วิทยาลัยนาฏศลิ ปน์ ครศรธี รรมราช แผนการจัดการเรียนรู้ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 รายวิชา ปพ่ี าทย์ 3 เครอ่ื งหนัง รหัสวิชา ศ 22209 ภาคเรยี นที่ 1 นายณฐั เศรษฐ ดาเนินผล ผู้จดั ทา กลุ่มสาระการเรียนร้ปู พี่ าทย์ ภาควิชาดรุ ิยางค์ไทย วทิ ยาลัยนาฏศลิ ปน์ ครศรธี รรมราช สถาบันบัณฑิตพัฒนศลิ ป์ กระทรวงวัฒนธรรม
คำนำ แผนการจัดการเรียนรู้เล่มน้ีจัดทาข้ึนโดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือเป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียน การสอนในรายวิชาป่ีพาทย์ 3 เคร่ืองหนังรหัสวิชา ศ 22209 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรียนท่ี 1 กลุ่ม สาระการเรียนรู้ปี่พาทย์ วทิ ยาลยั นาฏศิลปนครศรีธรรมราช สถาบนั บณั ฑติ พฒั นศิลป์ กระทรวงวฒั นธรรม เพ่ือ บันทึกผลการจดั การเรยี นรู้ ปัญหาต่างๆ เพ่อื นาไปสกู่ ารปรบั ปรุงและพฒั นาการจดั การเรยี นรู้ต่อไป แผนการจัดการเรียนรู้เล่มนี้ ประกอบด้วย หลักสูตรสถานศึกษา โครงสร้างหลักสูตรสถานศึ กษา คาอธบิ ายรายวชิ า ตารางวิเคราะห์หลกั สูตร ตารางกาหนดการจดั การเรยี นรู้ และแผนการจดั การเรียนรู้ ขอขอบคุณผู้ให้คาแนะนา ให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับข้อมูลต่างๆ ทาให้แผนการจัดการเรียนรู้เล่มน้ี เกิดความสมบูรณ์มากข้ึน และหวังว่าคงจะเป็นประโยชน์สาหรับผู้ท่ีมีความสนใจนาไปเป็นแนวทางในการ จดั ทาแผนการจดั การเรียนรใู้ นรายวชิ าปี่พาทย์ หรือรายวิชาอนื่ ๆตอ่ ไป นายณฐั เศรษฐ ดาเนินผล
สำรบญั หนำ้ หลักสตู รพน้ื ฐำนวิชำชีพวทิ ยำลัยนำฏศลิ ปนครศรธี รรมรำช................................................... 1 วสิ ัยทศั น์..................................................................................................................... 1 สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน............................................................................................. 1 คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์.............................................................................................. 2 โครงสร้ำงหลกั สตู รสถำนศกึ ษำ วทิ ยำลยั นำฏศลิ ปนครศรีธรรมรำช......................................... 3 3 สำระที่ 1 ประวัติศาสตรแ์ ละวฒั นธรรมของดนตรไี ทย.............................................. 3 สำระที่ 2 การฝกึ ปฏบิ ัตติ ามประเภทของเพลง....................................................... 4 สำระที่ 3 การบรรเลงดนตรไี ทย......................................................................... 5 คาอธบิ ายรายวิชา............................................................................................. 6 ตารางวเิ คราะห์หลกั สตู ร.................................................................................... 8 ตารางกาหนดการจดั การเรยี นร.ู้ .......................................................................... 13 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 1....................................................................................... 17 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 2....................................................................................... 21 แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 3....................................................................................... 25 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 4....................................................................................... 30 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 5....................................................................................... 34 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 6....................................................................................... 38 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 7....................................................................................... 42 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 8....................................................................................... 46 แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 9......................................................................................... 50 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10...................................................................................... 54 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 11...................................................................................... 58 แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 12...................................................................................... 62 แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 13...................................................................................... 66 .แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 14...................................................................................... 70 แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 15...................................................................................... 74 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 16...................................................................................... 78 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 17...................................................................................... 82 แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 18...................................................................................... 83 คำรบั รองแผนกำรสอน.......................................................................................................................
หลักสูตรพ้ืนฐำนวิชำชพี วิทยำลัยนำฏศิลปนครศรธี รรมรำช ระดบั มัธยมศกึ ษำตอนต้น (มธั ยมศึกษำปที ี่ 1-3) สถำบันบัณฑติ พัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม วิสยั ทัศน์ มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคนให้เป็นมนุษย์ท่ีมีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสานึกใน ความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลเมืองโลก ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมทั้งเจตคติที่จาเป็นต่อการศึกษา การประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชวี ิต โดยมุ่งเนน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคัญบนพื้นฐานความเชื่อว่าทุกคนสามารถ เรยี นรู้และพฒั นาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น หลักสตู รพ้ืนฐานวิชาชีพ วทิ ยาลยั นาฏศิลปนครศรีธรรมราช (ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน) มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ ซ่ึงการพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุมาตรฐานการเรียนรู้ที่ กาหนดน้ันจะช่วยใหผ้ ้เู รียนเกิดสมรรถนะสาคัญ 5 ประการ ดังน้ี 1. ควำมสำมำรถในกำรส่อื สำร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมใน การใช้ภาษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพ่ือ แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมท้ังการเจรจาต่อรองเพ่ือขจัด และลดปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับ หรือไม่รับข้อมูล ข่าวสารด้วยหลักเหตุผล และความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้วิธีการส่ือสารที่มีประสิทธิภาพ โดยคานึงถึงผลกระทบทีม่ ่ีต่อตนเองและสังคม 2. ควำมสำมำรถในกำรคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนาไปสู่การสร้าง องคค์ วามรู้ หรอื สารสนเทศ เพอ่ื การตัดสนิ ใจเก่ยี วกับตนเองและสงั คมไดอ้ ย่างเหมาะสม 3. ควำมสำมำรถในกำรแกป้ ญั หำ เปน็ ความสามารถในการแก้ปญั หาและอปุ สรรคต่าง ๆ ทเี่ ผชิญไดอ้ ยา่ งถูกต้องเหมาะสม บนพืน้ ฐานของหลกั เหตผุ ล คุณธรรม และ ขอ้ มลู สารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และการเปล่ียนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคมแสวงหาความรู้ ประยุกต์ ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคานึงถึง ผลกระทบทเ่ี กิดขึ้นตอ่ ตนเอง สังคม และ สิง่ แวดล้อม 4. ควำมสำมำรถในกำรใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการดาเนินชีวิตประจาวัน การเรยี นรู้ด้วนตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง การทางาน และ การ อยรู่ ว่ มกันในสงั คมดว้ ยการสรา้ งเสรมิ ความสมั พนั ธ์อนั ดรี ะหว่างบุคคล การจดั การปญั หาและความ ขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและสภาพแวดล้อม และการร้จู กั หลีกเลย่ี งพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่สง่ ผลกระทบต่อตนเอง และ ผอู้ ่ืน
5. ควำมสำมำรถในกำรใชเ้ ทคโนโลยี เปน็ ความสามารถในการเลือกและใช้เทคโนโลยีด้าน ต่าง ๆ และมีทักษะกะบวนการทางเทคโนโลยี เพ่ือพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้การ ส่อื สารการทางาน การแก้ปญั หาอย่างสร้างสรรค์ ถูกต้องเหมาะสมและมคี ุณธรรม คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ หลักสูตรพ้ืนฐานวชิ าชีพวิทยาลยั นาฏศิลปนครศรีธรรมราช มุ่งพัฒนาผู้เรียนใหม้ ีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อให้สามารถอยูร่ ว่ มกบั ผอู้ ่นื ในสังคมได้อยา่ งมีความสขุ ในฐานะเปน็ พลเมืองไทยและพลเมอื งโลก ดังนี้ 1. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 2. ซอ่ื สัตยส์ ุจรติ 3. มวี ินัย 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 5. อยู่อยา่ งเพยี งพอ 6. ม่งุ ม่ันในการทางาน 7. รักความเป็นไทย 8. มจี ิตสาธารณะ
โครงสร้ำงหลักสูตรสถำนศกึ ษำ วิทยำลัยนำฏศิลป กลุ่มวิชำชพี เฉพำะ ป่พี ำทย์ (เครอ่ื งหนัง) ระดับชัน้ มธั ยมศึกษำปีท่ี 2 ภำคเรยี นท่ี 1 สำระที่ 1 ประวตั ศิ ำสตรแ์ ละวัฒนธรรมของดนตรไี ทย มาตรฐาน 1.1 เขา้ ใจความสมั พันธ์ระหว่างดนตรี ประวตั ิศาสตร์และวัฒนธรรม เห็นคณุ คา่ ของ ดนตรีทีเ่ ปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ภมู ปิ ัญญาท้องถน่ิ และภมู ิปัญญาไทย ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นร้สู ถานศกึ ษา รู้เขา้ ใจความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งดนตรี • ความสัมพนั ธร์ ะหว่างดนตรี ประวตั ิศาสตรแ์ ละ ประวตั ิศาสตร์และวฒั นธรรม เขา้ ใจคุณค่าของ วฒั นธรรม ดนตรที เี่ ปน็ มรดกทาง วฒั นธรรม ภมู ปิ ญั ญา • คุณค่าของดนตรีท่ีเปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ท้องถ่ิน และภูมปิ ญั ญาไทย ภูมปิ ัญญาท้องถ่นิ และภมู ปิ ญั ญาไทย มาตรฐาน 1.2 เข้าใจประวัติที่มาและประเภทของเครอ่ื งดนตรีไทยและการบารุงรักษาเคร่ืองดนตรีในวงปี่ พาทย์ ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้สถานศึกษา บอกประวตั ิความเป็นมาของเครอ่ื งดนตรไี ทย • ประวตั ิทีม่ าของตะโพน กลองทัด กลองแขก อธิบายลักษณะส่วนประกอบ ระดับเสียงและ • ลักษณะ สว่ นประกอบเสยี ง และหนา้ ทขี่ อง หนา้ ท่ขี องเครื่องดนตรีไทย บอกวิธีการดแู ล ตะโพน กลองทดั กลองแขก รกั ษาเครื่องดนตรีไทย • การดูแล รกั ษาตะโพน กลองทดั กลองแขก มาตรฐาน 1.3 วเิ คราะห์ วิพากษ์ วจิ ารณ์ ถา่ ยทอดความรู้สึก ความคิดต่อดนตรไี ทยอย่าง อิสระ ชื่นชม เขา้ ใจความสัมพันธ์ระหวา่ งดนตรีไทยและวัฒนธรรม ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นร้สู ถานศึกษา บอกความรสู้ ึก ความคิดต่อดนตรไี ทยอยา่ ง • ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งดนตรีไทยและวัฒนธรรม อิสระ ชน่ื ชม ไทย สำระท่ี 2 กำรฝึกปฏบิ ัติตำมประเภทของเพลง มาตรฐาน 2.1 เขา้ ใจหลักและวิธกี ารบรรเลงใหส้ อดคล้องกับวฒุ ิภาวะ ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรสู้ ถานศกึ ษา อธิบายหลักและวิธกี ารบรรเลงดนตรไี ทย • หลกั และวิธีการฝกึ หดั ปฏบิ ัติตามหลกั และวธิ ีการบรรเลงดนตรีไทย - การนัง่ - การจบั - การวางมือ - การตี - จงั หวะ - บคุ ลิกภาพ
• การฝกึ หดั เบือ้ งตน้ ตะโพน กลองทดั กลองแขก มาตรฐาน 2.2เขา้ ใจและมีทักษะในการฝกึ ปฏบิ ัตเิ ครอื่ งดนตรี การบรรเลงเพลงประเภทต่าง ๆ ตระหนกั และ เหน็ คณุ ค่า นามาประยุกตใ์ ช้ได้อย่าง เหมาะสม ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรสู้ ถานศกึ ษา บอกประวตั เิ พลง ความหมายเพลง อธบิ าย •ประวัติที่มาของเพลง ความหมายของเพลงศัพท์ ศพั ทส์ ังคีต โอกาสที่นาไปใช้ ปฏบิ ตั ิหน้าทบั เพลง สังคตี โอกาสที่ใช้ ประเภทตา่ งๆ - เพลงสรรเสริญพระบารมี - เพลงชาติไทย - เพลงชดุ โหมโรงเยน็ • ฝกึ ปฏบิ ตั เิ พลงพิธีกรรม - เพลงสรรเสรญิ พระบารมี - เพลงชาติไทย - เพลงชดุ โหมโรง สำระที่ 3 กำรบรรเลงดนตรีไทย มาตรฐาน 3.1เข้าใจดนตรีไทยอยา่ งสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์ เหน็ คุณค่าของดนตรีไทย ถ่ายทอด ความร้สู กึ อยา่ งอิสระ ชื่นชม และประยุกต์ใชใ้ นชีวิตประจาวนั ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรสู้ ถานศึกษา แสดงความคดิ เหน็ ต่อดนตรีไทยอย่าง • รูปแบบการบรรเลงดนตรีไทยทใี่ ช้ในโอกาส สรา้ งสรรค์ อสิ ระ ช่นื ชม ต่างๆ มาตรฐาน 3.2 อนรุ กั ษ์ สบื ทอด เผยแพร่ ดนตรีไทยท่ีเป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรม ของชาติ เหน็ คุณคา่ ช่ืนชม ภูมปิ ัญญาท้องถิ่น และภูมิปญั ญาไทย ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรสู้ ถานศึกษา นาเสนอผลงานการบรรเลงเพลงในหลกั สูตร • การบรรเลงเพลงร่วมกับเคร่ืองสายไทยหรอื คีต ศิลปไ์ ทย
คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ ชือ่ รำยวชิ ำ ป่พี ำทย์ 3 ชน้ั มัธยมศกึ ษำปีที่ 2 รหัสวิชำ ศ 22209 จำนวน 6 หน่วยกิต กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้ ป่ีพำทย์ (เครือ่ งหนงั ) เวลำ 240 ช่ัวโมง ศึกษาอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างดนตรี ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เห็นคุณค่าของ ดนตรีท่ีเป็น มรดกทางวฒั นธรรม ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถิน่ และภมู ิปญั ญาไทย ประวัติท่ีมา ลักษณะ ส่วนประกอบ ลกั ษณะเสียง และการบารุงรักษาเครื่องดนตรีในวงปพี่ าทย์ ประวัติทมี่ า ความหมายของเพลง ศัพทส์ งั คตี เขา้ ใจวิธีการและ หลักการปฏบิ ตั ิเครือ่ งดนตรีในวงปพ่ี าทย์ ฝึกปฏิบัติทักษะแบบฝึกหัดตะโพนไม่น้อยกวา่ 10 แบบฝึกหัด กลองทัดไม่น้อยกว่า๕แบบฝึกหัด กลอง แขกไม่น้อยกว่า 5 แบบฝึกหัด ปฏิบัติหน้าทับเพลงชุดโหมโรงเย็นต้ังแต่เพลงสาธุการ – เพลงรัว(ยกเว้นเพลง ตระหญ้าปากคอก) เพลงสรรเสริญพระบารมี เพลงชาติไทย ปฏิบัติตะโพน กลองแขกหน้าทับปรบไก่ และ เลอื กปฏิบตั ิเครอ่ื งดาเนนิ ทานอง เช่น ระนาดทุม้ ฆอ้ งวงใหญ่ ตามหลกั สตู รปี่พาทย์ไมน่ อ้ ยกว่า 2 เพลง (ตาม ความเหมาะสม) และการรวมวง เพ่อื ให้ผเู้ รียนสามารถนาความรู้ ทกั ษะ กระบวนการทางดนตรีไทย ไปใช้ได้อยา่ งถูกต้อง มีเจตคติที่ดี ต่อดนตรีไทย พัฒนาความคิดอย่างสร้างสรรค์ ใฝ่เรียนใฝ่รู้ มีความรับผิดชอบ มีมนุษย์สัมพันธ์ท่ีดี ปฏิบัติ ตนเป็นผู้นาและผู้ตามท่ีดี ช่ืนชม เห็นคุณค่าของศิลปวัฒนธรรมไทย และประยุกต์ใช้ในชวี ติ ประจาวันได้อย่าง เหมาะสม 1.1 ม.1/1 ม.1/2 1.2 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 1.3 ม.1/1 2.1 ม.1/1 ม.1/2 2.2 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 รวม 11 ผลการเรยี นรู้
ตำรำงวเิ ครำะห์หลกั สูตร กล่มุ วิชาชีพเฉพาะ ป่ีพาทย์ (เครือ่ งหนงั ) ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 240 ช่วั โมง จานวน 6 หนว่ ยกติ ที่ ชือ่ หน่วยกำร มำตรฐำนกำร สำระสำคญั เวลำ น้ำหนัก เรยี นรู้ เรยี นรู้ คะแนน 1 ดนตรไี ทย 1.1 ม.1/1 ม.1/2 • ดนตรไี ทย ประวัติศาสตร์ 4 5 20 1.2 ม.1/1 ม.1/2 และวฒั นธรรมไทย ม.1/3 ดนตรีไทยทเี่ ปน็ มรดกทาง 1.3 ม.1/1 วฒั นธรรม ภูมปิ ัญญา ทอ้ งถน่ิ และภูมปิ ัญญาไทย • การดแู ล รกั ษาตะโพน 2 ปฏิบัติแบบแผน 1.1 ม.1/1 ม.1/2 • หลกั และวิธีการฝกึ หดั 62 1.2 ม.1/1 ม.1/2 เบอื้ งต้น ม.1/3 -การนั่ง -การจับ -การวางมอื -จงั หวะ -บุคลกิ ภาพ • แบบฝกึ หัดเบ้ืองตน้ ตะโพน • แบบฝึกหดั เบือ้ งตน้ กลองทัด • แบบฝึกหดั เบอ้ื งต้น กลองแขก 3 สรรเสริญพระบารมี 1.1 ม.1/1 ม.1/2 • เพลงสรรเสรญิ พระบารมี 3 10 1.2 ม.1/1 ม.1/2 • ประวตั ิ ความหมาย ม.1/3 ศัพทส์ ังคตี โอกาสที่ใช้ • ฝกึ ปฏบิ ตั ิหนา้ ทับ 4 ชาติไทย 1.1 ม.1/1 ม.1/2 • เพลงชาตไิ ทย 3 10 1.2 ม.1/1 ม.1/2 • ประวตั ิ ความหมาย ม.1/3 ศพั ท์สังคีต โอกาสท่ีใช้ •ฝกึ ปฏบิ ตั ิหน้าทบั
ท่ี ชอ่ื หน่วยกำร มำตรฐำนกำร สำระสำคญั เวลำ น้ำหนกั เรียนรู้ เรียนรู้ คะแนน 5 โหมโรงเย็น1 1.1 ม.1/1 ม.1/2 • เพลงชุดโหมโรงเย็น 120 20 1.2 ม.1/1 ม.1/2 - เพลงสาธุการ ม.1/3 - เพลงรวั สามลา - เพลงตน้ เขา้ ม่าน (ตน้ ชุบ) - เพลงเขา้ มา่ น - เพลงปฐม - เพลงลา - เพลงเสมอ - เพลงรัว • ประวัติ ความหมาย ศัพท์สังคตี โอกาสท่ีใช้ • ฝกึ ปฏิบตั ิหน้าทบั 6 ปรบไก่ 1.1 ม.1/1 ม.1/2 • หน้าทับปรบไก่ 12 20 1.2 ม.1/1 ม.1/2 • ประวัติ ความหมาย ม.1/3 ศัพท์สังคตี โอกาสท่ีใช้ • ฝึกปฏบิ ัตหิ น้าทบั 7 เติมความรู้ 1.1 ม.1/1 ม.1/2 • ปฏบิ ัติทกั ษะระนาดทุม้ 24 10 1.2 ม.1/1 ม.1/2 หรือฆอ้ งวงใหญ่ เพลง ม.1/3 หลักสตู รป่พี าทย์ไม่น้อย กวา่ ๒ เพลง (ตามความเหมาะสม) • ประวตั ิ ความหมาย ศพั ท์สงั คีต โอกาสที่ใช้ • ฝึกปฏิบตั ิหน้าทบั 8 การรวมวง 2.1ม.1/1 ม.1/2 • รูปแบบการบรรเลงดนตรี 12 5 2.2ม.1/1 ม.1/2 ไทย ม.1/3 - วงดนตรไี ทย 3.1 ม.1/1 - การบรรเลงดนตรีใน 3.2 ม.1/2 โอกาสต่างๆ • การบรู ณาการเพลงใน หลกั สตู ร รวม 240 100
ตำรำงกำหนดกำรจดั กำรเรยี นรู้ กลมุ่ สำระกำรเรียนร้วู ิชำชีพเฉพำะปี่พำทย์ รำยวิชำป่ีพำทย์ 3 รหัสวิชำ ศ 22209 ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปที ่ี 2 เวลำ 240 คำบ ภำคเรยี นท่ี 1 แผนที่ หน่วย/เรอื่ ง ม/ตช. จดุ ประสงค์ สำระกำรเรยี นรู้ เวลำ 1.1 ม.1/1 1. อธบิ ายความสมั พันธ์ •ดนตรีไทยประวัติศาสตร์ 3 ม.1/2 ระหวา่ งดนตรีไทย และวัฒนธรรมไทย 1.2 ม.1/1 ประวตั ิศาสตร์และ ดนตรีไทยท่ีเป็นมรดกทาง ม.1/2 วัฒนธรรมไทย วฒั นธรรมภูมิปญั ญา 1 ม.1/3 2. ระบุคณุ ค่าของดนตรี ท้องถนิ่ และภูมิปัญญาไทย 1.3 ม.1/1 ไทยทีเ่ ป็นมรดกทาง วัฒนธรรมภมู ิปญั ญา ทอ้ งถิ่น และภมู ิปัญญา ไทย 1.1 ม.1/1 1. บอกประวัติความ •การดูแลรกั ษาตะโพน 1 ม.1/2 เป็นมาของเคร่ืองดนตรี 1.2 ม.1/1 ไทย ม.1/2 2. อธบิ ายลักษณะ 2 ม.1/3 สว่ นประกอบระดับ หน่วยท่ี 1 1.3 ม.1/1 เสยี งและหน้าที่ของ ดนตรไี ทย เครอื่ งดนตรีไทย 3. บอกวิธีการดูแล รกั ษาเครื่องดนตรีไทย 1.1 ม.1/1 บอกประวตั เิ พลง •แบบฝึกหดั เบอ้ื งต้น 30 ม.1/2 ความหมายเพลง ตะโพน 1.2 ม.1/1 อธบิ ายศพั ท์สังคีต •หลกั และวธิ กี ารฝกึ หัด ม.1/2 โอกาสท่ีนาไปใช้ เบื้องต้น 3 ม.1/3 ปฏิบัตหิ นา้ ทบั เพลง -การนง่ั ประเภทตา่ งๆ -การจบั -การวางมือ -จงั หวะ -บคุ ลกิ ภาพ 1.1 ม.1/1 บอกประวตั เิ พลง • แบบฝึกหดั เบ้ืองตน้ 10 ม.1/2 ความหมายเพลง กลองทดั 4 1.2 ม.1/1 อธบิ ายศัพทส์ งั คตี ม.1/2 โอกาสทีน่ าไปใช้ •หลักและวธิ ีการฝกึ หัด ม.1/3 เบ้อื งตน้
ปฏิบตั ิหนา้ ทบั เพลง -การน่ัง ประเภทตา่ งๆ -การจบั -การวางมอื -จงั หวะ -บคุ ลกิ ภาพ 1.1 ม.1/1 -บอกประวตั ิเพลง • แบบฝึกหดั เบ้ืองตน้ 20 ม.1/2 ความหมายเพลง กลองแขก 1.2 ม.1/1 อธบิ ายศพั ทส์ ังคตี 5 ม.1/2 โอกาสทีน่ าไปใช้ •หลกั และวธิ ีการฝึกหดั ม.1/3 ปฏบิ ตั หิ นา้ ทบั เพลง เบื้องต้น ประเภทตา่ งๆ -การนงั่ -การจับ -การวางมอื -จังหวะ -บคุ ลิกภาพ 2.1 ม.1/1 -ความหมายของหน้า • เพลงสรรเสรญิ พระ 3 ม.1/2 ทับ บารมี หน่วยท่ี3 2.2 ม.1/1 -ศัพท์สงั คตี • ประวตั ิ ความหมาย 6 สรรเสริญพระ ม.1/2 -โอกาสที่ใช้ ศัพท์สังคตี โอกาสท่ีใช้ บารมี ม.1/3 -ฝึกปฏบิ ัตหิ น้าทับ • ฝึกปฏิบัตหิ นา้ ทบั -หน้าทับเพลงสรรเสริญ พระบารมี 2.1 ม.1/1 -ประวตั ขิ องหน้าทบั • เพลงชาตไิ ทย 3 ม.1/2 -ความหมายของหนา้ • ประวตั ิ ความหมาย หน่วยท่ี4 2.2 ม.1/1 ทบั ศพั ทส์ ังคีต โอกาสท่ีใช้ 7 ชาติไทย ม.1/2 -ศพั ท์สงั คีต •ฝกึ ปฏบิ ัตหิ น้าทับ ม.1/3 -โอกาสทใ่ี ช้ -ฝึกปฏบิ ัติหน้าทับ -หน้าทับเพลงชาติไทย 2.1 ม.1/1 -ประวตั ิของหน้าทับ หน้าทบั ตะโพน 72 ม.1/2 -ความหมายของหนา้ หนา้ ทบั เพลงสาธกุ าร 2.2 ม.1/1 ทับ -ประวตั ขิ องหนา้ ทบั 8 ม.1/2 -ศพั ท์สังคีต -ความหมายของหนา้ ทับ ม.1/3 -โอกาสทใ่ี ช้ -ศพั ทส์ งั คีต -ฝึกปฏบิ ตั ิหน้าทบั -โอกาสท่ใี ช้ -หน้าทบั ตะโพน -ฝึกปฏิบัตหิ นา้ ทับ หน้าทบั เพลงเพลง สาธุการ
2.1 ม.1/1 -ประวตั ิของหนา้ ทบั หนา้ ทับตะโพนกลองทดั 18 ม.1/2 -ความหมายของหน้า หน้าทบั เพลงเพลงรัว 2.2 ม.1/1 ทับ สามลา ม.1/2 -ศพั ท์สงั คตี -ประวัตขิ องหนา้ ทับ 9 ม.1/3 -โอกาสท่ีใช้ -ความหมายของหน้าทบั -ฝึกปฏิบตั ิหนา้ ทบั -ศัพทส์ ังคีต -หนา้ ทบั ตะโพนกลองทัด -โอกาสทใ่ี ช้ หน้าทับเพลงเพลงรัว -ฝึกปฏบิ ตั ิหน้าทบั สามลา 2.1 ม.1/1 -ประวตั ิของหน้าทับ หนา้ ทับตะโพนกลองทัด 3 ม.1/2 -ความหมายของหนา้ หน้าทับเพลงต้นเข้าม่าน หน่วยที่5 2.2 ม.1/1 ทับ โหมโรงเยน็ 1 ม.1/2 -ศพั ทส์ งั คีต (ต้นชุบ) -ประวตั ิของหน้าทับ 10 ม.1/3 -โอกาสทใี่ ช้ -ความหมายของหนา้ ทับ -ฝกึ ปฏิบัติหนา้ ทับ -ศัพทส์ งั คีต -หน้าทับตะโพนกลองทัด -โอกาสท่ใี ช้ หนา้ ทับเพลงต้นเข้า -ฝึกปฏบิ ตั ิหนา้ ทบั ม่าน (ต้นชบุ ) 2.1 ม.1/1 -ประวตั ิของหน้าทับ หน้าทับตะโพนกลองทัด 6 ม.1/2 -ความหมายของหน้า หนา้ ทบั เพลงเขา้ มา่ น 11 2.2 ม.1/1 ทบั -ประวัติของหนา้ ทบั ม.1/2 -ศัพท์สงั คตี -ความหมายของหนา้ ทบั ม.1/3 -โอกาสทใี่ ช้ -ศพั ท์สงั คีต -ฝกึ ปฏบิ ัตหิ นา้ ทับ -โอกาสท่ีใช้ -หน้าทับตะโพนกลองทัด -ฝกึ ปฏบิ ัติหนา้ ทบั หนา้ ทบั เพลงเขา้ ม่าน 2.1 ม.1/1 -ประวตั ขิ องหนา้ ทบั หนา้ ทบั ตะโพนกลองทัด 6 12 ม.1/2 -ความหมายของหนา้ หนา้ ทบั เพลงปฐม 2.2 ม.1/1 ทับ -ประวตั ิของหน้าทับ ม.1/2 -ศัพทส์ งั คีต -ความหมายของหนา้ ทับ ม.1/3 -โอกาสทใ่ี ช้ -ศัพท์สงั คีต -ฝกึ ปฏิบตั ิหน้าทบั -โอกาสทใี่ ช้ -หนา้ ทบั ตะโพนกลองทัด -ฝึกปฏบิ ตั หิ นา้ ทบั หนา้ ทับเพลงปฐม
13 2.1 ม.1/1 -ประวัติของหนา้ ทบั หน้าทบั ตะโพนกลองทดั 6 ม.1/2 -ความหมายของหนา้ หน้าทับเพลงลา 2.2 ม.1/1 ทบั -ประวตั ขิ องหน้าทบั ม.1/2 -ศัพทส์ งั คีต -ความหมายของหนา้ ทบั ม.1/3 -โอกาสทีใ่ ช้ -ศพั ทส์ งั คีต -ฝกึ ปฏิบตั หิ น้าทับ -โอกาสทใ่ี ช้ -หน้าทับตะโพนกลองทัด -ฝึกปฏบิ ัติหน้าทับ 14 หน้าทบั เพลงลา 2.1 ม.1/1 -ประวตั ขิ องหนา้ ทบั หนา้ ทบั ตะโพนกลองทดั 6 ม.1/2 -ความหมายของหน้า หนา้ ทับเพลงเสมอ 2.2 ม.1/1 ทบั -ประวัตขิ องหน้าทบั ม.1/2 -ศัพท์สงั คตี -ความหมายของหนา้ ทับ ม.1/3 -โอกาสที่ใช้ -ศพั ทส์ ังคตี 15 -ฝกึ ปฏบิ ตั หิ นา้ ทับ -โอกาสที่ใช้ -หน้าทับตะโพนกลองทัด -ฝกึ ปฏบิ ตั หิ นา้ ทบั หน้าทับเพลงเสมอ 2.1 ม.1/1 -ประวัตขิ องหน้าทบั หน้าทับตะโพนกลองทัด 3 ม.1/2 -ความหมายของหนา้ หน้าทบั เพลงรัว 2.2 ม.1/1 ทบั -ประวตั ขิ องหน้าทับ ม.1/2 -ศพั ทส์ งั คีต -ความหมายของหน้าทับ ม.1/3 -โอกาสทีใ่ ช้ -ศัพทส์ งั คตี -ฝึกปฏบิ ตั ิหนา้ ทับ -โอกาสทใี่ ช้ -หนา้ ทบั ตะโพนกลองทดั -ฝกึ ปฏิบตั ิหนา้ ทับ หนา้ ทบั เพลงรัว 2.1 ม.1/1 -ประวตั ขิ องหนา้ ทับ หน้าทบั ปรบไก่ 12 ม.1/2 -ความหมายของหนา้ -ประวัติของหนา้ ทับ 2.2 ม.1/1 ทับ -ความหมายของหน้าทับ 16 หนว่ ยที่ 6 ม.1/2 -ศัพทส์ งั คตี -ศพั ท์สงั คีต ปรบไก่ ม.1/3 -โอกาสทีใ่ ช้ -โอกาสทใ่ี ช้ -ฝึกปฏิบตั หิ น้าทับ -ฝึกปฏบิ ัติหน้า -หนา้ ทบั ปรบไก่ 2.1 ม.1/1 -ประวัติ ความหมาย -ปฏิบัตทิ กั ษะระนาดทุ้ม 24 17 หน่วยที่ 7 ม.1/2 ศพั ทส์ งั คตี โอกาสท่ีใช้ หรอื ฆ้องวงใหญ่ เพลง เครือ่ งดำเนนิ 2.2 ม.1/1 - ฝึกปฏิบัตทิ านองเพลง หลักสูตรปพ่ี าทย์ไมน่ ้อย ม.1/2 - เพลงชา้ เร่อื งสรอ้ ย กว่า 2 เพลง ทำนอง ม.1/3 สน (ตามความเหมาะสม) - เพลงระบาไก่ - ประวัติ
- ความหมาย - ศพั ทส์ ังคตี - โอกาสท่ใี ช้ ศ. 1.2 ม.4/1 -นักเรียนสามารถ -การรวมวงเพลง 12 ม.4/2 ศ. 1.3 ม.4/1 อธิบายความสาคัญของ เพลงหน้าพาทย์- ศ. 2.1 ม.4/1 การรวมวงได้ ความสาคญั ของการรวม ม.4/2 -นกั เรยี นสามารถปฏิบตั ิ วง ศ. 2.2 ม.4/1 18 หน่วยท่ี 8 ม.4/2 รวมวงเพลง -เอกลกั ษณข์ องเครือ่ ง กำรบรรเลงรวม ม.4/3 ม.4/4 เพลงหน้าพาทย์ได้ ดนตรี ศ. 3.1 ม.4/1 -นกั เรยี นมีความต้ังใจ -ศัพทส์ งั คตี ม.4/2 ในการฟังเพื่อนอธบิ าย -โอกาสที่ใช้ ศ. 3.2 ม.4/1 -ฝึกปฏิบตั ิทานอง เอกลกั ษณ์ของเครือ่ ง ดนตรี
แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี 1 กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิชำชพี เฉพำะปี่พำทย์ รำยวชิ ำปีพ่ ำทย์ 3 รหสั วชิ ำ ศ 22209 ชัน้ มัธยมศึกษำปที ่ี 2 ภำคเรียนท่ี 1 ปีกำรศึกษำ 2564 หน่วยกำรเรยี นร้ทู ่ี 1 ดนตรีไทย เวลำ 4 คำบ เรือ่ ง คณุ ค่ำและควำมสำคญั ของดนตรไี ทย เวลำ 3 คำบ ................................................................................................................................................................... มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน 1.2 เขา้ ใจประวัตทิ ่ีมาและประเภทของเคร่อื งดนตรีไทยและการบารุงรักษาเครื่องดนตรีใน วงปพ่ี าทย์ ตัวช้วี ดั บอกประวัติเพลงในบทเรยี นอธบิ ายศัพท์สังคีตเพลงในบทเรยี นปฏบิ ตั ิเพลงประเภทตา่ งๆและ นาความร้ทู ่ไี ด้รับไปใชใ้ นโอกาสตา่ งๆได้ สำระสำคญั คุณค่าและความสาคัญของดนตรีไทย ดนตรีเป็นงานศิลปะท่ีมนุษย์สร้างข้ึน โดยใช้เสียงเป็นสื่อใน การถ่ายทอดออกมาเป็นลีลา ทานอง อารมณ์ของเพลงดาเนินไปตามจินตนาการของนักประพันธ์เพลง ดนตรนี บั เปน็ สงิ่ ทมี่ ีคุณคา่ ตอ่ มนษุ ย์ในการปรุงแตง่ ชวี ิตให้มีความสุข ผ่อนคลายความโศกเศร้า เปน็ สอื่ เสริมแต่ง ใหก้ ิจกรรมทางประเพณแี ละพธิ กี รรมทม่ี นุษย์ประกอบข้ึนน้นั เกิดความสมบรู ณ์ยิ่งขนึ้ ในสังคมและ วฒั นธรรมไทย ดนตรีไทยเป็นงานศลิ ปะทบ่ี ่งบอกให้รู้ถงึ ความเป็นชาติ คุณคา่ ของดนตรไี ทยพจิ ารณาได้จาก บทเพลงท่นี ักประพันธเ์ พลงประพนั ธข์ ้นึ มที ่วงทานองตามโครงสรา้ งของระบบเสยี ง มเี นือ้ ร้องท่ีแตง่ ด้วยร้อย กรองอย่างสละสลวย มีนกั ดนตรีทาหนา้ ที่ถา่ ยทอดบทเพลงโดยใช้ระเบยี บวิธีบรรเลงเครื่องดนตรซี ่ึงมีลักษณะ หลากหลาย มีวิธกี ารขับรอ้ งทกี่ ลมกลืนกันและมเี ครือ่ งดนตรีซึ่งมรี ูปแบบเฉพาะ สวยงาม ไดส้ ดั สว่ น ดนตรีไทยมีความสาคัญและมีความหมายต่อบุคคลในการพัฒนาคุณภาพจิตใจ เป็นส่ือกลางของ กิจกรรมทางประเพณี ศาสนา ศิลปะการแสดง และเป็นสื่อทางสังคมที่ช่วยให้เกิดการรวมกลุ่มของคนใน ชาติ สรา้ งพลงั ทางสังคม รวมทั้งมีความเก่ียวข้องกับสถาบนั ต่างๆของประเทศดว้ ยเชน่ สถาบันทางการเมือง การปกครอง การทหาร เป็นตน้ ดนตรไี ทย เป็นภมู ปิ ญั ญาทางวัฒนธรรมของคนไทยที่ไดส้ ร้างสรรค์ทั้งรปู แบบของบทเพลง เคร่ือง ดนตรี วิธีบรรเลง วิธีขับร้อง และการนามาใช้ในโอกาสต่างๆอย่างเหมาะสม นอกจากดนตรีไทยจะมี ความสาคัญในด้านการปรุงแต่งอารมณ์ ความรู้สึก การประกอบกิจกรรมตามความเชื่อและพิธีกรรม โดย การเขา้ ไปปรุงแต่งใหง้ านหรือพิธีกรรมนั้นเกิดความสมบูรณ์มากยิ่งข้ึนแล้ว ดนตรีไทยยงั มคี ุณคา่ ต่อพัฒนาการ ของร่างกายและจิตใจดว้ ย ในพ้ืนที่หลายจังหวัดทางภาคกลางวงป่ีพาทย์แบบต่างๆ เป็นเครื่องประกอบพิธีกรรมมีวงเคร่ืองสาย วงมโหรี เป็นเคร่ืองบันเทิงเริงใจภาคเหนือมีวงดนตรีพ้ืนบา้ นล้านนา ภาคอีสานมีวงดนตรีพ้ืนบ้านอีสานหลาย ลักษณะ และภาคใต้มีวงดนตรพี นื้ บา้ น ทาหนา้ ทบี่ รรเลงในงานพธิ ีกรรม และประกอบการแสดง ซ่ึงลักษณะเช่นน้ี มีส่วนทาให้คนไทยเกิดความรู้สึกรักมรดกวฒั นธรรมดนตรี เกิดความตระหนักรู้ และเกิดความภาคภูมิใจในความเป็นไทยร่วมกัน จึงเหมาะสมท่ีนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ในรายวิชา ป่ี พาทย์ 3 ตอ้ งศกึ ษาและเรยี นร้แู ละสามารถนาไปใช้ในการเรยี นปฏิบัติหนา้ ทบั ต่อไป
จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 1. นักเรยี นสามารถอธบิ าย ประวัติศาสตร์และวฒั นธรรมดนตรีไทยได้ 2. นักเรยี นสามารถอธิบายคุณค่าและความสาคญั ของดนตรีไทย ได้ 3. นักเรยี นมตี ้ังใจในการเรียนรู้ สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการจดจาประวัติศาสตร์และวฒั นธรรมดนตรไี ทย 2. ความสามารถอธิบายคณุ ค่าและความสาคญั ของดนตรีไทย สำระกำรเรียนรู้ 1. ประวัตศิ าสตร์และวัฒนธรรมดนตรไี ทย 2. คณุ คา่ และความสาคัญของดนตรไี ทย กจิ กรรมกำรเรียนรู้ ข้นั นำ - ครูสนทนากับนักเรียน ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทย ดนตรีไทยที่เป็นมรดกทาง วฒั นธรรม ภูมิปัญญาท้องถิน่ และภมู ปิ ัญญาไทย ตอ่ จากนน้ั อภิปรายถึงคณุ ค่าและความสาคญั ของดนตรีไทย ขั้นสอน - ครูเล่าความสาคัญของเน้ือหาใจความสาคัญของ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมดนตรีไทย ให้นกั เรยี นฟงั - ครแู จกใบความรู้ เร่อื ง ประวตั ิศาสตรแ์ ละวฒั นธรรมดนตรไี ทย - ครูอธิบายลกั ษณะของคณุ คา่ และความสาคัญของดนตรไี ทย ใหน้ ักเรียนฟัง - ครใู หน้ กั เรยี นศกึ ษาใบความรู้ เรอ่ื งประวัตศิ าสตร์และวัฒนธรรมดนตรีไทย - ครูเร่มิ ตอ่ หนา้ ทับ ตะโพนและกลองทดั การใช้มือพากยแ์ บบตา่ งๆ - ครใู หน้ กั เรยี นศกึ ษา โดยใชว้ ิธเี พ่อื นช่วยเพือ่ น โดยอยใู่ นการแนะนาของครู - ครใู นนักเรยี นบันทึกหนา้ ทับ ลงในสมดุ บันทกึ หน้าทับ - ครูให้นกั เรียนทบทวนจนเข้าใจ ขั้นสรุป - ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรุปความเป็นมาของประวตั ิศาสตร์ วัฒนธรรมและความสาคัญของ ดนตรีไทย สอ่ื อุปกรณ์ และแหล่งเรียนรู้ ส่อื กำรเรียนรู้ - คอมพวิ เตอร์ - ใบความรู้ - ใบงาน แหล่งกำรเรยี นรู้ - สือ่ อินเตอรเ์ น็ต - ลานวัฒนธรรมและสถานที่จัดกจิ กรรมต่างๆ - ห้องสมุดดนตรขี องสถาบันตา่ งๆ - โทรทศั น์ - โรงละครแห่งชาติ
- แหลง่ ชุมชน - สือ่ วีดิทัศน์ - สอ่ื E-learning ช้นิ งำน/ภำระงำน 1. ให้นักเรยี นทบทวนนอกเวลาสัปดาห์ละ 3 ช่ัวโมง กำรวัดและประเมนิ ผล 1.วธิ ีกำรวัดผล 1.1 สงั เกตการบรรเลง การตอบคาถาม 2.เคร่อื งมือกำรวัดผล 2.1 แบบสังเกตเรื่องประวัติศาสตรแ์ ละวัฒนธรรม 3.เกณฑ์กำรประเมินผล 3.1 นักเรียนจดจาประวัติศาสตรแ์ ละวฒั นธรรมดนตรีและสามารถอธิบายคณุ คา่ และ ความสาคัญของดนตรีไทยได้ถกู ต้องตามเกณฑ์ที่กาหนด กิจกรรมเสนอแนะ ศึกษาเพิม่ เตมิ จากสื่อ E-learning หรอื จาก Website https://sites.google.com/site/thaidrummersites200/ https://sites.google.com/site/canghwahnathab/ (นายณฐั เศรษฐ ดาเนินผล) ผสู้ อน
บันทกึ ผลหลงั กำรจัดกำรเรยี นรู้ ผลกำรจัดกำรเรียนรู้ 1. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. …………………………………………………………………………………………………………………………………… ปัญหำ/อุปสรรค 1. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. …………………………………………………………………………………………………………………………………… แนวทำงไข/ขอ้ เสนอแนะ 1. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. …………………………………………………………………………………………………………………………………… (นายณฐั เศรษฐ ดาเนินผล) ผบู้ นั ทกึ
แผนกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ี่ 2 กลุม่ สำระกำรเรียนร้วู ิชำชพี เฉพำะปี่พำทย์ รำยวชิ ำปี่พำทย์ 3 รหสั วิชำ ศ 22209 ชัน้ มธั ยมศึกษำปที ี่ 2 ภำคเรียนท่ี 1 ปีกำรศกึ ษำ 2564 หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี 1 ดนตรไี ทย เวลำ 4 คำบ เรื่อง กำรดูแลรักษำตะโพน เวลำ 1 คำบ ................................................................................................................................................................... มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ มาตรฐาน 1.2 เข้าใจประวัติที่มาและประเภทของเคร่ืองดนตรีไทยและการบารุงรักษาเคร่ืองดนตรีใน วงปี่พาทย์ ตวั ช้วี ัด บอกประวัติความเป็นมาของเคร่ืองดนตรีไทย อธิบายลักษณะส่วนประกอบระดับเสียงและหน้าที่ของ เครือ่ งดนตรีไทย บอกวิธีการดูแลรักษาเครื่องดนตรไี ทย สำระสำคัญ การดูแลรักษาเคร่ืองดนตรีไทย เคร่ืองดนตรีไทยมีหลายประเภท หลายชนิด แต่ละชนิดจะมีลักษณะ และสว่ นประกอบที่แตกต่างกันไป ดงั น้ันผ้ใู ชเ้ ครือ่ งดนตรจี งึ ควรให้ความสาคัญเกย่ี วกบั การใช้และการเกบ็ รักษา ให้มาก ปฏบิ ัตใิ หถ้ ูกตอ้ งตามวิธีการตา่ ง ๆ การใช้เครอ่ื งดนตรี ก่อนใชจ้ ะต้องตรวจดูแลความเรียบรอ้ ยของส่วนประกอบ หลกั กลไกต่าง ๆ ที่ทาให้ เกิดเสียง ว่าเครื่องดนตรีชนิดน้ันมีความพร้อมหรือไม่ โดยเฉพาะเร่ืองของเสียงเครื่องดนตรี ผู้เล่นจะต้องตรวจ ดูแลเป็นอย่างดี เพ่ือให้บทเพลงท่ีบรรเลงด้วยเคร่ืองดนตรีเหล่านี้มีคุณภาพ มีความไพเราะน่าฟัง และสามารถ ใช้งานได้ตลอดไป ไม่เกิดชารุดเสียหายก่อนงานจะเลิก โดยเฉพาะเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย ซ่ึงมี สว่ นประกอบละเอยี ดอ่อนชารุดเสยี หายงา่ ย จึงต้องระวงั เปน็ พเิ ศษในขณะที่ใช้งานหรือเวลาบรรเลง การเก็บรักษาเครื่องดนตรี การเก็บรักษาเคร่ืองดนตรี นับว่ามีความสาคัญไม่น้อยกว่าการดูแลความ พร้อมใช้ก่อนการบรรเลงเช่นกัน ดังได้กล่าวมาแล้วว่า เครื่องดนตรีมีหลายชนิด แต่ละชนิดจะมีส่วนประกอบ และหลักกลไกท่ีแตกต่างกัน การเก็บรักษาให้ถูกวีจึงเป็นสิ่งสาคัญท่ีผู้เล่นดนตรีจะต้องตระหนักอยู่เสมอ และ ตอ้ งปฏิบตั ใิ ห้ถูกต้องตามหลักการ จึงจะทาใหเ้ ครอ่ื งดนตรีมีความคงทนสามารถใช้งานได้อยา่ งคุ้มค่า โดยปฏบิ ัติ ดังน้ี การเก็บรักษาเครื่องหนัง 1. ควรเก็บไว้ในทีท่ ี่มคี วามชนื้ น้อย 2. เคร่อื งหนังบางชนดิ เชน่ ตะโพน กลองทดั ควรแกะข้าวที่ใชถ้ ว่ งหนา้ และลา้ งให้สะอาด 3. กลองบางอยา่ ง เชน่ กลองมลายู ควรลดสายท่ีเรง่ เสียงใหห้ น้าหยอ่ น จึงเหมาะสมที่นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 ในรายวิชา ปี่พาทย์ 3 ต้องศึกษาและเรียนรู้และสามารถนาไปใช้ ในการเรยี นปฏบิ ตั ิตอ่ ไป จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ 1. นกั เรียนสามารถอธิบายการดแู ลรกั ษาเครือ่ งดนตรีไทย ประเภทเครื่องหนังได้ 2. นกั เรยี นสามารถปฏิบัติการดูแลรักษาเคร่ืองดนตรีไทย ประเภทเคร่ืองหนังได้ 3. นักเรียนมีความต้ังใจในการปฏบิ ตั ิ
สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการจดจาวธิ ีการดแู ลรกั ษาเครอ่ื งดนตรีไทย ประเภทเคร่ืองหนงั 2. ความสามารถปฏิบัติวธิ ีการดแู ลรักษาเครื่องดนตรไี ทย ประเภทเคร่ืองหนงั สำระกำรเรยี นรู้ 1. วธิ ีการดูแลรักษาเครื่องดนตรไี ทย ประเภทเครื่องหนงั กิจกรรมกำรเรียนรู้ ข้นั นำ - ครูให้นักเรียนดูตัวอย่าง วิธีการดูแลรักษาเคร่ืองดนตรีไทย ประเภทเครื่องหนังต่อจากนั้น อภปิ รายถงึ ลักษณะความสาคัญของการดแู ลรกั ษาเคร่ืองดนตรไี ทย ประเภทเคร่อื งหนัง ขัน้ สอน - ครูอธิบายความสาคัญของเน้ือหาใจความวิธีการดูแลรักษาเครื่องดนตรีไทย ประเภทเครื่อง หนังใหน้ กั เรียนฟัง - ครแู จกใบความรู้ เรอ่ื ง วิธีการดแู ลรกั ษาเคร่ืองดนตรีไทย ประเภทเคร่ืองหนงั - ครูให้นักเรียนฝกึ วิธกี ารดูแลรกั ษาเคร่อื งดนตรไี ทย ประเภทเครือ่ งหนัง - ครูอธิบายวิธีการดูแลรกั ษาเครื่องดนตรไี ทย ประเภทเครื่องหนัง ให้นกั เรยี นฟงั - ครใู หน้ ักศึกษาศึกษาใบความรู้ วิธีการดแู ลรักษาเคร่ืองดนตรีไทย ประเภทเครอ่ื งหนัง - ครใู หน้ ักเรยี นฝกึ ซอ้ ม โดยใช้วธิ เี พื่อนช่วยเพื่อน โดยอยูใ่ นการแนะนาของครู - ครใู นนักเรยี นบันทกึ หนา้ ทับ ลงในสมุดบนั ทกึ หนา้ ทับ - ครูใหน้ กั เรยี นฝึกซอ้ มจนเกดิ ความชานาญ ขน้ั สรปุ - ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปวธิ กี ารดูแลรักษาเคร่ืองดนตรีไทย ประเภทเครื่องหนัง - ครูให้นักเรียนทบทวนวิธีการดูแลรักษาเคร่ืองดนตรีไทย ประเภทเคร่ืองหนังโดยครูเป็นผู้คอยชี้แจง และแนะนา สือ่ อุปกรณ์ และแหล่งเรียนรู้ สือ่ กำรเรียนรู้ - คอมพิวเตอร์ - สอื่ อนิ เตอรเ์ นต็ - ตะโพน และอปุ กรณ์ในการทาความสะอาด - ใบความรู้ - ใบงาน แหลง่ กำรเรียนรู้ - สื่อ อนิ เตอรเ์ นต็ - ห้องสมุดดนตรขี องสถาบันต่างๆ - โทรทศั น์ - สื่อวดี ทิ ศั น์ - สอื่ E-learning ชน้ิ งำน/ภำระงำน 1. ใหน้ กั เรียนทบทวนนอกเวลาสัปดาห์ละ 3 ชั่วโมง
กำรวัดและประเมินผล 1 .วธิ กี ำรวัดผล 1.1 สงั เกตการบรรเลง การตอบคาถาม 2. เครอื่ งมือกำรวัดผล 2.1 แบบสงั เกตเรื่องวิธกี ารดูแลรักษาเคร่ืองดนตรีไทย ประเภทเคร่ืองหนัง 3. เกณฑก์ ำรประเมนิ ผล 3.1 นกั เรียนปฏิบตั วิ ธิ กี ารดูแลรกั ษาเครื่องดนตรีไทย ประเภทเครือ่ งหนงั ได้อยา่ งถูกต้องไมท่ า ใหเ้ ครอ่ื งดนตรเี สยี หาย กิจกรรมเสนอแนะ ศึกษาเพมิ่ เติมจากส่อื E-learning หรอื จาก Website https://sites.google.com/site/thaidrummersites200/ https://sites.google.com/site/canghwahnathab/ (นายณฐั เศรษฐ ดาเนนิ ผล) ผสู้ อน
บนั ทกึ ผลหลงั กำรจดั กำรเรยี นรู้ ผลกำรจดั กำรเรียนรู้ 1. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. …………………………………………………………………………………………………………………………………… ปญั หำ/อุปสรรค 1. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. …………………………………………………………………………………………………………………………………… แนวทำงไข/ข้อเสนอแนะ 1. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. …………………………………………………………………………………………………………………………………… (นายณฐั เศรษฐ ดาเนินผล) ผบู้ นั ทกึ
แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ่ี 3 กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิชำชพี เฉพำะป่พี ำทย์ รำยวชิ ำป่ีพำทย์ 3 รหสั วชิ ำ ศ 22209 ชั้นมัธยมศกึ ษำปีที่ 2 ภำคเรียนที่ 1 ปกี ำรศกึ ษำ 2564 หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ี่ 2 ปฏบิ ัติแบบแผน เวลำ 62 คำบ เรอ่ื ง หลักและวธิ ีกำรฝึกหดั เบอ้ื งตน้ ตะโพน เวลำ 2 คำบ ................................................................................................................................................................... มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ มาตรฐาน 2.2 เขา้ ใจและมีทักษะในการฝกึ ปฏิบัติเครอ่ื งดนตรี การบรรเลงเพลงประเภทต่าง ๆ ตระหนกั และเหน็ คณุ คา่ นามาประยุกต์ใช้ได้อยา่ ง เหมาะสม ตวั ช้วี ัด มาตรฐาน 2.1 เขา้ ใจหลักและวธิ ีการบรรเลงให้สอดคลอ้ งกับวุฒิภาวะ สำระสำคัญ ตะโพนไทย เป็นเคร่อื งตปี ระเภทกากบั จงั หวะหนา้ ทบั ซึ่งขึง หรือหุ้มด้วยหนังทั้งสองหน้า ตีด้วยมือ ทั้งสองข้าง พบหลักฐานทางประวัติศาสตร์บ่งบอกให้รู้ว่า เกิดข้ึนในสมัยสุโขทัย บรรเลงผสมในวงป่ีพาทย์ เครอื่ งหา้ มหี นา้ ทีต่ ีกากับจังหวะหน้าทับ เพอื่ บอกสดั ส่วน ประโยค วรรคตอนและอัตราของทานองเพลง \" \" นอกจากนั้นยังช่วยให้การบรรเลงร่วมวงแต่ละครั้งครึกคร้ืน สนุกสนานเร้าใจ มีวิธีตีอยู่ 2 แบบๆ หนึ่ง ตีเป็นอิสระ มีหน้าทับท่ีตีคนเดียวอีกแบบหน่ึง ตีสอดสลับ หรือตีท้าให้กลองทัดรับตามแบบแผนของ หน้าทับทม่ี มี าแต่โบราณ หลักการตีตะโพ ผ้ตู นี งั่ ในทา่ ขดั สมาธิ หรอื พบั เพียบ ลาตวั ตรง ไม่ก้มหนา้ มากเกนิ ไป อยู่ระหว่างกลาง ตะโพน ให้หัวเขา่ ทงั้ สองชดิ เท้าตะโพน(ดา้ นใน)หน้าอกห่างประมาณ 1 คืบ มอื ขวาอย่ทู างหน้ารยุ่ ( หน้าใหญ่ ) และมือซา้ ยอยทู่ างหน้ามัด (หนา้ เล็ก) โดยปรกติประเพณีนิยม จะใช้มือขวาตีหน้ารุ่ย และมือซ้ายตีหน้ามัด ทั้งสองหน้ามี ลักษณะและวธิ กี ารตี ดังน้ี หนา้ รยุ่ ตดี ้วยฝ่ามือ ให้นิ้วทงั้ สี่ ( ช้ี กลาง นาง ก้อย) เรียงชดิ ตดิ กัน ตลี งบนหน้าหนัง โดยให้ กลางอุ้งมืออยู่ระหว่างขอบตะโพน หรือระหว่างใส้ละมาน(ด้านชิดตัวผู้ตี) และให้ปลายนิ้วที่เรียงชิดติดกันอยู่ บริเวณใตข้ า้ วสุกเล็กนอ้ ย หน้ามัด ตีด้วยมือซ้าย ให้น้ิวท้ังส่ีที่เรียงชิดติดกัน ตีลงบนหน้าหนัง โดยให้โคนน้ิวทั้งสี่อยู่ ระหวา่ งขอบของตะโพน หรอื ระหว่างใส้ละมาน (ด้านชิดตัวผู้ตี) และให้ปลายนิว้ ท้ังส่ชี ้ตี รงไปยงั จุดกง่ึ กลางของ หนา้ หนงั ( หรอื ช้เี ปน็ มุมฉากกบั ข้อศอก ) ทงั้ สองมือตีด้วยวิธีการท่ีเรียกวา่ \" เปดิ มอื \" คือตแี ล้วยกมือขึ้นในทนั ที และตดี ว้ ยการ \"ปดิ มือ) คือตีแล้วกดหรือแนบมือชิดไว้กับหน้าหนัง บางคร้ังตีทีละมือ ทีละ หน้า บางครั้งตีสองมือและสองหน้า พรอ้ มกนั จงึ เหมาะสมทีน่ ักเรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ในรายวิชาปพี่ าทย์ 3 ต้องศกึ ษาและเรยี นรู้และสามารถ นาไปใชใ้ นการเรียนปฏิบตั ิข้ันตอ่ ไป
จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 1. นกั เรียนสามารถอธบิ ายหลักและวิธีการฝกึ หดั ตะโพนเบื้องต้นได้ 2. นกั เรยี นสามารถปฏิบัติหลักและวธิ ีการฝกึ หัดตะโพนเบื้องตน้ ได้ 3. นกั เรยี นมีตัง้ ใจในการปฏบิ ัติ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการจดจาหลักและวธิ กี ารฝกึ หัดตะโพนเบอ้ื งต้น 2. ความสามารถปฏบิ ตั หิ ลักและวิธกี ารฝกึ หัดตะโพนเบอื้ งต้น สำระกำรเรยี นรู้ 1. หลกั และวิธีการฝึกหัดตะโพนเบอ้ื งต้น 2. แบบฝกึ หดั ตะโพนเบอื้ งต้น กจิ กรรมกำรเรียนรู้ ข้นั นำ - ครูเปดิ วีดีทัศน์ หรอื สือ่ การแสดงที่บงบอกถึงความสามารถของนักดนตรหี รือนกั ดนตรีท่ี ไดร้ บั ความยอมรับ ต่อจากน้ันอภิปรายถึงลกั ษณะความสาคัญของหลักและวธิ ีการฝกึ หัดเบอ้ื งต้น ขน้ั สอน - ครอู ธบิ ายใจความสาคัญหลกั และวธิ กี ารฝกึ หัดตะโพนเบื้องตน้ ให้นกั เรียนฟัง - ครใู หน้ กั เรียนฝึกปฏิบัตติ ามแบบฝกึ หดั ตะโพนเบอ้ื งตน้ - การน่งั - การวางมอื - จงั หวะ - บุคลิกภาพ - ครูให้นักเรยี นตรวจสอบเคร่อื งดนตรแี ละติดข้าวสกุ เพ่ือถ่วงเสียงตะโพนให้ได้เสยี งตาม มาตรฐานและมีคณุ ภาพ - ครูให้นักเรียนตีมือสลับกันซ้ายขวาบนด้านบนของตะโพนท้ังสองมือเพื่อสร้างกาลังก่อนตี ตะโพน - ครูอธิบายลักษณะของหนา้ ทับตระโพน หลักและวิธีการฝกึ หดั ตะโพนเบ้ืองต้น - ครูแจกใบความรู้ เรอ่ื ง หลักและวธิ กี ารฝึกหัดตะโพนเบ้อื งต้น - ครใู ห้นกั ศึกษาศึกษาใบความรู้ เรอ่ื ง หลกั และวิธีการฝกึ หัดเบอื้ งต้น - ครูใหน้ ักเรียนไล่เสยี งตะโพนไทยเบอื้ งตน้ แบบท่ี 1 - ครูให้ไล่เสียงพ้ืนฐานเพมิ่ แบบท่ี 2 - ครูในนักเรียนบันทกึ หนา้ ทับ ลงในสมดุ บันทึกหน้าทับ - ครใู หน้ กั เรยี นฝกึ ซอ้ มจนเกดิ ความชานาญ ขั้นสรปุ - ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ ความเปน็ มาเร่ือง หลกั และวิธีการฝกึ หัดตะโพนเบื้องต้น - ครใู ห้นักเรยี นทบทวนการตีตะโพน หลกั และวธิ กี ารฝึกหัดตะโพนเบ้ืองตน้ โดยครเู ป็นผคู้ อย ชแี้ จงและแนะนา
สือ่ อุปกรณ์ และแหล่งเรยี นรู้ สอ่ื กำรเรยี นรู้ - คอมพิวเตอร์ - ส่อื อนิ เตอรเ์ น็ต - ลานวฒั นธรรมและสถานท่จี ัดกิจกรรมตา่ งๆ - ตะโพน กรับ - ใบความรู้ - แบบฝกึ หัดการไลม่ อื - โน้ตอักษรไทย - ใบงาน แหลง่ กำรเรียนรู้ - ส่ือ อินเตอร์เนต็ - ลานวฒั นธรรมและสถานทจ่ี ดั กิจกรรมต่างๆ - ห้องสมดุ ดนตรีของสถาบันตา่ งๆ - โทรทศั น์ - โรงละครแห่งชาติ - แหล่งชุมชน - สื่อวีดีทศั น์ - สอ่ื E-learning ช้นิ งำน/ภำระงำน 1. ให้นกั เรยี นทบทวนนอกเวลาสปั ดาห์ละ 3 ชั่วโมง กำรวัดและประเมนิ ผล 1.วธิ ีกำรวัดผล 1.1 สังเกตการบรรเลง การตอบคาถาม 2. เคร่อื งมือกำรวัดผล 2.1 แบบสังเกตุ เรื่อง หลักและวธิ ีการฝึกหัดตะโพนเบ้ืองต้น 3 .เกณฑ์กำรประเมนิ ผล 3.1 นกั เรยี นปฏิบัติหลกั และวิธกี ารฝึกหดั ตะโพนเบ้ืองต้นผิดไดไ้ มเ่ กนิ 5 คร้งั กจิ กรรมเสนอแนะ ศึกษาเพ่มิ เติมจากส่อื E-learning หรือจาก Website https://sites.google.com/site/thaidrummersites200/ https://sites.google.com/site/canghwahnathab/ (นายณฐั เศรษฐ ดาเนนิ ผล) ผสู้ อน
บันทกึ ผลหลงั กำรจัดกำรเรียนรู้ ผลกำรจัดกำรเรียนรู้ 1. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. …………………………………………………………………………………………………………………………………… ปัญหำ/อุปสรรค 1. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. …………………………………………………………………………………………………………………………………… แนวทำงไข/ขอ้ เสนอแนะ 1. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. …………………………………………………………………………………………………………………………………… (นายณฐั เศรษฐ ดาเนินผล) ผบู้ นั ทกึ
แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ที่ 4 กลมุ่ สำระกำรเรียนรูว้ ิชำชพี เฉพำะปพ่ี ำทย์ รำยวิชำป่ีพำทย์ 3 รหสั วชิ ำ ศ 22209 ชัน้ มธั ยมศึกษำปีที่ 2 ภำคเรยี นท่ี 1 ปกี ำรศกึ ษำ 2564 หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี 2 ปฏบิ ัติแบบแผน เวลำ 62 คำบ เร่ือง หลักและวิธีกำรฝึกหัดเบ้อื งตน้ กลองทัด เวลำ 2 คำบ ................................................................................................................................................................... มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน 2.2 เขา้ ใจและมีทักษะในการฝกึ ปฏิบัติเคร่ืองดนตรี การบรรเลงเพลงประเภทต่าง ๆ ตระหนกั และเหน็ คณุ คา่ นามาประยุกต์ใช้ได้อยา่ ง เหมาะสม ตัวช้วี ัด มาตรฐาน 2.1 เขา้ ใจหลักและวธิ กี ารบรรเลงใหส้ อดคล้องกับวุฒิภาวะ สำระสำคญั กลอดทัด เป็นเครื่องตีประเภทกากับจังหวะหน้าทับ ที่ขึงหรือหุ้มด้วยหนังทั้ง 2 หน้า แต่ใช้ตีเพียง ข้างเดียวพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์บ่งบอกว่าใช้ตีคู่กันมากับตะโพนในวงปี่พาทย์เคร่ืองห้าสมัยกรุงสุโขทยั มีหน้าที่เป็นเครื่องกากับจังหวะหน้าทับเช่นเดียวกับตะโพน เดิมมีลูกเดียว ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุง รัตนโกสินทร์จึงเพิ่มข้ึนเป็น 2 ลูกเป็นคู่กัน ลูกหน่ึงมีมีเสียง ต่าเรียกว่า \" ตัวเมีย \" อีกลูกหน่ึงมีเสียงสูง เรยี กว่า \"ตัวผู้\" เพ่ือใหเ้ สยี งดังไพเราะ หนังหน้ากลองด้านลา่ งจะติดข้าวสกุ ผสมข้เี ถ้า เปน็ เคร่ืองถว่ งเสียง เวลา ตีจะตั้งอยู่บนหมอนกลอง และค้าด้วยขาหย่ังตีด้วยไม้กลองด้วยมือข้างละอัน ขนาดของกลองทัดจะใหญ่หรือ เลก็ ข้นึ อยู่กับหุ่นทผ่ี ูส้ ร้างตอ้ งการ โดยเฉพาะลกู ใหญเ่ สียงกจ็ ะดังมากกว่าลกู เล็ก หลกั การตีกลองทดั ผู้ตีน่ังขัดสมาธิ ลาตัวตรงไม่ก้มหรือเงยหน้าเกินไป นั่งระหว่างกึ่งกลางกลองทัดท้ังสองลูก ผู้ตีหัน หนา้ เขา้ หากลอง โดยกลองลูกท่ีมเี สียงสงู อย่ทู างขวา และลูกที่มีเสียงตา่ อยทู่ างมือซ้ายของผตู้ ี - จับไม้ตีด้วยมือท้ังสองข้าง โดยใช้นิ้วทั้งห้า กาบริเวณปลายด้ามไม้ ในลักษณะที่หัวแม่มือ เหยียดตรงอยทู่ ี่ดา้ นบนของดา้ มทัง้ น้ีใหป้ ลายดา้ มโผลเ่ ลก็ นอ้ ย และจบั ไม้ไม่แนน่ เกินไป มลี ักษณะการตีดงั น้ี - ต้องตีให้ปลายหัวไม้ลงบนหนังหน้ากลอง ใกล้จุดก่ึงกลางที่ทารัก หรือกลางจุดกึ่งกลาง ทั้งนีข้ น้ึ อย่กู ับหน้ากลองแต่ละลกู - ต้องตีดว้ ยการใช้นา้ หนกั มือท่เี หมาะสมกับหนา้ กลองแต่ละลกู - ตีกลองด้วยมือข้างละลูก ปรกติใช้มือซ้ายตีตัว เมียเสียงต่า และมือขวาตีกลองตัวผู้เสียง สงู - เวลาตียกด้ามไม้ใหม้ อื อยู่ทป่ี ระมาณระดบั หู - ตีสลับมือทีก่ ลองลกู เดยี ว หรอื ทง้ั สองลูก ท่ี เรยี กวา่ \" เล่นไม้ \" - ตไี ด้เสียงดงั เสมอกนั ทัง้ สองลกู โดยการประคบมือ หรอื ทเ่ี รียกว่า \" สงมือ \" - ตีพรอ้ มกันท้ังสองลูก ด้วยนา้ หนักและเสียงดังประมาณกัน จึงเหมาะสมท่ีนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ในรายวิชาป่ีพาทย์ 3 ต้องศึกษาและเรียนรู้และสามารถ นาไปใช้ในการเรียนปฏิบัติข้ันต่อไป
จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ 1. นักเรยี นสามารถอธิบายหลกั และวธิ ีการฝกึ หดั กลองทดั เบ้ืองต้นได้ 2. นักเรียนสามารถปฏิบตั ิหลักและวิธีการฝกึ หดั กลองทัดเบ้อื งต้นได้ 3. นกั เรียนมีตั้งใจในการปฏบิ ัติ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการจดจาหลกั และวธิ กี ารฝึกหดั กลองทัดเบอื้ งตน้ 2. ความสามารถปฏบิ ตั ิหลักและวธิ กี ารฝึกหดั กลองทัดเบื้องต้น สำระกำรเรยี นรู้ 1. หลักและวิธกี ารฝึกหดั กลองทัดเบ้ืองต้น 2. แบบฝกึ หัดกลองทัดเบื้องต้น กิจกรรมกำรเรียนรู้ ขนั้ นำ - ครูเปดิ วดี ีทศั น์ หรอื สอ่ื การแสดงที่บงบอกถึงความสามารถของนักดนตรีหรือนกั ดนตรีที่ ไดร้ ับความยอมรับ ต่อจากน้นั อภปิ รายถึงลกั ษณะความสาคัญของหลักและวธิ ีการฝึกหัดกลองทัดเบ้ืองต้น ข้นั สอน - ครอู ธบิ ายใจความสาคัญหลกั และวธิ ีการฝึกหักลองทัดเบ้ืองต้น ใหน้ กั เรียนฟงั - ครูให้นกั เรยี นฝกึ ปฏิบตั ติ ามลาดับเบอื้ งต้น - การนงั่ - การวางมือ - จังหวะ - บคุ ลกิ ภาพ - ครูใหน้ ักเรยี นตรวจสอบเครอ่ื งดนตรแี ละตดิ ขา้ วสกุ เพ่ือถ่วงเสียงกลองทดั ใหไ้ ด้เสียงตาม มาตรฐานและมีคุณภาพ - ครอู ธิบายลักษณะของหน้าทับกลองทัดหลกั และวธิ ีการฝกึ หดั กลองทัดเบ้ืองต้น - ครแู จกใบความรู้ เร่ือง หลกั และวธิ กี ารฝกึ หัดกลองทัดเบอ้ื งต้น - ครูให้นกั เรียนศึกษาใบความรู้ เรือ่ ง หลกั และวิธกี ารฝกึ หัดเบอ้ื งตน้ - ครูให้นักเรียนฝึกจับไม้ตีด้วยมือท้ังสองข้าง โดยใช้นิ้วทั้งห้า กาบริเวณปลายด้ามไม้ ใน ลักษณะที่หัวแม่มือเหยียดตรงอยู่ที่ด้านบนของด้ามทั้งนี้ให้ปลายด้ามโผล่เล็กน้อย และจับไม้ไม่แน่นเกินไป มีลักษณะการตีดงั น้ี 1. ต้องตีให้ปลายหัวไม้ลงบนหนังหน้ากลอง ใกล้จุดก่ึงกลางท่ีทารัก หรือกลางจุด กงึ่ กลาง ทัง้ นีข้ นึ้ อยกู่ ับหน้ากลองแต่ละลูก 2. ตอ้ งตดี ว้ ยการใช้น้าหนกั มือท่ีเหมาะสมกบั หนา้ กลองแตล่ ะลูก 3. ตีกลองด้วยมือขา้ งละลกู ปรกติใช้มือซา้ ยตตี ัว เมยี เสียงต่า และมอื ขวาตกี ลองตัว ผเู้ สียงสูง 4. เวลาตียกด้ามไม้ให้มอื อยทู่ ่ีประมาณระดบั หู 5. ตสี ลับมือทกี่ ลองลูกเดียว หรอื ทัง้ สองลกู ที่ เรยี กว่า \" เล่นไม้ \"
6. ตไี ดเ้ สยี งดงั เสมอกันทงั้ สองลูก โดยการประคบมือ หรือทเ่ี รยี กวา่ \" สงมือ \" 7. ตีพรอ้ มกันทั้งสองลูก ดว้ ยน้าหนกั และเสียงดังประมาณกนั - ครใู นนกั เรยี นบนั ทึกหนา้ ทบั ลงในสมดุ บันทกึ หนา้ ทบั - ครใู หน้ กั เรียนฝึกซ้อมจนเกดิ ความชานาญ ข้ันสรุป - ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรปุ ความเป็นมาและวิธกี ารฝกึ หดั กลองทัดเบือ้ งตน้ - ครูใหน้ ักเรยี นทบทวนการตีตะโพน หลกั และวิธีการฝกึ หัดกลองทัดเบื้องตน้ โดยครเู ปน็ ผู้ คอยช้แี จงและแนะนา สือ่ อุปกรณ์ และแหล่งเรียนรู้ ส่ือกำรเรยี นรู้ - คอมพวิ เตอร์ - สอ่ื อนิ เตอร์เนต็ - ลานวัฒนธรรมและสถานทจ่ี ดั กิจกรรมตา่ งๆ - กลองทดั กรบั - ใบความรู้ - แบบฝกึ หดั การไลม่ อื - โน้ตอักษรไทย - ใบงาน แหลง่ กำรเรยี นรู้ - สื่อ อินเตอรเ์ น็ต - ลานวัฒนธรรมและสถานท่ีจดั กจิ กรรมต่างๆ - ห้องสมุดดนตรขี องสถาบันตา่ งๆ - โทรทศั น์ - โรงละครแห่งชาติ - แหล่งชุมชน - สื่อวีดีทัศน์ - สือ่ E-learning ชน้ิ งำน/ภำระงำน 1. ใหน้ ักเรยี นทบทวนนอกเวลาสัปดาห์ละ 3 ชว่ั โมง กำรวดั และประเมินผล 1.วิธกี ำรวดั ผล 1.1 สังเกตการบรรเลง การตอบคาถาม 2. เคร่ืองมือกำรวดั ผล 2.1 แบบสังเกตุ เร่ือง หลกั และวิธกี ารฝกึ หัดกลองทดั เบอื้ งต้น 3 .เกณฑก์ ำรประเมนิ ผล 3.1 นกั เรยี นปฏิบัติหลกั และวิธีการฝึกหดั กลองทดั เบ้ืองต้นผดิ ได้ไม่เกนิ 5 คร้ัง
กจิ กรรมเสนอแนะ ศกึ ษาเพิ่มเติมจากสือ่ E-learning หรือจาก Website https://sites.google.com/site/thaidrummersites200/ https://sites.google.com/site/canghwahnathab/ (นายณฐั เศรษฐ ดาเนนิ ผล) ผสู้ อน
บนั ทกึ ผลหลงั กำรจัดกำรเรยี นรู้ ผลกำรจดั กำรเรียนรู้ 1. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. …………………………………………………………………………………………………………………………………… ปญั หำ/อุปสรรค 1. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. …………………………………………………………………………………………………………………………………… แนวทำงไข/ข้อเสนอแนะ 1. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. …………………………………………………………………………………………………………………………………… (นายณฐั เศรษฐ ดาเนนิ ผล) ผบู้ นั ทกึ
แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ 5 กล่มุ สำระกำรเรยี นร้วู ิชำชพี เฉพำะปี่พำทย์ รำยวชิ ำปี่พำทย์ 3 รหัสวชิ ำ ศ 22209 ชัน้ มธั ยมศึกษำปที ี่ 2 ภำคเรยี นท่ี 1 ปีกำรศกึ ษำ 2564 หน่วยกำรเรียนรทู้ ี่ 2 ปฏิบัติแบบแผน เวลำ 62 คำบ เรอ่ื ง หลกั และวิธกี ำรฝึกหดั เบ้อื งต้น กลองแขก เวลำ 2 คำบ ................................................................................................................................................................... มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน 2.2 เข้าใจและมที ักษะในการฝึกปฏบิ ตั เิ ครื่องดนตรี การบรรเลงเพลงประเภทตา่ ง ๆ ตระหนกั และเหน็ คณุ คา่ นามาประยุกตใ์ ช้ได้อยา่ ง เหมาะสม ตวั ช้วี ัด มาตรฐาน 2.1 เขา้ ใจหลักและวธิ กี ารบรรเลงให้สอดคลอ้ งกับวุฒภิ าวะ สำระสำคัญ กลองแขก เป็นเคร่อื งหนังทจ่ี ัดอยู่ในประเภทท่ีใช้สายโยงเร่งเสียง ขน้ึ หรือหมุ้ หนงั ท้ัง 2 หนา้ มชี อื่ เรียก อีกชื่ออีกหน่ึงว่า “ กลองชวา “ เพราะเข้าใจว่าเราได้แบบอย่างมาจากชวา สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรม พระยาดารงราชานุภาพ ได้อธิบายถึงเร่ืองกลองมลายูและกลองแขก ไว้ในตานานมโหรีปี่พาทย์ว่า “ เคร่ืองป่ี พาทยเ์ ราทีใช้กันอยูท่ ุกวันน้ี มีเครือ่ งดนตรีทีเ่ ราได้มาจาก 2 อย่าง คอื กลองแขกและกลองมลายู เข้าใจว่ามาจา พวกชวา ท้ังสองอย่างนี้มีรูปร่างที่คล้ายคลึงกัน จะผิดกันท่ีการผสมวง และการนาเอาไปใช้ “ และยังได้อธิบาย ถงึ การเขา้ มาของกลองแขกไว้อีก ในระยะแรกนั้นกลองเข้ามาใช้ในการตีประกอบการฟ้อนรา เช่น การรากระบี่ กระบอง สว่ นทานองวงน้ันจะมาจากแขกรากริชกอ่ น วงทีใ่ ช้นัน้ จะประกอบไปด้วย ปีช่ วา 1 เลา กลองแขก 1 คู่ และฉิ่ง ในขบวนแห่ก็ใช้เหมือนกัน เช่น ใช้ตีนาขบวนแห่โสกันต์และนาขบวนแห่เสด็จพระราชดาเนินกระบวน ช้างและกระบวน เรือ ซ่ึงคล้ายคลึงกับกลองมลายทู ี่ใช้ตีในกระบวนแห่ สงสัยว่าเดิมอาจจะใช้กลองมลายูตกี ่อน ตอ่ มาภายหลงั อาจเหน็ ว่า กลองมลายูนน้ั ใช้ตีในงานศพ อาจเปน็ ท่ีรงั เกียจ จงึ นาเอากลองแขกมาตีแทน โดยลด ฆ้องเหม่งออกแล้วนาฉิ่งมาตีแทน การนาเอากลองแขกเข้ามาตีในวงป่ีพาทย์ เห็นจะเป็นเม่ือคราวบรรเลง ประกอบกาแสดงละครเรื่องอิเหนาของชวา มาเล่นเป็นละครของไทยเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยา โดยใช้ตีตอนละคร ราเพลงแขก เช่น การรากริช เป็นต้น คร้ันต่อมา เม่ือป่ีพาทย์จะบรรเลงเพลงใดอันเน่ืองมาจากแขก เช่น เพลง เบ้าหลดุ สะระบหุ ร่ง กจ็ ะนาเอากลองแขกเข้ามาตแี ทนตะโพน ปจั จุบันจะพบเห็นกลองแขกตีกับจงั หวะหน้าทับ แทนตะโพนและสองหนา้ อยใู่ นวงปี่ พาทยเ์ สมอ จนกลายเปน็ สว่ นหนง่ึ ในวงดนตรีไทย การบรรเลงกลองแขกต้องใชผ้ ้บู รรเลง 2 คน ซ่ึงมที ่าแตกตา่ งกันคือ กลองแขกตวั ผู้ นิยมบรรเลงหน้าลยุ่ ดว้ ยมอื ขวา (สาหรับผู้ท่ีถนัดมือขวา) ผู้บรรเลงนัง่ งอ เทา้ ซ้ายละชนั เขา่ เทา้ ขวา ให้หน้าตา่ นตง้ั บนเข่าซา้ ยและให้ตวั กลองเอนพงิ เขา่ ขวา กลองแขกตัวเมีย ผู้บรรเลงน่ังขัดสมาธิ วางกลองแขกบนตัก หน้าลุ่ยอยู่ทางขวามือ (สาหรบั ผทู้ ่ถี นัดมือขวา) จึงเหมาะสมที่นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 ในรายวิชาป่ีพาทย์ 3 ต้องศึกษาและเรียนรู้และสามารถ นาไปใชใ้ นการเรยี นปฏิบตั ขิ ั้นต่อไป
จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ 1. นักเรยี นสามารถอธิบายหลกั และวิธีการฝกึ หดั กลองแขกเบ้ืองต้นได้ 2. นักเรยี นสามารถปฏิบตั ิหลักและวธิ กี ารฝกึ หดั กลองแขกเบือ้ งต้นได้ 3. นักเรยี นมีต้งั ใจในการปฏิบัติ สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการจดจาหลกั และวธิ ีการฝึกหัดกลองแขกเบื้องต้น 2. ความสามารถปฏิบัติหลักและวิธกี ารฝึกหัดกลองแขกเบ้ืองต้น สำระกำรเรยี นรู้ 1. หลกั และวธิ ีการฝึกหัดกลองแขกเบ้ืองตน้ 2. แบบฝึกหัดกลองแขกเบือ้ งต้น กจิ กรรมกำรเรียนรู้ ขั้นนำ - ครเู ปิดวีดีทัศน์ หรอื ส่อื การแสดงทบ่ี งบอกถึงความสามารถของนกั ดนตรีหรือนกั ดนตรีท่ี ไดร้ บั ความยอมรับ ต่อจากน้ันอภิปรายถึงลกั ษณะความสาคัญของหลักและวิธกี ารฝกึ หัดกลองทัดเบื้องต้น ขัน้ สอน - ครอู ธบิ ายใจความสาคัญหลักและวธิ ีการฝึกหัดกลองแขกเบอื้ งตน้ ใหน้ ักเรียนฟัง - ครใู ห้นกั เรียนฝกึ ปฏิบัตติ ามลาดบั เบอ้ื งตน้ - การน่ัง - การวางมอื - จงั หวะ - บุคลกิ ภาพ - ครูให้นกั เรยี นตรวจสอบเครอ่ื งดนตรตี ามมาตรฐานและมีคณุ ภาพ - ครอู ธิบายลักษณะของหนา้ ทับกลองแขกหลกั และวิธีการฝกึ หดั กลองแขกเบื้องตน้ - ครแู จกใบความรู้ เรื่อง หลักและวธิ ีการฝกึ หัดกลองแขกเบ้อื งต้น - ครใู หน้ ักเรยี นศึกษาใบความรู้ เร่อื ง หลกั และวธิ ีการฝึกหดั กลองแขกเบื้องตน้ - ครูให้นกั เรียนปฏิบัติตามแบบฝึกหัดกลองแขกเบื้องตน้ - ครใู นนกั เรียนบนั ทกึ หน้าทับ ลงในสมดุ บันทกึ หนา้ ทับ - ครใู ห้นกั เรยี นฝึกซอ้ มจนเกิดความชานาญ ขน้ั สรปุ - ครูและนกั เรียนร่วมกันสรปุ ความเปน็ มาและวธิ กี ารฝกึ หดั กลองแขกเบ้ืองต้น - ครูให้นกั เรยี นทบทวนการตีตะโพน หลักและวิธกี ารฝกึ หัดกลองแขกเบ้ืองต้นโดยครูเป็นผู้ คอยช้แี จงและแนะนา สอ่ื อุปกรณ์ และแหลง่ เรียนรู้ ส่ือกำรเรยี นรู้ - คอมพิวเตอร์ - ส่ือ อินเตอร์เนต็ - ลานวัฒนธรรมและสถานท่ีจัดกจิ กรรมต่างๆ - กลองทัด กรบั
- ใบความรู้ - แบบฝึกหดั การไล่มือ - โน้ตอักษรไทย - ใบงาน แหล่งกำรเรยี นรู้ - ส่ือ อนิ เตอร์เนต็ - ลานวัฒนธรรมและสถานท่ีจดั กจิ กรรมตา่ งๆ - ห้องสมุดดนตรีของสถาบนั ต่างๆ - โทรทัศน์ - โรงละครแห่งชาติ - แหล่งชุมชน - สื่อวดี ีทศั น์ - สื่อ E-learning ชิ้นงำน/ภำระงำน 1. ใหน้ ักเรียนทบทวนนอกเวลาสปั ดาหล์ ะ 3 ชว่ั โมง กำรวัดและประเมินผล 1.วิธกี ำรวัดผล 1.1 สงั เกตการบรรเลง การตอบคาถาม 2. เคร่ืองมือกำรวดั ผล 2.1 แบบสงั เกตุ เรื่อง หลกั และวิธีการฝึกหัดกลองแขกเบ้ืองตน้ 3 .เกณฑ์กำรประเมินผล 3.1 นักเรียนปฏบิ ัติหลกั และวิธีการฝกึ หดั กลองแขกเบ้ืองตน้ ผิดไดไ้ ม่เกนิ 5 คร้ัง กิจกรรมเสนอแนะ ศกึ ษาเพิม่ เติมจากส่ือ E-learning หรือจาก Website https://sites.google.com/site/thaidrummersites200/ https://sites.google.com/site/canghwahnathab/ (นายณฐั เศรษฐ ดาเนินผล) ผสู้ อน
บนั ทกึ ผลหลงั กำรจัดกำรเรยี นรู้ ผลกำรจดั กำรเรียนรู้ 1. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. …………………………………………………………………………………………………………………………………… ปญั หำ/อุปสรรค 1. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. …………………………………………………………………………………………………………………………………… แนวทำงไข/ข้อเสนอแนะ 1. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. …………………………………………………………………………………………………………………………………… (นายณฐั เศรษฐ ดาเนนิ ผล) ผบู้ นั ทกึ
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ 6 กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้วิชำชีพเฉพำะป่พี ำทย์ รำยวิชำปีพ่ ำทย์ 3 รหัสวชิ ำ ศ 22209 ช้นั มัธยมศกึ ษำปีท่ี 2 ภำคเรยี นที่ 1 ปีกำรศึกษำ 2564 หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี 3 เพลงสรรเสริญพระบำรมี เวลำ 6 คำบ เรอ่ื ง หนำ้ ทับเพลงสรรเสรญิ พระบำรมี เวลำ 3 คำบ ................................................................................................................................................................... มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน 2.2 เข้าใจและมที ักษะในการฝกึ ปฏิบตั ิเคร่ืองดนตรี การบรรเลงเพลงประเภทต่าง ๆ ตระหนัก และเห็นคุณคา่ นามาประยุกต์ใชไ้ ด้อย่าง เหมาะสม ตัวชี้วัด บอกประวัตเิ พลงในบทเรยี นอธิบายศพั ทส์ ังคีตเพลงในบทเรียนปฏบิ ตั เิ พลงประเภทต่างๆและนาความ รทู้ ีไ่ ด้รบั ไปใชใ้ นโอกาสตา่ งๆได้ สำระสำคญั เพลงสรรเสริญพระบารมี จุดเร่ิมในสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้มีการบรรเลงเพลงที่มีลักษณะคล้ายเพลง สรรเสริญใช้ในเวลาท่ีพระมหากษตั ริย์เสดจ็ ออกท้องพระโรงและเสด็จข้ึน ซึ่งเพลงสรรเสรญิ ในสมัยน้ันมีบทบาท เทียบเทา่ เพลงชาติไทยในสมยั นนั้ เลยทีเดียว ตอ่ มาในสมัยราชกาลท่ี 4 ได้นาทานองเพลง God save the king ของอังกฤษมาบรรเลงเป็นเพลงสรรเสรญิ พระบารมี เพื่อถวายความเคารพต่อพระมหากษัตริย์ ประพันธ์คาร้อง โดย พระยาศรสี นุ ทรโวหาร (น้อย อาจารยางกรู ) มชี ่ือวา่ “เพลงจอมราชจงเจรญิ ” คร้ันในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเยือนประเทศสิงค์โปรและเกาะชวา ทางทหารอังกฤษได้บรรเลงเพลง God save the king เป็นเพลงเกียรติยศรับเสด็จ จึงทาให้ประเทศไทยและ ประเทศอังกฤกใช้บทเพลงสรรเสริญพระบารมีเดียวกัน ด้วยเหตุการณ์น้ีเองพระองค์จึงโปรดให้คณะครูดนตรี ไทยแตง่ เพลงขึ้นมาใหม่ ครูดนตรไี ทยจึงนาเพลงบหุ ลนั ลอยเล่อื ย เพลงในพระราชนิพนธ์สมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศ์ เธอเจ้าฟ้าพระยานริศรานุวัฒวงศ์ มาใช้ แต่ด้วยเพลงสรรเสริญพระบารมีจ ะนาไปใช้ในพิธีการต่างๆทั้งใน ประเทศและต่างประเทศ พระองค์มีความประสงค์ให้บทเพลงนี้ดูทันสมัยตามแบบชาวตะวันตกจึงได้ให้นายเฮ วดุ เซน (Heutsen) เรียบเรียงทานองขึ้นมาใหมแ่ ละนามาใชบ้ รรเลงตงั้ ปี พ.ศ. 2414-2431 เพลงสรรเสริญพระบารมีได้ถูกแต่ง เรียบเรียง และปรับเปล่ียนเน้ือเพลงอยู่หลายคร้ังหลายครา และ ถูกแต่งให้มีหลายเนื้อร้องเพื่อใช้เฉพาะในกลุ่ม เช่น กลุ่มทหารเรือ กลุ่มนักเรียนหญิง เป็นต้น จนในสมัยของ พระบาทสมเด็จพระมงกฏเกล้าเจา้ อยู่หัว รชั กาลท่ี 6 ไดน้ าผลงานเพลงสรรเสริญพระบารมีของปโยตร์ ชูรอฟส ก้ี (Pyotr Schurovsky) ผู้ประพันธ์ทานอง และ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าพระยานริศรานุวัตวงศ์ ผู้ประพันธ์เนื้อร้อง มาปรับเปลี่ยนคาร้องเสียใหม่ โดยเปลี่ยน คาสุดท้ายของเพลงจากเดิมคือ “ฉะน้ี” เป็น “ชโย” ทรงประกาศใช้ใน วันท่ี 1 มีนาคม พ.ศ.2456 และใช้เร่ือยมาจนถึงปัจจุบัน จึงเหมาะสมที่นักเรียนช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 2 ในรายวิชา ปี่พาทย์ 1 ต้องศึกษาและเรียนรู้และสามารถนาไปใช้ในการเรียนปฏิบัติเพลงท่ีมี ทานองที่ยากข้ึนต่อไป
จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 1. นกั เรียนสามารถอธบิ ายประวัติเพลงสรรเสรญิ พระบารมี ได้ 2. นกั เรียนสามารถปฏบิ ตั ิหน้าทับหนา้ ทับเพลงสรรเสรญิ พระบารมี ได้ 3. นกั เรยี นมีต้ังใจในการปฏบิ ตั เิ พลง สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการจดจาประวตั ิเพลงสรรเสริญพระบารมี 2. ความสามารถปฏิบตั ิหน้าทับเพลงเพลงสรรเสรญิ พระบารมี สำระกำรเรยี นรู้ 1. ประวัติเพลงสรรเสรญิ พระบารมี 2. หนา้ ทบั เพลงสรรเสรญิ พระบารมี กิจกรรมกำรเรียนรู้ ข้ันนำ - ครูเปดิ วีดีทศั น์ หรอื สอื่ การเพลงสรรเสรญิ พระบารมี ท่ีใช้วงป่พี าทย์ไมแ้ ขง็ บรรเลงประกอบ ตอ่ จากนนั้ อภปิ รายถึงลักษณะความสาคัญของเพลง ขั้นสอน - ครเู ลา่ ความสาคัญของเน้ือหาใจความสาคัญ เพลงสรรเสรญิ พระบารมี ใหน้ ักเรยี นฟัง - ครอู ธบิ ายใจความสาคัญของหนา้ ทบั เพลงสรรเสรญิ พระบารมี ใหน้ กั เรียนฟัง - ครใู ห้นกั เรยี นฝกึ ปฏบิ ัตติ ามลาดบั เบอ้ื งตน้ - การนัง่ - การวางมือ - จงั หวะ - บุคลิกภาพ - ครูให้นักเรยี นตรวจสอบเครื่องดนตรตี ามมาตรฐานและมีคณุ ภาพ - ครูอธิบายลักษณะของหนา้ ทับเพลงสรรเสรญิ พระบารมี - ครูแจกใบความรู้ เรอ่ื ง เพลงสรรเสริญพระบารมี - ครใู หน้ ักเรียนศกึ ษาใบความรู้ เรือ่ ง เพลงสรรเสรญิ พระบารมี - ครูให้นักเรยี นปฏิบัตติ ามแบบฝกึ หัดหน้าทับเพลงสรรเสรญิ พระบารมี - ครูในนักเรียนบนั ทกึ หนา้ ทับ ลงในสมุดบนั ทกึ หนา้ ทับ - ครใู ห้นักเรยี นฝึกซ้อมจนเกดิ ความชานาญ ข้ันสรปุ - ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ความเปน็ มาของหนา้ ทบั เพลงสรรเสรญิ พระบารมี - ครใู หน้ กั เรียนทบทวนการตีกลองทัดหนา้ เพลงสรรเสรญิ พระบารมี โดยครูเป็นผู้คอยชี้แจงและ แนะนา ส่อื อุปกรณ์ และแหลง่ เรียนรู้ ส่อื กำรเรียนรู้ - คอมพวิ เตอร์ - สอ่ื อนิ เตอรเ์ น็ต - ลานวัฒนธรรมและสถานทีจ่ ัดกิจกรรมตา่ งๆ
- กลองทัด กรบั - ใบความรู้ - แบบฝึกหัดการไล่มอื - โน้ตอกั ษรไทย - ใบงาน แหลง่ กำรเรยี นรู้ - สอื่ อินเตอรเ์ น็ต - ลานวัฒนธรรมและสถานท่จี ดั กจิ กรรมต่างๆ - ห้องสมุดดนตรีของสถาบันต่างๆ - โทรทศั น์ - โรงละครแหง่ ชาติ - แหลง่ ชุมชน - ส่อื วดี ีทัศน์ - สื่อ E-learning ช้ินงำน/ภำระงำน 1. ใหน้ กั เรียนทบทวนนอกเวลาสัปดาห์ละ 3 ช่ัวโมง กำรวดั และประเมินผล 1.วธิ ีกำรวดั ผล 1.1 สังเกตการบรรเลง การตอบคาถาม 2. เครือ่ งมือกำรวัดผล 2.1 แบบสงั เกตเร่ืองหนา้ ทบั เพลงสรรเสริญพระบารมี 3 .เกณฑ์กำรประเมินผล 3.1 นกั เรียนปฏิบัติหนา้ ทับเพลงสรรเสริญพระบารมี ผดิ ได้ไม่เกิน 5 ครั้ง กจิ กรรมเสนอแนะ ศกึ ษาเพิ่มเติมจากสอื่ E-learning หรอื จาก Website https://sites.google.com/site/thaidrummersites200/ https://sites.google.com/site/canghwahnathab/ (นายณฐั เศรษฐ ดาเนนิ ผล) ผสู้ อน
บันทกึ ผลหลังกำรจดั กำรเรียนรู้ ผลกำรจัดกำรเรียนรู้ 1. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. …………………………………………………………………………………………………………………………………… ปัญหำ/อุปสรรค 1. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. …………………………………………………………………………………………………………………………………… แนวทำงไข/ขอ้ เสนอแนะ 1. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. …………………………………………………………………………………………………………………………………… (นายณฐั เศรษฐ ดาเนินผล) ผบู้ นั ทกึ
แผนกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ี่ 7 กลมุ่ สำระกำรเรียนรวู้ ิชำชีพเฉพำะปี่พำทย์ รำยวิชำป่พี ำทย์ 3 รหัสวิชำ ศ 22209 ช้นั มธั ยมศกึ ษำปที ี่ 2 ภำคเรียนที่ 1 ปีกำรศึกษำ 2564 หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ี่ 4 เพลงชำติไทย เวลำ 3 คำบ เรือ่ งหน้ำทบั เพลงชำติไทย เวลำ 3 คำบ ................................................................................................................................................................... มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน 2.2 เขา้ ใจและมีทักษะในการฝึกปฏบิ ตั ิเครอ่ื งดนตรี การบรรเลงเพลงประเภทตา่ ง ๆ ตระหนัก และเห็นคณุ ค่า นามาประยุกต์ใช้ได้อยา่ ง เหมาะสม ตัวชีว้ ัด บอกประวตั เิ พลงในบทเรยี นอธิบายศัพทส์ ังคีตเพลงในบทเรียนปฏิบตั ิเพลงประเภทต่างๆและนาความ รู้ทไี่ ด้รบั ไปใช้ในโอกาสต่างๆได้ สำระสำคญั ธงชาติและเพลงชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย เพ่ือความภูมิใจในเอกราชและความ เสียสละของบรรพบุรุษไทย โปรดยืนตรงเพ่ือเคารพธงชาติ… น้าเสียงเข้มแข็งหนักแน่นยามประกาศให้คนไทย ทกุ คนพร้อมใจกันเคารพธงชาติทุกเชา้ เย็น เราได้ยินจนค้นุ หู และตอ่ ด้วยเพลงชาติไทยท่ีมีเน้อื ร้อง ทานอง ที่ทา ให้ใจของคนไทยรู้สึกฮึกเหิม ตลอดจนภาคภูมิใจในความเป็นไทยที่เป็นประเทศท่ีมีเอกราชมาช้านานโดยเฉพาะ ในยามที่เพลงชาติไทยกระห่ึมในสนามกีฬานานาชาติทุกประเภท ท้ังยามเร่ิมแข่งขันหรือยามที่ได้รับชัยชนะ เพลงชาตทิ ่ีเปิดยามนนั้ คือความภาคภมู ิใจวา่ นแ่ี หละคอื คนไทย นักสูผ้ รู้ ักสงบ ตามประวัติศาสตร์เพลงชาติไทยพบว่า เพลงชาติไทยท่ีเราใช้อยู่ทุกวันน้ีนั้น คนไทยเร่ิมใช้ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2482 นบั มาจนถงึ ปจั จบุ นั ปี พ.ศ. 2559 กย็ งั ไมถ่ งึ 100 ปี ทั้งทีป่ ระเทศไทยเรามีประวัติศาสตร์อันยาวนาน นน่ั แสดงว่า กอ่ นหนา้ น้ัน คนไทยใช้เพลงชาตทิ เ่ี ป็นแบบอ่นื หรืออาจเปน็ ไปได้ว่า กอ่ นปี พ.ศ.2482 ประเทศไทยไม่ เคยมีเพลงชาติมาก่อนความเป็นมาของเพลงชาติไทยจึงเป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนควรได้รู้ จึงเหมาะสมท่ีนักเรียน ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ในรายวชิ า ป่ีพาทย์ 1 ตอ้ งศกึ ษาและเรยี นรู้และสามารถนาไปใช้ในการเรียนปฏิบตั ิเพลงที่ มีทานองทยี่ ากขนึ้ ต่อไป จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 1. นักเรียนสามารถอธิบายประวัติเพลงชาติไทย ได้ 2. นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั ิหน้าทบั เพลงชาติไทย ได้ 3. นักเรยี นมตี ้งั ใจในการปฏิบตั เิ พลง สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 1. ความสามารถในการจดจาประวัติเพลงชาติไทย 2. ความสามารถปฏิบตั ิหน้าทับเพลงเพลงชาติไทย สำระกำรเรยี นรู้ 1. ประวตั ิเพลงชาติไทย 2. หนา้ ทบั เพลงชาติไทย กจิ กรรมกำรเรียนรู้
ขน้ั นำ - ครเู ปิดวีดีทัศน์ หรือสือ่ การบรรเลงเพลงชาตไิ ทย ทีใ่ ชว้ งป่ีพาทย์บรรเลงประกอบ ต่อจากน้นั อภิปรายถงึ ลักษณะความสาคัญของเพลง ขนั้ สอน - ครูเลา่ ความสาคญั ของเน้ือหาใจความสาคญั เพลงชาตไิ ทย ให้นกั เรยี นฟัง - ครอู ธบิ ายใจความสาคัญของหนา้ ทับเพลงชาติไทย ใหน้ ักเรยี นฟัง - ครูให้นกั เรยี นฝกึ ปฏิบตั ิตามลาดบั เบอื้ งตน้ - การนง่ั - การวางมือ - จังหวะ - บคุ ลกิ ภาพ - ครใู ห้นกั เรียนตรวจสอบเครอื่ งดนตรตี ามมาตรฐานและมีคณุ ภาพ - ครอู ธบิ ายลักษณะของหน้าทับเพลงชาตไิ ทย - ครูแจกใบความรู้ เรอื่ ง เพลงชาติไทย - ครูใหน้ ักเรียนศึกษาใบความรู้ เร่ือง เพลงชาตไิ ทย - ครูใหน้ ักเรยี นปฏบิ ัติตามแบบฝึกหัดหน้าทบั เพลงชาตไิ ทย - ครูในนักเรียนบันทกึ หน้าทบั ลงในสมุดบนั ทกึ หน้าทับ - ครใู หน้ กั เรยี นฝกึ ซ้อมจนเกดิ ความชานาญ ข้นั สรปุ - ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปความเปน็ มาของหน้าทบั เพลงชาติไทย - ครใู ห้นักเรียนทบทวนการตีกลองทัดหน้าเพลงชาติไทย โดยครเู ป็นผ้คู อยชแ้ี จงและแนะนา สอื่ อปุ กรณ์ และแหล่งเรยี นรู้ ส่ือกำรเรียนรู้ - คอมพิวเตอร์ - สอื่ อนิ เตอรเ์ นต็ - ลานวัฒนธรรมและสถานทีจ่ ดั กิจกรรมตา่ งๆ - กลองทัด กรบั - ใบความรู้ - แบบฝึกหดั การไล่มอื - โน้ตอักษรไทย - ใบงาน แหล่งกำรเรยี นรู้ - สอ่ื อนิ เตอรเ์ น็ต - ลานวัฒนธรรมและสถานทจี่ ัดกิจกรรมต่างๆ - หอ้ งสมดุ ดนตรีของสถาบนั ตา่ งๆ - โทรทศั น์ - โรงละครแห่งชาติ - แหล่งชุมชน - ส่ือวีดีทศั น์
- ส่ือ E-learning ชนิ้ งำน/ภำระงำน 1. ใหน้ กั เรยี นทบทวนนอกเวลาสัปดาหล์ ะ 3 ชัว่ โมง กำรวัดและประเมนิ ผล 1.วธิ ีกำรวัดผล 1.1 สงั เกตการบรรเลง การตอบคาถาม 2. เครือ่ งมือกำรวัดผล 2.1 แบบสงั เกตเร่ืองหน้าทับเพลงชาตไิ ทย 3 .เกณฑก์ ำรประเมนิ ผล 3.1 นักเรียนปฏบิ ัติหน้าทับเพลงชาติไทย ผดิ ได้ไมเ่ กิน 5 ครัง้ กจิ กรรมเสนอแนะ ศึกษาเพ่มิ เติมจากสื่อ E-learning หรอื จาก Website https://sites.google.com/site/thaidrummersites200/ https://sites.google.com/site/canghwahnathab/ (นายณฐั เศรษฐ ดาเนนิ ผล) ผสู้ อน
บนั ทกึ ผลหลงั กำรจัดกำรเรยี นรู้ ผลกำรจดั กำรเรียนรู้ 1. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. …………………………………………………………………………………………………………………………………… ปญั หำ/อุปสรรค 1. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. …………………………………………………………………………………………………………………………………… แนวทำงไข/ข้อเสนอแนะ 1. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. …………………………………………………………………………………………………………………………………… (นายณฐั เศรษฐ ดาเนนิ ผล) ผบู้ นั ทกึ
แผนกำรจัดกำรเรียนร้ทู ี่ 8 กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้วิชำชีพเฉพำะปพ่ี ำทย์ รำยวชิ ำป่ีพำทย์ 3 รหัสวิชำ ศ 22209 ช้นั มธั ยมศกึ ษำปที ่ี 2 ภำคเรียนท่ี 1 ปีกำรศึกษำ 2564 หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ่ี 5 โหมโรงเยน็ เวลำ 120 คำบ เรื่องหนำ้ ทบั เพลง สำธกุ ำร เวลำ 72 คำบ ................................................................................................................................................................... มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน 2.2 เข้าใจและมที ักษะในการฝกึ ปฏิบตั ิเคร่ืองดนตรี การบรรเลงเพลงประเภทต่าง ๆ ตระหนัก และเห็นคุณค่า นามาประยุกต์ใช้ได้อยา่ ง เหมาะสม ตัวช้วี ัด บอกประวัติเพลงในบทเรียนอธบิ ายศพั ทส์ งั คตี เพลงในบทเรียนปฏิบัตเิ พลงประเภทต่างๆและ นาความรู้ท่ีได้รับไปใช้ในโอกาสตา่ งๆได้ สำระสำคญั โหมโรงเย็น เป็นเพลงประเภทหน่ึงท่ีคณาจารย์ได้นาเพลงหลาย ๆ เพลง มาบรรเลงติดต่อกันเป็นชุด ใช้บรรเลงเป็นอันดับแรกของงาน แต่ละเพลงเป็นเพลงหน้าพาทย์ท่ีใช้ประกอบกิริยาอัญเชิญ และคารวะ อันมี ความหมายทัง้ สน้ิ แต่เดิมมชี ุดโหมโรงเย็น และโหมโรงเช้า ใช้บรรเลงประกอบในงานพิธีอันเป็นมงคล เช่น งาน ทาบญุ ข้นึ บ้านใหม่ งานโกนจุก งานบวชนาค หรอื งานท่เี กี่ยวขอ้ งกบั ศาสนา เปน็ ต้น ประเพณีไทยในอดีต เมื่อจะจัดงานอันเป็นมงคลนิยมหาวงปี่พาทย์มาบรรเลงประกอบงานพิธี และ เพลงที่วงปี่พาทย์จะบรรเลงเป็นอันดับแรกก็คือ เพลงชุดโหมโรง ถ้าเป็นงานเริ่มในตอนเย็น วงป่ีพาทย์ก็จะ บรรเลงเพลงชุดโรงเย็น ถ้าเริ่มในตอนเช้าก็จะเป็นเพลงชุดโหมโรงเช้า ซึ่งมีความหมายสาคัญอยู่ หลายประการ คือ - เพอ่ื บูชาพระรัตนตรยั และเป็นการอญั เชิญเทพยดาสิ่งศกั ดส์ิ ิทธิม์ าชุมนุมเพ่ือความเป็นสิรมิ งคลแก่พิธี นนั้ ๆ - เพื่อประกาศให้คนท่ัวไปในบริเวณงานพธิ ีทราบวา่ กาลังจะเริม่ งาน หรอื มกี ารแสดง - เพื่อเป็นการเตรยี มความพรอ้ มของนักดนตรี และตรวจสอบเคร่ืองดนตรกี ่อนการแสดงจริง - เพอ่ื เปน็ การราลึกถึงครบู าอาจารยท์ ีป่ ระสทิ ธปิ์ ระสาทวชิ าความรู้ - เพื่อเป็นการสง่ ตน้ เสยี งใหก้ ับนักร้องของวงในการขับรอ้ ง เพลงสาธุการ เป็นเพลงหน้าพาทยช์ ั้นสูง มีความหมายของเพลงเพื่อแสดงการน้อมไหวแ้ ละเคารพบชู า เป็นเพลงประกอบพิธีกรรมที่เก่ียวข้องกับพระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์ มีบทบาทสาคัญทั้งในงานพระ ราชพธิ แี ละพิธขี องประชาชนทั่วไป ในวฒั นธรรมดนตรขี องไทย ใช้เพลงสาธกุ ารเป็นเพลงแรก ฝกึ หดั ฆอ้ งวงใหญ่ ก่อนที่จะเรียนเพลงอื่น ๆ โดยผู้เรียนจะต้องผ่านการครอบหรือยกครู ทานองทางฆ้องเพลงสาธุการเป็นลูกฆ้อง อิสระที่เอื้ออานวยให้นักดนตรี แสดงภูมิปัญหา สร้างสรรค์ พัฒนาทานองและการใช้มือฆ้อง ทาให้เพลงนี้มีทาง เพลงมากมายในปัจจุบัน เพลงสาธุการเปน็ เพลงที่มรี ูปแบบและทานองทางฆ้องกาหนดไว้อย่างมีกฎเกณฑ์ คือสว่ นท่เี ป็นประโยค นา 1 ประโยค ส่วนท่ีเป็นเนื้อทานอง 54 ประโยค เน้ือทานองแบ่งเป็นเท่ียวแรกและเที่ยวหลัง มีลักษณะ รปู แบบ ABAC ทานองเที่ยวแรกเร่ิมจาก รปู แบบ A ถงึ B เทีย่ วหลังยอ้ นซา้ ทานองท่ีรูปแบบ A แล้วแยกทานอง ไปยังรูปแบบ C ซ่ึงมีช่ือเรียกเฉพาะว่า สาธุการเที่ยวน้อยหรือพระเจ้าเปิดโลก ส่วนระดับเสียงลูกตกมี 6 เสียง คอื เสียงเร มี ฟา ซอล ลา และที
เพลงสาธุการกากับจังหวะด้วยหน้าทับสาธุการ จัดเป็นหน้าทับเฉพาะ กาหนดชุดของทานองออกเป็น ท่า ท่าหนึ่งแบ่งเป็น 4 ตอน แต่ละตอนจะมีความยาวเท่ากับ 4 จังหวะหน้าทับปรบไก่ หรือ 4 ประโยคเพลง การกากับหน้าทับเริ่มด้วยเสียงตะโพนนา จากน้ันจึงเป็นทานองดนตรี ใช้หน้าทับกากับทานอง 3 ท่า แล้วออก ตอนท่ี 1 ลงจบด้วยสองจังหวะท้ายของตอนท่ี 4 สาหรับทานองทางฆ้องเพลงสาธุการในตาแหน่งเดียวกันและ ในตาแหน่งอ่ืนซึ่งมีระดับเสียงลูกตกเดียวกัน มีความหลากหลายในการดาเนินทานองและการใช้มือฆ้อง จึง เหมาะสมที่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 ในรายวิชา ป่ีพาทย์ 1 ต้องศึกษาและเรียนรู้และสามารถนาไปใช้ใน การเรียนปฏบิ ัตเิ พลงท่ีมที านองท่ยี ากขนึ้ ตอ่ ไป จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ 1. นกั เรยี นสามารถอธิบายประวัติหนา้ ทบั เพลง สาธุการได้ 2. นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั ิหน้าทบั เพลง สาธุการได้ 3. นกั เรียนมีต้งั ใจในการปฏบิ ัติเพลง สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 1. ความสามารถในการจดจาประวัติหนา้ ทบั เพลง สาธุการ 2. ความสามารถปฏบิ ตั ิหนา้ ทับเพลง สาธกุ าร สำระกำรเรยี นรู้ 1. ประวัตหิ นา้ ทบั เพลง สาธุการ 2. หน้าทับเพลง สาธุการ กจิ กรรมกำรเรียนรู้ ข้นั นำ - ครเู ปดิ วีดีทัศน์ หรอื สือ่ การแสดง เพลงสาธุการ ท่ใี ช้วงปี่พาทย์ไมแ้ ขง็ บรรเลงประกอบ ตอ่ จากนนั้ อภิปรายถึงลักษณะความสาคัญของเพลง ขนั้ สอน - ครเู ลา่ ความสาคญั ของเน้ือหาใจความสาคญั เพลงสาธุการให้นักเรยี นฟัง - ครูให้นักเรียนตรวจสอบเคร่ืองดนตรีและติดข้าวสุกเพื่อถ่วงเสียงตะโพนให้ได้เสียงตาม มาตรฐานและมีคุณภาพ - ครูให้นักเรียนตีมือสลับกันซ้ายขวาบนด้านบนของตะโพนท้ังสองมือเพ่ือสร้างกาลังก่อนตี ตะโพน - ครใู ห้นักเรียนไลเ่ สยี งตะโพนไทยเบ้อื งตน้ 4 เสียง คือ ตงิ ตบุ๊ เทง่ ถะ - ครใู หไ้ ล่เสียงพื้นฐานเพม่ิ อีก 3 เสียง คอื ป๊ะ พรงึ เพลิง - ครใู ห้นกั เรยี นฝึกการตตี ะโพนการไล่เสยี ง แบบที่ 1 - ครแู จกใบความรู้ เรือ่ ง การบรรเลงตะโพนกลองทัด สาธุการ - ครใู ห้นักเรยี นฝึกการตีตะโพนการไล่เสียง แบบที่ 2 - ครูอธิบายลกั ษณะของหน้าทบั ตระโพนเพลงสาธกุ าร ให้นักเรยี นฟงั - ครใู ห้นักศึกษาศึกษาใบความรู้ เพลงสาธุการ - ครูเร่มิ ตอ่ หน้าทบั ตะโพน เพลงสาธุการ - ครใู ห้นักเรยี นฝกึ ซ้อม โดยใช้วธิ ีเพื่อนชว่ ยเพื่อน โดยอย่ใู นการแนะนาของครู - ครใู นนกั เรียนบนั ทกึ หน้าทบั ลงในสมุดบันทึกหนา้ ทบั - ครใู ห้นักเรยี นฝกึ ซอ้ มจนเกิดความชานาญ
ข้นั สรุป - ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรุปความเปน็ มาของหนา้ ทบั ตะโพน เพลงสาธุการ - ครูใหน้ กั เรียนทบทวนการตีตะโพนหนา้ ทับ เพลงสาธกุ าร โดยครูเป็นผู้คอยช้ีแจงและ แนะนา ส่อื อปุ กรณ์ และแหล่งเรยี นรู้ สอื่ กำรเรียนรู้ - คอมพวิ เตอร์ - สื่อ อนิ เตอรเ์ นต็ - ลานวฒั นธรรมและสถานทจ่ี ัดกจิ กรรมตา่ งๆ - ตะโพน กรับ - ใบความรู้ - แบบฝึกหัดการไล่มือ - โนต้ อกั ษรไทย - ใบงาน แหลง่ กำรเรียนรู้ - สื่อ อินเตอร์เน็ต - ลานวฒั นธรรมและสถานทีจ่ ัดกจิ กรรมตา่ งๆ - หอ้ งสมดุ ดนตรีของสถาบันตา่ งๆ - โทรทศั น์ - โรงละครแหง่ ชาติ - แหลง่ ชุมชน - สอ่ื วีดีทศั น์ - สื่อ E-learning ชิ้นงำน/ภำระงำน 1. ใหน้ กั เรียนทบทวนนอกเวลาสัปดาหล์ ะ 3 ชัว่ โมง กำรวัดและประเมนิ ผล 1.วธิ กี ำรวดั ผล 1.1 สังเกตการบรรเลง การตอบคาถาม 2. เคร่ืองมือกำรวดั ผล 2.1 แบบสงั เกตเร่ืองหน้าทบั เพลงสาธุการ 3 .เกณฑ์กำรประเมินผล 3.1 นกั เรยี นปฏิบตั ิหนา้ ทับเพลงสาธุการ ผิดได้ไม่เกนิ 5 ครัง้ กจิ กรรมเสนอแนะ ศกึ ษาเพิ่มเตมิ จากสอ่ื E-learning หรือจาก Website https://sites.google.com/site/thaidrummersites200/ https://sites.google.com/site/canghwahnathab/ (นายณฐั เศรษฐ ดาเนนิ ผล) ผสู้ อน
บนั ทกึ ผลหลังกำรจดั กำรเรยี นรู้ ผลกำรจดั กำรเรยี นรู้ 1. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. …………………………………………………………………………………………………………………………………… ปญั หำ/อุปสรรค 1. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. …………………………………………………………………………………………………………………………………… แนวทำงไข/ขอ้ เสนอแนะ 1. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. …………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. …………………………………………………………………………………………………………………………………… (นายณฐั เศรษฐ ดาเนนิ ผล) ผบู้ นั ทกึ
แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี 9 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรวู้ ิชำชพี เฉพำะป่พี ำทย์ รำยวิชำปพ่ี ำทย์ 3 รหัสวิชำ ศ 22209 ชัน้ มัธยมศึกษำปีที่ 2 ภำคเรยี นที่ 1 ปกี ำรศึกษำ 2564 หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ 5 โหมโรงเยน็ เวลำ 120 คำบ เรอ่ื งหนำ้ ทับเพลง รัวสำมลำ เวลำ 18 คำบ ................................................................................................................................................................... มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ มาตรฐาน 2.2 เข้าใจและมีทักษะในการฝึกปฏบิ ตั เิ ครื่องดนตรี การบรรเลงเพลงประเภทต่าง ๆ ตระหนัก และเหน็ คุณค่า นามาประยุกต์ใช้ได้อยา่ ง เหมาะสม ตัวชว้ี ดั บอกประวัตเิ พลงในบทเรยี นอธบิ ายศพั ท์สงั คีตเพลงในบทเรียนปฏบิ ัติเพลงประเภทต่างๆและ นาความรู้ทไี่ ดร้ ับไปใชใ้ นโอกาสตา่ งๆได้ สำระสำคัญ โหมโรงเย็น เป็นเพลงประเภทหน่ึงท่ีคณาจารย์ได้นาเพลงหลาย ๆ เพลง มาบรรเลงติดต่อกันเป็นชุด ใช้บรรเลงเป็นอันดับแรกของงาน แต่ละเพลงเป็นเพลงหน้าพาทย์ท่ีใช้ประกอบกิริยาอัญเชิญ และคารวะ อันมี ความหมายทงั้ ส้ิน แตเ่ ดิมมีชุดโหมโรงเย็น และโหมโรงเช้า ใช้บรรเลงประกอบในงานพธิ ีอันเปน็ มงคล เชน่ งาน ทาบุญขนึ้ บา้ นใหม่ งานโกนจกุ งานบวชนาค หรอื งานทเี่ กี่ยวข้องกับศาสนา เปน็ ตน้ ประเพณีไทยในอดีต เมื่อจะจัดงานอันเป็นมงคลนิยมหาวงปี่พาทย์มาบรรเลงประกอบงานพิธี และ เพลงที่วงป่ีพาทย์จะบรรเลงเป็นอันดับแรกก็คือ เพลงชุดโหมโรง ถ้าเป็นงานเริ่มในตอนเย็น วงป่ีพาทย์ก็จะ บรรเลงเพลงชุดโรงเยน็ ถ้าเริ่มในตอนเช้าก็จะเป็นเพลงชดุ โหมโรงเช้า ซ่ึงมีความหมายสาคัญอยู่ หลายประการ คือ - เพื่อบชู าพระรัตนตรัย และเปน็ การอญั เชิญเทพยดาสิง่ ศกั ดิส์ ิทธิม์ าชุมนุมเพ่ือความเป็นสิริมงคลแก่พิธี น้นั ๆ - เพ่ือประกาศใหค้ นท่ัวไปในบริเวณงานพธิ ีทราบวา่ กาลงั จะเรมิ่ งาน หรือมกี ารแสดง - เพ่ือเป็นการเตรยี มความพรอ้ มของนักดนตรี และตรวจสอบเครอื่ งดนตรีกอ่ นการแสดงจริง - เพื่อเป็นการราลกึ ถงึ ครูบาอาจารย์ท่ีประสทิ ธป์ิ ระสาทวชิ าความรู้ - เพ่อื เปน็ การสง่ ต้นเสียงให้กับนักร้องของวงในการขับร้อง เพลงรัวสามลา คาว่า ลา ในคาศัพทส์ งั คตี หมายถงึ วา่ จบหรอื ครั้ง ฉะน้นั 3 ลาจงึ หมายถงึ 3 คร้ัง ซ่งึ ใช้ เป็นเพลงประกอบกิริยาแสดงอิทธิฤทธิ์ แต่ในที่น้ีจะหมายถึงการกราบ 3 ครั้ง หรือแทนการกล่าวคาถา ธัมมัส สะวะนะกาโล อะยัพภะทันตา…ในท้ายชุมนุมเทวดาซา้ เป็น 3 ครงั้ จงึ เหมาะสมทีน่ ักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ในรายวิชา ปี่พาทย์ 3 ต้องศึกษาและเรียนรู้และสามารถนาไปใช้ในการเรียนปฏิบัติเพลงที่มีทานองท่ียากข้ึน ต่อไป จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ 1. นกั เรียนสามารถอธิบายประวัติหนา้ ทับเพลงรัวสามลาได้ 2. นกั เรยี นสามารถปฏิบัติหน้าทับเพลงรัวสามลาได้ 3. นกั เรยี นมตี ้ังใจในการปฏบิ ัติเพลง สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการจดจาประวัติหน้าทบั เพลงรวั สามลา
2. ความสามารถปฏบิ ตั หิ น้าทับเพลงรวั สามลา สำระกำรเรียนรู้ 1. ประวตั ิหน้าทับเพลงรัวสามลา 2. หน้าทบั เพลงรวั สามลา กิจกรรมกำรเรียนรู้ ข้ันนำ - ครูเปดิ วดี ีทศั น์การบรรเลง หรอื ส่ือการแสดงเพลงรัวสามลาทใ่ี ช้วงปีพ่ าทย์ไมแ้ ข็งบรรเลง ประกอบ ต่อจากนน้ั อภิปรายถงึ ลักษณะความสาคัญของเพลง ขนั้ สอน - ครูเล่าความสาคญั ของเน้ือหาใจความสาคญั เพลงรวั สามลา ให้นักเรยี นฟัง - ครูให้นักเรียนตรวจสอบเครื่องดนตรีและติดข้าวสุกเพ่ือถ่วงเสียงตะโพนให้ได้เสียงตาม มาตรฐานและมคี ุณภาพ - ครูให้นักเรียนตีมือสลับกันซ้ายขวาบนด้านบนของตะโพนท้ังสองมือเพ่ือสร้างกาลังก่อนตี ตะโพน - ครูใหน้ ักเรยี นไลเ่ สยี งตะโพนไทยเบ้ืองต้น 4 เสียง คอื ตงิ ตุ๊บ เท่ง ถะ - ครูใหไ้ ลเ่ สียงพนื้ ฐานเพิ่ม อกี 3 เสียง คือ ป๊ะ พรงึ เพลงิ - ครใู หน้ ักเรยี นฝึกการตีตะโพนการไล่เสยี ง แบบที่ 1 - ครแู จกใบความรู้ เรอื่ ง การบรรเลงตะโพนกลองทัดเพลงรัวสามลา - ครูให้นกั เรยี นฝึกการตีตะโพนการไล่เสยี ง แบบท่ี 2 - ครอู ธบิ ายลักษณะของหนา้ ทับตะโพนกลองทดั เพลงรัวสามลาให้นักเรียนฟงั - ครูให้นักศึกษาศึกษาใบความรู้ เพลงรัวสามลา - ครูเรมิ่ ตอ่ หนา้ ทับตะโพนกลองทดั เพลงรวั สามลา - ครใู ห้นกั เรยี นฝึกซ้อม โดยใช้วธิ ีเพือ่ นช่วยเพื่อน โดยอยู่ในการแนะนาของครู - ครใู นนกั เรยี นบนั ทึกหนา้ ทบั ลงในสมุดบนั ทกึ หน้าทับ - ครใู ห้นกั เรยี นฝึกซ้อมจนเกิดความชานาญ ขั้นสรุป - ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรปุ ความเป็นมาของหนา้ ทบั ตะโพนกลองทดั เพลงรัวสามลา - ครใู ห้นักเรียนทบทวนการตีตะโพนหน้าทบั ตะโพนกลองทัดเพลงรวั สามลา โดยครูเป็นผู้ คอยช้แี จงและแนะนา ส่อื อุปกรณ์ และแหล่งเรียนรู้ ส่อื กำรเรยี นรู้ - คอมพิวเตอร์ - ส่อื อนิ เตอร์เน็ต - ลานวัฒนธรรมและสถานทจี่ ัดกจิ กรรมต่างๆ - ตะโพน กลองทัด กรับ - ใบความรู้ - แบบฝึกหดั การไลม่ อื - โน้ตอกั ษรไทย - ใบงาน
Search