สแกนเพ่ืออ่าน E-Book นางสาวกนั ติชา ภ่มู ี ศนู ย์วทิ ยาศาสตร์เพ่ือการศกึ ษาสระแก้ว
ฐานการเรียนรทู้ ี่ 2 เรือ่ ง วุน้ แฟนซีของโปรดประโยชน์เยอะ
แผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรูท้ ี่ 2 เรอื่ ง วุน้ แฟนซีของโปรดประโยชน์เยอะ จานวน 3 ช่วั โมง แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรูท้ ี่ 2 เรอื่ ง วนุ้ แฟนซีของโปรดประโยชน์เยอะ จานวน 3 ช่วั โมง แนวคดิ ปั จ จุ บั น ก า ร บ ริ โ ภ ค ข น ม ข อ ง ค น ไ ท ย มีนิสยั ชอบบริโภคของที่มีรสหวานหรือมีส่วนผสมของน้าตาลมาก เช่น ข น ม ก รุ บ ก ร อ บ น้ า อั ด ล ม แ ล ะ ลู ก อ ม ต่ า ง ๆ ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพของคนไทยมาก เพื่อเป็ นการลดการบริโภคน้าตาล จึ ง ห า ข น ม ที่ ผู้ บ ริ โ ภ ค ท่ ั ว ไ ป ช อ บ รั บ ป ร ะ ท า น ซึ่งเป็ นขนมไทยทีส่ ามารถเปลีย่ นรูปลกั ษณ์ใหส้ วยงามได้หลากหลายรูปแบบ น่นั ก็คือ ขนมวุน้ ซง่ึ ตอ้ งมีความหวานน้อยและมีสีสนั น่ารบั ประทานดงึ ดูดใจ
โดยใช้สมุนไพรที่ให้สีสนั สวยงาม เช่น ใบเตย อญั ชนั ตะไคร้ กระเจี๊ยบ กระชาย ฝาง ฟักข้าว มนั ม่วง พรอ้ มยงั ได้สรรพคุณจากสมุนไพรอีกด้วย แต่เมื่อนาการบูรณาการความรู้ใน 4 วิชาได้แก่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ที่เรียกว่าสะเต็มศึกษามาประยุกต์ใช้ โด ยเน้ น ก ารน าค วาม รู้ไป ใช้ แ ก้ปัญ ห า ห รือใช้ ป ระโย ช น์ ใน ชี วิต จริง จะพบวา่ มีการทาขนมวุ้นโดยการเพมิ่ กลนิ่ และสรรพคุณของสมุนไพรไทยทมี่ ีใ นทอ้ งถนิ่ ใหก้ บั ขนมวนุ้ วตั ถุประสงค์ 1. อธบิ ายการทาวนุ้ แฟนซีโดยการบูรณาการสะเต็มศกึ ษากบั วฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ 2. ออกแบบและปฏบิ ตั กิ ารทาวนุ้ แฟนซีโดยการบูรณาการสะเต็มศกึ ษากบั วฒั นธร รมทอ้ งถนิ่ 3. เห็นความสาคญั ของทาวนุ้ แฟนซีโดยการบรู ณาการสะเต็มศกึ ษากบั วฒั นธรรม ทอ้ งถนิ่ เน้ือหา 1. การทาวนุ้ แฟนซีโดยการบูรณาการสะเต็มศกึ ษากบั วฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ 1.1 ความรเู้ บ้ืองตน้ เกยี่ วกบั การวนุ้ 1.1.1 วนุ้ หมายถงึ อะไร 1.1.2 การเลือกซ้อื วตั ถดุ บิ ในการทาวนุ้ เชน่ ผงวนุ้ 1.1.3 ลกั ษณะและคุณภาพของวนุ้ แฟนซี 1.1.4 คณุ ค าทางโภชนาการของวนุ้ แฟนซี 1.2 การละลายของสาร 1.2.1 คณุ สมบตั ขิ องการละลาย 1.2.2 พลงั งานกบั การละลายของสาร 1.2.3 ความสามารถในการละลายของสาร 1.3 วธิ กี ารทาวนุ้ แฟนซีโดยการใชส้ มนุ ไพร 2. การออกแบบและปฏบิ ตั กิ ารทาวนุ้ แฟนซีโดยการบูรณาการสะเต็มศกึ ษากบั วฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ 2.1 การออกแบบเชิงวศิ วกรรมการทาวนุ้ แฟนซีโดยการบูรณาการสะเต็มศกึ ษากบั วฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ 2.1.1 การระบปุ ญั หา 2.1.2 การคน้ หาแนวคดิ ทเี่ กยี่ วขอ้ ง 2.1.3 การวางแผนและพฒั นา 2.1.4 การทดสอบและการประเมนิ ผล 2.1.5 การนาเสนอผลลพั ธ์
2.2 การปฏบิ ตั กิ ารทาวนุ้ แฟนซีโดยการบรู ณาการสะเต็มศกึ ษากบั วฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ ตามการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมการทาวนุ้ แฟนซีโดยการบูรณาการสะเต็ มศกึ ษากบั วฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ
กจิ กรรมการเรียนรสู้ ะเต็มศกึ ษาบ “วุน้ แฟนซีของโปร S : Science T: E วทิ ยาศาสตร์ Technology Engine เทคโนโลยี วศิ วกร ความรู้ 1. สารละลาย ต 2. การละลายของ ประโยชน์ทไี่ ด้ กระบวน สาร รบั อกแบบ 1. ต สืบคน้ ขอ้ มลู เกี่ ยวกบั วสั ดุ 1. อปุ กรณ์ การระบุป 2. 2. การคน้ ห กลนิ่ และรสชา คดิ ทเี่ กี่ย 3. ตแิ ปลกใหม่ การวางแ ะการพฒั 3. 4. การทดส สว่ นผสมและวิ การประเ ธีการทาวนุ้ แฟ นซี แผค5พม4น..งผี ผคลุณดงั ีตกภอ่ ราสพะขุ ตบภาวา น“กวานุ้ รแแฟลนะเซนีขื้อาอ6ล5กอหงพอ.า.ั งชรกาธโนน้ิ แ์ ปงาสบาเบรสะน มหลกั โภชนาก างสรา้ งส าร ะเลอื กใช ทสี่ วยงาม
บูรณาการวฒั นธรรมท้องถนิ่ เรื่อง รดประโยชน์เยอะ” E: M: C : Culture eering Mathematic วฒั นธรรมทอ้ รรมศาส คณิตศsาสตร์ งถนิ่ ตร์ ตน้ กาเนดิ นการอ ความรู้ 1. ภูมปิ ญั ญาทอ้ ง บการผลิ 1. ถนิ่ ดา้ นสมุนไ การช่งั ปรมิ าณ พร เพื่อใช้ในการ วตั ถุดบิ ในการ ทาขนม ปญั หา ทาวนุ้ แฟนซี เช่น สมนุ ไพร หาแนว 2. การตวงน้า ยวข้อง 3. รูปทรงเรขาค แผนแล ณิตของภาชน ฒนา ะทบี่ รรจวุ นุ้ แฟ นซี สอบและ 4. เมนิ ผล การคานวณหา ต้นทุน/กาไร สะนเตอผ็มลศกึ ษาบรู ณาการวฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ รดประโยชน์เยอะ” บและสร้ นไดอ้ ย่ สรรคแ์ ล ชภ้ าชนะ ม
ขน้ั ตอนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั ที่ 1 กจิ กรรมการเรยี นรปู้ ระสบการณ์ทางวทิ ยาศาสตร์ (S : Science Experience Activity) 1. ผจู้ ดั กจิ กรรมทกั ทายและแนะนาตนเองแกผ่ รู้ บั บรกิ าร รวมทง้ั ชี้แจงวตั ถุประสงคข์ องฐานการเรียนรู้ เรอื่ ง วนุ้ แฟนซีของโปรดประโยชน์เยอะ ไดแ้ ก่ (1) อธบิ ายการทาวนุ้ แฟนซีโดยการบูรณาการสะเต็มศกึ ษากบั วฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ (2) ออกแบบและปฏบิ ตั กิ ารทาวนุ้ แฟนซีโดยการบรู ณาการสะเต็มศกึ ษากบั วฒั นธร รมทอ้ งถนิ่ (3) เห็นความสาคญั ของทาวนุ้ แฟนซีโดยการบูรณาการสะเต็มศกึ ษากบั วฒั นธรรม ทอ้ งถนิ่ ห ลังจ า ก น้ั น ผู้ จัด กิ จ ก ร ร ม เก ร่ิ น ว่ า กิ จ ก ร ร ม ก า ร เรี ย น รู้เรื่ อ ง วุ้ น แ ฟ น ซี ข อ ง โ ป ร ด ป ร ะ โ ย ช น์ เ ย อ ะ เป็ น ก า ร เรี ย น รู้ ส ะ เต็ ม ศึ ก ษ า ที่ บู ร ณ า ก า ร กับ วัฒ น ธ ร ร ม ท้ อ ง ถิ่ น ซ่ึ งส ะ เต็ ม ศึ ก ษ า เป็ น ก า ร บู ร ณ า ก า ร วิ ช า วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ เท ค โ น โ ล ยี วิ ศ ว ก ร ร ม ศ า ส ต ร์ แ ล ะ ค ณิ ต ศ า ส ต ร์ ทผี่ ูร้ บั บรกิ ารจะไดล้ งมือปฏบิ ตั ิเรียนรูก้ ารทางาน และใช้ความคดิ ในดา้ นต่างๆ ซง่ึ ผูร้ บั บรกิ ารจะตอ้ งแบบและสรา้ งสรรค์สง่ิ ทีต่ อ้ งการพฒั นาหรอื นวตั กรรมเพื่ อแก้ปญั หาในชีวติ จรงิ รวมทง้ั การพฒั นาผลผลติ ใหม่ทเี่ ป็ นประโยชน์ต่อการดา รงชีวิตและการประกอบอาชีพผ่านประสบการณ์ในการทากิจกรรมในครง้ั น้ี ซึ่งกิจกรรมดงั กล่าวจะเป็ นการบูรณ าการวฒั นธรรมท้องถิ่นเข้าไปด้วย วฒั นธรรมเป็ นทกุ สงิ่ ทุกอยา่ งทมี่ นุษยส์ รา้ งขนึ้ เพือ่ สรา้ งเสรมิ การดารงชีวติ ทดี่ ขี ้ึ น มี ก า ร สื บ ท อ ด เ ป็ น ม ร ด ก ไ ป สู่ ค น รุ่ น ห ลั ง วฒั นธรรมจงึ แสดงถงึ ขีดความสามารถของมนุษย์เพื่อสรา้ งองค์ความรูใ้ หม่ๆ ส า ห รั บ ก า ร ป รั บ ตั ว แ ก้ ปั ญ ห า พั ฒ น า วิ ถี ก า ร ด า เ นิ น ชี วิ ต และตอบสนองความตอ้ งการของมนุษยท์ ง้ั ทางกายและใจ 2. หลงั จากน้นั ผู้จดั กิจกรรมให้ผู้รบั บริการทาแบบทดสอบก่อนเรียน เรอื่ ง วนุ้ แฟนซีของโปรดประโยชน์เยอะ 3. ผจู้ ดั กจิ กรรมซกั ถามประสบการณ์เดมิ ของผรู้ บั บรกิ ารเกยี่ วกบั เรอื่ งทจี่ ะเรยี นรู้ โดยสมุ่ ผรู้ บั บรกิ ารจานวน 3 – 5 คน ตามความสมคั รใจ ใหต้ อบคาถาม จานวน 3 ประเด็น ดงั นี้ ประเด็นที่ 1 “ทา่ นเคยรบั ประทานวนุ้ หรือไม่ ยกตวั อยา่ งวนุ้ ทรี่ บั ประทาน” ประเด็นที่ 2 “ทา่ นเคยทาวนุ้ หรือไม่ อยา่ งไร”
4. ผจู้ ดั กจิ กรรมและผูร้ บั บรกิ ารแลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ และสรปุ ผลการเรยี นรรู้ ว่ มกนั 5. ผูจ้ ดั กจิ กรรมเชื่อมโยงประสบการณ์เดิมของผูร้ บั บรกิ ารกบั เนื้อหาการเรียนรู้ เรื่อง การทาวุ้นแฟนซีโดยการบูรณาการสะเต็มศึกษากบั วฒั นธรรมท้องถ่ิน โ ด ย บ ร ร ย า ย เ รื่ อ ง การทาวุ้นแฟนซีโดยการบูรณ าการสะเต็มศึกษากบั วฒั นธรรมท้องถ่ิน ต า ม ใ บ ค ว า ม รู้ ข อ ง ผู้ จั ด กิ จ ก ร ร ม เ รื่ อ ง การทาวุ้นแฟนซีโดยการบูรณ าการสะเต็มศึกษากบั วฒั นธรรมท้องถิ่น ซงึ่ มีรายละเอียดหวั ขอ้ ของเนื้อหาดงั นี้ การทาวุ้นแฟนซีโดยการบูรณาการสะเต็มศกึ ษากบั วฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ (1) ความรเู้ บ้ืองตน้ เกยี่ วกบั วนุ้ (1.1) วนุ้ หมายถงึ อะไร (1.2) การเลอื กซอื้ วตั ถดุ บิ ในการทาวนุ้ เชน่ ผงวนุ้ (1.3) ลกั ษณะและคณุ ภาพของวนุ้ แฟนซี (1.4) คุณค าทางโภชนาการของวนุ้ แฟนซี (2) การละลายของสาร (2.1) คุณสมบตั ขิ องการละลาย (2.2) พลงั งานกบั การละลายของสาร (2.3) ความสามารถในการละลายของสาร (3) วธิ ีการทาวนุ้ แฟนซีโดยการใช้สมนุ ไพร หลงั จากนน้ั ผจู้ ดั กจิ กรรมเชื่อมโยงการบูรณาการสะเตม็ ศกึ ษากบั เน้ือหาทเี่ รียนรู้ ตามใบ ความรขู้ องผจู้ ดั กจิ กรรม เรอื่ ง แผนผงั กระบวนการและเน้ือหา สะเต็มศกึ ษาบูรณาการวฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ “วนุ้ แฟนซีของโปรดประโยชน์เยอะ”ดงั น้ี 5.1 Science (วทิ ยาศาสตร)์ ความรู้ (1) สารละลาย (2) การละลายของสาร 5.2 Technology (เทคโนโลย)ี ประโยชน์ทไี่ ดร้ บั (1) การสืบคน้ ขอ้ มลู เกยี่ วกบั วสั ดุ อปุ กรณ์ (2) กลน่ิ และรสชาตแิ ปลกใหม่ (3) สว่ นผสมและวธิ กี ารทาวนุ้ แฟนซีสมนุ ไพร (4) มีผลดตี อ่ สขุ ภาพ
(5) คงคุณภาพตามหลกั โภชนาการ 5.3 Engineering (วศิ วกรรมศาสตร)์ กระบวนการออกแบบการผลติ (1) การระบปุ ญั หา (2) การคน้ หาแนวคดิ ทเี่ กยี่ วขอ้ ง (3) การวางแผนและการพฒั นา (4) การทดสอบและการประเมนิ ผล (5) การนาเสนอผลลพั ธ์ (6) ออกแบบและสรา้ งชนิ้ งานไดอ้ ยา่ งสรา้ งสรรคแ์ ละเลือกใชภ้ าชนะทสี่ วยงาม 5.4 Mathematics (คณิตศาสตร์) ความรู้ (1) การช่งั ปรมิ าณวตั ถุดบิ ในการทาวนุ้ แฟนซี เชน่ สมนุ ไพร (2) การตวงน้า และการช่งั ทถี่ ูกตอ้ ง (3) การคานวณหาตน้ ทนุ /กาไร (4) รูปทรงเรขาคณิตของภาชนะทบี่ รรจวุ นุ้ แฟนซี 5.5 C : Culture (วฒั นธรรฒทอ้ งถนิ่ ) ตน้ กาเนดิ (1) ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ดา้ นสมนุ ไพรเพอื่ ใชใ้ นการทาขนม 6. ผจู้ ดั กจิ กรรมแจกใบความรสู้ าหรบั ผรู้ บั บรกิ าร เรอื่ ง วนุ้ แฟนซีของโปรดประโยชน์เยอะ ใหผ้ รู้ บั บรกิ ารศกึ ษา หลงั จากนน้ั ผจู้ ดั กจิ กรรมและผูร้ บั บรกิ ารแลกเปลยี่ นความคดิ เห็นและสรุปผลการเรยี นรรู้ ่ วมกนั ข้นั ตอนที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่ท้าทาย (C : Challenge Learning Activity) 1. ผู้ จัด กิ จ ก ร ร ม เชื่ อ ม โ ย ง เน้ื อ ห า ใ น ข้ั น ต อ น ที่ 1 เรื่ อ ง วนุ้ แฟนซีของโปรดประโยชน์เยอะ โดยใหผ้ รู้ บั บรกิ ารชมคลิปวดิ ีโอเรอื่ ง ก า ร ท า วุ้ น ส มุ น ไ พ ร จ า ก สี ธ ร ร ม ช า ติ จ า ก อิ น เ ต อ ร์ เ น็ ต https://www.youtube.com/watch?v=5yJR6Xse35I จ า น ว น 2.35 นาที หลงั จากน้ันผู้จดั กิจกรรมเสนอสถานการณ์ ในชีวิตจริงที่เกี่ยวข้อง ดงั ตวั อยา่ ง ห นึ่ ง ใ น ข น ม ที่ เ ร า ส า ม า ร ถ ห า รั บ ป ร ะ ท า น ไ ด้ ง่ า ย ร ส ช า ติ อ ร่ อ ย แ ล ะ ส า ม า ร ถ ห า ท า น ไ ด้ ต ล อ ด คื อ วุ้ น ใ น ปั จ จุ บั น มี ก า ร แ ป ร รู ป เ พื่ อ ก ร ะ ตุ้ น ย อ ด ข า ย โ ด ย ก า ร น า ม า พ ลิ ก แ พ ล ง ร ส ช า ติ ใ ห้ มี ค ว า ม ห ล า ก ห ล า ย และมีรูปแบบตา่ งๆมากมาย
ห ลังจ า ก น้ัน ผู้ จัด กิ จ ก ร ร ม อ ธิ บ า ย แ ล ะ ส า ธิ ต ก า ร ท า วุ้ น แ ฟ น ซี ตามใบความรูส้ าหรบั ผู้จดั กิจกรรมเรื่อง วุ้นแฟนซีของโปรดประโยชน์เยอะ พรอ้ มทง้ั ใหผ้ รู้ บั บรกิ ารรว่ มปฏบิ ตั ใิ นการสาธติ ของผจู้ ดั กจิ กรรมดว้ ย 2. ใหผ้ ูร้ บั บรกิ ารตง้ั ประเด็นขอ้ สงสยั หรอื สง่ิ ทอี่ ยากรูใ้ นกระบวนการหรอื หลกั การ ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง จ า ก ก า ร ส า ธิ ต ข อ ง ผู้ จั ด กิ จ ก ร ร ม รวมไปถงึ การนาไปประยุกต์ใชใ้ นชีวติ จรงิ 3. ผจู้ ดั กจิ กรรมและผูร้ บั บรกิ ารแลกเปลยี่ นความคดิ เห็นและสรุปผลการเรียนรรู้ ว่ มกนั ขน้ั ตอนที่ 3 กิจกรรมการสรปุ ผลการนาวทิ ยาศาสตร์ไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั (I : Implementation Conclusion Activity) 1. แ บ่ ง ผู้ รั บ บ ริ ก า ร อ อ ก เ ป็ น ก ลุ่ ม ๆ ล ะ 4 – 8 ค น ใหอ้ อกแบบและปฏบิ ตั กิ ารทาวนุ้ แฟนซีของโปรดประโยชน์เยอะโดยการบรู ณา การสะเต็มศึกษากบั วฒั นธรรมท้องถ่ิน ตามใบกิจกรรมของผู้รบั บริการเรื่อง ออกแบบและปฏบิ ตั กิ ารทาวนุ้ แฟนซีโดยการบรู ณาการสะเต็มศกึ ษากบั วฒั นธร รมทอ้ งถนิ่ ท้ั ง น้ี ผจู้ ดั กจิ กรรมเตรียมวสั ดอุ ุปกรณ์ใหก้ บั ผรู้ บั บรกิ ารในการออกแบบและปฏบิ ตั กิ า รท าวุ้น แ ฟ น ซี โดย การบู รณ าการส ะเต็ ม ศึก ษ ากับ วฒั น ธ รรม ท้อ งถ่ิน ( ผ ง วุ้ น /น้ า เ ป ล่ า / น้ า ต า ล / น้ า ส มุ น ไ พ ร /แมพ่ มิ พ์/ถาด/หมอ้ /เตาแกส๊ /กะละมงั /ตาช่งั /ถว้ ยตวง) 2. ผรู้ บั บรกิ ารนาเสนอผลงานการออกแบบและปฏบิ ตั กิ ารทดลอง 3. ใหผ้ รู้ บั บรกิ ารตอบคาถามจากประสบการณ์ทไี่ ดเ้ รยี นรผู้ า่ นกจิ กรรมในครง้ั นี้ ประเด็นที่ 1 ในการทาวนุ้ แฟนซีของโปรดประโยชน์เยอะของทา่ น มกี ารเปลยี่ นแปลงอยา่ งไร ประเด็นที่ 2 วนุ้ แฟนซีสมุนไพรทที่ า่ นทามีลกั ษณะอยา่ งไร ประเด็นที่ 3 ท่านได้ความรู้ในด้านวิทยาศาสตร์ในกิจกรรม วนุ้ แฟนซีของโปรดประโยชน์เยอะ บา้ งหรือไม่ อยา่ งไร ประเด็นที่ 4 ท่านได้ความรู้ในด้านคณิ ตศาสตร์ในกิจกรรม วนุ้ แฟนซีของโปรดประโยชน์เยอะ บา้ งหรอื ไม่ อยา่ งไร ประเด็ น ที่ 5 ท่าน ใช้อิน เตอร์เน็ ต สืบค้นข้อมู ลบ้างหรือไม่ สืบคน้ ในเรอื่ งใดบา้ ง ป ระเด็ น ที่ 6 ท่ าน ใช้ ก ระบ วน ก ารเท ค โน โลยี ใน กิ จก รรม วนุ้ แฟนซีของโปรดประโยชน์เยอะ บา้ งหรือไม่ อยา่ งไร 4. ให้ผู้รบั บริการตอบคาถามโดยสุ่มผู้รบั บริการ จานวน 3 – 5 คน ตามความสมคั รใจ ให้ตอบคาถามในประเด็น “ท่านจะนาความรู้ เรื่อง
วุ้ น แ ฟ น ซี ข อ ง โ ป ร ด ป ร ะ โ ย ช น์ เ ย อ ะ ไปประยุกตใ์ ช้ในการแกป้ ญั หาหรือใช้ประโยชน์ในชีวติ จรงิ ไดอ้ ยา่ งไร 5. ผจู้ ดั กจิ กรรมและผูร้ บั บรกิ ารแลกเปลยี่ นความคดิ เห็นและสรปุ ผลการเรยี นรรู้ ว่ มกนั ตาม PowerPoint เ รื่ อ ง ก า ร ส รุ ป ผ ล ก า ร เ รี ย น รู้ เ รื่ อ ง วนุ้ แฟนซีของโปรดประโยชน์เยอะ 6. ใ ห้ ผู้ รั บ บ ริ ก า ร ท า แ บ บ ท ด ส อ บ ห ลั ง เ รี ย น เ รื่ อ ง วนุ้ แฟนซีของโปรดประโยชน์เยอะ 7. ใหผ้ รู้ บั บรกิ ารทาแบบประเมนิ ความพงึ พอใจในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม สอื่ วสั ดุอุปกรณ์ และแหลง่ การเรียนรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรอื่ ง วนุ้ แฟนซีของโปรดประโยชน์เยอะ 2. ใ บ ค ว า ม รู้ ข อ ง ผู้ จั ด กิ จ ก ร ร ม เ รื่ อ ง การทาวนุ้ แฟนซีโดยการบรู ณาการสะเต็มศกึ ษากบั วฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ 3. ใบความรูข้ องผู้จดั กิจกรรม เรื่องแผนผงั กระบวนการและเนื้อหา สะเต็มศกึ ษาบูรณาการวฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ “วนุ้ แฟนซีของโปรดประโยชน์เยอะ” 4. ใ บ ค ว า ม รู้ ส า ห รั บ ผู้ รั บ บ ริ ก า ร เ รื่ อ ง วนุ้ แฟนซีของโปรดประโยชน์เยอะ 5. คลปิ วดิ โี อเรอื่ ง วนุ้ สมนุ ไพร จากสธี รรมชาติ 6. ใ บ ค ว า ม รู้ ส า ห รั บ ผู้ จั ด กิ จ ก ร ร ม เ รื่ อ ง การทาวนุ้ แฟนซีของโปรดประโยชน์เยอะ 7. ใ บ กิ จ ก ร ร ม ข อ ง ผู้ รั บ บ ริ ก า ร เ รื่ อ ง ออกแบบและปฏบิ ตั กิ ารทาวนุ้ แฟนซีโดยการบูรณาการสะเต็มศกึ ษากบั วฒั นธร รมทอ้ งถนิ่ 8. วสั ดอุ ุปกรณ์ใหก้ บั ผรู้ บั บรกิ ารในการออกแบบและปฏบิ ตั กิ ารทาวนุ้ แฟนซีโดยก า ร บู ร ณ า ก า ร ส ะ เ ต็ ม ศึ ก ษ า กั บ วั ฒ น ธ ร ร ม ท้ อ ง ถ่ิ น ( ผ ง วุ้ น /น้ า เ ป ล่ า / น้ า ต า ล / น้ า ส มุ น ไ พ ร /แมพ่ มิ พ์/ถาด/หมอ้ /เตาแกส๊ /กะละมงั /ตาช่งั /ถว้ ยตวง) 9. PowerPoint เ รื่ อ ง ก า ร ส รุ ป ผ ล ก า ร เ รี ย น รู้ เ รื่ อ ง วนุ้ แฟนซีของโปรดประโยชน์เยอะ 10. แบบทดสอบหลงั เรียน เรอื่ ง วนุ้ แฟนซีของโปรดประโยชน์เยอะ 11. แบบประเมินความพงึ พอใจทีม่ ีตอ่ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง วนุ้ แฟนซีของโปรดประโยชน์เยอะ การวดั และประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมการมีสว่ นรว่ ม ความตง้ั ใจ และความสนใจของผรู้ บั บรกิ าร 2. ผลการทดสอบกอ่ นและหลงั เรียน
3. ผลการออกแบบและสรา้ งสรรคน์ วตั กรรมและสง่ิ ทตี่ อ้ งการพฒั นา/ชน้ิ งา น/ผลงาน 4. ผลการประเมนิ ความพงึ พอใจทมี่ ตี อ่ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ เรอื่ ง วนุ้ แฟนซีของโปรดประโยชน์เยอะ บนั ทกึ ผลหลงั การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ผลการใช้แผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. จานวนเนื้อหากบั จานวนเวลา เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบุเหตุผล
............................................................................................. ............................................................................................. ............................................................................................. ......................................... 2. การเรียงลาดบั เนื้อหากบั ความเขา้ ใจของผรู้ บั บรกิ าร เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตผุ ล............................................................................... ............................................................................................. ............................................................................................. ...................................................... 3. การนาเขา้ สบู่ ทเรยี นกบั เน้ือหาแตล่ ะหวั ขอ้ เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตุผล............................................................................... ............................................................................................. ............................................................................................. ...................................................... 4. วธิ กี ารจดั กจิ กรรมการเรยี นรกู้ บั เน้ือหาในแตล่ ะขอ้ เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตุผล............................................................................... ............................................................................................. ............................................................................................. ...................................................... 5. การประเมนิ ผลกบั วตั ถุประสงค์ในแตล่ ะเน้ือหา เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบุเหตผุ ล............................................................................... ............................................................................................. ............................................................................................. ...................................................... ผลการเรยี นรขู้ องผรู้ บั บรกิ าร .................................................................................................. .................................................................................................. .................................................................................................. ........................................ ผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรขู้ องผจู้ ดั กจิ กรรม .................................................................................................. .................................................................................................. .................................................................................................. ........................................
ขอ้ เสนอแนะ ................................................................................................. ................................................................................................. ................................................................................................. ........................................... แบบทดสอบกอ่ นเรียน เรอื่ ง วนุ้ แฟนซขี องโปรดประโยชน์เยอะ คาช้ีแจง 1. แบบทดสอบจานวน 10 ขอ้ ข้อละ 1 คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน 2. ใหเ้ ลอื กคาตอบทถี่ ูกทสี่ ุดเพียงขอ้ เดียว 1. วุน้ มีสารประกอบของอะไร ก. น้าตาล ข. น้าตาลโมเลกุลเดี่ยว ค. น้าตาลโมเลกุลคู่ ง. น้าตาลหลายโมเลกุล 2. วุ้นสกดั มาจากอะไร ก. ปะการงั ข. สมนุ ไพรไทย ค. หอยนางรม ง. สาหรา่ ยทะเล 3. การแข็งตวั ของวนุ้ มกี ี่ประเภท ก. 2 ประเภท ข. 3 ประเภท ค. 4 ประเภท ง. 5 ประเภท 4. วุ้น มีคณุ สมบตั พิ เิ ศษ คืออะไร ก. สามารถแข็งตวั ได้ ข. สามารถปรบั ระดบั ความเขม้ ข้นได้ ค. สามารถยืดหยนุ่ ได้ ง. ถูกทง้ั ขอ้ ข. และ ข้อ ค. 5. วุน้ สามารถนาไปใช้ประโยชน์ในดา้ นใดบา้ ง ก. ดา้ นอตุ สาหกรรมอาหาร ข. ดา้ นวทิ ยาศาสตร์การแพทย์ ค. ด้านการเกษตร ง. ถูกทุกขอ้ 6. สารละลาย หมายถงึ อะไร ก. สารเน้ือเดียวทีบ่ รสิ ุทธเิ์ กดิ จากสาร 2 ชนิดมารวมกนั ข. สารทสี่ ามารถละลายได้ ข. สารเนื้อเดียวทีไ่ มบ่ รสิ ุทธเิ์ กดิ จากสาร 2 ชนดิ ขน้ึ ไปมารวมกนั ง. สารทมี่ ีออกซเิ จนรวมตวั กนั 7. สารละลายมีส่วนประกอบกี่สว่ น ก. 2 สว่ น ข. 3 สว่ น ค. 4 สว่ น ง. 5 สว่ น 8. สารละลายมกี ีส่ ถานะ ก. 2 สถานะ ข. 3 สถานะ ค. 4 สถานะ ง. 5 สถานะ 9. สารละลายของแข็ง หมายถงึ ก. สารละลายทมี่ ตี วั ทาละลายมีสถานะเป็ นของแกส๊ ข. สารละลายทมี่ ตี วั ทาละลายมีสถานะเป็ นของแข็ง ค. สารละลายทมี่ ตี วั ทาละลายมีสถานะเป็ นของสารง. สารละลายทมี่ ตี วั ทาละลายมสี ถานะเป็ นของเหลว 10. สารละลายของเหลว หมายถงึ
ก. สารละลายทมี่ ีตวั ทาละลายมีสถานะเป็ นของแกส๊ ข. สารละลายทมี่ ตี วั ทาละลายมสี ถานะเป็ นของแข็ง ค. สารละลายทมี่ ีตวั ทาละลายมีสถานะเป็ นของสารง. สารละลายทมี่ ตี วั ทาละลายมสี ถานะเป็ นของเหลว ใบความรูส้ าหรบั ผจู้ ดั กจิ กรรม เรอื่ ง วนุ้ แฟนซีของโปรดประโยชน์เยอะ วนุ้ วุ้ น (agar–agar) เป็ น ส า ร ป ร ะ ก อ บ ข อ ง น้ า ต า ล ห ล า ย โ ม เล กุ ล (polysaccharide) 2 กลุ่มคือ เอกาโรส (agarose) และเอกาโรเพกติน (agaropectin) ซึ่ ง ส กัด ไ ด้ จ า ก ส า ห ร่ า ย ท ะ เล ใ ห้ วุ้ น ( agarophytes) เป็ น ส า ห ร่ า ย สี แ ด ง ใ น ดิ วิ ช่ ั น โ ร โ ด ไ ฟ ต้ า ( Division Rhodophyta) สาหร่ายสกุลที่นิยมใช้เป็ นหลกั ในการสกดั วุ้นในเชิงอุตสาหกรรม ได้แก่ Gelidium. Gracilaria แ ล ะ Pterocladia โ ด ย ใ ช้ ส กุ ล Ceramium, Campylae-phora แ ละ Ahnfeltia เ ป็ น ตั ว เ ส ริ ม น อ ก จ า ก ส า ห ร่ า ย ใ น ส กุ ล ดั ง ก ล่ า ว แ ล้ ว ยั ง มี อี ก ห ล า ย ส กุ ล ที่ มี ค ว า ม ส า คั ญ ใ น เ ชิ ง อุ ต ส า ห ก ร ร ม เนื่องจากมีการกระจายอยู่ตามชายฝ่งั ทะเลของประเทศต่างๆ ในเขตศูนย์สตู ร และเข ตอ บ อุ่น ซ่ึงได้แ ก่ สาห ร่ายใน ส กุล Gelidiella, Acanthopeltis, Chondrus, Hypnea, Gracilariopsis, Gigartina, Suluria,Phyllophora, Furcellaria และ Eucheuma สาหรา่ ยใหว้ นุ้ เหลา่ นี้แบง่ ออกเป็ น 3 ประเภท ตามความสามารถในการแข็งตวั ของวนุ้ (setting power) คือ 1. เจลเิ ดียม (Gelidium type) เป็ นสาหรา่ ยชนิดทใี่ หว้ นุ้ ซงึ่ สามารถแข็งตวั ไดด้ ี แมจ้ ะใชว้ นุ้ ในปรมิ าณตา่ 2. กราซลิ ลาเรีย ฮบิ เนีย (Glacilaria, Hypnea type) เป็ นสาหรา่ ยทใี่ หว้ นุ้ ซงึ่ จะแข็งตวั ไดเ้ มือ่ ใช้ในปรมิ าณคอ่ นขา้ งสูงหรอื ตอ้ ง เตมิ สารอเิ ล็กทรอไลต์ 3. คอนดรสั (Chondrus type) เป็ นสาหรา่ ยทีใ่ หว้ ุน้ ซงึ่ จะแข็งตวั ได้ เมอื่ ใชใ้ นปรมิ าณความเขม้ ขน้ สูงเทา่ นน้ั ส าห ร่ า ย ใ ห้ วุ้ น ที่ ม าจาก แ ห ล่งต่ างกัน จะ ให้ วุ้น ใน ป ริม าณ แ ละคุ ณ ภ าพ ที่ ต่ างกัน ไป สาหรบั มาตรฐานของสาหร่ายให้วุ้น จะกาหนด จากองค์ประกอบต่างๆ ของสาหร่าย ได้แก่สี ความแห้ง ความแข็งของวุ้น และปริมาณวุ้นที่ได้ ร ว ม ท้ั ง ค ว า ม บ ริ สุ ท ธิ์ ข อ ง ส า ห ร่ า ย แ ล ะ ป ริ ม า ณ สิ่ ง เ จื อ ป น คุ ณ ภ า พ ข อ ง วุ้ น จ ะ ขึ้ น อ ยู่ กับ ช นิ ด แ ล ะ แ ห ล่ ง ที่ ม า ข อ ง ส า ห ร่ า ย ส ภ า พ แ ว ด ล้ อ ม ข อ ง ท ะ เล ร ว ม ท้ัง ก ร ร ม วิ ธี ก า ร ส กัด อัน ไ ด้ แ ก่
การก าจดั สิ่งเจือป น ก่อ น ส กัด อุณ ห ภู มิ ค วาม ดัน ค วาม เป็ น ก รด ด่าง และระยะเวลาทใี่ ช้ในการสกดั ป ร ะ โ ย ช น์ ข อ ง วุ้ น น อ ก จ า ก จ ะ ใ ช้ เ ป็ น อ า ห า ร แ ล้ ว ก า ร ที่ วุ้ น มี คุ ณ ส ม บั ติ พิ เ ศ ษ คื อ ส า ม า ร ถ แ ข็ ง ตั ว ไ ด้ เ มื่ อ ใ ช้ ใ น ร ะ ดั บ ค ว า ม เ ข้ ม ข้ น เ พี ย ง ร้ อ ย ล ะ 0 . 5 ท า ใ ห้ มี ก า ร น า วุ้ น ไ ป ใ ช้ ป ร ะ โ ย ช น์ ด้ า น อุ ต ส า ห ก ร ร ม อ า ห า ร โ ด ย เป็ น ส่ ว น ผ ส ม ใ น ผ ลิ ต ภัณ ฑ์ น ม ข น ม ปั ง แ ล ะ อ า ห า ร ก ร ะ ป๋ อ ง เพื่อให้อาหารมีความเหนียวข้นน่ารบั ประทานและในอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น เ ค รื่ อ ง ส า อ า ง เ ค รื่ อ ง ห นั ง แ ล ะ สิ่ ง ท อ น อ ก จ า ก นี้ ยั ง ใ ช้ ป ร ะ โ ย ช น์ ใ น ท า ง ก า ร แ พ ท ย์ และวทิ ยาศาสตรโ์ ดยใชใ้ นการเพาะเล้ยี งเชื้อจุลนิ ทรียใ์ ชเ้ ป็ นสว่ นประกอบของย าระบายใชเ้ ป็ นวสั ดแุ ละใช้ในการเพาะเลยี้ งเนื้อเยอื่ พืช เป็ นตน้ สารละลาย สารละลาย (Solution) หมายถงึ สารเนื้อเดยี วทไี่ มบ่ รสิ ทุ ธิ์ เกดิ จากสารตง้ั แต่ 2 ชนิดขนึ้ ไปมารวมกนั สารละลายแบง่ สว่ นประกอบได้ 2 สว่ น คอื 1. ตวั ทาละลาย (Solvent) หมายถงึ สารทมี่ ีความสามารถในการทาใหส้ ารตา่ งๆ ละลายได้ โดยไม่ ทาปฏกิ ริ ยิ าเคมกี บั สารนน้ั 2. ตวั ละลาย (solute) หมายถงึ สารทถี่ กู ตวั ทาละลายละลายใหก้ ระจายออกไปท่วั ในตวั ทาละลายโดยไ มท่ าปฏกิ ริ ยิ าเคมีตอ่ กนั 1. สารละลายมีทง้ั 3 สถานะ คอื สารละลายของแข็ง สารละลายของเหลว และสารละลายแกส๊ 1.1 สารละลายของแข็ง หมายถงึ สารละลายทมี่ ตี วั ทาละลายมีสถานะเป็ นของแข็ง เชน่ ทองเหลอื ง นาก โลหะบดั กรี สมั ฤทธิ์ เป็ นตน้ 1.2 สารละลายของเหลว หมายถงึ สารละลายทมี่ ีตวั ทาละลายมีสถานะเป็ นของเหลว เชน่ น้าเชื่อม น้าหวาน น้าเกลือ น้าปลา น้าสม้ สายชู น้าอดั ลม เป็ นตน้ 1.3 สารละลายแกส๊ หมายถงึ สารละลายทมี่ ตี วั ทาละลายมสี ถานะเป็ นแกส๊ เช่น อากาศ แกส๊ หงุ ตม้ ลูกเหม็นในอากาศ ไอน้าในอากาศ เป็ นตน้ ตวั ละลายแตล่ ะชนิดจะใช้ตวั ทาละลายทแี่ ตกตา่ งกนั ทง้ั น้ีขนึ้ อยกู่ บั ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งตวั ทาละลายและตวั ถกู ละลาย ซงึ่ สารทง้ั 2 ชนดิ นน้ั จะตอ้ งรวมเป็ นเนื้อเดียวกนั และไมท่ าปฏกิ ริ ยิ าเคมีตอ่ กนั ตวั อยา่ งเชน่ - เกลือ น้าตาลทราย สผี สมอาหาร จุนสี สารสม้ กรดเกลอื กรดกามะถนั ใชน้ ้าเป็ นตวั ทาละลาย
- โฟม ยางพารา พลาสตกิ ใชน้ ้ามนั เบนซนิ เป็ นตวั ทาละลาย - สนี ้ามนั โฟม พลาสตกิ แลคเกอร์ ใชท้ นิ เนอรเ์ ป็ นตวั ทาละลาย - สนี ้ามนั ใชน้ ้ามนั สนเป็ นตวั ทาละลาย การละลายของสาร สมบตั ขิ องสารละลายทคี่ วรทราบ มีดงั นี้ 1. ส า ร ล ะ ล า ย มี ส ม บั ติ ไ ม่ ค ง ที่ จะเปลยี่ นแปลงตามปรมิ าณของตวั ละลายและตวั ทาละลาย หรือ เปลยี่ นแปลงตามความเขม้ ขน้ ของสารละลาย 2. สารละลายทมี่ ีตวั ละลายเป็ นของแข็งละลายในตวั ทาละลายทเี่ ป็ นของเหลว จะมจี ดุ เดอื ดเพม่ิ ขนึ้ แตจ่ ดุ เยือกแข็งและจุดหลอมเหลวลดลง พลงั งานกบั การละลายของสาร ก า ร ล ะ ล า ย ห ม า ย ถึ ง การที่อนุ ภาคของสารต้งั ต้นสองชนิดขึ้นไปแทรกรวมเป็ นเน้ื อเดียวกนั จะมพี ลงั งานความรอ้ นเขา้ มาเกยี่ วขอ้ ง 2 ขน้ั ตอน คือ ข้ัน ที่ 1 พ ลังงา น ที่ ดู ด เข้ าไป เพื่ อ ใช้ แ ย ก อ นุ ภ า ค ข อ งข อ งแ ข็ ง เรียกวา่ “พลงั งานโครงรา่ งผลกึ หรอื พลงั งานแลตทชิ (Lattice Energy)” ข้ั น ที่ 2 พลงั งานทคี่ ายออกเมอื่ เกดิ การยดึ เหนี่ยวระหวา่ งอนุภาคของตวั ละลายกบั ตวั ทา ละลาย เรียกวา่ \"พลงั งานโซลเวช่นั (Solvation Energ)\" ถา้ ตวั ทาละลายคือ น้ า พ ลัง ง า น น้ี เรี ย ก ว่ า “พ ลัง ง า น ไ ฮ เด ร ช่ ั น (Hydration Energy)” ผลการละลายน้าของสารมกี ารเปลยี่ นแปลงพลงั งานแบบใดจะตอ้ งพจิ ารณาจาก พลงั งานแลตทซิ และพลงั งานไฮเดรช่นั ดงั นี้ 1 . ก า ร ล ะ ล า ย ป ร ะ เภ ท ดู ด ค ว า ม ร้อ น เมื่ อ พ ลัง ง า น แ ล ต ทิ ซ ม า ก ก ว่ า พ ลัง งา น ไ ฮ เด ร ช่ ั น ก า ร ล ะ ล า ย ข อ งส า ร น้ี จ ะ ดู ด พ ลัง ง า น สารละลายจะมอี ุณหภูมติ า่ ลง เช่น การละลายน้าของโพแทสเซียมไนเตรต สมการแสดงการละลายของสารประเภทดดู ความรอ้ น ดงั ปฏกิ ริ ยิ า 2. ก า ร ล ะ ล า ย ป ร ะ เ ภ ท ค า ย ค ว า ม ร้ อ น เ มื่ อ พ ลั ง ง า น ไ ฮ เ ด ร ช่ ั น ม า ก ก ว่ า พ ลั ง ง า น แ ล ต ทิ ซ การละลายของสารนี้จะปล่อยพลงั งานออกมา สารละลายจะมีอุณหภูมิสูงข้ึน เช่น การละลายน้าของโซเดยี มไฮดรอกไซด์ สมการแสดงการละลายของสารประเภทคายความรอ้ น ดงั ปฏกิ ริ ยิ า ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร ล ะ ล า ย ข อ งส า ร ณ อุ ณ ห ภู มิ เดี ย ว กัน ส า ร แ ต่ ล ะ ช นิ ด ล ะ ล า ย ไ ม่ เท่ า กัน ท้ั ง น้ี ขึ้ น อ ยู่ กับ ปั จ จัย ดัง น้ี คื อ ธ ร ร ม ช า ติ ข อ งตัว ท า ล ะ ล า ย (ช นิ ด แ ล ะ ป ริ ม า ณ ข อ งตัว ท า ล ะ ล า ย ) ตวั ละลายแตล่ ะชนิดจะ ส า ม า ร ถ ล ะ ล า ย ไ ด้ ใ น ตั ว ท า ล ะ ล า ย ที่ ต่ า ง กั น และถ้าตวั ทาลายมีปริมาณมากจะละลายได้ดีกว่า ธรรมชาติของตวั ละลาย ( ช นิ ด แ ล ะ ข น า ด ข อ ง ตั ว ล ะ ล า ย ) ตวั ละลายตา่ งชนิดกนั มีความสามารถละลายไดใ้ นตวั ทาละลายชนิดเดียวกนั ได้
ตา่ งกนั และตวั ละลายทมี่ ีขนาดใหญจ่ ะละลายไดช้ ้ากวา่ ตวั ละลายทมี่ ีขนาดเล็ก เนื่องจากตวั ละลายขนาดเล็กมพี ้นื ทสี่ มั ผสั มากสามารถจบั กบั อนุภาคตวั ทาละลา ยไดม้ ากกวา่ จงึ แตกตวั และละลายไดด้ ีกวา่ 3. ค ว า ม ดั น ก ารเพิ่ ม ค วาม ดัน มี ผ ลอ ย่างม าก ต่อ ก ารละลาย ข อ งแ ก๊ส ใน ข อ งเห ลว มากกวา่ การละลายของของแข็งในของเหลว เมื่อเพม่ิ ความดนั ต่อแก๊ส พบว่า แ ก๊ ส ส า ม า ร ถ ล ะ ล า ย ใ น ข อ ง เ ห ล ว ไ ด้ ม า ก ข้ึ น จานวนโมเลกลุ ของแกส๊ ทอี่ ยเู่ หนือของเหลวจะลดลงและความเขม้ ขน้ ของแกส๊ ใ นสารละลายจะเพมิ่ ขนึ้ 4. อุ ณ ห ภู มิ ก า ร ล ะ ล า ย ข อ ง ส า ร ป ร ะ เ ภ ท ดู ด ค ว า ม ร้ อ น เมื่ อ อุ ณ ห ภู มิ เพิ่ ม ข้ึ น โ ด ย ท่ ัว ไ ป ก า ร ล ะ ล า ย ไ ด้ ข อ งส า ร จ ะ เพ่ิ ม ขึ้ น ( ป ริ ม า ณ ตั ว ล ะ ล า ย กั บ อุ ณ ห ภู มิ ) ใ น ท า ง ต ร ง กั น ข้ า ม ถ้ า ก า ร ล ะ ล า ย ป ร ะ เภ ท ค า ย ค ว า ม ร้ อ น การใหค้ วามรอ้ นแกร่ ะบบ จะยง่ิ ทาใหต้ วั ละลายละลายไดน้ ้อยลง 5. พลงั งานจลน์ (ไดแ้ ก่ การคน การเขย่า หรือการป่นั เหวีย่ ง เป็ นต้น) จ ะ ท า ใ ห้ อ นุ ภ า ค ข อ ง ตั ว ท า ล ะ ล า ย เ ค ลื่ อ น ที่ เ ร็ ว ข้ึ น อ นุ ภ า ค ข อ ง ตั ว ล ะ ล า ย เ กิ ด ก า ร ช น กั น ถี่ ขึ้ น จงึ ทาใหเ้ กดิ การละลายไดด้ แี ละเร็วขน้ึ ใบความรสู้ าหรบั ผูร้ บั บรกิ าร เรอื่ ง วนุ้ แฟนซีของโปรดประโยชน์เยอะ วนุ้ วุ้ น (agar–agar) เป็ น ส า ร ป ร ะ ก อ บ ข อ ง น้ า ต า ล ห ล า ย โ ม เล กุ ล (polysaccharide) 2 กลุ่มคือ เอกาโรส (agarose) และเอกาโรเพกติน (agaropectin) ซึ่ ง ส กัด ไ ด้ จ า ก ส า ห ร่ า ย ท ะ เล ใ ห้ วุ้ น ( agarophytes)
เป็ น ส า ห ร่ า ย สี แ ด ง ใ น ดิ วิ ช่ ั น โ ร โ ด ไ ฟ ต้ า ( Division Rhodophyta) สาหร่ายสกุลที่นิยมใช้เป็ นหลกั ในการสกดั วุ้นในเชิงอุตสาหกรรม ได้แก่ Gelidium. Gracilaria แ ล ะ Pterocladia โ ด ย ใ ช้ ส กุ ล Ceramium, Campylae-phora แ ละ Ahnfeltia เ ป็ น ตั ว เ ส ริ ม น อ ก จ า ก ส า ห ร่ า ย ใ น ส กุ ล ดั ง ก ล่ า ว แ ล้ ว ยั ง มี อี ก ห ล า ย ส กุ ล ที่ มี ค ว า ม ส า คั ญ ใ น เ ชิ ง อุ ต ส า ห ก ร ร ม เนื่องจากมีการกระจายอยู่ตามชายฝ่งั ทะเลของประเทศตา่ งๆ ในเขตศูนย์สูตร และเข ตอ บ อุ่น ซ่ึงได้แ ก่ สาห ร่ายใน ส กุล Gelidiella, Acanthopeltis, Chondrus, Hypnea, Gracilariopsis, Gigartina, Suluria,Phyllophora, Furcellaria และ Eucheuma สาหรา่ ยใหว้ นุ้ เหลา่ นี้แบง่ ออกเป็ น 3 ประเภท ตามความสามารถในการแข็งตวั ของวนุ้ (setting power) คือ 1. เจลเิ ดียม (Gelidium type) เป็ นสาหรา่ ยชนิดทใี่ หว้ นุ้ ซง่ึ สามารถแข็งตวั ไดด้ ี แมจ้ ะใชว้ นุ้ ในปรมิ าณต่า 2. กราซลิ ลาเรีย ฮบิ เนีย (Glacilaria, Hypnea type) เป็ นสาหรา่ ยทใี่ หว้ ุน้ ซงึ่ จะแข็งตวั ไดเ้ มือ่ ใช้ในปรมิ าณคอ่ นขา้ งสูงหรอื ตอ้ ง เตมิ สารอเิ ล็กทรอไลต์ 3. คอนดรสั (Chondrus type) เป็ นสาหรา่ ยทีใ่ หว้ นุ้ ซง่ึ จะแข็งตวั ได้ เมอื่ ใชใ้ นปรมิ าณความเขม้ ขน้ สงู เทา่ นน้ั ส าห ร่ า ย ใ ห้ วุ้ น ที่ ม าจาก แ ห ล่งต่ างกัน จะ ให้ วุ้น ใน ป ริม าณ แ ละคุ ณ ภ าพ ที่ ต่ างกัน ไป สาหรบั มาตรฐานของสาหร่ายให้วุ้น จะกาหนด จากองค์ประกอบต่างๆ ของสาหร่าย ได้แก่สี ความแห้ง ความแข็งของวุ้น และปริมาณวุ้นที่ได้ ร ว ม ท้ั ง ค ว า ม บ ริ สุ ท ธิ์ ข อ ง ส า ห ร่ า ย แ ล ะ ป ริ ม า ณ ส่ิ ง เ จื อ ป น คุ ณ ภ า พ ข อ ง วุ้ น จ ะ ข้ึ น อ ยู่ กับ ช นิ ด แ ล ะ แ ห ล่ ง ที่ ม า ข อ ง ส า ห ร่ า ย ส ภ า พ แ ว ด ล้ อ ม ข อ ง ท ะ เล ร ว ม ท้ัง ก ร ร ม วิ ธี ก า ร ส กัด อัน ไ ด้ แ ก่ การก าจดั ส่ิงเจือป น ก่อ น ส กัด อุณ ห ภู มิ ค วาม ดัน ค วาม เป็ น ก รด ด่าง และระยะเวลาทใี่ ชใ้ นการสกดั ป ร ะ โ ย ช น์ ข อ ง วุ้ น น อ ก จ า ก จ ะ ใ ช้ เ ป็ น อ า ห า ร แ ล้ ว ก า ร ที่ วุ้ น มี คุ ณ ส ม บั ติ พิ เ ศ ษ คื อ ส า ม า ร ถ แ ข็ ง ตั ว ไ ด้ เ มื่ อ ใ ช้ ใ น ร ะ ดั บ ค ว า ม เ ข้ ม ข้ น เ พี ย ง ร้ อ ย ล ะ 0 . 5 ท า ใ ห้ มี ก า ร น า วุ้ น ไ ป ใ ช้ ป ร ะ โ ย ช น์ ด้ า น อุ ต ส า ห ก ร ร ม อ า ห า ร โ ด ย เป็ น ส่ ว น ผ ส ม ใ น ผ ลิ ต ภัณ ฑ์ น ม ข น ม ปั ง แ ล ะ อ า ห า ร ก ร ะ ป๋ อ ง เพื่อให้อาหารมีความเหนียวขน้ น่ารบั ประทานและในอุตสาหกรรมอืน่ ๆ เช่น เ ค รื่ อ ง ส า อ า ง เ ค รื่ อ ง ห นั ง แ ล ะ สิ่ ง ท อ น อ ก จ า ก น้ี ยั ง ใ ช้ ป ร ะ โ ย ช น์ ใ น ท า ง ก า ร แ พ ท ย์ และวทิ ยาศาสตรโ์ ดยใชใ้ นการเพาะเล้ยี งเช้ือจุลนิ ทรยี ใ์ ชเ้ ป็ นสว่ นประกอบของย าระบายใช้เป็ นวสั ดุและใชใ้ นการเพาะเลยี้ งเน้ือเยอื่ พืช เป็ นตน้ สารละลาย
สารละลาย (Solution) หมายถงึ สารเนื้อเดียวทีไ่ มบ่ รสิ ุทธิ์ เกดิ จากสารตง้ั แต่ 2 ชนิดขน้ึ ไปมารวมกนั สารละลายแบง่ สว่ นประกอบได้ 2 สว่ น คอื 3. ตวั ทาละลาย (Solvent) หมายถงึ สารทมี่ ีความสามารถในการทาใหส้ ารตา่ งๆ ละลายได้ โดยไม่ ทาปฏกิ ริ ยิ าเคมกี บั สารนน้ั 4. ตวั ละลาย (solute) หมายถงึ สารทถี่ กู ตวั ทาละลายละลายใหก้ ระจายออกไปท่วั ในตวั ทาละลายโดยไ มท่ าปฏกิ ริ ยิ าเคมตี อ่ กนั 1. สารละลายมที ง้ั 3 สถานะ คอื สารละลายของแข็ง สารละลายของเหลว และสารละลายแกส๊ 1.1 สารละลายของแข็ง หมายถงึ สารละลายทมี่ ตี วั ทาละลายมีสถานะเป็ นของแข็ง เชน่ ทองเหลือง นาก โลหะบดั กรี สมั ฤทธิ์ เป็ นตน้ 1.2 สารละลายของเหลว หมายถงึ สารละลายทมี่ ตี วั ทาละลายมสี ถานะเป็ นของเหลว เช่น น้าเชื่อม น้าหวาน น้าเกลือ น้าปลา น้าสม้ สายชู น้าอดั ลม เป็ นตน้ 1.3 สารละลายแกส๊ หมายถงึ สารละลายทมี่ ตี วั ทาละลายมีสถานะเป็ นแกส๊ เชน่ อากาศ แกส๊ หงุ ตม้ ลูกเหมน็ ในอากาศ ไอน้าในอากาศ เป็ นตน้ ตวั ละลายแตล่ ะชนิดจะใช้ตวั ทาละลายทแี่ ตกตา่ งกนั ทง้ั นี้ขน้ึ อยกู่ บั ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งตวั ทาละลายและตวั ถกู ละลาย ซง่ึ สารทง้ั 2 ชนิดนน้ั จะตอ้ งรวมเป็ นเน้ือเดียวกนั และไมท่ าปฏกิ ริ ยิ าเคมีตอ่ กนั ตวั อยา่ งเชน่ - เกลือ น้าตาลทราย สผี สมอาหาร จนุ สี สารสม้ กรดเกลือ กรดกามะถนั ใชน้ ้าเป็ นตวั ทาละลาย - โฟม ยางพารา พลาสตกิ ใชน้ ้ามนั เบนซนิ เป็ นตวั ทาละลาย - สนี ้ามนั โฟม พลาสตกิ แลคเกอร์ ใชท้ นิ เนอรเ์ ป็ นตวั ทาละลาย - สนี ้ามนั ใชน้ ้ามนั สนเป็ นตวั ทาละลาย การละลายของสาร สมบตั ขิ องสารละลายทคี่ วรทราบ มีดงั นี้ 3. ส า ร ล ะ ล า ย มี ส ม บั ติ ไ ม่ ค ง ที่ จะเปลยี่ นแปลงตามปรมิ าณของตวั ละลายและตวั ทาละลาย หรอื เปลยี่ นแปลงตามความเขม้ ขน้ ของสารละลาย 4. สารละลายทมี่ ตี วั ละลายเป็ นของแข็งละลายในตวั ทาละลายทเี่ ป็ นของเหลว จะมีจุดเดอื ดเพม่ิ ขน้ึ แตจ่ ุดเยือกแข็งและจดุ หลอมเหลวลดลง พลงั งานกบั การละลายของสาร
ก า ร ล ะ ล า ย ห ม า ย ถึ ง การที่อนุ ภาคของสารต้งั ต้นสองชนิดขึ้นไปแทรกรวมเป็ นเน้ื อเดียวกนั จะมีพลงั งานความรอ้ นเขา้ มาเกยี่ วขอ้ ง 2 ขน้ั ตอน คือ ข้ัน ที่ 1 พ ลังงา น ที่ ดู ด เข้ าไป เพื่ อ ใช้ แ ย ก อ นุ ภ า ค ข อ งข อ งแ ข็ ง เรียกวา่ “พลงั งานโครงรา่ งผลกึ หรอื พลงั งานแลตทชิ (Lattice Energy)” ข้ั น ที่ 2 พลงั งานทคี่ ายออกเมอื่ เกดิ การยึดเหนี่ยวระหวา่ งอนุภาคของตวั ละลายกบั ตวั ทา ละลาย เรียกว่า \"พลงั งานโซลเวช่นั (Solvation Energ)\" ถ้าตวั ทาละลายคือ น้ า พ ลัง ง า น นี้ เรี ย ก ว่ า “พ ลัง ง า น ไ ฮ เด ร ช่ ั น (Hydration Energy)” ผลการละลายน้าของสารมกี ารเปลยี่ นแปลงพลงั งานแบบใดจะตอ้ งพจิ ารณาจาก พลงั งานแลตทซิ และพลงั งานไฮเดรช่นั ดงั น้ี 1 . ก า ร ล ะ ล า ย ป ร ะ เภ ท ดู ด ค ว า ม ร้อ น เมื่ อ พ ลัง ง า น แ ล ต ทิ ซ ม า ก ก ว่ า พ ลัง งา น ไ ฮ เด ร ช่ ั น ก า ร ล ะ ล า ย ข อ งส า ร นี้ จ ะ ดู ด พ ลัง ง า น สารละลายจะมอี ณุ หภมู ติ า่ ลง เชน่ การละลายน้าของโพแทสเซยี มไนเตรต สมการแสดงการละลายของสารประเภทดูดความรอ้ น ดงั ปฏกิ ริ ยิ า 2. ก า ร ล ะ ล า ย ป ร ะ เ ภ ท ค า ย ค ว า ม ร้ อ น เ มื่ อ พ ลั ง ง า น ไ ฮ เ ด ร ช่ ั น ม า ก ก ว่ า พ ลั ง ง า น แ ล ต ทิ ซ การละลายของสารน้ีจะปล่อยพลงั งานออกมา สารละลายจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น เชน่ การละลายน้าของโซเดียมไฮดรอกไซด์ สมการแสดงการละลายของสารประเภทคายความรอ้ น ดงั ปฏกิ ริ ยิ า ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร ล ะ ล า ย ข อ งส า ร ณ อุ ณ ห ภู มิ เดี ย ว กัน ส า ร แ ต่ ล ะ ช นิ ด ล ะ ล า ย ไ ม่ เท่ า กัน ท้ั ง นี้ ข้ึ น อ ยู่ กับ ปั จ จัย ดัง นี้ คื อ ธ ร ร ม ช า ติ ข อ งตัว ท า ล ะ ล า ย (ช นิ ด แ ล ะ ป ริ ม า ณ ข อ งตัว ท า ล ะ ล า ย ) ตวั ละลายแตล่ ะชนิดจะ ส า ม า ร ถ ล ะ ล า ย ไ ด้ ใ น ตั ว ท า ล ะ ล า ย ที่ ต่ า ง กั น และถ้าตวั ทาลายมีปริมาณมากจะละลายได้ดีกว่า ธรรมชาติของตวั ละลาย ( ช นิ ด แ ล ะ ข น า ด ข อ ง ตั ว ล ะ ล า ย ) ตวั ละลายตา่ งชนิดกนั มคี วามสามารถละลายไดใ้ นตวั ทาละลายชนิดเดียวกนั ได้ ตา่ งกนั และตวั ละลายทมี่ ีขนาดใหญจ่ ะละลายไดช้ ้ากวา่ ตวั ละลายทมี่ ีขนาดเล็ก เนื่องจากตวั ละลายขนาดเล็กมีพ้นื ทสี่ มั ผสั มากสามารถจบั กบั อนุภาคตวั ทาละลา ยไดม้ ากกวา่ จงึ แตกตวั และละลายไดด้ ีกวา่ 3. ค ว า ม ดั น ก ารเพ่ิ ม ค วาม ดัน มี ผ ลอ ย่างม าก ต่อ ก ารละลาย ข อ งแ ก๊ส ใน ข อ งเห ลว มากกว่าการละลายของของแข็งในของเหลว เมือ่ เพมิ่ ความดนั ต่อแก๊ส พบว่า แ ก๊ ส ส า ม า ร ถ ล ะ ล า ย ใ น ข อ ง เ ห ล ว ไ ด้ ม า ก ขึ้ น จานวนโมเลกลุ ของแกส๊ ทอี่ ยเู่ หนือของเหลวจะลดลงและความเขม้ ขน้ ของแกส๊ ใ นสารละลายจะเพม่ิ ขน้ึ 4. อุ ณ ห ภู มิ ก า ร ล ะ ล า ย ข อ ง ส า ร ป ร ะ เ ภ ท ดู ด ค ว า ม ร้ อ น เมื่ อ อุ ณ ห ภู มิ เพ่ิ ม ข้ึ น โ ด ย ท่ ัว ไ ป ก า ร ล ะ ล า ย ไ ด้ ข อ งส า ร จ ะ เพ่ิ ม ข้ึ น ( ป ริ ม า ณ ตั ว ล ะ ล า ย กั บ อุ ณ ห ภู มิ )
ใ น ท า ง ต ร ง กั น ข้ า ม ถ้ า ก า ร ล ะ ล า ย ป ร ะ เภ ท ค า ย ค ว า ม ร้ อ น การใหค้ วามรอ้ นแกร่ ะบบ จะยง่ิ ทาใหต้ วั ละลายละลายไดน้ ้อยลง 5. พลงั งานจลน์ (ไดแ้ ก่ การคน การเขย่า หรือการป่นั เหวี่ยง เป็ นต้น) จ ะ ท า ใ ห้ อ นุ ภ า ค ข อ ง ตั ว ท า ล ะ ล า ย เ ค ลื่ อ น ที่ เ ร็ ว ข้ึ น อ นุ ภ า ค ข อ ง ตั ว ล ะ ล า ย เ กิ ด ก า ร ช น กั น ถี่ ขึ้ น จงึ ทาใหเ้ กดิ การละลายไดด้ แี ละเร็วขนึ้ ใบความรสู้ าหรบั ผูจ้ ดั กจิ กรรม เรอื่ ง การเชื่อมโยงสะเต็มศกึ ษากบั การทาวนุ้ แฟนซีของโปรดประโยชน์เยอ ะ การเชื่อมโยงสะเต็มศกึ ษากบั การทาวนุ้ แฟนซีของโปรดประโยชน์เยอะ ดงั นี้ Science (วทิ ยาศาสตร์) (1) สารละลาย คือ สารเนื้อเดียวทีไ่ มบ่ รสิ ุทธิ์ เกดิ จากสารตง้ั แต่ 2 ชนดิ ขน้ึ ไปมารวมกนั (2) การละลายของสาร 2.1 ส า ร ล ะ ล า ย มี ส ม บั ติ ไ ม่ ค ง ที่ จะเปลยี่ นแปลงตามปรมิ าณของตวั ละลายและตวั ทาละลาย หรือเปลยี่ นแปลงตามความเขม้ ขน้ ของสารละลาย 2.2 สารละลายทีม่ ตี วั ละลายเป็ นของแข็งละลายในตวั ทาละลายทเี่ ป็ นของเหลวจะมีจุ ดเดอื ด เพม่ิ ขนึ้ แตจ่ ดุ เยือกแข็งและจุดหลอมเหลวลดลง Technology (เทคโนโลยี) (1) สืบคน้ ขอ้ มลู
การนาความรเู้ กยี่ วกบั อนิ เทอร์เน็ต มาประยกุ ตใ์ ช้ในการศกึ ษาหาความรู้ (2) เลือกใช้วสั ดุ ภาชนะตา่ งๆ การเลอื กใชว้ สั ดทุ หี่ างา่ ย เหมาะแกก่ ารทดลอง (3) สว่ นผสมและวธิ กี าร ระยะเวลาการผลติ ทาใหไ้ ดผ้ ลติ ภณั ฑ์เร็ว Engineering (วศิ วกรรมศาสตร)์ การออกแบบวธิ ขี น้ั ตอนการทาวนุ้ แฟนซี Mathematics (คณิตศาสตร)์ (1) การคานวณหาตน้ ทนุ /กาไร การคานวณและการบรหิ ารตน้ ทนุ เพอื่ สรา้ งกาไรของกจิ การ (2) การช่งั การตวง ใช้เครอื่ งช่งั ทมี่ หี น่วยไมใ่ ชห่ น่วยมาตรฐาน หาน้าหนกั ของสงิ่ ของไดโ้ ดยการเปรียบเทยี บน้าหนกั การตวง เป็ นการวดั ปรมิ าตรของของเหลวหรอื ของทตี่ วงได้ (3) ปรซิ มึ (ภาชนะบรรจุ) เป็ นรปู เรขาคณิตสามมติ ทิ มี่ ีหน้าตดั ทง้ั สองขา้ งเป็ นรูปหลายเหลยี่ มทเี่ ทา่ กนั ทกุ ประการหน้าตดั ใช้บรรจผุ ลติ ภณั ฑ์ Culture (วฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ ) ตน้ กาเนิด ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ดา้ นสมนุ ไพรเพอื่ ใชใ้ นการทาขนม แผนผงั สะเต็มสอู่ าชีพ “วนุ้ แฟนซีของโปรดประโยชน์เยอะ” S: T : เทคโนโลยี E: M: C: ก--รวาทิสรายลราะลศละาลายาสวขยตตอั รงถส์ าุประสง-ภ-- ตคาเขสลชา่ าเ์อืืบงนรยกๆคะไอื่ใน้ ดชงขเ้ว้ รอ้ สัว็วมดขุนู้ลุ นึ้ แฟนซกว-ตศิารใีขรว์บออกอกรงกรจิ แโมกบปศบรารวรสธิดมี ประโค(---ภยตปกกณาน้าารชชิตรรซิทนคชศมนึุนะ่งาั า/บนก์กเสรวายาตรณไรจอรรตห)ุ ์วะาง วฒั นธรรมทอ้ ง ถิ่น - ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ดา้ นสมุนไพร เพอื่ ใชใ้ นการทา ทดลองปฏบิ ตั กิ ารทาวนุ้ แฟขนน้ั ซตอีขนอกงาโรปทราวดุ้ ประโยชน์เยอะ ขนม นแฟนซีของโป คาชี้แจง รดประยชน์เยอ ใหผ้ รู้ บั บรกิ ารออกแบบทดละองทาวนุ้ แฟนซขี องโปรดประโยชน์เยอะ วสั ดุและอปุ กรณ์ ที่ รายการ จานวนตอ่ กลมุ่ 1 น้าเปลา่ 300 มลิ ลลิ ติ ร 2 ผงวนุ้ 3 น้าตาลทราย 2 ช้อนโตะ๊ 4 กะทิ 1/2 ถว้ ย 500 มลิ ลลิ ติ ร
5 เกลอื 1 ช้อนชา 6 ถาด 1 อนั 7 หมอ้ 1 ใบ 8 เตาแกส๊ 1 ถงั 9 สมุนไพร เชน่ ใบเตย,อญั ชนั 1 กรมั 10 ตาช่งั 1 เครอื่ ง 11 แมพ่ มิ พ์ 1 ชุด วธิ ีทา 1. ผสมน้าเปลา่ กบั ผงวนุ้ แชผ่ งวนุ้ ทงิ้ ไว้ 10 นาที จากนน้ั ก็เปิ ดไฟตม้ 2. ใสน่ ้าตาลและน้าใบเตย คนจนผงวนุ้ ละลาย เสร็จแลว้ เทใสถ่ าดสเี่ หลยี่ มไว้ แช่เย็นจนวนุ้ แข็งตวั 3. เทน้ากะทลิ งไปตามดว้ ยผงวนุ้ แชผ่ งวนุ้ ทงิ้ ไวเ้ หมือนเดมิ 10 นาที จากนน้ั ก็เปิ ดไฟ ใสน่ ้าตาลและเกลือ คนจนผงวนุ้ ละลาย 4. นาวนุ้ ใบเตยออกมาจากตเู้ ย็น แลว้ ก็ตดั เป็ นสเี่ หลยี่ มชนิ้ เล็กๆ 5. วางวนุ้ ใบเตยลงไปในพมิ พ์ โดยวางแบบกระจายๆ แลว้ เทวนุ้ กะทลิ งไป ทาแบบน้ีเป็ นชน้ั ๆ ทาทีละชน้ั จนเต็มพมิ พ์ 6. นาไปแชต่ เู้ ย็นใหว้ นุ้ แข็งตวั มากกวา่ น้ี จากนน้ั กน็ ามาตดั แบง่ เป็ นชน้ิ ตามใจชอบ ใบกจิ กรรม เรอื่ ง การออกแบบและปฏบิ ตั กิ ารวนุ้ แฟนซีโดยบรู ณาการสะเต็มศกึ ษากบั วฒั นธรร มทอ้ งถน่ิ วตั ถุประสงค์ ออกแบบและทดลองการทาวนุ้ แฟนซีโดยการบรู ณาการสะเต็มศกึ ษากบั วฒั นธ รรมทอ้ งถนิ่ คาชี้แจง ใหท้ า่ นออกแบบและทดลองการทาวนุ้ แฟนซี โดยดาเนินการตามขน้ั ตอนทกี่ าหนดให้ ดงั น้ี 1. การวางแผนการทดลองการทาวนุ้ แฟนซีจากอปุ กรณ์ทเี่ ตรยี มให้ โดยการบรู ณาการสะเต็มศกึ ษากบั วฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ 2. ทดลองทาวนุ้ แฟนซีโดยการบูรณาการสะเต็มศกึ ษากบั วฒั นธรรมทอ้ งถนิ่
3. บนั ทกึ ผลการทดลองทาวนุ้ แฟนซีโดยการบรู ณาการสะเต็มศกึ ษากบั วฒั นธรรม ทอ้ งถนิ่ 4. สรุปปญั หา/อุปสรรค ในการทาวนุ้ แฟนซีโดยการบรู ณาการสะเต็มศกึ ษากบั วฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ วสั ดแุ ละอปุ กรณ์ทเี่ ตรียมใหส้ าหรบั การออกแบบและปฏบิ ตั กิ ารทาวนุ้ แฟนซขี อ งโปรดประโยชน์เยอะ ที่ รายการ จานวนตอ่ กลมุ่ 1 น้าเปลา่ 300 มลิ ลลิ ติ ร 2 ผงวนุ้ 3 น้าตาลทราย 2 ชอ้ นโตะ๊ 4 กะทิ 1/2 ถว้ ย 5 เกลือ 500 มลิ ลลิ ติ ร 6 ถาด 1 ช้อนชา 7 หมอ้ 8 เตาแกส๊ 1 อนั 9 สมนุ ไพร เชน่ ใบเตย,อญั ชนั 1 ใบ 10 ตาช่งั 1 ถงั 11 แมพ่ มิ พ์ 12 ถว้ ยตวง 1 กรมั 1 เครอื่ ง 1 ชุด 1 ชุด จุดประสงคใ์ นการทดลอง …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… รา่ งแบบแผนการทดลองทาวนุ้ แฟนซี 1. การระบปุ ญั หา 2. การคน้ หาแนวคดิ ทเี่ กยี่ วขอ้ ง
3. การวางแผนและพฒั นา 4. การทดสอบและการประเมนิ ผล ผลการปฏบิ ตั งิ านในวนั ทดี่ าเนินการทดลอง …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………… ตารางบนั ทกึ ผล ภายหลงั การทดลองทาวนุ้ แฟนซี
สูตร…………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………. จานวนครง้ั ลกั ษณะภายนอกทสี่ งั เกตได้ ผลการทดลองในดา้ นรสชาติ ครง้ั ที่ 1 ครง้ั ที่ 2 ครง้ั ที่ 3 ครง้ั ที่ 4 ครง้ั ที่ 5 5. การนาเสนอผลลพั ธ์ จากการทดลองทาวนุ้ แฟนซีดว้ ยสูตร…………………………………………………………………… ……………………………..…..ในครง้ั ทดี่ าเนนิ การทดลองพบวา่ ……………………………………… …………………………………………………………………….. เมอื่ เวลาผา่ นไปครง้ั ท…ี่ ……พบวา่ การทาวนุ้ แฟนซีมลี กั ษณะดที สี่ ดุ เนื่องจาก………………………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………… สรุปปญั หา/อุปสรรค ในการทาวุน้ แฟนซี …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………… แบบทดสอบหลงั เรียน เรอื่ ง วนุ้ แฟนซขี องโปรดประโยชน์เยอะ คาช้ีแจง 1. แบบทดสอบจานวน 10 ขอ้ ข้อละ 1 คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน 2. ใหเ้ ลอื กคาตอบทถี่ ูกทสี่ ุดเพียงข้อเดียว 1. วุ้นสกดั มาจากอะไร ก. ปะการงั ข. สมุนไพรไทย ค. หอยนางรม ง. สาหร่ายทะเล 2. วุน้ มีสารประกอบของอะไร ก. น้าตาล ข. น้าตาลโมเลกุลเดี่ยว ค. น้าตาลโมเลกุลคู่ ง. น้าตาลหลายโมเลกุล 3. วุน้ มคี ณุ สมบตั พิ เิ ศษ คืออะไร ก. สามารถแข็งตวั ได้ ข. สามารถปรบั ระดบั ความเข้มขน้ ได้ ค. สามารถยืดหยนุ่ ได้ ง. ถูกทง้ั ข้อ ข. และ ขอ้ ค. 4. การแข็งตวั ของวนุ้ มีกี่ประเภท ก. 2 ประเภท ข. 3 ประเภท
ค. 4 ประเภท ง. 5 ประเภท 5. วุน้ สามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ในดา้ นใดบา้ ง ก. ด้านอุตสาหกรรมอาหาร ข. ด้านวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์ ค. ดา้ นการเกษตร ง. ถูกทกุ ข้อ 6. สารละลายมีส่วนประกอบกี่สว่ น ก. 2 สว่ น ข. 3 สว่ น ค. 4 สว่ น ง. 5 สว่ น 7. สารละลาย หมายถงึ อะไร ก. สารเนื้อเดียวทบี่ รสิ ทุ ธเิ์ กดิ จากสาร 2 ชนิดมารวมกนั ข. สารทสี่ ามารถละลายได้ ข. สารเน้ือเดียวทีไ่ มบ่ รสิ ุทธเิ์ กดิ จากสาร 2 ชนิดขน้ึ ไปมารวมกนั ง. สารทมี่ ีออกซเิ จนรวมตวั กนั 8. สารละลายมีกีส่ ถานะ ก. 2 สถานะ ข. 3 สถานะ ค. 4 สถานะ ง. 5 สถานะ 9. สารละลายของแข็ง หมายถงึ ก. สารละลายทมี่ ตี วั ทาละลายมีสถานะเป็ นของแกส๊ ข. สารละลายทมี่ ีตวั ทาละลายมีสถานะเป็ นของแข็ง ค. สารละลายทมี่ ีตวั ทาละลายมีสถานะเป็ นของสารง. สารละลายทมี่ ตี วั ทาละลายมีสถานะเป็ นของเหลว 10. สารละลายของเหลว หมายถงึ ก. สารละลายทมี่ ีตวั ทาละลายมีสถานะเป็ นของแกส๊ ข. สารละลายทมี่ ตี วั ทาละลายมีสถานะเป็ นของแข็ง ค. สารละลายทมี่ ีตวั ทาละลายมีสถานะเป็ นของสารง. สารละลายทมี่ ีตวั ทาละลายมีสถานะเป็ นของเหลว เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน – หลงั เรยี น เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น 1. ง 2. ง 3. ข 4. ก 5. ง 6. ข 7. ก 8. ข 9. ข 10. ง
เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น 1. ง 2. ง 3. ก 4. ข 5. ง 6. ก 7. ข 8. ข 9. ข 10. ง
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: