” และ “ภายหลงั ” ก็คอื วาดรปู นากิ า ดงั ตวั อยางตอไปนี้ 12 12 12 93 93 93 6 6 6 15 นาที กอ นบาย 3 โมง บา ย 3 โมง 15 นาที หลงั บาย 3 โมง การสอนเรอ่ื งเงินตรา ผูปกครองควรสอนใหรูจักชนิดของคาเงินตรา ตั้งแตเหรียญสลึง เหรยี ญบาท หา บาท สบิ บาท ธนบตั ร ยสี่ บิ บาท รอ ยบาท โดยใหร จู กั ของจรงิ และ ใหเ ดก็ ไดมีโอกาสใชเ งินซื้อของมีการแลกเงิน มีการทอน การฝากออมสนิ ฯลฯ เด็กเรียนรูชา คมู ือสําหรับพอแม/ผูป กครอง 39

เอกสารอางอิง นพวรรณ ศรีวงศพานิชย, พัฏ โชคมหามงคล. ภาวะบกพรองทางสติปญญา/ ภาวะปญญาออน (Intellectual Disability/ Mental Retardation). ใน นิชรา เรืองดารกานนท. ตําราพัฒนาการเด็กและพฤติกรรม. กรงุ เทพมหานคร : โฮสสติกพับลชิ ชง่ิ . 2551,พิมพค รัง้ ท่ี 1: 179-204 นพวรรณ ศรวี งศพ านชิ . (2549). คมู อื เสรมิ สรา งไอควิ และอคี วิ เดก็ วยั เรยี น 6 - 11 ป. กรงุ เทพฯ: พี เอส ซบั พลาย. มหาวิทยาลัยมหิดล. ไอโอดีนกับสติปญญาเด็กไทย: บทท่ี 5 การควบคุมและ ปอ งกนั โรค. จาก www.il.mahidol.ac.th/e-media/iodine/chapter 5.html. สืบคนเม่อื 18 เมษายน 2555. ลัดดา เหมาะสุวรรณ และคณะ. สุขภาวะเดก็ และวัยรุน ไทยอายุ 6-12 ป. ใน ราช วิทยาลัยกุมารแพทยแหงประเทศไทย. รายงานโครงการวิเคราะหสุข ภาวะของเดก็ และวัยรุนไทย. 2552 : 137-161 วินัดดา ปย ะศลิ ป และพนม เกตมุ าน. (2550). ตาํ ราจิตเวชเด็กและวัยรุน เลม 2. ภาวะปญญาออ น. หนา 197 - 208. กรงุ เทพฯ: บรษิ ทั ธนาเพรส จํากัด. ศรเี รอื น แกว กงั วาล. เดก็ ปญ ญาออ น. ใน ศรเี รอื น แกว กงั วาน. จติ วทิ ยาเดก็ พเิ ศษ. กรุงเทพฯ: สาํ นกั พมิ พห มอชาวบา น, 2545: 49-99 สถาบนั สขุ ภาพจติ เดก็ และวยั รนุ ราชนครนิ ทรแ ละคณะแพทยศ าสตร มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร. (2552). รายงานการวิจัย เร่ือง การศึกษาทบทวน องคความรูดานทฤษฎีและเครื่องมือประเมินระดับสติปญญาและ ความฉลาดทางอารมณ (IQ และ EQ) เด็ก. กรุงเทพ: โรงพิมพ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร. สุชีรา สุขเกษม. เขียนเมื่อ 19 มิถุนายน 2554. ลูกเรียนรูชาวิธีแกไข. http://tinyzone.tv/HealthDetail.aspx?ctpostid=1076. สืบคน เมื่อ 18 เมษายน 2555. 40 เดก็ เรยี นรูชา คมู ือสําหรบั พอ แม/ ผูปกครอง

เด็กเรยี นรูชา คมู อื สําหรบั พอ แม/ ผูปกครอง 41


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook