คํานาํ รายงานการวิจัยในช้ันเรียนเลมน้ีจัดทําข้ึนเพ่ือแสดงรายละเอียดการดําเนินงานของกระบวนการพัฒนาประสิทธิภาพการเรียนรูเพ่ือเสริมสรางนักเรียนใหมีความรูความสามารถในการทาํ โปรแกรมกราฟก และเพื่อเพ่ิมประสทิ ธภิ าพของการเรียนรู ดว ยเหตุทวี่ า นกั เรียนในความรบั ผิดชอบยังมผี ลการเรียนรแู ละความทักษะการทาํ โปรแกรมกราฟกยังไมเปนไปตามเปาหมายท่ีสถานศึกษากําหนด รวมทั้งมีผลกระทบตอการเรียนรใู นรายวชิ าน้ี รายละเอียดของเอกสารเลม นี้ ประกอบดวยที่มาของปญหา คาํ ถามการวจิ ัยจุดประสงค ประโยชน กลุมเปาหมาย เคร่ืองมือในการฝก วิธีดําเนินการ วิเคราะหขอมูล การสะทอนผลและขอเสนอแนะ รวมท้ังเอกสาร หลักฐานท่ีเปนผลจากการดาํ เนนิ งานการเรยี นการสอน นายพงศธ ร เปงวงศ ผูจัดทาํ วจิ ยั
สารบญั หนาบทที่ 1 บทนาํ 1วัตถุประสงคของการวจิ ยั 2สมมุตฐิ าน 2ขอบเขตการดําเนนิ งาน 2ระยะเวลาในการทําวิจยั 2ประโยชนท ีค่ าดวาจะไดรับ 3นยิ ามศัพท 3บทที่ 2 เอกสารท่เี กี่ยวขอ ง 4บทท่ี 3 วธิ ดี าํ เนนิ การวจิ ยั 7เครอื่ งมือทีใ่ ชใ นการวจิ ัย 7การเกบ็ รวบรวมขอมลู 7การวิเคราะหขอมลู 8บทที่ 4 ผลการวเิ คราะหขอมูล 9บทท่ี 5 สรปุ ผลการวิจัย อภิปรายผล และขอ เสนอแนะ 10ภาคผนวก ภาค ก แบบประเมนิ การปฏิสมั พันธในการเรยี นในรายวชิ าโปรแกรมกราฟก ภาค ข ภาพการดาํ เนนิ การ
1ชอ่ื งานวจิ ัย การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรยี นระดับชน้ั ม.๕ โรงเรียนราชประชานเุ คราะห ๓๑ในรายวชิ าโปรแกรมกราฟก โดยการปรับเปล่ียนวธิ สี อนแบบสรางแรงจงู ใจ เพ่อื ใหเกิดปฏิสัมพันธในการเรียนชอ่ื ผูวิจัย นายพงศธร เปงวงศกลมุ สาระการเรยี นรู การงานอาชพี และเทคโนโลยี (คอมพวิ เตอร) บทท่ี 1 บทนํา 1.1 ความเปนมาและความสําคัญของปญหา การเรียนการสอนในภาคปฏิบัติ ผูเรียนตองมีทั้งความรู ความเขาใจ และการนําไปใชเพ่ือนําไปพัฒนาใหเกิดเปนทักษะในการเรียนรูข้ึน ดังน้ันในกระบวนการเรียนการสอน ผูสอนจึงตองสรางแรงจูงใจตาง ๆ เพื่อใหผูเรียนไดเกิดปฏิสัมพันธภายในชั้นเรียน และจะทําใหเกิดการพัฒนาพุทธิพิสัย ทักษะพิสัย อันจะสงผลตอเน่ืองไปถึงผลสัมฤทธิ์ของผูเรียนท่ีดีขึ้น แตปญหาที่พบในการเรียนการสอนในปจจุบัน ผูเรียนขาดความเอาใจใสในการเรียน ไมคอยมีปฏิสัมพันธในชั้นเรียน จึงทําใหผูเรียนไมไดเกิดการพัฒนาในดานตาง ๆ อยางที่ควรจะเปน และทําใหผูสอนไมสามารถทจี่ ะประเมินผลดา นการเรยี นของผูเรียนไดอ ยางชัดเจน จากสภาพปญหาที่เกิดข้ึนทําใหผูวิจัยหาเคร่ืองมือในการสรางแรงจูงใจเพื่อท่ีจะกระตนุ ใหผ ูเ รียนไดมปี ฏสิ ัมพันธใหมากขน้ึ ภายในชั้นเรยี นเพือ่ ทจี่ ะชว ยใหผเู รยี นไดมีการพัฒนาตนเองและกาวไปสูการเรียนรูอยางมีประสิทธิภาพ อีกท้ังยังชวยใหผูเรียนไดมีผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นที่ดีขนึ้ ตามทฤษฎจี งู ใจของมาสโลว Maslow’s (อางใน สวุ มิล แมนจรงิ , 2546 : 148-149) ได อธิบายวา บุคคลตาง ๆ จะถูกกระตุนหรือถูกผลักดันเนื่องจากความตองการบางสิ่งบางอยาง ณ เวลา ใดเวลาหนึ่ง ซงมาสโลวไดแบงความตองการของมนุษยออกเปน ลาํ ดบั ขน้ั ทง้ั หมด 5 ขั้นตอน คือ
2 ความ 5 ความ ตอ งการ สาํ เร็จ ประสบความ ในชีวติ สําเรจ็ ความตองการ 4 ช่ือเสยี งเกียรตยิ ศ การยกยอ ง การยกยอง ความตอ งการดานสังคม 3 ความรกั การยอมรับ มสี วนรวมความตอ งการความปลอดภยั 2 ความปลอดภัย ความมนั่ คง ความตองการขน้ั พืน้ ฐาน ความคุม ครอง 1 อาหาร ทอ่ี ยอู าศยั เครือ่ งนงุ หม ยารกั ษาโรคภาพท่ี 5 แสดงลําดับข้นั ความตองการของมาสโลว ทม่ี า : สวุ มิ ล แมนจริง, (2546 : 148)1.2 วัตถปุ ระสงคข องการวิจยั 1. เพอื่ สรางแรงจูงใจใหผ เู รยี นเกดิ ปฏสิ ัมพนั ธภ ายในชนั้ เรียน 2. เพือ่ พัฒนาเคร่ืองมือในการสรา งแรงจูงใจ 3. เพือ่ ชว ยใหผูเ รยี นมีผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนที่ดีข้นึ1.3 สมมตุ ิฐาน ประชากรในการวจิ ยั ครั้งน้ีไดแ กนกั เรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปที่ 5 โรงเรยี นราชประชานุเคราะห ๓๑ มผี ลสัมฤทธใิ์ นระดบั ดีขน้ึ ไป1.4 ขอบเขตการดาํ เนนิ งาน นกั เรียนชัน้ มัธยมศึกษาปท่ี 5 โรงเรียนราชประชานุเคราะห ๓๑ ในรายวิชาโปรแกรมกราฟก จํานวน 20 คน1.5 ระยะเวลาในการทาํ วจิ ยั 1 ตลุ าคม 2560 – 30 มกราคมคม 2561 ปก ารศกึ ษา 2560
31.6 ประโยชนท่ีคาดวาจะไดร บั 1. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาช้ันปที่ 5 รายวิชาโปรแกรมกราฟก จํานวน 20คน มผี ลสัมฤทธ์ใิ นทางทพ่ี ฒั นาดีย่งิ ข้นึ 2. นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาช้ันปท่ี 5 รายวิชาโปรแกรมกราฟก จํานวน 20คน มีความสัมพันธที่ดตี อกันมีผลการเรียนท่ดี ีขน้ึ1.7 นิยามศพั ท นักเรียน หมายถงึ นักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาชั้นปท ่ี 5 รายวิชาโปรแกรมกราฟกจาํ นวน 20 คน
4 บทที่ 2 เอกสารทเี่ กย่ี วของ ในการจดั ทาํ วิจยั การพัฒนาผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น ของนักเรียนระดับช้นั ม.๕โรงเรียนราชประชานเุ คราะห ๓๑ในรายวชิ าโปรแกรมกราฟก โดยการปรับเปลยี่ นวธิ ีสอนแบบสรางแรงจงู ใจ เพอื่ ใหเ กดิ ปฏิสัมพนั ธใ นการเรยี นไดศ ึกษาคนควา เก่ียวกับเรอื่ งตา ง ๆดงั น้ี 1. ทกั ษะกระบวนการคดิ 2. แบบฝก เสรมิ ทกั ษะ 3. หลกั สตู ร 4. การวัดผลและประเมินผล ทักษะกระบวนการคิด เปน เร่อื งที่สาํ คญั อยา งยงิ่ ในการศึกษาวัยเด็กเปน วยั ท่ีสมองกาํ ลงั เจริญเตบิ โตอยางรวดเรว็ จงึ ควรไดร ับการพัฒนาอยางถกู ตอ งและจริงจงัเพ่ือใหเด็กมีพัฒนาการอยา งเตม็ ศกั ยภาพเด็กควรไดร บั การพฒั นาสมองเร่อื งความคดิ โดยอาศัยปจ จยั หลายดา นมากระตนุ เชน สภาพแวดลอ ม กจิ กรรมการจดั การเรยี นรทู ีห่ ลากหลายสอื่ การสอนการวดั ผลและประเมินผล หากเดก็ ไดร ับการพัฒนาท่ไี มถกู ตอ งเหมาะสมจะทาํ ใหสมองไมสามารถพฒั นาไดเตม็ ตามศักยภาพดว ยเหตุน้คี รูผสู อนควรไดท ราบถึงทฤษฎหี ลกั การและแนวคิดท่เี ก่ยี วกับการคิดและการสอนเพ่ือพฒั นาทักษะกระบวนการคิดซง่ึ มรี ูปแบบการจัดกระบวนการเรยี นรทู ่ีเนนผเู รยี นเปนสําคญั เพอ่ื ฝก เสริมทกั ษะใหนักเรยี นไดพฒั นาและเกดิ กระบวนการคิดซงึ่ เผยแพรโ ดยสํานักงานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา (2550) ไดแก 1. การจัดการเรยี นรูแบบสงเสริมความคดิ สรา งสรรค 2. การจดั การเรียนรแู บบบรู ณาการสพู หปุ ญ ญา 3. การจัดการเรียนรแู บบโครงงาน 4. การจัดการเรยี นรจู ากแหลง เรยี นรู
5 5. การจดั การเรยี นรแู บบใชปญ หาเปน ฐาน 6. การจดั การเรยี นรแู บบประสบการณและเนนการปฏิบตั ิ 7. การจดั การเรียนรแู บบกระบวนการแกปญ หา 8. การจดั การเรียนรูแบบสรางองคความรู 9. การจัดการเรียนรูแ บบพัฒนากระบวนการคดิ ดวยการใชค ําถามหมวก 6 ใบ สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน (2547) ไดจัดประมวลความรูเก่ียวกับ การสอนพัฒนาทักษะกระบวนการคิด และสื่อประเภทพัฒนาทักษะกระบวนการคิด วาควรใหนักเรียนไดลงมือปฏิบัติจริง ไดแกการสังเกต การเปรียบเทียบ การตั้งคําถาม การคาดคะเนการสรุปการนําไปประยุกตซึ่งสอดคลองกับแนวคิดของกานิเย( Gagne,1974) ท่เี ปนลกั ษณะกระบวนการโดยเร่มิ ตนจากสัญลกั ษณทางภาษาจนกระท่ังสามารถโยงเปนความคิดรวบยอดเปนกฎเกณฑและการท่ีจะนํากฎเกณฑไปใชการพัฒนาทักษะกระบวนการคิดในข้ันพื้นฐานนี้ ขึ้นอยูกับกิจกรรมการจัดการเรียนการสอนโดยกระตุนใหผูเรียนไดผานข้นั ตอนยอ ยทกุ ขั้นตอนเชนเดียวกบั ทศินา แขมมณี และคณะ (2544) ไดอธิบายเกี่ยวกับการคิดวาเกิดจากการสังเกต การอธบิ าย การรับฟง การเชือ่ มโยงความสมั พนั ธ การวจิ ารณ และการสรุป การจัดการเรียนรูแบบพัฒนาทักษะกระบวนการคิดดวยการใชคําถามซึ่งเผยแพรโ ดยสาํ นักงานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา (2550) ไดใ หเทคนิค “ Six thinkinghats ” เพอื่ ใหช วยจัดระเบียบการคดิ ทาํ ใหการคดิ มปี ระสทิ ธภิ าพมากยิง่ ขึ้น และในปจจุบนั วธิ กี ารดังกลาวน้ไี ดม ีการนาํ ไปใช และเผยแพรอ ยา งกวางขวางโดยหมวกแตละใบไดนําเสนอทางเลือกที่เปนไปไดตามมมุ มองตาง ๆ ของปญหาโดยวิธีการสวมหมวกทลี ะใบในแตละครั้ง เพ่ือพลังของการคิดจะไดมุงเนนไปในทิศทางใดทิศทางหน่ึงเปนการเฉพาะ ซึ่งจะทําใหความเห็นและความคิดสามารถแสดงออกไดอยางอิสระทําใหผูใชสามารถหลีกเล่ียงความขัดแยงที่ไมจําเปนไดแ ละยังเปน การดงึ เอาศักยภาพของแตละคนโดยไมร ูตัว
6 อษุ ณีย โพธสิ์ ขุ (2540) ไดกลา วถึงการสงเสริมแนวความคดิ ของผเู รียน สามารถทําได ทั้งทางตรงและทางออม ในทางตรงสงเสริมโดยการฝกสอนฝกฝนและอบรมและทางออมสง เสริมโดยการสรา งบรรยากาศและการจดั ส่ิงแวดลอ มสงเสริมการเปนอิสระในการเรียนรู การพัฒนาความคิดมีองคประกอบท่ีสําคัญที่ควรดําเนินการในการจัดกระบวนการเรยี นรู ดงั นี้ 1. กระบวนการคิด เปนการเพิ่มทักษะความคิดดานตาง ๆ เชนความคิด จินตนาการ ความคิดเอกนัย อเนกนัย ความคิดวิจารณญาณ ความคิด วิ เ ค ร า ะ ห ค ว า ม คิ ด สั ง เ ค ร า ะ ห ค ว า ม คิ ด แ ป ล ก ใ ห ม ค ว า ม คิ ด หลากหลาย ความคดิ ยดื หยนุ ความคิดเห็นทแ่ี ตกตางกัน และ การประเมินผล
7 บทท่ี 3 วิธดี ําเนินการวจิ ัย ในการจัดทําวิจัย การพัฒนาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนระดับช้ัน ม.๕โรงเรียนราชประชานุเคราะห ๓๑ในรายวิชาโปรแกรมกราฟก โดยการปรับเปลี่ยนวิธีสอนแบบสรางแรงจูงใจ เพื่อใหเ กิดปฏสิ มั พนั ธใ นการเรียน โดยมหี ลกั การดําเนินงานดังน้ี เครื่องมือทใี่ ชใ นการวิจยั 1. แบบฟอรมการเก็บคะแนนพิเศษ เปนแบบฟอรมท่ีผูวิจัยไดพัฒนาข้ึนเองโดยออกแบบมาเพ่ือใชเ ก็บคะแนนพิเศษรายบคุ คล เม่อื ผเู รยี นไดมีปฏสิ มั พนั ธภ ายในช้ันเรยี น ผเู รยี นสามารถเกบ็ คะแนนได 50คะแนน จากแบบประเมินกอ นและหลังเรียน ซ่ึงเครื่องมือนี้จะไดมีการแปลผลออกมาวาผูเรียนน้ันมีปฏิสัมพันธภายในช้ันเรียนมากนองเพียงใดกบั การใชแ รงจูงใจโดยการเพิม่ คะแนนพิเศษ ซ่ึงมเี กณฑก ารวัดผลดังนี้คะแนน ระดับผูเ รยี น41 – 50 ผูเรยี นมีปฏิสัมพันธมากท่สี ดุ31 – 40 ผูเรียนมปี ฏิสมั พันธม าก21 - 30 ผเู รียนมีปฏสิ ัมพนั ธป านกลาง11 - 20 ผูเรยี นมปี ฏิสัมพันธน อ ย0 – 10 ผูเรียนไมม ปี ฏสิ ัมพนั ธการเก็บรวบรวมขอมลู 1. ผูวิจัยช้ีแจงถึงเครื่องมือที่ไดสรางข้ึน วัตถุประสงคของการนําเครื่องมือมาใชงาน คือเพ่ือ ตองการใหผูเรียนเกิดปฏิสัมพันธใหไดมากที่สุด เพื่อท่ีผูเรียนจะไดฝก คดิกลา แสดงออก และเพอื่ เปน การทาํ ใหผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนดีขนึ้ 2. แจกเคร่อื งมอื (ใบเกบ็ คะแนนพเิ ศษ) ใหก ับผูเรียนรายบคุ คล 3. ดําเนนิ การเกบ็ ขอมลู เม่อื ผูเรยี นมปี ฏิสัมพันธในช้นั เรียน เชน ตอบคาํ ถามไดถูกตอง, แสดงความคิดเหน็ ทีเ่ ปนประโยชนต อการเรยี น, รวมกิจกรรมหนาช้ันเรียน มีความมุง มนั่ ต้งั ใจ เปนตน 4. สัปดาหที่ 16 ของการเรียนการสอนผูเรียนรวบรวมคะแนนพิเศษที่ไดสงผูสอนเพ่ือท่ีจะ ไดน าํ ไปประเมนิ การมปี ฏิสัมพันธของผูเรียน
8 5. หาคา อตั ราสว นรอยละ (Percentage) และคาเฉล่ียเลขคณติ (ArithmeticMean)การวเิ คราะหข อ มลู สถติ ิท่ีใชใ นการวเิ คราะหข อมูลหลงั จากท่ีไดมีการใชเ คร่อื งมือแบงเปน 2 สวน คือ 1. หาคาอัตราสวนรอยละ (Percentage) เปนการบรรยายดวยการนับจํานวนคาทีเ่ ปน ไปไดข องขอมูลใชใ นการอธบิ ายขอ มูลทว่ั ไปคารอยละ = จํานวนขอ มูลที่เกบ็ ได ������������ 100 จํานวนขอมูลท้งั หมด 2. คาเฉล่ียเลขคณิต (Arithmetic Mean) เปนคาท่ีคํานวณไดจากการหาผลรวมของคาขอมูลทุกจาํ นวนทีเ่ กบ็ รวบรวมมาไดแ ละหารดวยจํานวนขอมูลทั้งหมดคา เฉล่ีย (Mean) = ∑ ������������ ������������เม่อื x = คา ของขอ มลู ทกุ ตัว n = ขนาดของกลุม ตัวอยา ง
9 บทที่ 4 ผลการวิเคราะหข อ มูล เคร่ืองมือที่ใชในการวิจัยในคร้ังน้ี คือ แบบประเมินการปฏิสัมพันธในการเรียนในรายวิชาโปรแกรมกราฟก โดยมีการเก็บรวบรวมขอมูลจากกลุมประชากร จํานวน 20คน แลวนํามาวิเคราะหข อมูลซง่ึ ปรากฏผลดงั น้ีตารางท่ี 1 แสดงผลระดับการมีปฏิสัมพันธภายในชัน้ เรียน (20 คน) กอนเรยี นรายวชิ าโปรแกรมกราฟกคะแนน ระดับผูเ รยี น จํานวน รอ ยละ ค�(า�เ������ฉ��������ล)ี่ย (คน) (%) 36441 - 50 ผเู รียนมปี ฏิสมั พันธม ากทสี่ ดุ 8 40.00 21331 - 40 ผูเรียนมีปฏสิ มั พันธม าก 6 30.00 10221 - 30 ผเู รียนมปี ฏสิ มั พันธป านกลาง 4 20.00 3111 - 20 ผเู รียนมปี ฏิสัมพันธน อ ย 2 10.000 - 10 ผูเรียนไมม ีปฏิสมั พนั ธ - - - =711 N = 20 = = 711 20 = 35.55 ดังน้นั คาเฉล่ีย = 35.55
10ตารางที่ 2 แสดงผลระดับการมปี ฏสิ ัมพันธภ ายในชัน้ เรยี น (20 คน) หลังเรยี นรายวชิ าโปรแกรมกราฟกคะแนน ระดบั ผเู รยี น จํานวน รอ ยละ คาเฉลย่ี (คน) (%) (����������������)41 – 50 ผเู รียนมปี ฏิสัมพันธม ากท่ีสดุ 11 55.00 505.531 - 40 ผูเรียนมปี ฏิสัมพันธมาก 8 40.00 28421 - 30 ผูเรียนมีปฏสิ มั พันธป านกลาง 1 5.00 25.511 - 20 ผูเรียนมปี ฏิสมั พันธนอ ย - - -0 – 10 ผูเรยี นไมมปี ฏิสมั พนั ธ -- - N = 20 =815 = = 815 20 = 40.75 ดังนั้นคาเฉลย่ี = 40.75
11 บทที่ 5 สรปุ ผลการวจิ ยั อภปิ รายผล และขอ เสนอแนะการวิจัยคร้ังน้ีมีวัตถุประสงคเพ่ือประเมินการปฏิสัมพันธในการเรียนในรายวิชาโปรแกรมกราฟก ของนกั เรียนชั้นประถมศึกษาศกึ ษาปท่ี 5 ซ่งึ ผวู จิ ัยขอนาํ เสนอวัตถุประสงค สมมติฐาน สรุปผลการวิจัย การอภิปรายผล และขอเสนอแนะตามลําดับดงั น้ี1. วัตถปุ ระสงค2. สมมติฐาน3. สรุปผลการวจิ ยั4. อภปิ รายผล5. ขอเสนอแนะวตั ถปุ ระสงคของการวจิ ยั1. เพื่อสรางแรงจงู ใจใหผ ูเ รยี นเกิดปฏสิ ัมพันธภายในชน้ั เรยี น 2. เพอ่ื พัฒนาเครอ่ื งมือในการสรา งแรงจูงใจ 3. เพอื่ ชวยใหผ เู รียนมีผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นทด่ี ีขนึ้สรปุ ผลการวิจัย ผลประเมินการปฏิสัมพันธในการเรียนในรายวิชาโปรแกรมกราฟก ของนักเรยี นชัน้ ประถมศึกษาศกึ ษาปท่ี 5 จากผลการวจิ ยั พบวา นักเรียนมปี ฏสิ มั พนั ธในการเรียนในรายวิชาโปรแกรมกราฟก กลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยี (คอมพิวเตอร) สูงกวากอนเรียนอยางมีนัยสําคัญทางสถิติท่ีระดับ5.20 แสดงวา ผลประเมนิ การปฏิสมั พันธทางการเรียนหลังเรยี นของนกั เรียนท่ีไดรับการเรียนรูโดยใชแบบทดสอบ เปนไปตามสมมุติฐานทีต่ ั้งไว และมีนักเรยี นผานเกณฑรอยละ 70 ของนักเรียนทั้งหมด และจากแบบประเมินความพึงพอใจยงั พบอีกวา เด็กมีเจตคติทางบวกตอวชิ าโปรแกรมกราฟกเพ่ิมมากขึน้ โดยมีเจตคติเฉลี่ยอยูในระดับความพึงพอใจมากท่ีสุด แสดงใหเห็นวาการเรียนการสอนโดยใชว ิธีและเทคนคิ ตางๆ มะประยกุ ตก บั การเรียนการสอน สามารถกระตุน
12ใหเด็กสนุกสนาน มีความกระตือรือรนท่ีจะเรียนรู ชวยลดความตึงเครียดของผูเรยี น ชวยเสริมผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นใหสงู ขึน้ ขอ เสนอแนะ1) จากผลการวจิ ัยพบวา ผลการประเมินการมีปฏิสัมพันธในการเรยี นทางการเรียนหลังเรียนรายวิชาโปรแกรมกราฟก ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาศึกษาปท่ี5 หลังเรียนโดยใชแบบประเมินการมีปฏิสัมพันธ สูงกวากอนเรียน ดังน้ันครูผูสอนควรนําเอาการเรียนการสอนโดยใชส่ือและเทคนิคตางๆ ที่นาสนใจ ไปประยุกตใชในการจัดการเรียนการสอนใหมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อันจะสงผลตอผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนกลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยี(คอมพวิ เตอร) ดยี ง่ิ ขึ้น
13ภาคผนวก
14 แบบประเมินการปฏิสมั พันธใ นการเรยี นในรายวิชาโปรแกรมกราฟก ชนั้ ม.5 ของ .............................................................................................. วันที.่ .................เดือน.........................พ.ศ. ................. เวลา..........ระดับความมปี ฏสิ ัมพันธใ นการเรยี น 5 = ผูเรยี นมีปฏสิ มั พนั ธมากทสี่ ดุ 4 = ผเู รียนมปี ฏสิ ัมพันธมาก 3 = ผูเ รยี นมปี ฏสิ มั พนั ธปานกลาง 2 = ผเู รียนมีปฏสิ มั พนั ธนอย 1 = ผูเรยี นไมม ปี ฏิสมั พนั ธขอที่ รายการประเมิน ระดบั การมปี ฏิสมั พนั ธใ นการเรยี น 1 นักเรียนเขา เรยี นตรงเวลา 5 43 2 1 2 นักเรียนมีความมุงมัน่ ในการเรยี น 3 นกั เรียนสง งานตามทค่ี รูกําหนดครบทกุ ชิน้ 4 นกั เรยี นมคี วามกระตือรอื รนในการเรยี น 5 นักเรยี นมคี วามรบั ผดิ ชอบ 6 นกั เรยี นมปี ฏสิ มั พันธท ่ดี ตี อครูผูสอน 7 นักเรยี นมคี วามอยากเรยี นอยใู นรายวชิ า 8 นกั เรียนมีการฝก ฝนนอกเวลาเรียน 9 นกั เรียนมีการนาํ ไปประยกุ ตชิน้ งาน10 นกั เรยี นมคี วามคดิ สรา งสรรคกลานําเสนอ ผลงานขอเสนอแนะ 1. ...................................................................................................................... 2. ...................................................................................................................... 3. …………………………………………………………………………………………………………
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: