Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือสำหรับผู้ปกครอง (เด็ก ออทิสติก)

คู่มือสำหรับผู้ปกครอง (เด็ก ออทิสติก)

Published by morakot panpichit, 2019-12-23 01:05:57

Description: คู่มือสำหรับผู้ปกครอง (เด็ก ออทิสติก)

Search

Read the Text Version

เด็กออทสิ ตกิ คมู อื สาํ หรับพอแม/ ผูปกครอง

คํานํา โรคออทิสติกเปนโรคท่ีเกิดจากความผิดปกติของสมองท่ีทําใหเกิด ความบกพรอ งทางพฒั นาการดา นสงั คมและดา นภาษา และเกดิ พฤตกิ รรมซา้ํ ๆ หรอื ความสนใจซา้ํ จาํ กดั ในเรอ่ื งใดเรอ่ื งหนง่ึ ซง่ึ เปน ลกั ษณะเฉพาะของเดก็ ออทสิ ตกิ ในปจ จบุ นั การชว ยเหลอื เดก็ ออทสิ ตกิ ไดม กี ารพฒั นารดุ หนา ไปอยา งมาก การดแู ล ชว ยเหลอื ไดแ ก การดแู ลจากทมี แพทย การฝก กระตนุ พฒั นาการดา นทบ่ี กพรอ ง เชน การฝก พดู การฝก ทกั ษะทางสงั คม การปรบั ลดพฤตกิ รรมทเ่ี ปน ปญ หา และ การฟน ฟทู างการศกึ ษา ปญ หาในการดแู ลชว ยเหลอื เดก็ ออทสิ ตกิ สว นหนง่ึ เกดิ จาก การขาดความรคู วามเขา ใจเกย่ี วกบั โรคออทสิ ตกิ และการชว ยเหลอื ดแู ลทถ่ี กู ตอ ง ดังน้นั คมู ือเลมน้จี ึงเปนการรวบรวมความรทู ้งั จากตําราและจากขอมูล ท่ไี ดจากการสัมมนาแลกเปล่ยี นเรียนรปู ระสบการณระหวางผปู กครอง ครูและ ครกู ารศกึ ษาพเิ ศษทม่ี ปี ระสบการณก บั เดก็ ออทสิ ตกิ โดยรวบรวมลกั ษณะอาการ และปญหาพฤติกรรมท่พี บบอยในแตละวัยและวิธีการแกไขพฤติกรรมของเด็ก ออทสิ ตกิ ตา งๆ ทง่ี า ยตอ การทค่ี ณุ พอ คณุ แมจ ะนาํ ไปปฏบิ ตั จิ รงิ คณะผจู ดั ทาํ หวงั วา คมู อื เลม นน้ี า จะเปน ตวั ชว ยทด่ี ใี นการดแู ลเดก็ ออทสิ ตกิ ตอ ไป คณะผจู ัดทาํ เด็กออทสิ ติก คูมือสําหรบั พอแม/ผปู กครอง 3

สารบัญ รูจกั และเขาใจเด็กออทิสติก 7 พฤตกิ รรมนาสงสัยวา เดก็ อาจจะเปน โรคออทสิ ตกิ 8 โรคออทิสติกพบบอ ยแคไหน 11 โรคออทสิ ตกิ เกดิ จากอะไร 13 โรคออทิสตกิ รกั ษาหายหรือไม 14 ใครสามารถชว ยเหลือเดก็ ออทิสตกิ ได 17 การชวยเหลอื ลกู ออทิสตกิ 18 เม่อื ลกู ออทิสตกิ ตองเขาโรงเรยี น 24 เอกสารอางองิ 37 เด็กออทสิ ตกิ คูมือสาํ หรับพอ แม/ ผูปกครอง 5

เดก็ ออทิสตกิ รูจกั และเขาใจเดก็ ออทสิ ตกิ โรคออทิสตกิ (Autistic Disorder) หรือออทิสซมึ เปน ความผดิ ปกติ ของสมองแบบหน่ึงท่ีเกิดข้ึนในวัยเด็ก โดยจะแสดงอาการผิดปกติออกมาใน 3 ดานใหญๆ ไดแ ก 1. ความผดิ ปกตทิ างสังคมและปฏสิ ัมพนั ธก ับผูอน่ื 2. ความผดิ ปกติทางภาษาและการสื่อสาร 3. ความผิดปกตทิ างอารมณและพฤตกิ รรม เดก็ ออทิสตกิ คูมอื สาํ หรบั พอแม/ ผปู กครอง 7

ความผิดปกตทิ างภาษาและการส่ือสาร • ทาํ ตาลอยหรอื มองอยางไรจ ุดหมาย • พดู ชาหรือไมพ ดู เลย • มภี าษาแปลกๆ ทคี่ นอืน่ ฟงไมเขา ใจ • ชอบพดู ทวนคําหรอื ประโยคทีค่ ุณพอคณุ แมพดู ไป • ไมชีน้ ว้ิ บอกเวลาอยากไดอะไร แตจ ะรอ งไหห รือดึงมือผใู หญ ไปทส่ี ิง่ น้ัน ความผิดปกติทางอารมณแ ละพฤตกิ รรม • เฉยเมย ไมคอ ยแสดงอารมณ • ไมร จู กั ปลอบ เชน ไมป ลอบเวลาผใู หญห รอื เดก็ คนอน่ื รอ งไหห รอื เจบ็ • ไมเขา มาขอความชวยเหลือจากผใู หญเม่ือมีปญ หาหรอื ไมมาให ผใู หญปลอบใจ • ปรบั ตัวตอ ส่งิ ใหมๆ ไดยาก เชน รองไหเวลาเจอสถานการณ หรอื บุคคลทไ่ี มคุนเคย • ชอบทาํ อะไรซํ้าๆ หากไปเปลี่ยนแปลง สิ่งทเ่ี คา เคยทํา เคา จะ หงดุ หงิดอาละวาด เดก็ ออทสิ ติก คูมอื สาํ หรับพอ แม/ผปู กครอง 9

ขอสังเกต อาการท่ีกลาวมาขางตนนี้บางอยางอาจพบไดในเด็ก ปกติ แตก็จะเปนอยูช่ัวคราวเทานั้น สวนเด็กออทิสติกจะมีอาการหลายอยาง พรอ มกันและเปน อยนู าน หากคุณพอคุณแมสงสัยวาเด็กๆ ของเราเปนออทิสติกหรือไม ควรพาเด็กไปพบแพทยผูเชี่ยวชาญ เพื่อใหการวินิจฉัยที่ถูกตอง และสามารถ หาทางชวยเหลอื ที่เหมาะสมไดตง้ั แตเ นนิ่ ๆ โรคออทสิ ตกิ พบบอยแคไหน ทาํ ไมดูเหมือนมเี ด็กเปน ออทสิ ติกมากกวาในอดตี ในอดีตโรคนี้พบเพียง 4-6 คนตอประชากร 10000 คนเทาน้ัน แตการศึกษาวิจัยในปจจุบันพบวาอุบัติการณของโรคสูงข้ึน กลุมท่ีมีอาการ รุนแรงพบในอัตรา 2 ตอประชากร 10000 คน แตกลุมที่มีอาการนอยพบ 1 - 2 คน ตอ ประชากร 1000 คน หรอื มากกวา นนั้ การทจี่ าํ นวนเดก็ กลมุ ออทสิ ตกิ ท่ีเพ่ิมขึ้นนี้ จึงเปนที่สงสัยวาเปนเพราะอะไร แตในขณะน้ียังหาขอสรุปไมได แตสนั นษิ ฐานวา เนอ่ื งมาจาก เด็กออทิสติก คูมือสําหรับพอแม/ ผปู กครอง 11

โรคออทสิ ตกิ เกิดจากอะไร โรคออทิสติกเปนความผิดปกติของสมองที่เปนมาตั้งแตกําเนิด นกั วิทยาศาสตรไดพ ยายามทําการการศกึ ษาวจิ ยั มาเปนระยะเวลานาน แตย ัง ไมสามารถสรุปสาเหตุที่ชัดเจนได อยางไรก็ตามจากการวิจัยพบวาปจจัย เหลา น้อี าจเปน สาเหตทุ ่ที ําใหส มองมปี ญ หา 1. การเจรญิ เตบิ โตของสมองผิดปกตขิ ณะอยูในครรภ 2. สารเคมีบางอยางในสมองอาจผิดปกติหรอื มรี ะดับไมส มดลุ 3. โรคทางกายท่ีมีผลตอ สมอง เชน โรคลมชักบางชนิด 4. พนั ธุกรรม พบวาเปน สาเหตุสาํ คัญของโรคออทสิ ติก พบวาพน่ี อ ง ของเด็กออทิติกจะมีโอกาสเปนออทิสติกสูงกวาคนธรรมดาที่ไมมีพ่ีนองเปน ออทสิ ตกิ ถึง 50 เทา เดก็ ออทิสติก คูมือสําหรบั พอแม/ ผปู กครอง 13

อายุ ขั้นตอนพฒั นาการทีส่ ําคัญ 4 – 6 สปั ดาห 3 – 4 เดอื น สิ่งทเ่ี ด็กควรทําได 5 เดือน 6 – 7 เดือน ย้ิมใหแม หนั ศีรษะไปตามเสียง 9 – 10 เดือน จับหรอื ถือวตั ถุทว่ี างใหใ นมอื ควาสง่ิ ของท่ีเห็น 13 เดือน เปล่ียนของจากมอื หน่ึงไปอกี มือหน่งึ 15 เดือน เคี้ยวอาหารได 18 เดอื น นัง่ เอามอื ยันไวข า งหนา 21 – 24 เดือน เวลานอนควํ่าจะยกศรี ษะขึ้นไดเ อง 2 ป ถือขนมกินเอง 3 ป ช้ีดวยนวิ้ ช้ี คลาน เลนจะเอ บายบาย ใหค วามรว มมอื เวลาแตง ตวั เชน ชมู อื ขน้ึ เพอื่ ใสเ สอ้ื ย่นื เทา ใหใ สร องเทา เดนิ ไดเอง พดู คําเด่ียวๆ ได 2 - 3 คํา หยบิ ถว ยขน้ึ มาดม่ื นาํ้ เอง บอกเมื่อจะฉี่ พดู เปนวลี (2 – 3 คาํ ตดิ กนั ) ไมปส สาวะราดตอนกลางวนั ไมป ส สาวะราดตอนกลางคืน แตงตัวเอง ยืนขาเดียวได เด็กออทิสตกิ คมู ือสาํ หรับพอ แม/ผูป กครอง 15

ใครสามารถชวยเหลอื เด็กออทิสตกิ ไดและชวยอยา งไร • ครอบครัว มบี ทบาทสําคัญทีส่ ดุ ในการสง เสรมิ พัฒนาการ รวมถึง การปรบั พฤติกรรม • บุคลากรทางการแพทย เชน จติ แพทยเด็กและวยั รนุ กุมารแพทย นักจิตวิทยา นักกิจกรรมบําบัด นักแกไขการพูด เปนตน เพ่ือ การชวยเหลือในกรณีท่ีตองทําการรักษาดวยยา กระตุน พัฒนาการดานตางๆ การฝกพูด รวมไปถึงการปรับพฤติกรรมที่ ไมพ งึ ประสงคและการฝกทกั ษะทางสงั คม • บุคลากรทางการศึกษา เชน ครูการศึกษาพิเศษ ครูท่ีโรงเรียน เปน ตน เพอื่ ชว ยเหลอื ในดา นการจดั การเรยี นการสอนทเ่ี หมาะสม การชว ยเหลือเดก็ ทดี่ ที ส่ี ุด คอื การรว มมอื กนั ทง้ั ครอบครวั บุคลากร ทางการแพทย และบุคลากรทางการศึกษา เพือ่ ท่จี ะสามารถชวยเหลือเด็กได อยางรอบดาน และเหมาะสมตามความตองการของเด็กแตล ะคน ถา พบสงิ่ ผดิ ปกตเิ หลา นมี้ ากกวา 2 อยา ง ใหน กึ ถงึ โรคออทสิ ตกิ และควรใหก ารชว ยเหลอื อยา งเหมาะสมทนั ที พฤตกิ รรมทผี่ ดิ ปกติ คอื • ไมส นใจสิ่งแวดลอมและบุคคล เลน กับเดก็ อ่ืนไมเปน • ไมสามารถช้ีนิ้วบอกความตองการได • เลนสมมติไมเ ปน • ไมส ามารถมีพฤติกรรมแสดงความสนใจ รว มกับบุคคลอ่ืนได เด็กออทิสติก คมู ือสาํ หรบั พอ แม/ผปู กครอง 17

1. ความคดิ ความเขา ใจและการเรยี นรู 2. ภาษา 3. สงั คม 4. อารมณ 5. ประสาทสมั ผัสและกลา มเนือ้ ข้นั ท่ี 2 วิธีบรรลุเปา หมาย คอื การกระตนุ พฒั นาการใหเ รว็ ทส่ี ดุ รว มกบั การแกไ ขปญ หาพฤตกิ รรม การฝกสื่อสารและสงั คม ดังนน้ั ผปู กครองตอ งฝกลูกในดา นตาง ๆ ดงั นี้ • ทกั ษะพนื้ ฐาน : การนง่ั ทาํ งานอยา งมสี มาธิ การมองหนา การฟง และการทําตามคาํ สัง่ งา ยๆ • ทกั ษะสงั คม : ใหส ามารถเขา หาผอู น่ื และตอบสนองอยา งเหมาะสม • ทกั ษะการสอ่ื สาร : ใหส ามารถพดู หรอื ใชท า ทางเพอ่ื สอ่ื สารกบั ผอู น่ื • กระตนุ ประสาทสัมผสั และกลา มเน้อื • ฝกใหมีพฤติกรรมที่เหมาะสมตามวัย โดยใชเทคนิคในการ ปรับพฤตกิ รรม • ลดพฤติกรรมท่ไี มเ หมาะสม โดยใชเทคนคิ ในการปรับพฤติกรรม เดก็ ออทิสติก คมู อื สําหรับพอแม/ ผูปกครอง 19

เปา หมาย วธิ กี าร ทักษะพ้นื ฐาน ฝก ตวั ตอ ตัว (สมาธิ การทาํ ตามคาํ ส่ัง) ฝกโดยผานกิจวตั รในชวี ติ ประจําวนั ทกั ษะสังคม ฝกโดยผา นกิจวัตรในชวี ิตประจาํ วนั (การเขา หาและตอบสนอง ฝก ใหร ูจักสัมพันธกบั สมาชิกในบาน ผูอืน่ ) ฝกใหเลน กับเพอ่ื นเดก็ ๆ ดว ยกนั ทีบ่ าน ฝกใหเลน /เขา กลุม กับเพอ่ื นทโ่ี รงเรียน ทักษะการสื่อสาร สอนลกู พดู ทบ่ี านโดยนั่งฝกตวั ตอตวั (การสื่อความตองการดวย สอนลกู พดู โดยผา นกจิ วตั รในชวี ติ ประจาํ วนั การใชค าํ พดู และ/หรอื ทา ทาง) ใหลูกฝกพดู กบั ครฝู ก พดู หากลกู พดู ไมไ ด อาจใชว ธิ สี อนดว ยรปู ภาพ ฝกประสาทสมั ผัส ใหลกู ออกกําลังกาย เชน ว่ิง กระโดด และกลา มเน้อื เลนบอล วา ยนํ้า นวดตวั ลูก ใหล ูกฟง ดนตรเี บาๆ ฝกลูกใชมอื ทาํ กิจกรรมตางๆ เชน ปน ดนิ นาํ้ มนั รอยลูกปด ชว ยทาํ งานบา น ฝก พฤติกรรมท่เี หมาะสม ฝกในชีวติ ประจาํ วนั โดยใชวธิ กี ารทาง และลดพฤติกรรม พฤตกิ รรมบําบดั ที่ไมพึงประสงค ขอคาํ แนะนาํ จากแพทย การใชยา เดก็ ออทสิ ติก คูม อื สาํ หรับพอ แม/ ผปู กครอง 21

4. การเบ่ยี งเบนความสนใจ ใชเ ทคนคิ นเ้ี มอ่ื คณุ พอ คณุ แมต อ งการใหเ ดก็ หยดุ พฤตกิ รรมทไ่ี มเ หมาะสม เชน เด็กเลนปลั๊กไฟก็ใหคุณพอคุณแมหาส่ิงเราท่ีนาสนใจกวามาใหเด็กเลน และคณุ พอคุณแมตองทําใหสงิ่ เรา ใหมน าสนใจกวา สง่ิ เราเดมิ 5. เรมิ่ ทลี ะนอ ย ไปชาๆ เนือ่ งจากลกู ออทิสตกิ แตละคน มปี ญ หาใน การปรบั ตวั ตอ สง่ิ ใหมๆ มปี ญ หาตดิ กบั สงิ่ เดมิ ดงั นนั้ การปรบั พฤตกิ รรมของลกู ซักอยาง เปนเรื่องที่ตองใชเวลา และตองอาศัยความอดทน เชน ลูกมีปญหา ไมกนิ ผกั อาละวาดเวลาไมไดของเลน เลน มอื และมปี ญหาตนื่ เร็ว ถา ตองการ แกไขพฤติกรรมลูก คุณพอคุณแมควรเริ่มจากปญหางายๆ กอนซัก 1 ปญหา เรมิ่ ใหเ กดิ การเปลย่ี นแปลงครง้ั ละนอ ยๆ อาจจะเรม่ิ จากปญ หาไมก นิ ผกั โดยเรม่ิ จาก การตง้ั เงอ่ื นไข วา ถา สามารถลองกนิ ผกั ทแี่ มต กั ใหไ ด 1 ชนิ้ จะไดก นิ ขนมทช่ี อบ หลังกนิ ขาวหมด ถาเด็กทําได คอยๆ เพิ่มปรมิ าณตามความเหมาะสม ตัวอยางเทคนิคท่ีกลาวมาสามารถใชหลายเทคนิคมารวมกันได มาดูตัวอยาง ทีค่ ุณพอคุณแมทําแลวไดผลกนั คะ “การดูแล ถาอารมณเสียเขาจะระเบิด แมก็ใชวิธีเอาน้ําแข็งใส จับใหอยูที่สงบ ใหทําอะไรที่ชอบ เชน ชอบนกก็ชวนเขาวาด ถาอารมณคุ มากขึ้นก็กอดไวแนนๆ ตองออนกับเขา ถาแข็งใสเสียเลย เคยแข็งใสเขา แตไ มไ ดผ ล ลกู เคยอารมณเ สยี ทาํ ลายของ ถกู กดั จนถงึ เนอ้ื ใชว ธิ กี ารตไี มไ ดผ ล” “เวลาลูกอาละวาดจะใจแข็ง กจ็ ะนง่ิ ถาไมไ หวก็จะเดินหนี พฤติกรรม อาละวาดจะแรงข้ึนคือเอาหัวโขก ความรูสึกก็เสียใจ แตเจอบอยๆ ก็เลยเฉย แตจ ะรจู ังหวะวาเมอื่ ไหรโ กรธ โมโห ก็เบี่ยงเบนความสนใจเอา” เด็กออทิสติก คมู ือสาํ หรบั พอแม/ ผปู กครอง 23

วยั ประถมศกึ ษา 1. ไมอยากไปโรงเรยี น 2. ทาํ การบานไมเ สรจ็ 3. ไมม เี พ่ือนสนิท 4. เรียนแกงบางวิชา บางวิชาเรยี นแยม าก 5. ถกู เพ่ือนแกลง /ถูกเพอื่ นลอเลียน 6. มีปญหาในการทํากจิ กรรมกลุมรวมกบั เพือ่ น 7. ปญหาพฤติกรรมในหอ งเรียน วยั มธั ยมศึกษา 1. อารมณเ ปล่ยี นแปลงงา ย 2. มปี ญ หาในการคบเพือ่ น 3. แสดงมารยาททางสังคม ไมเ หมาะกับวัย 4. แสดงออกถึงอารมณเ พศไมเ หมาะสม 5. ไมชวยงานบา น 6. ขาดความมัน่ ใจในตนเอง 7. แยกเรือ่ งจรงิ กบั เรอ่ื งที่เลนไมได ดงั นน้ั กอ นทค่ี ณุ พอ คณุ แมจ ะสง ลกู เขา เรยี นรว มกบั เดก็ ปกตใิ นโรงเรยี น จึงควรเตรียมความพรอ มใหแ กลกู ในเร่อื งตา งๆ ตอไปนี้ • สมาธิ อยางนอยลูกของคุณพอคุณแมก็ตองนั่งเรียนเงียบๆ โดยไมร บกวนเพื่อนในช้นั เรยี น • การชวยเหลือตนเองในชีวติ ประจําวัน • ทักษะทางสังคม เชน การทักทาย การขอบคณุ /ขอโทษ มารยาท ทางสงั คม การเลน การสบตา เปน ตน • การสอ่ื สารกับผอู ื่น โดยคุณพอคุณแมสามารถนําวิธีการดังตอไปนี้ไปปรับใชกับลูกตามวัย ของเดก็ เดก็ ออทิสติก คมู อื สาํ หรับพอ แม/ ผูปกครอง 25

• อยไู มน่งิ ลกั ษณะพฤตกิ รรมท่เี ด็กแสดงออกมา • ชอบวิ่งไปมา ปน ปาย • ชอบรือ้ คน ส่งิ ของ • นั่งไมต ดิ ท่ี • นงั่ ยุกยิก ขยบั ตัวหรอื แขนขาตลอด • สนใจส่งิ ตางๆ ในชวงส้ันๆ วธิ กี ารชวยเหลือ 1. ลดตัวกระตุน เชน ของเลน ทม่ี ากเกินไป โทรทัศน 2. ฝก ใหร จู กั ควบคมุ ตนเอง เรมิ่ จากควบคมุ ในเวลาสนั้ ๆกอ น เรมิ่ จาก ครึง่ นาที เม่อื เด็กคุมไดจ งึ เพ่ิมเปน 1 , 2 , 3 นาที ตามลําดับ 3. ใชกิจกรรมมาชวยในการฝกควบคุมตนเอง เชนการฟงเพลง ทํานองชาๆ พานับเลข 1-10 ชาๆ หยอดลูกปดใสขวดปากแคบทีละเม็ด หยอดฝานํ้าอัดลมใสกระปองทีละฝาใหครบตามที่กําหนด เร่ิมจากจํานวน นอ ยชน้ิ แลวจงึ เพิ่มมากตามลาํ ดับ 4. เม่ือเด็กพอที่จะทํากิจกรรมควบคุมอารมณได อาจมอบหมาย งานงายๆ ใหท ําในบาน เชน ทิง้ ขยะ ชว ยเก็บผา 5. ใหเด็กทํากิจกรรมออกกําลังกายหรือกิจกรรมท่ีตองใชแรงเพื่อ สลายพลงั งานสว นเกนิ เชน ขีจ่ ักรยาน วิ่ง วา ยน้าํ เตะบอล 6. หาสิ่งท่ีเด็กชอบและใชสิ่งน้ันมาสรางแรงจูงใจกับเด็ก เมื่อเด็ก ใหความรว มมอื ในการทํากิจกรรม เด็กออทิสตกิ คูมอื สาํ หรับพอ แม/ผปู กครอง 27

• กนิ อาหารท่ีโรงเรียนนอย ลกั ษณะพฤติกรรมทเี่ ดก็ แสดงออกมา • ไมส นใจกินอาหาร • ชอบตกั อาหารเลน • เลือกกินอาหารที่ตัวเองชอบแบบซา้ํ ๆ • ปว ย เนอ่ื งจากปากเจบ็ คออกั เสบ โรคประจาํ ตวั เชน ตอ มทอลซลิ • กนิ แตนมและขนมขบเคย้ี ว วิธีการชวยเหลือ 1. ลดนม/งดขนมขบเค้ียว นมเปน อาหารเสริม ขา วเปน อาหารหลกั 2. ฝกใหเ ดก็ ชมิ อาหารชนิดตา งๆทลี ะนอ ย จดั รูปแบบอาหารให หลากหลาย 3. สอนเรื่องราวเกี่ยวกบั อาหารพรอ มมีรูปภาพประกอบ 4. ชมเชยเมอ่ื เดก็ ทาํ ได วยั ประถมศึกษา • ไมอ ยากไปโรงเรยี น ลักษณะพฤติกรรมทเ่ี ด็กแสดงออก - ปว ยบอย เชน ปวดทอง ปวดศีรษะ - ซึมลง ไมก ระตอื รอื รน - หงดุ หงดิ งาย - บางรายที่พดู ได อาจบอกวา ไมไป ไมอยากไป กลับบา น เดก็ ออทสิ ตกิ คูมือสําหรับพอแม/ผปู กครอง 29

การชวยเหลือ กําหนดระยะเวลาที่แนนอนในการทําการบาน เวลาเลน และ สรางขอตกลงกับเด็ก ถาทําตามเด็กจะไดรับรางวัล ถาเด็กไมทําตามขอตกลง จะงดส่งิ ท่ีเดก็ อยากได เชน ดูโทรทศั น ลดคาขนม • ปญหาการเลน กับเพ่ือน ลกั ษณะพฤตกิ รรมที่เด็กแสดงออก - อยคู นเดยี ว เลน คนเดียว ทํากิจกรรมคนเดยี ว - เดก็ ไมเ คยพดู ถึงเพือ่ นท่โี รงเรียน หรือเพือ่ นแถวบา น - เด็กๆแถวบาน เพื่อนท่ีโรงเรียนปฏิเสธการเลนดวย ไมให เขากลุมดวย - เลนกบั เด็กอ่นื ไดช่ัวครู เดก็ คนอ่นื ๆ กจ็ ะรําคาญไมเลน ดวย (วงแตก) - เลน เฉพาะที่ตนเองสนใจ คณุ แมท า นหนง่ึ ไดเ ลา ใหฟ ง เกยี่ วกบั พฤตกิ รรมน้ี “การเลน เลน ไมเ ปน เชน เลน ซอ นหากบั เพอื่ น 3 วนั พอเพอื่ นเปลยี่ นไปเลน อยา งอน่ื เขากไ็ มเ ขา ใจจะ เลน ท่ีตนเองอยากเลน เหน็ เพ่ือนเลน ลูกแกว เหน็ วา สวยดกี ็ซอ้ื มาเลน แตเพื่อน เลิกเลน แลว ” การชว ยเหลือ 1. สอนวิธีการเขาไปเลนกับเด็กคนอ่ืน โดยการซอมเลนกับพอแม หรอื พน่ี อ งในบา นกอ น เวลาพอ แมเ ลน กบั ลกู จะพบปญ หาจรงิ ๆ ของลกู ทเี่ กดิ ขน้ึ เวลาลูกเลนกับคนอื่น เชน จับเด็กคนอ่ืนแรงๆ กระชากของจากมือ เลนแต ส่ิงที่ตวั เองชอบ พูดแตส ิ่งที่ตนเองสนใจ ไมส นใจฟง คนอ่ืน เดก็ ออทสิ ตกิ คูมอื สําหรบั พอ แม/ผูปกครอง 31

การชวยเหลือ 1. ตอ งหยดุ พฤติกรรมนนั้ ทนั ที เชน จบั มอื เด็กไว 2. ถาพูดคําหยาบ คุณพอคุณแมควรมีอารมณสงบน่ิง และบอกให เด็กหยุดพูดคําหยาบ อยาดุหรือทําราย หรือตีเด็กกลับไป จะย่ิงทําใหปญหา หนักขนึ้ เร่ือยๆ 3. ใชเ ทคนคิ เบย่ี งเบน ความสนใจ ชวนเดก็ ไปทาํ กจิ กรรมอยา งอน่ื แทน เชน ไปเดินเลนรอบๆ บานดวยกัน เมื่อเด็กสงบลง ควรชี้แจง/บอกเด็กวา ไมช อบพฤตกิ รรมทไ่ี มเ หมาะสม (แตอ ยา ทาํ ใหเ ขาเขา ใจผดิ วา เราไมช อบตวั เขา ) 4. แนะนาํ เดก็ ถงึ พฤตกิ รรมทเ่ี หมาะสม เมอ่ื เขามพี ฤตกิ รรมทเ่ี หมาะสม ก็ควรใหคําชมเชย หรือรางวัล หากจะลงโทษเด็ก ไมควรใชความรุนแรง โดยการตี ย่ิงตีบอยๆ แลว ยังเหมือนเดิม แสดงวาวิธีนใ้ี ชม านานแลว ...แตกย็ งั ไมไ ดผล 5. อาจใชว ธิ ใี หง ดของทชี่ อบ เชน การเลน ตา งๆ การไปเทยี่ วนอกบา น หรืองดขนมทีเ่ ด็กชอบ เด็กออทสิ ติก คมู อื สาํ หรับพอแม/ ผปู กครอง 33

ปญหาที่พบในเด็กวัยมัธยมศึกษา ท่ีพบบอยอีกเร่ืองหน่ึงคือปญหา เรื่องเพศ เชน การสนใจเพศตรงขาม การสําเรจ็ ความใครดว ยตนเอง การพดู เรื่องเพศอยา งไมถ กู กาละเทศะ ปญ หาเร่อื งเพศ คุณแมทานหนึ่งเคยประสบกับปญหาน้ีมากอน “พอโตขึ้นลูกก็มี อารมณทางเพศ ถามเราวาทําไมมันมีขน เวลาเขามีอารมณเขาก็จะทําเลย เราจะไมรูจะอธิบายลูกอยางไร จึงพาลูกไปหาหมอ หมออธิบายวาเปน ธรรมชาตแิ ตเ วลาจะทาํ ตอ งทาํ ในทลี่ บั ตาคน ถา มอี ารมณก ต็ อ งทาํ ในทล่ี บั ตาคน พอมีอารมณเขาจะบอกวาขอไปนอนแลวไปทําเอง ตอนนี้ก็ใหออกกําลังกาย ว่ิงที่ถนนในบา น เขาฟต เนส อาทิตยเ วน อาทติ ย” คุณแมอีกทานพบปญหาเรื่องเพศเม่ือลูกเขาสูชวงวัยรุนเชนกัน “ลูกชอบพูดเร่ืองพวกน้ีมาก พูดไมหยุด โยงทุกเร่ืองไปเรื่องทางเพศไดหมด พูดจนคนอื่นอายก็แลวกัน ไปปรึกษากับอาจารยที่โรงเรียน พอดีท่ีโรงเรียน จะมีคาย อาจารยบอกวาถาทําตัวดี ก็จะใหไปคาย แมกับอาจารยก็เลยเอา เรอ่ื งนม้ี าคมุ เคา ทกุ วนั กอ นออกจากบา นตอ งทวนกฎกนั วา จะไมพ ดู คาํ หยาบคาย ทโี่ รงเรยี น หรอื ถา อาจารยเ ตอื นตอ งหยดุ ทนั ที ตอนเชา ตอ งไปเจออาจารยก อ น เขา แถว อาจารยจ ะใหไ ปทอ งกฎใหฟ ง กอ น แมก บั อาจารยจ ะคอยจดไวท กุ วนั ๆ เคาอยากไปคา ยมาก เคากท็ าํ ลดลง สดุ ทา ยเคาก็ไดไ ปเขา คา ยจริงๆ” เดก็ ออทิสติก คูมอื สําหรบั พอ แม/ผูปกครอง 35

เอกสารอางองิ สมพร หวานเสร็จ และคณะ. (มปพ). ชุดฝกทักษะเตรียมความพรอม กอนการเรียน. ขอนแกน: หจก.โรงพิมพคลังนานาวิทยา. .(2552). การพฒั นาศกั ยภาพบคุ คลออทสิ ตกิ โดยใชส อ่ื สนบั สนนุ การเรยี นรผู านการมอง. ขอนแกน : โรงพิมพคลังนานาวทิ ยา. ณัชพร นกสกลุ . (2554). การบรหิ ารจดั การเรยี นรว ม โดยใชโ ครงสรา งซที สํานักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน กรณีศึกษา: โรงเรียน วัดอุทัยธาราม สํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษา กรงุ เทพมหานคร. กรงุ เทพ: กลมุ งานการศกึ ษาพเิ ศษ สถาบนั ราชานกุ ลู . อุมาพร ตรังคสมบัติ. (2545). ชวยลูกออทิสติก คูมือสําหรับพอแม ผไู มย อมแพ. กรงุ เทพฯ: บรษิ ทั ศนู ยว จิ ยั และพฒั นาครอบครวั จาํ กดั . เดก็ ออทิสตกิ คมู ือสําหรบั พอ แม/ ผูป กครอง 37

......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... เด็กออทิสตกิ คูมอื สาํ หรับพอ แม/ผปู กครอง 39


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook