Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Tourism

Tourism

Published by apivat160841, 2020-08-29 22:19:32

Description: ประเภทของการเดินทางท่องเที่ยว

Keywords: การท่องเที่ยว

Search

Read the Text Version

ประเภทการทอ่ งเทย่ี ว1 การทอ่ งเที่ยวแห่งประเทศไทยแบ่งตามความสาํ คัญ และ สภาพแวดลอ้ ม ได้ 12 ประเภทดังนี้ 1. แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วเชิงนเิ วศ : (Eco-tourism) หมายถึง แหล่งท่องเที่ยวท่ีมีลักษณะทางธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะท้องถ่ิน โดยอาจมีเรื่องราว ทางวัฒนธรรมทเี่ กย่ี วเน่ืองกบั ระบบนิเวศทเี่ ก่ยี วข้องโดย การจัดการการท่องเที่ยวในแหล่งนั้น จะต้อง มีกระบวนการเรียนร้รู ่วมกนั ของผู้ท่เี กีย่ วข้องมกี จิ กรรมท่สี ่งเสริม ให้เกดิ การเรยี นรเู้ ก่ียวกับระบบนิเวศ นั้น มกี ารจัดการส่งิ แวดล้อมและการท่องเท่ียวอย่างมีส่วนร่วมของท้องถิ่น เพื่อมุ่งเน้นให้เกิดจิตสํานึก ตอ่ การรกั ษาระบบนเิ วศอย่างยง่ั ยืน 2. แหล่งท่องเทย่ี วทางศิลปะวิทยาการ (Arts and Sciences Educational Attraction Standard) : หมายถึง แหล่งท่องเท่ียวหรือกิจกรรมที่สามารถตอบสนองความสนใจพิเศษของนักท่องเท่ียว ซ่ึงมี รูปแบบของการท่องเที่ยวที่ชัดเจนเป็นรูปแบบการท่องเท่ียวแบบใหม่ที่เกิดขึ้น แหล่งท่องเท่ียว ประเภทนี้สามารถเพ่ิมเติมได้อีกมากมายตามความนิยมของคนในแต่ละยุคสมัย เม่ือมีการระบุชัดว่า กิจกรรมนั้นๆ สามารถให้ความรู้และดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ ปัจจุบันมีปรากฏอยู่หลายๆ แห่ง ตัวอย่าง เช่น พิพิธภัณฑเ์ ฉพาะทาง แหลง่ ทอ่ งเทยี่ วเพือ่ การศกึ ษาทางวิทยาศาสตร์ อุตสาหกรรมและ เทคโนโลยี และ MICE (Meeting & Incentives & Conventions & Exhibitions) เป็นตน้ 3. แหล่งท่องเท่ียวทางประวตั ิศาสตร์ (Historical Attraction) : หมายถงึ แหลง่ ทอ่ งเท่ียวที่มีความสําคัญและคุณค่าทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี และศาสนา รวมถึง สถานที่หรืออาคารส่ิงก่อสร้างท่ีมีอายุเก่าแก่หรือเคยมีเหตุการณ์ สําคัญเกิดข้ึนในประวัติศาสตร์ เช่น โบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์ ชุมชนโบราณ กําแพงเมือง คูเมือง พิพิธภัณฑ์ วัด ศาสนสถาน และสงิ่ กอ่ สรา้ งที่มคี ณุ คา่ ทางศิลปะและสถาปัตยกรรม 4. แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วทางธรรมชาติ : (Natural Attraction) หมายถึง สถานที่ที่เปิดใช้เพ่ือการท่องเที่ยว โดยมีทรัพยากรธรรม ชาติเป็นสิ่งดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยว มาเยือน ซึ่งทรัพยากรธรรมชาติเหล่าน้ีอาจจะเป็นความงดงามตามสภาพธรรมชาติ ความ แปลกตา ของสภาพธรรมชาติ สัณฐานที่สําคัญทางธรณีวิทยาและภูมิศาสตร์อันเป็นเอกลักษณ์หรือเป็น สัญลักษณ์ ของท้องถ่ิน น้ันๆ สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่มีลักษณะพิเศษ ( Special Environmental Features) หรือสภาพแวดลอ้ มที่มีคณุ คา่ ทาง วชิ าการกไ็ ด้ 5. แหล่งท่องเที่ยวเพ่อื นันทนาการ : (Recreational Attraction) หมายถงึ แหล่งท่องเที่ยวท่ีมนุษย์สร้างขึ้น เพ่ือการพักผ่อนและเสริมสร้างสุขภาพ ให้ความสนุกสนาน ร่ืนรม บันเทิง และการศึกษาหาความรู้ แม้ไม่มีความสําคัญในแง่ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม แต่มีลักษณะเป็นแหล่งท่องเที่ยวร่วมสมัย ตัวอย่างเช่น ย่านบันเทิงหรือสถานบันเทิง สวนสัตว์ สวนสนุกและสวนสาธารณะลักษณะพิเศษ สวนสาธารณะ และสนามกฬี า 1 ทีม่ า : การท่องเที่ยวแหง่ ประเทศไทย

6. แหลง่ ท่องเทยี่ วทางวฒั นธรรม (Cultural Attraction) : หมายถึงหล่งท่องเท่ียวที่มีคุณค่าทาง ศิลปะและขนบธรรมเนียมประเพณีท่ีบรรพบุรุษได้สร้างสมและ ถา่ ยทอดเป็นมรดกสืบทอดกันมา แหล่งท่องเท่ียวประเภทน้ีประกอบด้วย งานประเพณี วิถีชีวิตความ เป็นอยู่ของผู้คน การแสดงศลิ ปวฒั นธรรม สินคา้ พื้นเมอื ง การแตง่ กาย ภาษา ชนเผ่า เป็นต้น ตัวอย่าง ของแหล่งท่องเทีย่ วทสี่ าํ คญั ของประเทศไทยในประเภทน้ีได้แก่ ตลาดนํ้าดําเนินสะดวก งานแสดงของ ช้างจงั หวัดสรุ นิ ทร์ งานรม่ บ่อสรา้ ง ประเพณลี อยกระทง ประเพณีสงกรานต์ เป็นตน้ 7. แหล่งท่องเท่ียวเชิงสขุ ภาพน้าํ พุร้อนธรรมชาติ : ในการจัดทําเกณฑ์มาตรฐานสําหรับแหล่งท่อง เที่ยวน้ําพุร้อนธรรมชาติ มีจุดประสงค์เพื่อเป็นกรอบ แนวทางในการจัดการแหล่งท่องเที่ยวประเภทน้ําพุร้อน ธรรมชาติอย่างชัดเจน โดยเน้นในด้านการ กําหนดมาตรฐานที่จําเป็นสําหรับการบริการต่างๆ เน่ืองจากการท่องเที่ยวประเภทนี้จะต้องคํานึงถึง ด้านความปลอดภัยของนกั ท่อง เท่ียวเป็นสาํ คัญ และต้องไม่ส่งผลกระทบต่อ ทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอ้ ม เน่ืองจากนาํ้ พรุ ้อน จัดเป็นแหล่งท่องเทย่ี วประเภทธรรมชาติประเภทหนึ่ง ซ่ึงหากไม่มีการ กําหนดมาตรฐานที่ชัดเจน การดําเนินกิจกรรมการท่องเท่ียวใดๆ อาจส่งผลกระทบต่อแหล่งนํ้าพุร้อน ธรรมชาตไิ ด้ นอกจากนี้ การจัดทําเกณฑ์มาตรฐานแหล่งท่องเท่ียวเชิงสุขภาพน้ําพุร้อนธรรมชาติ ยังมี เป้าหมายเพือ่ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดแู ลแหล่งทอ่ งเทย่ี วไดน้ าํ ไปใช้ เป็น เคร่ืองมือในการตรวจสอบ มาตรฐานแหล่งทอ่ งเท่ยี วของตน และยงั สามารถใช้เป็นข้อมูล ท่ีสําคัญเพื่อประกอบการตัดสินใจ ของ นักท่องเที่ยว รวมท้ังเป็นการเพิ่มมาตรฐานแหล่งท่องเท่ียว เชิงสุขภาพ น้ําพุร้อนธรรมชาติของ ประเทศไทยใหเ้ ปน็ ท่ียอมรบั ทงั้ ในและต่างประเทศเพ่ิมมากขึน้ 8. แหลง่ ท่องเทย่ี วประเภทชายหาด (Beach Attraction) : หมายถึง สถานที่ท่ีเปิดใช้เพื่อการท่องเที่ยว โดยมีชายหาดเป็นทรัพยากรธรรมชาติท่ีดึงดูดใจให้ นักท่องเที่ยวมาเยือน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อความเพลิดเพลินและนันทนาการในรูปแบบท่ีใกล้ชิดกับ ธรรมชาตแิ ละอาจเสรมิ กจิ กรรมเพ่ือการศึกษาหาความรู้เข้าไปด้วย ซ่ึงกิจกรรมการท่องเที่ยวท่ีเกิดข้ึน บริเวณชายหาด ไดแ้ ก่ การเล่นนาํ้ การอาบแดด กฬี าทางนา้ํ การนงั่ พักผอ่ น รับประทานอาหา เปน็ ตน้ 9. แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วประเภทนํ้าตก : สถานที่ที่เปิดใช้เพ่ือการท่องเที่ยว โดยมีน้าตกเป็นทรัพยากรธรรมชาติท่ีดึงดูดใจให้นักท่องเท่ียวมา เยือน โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือความเพลิดเพลินและนันทนาการในรูปแบบที่ใกล้ชิดกับ ธรรมชาติและ อาจเสริมกิจกรรมเพือ่ การศึกษาหาความร้เู ขา้ ไปด้วย ซ่ึงกิจกรรมการท่องเท่ียวท่ีเกิดข้ึนในแหล่งน้ําตก ไดแ้ ก่ การว่ายนา้ การน่ังพกั ผอ่ น รบั ประทานอาหาร การเดินสํารวจน้าตก การล่องแก่งการดูนก และ การตกปลา เปน็ ต้น 10. แหล่งท่องเทย่ี วทางธรรมชาตปิ ระเภทถ้ํา : แหล่งท่องเท่ียวประเภทถ้ํา หมายถึง สถานที่ท่ีเปิดใช้เพ่ือการท่ องเที่ยว โดยมีถ้ําเป็น ทรัพยากรธรรมชาติที่ดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวท่ีมาเยือน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อความเพลิดเพลินและ นันทนาการในรูปแบบท่ีใกลช้ ดิ กับ ธรรมชาติและอาจเสริมกจิ กรรมเพ่ือการศึกษาหาความรู้เข้าไปด้วย ซ่ึงกิจกรรมการท่องเท่ียวที่เกิดข้ึนในแหล่งท่องเที่ยวประเภทถ้ํา ได้แก่ การเข้าชมบรรยากาศและหิน

งอกหินย้อยภายในถํ้า การศึกษาด้านโบราณคดีของมนุษย์ยุคต่างๆ ท่ีเคยอาศัยในถ้ํา การนมัสการ พระพุทธรปู การให้อาหารสตั ว์ การปกิ นิกและรับประทานอาหาร เปน็ ต้น 11. แหล่งทอ่ งเทีย่ วทางธรรมชาติประเภทเกาะ : การประเมินมาตรฐานแหล่งท่องเท่ียวประเภท เกาะสามารถแบ่งได้เป็น 3 องค์ประกอบ ซึ่งมีจํานวน ตัวช้ีวัดท้ังหมด 47 ตัวช้ีวัด โดยแต่ละตัวช้ีวัดมีค่าคะแนนสูงสุดเท่ากับ 5 คะแนน จึงมีค่าคะแนนรวม ท้ังสน้ิ 235 คะแนน โดยการใหค้ ะแนนจะให้ความสําคัญกับองคป์ ระกอบคุณค่าด้านการท่องเท่ียวและ ความ เส่ียงต่อการถูกทําลายมากท่ีสุด เน่ืองจากเป็นแรงดึงดูดใจสําคัญสําหรับให้นักท่องเท่ียวเข้าไป เท่ยี วชมแหล่ง ท่องเทีย่ ว ส่วนองค์ประกอบด้านการบริหารจัดการมีความสําคัญของคะแนนรองลงมา และองค์ประกอบด้านศักยภาพในการพฒั นาดา้ นการท่องเท่ยี วมีความสําคัญของ คะแนน นอ้ ยที่สดุ 12. แหลง่ ท่องเทย่ี วทางธรรมชาตปิ ระเภทแกง่ : แหล่งท่องเท่ียวประเภทแก่ง หมายถึง สถานท่ีท่ีเปิดใช้เพ่ือการท่องเท่ียว โดยมีแก่งเป็น ทรัพยากรธรรมชาติที่ดึงดูดใจให้นักท่อง เท่ียวมาเยือน และมีวัตถุประสงค์เพ่ือความเพลิดเพลินและ นันทนาการในรูปแบบท่ีใกล้ชิดกับ ธรรมชาติ โดยมีกิจกรรมการท่องเท่ียวหลัก ได้แก่ การล่องแก่ง การพายเรือ การพักแรม และการเดินป่า ซ่ึงอาจเสริมกิจกรรมเพื่อการศึกษาธรรมชาติเข้าไปด้วย ได้แก่การดนู ก การสาํ รวจธรรมชาติ การศกึ ษาพนั ธ์พุ ืชตา่ งๆ เป็นตน้ สถานการณก์ ารทอ่ งเทยี่ วของโลก (Global Tourism Landscape) ในภาพรวมของการท่องเท่ียว ภูมิภาคยุโรปยังคงเป็นภูมิภาคที่นักท่องเที่ยวยังคงให้ความสนใจมาก ที่สุดอยู่ แต่หากพิจารณาในช่วงหลายปีท่ีผ่านมา จะเห็นได้ว่าภูมิภาคยุโรปได้รับความนิยมที่ลดน้อยลง ในขณะท่ีภูมิภาคอ่ืนๆ โดยเฉพาะเอเชีย กลับได้รับความนิยมมากขึ้น โดยมีอัตราการเติบโตของจํานวน นกั ท่องเท่ียวในภูมิภาคเอเชยี เพ่ิมสงู มากข้ึนอย่างเห็นได้ชัด สาเหตุส่วนหน่ึงอาจเกิดมาจากปัจจัยในเรื่องของ เศรษฐกิจ ที่ทําให้นักท่องเที่ยวในภูมิภาคต่างๆ เริ่มมองหาสถานที่ท่ีมีความคุ้มค่าเพ่ิมมากข้ึน ส่วนหนึ่งอาจ สะท้อนได้จากสัดสว่ นของการเดินทางข้ามภมู ิภาคทเ่ี พ่ิมสูงขึ้น ข้อมูลรายได้จากการท่องเที่ยว ท่ีแสดงให้เห็น ว่ามีรายได้ต่อหัวในภูมิภาคเอเชียท่ีสูงท่ีสุดอย่างต่อเน่ืองมาเป็นเวลากว่าหลายปีท่ีผ่านมา แสดงให้เห็นถึง ความน่าสนใจของการท่องเท่ียวในภูมิภาคเอเชียท่ีทําให้นักท่องเที่ยวในการเดินทางเข้ามายัง ภูมิภาคเอเชีย ยินดที ี่จะจ่าย จากข้อมลู ของจาํ นวนนักท่องเทยี่ วและรายไดจ้ ากการทอ่ งเที่ยวในภูมิภาค สามารถกล่าวได้ว่า ภูมภิ าคเอเชียถอื วา่ เป็นภูมภิ าคทม่ี ีศกั ยภาพในการเป็นแหลง่ ท่องเทีย่ วสําคัญของโลกเป็นอย่างมากในปัจจุบัน และในอนาคตอันใกลน้ ้ี

แผนภาพท่ี 1: จาํ นวนนักท่องเทย่ี ว และรายได้จากการท่องเที่ยว ปี พ.ศ. 2533 – 2555 ท่มี า: THE UNITED NATIONS WORLD TOURISM ORGANIZATION (UNWTO) Tourism Highlight 2009 – 2013 ตารางท่ี 1: จํานวนนกั ท่องเทย่ี ว ระหว่างปี 2549 - 2555 หนว่ ย: ล้านคน 2549 2550 2551 2552 2553 2554 2555 1035.3 โลก 435.7 529.4 676.6 806.9 949.1 994.9 534.2 233.6 ยโุ รป 262.7 305.9 388 448.9 485.5 516.4 163.1 เอเชยี /แปซิฟกิ 55.8 82 110.1 153.6 205.1 218.2 52.4 52 อเมรกิ า 92.8 109 128.2 133.3 150.4 156 แอฟริกา 14.8 18.8 26.2 34.8 49.9 49.4 ตะวันออกกลาง 9.6 13.7 24.1 36.3 58.2 54.9 ทม่ี า: The United Nations World Tourism Organization (UNWTO) Tourism Highlight 2013 หากพิจารณาเป็นรายภูมิภาคจะเห็นได้ว่าภูมิภาคยุโรปมีจํานวนนักท่องเที่ยวสูงที่สุด โดยมีสัดส่วน กว่าร้อยละ 52 (จํานวนนักท่องเท่ียวประมาณ 534 ล้านคน) ตามมาด้วยภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ใน สัดส่วนร้อยละ 23 (จํานวนนักท่องเที่ยวประมาณ 233 ล้านคน) และอเมริกา ในสัดส่วนร้อยละ 16 ตามลําดับ (จํานวนนักท่องเท่ียวประมาณ 163 ล้านคน) อย่างไรก็ตาม ภูมิภาคท่ีมีอัตราการเติบโตของ จํานวนนกั ท่องเทย่ี วสงู ที่สดุ (อตั ราการเติบโตเฉล่ีย นับต้ังแต่ปี พ.ศ. 2533 – 2555) กลับเป็นภูมิภาคในกลุ่ม ตะวนั ออกกลาง ที่ประมาณร้อยละ 8 ตามมาด้วยภมู ิภาคเอเชยี และแปซฟิ ิก ที่ประมาณร้อยละ 6.7

ตารางท่ี 2: จํานวนนักทอ่ งเทีย่ ว และอตั ราการเปลยี่ นแปลง ระหว่างปี พ.ศ. 2551 – 2555 หน่วย: ล้านคน ภูมภิ าค 2552 เปลี่ยนแปลง 2553 เปล่ียนแปลง 2554 เปลี่ยนแปลง 2555 เปลยี่ นแปลง 52/51 53/52 54/53 55/54 4% โลก 883 -4% 949.1 7% 994.9 5% 1035.3 3% 7% ยโุ รป 461.7 -5% 485.5 5% 516.4 6% 534.2 5% เอเชีย 181.1 -2% 205.1 13% 218.2 6% 233.6 6% -5% และแปซิฟกิ อเมรกิ า 141.7 -4% 150.4 6% 156 4% 163.1 แอฟริกา 45.9 4% 49.9 9% 49.4 -1% 52.4 ตะวันออก 52.8 -5% 58.2 10% 54.9 -6% 52 กลาง ท่ีมา: The United Nations World Tourism Organization (UNWTO) Tourism Highlight 2013 สถานการณก์ ารทอ่ งเท่ยี วของภมู ิภาคอาเซยี น (ASEAN Tourism Landscape) ในภาพรวมของสบิ ประเทศสมาชกิ อาเซียน หากเปรียบเทียบด้านความสามารถในการแข่งขันด้านการ ท่องเที่ยวแลว้ พบว่าในอาเซียนประเทศไทยยังคงเป็นอันดับท่ีสอง รองจากมาเลเซีย ประเด็นสําคัญที่ประเทศ ไทยขาดความพรอ้ ม คือ ทรพั ยากรมนุษย์ โดยเฉพาะประเด็นความสามารถด้านภาษา ในขณะที่ทรัพยากรทาง ธรรมชาตนิ ัน้ ประเทศไทยไดค้ ะแนนสูงสุดในอาเซยี น การเปิดเสรภี าคบริการ ตามกรอบข้อตกลงของ AEC ในปี 2015 กอ่ ให้เกิดความเสี่ยงจากการเข้ามาแย่งส่วนแบง่ ตลาดของธุรกิจท่องเท่ียวและโรงแรมไทยท่ีส่วนใหญ่เป็น SMEs นอกจากน้ัน ปัญหาเรื่องของมัคคุเทศก์อาจมีความรุนแรงข้ึน เนื่องจากอาชีพดังกล่าวเป็นอาชีพสงวน แตป่ จั จุบันจาํ นวนมัคคุเทศกแ์ ละผนู้ ําเทีย่ วท่ีมคี วามสามารถดา้ นภาษายงั ไม่มีเพยี งพอรองรบั กบั ความต้องการ ตารางที่ 3: จํานวนนักทอ่ งเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน ปี พ.ศ. 2550 - 2554 หน่วย: คน อาเซียน 2550 2551 2552 2553 2554 บรูไน 3,039,960 3,930,643 3,683,784 3,997,238 4,911,127 กัมพูชา 2,015,128 2,125,465 2,161,577 2,508,289 2,881,862 อนิ โดนเี ซีย 5,506,000 6,234,497 6,323,727 7,002,944 7,649,731 ลาว 1,623,943 1,736,787 2,008,363 2,513,028 2,723,564 มาเลเซยี 20,972,822 22,052,488 23,646,191 24,577,196 24,714,324 เมียนมาร์ ฟลิ ปิ ปินส์ 448,135 363,976 334,954 394,427 424,041 สิงคโปร์ 3,091,993 3,139,422 3,017,099 3,520,471 3,917,454 ไทย 10,284,545 10,115,638 9,681,259 11,638,663 13,171,303 เวยี ดนาม 14,464,228 14,584,220 14,149,841 15,936,400 19,230,470 รวม 4,299,300 4,235,800 3,747,400 5,049,800 6,014,000 65,746,054 68,518,936 68,754,195 77,138,456 85,637,876 ทีม่ า: CEIC Data

โดยจากตวั เลขดังกล่าวน้ี ประมาณร้อยละ 41 จะเป็นนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศสมาชิกอาเซียน ด้วยกันเองทั้งสิ้น ในขณะท่ีอีกกว่าร้อยละ 59 จะเป็นนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศอ่ืนๆนอกเหนือจากกลุ่ม สมาชิกอาเซียน หากพจิ ารณาเปน็ รายประเทศจะเหน็ ไดว้ า่ มีเพียงประเทศมาเลเซียเพียงประเทศเดียวเท่าน้ัน ทม่ี จี าํ นวนนกั ท่องเทย่ี วจากในภูมภิ าคอาเซยี นเดนิ ทางเข้ามามากกว่านักท่องเท่ียวจากประเทศท่ีไม่ใช่สมาชิก อาเซยี น และยงั มีจํานวนที่แตกตา่ งกันมากอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย ในทางตรงกันข้ามประเทศสมาชิกอาเซียน อ่ืนๆกลับมีจํานวนนักท่องเที่ยวที่ไม่ใช่สมาชิกอาเซียนมากกว่าจํานวนนักท่องเที่ยวจากอาเซียนท้ังส้ิน โดย ประเทศไทยมีจํานวนนักท่องเที่ยวท่ีไม่ใช่อาเซียนสูงท่ีสุด ประมาณ 13 ล้านคน ตามมาด้วยสิงคโปร์อยู่ที่ ประมาณ 7.7 ล้านคน แผนภาพท่ี 2: จํานวนนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอาเซียน และภูมิภาคอื่นท่ีเดินทางมายังประเทศในภูมิภาค อาเซยี น ปี พ.ศ. 2555 ทมี่ า: CEIC Data นอกเหนือจากสถานการณ์และสถิติการท่องเท่ียวข้างต้นแล้ว คณะทํางานได้ไปศึกษาวิเคราะห์ขีด ความสามารถด้านการแข่งขันของการท่องเท่ียวไทยเปรียบเทียบกับประเทศเพ่ือนบ้านในอาเซียน ซึ่ง World Economic Forum (WEF) ได้มีการจัดทํารายงานประจําปี ภายใต้ชื่อ “Travel & Tourism Competitiveness Index 2013” ซ่ึงเป็นการจัดอันดับขีดความสามารถในด้านการท่องเที่ยวประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยจะประเมินจากปัจจัยต่างๆ ภายใต้กรอบปัจจัยหลัก 3 ปัจจัย ได้แก่ ความพร้อมของภาครัฐ ความพรอ้ มของภาคธรุ กจิ และความพร้อมของทรพั ยากรท่องเทยี่ ว

ตารางที่ 4: การจัดอันดับและคะแนนขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว เฉพาะประเทศใน ภมู ิภาคอาเซียน ปี พ.ศ. 2556 ทมี่ า: World Economic Forum (WEF), Travel & Tourism Competitiveness Index 2013 ท้งั นี้ รายงานดังกลา่ วไดม้ ีการใหค้ ะแนนและจัดอันดับประเทศสมาชิกอาเซียนไว้ 8 ประเทศด้วยกัน โดยที่ในภาพรวม ประเทศท่ีได้รับการจัดอันดับในเร่ืองของความสามารถด้านการท่องเท่ียวอันดับ 1 ใน ภูมิภาคอาเซียน คือประเทศสิงคโปร์ ซึ่งยังถูกจัดเป็นอันดับ 10 ของประเทศที่มีขีดความสามารถด้านการ แข่งขันด้านการท่องเท่ยี วในโลกอีกดว้ ย ตามมาดว้ ยประเทศมาเลเซยี (อันดับที่ 34 ของทั้งโลก) และประเทศ ไทย (อันดับที่ 43 ของทัง้ โลก) ตามลาํ ดบั สาํ หรบั กรณีของประเทศไทยน้นั เดิมในปี พ.ศ. 2554 ประเทศไทย ถกู จดั อย่ทู ่ีอนั ดับ 41 แต่ในปี พ.ศ. 2556 น้ีตกมาอยู่ทอี่ นั ดบั 43 โดยสาเหตุสําคัญคือปญั หาดา้ นภัยธรรมชาติ และความไมแ่ น่นอนทางการเมืองทส่ี ่งผลตอ่ ความเชื่อมัน่ และความกงั วลของนกั ท่องเทยี่ ว จากตารางขา้ งต้นจะเห็นได้ว่าแม้ว่าในภาพรวมประเทศสิงคโปรจ์ ะมีขดี ความสามารถทางการแข่งขัน ด้านการท่องเที่ยวเป็นอันดับหน่ึงในภูมิภาค โดยเฉพาะในเรื่องของความพร้อมของภาครัฐและความพร้อม ของภาคธุรกจิ แตห่ ากพิจารณาในส่วนท่ีเป็นความพร้อมด้านทรัพยากรท่องเท่ียวโดยเฉพาะแล้วจะเห็นได้ว่า ทงั้ ประเทศมาเลเซีย และประเทศไทยเองกลับมีความพร้อมท่ีดีกว่า

ตารางท่ี 5: การจัดอันดับและคะแนนขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านความพร้อมทรัพยากรท่องเท่ียว เฉพาะประเทศในภมู ิภาคอาเซียน ปี พ2556 .ศ. ทม่ี า: World Economic Forum (WEF), Travel & Tourism Competitiveness Index 2013 ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าขีดความสามารถด้านทรัพยากรบุคคลของประเทศไทย ตามหลังประเทศมาเลเซียอยู่ มาก ซึ่งรายงาน Travel & Tourism Competitiveness Index 2013 ระบุว่าสาเหตุสําคัญเกิดจากปัญหา ด้านการศึกษาด้านการท่องเที่ยวที่เหมาะสม และความสามารถทางด้านทักษะภาษาอังกฤษ ในขณะที่ด้าน อื่นๆ อย่ใู นอนั ดบั ทีใ่ กลเ้ คียงกนั กลา่ วโดยสรุป ในภาพรวมของสถานการณ์และสภาพแวดล้อมการแขง่ ขนั ในภมู ิภาคมนี ยั สาํ คญั เชงิ นโยบาย ดงั ตอ่ ไปนี้ • การท่องเท่ียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงได้รับความนิยม จากการเพ่ิมขึ้นของ นักทอ่ งเท่ียวในแตล่ ะประเทศอยา่ งต่อเนอื่ ง • ประเทศในภูมิภาคอาเซียนทมี่ นี กั ทอ่ งเทยี่ วมากทสี่ ุด ไดแ้ ก่ ประเทศมาเลเซีย ประเทศไทย และประเทศ สิงคโปร์ โดยประเทศมาเลเซียมีจานวนนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอาเซียนเข้ามามากท่ีสุด ในขณะท่ี ประเทศไทยมจี านวนนักท่องเที่ยวจากภูมภิ าคอืน่ ๆ เข้ามามากทีส่ ุด • จากการเปรียบเทียบขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวพบว่า ประเทศไทยมาเป็น อันดับ 3 ของอาเซียน โดยสิงคโปร์เป็นประเทศที่ถูกจัดอันดับสูงที่สุดในกลุ่มภูมิภาคอาเซียน โดย ได้รับการจัดอันดับในเร่ืองของความพร้อมของภาครัฐ และภาคธุรกิจสูงท่ีสุด ตามมาด้วยประเทศ มาเลเซยี และประเทศไทย • ทั้งนี้ ในดา้ นขดี ความสามารถทางด้านแขง่ ขนั ด้านความพรอ้ มของทรพั ยากรทอ่ งเท่ียว ประเทศมาเลเซีย ถูกจัดอันดับสูงที่สุดในกลุ่มภูมิภาคอาเซียน ตามมาด้วยประเทศไทย ซ่ึงประเทศไทยมีความพร้อม คล้ายคลงึ กับของประเทศมาเลเซยี ในหลายๆเรื่อง ยกเว้นในเร่ืองของทรัพยากรบุคคล โดยเฉพาะใน เรอ่ื งของการศึกษาเก่ยี วกับอุตสาหกรรมท่องเทยี่ วและดา้ นทักษะภาษา • การเกดิ ขึ้นของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จะส่งผลกระทบเชิงบวกในเร่ืองของการเดินทางระหว่าง ภูมิภาคที่เพิ่มมากข้ึน และโอกาสในการลงทุนและการเพิ่มทุน ในขณะที่ผลกระทบในเชิงลบจะ มุ่งเน้นไปท่ีการปรับตัวของภาคธุรกิจของไทยที่มีขีดความสามารถต่า และการเคล่ือนย้ายของ แรงงาน

สถานการณ์การทอ่ งเทย่ี วของประเทศไทย (Thailand Tourism Landscape) ในทิศทางเดียวกันกับการเติบโตของการท่องเท่ียวท่ัวโลก ในปี พ.ศ. 2555 ประเทศไทยมีจํานวน นกั ทอ่ งเทยี่ วสงู ท่สี ดุ เป็นประวตั ิการณเ์ ชน่ เดยี วกัน โดยมีจํานวนนักท่องเท่ียวสูงถึง 22 ล้านคน เพ่ิมข้ึนจากปี ก่อนหน้าถึงกว่าร้อยละ 16 และหากคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี ต้ังแต่ปี 2538 เป็นต้นมา จะอยู่ท่ี ประมาณร้อยละ 7.1 โดยท่ีจะมีนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกเข้ามามากท่ีสุดเป็นอันดับหนึ่ง อยู่ท่ีประมาณ 14.8 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 66 ตามมาด้วยภูมิภาคยุโรป ที่มีจํานวน นักท่องเที่ยวประมาณ 5.6 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 25 ของจํานวนนักท่องเท่ียวที่เข้ามาใน ประเทศไทยท้ังหมด แผนภาพที่ 3: จํานวนนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเท่ียวที่เข้ามายังประเทศไทย แยกตามภูมิภาค ระหว่างปี พ.ศ. 2538 – 2555 ตารางท่ี 6: จํานวนนกั ท่องเท่ยี ว-รายได้ และอตั ราการเติบโต ระหวา่ ง ปี พ.ศ. 2538 – 2555 2538 2543 2548 2553 2554 2555 CAGR (%) 7.1 จาํ นวนนักท่องเท่ยี ว 6,951,657 9,508,623 11,516,936 15,936,400 19,230,470 22,303,065 7.0 (บาท) 7.3 5.7 เอเชีย/ แปซิฟกิ 4,684,812 6,276,645 7,455,978 9,952,117 12,437,492 14,838,588 11.4 7.2 ยุโรป 1,697,137 2,301,807 2,848,846 4,442,375 5,101,406 5,617,817 อเมรกิ า 423,102 663,276 833,814 844,644 952,519 1,080,148 ตะวนั ออกกลาง 96,887 182,408 292,562 569,334 601,146 604,659 แอฟริกา 49,719 84,487 85,736 127,930 137,907 161,853 รายได้ (พันลา้ นบาท) 191 285 367 593 776 N/A ที่มา: CEIC Data

ในสว่ นของรายได้จากการท่องเทีย่ วทเ่ี ขา้ มายงั ประเทศไทยน้ัน ก็สอดคล้องกับจํานวนนักท่องเที่ยวที่ มีแนวโน้มขาขึ้นอย่างต่อเน่ือง ซึ่งนับต้ังแต่ปี พ.ศ. 2538 ท่ีไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 1.9 แสน ล้านบาท มาเป็นกว่า 7.7 แสนล้านบาทในปี พ.ศ. 2554 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ประมาณ ร้อยละ 9.2 นอกจากน้ีหากเทียบรายได้ในปี พ.ศ. 2554 กับปี พ.ศ. 2553 จะเห็นได้ว่ามีการเติบโตท่ีสูงมาก ถึงร้อยละ 31 ภายในหน่ึงปี แผนภาพท่ี 4: การจดั อันดบั นักท่องเทย่ี วทีเ่ ดนิ ทางมายังประเทศไทยมากท่ีสุด 5 อันดบั 3,000,000 2,500,000 2,000,000 1,500,000 1,000,000 500,000 0 Malaysia China Japan Korea Russia 1,805,332 826,660 1,153,868 889,210 324,120 2008 1,757,813 777,508 1,004,453 618,227 336,965 2009 2,058,956 1,122,219 993,674 805,445 644,678 2010 2,500,280 1,721,247 1,127,893 1,006,283 1,054,187 2011 2,554,397 2,786,860 1,373,716 1,163,619 1,316,564 2012 ทมี่ า: CEIC Data แผนภาพและตารางข้างต้นน้ี แสดงให้เห็นถึงจํานวนนักท่องเท่ียวท่ีเข้ามายังประเทศไทยสูงที่สุด 5 ประเทศ ในช่วง 5 ปที ่ผี า่ นมา ซึง่ จะเห็นไดว้ า่ นักท่องเท่ียวจากประเทศจีนเข้ามาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยมาก ทสี่ ดุ โดยในปี พ.ศ. 2555 มจี ํานวนมากถงึ 2.7 ลา้ นคน เพิม่ ขน้ึ เกอื บ)1 ล้านคนจากปีท่ีผ่านมาซ่ึงนับเป็นปี ( งมีจํานวนอยู่ที่แรกทจี่ าํ นวนนักท่องเท่ียวจากประเทศจีนสูงกว่าจํานวนนักท่องเท่ียวจากประเทศมาเลเซีย ซึ่ ประมาณ2.5 ล้านคน ตามมาด้วยประเทศญี่ปุ่น รัสเซีย และเกาหลีใต้ ตามลําดับ นอกจากนี้ยังเป็นที่น่า สังเกตุอีกว่าจํานวนนักท่องเท่ียวจากประเทศรัสเซีย ในช่วงหลายปีท่ีผ่านมานั้น เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจาก ประมาณ 3 แสนกว่าคนในปี พ.ศ. 2551 เป็นกว่า 1.3 ล้านคนในปี พ.ศ. 2555 ซ่ึงสูงข้ึนกว่า 4 เท่าภายใน ระยะเวลา 5 ปี จนสามารถแซงหนา้ จํานวนนกั ท่องเท่ยี วจากประเทศเกาหลีใต้ไดใ้ นปี พ.ศ. 2554 โดยสรุป นักท่องเท่ียวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยน้ัน นอกจากเพื่อการท่องเที่ยวแล้ว ยังมีสัดส่วนของวัตถุประสงค์อ่ืนๆ ไม่ว่าจะเป็นในเร่ืองของการจัดงานประชุม การทําธุรกิจ หรืออ่ืนๆ อย่าง การรักษาพยาบาลสูงมากข้ึน ซ่งึ สง่ ผลให้บทบาทของการท่องเที่ยวจะต้องเชื่อมโยงกับธุรกิจบริการอื่นๆ เพ่ิม มากขึ้น นักท่องเท่ียวหลักของไทย 5 อันดับแรกยังคงเป็นประเทศเอเชียและรัสเซีย ในขณะท่ีนักท่องเที่ยว จากอเมริกาและยุโรปมีแนวโน้มลดลงอันเป็นผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจ นักท่องเท่ียวชาวจีนและรัสเซียเข้า มาประเทศไทยด้วยอัตราการเจริญเติบโตท่ีสูงมากขึ้นในระยะเวลาไม่กี่ปีท่ีผ่านมา ส่งผลกระทบในแง่การ บรหิ ารจดั การรองรับ (Carrying Capacity) ท่ีไทยยังขาดความพรอ้ ม ภาพรวมทศิ ทางและแนวโน้มการทอ่ งเที่ยวในอนาคต

แผนภาพที่ 5: การคาดการณ์ของจํานวนนักท่องเท่ียวในปี พ.ศ. 2573 ตารางที่ 7: จํานวนนกั ทอ่ งเที่ยวในภมู ภิ าคต่างๆ คาดการณ์ระหวา่ งปี พ.ศ. 2563 - 2573 (ค.ศ. 2030) ข้อมูลจริง (Actual) การคาดการณ์ (Projections) (ลา้ นคน) 2563 อัตราการเติบโต สัดสว่ น 2573 อตั ราการเติบโต สดั ส่วน 2523 2538 2553 เฉล่ียตอ่ ปี (%) (%) เฉล่ยี ต่อปี (%) (%) 2553 – 2563 2563 - 2573 โลก 276.7 527.7 940.2 1360 ยโุ รป 177.3 304.1 475.3 620 2.7 50.6 744 1.8 41.1 เอเชยี และแปซฟิ ิก 22.8 82 204 355 5.7 21.7 535 4.2 29.6 อเมรกิ า 62.3 109 149.7 199 2.9 15.9 248 2.2 13.7 แอฟริกา 7.2 18.9 50.3 85 5.4 5.3 134 4.6 7.4 ตะวนั ออกกลาง 7.1 13.7 60.9 101 5.2 6.5 149 4 8.2 ทีม่ า: THE UNITED NATIONS WORLD TOURISM ORGANIZATION (UNWTO) Tourism Towards 2030 หน่วยงานองค์การการท่องเท่ียวโลก หรือ The United Nations World Tourism Organization (UNWTO) ได้ทําการวิเคราะห์แนวโน้มการเติบโตของนักท่องเท่ียวในอนาคต จนถึงปี พ.ศ. 2573 ค).ศ. 2030) ซ่ึงอ้างอิงจากข้อมูลในอดีตและปัจจุบันมาคาดการณ์ตัวเลขและแนวโน้มของจํานวนนักท่องเท่ียว ดงั กล่าว ซ่งึ จากขอ้ มูลการวิเคราะห์และการคาดการณ์ในครงั้ น้ี สามารถสรปุ ได้ ดงั น้ี 1. การเติบโตของจํานวนนักท่องเท่ียวจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเน่ือง โดยเฉล่ียประมาณปีละ ล้านคน 43 จนถึงปี พ.ศ. 2573 ซ่งึ คาดว่าในปี พ.ศ. 2563 จะมีจํานวนนกั ท่องเท่ียวอยูป่ ระมาณ พนั ลา้ นคน 1.4 ปี)2553 – 2563 จะโตเฉลี่ยประมาณร้อยละ และในปี พ (ต่อปี 4.2.ศ. 2573 จะมีจํานวน นกั ท่องเทย่ี วถึงประมาณ 2 ปี) พันลา้ นคน 1.8563 – 2573 จะโตประมาณร้อยละ ต 3.3อ่ ปี(

2. ในอนาคตแม้ว่าภูมิภาคที่ได้รับความนิยมเดิมอย่างยุโรปหรืออเมริกา จะยังได้รับความนิยมอยู่ แต่ ความนิยมดังกล่าวอาจจะลดน้อยลง โดยมีการคาดการณ์ว่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 จะมีจํานวน นักท่องเท่ียวมายงั ประเทศเกิดใหม่มากกว่าจํานวนนักท่องเท่ียวที่จะไปประเทศที่พัฒนาแล้ว ซ่ึงยังมี การคาดการณ์ต่ออีกว่าส่วนแบ่งจํานวนนักท่องเที่ยวท่ีเดินทางไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง และแอฟริกา จะเพิ่มมากขึ้น ในขณะท่ีส่วนแบ่งจากภูมิภาคยุโรปและอเมริกาจะมี สดั สว่ นที่ลดลง 3. ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกจะเป็นภูมิภาคที่มีอัตราการเติบโตมากท่ีสุด โดยมีการคาดการณ์ว่าจะมี นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 331 ล้านคน และจะมีจํานวนนักท่องเที่ยวสูงถึง 535 ล้านคนในปี พ.ศ. 2573 หรือเตบิ โตประมาณร้อยละ 4.9 ตอ่ ปี โดยสรุป ในอนาคตอันใกล้น้ี ภูมิภาคเอเชียถือว่าเป็นภูมิภาคสําคัญท่ีต้องได้รับการจับตามองมาก ที่สุดภูมิภาคหน่ึง เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตของจํานวนนักท่องเท่ียวที่สูง ซ่ึงจะทําให้ สดั ส่วนของนักทอ่ งเท่ียวในภมู ิภาคเอเชียสงู ข้นึ เม่ือเทยี บกบั สัดส่วนของนกั ท่องเท่ยี วจากยุโรปท่ีเพ่ิมขึ้น แม้ว่า สดั สว่ นตลาดโดยรวมจะยงั เปน็ ของภูมภิ าคยโุ รปอยกู่ ต็ าม แนวโนม้ ท่ีสาคญั ของโลก (Megatrends) 5 ประการทมี่ ีนัยตอ่ การทอ่ งเท่ียว แนวโนม้ โลก ประเด็นสาคญั ดา้ นนโยบายที่เกี่ยวข้อง 1.ศตวรรษแห่งเอเชยี • การปรับสมดุลใหม่ของโลก จีนขึ้นมาเป็นมหาอํานาจทางเศรษฐกิจ รวมถึง (Asian Century) ผูบ้ ริโภคอนั ดบั ใหญข่ องโลก • การเติบโตของตลาดใหม่ในระดับภูมิภาคอาเซียน ท่ีชนช้ันกลางมากขึ้นและมี จํานวนผู้มีรายได้สูงมากขน้ึ • ภูมิภาคเอเชยี จะเปน็ แหล่งทอ่ งเที่ยวสาํ คัญของโลก • นกั ทอ่ งเท่ยี วจากจีนและญี่ปุ่นจะเป็นกลุ่มหลักของนักท่องเทีย่ วในภมู ิภาคเอเชีย • การเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยวส่งผลต่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและ สง่ิ แวดล้อม 2. ความเหล่ือมล้าทาง • แนวคิดเรื่อง Corporate Social Responsibility: CSR เข้ามามีบทบาทใน สังคม ธรุ กจิ ทอ่ งเท่ียวมากข้ึน (Rising Inequality) • การท่องเท่ียวต้องคํานึงถึงการมีส่วนร่วมของชุมชน และสิทธิในการเข้าถึง ทรพั ยากรทางธรรมชาตขิ องคนในชุมชน เพื่อให้เกิดความยง่ั ยืน • กระแสเรียกร้องการปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ระหว่างนักท่องเที่ยว ตา่ งชาตแิ ละทอ้ งถ่นิ 3. การเปลี่ยนแปลงทาง • การบรโิ ภคสินค้าท่องเท่ียวจะมีลักษณะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากข้ึน (Green ภมู อิ ากาศ (Climate Change) Production & Consumption) • แนวโน้มการขาดแคลนทรัพยากร (Resource Constraints) และการแย่งชิง ทรพั ยากรธรรมชาติ (Resource War) • สินค้าโภคภัณฑ์ พลังงานและสินค้าเกษตรมีราคาสูงขึ้นและผันผวนรุนแรงมาก

แนวโนม้ โลก ประเด็นสาคญั ด้านนโยบายท่เี กย่ี วข้อง ขนึ้ ซึ่งส่งผลตอ่ แบบแผนบริโภคและการผลติ • การทอ่ งเท่ียวในลักษณะของการผจญภัย เพ่ือให้ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆกําลัง เป็นท่ีต้องการเพ่ิมมากข้ึน ซ่ึงลักษณะการท่องเท่ียวในรูปแบบนี้ เร่ิมท่ีจะมีให้ เห็นในเชิง eco-tourism ที่จะมีการเข้าไปช่วยเหลือชุมชนท้องถ่ิน และการ สง่ เสรมิ ธรรมชาติในตัวดว้ ย 4. ความท้าทายด้าน • บริการเกย่ี วกบั สุขภาพจะมีความตอ้ งการเพ่ิมสูงขึน้ ประชากร • การเร่ิมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ในประเทศพัฒนาแล้วท่ีมีค่า (Demographic Challenge) รกั ษาพยาบาลราคาสูง ทําให้เริ่มมีกระแสท่ีผู้คนท่ีจะเลือกเดินทางออกไปรักษา หรือผ่าตัดที่ประเทศอ่ืนที่มีค่ารักษาพยาบาลที่มีราคาถูกกว่า พร้อมกับอาศัย ชว่ งเวลาดงั กลา่ วในการท่องเทีย่ วเพอ่ื พกั ฟ้นื • การอพยพแรงงานในประเทศและข้ามประเทศ นําไปสู่ปัญหาแรงงานต่างด้าว และสมองไหลหลงั AEC (Labour Mobility) 5. การพัฒนาเทคโนโลยี • Internet จะกลายเปน็ ช่องทางหลกั ในการหาขอ้ มูลและจองต๋ัวและที่พักสําหรับ และนวตั กรรม (ICT & การเดินทาง & Innovation) • การใช้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการตัดสินใจของผู้คนมาก โดยเฉพาะใน เรื่องของการหาข้อมูล และคําแนะนําจากบุคคลอ่ืน บน Social Media และ Travel Blogger • สายการบินต้นทุนต่ําที่ใช้โอกาสจาก Open Sky ช่วยพัฒนาการเดินทางใน เอเชยี ให้มากข้ึน ที่มา: ประมวลแนวโน้มท่ีสําคัญจากรายงานของหลายสํานัก ไม่ว่าจะเป็น Travel Trend Report 2013, ABTA, World Economic Forum (WEF) และ World Tourism Organization สรปุ ประเดน็ สาคัญในการศึกษาสถานการณด์ ้านการท่องเทย่ี ว – นักท่องเทยี่ วจากท่ัวโลกสนใจภมู ิภาคเอเชีย เห็นได้จากอัตราการเจริญเติบโตของจํานวนนักท่องเท่ียว และรายจ่ายตอ่ หวั ส่วนหนง่ึ จากการขยายตวั ของ Low Cost Airlines – หากเปรียบเทียบด้านความสามารถในการแข่งขันและความพร้อมของทุกๆ ภาคส่วนในด้านการ ท่องเทยี่ วแลว้ พบวา่ ในอาเซียนประเทศไทยยังเปน็ ทส่ี อง รองจากมาเลเซยี – กระแสความนิยมประเทศไทยในหมู่นักท่องเที่ยวจีนสูงข้ึนมาก เห็นจํานวนนักท่องเท่ียวที่เข้ามาเยอะ จนประเทศไทยเริ่มไมส่ ามารถทีจ่ ะรับมือได้ จนกลายเป็นประเดน็ เรอื่ ง Carrying Capacity – ประเด็นสําคัญท่ีประเทศไทยขาดความพร้อม คือ ทรัพยากรมนุษย์ ในขณะที่ทรัพยากรทางธรรมชาติ นนั้ ประเทศไทยได้คะแนนสูงสุดในอาเซียน – การเปิดเสรภี าคบริการ ในกรอบข้อตกลงของ AEC นั้น ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจบริการของ ไทยที่ส่วนใหญ่เป็น SMEs เน่ืองจากขาดความพร้อมด้านเงินทุนและเทคโนโลยีในขณะท่ี ต่างชาติเร่ิม ให้ความสําคัญและพุ่งเป้าเขา้ มาลงทนุ ในธรุ กิจท่องเทยี่ วในอาเซยี นหลงั เปดิ AEC เตม็ รปู แบบ

– โซเชียลมีเดียมีผลมากต่อการทําธุรกรรมและการตัดสินใจในด้านการท่องเที่ยว ดังนั้น แนวทางการ บรหิ ารจดั การท่องเที่ยวยคุ ใหมต่ อ้ งคาํ นงึ ถงึ Online และการทาํ E-Marketing ด้วย สําหรับการศึกษาทบทวนยุทธศาสตร์ของประเทศ และยุทธศาสตร์ด้านการท่องเท่ียวของไทยน้ัน ที่ปรึกษาได้ทําการศึกษาทบทวนถึงยุทธศาสตร์ในระดับต่างๆท่ีมีความสําคัญในการกําหนดทิศทางการ พัฒนาการท่องเที่ยวของไทยในปัจจุบัน โดยได้แบ่งระดับการศึกษาทบทวนยุทธศาสตร์ และสามารถ วิเคราะห์แนวทางการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทย จากนโยบายและยุทธศาสตร์ในระดับต่างๆ ดงั นี้ แผนภาพท่ี 6: โครงสร้างของนโยบายและยทุ ธศาสตรก์ ารพัฒนาและส่งเสรมิ การทอ่ งเท่ยี วของไทย  • 2.2  •  •    •  •  •    11 2555-2559 2555-2559 •  • • Quality Leisure of Destination • • นโยบายรัฐบาลจากแผนบริหารราชการแผ่นดิน ปี 2555-2558 โดยรัฐบาลน.ส.ย่ิงลักษณ์ ชินวัตร ได้ นาํ เสนอตอ่ รฐั สภาเม่ือเดือนสงิ หาคม 2554 โดยรัฐบาลมีวสิ ัยทศั น์ ทีจ่ ะมุ่งมั่นการพัฒนาประเทศให้รอดพ้นจาก วกิ ฤตเศรษฐกจิ โลกและพัฒนาไปสู่การเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมท้ังมุ่งมั่นจะสร้างความสามัคคี ปรองดอง ใหเ้ กดิ ขึน้ ในสังคมไทย ซ่ึงจะนําไปสู่ความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองการปกครองของ ประเทศให้ก้าวหน้าเพ่ือประโยชน์สุขของประชาชนชาวไทยทุกคน โดยยึดหลักการบริหารที่มีความยืดหยุ่นท่ี คํานึงถึงพลวัตรการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยภายนอกท่ีมีผลกระทบต่อการดําเนินนโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้ รฐั บาลจะดําเนนิ การให้บรรลภุ ารกจิ ดังกลา่ วภายใตแ้ นวทางพน้ื ฐานหลัก 3 ประการ คอื

หน่ึง เพือ่ นําประเทศไทยไปสโู่ ครงสร้างเศรษฐกจิ ที่สมดุล มีความเข้มแข็งของเศรษฐกิจภายในประเทศ มากข้ึน ซ่ึงจะเป็นพ้ืนฐานที่สําคัญของการสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพและย่ังยืน การพัฒนาคุณภาพและ สุขภาพคนไทยในทุกช่วงวัย ถอื เป็นปัจจัยช้ีขาดความสามารถในการอยรู่ อดและแขง่ ขันได้ของเศรษฐกจิ ไทย สอง เพื่อนําประเทศไทยสู่สังคมท่ีมีความปรองดองสมานฉันท์และอยู่บนพ้ืนฐานของหลักนิติธรรมท่ี เปน็ มาตรฐานสากลเดียวกนั และมหี ลกั ปฏิบตั ทิ ี่เท่าเทียมกนั ตอ่ ประชาชนคนไทยทกุ คน สาม เพอ่ื นาํ ประเทศไทยไปสกู่ ารเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2558 อย่างสมบรู ณ์ โดยสร้างความ พรอ้ มและความเขม้ แขง็ ท้งั ทางด้านเศรษฐกจิ สงั คมและวฒั นธรรม และการเมอื งและความมั่นคง นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลจึงมุ่งเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน เร่งให้เศรษฐกิจขยายตัว เต็มที่ตามศักยภาพ ขณะเดียวกันจะส่งเสริมการกระจายรายได้และขยายโอกาสในการเข้าถึงบริการและ ปัจจัยการผลิตให้มีความเป็นธรรม สร้างสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจให้เอ้ืออํานวยต่อการประกอบกิจกรรม ทางเศรษฐกจิ ของภาคเอกชน ให้เปน็ กลไกหลักในการขับเคล่ือนเศรษฐกิจของประเทศ มีการดําเนินนโยบาย การเงินและการคลังที่สอดประสานกัน เพ่ือสร้างเสถียรภาพของระดับราคา เสถียรภาพทางการคลังของ ประเทศ และเสถยี รภาพของระบบการเงิน เพ่ือให้เป็นภูมิคุ้มกันต่อความเส่ียงต่าง ๆ นอกจากนี้รัฐบาลยังให้ ความสําคัญกบั การพฒั นาโครงสรา้ งพน้ื ฐาน โดยเฉพาะการขนส่งในระบบรางเพ่ือลดต้นทุนการผลิต กําหนด นโยบายด้านพลังงานท่เี หมาะสม เพอ่ื สรา้ งขดี ความสามารถในการแข่งขันในภาคการลงทุนและการผลิตของ ไทย ทัง้ นี้ จะเพิ่มบทบาทให้ภาคเอกชนในการเขา้ รว่ มลงทนุ ในโครงสรา้ งพ้นื ฐานและปรับปรุงรัฐวิสาหกิจให้มี ประสทิ ธภิ าพเพือ่ ลดภาระทางการคลังภาครัฐ ในภาคการผลิตนั้น รัฐบาลจะสร้างความแข็งแกร่งให้ภาคการ ผลิตให้สามารถพึ่งตนเองได้ เพิ่มผลิตภาพการผลิต และมุ่งเน้นการผลิตบนฐานนวัตกรรม องค์ความรู้ และ เทคโนโลยี เพ่ือเพม่ิ มูลค่าทางเศรษฐกิจ เพื่อให้ธรุ กิจไทยสามารถแขง่ ขันได้ในเวทีโลก และเตรียมความพร้อม ในการเขา้ สปู่ ระชาคมเศรษฐกิจอาเซียน สําหรับการพัฒนาการท่องเที่ยวนั้น รัฐบาลได้เน้นเป้าประสงค์ในการเพิ่มจํานวนนักท่องเที่ยวและ รายได้จากการท่องเที่ยว โดยมงุ่ เนน้ การปรบั พื้นฐานการท่องเที่ยวท้ังในเชิงโครงสร้างและการบริหารจัดการให้ มีประสิทธิภาพ รวมถึงการทําตลาดเชิงรุกในรูปแบบการท่องเที่ยวใหม่ๆ กําหนดเป้าประสงค์เชิงนโยบาย เป้าประสงค/์ ตัวชี้วัด นโยบาย และกลยทุ ธไ์ วด้ งั นี้ ตารางท่ี 5: เป้าประสงคเ์ ชงิ นโยบาย เปา้ ประสงคแ์ ละตวั ชวี้ ัดสําหรับการพฒั นาการท่องเทย่ี วของรัฐบาล เปา้ ประสงค์เชงิ นโยบาย เปา้ ประสงค/์ ตัวชี้วัด 1. การท่องเท่ยี วมีการเตบิ โตอยา่ งสมดลุ และยั่งยนื  จํานวนนักท่องเที่ยว 30 ล้านคน และมีรายได้จากการ 2. ประเทศไทยมภี าพลกั ษณ์ทด่ี ใี นสายตา ทอ่ งเทย่ี ว 1.4 ลา้ นลา้ นบาท นกั ท่องเที่ยว  พ้ืนที่พิเศษได้รับการบริหารจัดการเพื่อการพัฒนาแหล่ง ท่องเที่ยวอยา่ งย่ังยืน และครวั เรือนในพน้ื ท่ีมีรายได้เพมิ่ ข้ึน 3. รายได้จากนกั ท่องเที่ยวชาวตา่ งชาตเิ พม่ิ ขึ้น  จํานวนนกั ทอ่ งเที่ยวกลุ่มไมซ์ (MICE) จากต่างประเทศ และ 4. พ้นื ที่เป้าหมายได้รับการประกาศเขตพื้นที่พิเศษ เพื่อการท่องเท่ียวอย่างยั่งยืน สามารถตอบสนอง รายได้จากอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) เพิ่มขนึ้ รอ้ ยละ 15-25 นโยบายสร้างรายได้และพัฒนา เศรษฐกิจของ  งานชนะการประมูลสิทธิ์การจัดประชุมนานาชาติและการ ประเทศ จัดแสดงสินค้าและนิทรรศการนานาชาติ และอันดับของ 5. จํานวนและรายได้จากการใช้จ่ายของนัก ประเทศไทยด้านประเทศท่ีเป็นจุดหมายสําหรับการจัดงาน เดินทางกลุ่มไมซ์ (MICE) ในประเทศไทยเพ่มิ ข้นึ ดา้ นไมซ์ (MICE) เพ่มิ ข้ึน 6. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านโครงข่ายทาง  นักท่องเท่ียวเดินทา งเข้าถึงแหล่งท่องเท่ียวอย่าง หลวงสนบั สนนุ แหลง่ ทอ่ งเที่ยว สะดวกสบายและปลอดภัย

ไมซ์ (MICE) ยอ่ มาจากคําในภาษาองั กฤษวา่ )Meetings, Incentive Travel, Conventions, Exhibitions) หมายถึงธรุ กิจท่ี เกยี่ วขอ้ งกับการจดั ประชมุ บริษทั ข้ามชาติ การท่องเท่ียวเพ่อื เปน็ รางวัล การประชุมนานาชาติ และการจดั นทิ รรศการ ไมซเ์ ปน็ สว่ นหนึ่งของอตุ สาหกรรม ท่องเทย่ี ว แต่มีความแตกต่างจากนกั ท่องเทยี่ วหรืออุตสาหกรรมทอ่ งเทย่ี วทั่วไป นักทอ่ งเทยี่ วกลมุ่ ไมซ์ จะมีวัตถุประสงคห์ ลกั ในการเดนิ ทางท่ีเฉพาะเจาะจง ที่ เกี่ยวเน่อื งกับการเดนิ ทางเพอื่ รว่ มประชมุ บริษทั การทอ่ งเท่ียวจากรางวลั ท่ไี ดร้ บั การเขา้ รว่ มงานประชุมนานาชาติ หรอื การเข้ารว่ มงานแสดงสินค้าหรอื นิทรรศการนานาชาติ สาํ หรับแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 ยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจสู่ การเติบโตอย่างมีคุณภาพและย่ังยืน มีแนวทางในการพัฒนาปรับโครงสร้างภาคบริการ ให้สามารถสร้าง มูลค่าเพ่ิมกับสาขาบริการท่ีมีศักยภาพและเป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อมบนฐานความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมมี กรอบแนวทางการพัฒนาการท่องเท่ียวอยู่ 2 แนวทางหลักคือ การฟ้ืนฟูคุณภาพแหล่งท่องเที่ยว การบริหาร จดั การแหล่งทอ่ งเทย่ี ว ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและสอดคล้องกับศักยภาพของชุมชนและ ตอ้ งเปน็ มิตรกับสิ่งแวดลอ้ ม โดยมรี ายละเอียด ดังนค้ี อื 1. เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจบริการท่ีมีศักยภาพสู่ธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ โดย สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเพ่ือสร้างนวัตกรรมให้กับธุรกิจ ส่งเสริมการใช้องค์ความรู้และเทคโนโลยี ใหม่ๆ ในการพัฒนาสินค้าและบริการ และส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจบริการท่ีมีศักยภาพ โดยอาศัย ความได้เปรียบของทําเลท่ีตั้งทางภูมิศาสตร์ของประเทศ ความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม และเอกลักษณ์ความเป็นไทย ตลอดจนสามารถรองรับการเปิดเสรีทางการค้าและกระแสความต้องการ ของตลาดโลก ได้แก่ ธุรกิจการท่องเท่ียว ธุรกิจบริการสุขภาพ ธุรกิจบริการโลจิสติกส์ ธุรกิจภาพยนตร์ ธรุ กจิ การจดั ประชมุ และแสดงนทิ รรศการนานาชาติ เป็นตน้ 2. ขยายฐานการผลิตและการตลาดของภาคธุรกิจบริการท่ีมีศักยภาพออกสู่ตลาดต่างประเทศ โดยพัฒนา ขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการตลอดห่วงโซ่การผลิตและบริการสนับสนุนมาตรการ ด้านการเงินและภาษีให้ทัดเทียมกับประเทศคู่แข่ง ส่งเสริมการค้นหาและบุกเบิกตลาดใหม่ๆ ที่มี ศกั ยภาพ เสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการลงทุนในตลาดต่างประเทศเพื่อ สนับสนุนการขยายตลาดของธุรกิจบริการท่ีมีศักยภาพของไทย พัฒนาศักยภาพของบุคลากรให้มีทักษะ การบริหารและความเชี่ยวชาญในสายอาชีพ และพัฒนามาตรฐานธุรกิจและวิชาชีพให้เป็นที่ยอมรับใน ระดบั สากล 3. พัฒนาปัจจัยแวดล้อมให้เอ้ือต่อการลงทุนในภาคบริการท้ังในประเทศและดึงดูดการลงทุนจาก ตา่ งประเทศในภาคบริการ โดยปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการของโครงสร้างพ้ืนฐาน พัฒนาระบบ ฐานข้อมูลภาคบริการโดยรวมของประเทศและข้อมูลเชิงลึกในสาขาบริการที่มีศักยภาพ ปรับปรุง กฎหมาย กฎ ระเบียบ และสิทธิประโยชน์ให้เอ้ือต่อการลงทุน ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนารวมท้ังการ ถ่ายทอดเทคโนโลยี ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการประกอบธุรกิจ ส่งเสริมธุรกิจบริการที่ เป็นมติ รกับส่งิ แวดล้อม ตลอดจนผลิตและพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพสอดคล้องกับความต้องการของ ธรุ กิจ 4. ฟ้ืนฟูและพัฒนาคุณภาพแหล่งท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโดยการฟ้ืนฟูพัฒนา แหล่งท่องเท่ียวหลักท่ีเส่ือมโทรม พัฒนาเครือข่ายวิสาหกิจของธุรกิจท่องเที่ยวในกลุ่มพ้ืนท่ีที่มีศักยภาพ สูง ส่งเสริมกิจกรรมการท่องเท่ียวท่ีสอดคล้องกับศักยภาพของพ้ืนที่และกระแสความต้องการของ ตลาดโลก เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การท่องเท่ียวเชิงศึกษาเรียนรู้ ประวัติศาสตร์วัฒนธรรม และสัมผัสวิถีชีวิตชุมชน รวมทั้งส่งเสริมการดําเนินกลยุทธ์ทางการตลาด รปู แบบใหม่ทีส่ ามารถเขา้ ถึงกลุ่มลกู ค้าและขยายไปยังตลาดใหมๆ่ ท่ีมีศักยภาพ

5. บริหารจดั การการท่องเท่ยี วใหเ้ กิดความสมดลุ และยั่งยนื โดยให้ความสําคัญกับการพัฒนาการท่องเท่ียว เชิงสร้างสรรค์และเป็นมิตรต่อส่ิงแวดล้อม คํานึงถึงความสมดุลและความสามารถในการรองรับของ แหล่งท่องเท่ียว พัฒนายกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้มีคุณภาพและ เพียงพอ และบูรณาการการท่องเท่ียวให้เชื่อมโยงกับวิถีชีวิต วัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติรวมทั้ง สาขาการผลิตและบริการอน่ื ๆ 6. เสรมิ สร้างความเขม้ แข็งของท้องถิ่น ชุมชน ผู้ประกอบการรายย่อย วิสาหกิจชุมชนและบุคลากรภาครัฐ เพื่อร่วมกนั พฒั นาและเชื่อมโยงกบั สาขาการผลติ และบรกิ ารที่เก่ียวเนื่องในพื้นที่ตามแนวทางการพัฒนา เครือข่ายวิสาหกิจ พัฒนาทักษะและองค์ความรู้ของบุคลากรภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและ ชุมชน รวมทั้งเสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้สามารถ ปรับตัวเพื่อรองรับผลกระทบต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเปล่ียนแปลงเง่ือนไขตามกฎระเบียบใหม่ ของโลก แผนภาพท่ี 7: ภาพรวมยทุ ธศาสตร์การทอ่ งเที่ยวของประเทศในปจั จุบนั แผนการทอ่ งเที่ยวแหง่ ชาติ 2. การพฒั นาและ 3.การพัฒนาสินค้า 4.การสรา้ งความ 5. การสง่ เสรมิ กระบวนการมี ฟืน้ ฟแู หลง่ ทอ่ งเท่ยี ว บริการและปจจยั เชอ่ื มั่นและสง่ เสรมิ สว่ นร่วมของภาครั ภาค 1.การพฒั นาโครงสร้าง พืน้ านและสิ่งอานวย ให้เกดิ ความย่ังยนื สนบั สนนุ การ การทอ่ งเทย่ี ว ประชาชน และอปท ในการ ความสะดวกเพื่อการ ท่องเทยี่ ว บรหิ ารจัดการทรพั ยากรการ ท่องเทีย่ ว ท่องเทยี่ ว กระทรวงการทอ่ งเท่ยี ว 1.การพฒั นาสินคา้ และบริการดา้ นการ 2. การส่งเสริมการทอ่ งเทย่ี วในเชิงคณุ ภาพ 3. การพฒั นาระบบการบรหิ ารจดั การ และ ท่องเทยี่ วใหม้ ีคณุ ภาพและปลอดภยั ใหม้ กี ารเติบโตอย่างสมดลุ และยง่ั ยนื สนบั สนนุ การพัฒนาเศรษ กิจสรา้ งสรรค์ ดา้ นการทอ่ งเทย่ี วและกี า กรมการท่องเท่ียว ประเด็นยทุ ธศาสตรท์ ี่ 2 ประเดน็ ยุทธศาสตรท์ ่ี 3 การพัฒนาการบรหิ ารจัดการด้านการทอ่ งเทีย่ ว การพัฒนาความรว่ มมอื ดา้ นการท่องเท่ียวใน ประเด็นยุทธศาสตร์ท่ี 1 และดา้ นธรุ กิจบริการสร้างภาพยนตรต์ ่างประเทศ การพัฒนาคณุ ภาพสินค้าและ ภูมภิ าคเอเชียและนานาชาติ ในราชอาณาจกั ร บริการด้านการทอ่ งเที่ยว ประเดน็ ยุทธศาสตรท์ ี่ 2 ประเดน็ ยุทธศาสตร์ท่ี 3 ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 4 ททท สรา้ งภาพลกั ษณ์ประเทศไทยเปน็ ส่งเสริมการทอ่ งเท่ยี วอย่างยง่ั ยืน เพ่มิ ประสิทธิภาพการ Quality Leisure of Destination ประเด็นยทุ ธศาสตรท์ ่ี 1 และสรา้ งสรรค์ ดาํ เนนิ งาน เนน้ การเพม่ิ มูลคา่ ทางการตลาด ควบคูค่ ุณค่าทางจิตใจ นกั ท่องเทย่ี ว


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook