แนวปฏิบัติการวัดและประเมินผล

แนวปฏบิ ัติการวดั และประเมินผล โรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 3 (ในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของไวรัสโควิด - 19)

แนวทางการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ 1. การใหค้ ะแนนระหว่างเรยี น/คะแนนกลางภาค ให้ครผู ู้สอนพจิ ารณาการใหค้ ะแนนจากการวดั และประเมินผลท่ีหลากหลาย เช่น การเข้าเรียน การนาเสนองาน ใบงาน การตอบคาถาม ช้ินงาน การสอบ แบบฝึกหัด อย่างใดอย่างหนึ่งตามความ เหมาะสม (งด การจัดสอบกลางภาคตามตารางปกติ มอบหมายให้ครูผู้สอนดาเนินการเก็บคะแนน ในคาบสอนของตนเอง และให้ครผู ูส้ อนแจ้งนกั เรียนใหท้ ราบล่วงหนา้ อยา่ งน้อย 3 วัน) 2. คะแนนปลายป/ี ปลายภาค ให้ครูผู้สอนพิจารณาการให้คะแนนจากการวัดและประเมินผลท่ีหลากหลาย เช่น การ นาเสนองาน ใบงาน การตอบคาถาม ช้ินงาน การสอบ แบบฝึกหัด อย่างใดอย่างหนึ่งตามความเหมาะสม ซึง่ ครผู ู้สอนตอ้ งแจ้งใหน้ กั เรยี นทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สปั ดาห์

เกณฑก์ ารตดั สินผลการเรียน คะแนน ผลการเรียน ความหมาย 80-100 4.00 ดีเยีย่ ม 75-79 3.50 ดีมาก 70-74 3.00 ดี 65-69 2.50 คอ่ นข้างดี 60-64 2.00 ปานกลาง 55-59 1.50 พอใช้ 50-54 1.00 0-49 0 ผ่านเกณฑข์ ั้นต่า ต่ากวา่ เกณฑ์

การตัดสินผลการเรียน ในกรณีที่ไมส่ ามารถใหร้ ะดบั ผลการเรียนเปน็ 8 ระดับได้ ให้ใช้ตัวอกั ษรระบุเง่อื นไข ของผลการเรียน ดังน้ี “มส” หมายถึง ผเู้ รียนไม่มีสิทธเิ ข้ารบั การวัดผลปลายภาคเรยี น เนื่องจากมีเวลาเรียนไมถ่ งึ ร้อยละ 80 “ร” หมายถึง รอการตัดสินและยังตัดสินผลการเรียนไม่ได้ เนื่องจากผู้เรียนไม่มีข้อมูลผลการเรียน ได้แก่ ไม่ได้วัดผลระหว่างภาคเรียน/ปลายภาคเรยี น ไม่ได้สง่ งานทม่ี อบหมาย การประเมินกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน จะตอ้ งพิจารณาทัง้ เวลาการเข้ารว่ มกิจกรรม การปฏิบัติกจิ กรรม และผลงานของผเู้ รยี นตามเกณฑ์ทีส่ ถานศึกษากาหนด กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน มี 3 ลกั ษณะ คอื 1. กจิ กรรมแนะแนว 2. กจิ กรรมนักเรยี น 3. กจิ กรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ “ผ” หมายถึง ผเู้ รียนมีเวลาเข้ารว่ มกิจกรรม ปฏิบัติกจิ กรรม และมีผลงานตามเกณฑ์ท่กี าหนด “มผ” หมายถึง ผเู้ รียนไม่มีเวลาเข้ารว่ มกิจกรรม ปฏิบตั ิกจิ กรรม และมีผลงานไม่ผา่ นเกณฑท์ ก่ี าหนด

การให้ผลการเรียน “0”” กรณีการใหผ้ ลการเรียนเป็น “0” มีเกณฑก์ ารพิจารณา ดังน้ี - นักเรยี นมีคะแนนไม่ถงึ ร้อยละ 50 การใหผ้ ลการเรียน “มส”” กรณีการใหผ้ ลการเรียนเปน็ “มส” มีเกณฑก์ ารพิจารณา ดงั น้ี -กรณีนักเรียนไม่เข้าเรียนทุกคาบและไม่ส่งงานเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ให้ครูผู้สอนประสานครูท่ี ปรึกษา ร่วมกันติดตามนักเรียน เพื่อหาสาเหตุประกอบการพิจารณาให้ผลการเรียน “มส” โดยพิจารณาถึง ความจาเป็นของนักเรียนเปน็ สาคัญ - กรณีนักเรียนไม่เข้าเรียนทุกคาบแต่มีงานส่ง ให้ครูผู้สอนนับเวลาเรียนให้นักเรียน และ ครูผู้สอนประสานครูท่ปี รึกษาเพือ่ ทราบเหตผุ ลความจาเป็นทน่ี กั เรยี นไม่เข้าเรยี น - กรณีนักเรียนเข้าเรียนบางคร้ัง ให้ครผู ู้สอนนับเวลาเรียนให้นักเรียน และครูผู้สอนประสานครู ท่ปี รึกษาเพื่อทราบเหตุผลความจาเปน็ ทน่ี ักเรยี นไม่เข้าเรยี น

การให้ผลการเรียน “ร” กรณีการใหผ้ ลการเรียนเป็น “ร”มีเกณฑ์การพิจารณา ดังน้ี - นักเรียนไม่ส่งงานตามท่ีได้รับมอบหมายซึ่งงานน้ันเป็นส่วนหนึ่งท่ีเป็นคะแนนในการตัดสินผล การเรียนรู้ - ในกรณีท่ีนักเรียนส่งงานไม่ครบตามข้อตกลงกับครูประจาวิชา แต่นักเรียนมีคะแนนท่ีสามารถ ตัดสินผลการเรียนได้ ให้ครูประจาวิชาแจ้งนักเรียนว่านักเรียนประสงค์จะส่งงานท่ีค้างส่งหรือไม่ หาก นักเรียนไม่ต้องการ ให้ครูผู้สอนตัดสินผลการเรียนตามคะแนนท่ีนักเรียนมี แต่หากนักเรียนประสงค์จะส่ง งานท่คี า้ งส่งให้ครทู าข้อตกลงกบั นกั เรียนในการกาหนดเวลาและชอ่ งทางการส่งงาน ถ้านักเรยี นส่งงานตาม กาหนดเป็นไปตามข้อตกลงให้ครูตัดสินผลการเรียนโดยนาคะแนนจากน้ันช้ินน้ันมาใช้ตัดสินผลการเรียน หากไม่เปน็ ไปตามข้อตกลงนกั เรยี นจะไดร้ ับผลการเรียนตามคะแนนทม่ี ีอยู่ - ในกรณีท่ีนักเรียนส่งงานไม่ครบตามข้อตกลงกับครูประจาวิชา และนักเรียนมีคะแนนต่ากว่า ร้อยละ 50 ให้ครูผู้สอนติดตามการส่งงานของผู้เรียนให้เป็นไปตามกรอบเวลาท่ีกาหนดให้ลงคะแนนใน ระบบ SGS (ภายในวันที่ 12 ตลุ าคม 2564) โดยให้มีการบันทกึ ร่องรอยหลกั ฐานชัดเจน หากครบกาหนด แล้วนกั เรียนไม่ส่งงานให้ตดั สินผลการเรียนตามคะแนนทน่ี กั เรยี นมีอยู่

การวัดและประเมินผลในชัน้ เรียน (Classroom Assessment) การวดั และประเมนิ ผลดา้ นความรู้ (Knowledge) 1. การวัดและประเมินผลใช้การทดสอบเป็นหลักแต่ขึ้นอยู่กับศักยภาพของผู้เรียน หรือใช้การ ตรวจการบา้ น หรือการสอบถาม การซกั ถามตวั นักเรียนหรือผู้ปกครอง 2. ครผู ู้สอนควรใชว้ ิธีการทดสอบท่หี ลากหลาย ได้แก่ การใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รปู ทงั้ รปู แบบ ออนไลนแ์ ละรูปแบบท่ไี ม่ได้เชือ่ มต่อในคอมพิวเตอร์เครือข่าย (ออฟไลน)์ ในลักษณะ On Hand โดยให้ ผู้เรยี นสอบท่บี า้ น 3. มีการมอบหมายงานนัดหมายเป็นกลุ่ม สาหรับการใช้สอบแบบเลือกตอบ ครูผู้สอนควรจัดทา ชุดข้อสอบตามมาตรฐานและตัวช้ีวัดในลักษณะ Online และหรือ On Hand มีการนัดหมาย ช่วงเวลาในการ ทดสอบกบั ผู้เรยี นล่วงหน้าตามแนวปฏิบัติของโรงเรียน

การวดั และประเมินผลในช้ันเรียน (Classroom Assessment) การวัดและประเมนิ ผลดา้ นความรู้ (Knowledge) 4. การวัดและประเมินผลด้วยข้อสอบแบบเขียนตอบ ครูผู้สอนควรกาหนดให้ผู้เรียนเขียน คาตอบลงในกระดาษคาตอบแล้วจัดส่งข้อมูลการทาข้อสอบให้ครูผู้สอนผ่านระบบเทคโนโลยี สารสนเทศตา่ งๆ 5. ครูผู้สอนสามารถวัดพฤติกรรมด้านความรู้ของผู้เรียนผ่านการทารายงานท่ีสะท้อนถึง พฤติกรรมตามตัวชวี้ ัดจดั ส่งรายงานยอ้ นกลับมายังครูผสู้ อนผ่านระบบเทคโนโลยีต่างๆ ได้อีกด้วย

การวดั และประเมินผลในชนั้ เรียน (Classroom Assessment) การวดั และประเมินผลด้านทกั ษะกระบวนการ (Process skill) 1. การวัดและประเมินผลใช้การประเมินภาคปฏิบัติเป็นหลัก เน้นการประเมินตามสภาพจริงหรือ ชวี ิตประจาวันทีบ่ ้านของผู้เรยี น ใชแ้ บบประเมินการปฏิบตั ิงาน แบบบนั ทกึ ผลงาน เปน็ ต้น 2. วิธีการจัดส่งงานสามารถใชก้ ารถา่ ยวดี ีทัศน์ การถา่ ยรูป การบันทึกเสียง โดยประสานขอความ รว่ มมือจากผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมในการประเมิน 3. ครูผู้สอนสามารถไปตรวจเยี่ยมบ้านของผู้เรียนในลักษณะออนไลน์เพื่อประเมินและตรวจสอบ ความสามารถด้านทักษะและการปฏิบัติงานของผู้เรยี น 4. สามารถมอบหมายงานให้ปฏิบัติงานท้ังท่ีบ้าน เพื่อครูผู้สอนได้ทาการประเมินทักษะการ ปฏบิ ตั งิ านของผู้เรยี นได้

การวดั และประเมินผลในชน้ั เรียน (Classroom Assessment) การวดั และประเมนิ ผลดา้ นคณุ ลักษณะ (Attribute) 1. การวัดและประเมินผลใช้การสังเกตและตรวจสอบฤติกรรมเป็นหลัก เครื่องมือวัดและประเมินผล มีหลากหลายประเภท เช่น แบบสมั ภาษณ์ แบบสังเกต แบบประเมินตนเอง เป็นต้น 2. ครูผู้สอนควรประสานขอความร่วมมือกับผู้ปกครองในการประเมินพฤติกรรมผู้เรียนผ่านการ ดาเนินชวี ิตประจาวนั การทากจิ กรรมท่บี า้ น การมอบหมายให้ปฏิบัตงิ าน เปน็ ต้น 3. ครูผู้สอนสามารถไปตรวจเยี่ยมบ้านของผู้เรียนในลักษณะออนไลน์เพื่อประเมินและตรวจสอบ คณุ ลักษณะของผู้เรียน 4. มีการมอบหมายงานให้ผู้เรียนปฏิบัติงานท่ีบ้าน เพื่อครูผู้สอนร่วมกับผู้ปกครองจะได้สังเกต พฤติกรรม และตรวจสอบคุณลักษณะของผู้เรยี น

งานวัดและประเมินผล กลมุ่ งานบรหิ ารวชิ าการ โรงเรยี นบรรหารแจม่ ใสวิทยา 3