นวัตกรรมการศึกษาปฐมวัย 1. ชอ่ื ผลงาน : การพฒั นาเด็กปฐมวัยในช่วงสถานการณ์โรคตดิ เช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 โดยการสอนแบบ on – line on – hand และ on - demand 2. ชอ่ื ผูเ้ สนอผลงาน : นางสาววนัสสดุ า ละครไชย ตำแหนง่ ครู 3. โรงเรยี น/หนว่ ยงาน โรงเรียนอนุบาลศรีวไิ ล สงั กดั สำนักงานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศึกษาบงึ กาฬ 1. ความสำคญั ของผลงานหรอื นวตั กรรมที่นำเสนอ เน่ืองจากสถานการแพรร่ ะบาดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Disease 2019: COVID-19) ทำใหเ้ กดิ การปรับตัวเปน็ วิถชี ีวิตแบบใหม่ (New Normal) โดยเฉพาะสถานศึกษาทไ่ี มส่ ามารถ จัดการ เรียนการสอนแบบปกติได้ จงึ จำเปน็ ต้องใช้รปู แบบการเรยี นการสอนแบบ on – line on – hand และ on - demand เพื่อให้การเรียนรู้เกดิ ความ ต่อเน่ือง การเรยี นการสอนแบบ on – line on – hand และ on - demand มีองค์ประกอบ ไดแ้ ก่ ผูส้ อน ผเู้ รยี น เนอื้ หา ส่ือการเรยี น และแหล่งเรียนรู้ กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ระบบการติดต่อส่ือสาร ระบบเครอื ข่ายเทคโนโลยสี ารสนเทศ การวดั และ การ ประเมินผล รปู แบบการเรยี นการสอนมหี ลากหลายวิธี ที่ทำใหผ้ ูส้ อนและผ้เู รยี นมีปฏสิ ัมพนั ธ์รว่ มกันได้ การ พจิ ารณาองคป์ ระกอบและรูปแบบท่สี อดคลอ้ ง เหมาะสมกับลักษณะวิชา และบริบทของผูเ้ รยี นจะนำไปสู่ การ ประยกุ ต์ใชส้ ำหรบั การจัดการเรียนการสอนแบบ on – line on – hand และ on - demand อยา่ งมี ประสทิ ธิภาพ ส่งผลใหผ้ ู้เรยี นเกิดผล ลัพธก์ ารเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ กระทรวงศกึ ษาธิการ กำหนด 5 รูปแบบการเรียนการสอนรองรับการเปิดภาคเรยี นใหเ้ หมาะสมแตล่ ะ ภมู ิภาคของประเทศ นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงศกึ ษาธิการ เปิดเผยว่า จากสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาด ของโรคโควิด-19 ส่งผลให้รปู แบบการเรยี นการสอนในแตล่ ะภูมภิ าคของประเทศตอ้ งมคี วามแตกต่างกันไป ตามความเหมาะสม กระทรวงศึกษาธิการได้เตรยี มความพร้อมโดยกำหนดรูปแบบการเรียนการสอนของ โรงเรยี นในแตพ่ ้นื ที่ไว้ ท้งั หมด 5 รูปแบบ ประกอบดว้ ย การเรียนแบบ On- site คือ การเดนิ ทางมาเรยี นทโี่ รงเรียนซ่งึ เหมาะสำหรบั โรงเรียนที่มีปริมาณนักเรียนน้อย สามารถจดั พื้นทแี่ บบเว้นระยะห่างและเข้มงวดการสวมหน้ากากอนามยั ตามมาตรการดา้ นสาธารณสขุ การ เรยี นแบบ On-Air ผ่านระบบมูลนิธิการศกึ ษาทางไกลผ่านดาวเทยี ม หรือ DLTV การเรียนแบบ On-Line ครูผู้สอนทำการสอนผา่ นระบบอเิ ลคทรอนิค การเรียนแบบ On-demand ผ่านระบบแอปพลเิ ค ชันและการเรยี นแบบ On- hand ครผู สู้ อนเดนิ ทางไปแจกเอกสารใบงานใหก้ ับนักเรยี นทบ่ี ้าน อย่างไรก็ตาม การเรยี นการสอนท้งั 5 รปู แบบ จะต้องไดร้ ับการยนิ ยอมจาก ศบค. ของแตล่ ะจังหวัดเพ่ือให้สามารถจัดการ เรยี นการสอนทเ่ี หมาะสมของแตล่ ะพ้นื ท่ไี ดบ้ นพน้ื ฐานความปลอดภยั ทง้ั ครูผสู้ อนและนักเรยี นเป็นอันดับแรก การศกึ ษาเป็นเครอื่ งมือสำคญั เพื่อ พฒั นา “คน” ใหส้ ามารถรบั มอื กบั การ เปลยี่ นแปลงท่เี กิดจากกระแส โลกาภิวตั นใ์ ห้ สามารถตอบสนองต่อการแขง่ ขนั ที่รวดเร็ว รนุ แรง ดงั น้นั ประชากรวัยเรยี นทุกคนควร ได้รบั การ พัฒนาอย่างเตม็ ตามศักยภาพ เพราะ การศึกษาเป็น กระบวนการทชี่ ว่ ยใหค้ นได้ พฒั นาในด้านตา่ ง ๆ ตลอดชีวติ การพัฒนาจึง ต้องพฒั นาต้งั แตร่ ะดบั ปฐมวยั เพราะในชว่ งนี้ เดก็ ๆ จะสามารถเรยี นรู้ไดด้ ีและเปน็ การ
วางรากฐานในการศึกษาในระดับต่อ ๆ ไปของ ชีวิตซ่ึงการพัฒนาบุคคลใหม้ ีคุณภาพน้ัน เป็น ผลจากการสง่ เสริม พฒั นาการต้ังแต่ปฐมวยั ดงั ที่ Illig (1998, p. 35-36), เกรียงศกั ดเิ์ จรญิ วงศศ์ ักดิ์ (2551, น. 12) และ เทพ กัญญา พรหมขตั แิ กว้ (2554, น. 33) กล่าวถงึ ความสำคัญของการพัฒนาเด็กในช่วงปฐมวยั ว่า เป็นช่วงที่ สำคญั เนอ่ื งจากเด็กช่วงปฐมวัย 0-6 ปมี ีการพฒั นาสงู สุด ซึง่ เซลล์สมองในชว่ ง นีจ้ ะแตกเพม่ิ เสน้ ใยในสมอง เชอ่ื มโยงระหว่าง เซลล์สมองด้วยกนั อยา่ งมากมาย รวดเรว็ และ จะมีความสามารถในการเรียนรู้ดีกว่าในวัยอ่ืน ๆ จงึ กลา่ วได้วา่ ประเทศจะเจริญก้าวหน้าได้ มากนอ้ ยเพียงใด ขน้ึ อยกู่ ับการวางรากฐาน ให้แก่บคุ ลากรในประเทศ ตง้ั แตป่ ฐมวัยดังท่ี Driver (2001) กล่าวว่าการสอนเป็นงาน ท่ี ซบั ซ้อนไม่มรี ูปแบบกลยทุ ธ์การสอนใด ๆ สมบรู ณม์ ีประสิทธิภาพ ครูจึงต้องมีการพัฒนา ด้านการ จัดการเรยี นการสอนอยูเ่ สมอ การ พฒั นาคนให้ สอดคลอ้ งกบั สภาพสังคมปจั จุบนั สมรรถนะหนง่ึ ของคนก็คือ เป็นผูท้ ม่ี คี วามรู้ ความสามารถ ด้านการคิด การ แกป้ ญั หามี เหตผุ ลมีทักษะด้าน วิทยาศาสตรแ์ ตใ่ น ปัจจบุ ันประเทศไทยขาดแคลนนักวิจัย และ นกั ประดษิ ฐ์ คดิ คน้ ทางวิทยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยีเป็นอยา่ งมากทำใหผ้ ลงานทาง วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีทพ่ี ฒั นาข้นึ ใช้ เอง น้อยมากเม่ือเทยี บกับประเทศอ่ืน ๆการศึกษา ของไทยเกยี่ วกับการเรยี นวิทยาศาสตร์และ พัฒนาการ ทางด้านทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ทัง้ ระดับมัธยม ประถมศึกษา และระดับปฐมวัยนกั เรยี นมีคุณภาพ ด้านนอี้ ยู่ ในเกณฑ์ท่ตี อ้ งเรง่ ดำเนินการพฒั นาอย่าง เรง่ ดว่ นซึ่งสาเหตุด้วย ปัจจัยหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะใน ระดับปฐมวยั ซึง่ ถือวา่ เปน็ ชว่ งเวลา ท่ีสำคัญทีส่ ดุ ทีจ่ ะวางรากฐาน ให้กับ เด็กโดยในชว่ งปฐมวยั สถาบนั ส่งเสริม การสอน วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลย(ี 2554, น. 3) กลา่ ววา่ การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ สำหรบั เดก็ ปฐมวัย ยงั ไม่ได้รับ การสง่ เสริมใหแ้ พรห่ ลายครูปฐมวยั สว่ นใหญ่ ขาดความรูค้ วามเข้าใจท่ีถูกต้องทั้งใน ดา้ น เนอื้ หาวทิ ยาศาสตรด์ ้านวิธีสอนวทิ ยาศาสตร์ และด้านบรบิ ทท่ีเกีย่ วข้องกับการจัดการ เรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ สาเหตุหนึง่ อาจ เนอ่ื งด้วย การจดั การศึกษาปฐมวยั มิไดเ้ ป็นการศึกษา ภาคบงั คบั และในหลักสูตรการศึกษา ปฐมวยั ได้ กำหนดกรอบสาระของหลักสูตรไว้กวา้ ง ๆ สง่ ผลใหส้ าระของการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ไมม่ ี ความชัดเจน รวมท้งั ต้องเตรียมความพร้อมเด็กเขา้ สู่ ศตวรรษที่21และThailand 4.0 จึงจำเป็นตอ้ ง เร่งพัฒนาเดก็ ในด้าน วิทยาศาสตร์โดยเฉพาะ การพัฒนาทักษะดา้ นกระบวนการทาง วิทยาศาสตรเ์ พราะทกั ษะเหลา่ นเี้ ป็นรากฐาน ท่ี สำคัญสำหรับการเรียนรู้และการพฒั นาการ คิดในข้นั สูงรวมท้งั การ นำไปใช ใ้ น ชีวติ ประจำวันดงั นน้ั การสอนวิชา วทิ ยาศาสตร์ มบี ทบาทสำคญั อย่างยงิ่ ในการดำรงชีวติ ประจำวันของมนุษย์ตลอดชีวติ ของทุกคนต่าง ก็มีความ เก่ียวขอ้ งกบั วิทยาศาสตรท์ ้งั สิ้นการ เรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์จงึ มีความสำคัญที่จะทำให้ คนได้พัฒนาวธิ ีคดิ ทง้ั ความคดิ เปน็ เหตุเปน็ ผล คดิ สร้างสรรค์คิดวิเคราะหว์ จิ ารณ์มีทักษะที่ สำคญั ในการค้นควา้ หาความรมู้ คี วามสามารถ ใน การแก้ปัญหาอย่างเปน็ ระบบสามารถ ตดั สนิ ใจโดยใช้ข้อมูลที่หลากหลายและมี ประจกั ษพ์ ยาน ทตี่ รวจสอบได้ ความรดู้ ้าน วทิ ยาศาสตร์ชว่ ยให้คนมคี วามรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกบั ธรรมชาติและเทคโนโลยที มี่ นุษยส์ รา้ ง ขึ้น รวมถึงการนำความรู้ไปใชอ้ ยา่ งสร้างสรรค์ มีเหตผุ ล มีคณุ ธรรม นอกจากนี้ยังชว่ ยใหค้ นมี ความร้คู วาม เขา้ ใจที่ ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้ ประโยชน์การดูแลรกั ษาตลอดจนการพฒั นา สงิ่ แวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติอย่าง สมดลุ และยง่ั ยืน การจัดการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์มีความสำคญั อย่างย่งิ ควรจดั การ เรียนรู้ต้ังแตร่ ะดบั ปฐมวยั (สถาบนั สง่ เสริมการ สอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย.ี 2551, น. 1- 2) การจัดการเรยี นรู้ทส่ี อดคล้องกับ พฒั นาการ ทางสมอง (Brain-based Learning) เปน็ ส่ิงที่ ไดร้ ับการกระตุ้นเตือนใหต้ ระหนักถงึ ความสำคญั เพราะสมองเปรยี บเสมอื นเป็น เสนาธิการผบู้ ัญชาการของระบบประสาท ส่วนกลางทงั้ ระบบ คอยควบคุมดูแล กจิ กรรม การเคลอ่ื นไหว การรับรู้ประสาทสัมผสั ต่าง ๆ รวบรวม ประมวลผลคัดเลอื ก เรียนรกู้ ารคิด อารมณ์
พฤติกรรม ฯลฯ สมองจึงมกี ารทำงาน ทส่ี มั พนั ธ์กันท้งั รา่ งกายและจติ ใจ การจัดการ เรียนรู้ใหเ้ กดิ ประสิทธภิ าพ สูงสุดจึงควรทำ ความเข้าใจการทำงานของสมองต้องให้ ความสำคญั กับการเช่อื มโยงของวงจรสมอง จงึ จะเกิด การเรยี นรู้หากการจัดการเรยี นรขู้ ดั ตอ่ การทำงานของสมองจะทำให้เกิดการเรยี นรู้ ไม่ได้เต็มตามศักยภาพ เช่น เมือ่ ข้อมลู เข้าสู่ สมองสมองเกิดการเรียนรเู้ ขา้ สู่การคดิ เปน็ ขอ้ มลู ใหมแ่ ลว้ วงจรข้อมูลนั้นจะคงอยใู่ นสมอง เรยี กว่าความจำ ส่งิ ท่จี ำได้หรือวงจรขอ้ มูล ความรูจ้ ะถกู นำไปใช้ในการคิดครง้ั ใหม่ ดงั นั้น การจดั การเรยี นรทู้ ่ี สอดคล้องกบั พฒั นาการ ทางสมองในแต่ละช่วงวยั จะช่วย ใหผ้ ้เู รยี นเกดิ การเรยี นรูอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ (กัญนิกา พราหมณ์พิทักษ์, 2551, น. 19-21) จากสภาพความต้องการ ในการพัฒนา เด็กปฐมวัยใหม้ ีทกั ษะกระบวนการ ทาง วทิ ยาศาสตร์และจติ วทิ ยาศาสตรแ์ ละสภาพ ปัญหาการพฒั นาวชิ าชพี ครูรวมทงั้ การศึกษา วิเคราะห์รูปแบบ การพัฒนาวชิ าชพี ซงึ่ มีวธิ กี าร ที่ หลากหลายรูปแบบดังกล่าวขา้ งตน้ ผู้ศึกษา ในฐานะครูผ้สู อนซึ่งเปน็ ผูห้ น่งึ ท่ีมี บทบาท หนา้ ท่ใี นการพฒั นาสง่ เสรมิ การจดั การเรยี น การสอนทีม่ ีคุณภาพมปี ระสิทธิภาพและเกิด สัมฤทธิผ์ ลต่อ ผ้เู รยี นที่คณุ ภาพเด็กจงึ สนใจ ศึกษาและพัฒนาโดยใชก้ ารพัฒนาทักษะ กระบวนทางวทิ ยาศาสตร์โดยใชช้ ดุ กิจกรรม เสรมิ ประสบการณ์“ใชส้ ่งิ ของใกลต้ ัว เรียนรู้ ควบค่สู นกุ ” สำหรับเด็กปฐมวัย ชัน้ อนบุ าลปี ท่ี 2 ในการ สง่ เสริมให้นกั เรียนไดร้ ับ ประสบการณ์และทักษะตา่ ง ๆ นกั เรยี น เกดิ การเรียนรู้อยา่ งเตม็ ศกั ยภาพ มี พัฒนาการท่ี สูงขนึ้ ตามเกณฑ์ที่กำหนด และเพ่ือเตรยี ม ความพร้อมอันเป็นพ้ืนฐานท่ีดีของนกั เรียน สำหรับ การศึกษาขัน้ พ้ืนฐานและระดับที่สูงขนึ้ ตอ่ ไป องค์ประกอบการจดั การเรียนการสอนแบบออนไลน์ การจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ เป็นการจดั การเรียนรูท้ ่ผี สมผสานองค์ความรรู้ ่วมกับ นวัตกรรม การเรยี นร้แู ละเทคโนโลยที ที่ ันสมยั มรี ปู แบบการสอนทหี่ ลากหลาย องค์ประกอบของการจดั การ เรยี นการสอน แบบออนไลน์ สรปุ ได้ดังนี้ 1. ผู้สอน (Instructor) เปน็ ผถู้ า่ ยทอดเนอ้ื หา องค์ความรตู้ ่างๆใหก้ ับผเู้ รยี นให้เกดิ ความเข้าใจ ใน เนอ้ื หาประสบการณ์ ความเชยี่ วชาญของผู้สอน มสี ว่ นทำใหก้ ารสอนออนไลน์บรรลเุ ปา้ หมาย ซ่ึงบทบาทของ ผสู้ อนเปน็ ผใู้ ห้คำแนะนำ (Guide) พเี่ ลยี้ ง (Mentor) เปน็ ผฝู้ ึก (Coach) อำนวยความสะดวก (Facilitators) 8 เพื่อชว่ ยให้ผเู้ รยี นสามารถเลง็ เห็นศักยภาพของตนเองในด้านการเรยี นรู้ รวมถึงการพฒั นาสมรรถนะ ในการ เรียนทักษะด้านความร้ทู ่ใี ช้ในการทำงาน ความสามารถในการใช้เทคนคิ ต่างๆในการทำงานท่สี อนกันได้ (Hard Skill) เพ่อื นำไปสูก่ ารปฏบิ ตั ิงานทเ่ี หมาะสม และการพฒั นาทักษะดา้ นอารมณ์ ความสามารถในการอยู่ ร่วมกับ ผูอ้ ่ืน รวมถงึ การพฒั นาตนเอง (Soft Skill) เพอ่ื ให้สามารถอยู่ในสงั คมร่วมกับผู้อื่นได้อยา่ งมคี วามสขุ รวมท้ังการ สง่ เสริมใหเ้ กดิ ความเข้าใจเนื้อหาการเรยี นไดร้ วดเรว็ และนานขนึ้ อย่างไรกต็ ามผสู้ อนต้องพัฒนา สมรรถนะด้าน การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ เพื่อสง่ เสรมิ กระบวนการจัดการเรยี นรไู้ ดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ และชว่ ยใหม้ คี วาม พรอ้ มในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหนา้ ขณะที่สอน และควรมีการตดิ ตามการเขา้ เรียนของ ผเู้ รยี นอย่างต่อเน่อื ง เช่น ความถี่ของการเขา้ เรยี น จำนวนชว่ั โมงการเรียน ปัญหาอุปสรรค ความตอ้ งการใน การช่วยเหลือเพิม่ เติมในการ เรียน เพอื่ ให้ผู้เรียนได้รับประโยชนจ์ ากการเรยี นการสอนแบบออนไลนเ์ พิ่มข้นึ จากประสบการณก์ ารจดั การ เรียนการสอนแบบออนไลนข์ องผู้นิพนธ์ ได้เตรียมความพร้อมก่อนดำเนนิ การ สอน โดยเรียนรูก้ ารใช้งานใน ระบบ และทดสอบการสอนออนไลนเ์ พื่อประเมินปัญหาอปุ สรรค แนวทางแก้ไข ปัญหาขณะดำเนนิ การสอน
รวมทัง้ ไดป้ รบั บทบาทการสอนโดยเน้นเปน็ ผู้ใหค้ ำแนะนำ ผ้อู ำนวยความสะดวก กับผเู้ รียนเพมิ่ ขนึ้ เช่น เน้อื หา การเรียน การสืบค้นงาน รวมท้ังมกี ารติดตามการเข้าเรยี นของผ้เู รียนอย่าง ต่อเนื่อง 2. ผเู้ รยี น (Student) เปน็ ผรู้ ับเนอื้ หาและองค์ความรู้จากผู้สอน ซึ่งผูเ้ รยี นจำเปน็ ต้องมคี วามพรอ้ ม ในดา้ น การใชเ้ ทคโนโลยแี ละสารสนเทศ การรูเ้ ทา่ ทนั สื่อ (Digital Literacy) สามารถสืบค้น วิเคราะหข์ ้อมลู ประเมนิ เนือ้ หาอยา่ งเป็น ระบบ โดยใช้วิจารณญาณในการตดั สนิ ใจเกย่ี วกบั ขอ้ มลู ได้อยา่ งเหมาะสม มีการ เตรียมความพร้อมในการเรยี นรู้ เช่น การศกึ ษาขอบเขตของเนอื้ หาก่อนเข้าเรียน การสบื ค้นขอ้ มลู ที่เกีย่ วขอ้ ง กับการเรียนรจู้ ากแหลง่ เรยี นรตู้ า่ งๆ การเตรียมระบบ เครอื ขา่ ยอินเตอรเ์ นต็ ให้พรอ้ มใชง้ าน การเตรียมสถานที่ สำหรบั การเรยี นทเี่ หมาะสม การตดิ ตอ่ ส่ือสารแบบดจิ ทิ ลั กับผสู้ อน เพอื่ ใหส้ ามารถมีปฏสิ มั พันธก์ บั ผสู้ อนได้ เหมาะสม รวมท้งั มีความฉลาดทางอารมณใ์ นการใชส้ ่ือ (Digital Emotional Intelligence) อย่างเหมาะสม เช่น การแบง่ ปนั ขอ้ มลู ขา่ วสารให้กับคนอืน่ การมีนำ้ ใจในโลกออนไลน์ เปน็ ต้น9 รวมทงั้ ควรเปน็ ผู้ท่ีมีความ รบั ผดิ ชอบในการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง และมีคณุ ธรรม จรยิ ธรรมในการเรยี นรู้ มีสว่ นรว่ มในการเรียน การสง่ งาน ตามกำหนด มี การทบทวนความรู้อย่างสมำ่ เสมอ เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนไดร้ ับประโยชน์จากการเรยี นการสอนแบบ ออนไลนเ์ พ่ิมข้นึ ประสบการณ์การ จัดการเรยี นการสอนแบบออนไลนข์ องผ้นู ิพนธ์ พบว่า ในช่วงแรกของ การเรม่ิ จัดการเรยี นการสอนแบบออนไลน์ ผเู้ รียนยงั มปี ญั หาขาดความเข้าใจในการเข้าใช้งาน ความพร้อม ของอปุ กรณร์ องรบั และระบบเครือขา่ ยอินเตอรเ์ น็ต ภายหลังทีผ่ ู้สอนให้ คำแนะนำในการเตรียมความพร้อม สำหรบั การเรียนรู้ พบวา่ ผูเ้ รยี นสามารถปรับตวั เขา้ กับการเรียนการสอนแบบออนไลนเ์ พม่ิ มากขนึ้ มีการเขา้ เรียนออนไลนผ์ า่ นโปรแกรมต่างๆ ได้อยา่ งคล่องแคลว่ รวมท้ังมกี ารเตรียมความพรอ้ มของตนเองก่อนเรียน เชน่ เตรียมเอกสาร เตรียมบทความวิชาการ เปน็ ต้น ทำใหเ้ กดิ การแลกเปล่ียนเรยี นรใู้ นระหว่างการเรยี น ร่วมกับผสู้ อนและเพ่ือนร่วมช้นั เรียน 3. เนอ้ื หา (Content) เปน็ สว่ นสำคญั ที่ทำใหก้ ารเรยี นการสอนบรรลตุ ามวตั ถปุ ระสงค์ เนอื้ หาควร มีการออกแบบโครงสรา้ งตามวัตถปุ ระสงค์ของรายวิชา มกี ารวางแผนผังรายวชิ าเพ่อื เป็นระบบนำ ทาง เชอ่ื มโยงไปสูเ่ น้อื หาตา่ งๆในบทเรียน สำหรบั ข้อความของเนื้อหาควรมีความชัดเจน กระชบั เข้าใจงา่ ย มี การ ปรบั ปรงุ ให้ทนั สมยั อยตู่ ลอดเวลา เพ่ือให้ผู้เรียนศึกษาทำความเขา้ ใจไดด้ ว้ ยตนเองอย่างเหมาะสม รวมท้ัง ควรมีการจดั ลำดับข้อมลู หัวข้อยอ่ ยตา่ งๆใหม้ ีการเช่อื มโยงกัน และเน้ือหาในบทเรยี นสามารถทีจ่ ะส่งเสรมิ ให้ ผู้เรยี นศกึ ษาค้นคว้าเพม่ิ เติมไดภ้ ายหลังจากการเรียนออนไลน์ 4. ส่อื การเรียนและแหล่งเรยี นรู้ (Instructional Media & Resources) ถอื วา่ มีความสำคัญ เป็นอยา่ งยิง่ ต่อการจดั การศึกษา สือ่ การสอนทด่ี ีจะเปน็ ส่วนชว่ ยให้ผเู้ รียนสามารถทำความเขา้ ใจในเน้ือหา ขณะท่เี รยี นได้ ส่ือที่ใช้ในการสอนควรท่ีมคี วามแปลกใหม่ ดงึ ดดู ความสนใจของผู้เรยี นและกระตุ้นการเรียนรู้ เช่น วดิ ีโอ ภาพนิง่ ภาพเคลื่อนไหว สถานการณ์จำลอง บทความวชิ าการ เป็นต้น11 อย่างไรกต็ ามผู้สอนควร เลอื กใชส้ ่ือใหเ้ หมาะสม เชน่ ขนาดตวั หนงั สอื สี ความคมชดั ของรูปภาพ ความถูกต้องของขอ้ มูล รวมท้ังสื่อที่ นำมาใช้ควรมีความสอดคล้องกับเนือ้ หาของรายวชิ าเพอื่ ให้ผเู้ รียนเกิดความเข้าใจเพมิ่ มากข้ึน นอกจากนี้แหล่ง เรยี นรู้ (Resources) ไดแ้ ก่ หนังสือ ตำรา E-book E-Journal หอ้ งสมดุ เปน็ ทางเลอื กท่ีทำให้ผเู้ รียนสามารถ เข้าถงึ ส่ือการเรยี นรู้ ด้วยการสืบคน้ ขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ เพ่อื นำมาประกอบการเรียน ซ่ึงแหลง่ เรียนรคู้ วรมคี วาม หลากหลายให้ผเู้ รียนสืบค้นได้อย่างเพยี งพอ ทำใหผ้ สู้ อนไม่จำเปน็ ตอ้ งใส่เนื้อหาในบทเรยี นทัง้ หมด12 5. กระบวนการจัดการเรียนรู้ (Learning Process) เป็นกระบวนการออกแบบการเรียนรู้ ใหก้ บั ผู้เรียนตามหัวข้อ วตั ถุประสงค์ เน้อื หา สื่อการสอน กจิ กรรมการเรยี นรู้ วธิ ีการวัดประเมนิ ผล โดยอาศยั เทคโนโลยสี ารสนเทศ มาออกแบบวธิ ีการจดั การเรยี นรภู้ ายใต้กระบวนการวิเคราะห์ (Analysis) วางแผน ออกแบบ (Planning Design) นำไปใช้ (Implement) พฒั นา (Development) ประเมินผล (Evaluation)
หลักสตู รการเรยี นรใู้ ห้กบั ผู้เรียน ซ่งึ กระบวนการจัดการเรียนรูท้ ี่มปี ระสิทธิภาพ ควรส่งเสริมใหผ้ เู้ รยี นได้ สามารถนำเนื้อหาไปประยกุ ต์สูก่ ารเรียนร้ตู ามสภาพจรงิ (Authentic Learning) 6. ระบบการติดต่อส่ือสาร (Communication Systems) มีสว่ นสำคัญทำให้การจดั การเรียน การสอนแบบออนไลนป์ ระสบความสำเร็จได้ ซึ่งการตดิ ต่อส่ือสารแบ่งออกเปน็ 2 ชนิด13 ได้แก่ 1) การ สื่อสาร ทางเดียว (One-Way Communication) เปน็ การถ่ายทอดเน้ือหาผา่ นส่ือการสอน เช่น วิดีโอ (Video) PowerPoint ภาพน่ิง (Slide) สถานการณ์จำลอง (Scenario) กรณีศึกษา (Case Study) โดยไม่มี ปฏิสมั พนั ธ์ ระหว่างผสู้ อนกบั ผเู้ รียน 2) การสื่อสารสองทาง (Two-Way Communication) เป็นการถ่ายทอด เน้อื หาผ่าน สอื่ การสอน เชน่ คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน (Computer Assisted Instruction : CAI) ระบบการจดั บทเรยี น (Learning Management System: LMS) หรอื การเรยี นโดยผ่านแอปพลเิ คช่ันการประชมุ ทางวดิ ีโอ เช่น Google Hangout Meet, Zoom Meeting, Schoology, Webex, Microsoft Teams เปน็ ต้น ซ่ึง ผสู้ อน และผ้เู รยี นสามารถพดู คยุ ซกั ถามร่วมกนั ได้ในขณะที่สอนและตรวจสอบความเข้าใจของผูเ้ รียนได้ จากประสบการณก์ ารจดั การเรียนการสอนแบบออนไลนข์ องผนู้ ิพนธ์ พบว่า การพจิ ารณาเลอื กระบบการ ตดิ ต่อส่อื สาร ทำให้เกดิ การเรียนรู้ถงึ จุดเด่น ข้อจำกดั ของโปรแกรม ได้แก่ จำนวนผู้เข้าใช้งาน ระยะเวลาใช้ งาน ความคมชัดของภาพ เสียง ทำให้การเรียนการสอนแบบออนไลนม์ ปี ระสิทธภิ าพและเหมาะสม รวมทง้ั การเลือกระบบการติดต่อสอ่ื สารชนิดสองทางผ่านโปรแกรมต่างๆ สามารถส่งเสรมิ ให้ผูส้ อนและผ้เู รยี นได้มี ปฏสิ ัมพนั ธ์ร่วมกันเพ่ิมข้ึน ทำให้ผูเ้ รยี นกล้าท่ีจะพดู คยุ หรือซกั ถามกับผสู้ อนไดส้ ะดวกมากขน้ึ 7. ระบบเครือขา่ ยเทคโนโลยีสารสนเทศ (Network Systems) เป็นชอ่ งทางในการอำนวย ความ สะดวกให้การเรียนการสอนมคี วามราบรน่ื ได้ ระบบเครือข่ายสารสนเทศ ประกอบดว้ ย 1) ระบบ เครือข่าย ภายในสถาบนั (Intranet) เป็นระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ภายในสถานศกึ ษา ซ่ึงให้ผเู้ รียนสามารถ เข้ามาใช้ เครือข่ายภายในสถานศึกษาสำหรบั การเรียนออนไลน์ได้ 2) ระบบเครอื ข่ายภายนอกสถาบัน (Internet) ท่ีเชือ่ มตอ่ ระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอรท์ ่ัวโลกเพื่อใหส้ ามารถตดิ ต่อสอื่ สารไดร้ วดเร็ว ซึ่งผเู้ รยี น สามารถใช้ เครือขา่ ยอินเตอร์เนต็ สำหรบั การเข้าเรียนออนไลน์ไดท้ ุกที่ ทกุ เวลา รวมท้งั สืบคน้ ข้อมลู ประกอบการเรยี นรู้ได้ อยา่ งไรก็ตาม อาจมีข้อจำกัดเก่ยี วกับความพร้อมของนักศึกษาในเรอื่ งการเตรียม อุปกรณ์เชื่อมต่อกับระบบ เครอื ขา่ ยเทคโนโลยีสารสนเทศและพืน้ ทที่ ี่ไมม่ ีสัญญาณเครือข่ายอินเตอร์เน็ต รวมถงึ ความเร็วของ อินเตอร์เน็ตอาจทำใหก้ ารจัดการเรยี นการสอนแบบออนไลนไ์ มร่ าบรนื่ ได้ 8. การวัดและการประเมินผล (Measurement and Evaluation) จำเปน็ ต้องมีการวัดและ ประเมินผล โดยมกี ารวดั และประเมินผลทงั้ ระหวา่ งเรยี น (Formative Assessment) เช่น การตัง้ คำถาม การสังเกตพฤติกรรมผู้เรยี น สะท้อนคิด เปน็ ต้น และภายหลังจดั การเรียน (Summative Assessment) เชน่ การทดสอบดว้ ยแบบทดสอบตา่ งๆ เพ่ือตรวจสอบความเข้าใจของผเู้ รียน ประสิทธผิ ลของการเรยี น เพอ่ื สะท้อน ความสามารถการเรียนรขู้ องผู้เรียน ซงึ่ ควรมีความหลากหลาย เพ่อื วดั ประเมินผลผูเ้ รียนใหส้ อดคล้อง ตามสภาพจริง14 อยา่ งไรกต็ ามผูส้ อนจำเป็นต้องออกแบบเครื่องมอื วิธกี ารวัดและประเมินผลใหม้ ี ประสิทธภิ าพ รวมทงั้ ควรมีการสง่ เสริมคณุ ธรรมจริยธรรมในการทดสอบออนไลน์ เพ่อื ป้องกันการทจุ รติ ใน ระหว่างการสอบ จากประสบการณก์ ารจดั ทดสอบแบบออนไลน์ พบว่าปัญหาของการทุจรติ ในการทำข้อสอบมี นอ้ ย เนือ่ งจาก ผูส้ อนมีการกำหนดวธิ กี ารสอบชัดเจน มีระบบการจัดเรยี งข้อสอบแบบสุ่ม ทำให้การเรียงลำดับ ข้อสอบแตล่ ะ ชุดทส่ี ง่ ใหผ้ เู้ รยี นทำการสอบน้ันจะไมเ่ หมือนกนั พร้อมทงั้ มเี วลาเปน็ ตวั กำหนดการสนิ้ สุดใชง้ าน
ในระบบ และผ้เู รยี นต้องเปดิ กล้องตลอดเวลาขณะที่มีการทดสอบเพือ่ ใหผ้ ูส้ อนไดส้ งั เกตพฤติกรรมของผู้เรยี แตล่ ะคนได้ ดังนนั้ จงึ กล่าวไดว้ า่ องค์ประกอบของการจัดการเรยี นการสอนแบบออนไลนเ์ ปน็ สว่ นสำคัญที่จะทำ ให้ การเรียนการสอนนัน้ เกดิ ประสทิ ธิภาพ ซึ่งองค์ประกอบดังกลา่ วจำเป็นอยา่ งย่งิ ทจ่ี ะต้องออกแบบให้มีความ สอดคลอ้ งกบั สถานการณ์จริง สามารถปรับเปลยี่ นใหเ้ หมาะกับผู้เรียนได้ ทงั้ นีค้ วรประเมินความพร้อมของ องค์ประกอบดังกล่าว การวิเคราะห์จุดแข็ง จดุ อ่อนของการนำไปใช้ เพื่อนำไปสู่การประยุกต์ใชก้ ับการเรยี น การสอนแบบออนไลน์ให้มีความเหมาะสม อยา่ งไรกต็ ามความทา้ ทายของการจัดการเรยี นการสอนแบบ ออนไลน์ไม่ได้ข้ึนอยู่กับเทคโนโลยีสารสนเทศเพียงอย่างเดียว แต่การเตรียมตวั ของผู้เรียนและผ้สู อนก็มีส่วน สำคญั ท่ีจำเป็นต้องปรบั มุมมอง แนวความคิด รวมท้งั ไม่ควรยึดติดวิธกี ารเรยี นการสอนรปู แบบเดิมแต่ควรเปิด มุมมอง แนวความคิด วธิ ีการเรียนการสอนให้ทันตอ่ การเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดข้นึ ความสำคัญของการจัดประสบการณส์ ำหรบั เด็กปฐมวยั การจดั ประสบการณ์ตรงใหเ้ ด็กไดล้ งมือปฏิบัติ และการมีสว่ นร่วมโดยยดึ เดก็ เป็นศูนย์กลาง มีความจ าเปน็ อย่างมากสำหรับครูผสู้ อนเพราะเด็กจะได้เรียนรู้มที ักษะมีการแสดงออกอย่างเสรี ใชค้ วามคิดในการ แกป้ ัญหาของ ตนเองและส่วนรวมอยา่ งมีเหตุผล เพ่ือตอบสนองความต้องการตามวัยของเดก็ อย่างสมบรู ณ์ การจัดประสบการณ์ ตามหลักสตู รการศึกษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช 2560 ไดก้ าหนดสาระสำคัญในการจัด ประสบการณ์ไว้ ดังนี้ กรมวิชาการ (2546:32) 1. เน้นเดก็ เป็นสำคัญในการอบรมเลยี้ งดู ควรให้ความสำคัญกบั ธรรมชาติของเดก็ ตอบสนอง ความ ตอ้ งการ ความสนใจ ความแตกต่างระหว่างบุคคลด้วยการเปิดโอกาสใหเ้ ด็กมีอิสระเปน็ ตัวของตัวเอง 2. ตระหนักและสนบั สนุนพ้ืนฐานท่ีเดก็ พึงไดร้ บั อนั ได้แก่ การดูแลเอาใจใส่ใหม้ ชี วี ติ อย่รู อด ปลอดภยั ได้รบั การคุม้ ครองจากการถูกทอดทิ้ง เอาเปรยี บและการกระท าทารุณ 3. ปฏบิ ัติตอ่ เด็กด้วยความรกั ความเอาใจใส่ และมเี หตผุ ลมากกว่าการใชอ้ ารมณ์ 4. สง่ เสรมิ พฒั นาการเด็กแบบองคร์ วมอย่างสมดุลครบถ้วนทุกดา้ น ดว้ ยการจัด ประสบการณ์ที่ เหมาะสมกับความพร้อม ความสนใจ ความสามารถตามวยั 5. ปลูกฝงั ระเบียบวินยั คุณธรรมและวฒั นธรรมไทย ดว้ ยการเป็นแบบอยา่ งที่ดี จดั กจิ กรรม ส่งเสริม ความรแู้ ละทักษะ 6. ชแ้ี นะการแสดงพฤตกิ รรมของเด็ก ดว้ ยการใช้แรงเสรมิ ทางบวก เมอื่ เด็กมีพฤตกิ รรมท่ี เหมาะสม และใชแ้ รงเสริมทางลบ ควบคุมพฤติกรรมทไี่ มเ่ หมาะสม 7. ใช้ภาษาท่เี หมาะสมกับความสามารถในการรบั รู้ และการเรยี นรขู้ องเด็กดว้ ยค าศัพท์ งา่ ยๆ สนั้ ๆใน การพูดคุยกบั เดก็ 8. สนบั สนนุ การเล่นตามธรรมชาติของเดก็ โดยการจดั เตรียมสถานท่ี อปุ กรณ์ การเลน่ ให้ เหมาะสม กับวัยและเปิดโอกาสใหเ้ ดก็ ได้เล่นกบั ผอู้ ่นื 9. จดั สภาพแวดล้อมทป่ี ลอดภัยและเอ้ือต่อการเรยี นรู้ 10. ติดตามเฝ้าระวงั และสงั เกตพฒั นาการของเด็ก
ชติ าพร เอี่ยมสะอาด (2548:92) กลา่ วถงึ ความสำคญั ของการจัดประสบการณส์ ำหรับเด็กปฐมวยั ดังนี้ 1. ช่วยใหเ้ ด็กมที ักษะพ้ืนฐานทจ่ี ะเรียนในระดับประถมศึกษาหรอื ระดบั ท่ีสงู ขนึ้ 2. ชว่ ยใหเ้ ด็กมคี วามรักและเกิดความภาคภมู ิใจในความสำเร็จของตนเอง มุ่งมนั่ ในความดี งามและรู้ คุณคา่ แห่งชวี ิต 3. ชว่ ยให้เดก็ เป็นสมาชิกที่ดีของสังคม รู้หนา้ ทขี่ องตนเองและเสียสละเพื่อสังคมตามควรแก่ วัยและ โอกาส 4. ชว่ ยใหเ้ ด็กมีคุณธรรม จรยิ ธรรม และมีความรกั ในศลิ ปวฒั นธรรมประเพณีอนั ดงี าม 5. ช่วยในการเตรยี มความพร้อมให้กบั เด็กทุกด้าน ดังนัน้ การจัดประสบการณ์ให้กบั เด็ก ปฐมวัยจงึ ควรตั้งอยู่บนพน้ื ฐาน หลักการ แนวคดิ และทฤษฎขี องนักการศกึ ษา ซึ่งในแต่ละแนวคิดจะมี จุดเน้นท่ีแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความเชอ่ื และความเหมาะสมในการเลือกน าไปปฏิบัตขิ องแตล่ ะบคุ คล และจดั ให้สอดคล้องกับความ แตกต่างระหว่างบคุ คล ควรบูรณาการทกั ษะและสาระการเรียนรู้ แต่การจัด ประสบการณส์ ำาหรับเดก็ ปฐมวยั จะบรรลผุ ลตามเปูาหมายได้นัน้ ส่งิ สำคัญคือ บทบาทของครู เนื่องจากการจดั สภาพแวดลอ้ ม การจดั กจิ กรรมและ ประสบการณใ์ หส้ อดคล้องกับธรรมชาตขิ องเดก็ ลว้ นแตเ่ ป็นหน้าทีข่ องครู ในการวางแผนเพือ่ ใหเ้ ด็กมีทัศนคติท่ีดีต่อ การเรียน อนั จะชว่ ยให้เด็กได้รบั การพัฒนาท้ังทางดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สงั คมและสตปิ ัญญา เพื่อเปน็ พน้ื ฐาน สู่การเรยี นในอนาคต หลักการจดั ประสบการณส์ ำหรับเดก็ ปฐมวยั การจดั ประสบการณ์เพอ่ื ให้เด็กเกิดการเรยี นรู้ เปน็ การกระตุน้ ให้เด็กไดพ้ ฒั นาในรปู แบบทพ่ี ึง ประสงค์ ท้งั พัฒนาทางดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สังคมและสติปญั ญา ครูและผทู้ เ่ี กี่ยวขอ้ งกบั เด็กปฐมวัย จงึ ควรมี ความรคู้ วามเขา้ ใจเก่ียวกับลักษณะพฒั นาการ ความตอ้ งการตามธรรมชาติของเด็กเพื่อเปน็ พืน้ ฐานใน การจัด ประสบการณ์ทีจ่ ะส่งเสรมิ พัฒนาการดังกลา่ วใหส้ อดคลอ้ งกับความพรอ้ ม วุฒภิ าวะ ความตอ้ งการ ความสนใจ และ ความสามารถของเดก็ ตลอดจนปูองกนั หรอื แก้ไขพฤติกรรมที่อาจเป็นปัญหาได้อย่าง เหมาะสม หลกั ในการจัด ประสบการณ์สำหรับเด็กปฐมวยั มีดงั นี้ กรมวิชาการ (2546:33) 1. มุ่งเน้นใหเ้ ดก็ พฒั นาการทุกด้าน ทัง้ ทางดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สังคมและสติปัญญา มไิ ด้ มุง่ เน้นให้เด็กเรยี นร้เู นื้อหาวิชา แต่ต้องพัฒนาคุณลกั ษณะต่างๆดงั ต่อไปนี้ 1.1 พฒั นาการรบั รู้และประสาทสมั ผสั 1.2 พัฒนาการสือ่ สารโดยการฟัง การพูด 1.3 พฒั นาดา้ นบุคลิกภาพ 1.4 ความร้สู กึท่ีดตี ่อตนเองและผอู้ ื่น 1.5 การตดั สินใจไดถ้ ูกตอ้ ง 1.6 การคดิ วางแผนในการท ากจิ กรรม 1.7 ความคิดริเร่ิมสรา้ งสรรค์ 1.8 การเป็นสมาชิกทดี่ ขี องสังคมและการปรับตวั อย่รู ว่ มกับผอู้ น่ื ได้อย่างมีความสขุ
1.9 การมีคณุ ธรรม จริยธรรม รกั ชน่ื ชมและภูมิใจในศลิ ปวัฒนธรรม ประเพณีท่ีดี งามของชาติ 2. บูรณาการจดั ประสบการณต์ ่างๆเข้าดว้ ยกันท้ังกิจกรรมรายบุคคล กจิ กรรมกลุ่มเล็ก กิจกรรมกลุ่ม ใหญใ่ นห้องเรยี น นอกหอ้ งเรยี นยึดเดก็ เปน็ ศูนยก์ ลางหลกั บรู ณาการทเี่ หมาะสม คอื 2.1 ยึดเด็กเปน็ สำคัญเน้นเร่อื งท่เี ดก็ สนใจ ใกลต้ วั เดก็ ให้เด็กได้มโี อกาสท ากจิ กรรม อาจเปน็ รายบุคคลหรอื กลุ่ม ความยาก ง่ายของกจิ กรรมควรมีปะปนกัน 2.2 สอดคล้องกบั พฒั นาการเด็กปฐมวยั มคี วามสนใจในสิ่งแวดลอ้ มรอบตวั ฉะนั้น จึงควรเลือก สิ่งแวดลอ้ มรอบตวั ทคี่ ้นุ เคยมาใหเ้ ดก็ ได้เรยี นรู้ 2.3 ใหป้ ระสบการณ์ท่ีกวา้ งขวาง เมอ่ื เด็กพบเหตุการณ์ใดเหตุการณห์ นึง่ เด็กมี โอกาสได้ ประสบการณ์ในหลายดา้ นพร้อมกนั ดังน้ันการจะช่วยใหเ้ ดก็ ได้ประโยชนเ์ ต็มที่จึงนา่ จะจดั ประสบการณ์แก่เด็กใน รปู แบบบรู ณาการ 3. การจดั ประสบการณต์ ้องดัดแปลงใหเ้ หมาะสมและสอดคล้องกับสภาพของเด็ก สภาพของทอ้ งถิ่น เพ่ือเด็กจะได้มโี อกาสฝกึ ฝนตนเองใหเ้ หมาะสมกบั สภาพท้องถนิ่ 4. จดั ประสบการณโ์ ดยมุง่ เน้นความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคล ให้เด็กได้พฒั นาเต็มตาม ศักยภาพ 5. จดั การประเมนิ พัฒนาการให้เปน็ กระบวนการอย่างต่อเนอ่ื ง และเป็นสว่ นหนึง่ ของการจัด ประสบการณ์ 6. ให้ผู้ปกครองและชมุ ชนมสี ว่ นร่วมในการพฒั นาเด็ก ๒.จดุ ประสงค์ และเป้าหมาย ของการดำเนินงาน 2.1 เพื่อส่งเสรมิ ศกั ยภาพเด็กปฐมวยั พัฒนาการทงั้ ๔ ดา้ นพฒั นาการดา้ นร่างกาย พัฒนาการด้าน อารมณ์ พัฒนาการด้านสงั คม พัฒนาการด้านสติปญั ญา ๒.2 เพ่ือใหเ้ ด็กได้แสดงออกซ่ึงความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ฝกึ การสังเกต และ การคิดแกป้ ัญหา ๒.3 เพอ่ื ให้เดก็ ได้ผ่อนคลายอารมณ์ให้ร่าเรงิ แจ่มใส ๒.๔ เพอ่ื ให้เดก็ กลา้ พดู กลา้ แสดงความคดิ เห็นและสามารถสนทนาโต้ตอบเปน็ ประโยคท่ีต่อเนอ่ื งได้ ๓. ขัน้ ตอนการดำเนินการ ศกึ ษาหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 และค่มู ือการใช้หลกั สตู ร ในเรอ่ื งตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ มาตรฐานและคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ของเด็กปฐมวยั คุณลักษณะตามวัยของเดก็ ปฐมวยั สาระการเรียนรู้ ขอบข่ายของกจิ กรรมที่จดั ให้กับเด็ก และพบว่ากิจกรรมเสริมประสบการณ์เป็นกิจกรรมทีม่ ุ่งเนน้ ให้เด็กได้ พฒั นาทกั ษะการเรียนรู้ฝึกการทำงานซง่ึ สามารถพัฒนาศักยภาพของเด็กได้หลายด้าน เชน่ พัฒนาดา้ น ร่างกาย กล้ามเน้ือเลก็ พฒั นาทางด้านอารมณ์ จติ ใจ พัฒนาการดา้ นสังคมและสตปิ ัญญา เด็กมีการผ่อนคลาย อารมณ์ใหร้ า่ เรงิ แจ่มใส พฒั นาทางด้านสงั คม เดก็ สามารถทำงานร่วมกับผู้อนื่ ได้ และ พัฒนาดา้ นสตปิ ญั ญา เดก็ ไดฝ้ ึกการสงั เกต การคดิ แกป้ ญั หา และการใช้ภาษา ซงึ่ จะจัดกิจกรรมในรปู แบบ on – line on – hand และ on - demand
on – line ใชว้ ธิ ี สนทนาผ่าน Application Line Google Meet Zoom Video Communications on – hand ใบงานหนว่ ยต่างๆ on - demand เว็บไซตต์ า่ ง ตามหนว่ ยที่กำหนด ดังนี้ กจิ กรรมเสริมประสบการณ์เพื่อพฒั นา พัฒนาการท้งั ๔ ดา้ น ของเด็ก จำนวน 5 หนว่ ยการเรียนรู 5 กจิ กรรมมีดงั นี้ ตารางหนว่ ยการเรียนรู้และกิจกรรม หนว่ ย กิจกรรม ครอบครัวมีสุข สมาชิกในครอบครัว ฝน ชุดป้องกนั ฝน ข้าว ขา้ วมาจากไหน วนั แม่ กลอนวนั แม่ ตน้ ไมท้ ร่ี ัก สว่ นประกอบของตอนไม้ 4. ผลงานดำเนินการ/ผลสมั ฤทธ์ิ/ประโยชน์ทไี่ ด้รบั ๔.1 ครไู ด้นำเทคนิควิธกี ารจดั กิจกรรมเสริมประสบการณ์โดยใช้ใบงานทห่ี ลากหลายมาพัฒนา ศักยภาพให้เด็ก โดยจัดกิจกรรมให้เด็กได้ใช้พฒั นาการท้ัง ๔ ดา้ นพฒั นาการดา้ นร่างกาย พฒั นาการด้าน อารมณ์ พัฒนาการด้านสงั คม พฒั นาการด้านสตปิ ัญญา ๔.2 เดก็ ปฐมวัยได้แสดงออกซง่ึ ความคดิ รเิ ริ่มสรา้ งสรรค์ ฝึกการสังเกต และ การคิดแกป้ ัญหา พัฒนา ด้านประสาทสมั พนั ธ์ พัฒนากล้ามเน้อื เลก็ และ พัฒนากลา้ มเน้อื ใหญ่ ๔.3 เดก็ ไดแ้ สดงออกซง่ึ ความคิดรเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์ และ เพื่อใหเ้ ดก็ ไดผ้ ่อนคลายอารมณ์ให้ร่าเรงิ แจม่ ใส และทางานร่วมกบั ผอู้ ่ืนได้ ๔.4 เดก็ กล้าพดู กล้าแสดงความคิดเหน็ และสามารถสนทนาโต้ตอบเปน็ ประโยคท่ีต่อเนอื่ งได้ ๕. ปจั จัยความสำเร็จ ปัจจยั ทท่ี ำให้การพฒั นาผลงานในการพฒั นาเดก็ ปฐมวัยในชว่ งสถานการณโ์ รคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา 2019 โดยการสอนแบบ on – line on – hand และ on - demand คอื 1. ผู้บริหารมีภาวะผู้นำและใหค้ วามสำคญั สนบั สนนุ ในการดำเนินกิจกรรม 2. คณะครู นกั เรยี นทุกคนให้การสนบั สนุนและรว่ มแรงรว่ มใจในการทำกิจกรรม 3. ผู้ปกครองใหก้ ารร่วมมือสนับสนนุ ในการจัดหาสอ่ื เพื่อใช้ในการจัดกจิ กรรม 4. เด็กปฐมวยั มคี วามสนใจและกระตือรือร้นในการทำกิจกรรมและทำใบความรู้ 5. ศึกษานเิ ทศก์ ผูบ้ ริหาร คณะครูในกลมุ่ โรงเรียน ท่เี ก่ียวขอ้ งให้คำปรกึ ษาท่ีดี 6. มีการประเมนิ พฒั นาการและปรบั ปรงุ ผลการทำงานเพื่อบรรลเุ ป้าหมายอย่างต่อเนื่อง
๖. บทเรยี นทไี่ ด้รบั ( Lesson Learned ) 1. ผลทเี่ กดิ จากการจัดกิจกรรมทำให้พฒั นาการท้ัง ๔ ดา้ นพฒั นาการด้านร่างกาย พัฒนาการด้าน อารมณ์ พัฒนาการด้านสังคม พัฒนาการด้านสติปญั ญาและพัฒนาการทางด้านการพดู ของเด็กดขี น้ึ มคี วาม กลา้ พดู กลา้ แสดงความ คดิ เห็น มคี วามมั่นใจ และสามารถสนทนาโต้ตอบเป็นประโยคทต่ี อ่ เน่ืองได้ 2. เดก็ สามารถแสดงออกซ่ึงความคดิ รเิ ริม่ สรา้ งสรรค์ ฝึกการสังเกต และ การคดิ แกป้ ญั หา
ภาคผนวก
on – line LINE Google meet Zoom
on – hand หนว่ ย ครอบครวั มสี ุข หนว่ ย ฝน หน่วย ขา้ ว หนว่ ย วันแม่ หนว่ ย ตน้ ไมท้ ีร่ กั
ช่ือ ........................................................................................ช้นั อนุบาลปี ที่................................. ใบงานหน่วยท่ี 5 หน่วยครอบครัวมีสุข คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนเขียนคาตามรอยประบคุ คลในครอบครัว และระบายสีใหส้ วยงาม พ่อ ป่ ู แม่ ยา่ พส่ี าว น้องชาย
ชื่อ..............................................................................................ช้นั อนุบาลปี ที่............................ ใบงานหน่วยที่ 5 หน่วยครอบครัวมีสุข คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนระบายสีภาพท่ีเป็นกิจกรรมการทางานบา้ นใหถ้ ูกตอ้ ง
ภาพการทำกจิ กรรม
หน่วย ฤดูฝน
ชื่อ..........................................................................................ช้นั อนุบาลปี ท่ี................................ ใบงานหน่วยท่ี 7 หน่วยฤดูฝน คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนเขียนคาตามรอย และระบายสีใหส้ วยงาม เมฆ ฝน มหาสมทุ ร แมน่ ้า วฏั จกั รของน้า
ช่ือ......................................................................................................ช้นั อนุบาลปี ที่ ................................. ใบงานหน่วยท่ี 7 หน่วยฤดูฝน คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนเรียงลาดบั การเกิดฝนโดยเติมตวั เลขลงในช่องวา่ ง และระบายสีใหส้ วยงาม
ชื่อ...............................................................................................ช้นั อนุบาลปี ที่........................... ใบงานหน่วยที่ 7 หน่วยฤดูฝน คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนเขียนตามรอยประอปุ กรณ์ที่ใชก้ นั ฝนตก และระบายสีใหส้ วยงาม รม่ เสอ้ื กนั ฝน รองเทา้ บทู
ภาพการทำกจิ กรรม
หน่วย ข้าว
ช่ือ..............................................................................................ช้นั อนุบาลปี ท่ี............................ ใบงานหน่วยที่ 8 หน่วยข้าว คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนเขียนตามรอยประ และระบายสีใหส้ วยงาม ขา้ ว Rice
ช่ือ......................................................................................................ช้นั อนุบาลปี ที่..................... ใบงานหน่วยท่ี 8 หน่วยข้าว คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนเขียนคาตามรอยประ และระบายสีใหส้ วยงาม ข้าว ขา้ วเปลอื ก ขา้ วสกุ ขา้ วสาร
ช่ือ......................................................................................................ช้นั อนุบาลปี ที่..................... ใบงานหน่วยท่ี 8 หน่วยข้าว คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนโยงเขียนคาตามรอยประ โยงเส้น และระบายสีใหส้ วยงาม ดานา เกย่ี วขา้ ว ไถนา
ภาพการทำกจิ กรรม
หน่วย วนั แม่
ช่ือ......................................................................................................ช้นั อนุบาลปี ท่ี..................... ใบงานหน่วยที่ 11 หน่วยวนั แม่ คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนเขียนคาตามรอยประ และระบายสีใหส้ วยงาม ดอกมะลิ Jasmine
ชื่อ......................................................................................................ช้นั อนุบาลปี ท่ี.................. ใบงานหน่วยท่ี 11 หน่วยวนั แม่ คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนเขียนตามรอยประ พร้อมวาดรูปแม่ และระบายสีใหส้ วยงาม วนั แมแ่ หง่ ชาติ
ชื่อ......................................................................................................ช้นั อนุบาลปี ที่..................... ใบงานหน่วยท่ี 11 หน่วยวนั แม่ คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนเขียนคาตามรอยประ และระบายสีใหส้ วยงาม กลอนวนั แม่ ต่นื เชา้ มาแมห่ ุงหาอาหารให้ ทกุ คนในครอบครวั ไดก้ นิ อม่ิ หนา ลกู ระลกึ พระคณุ แมเ่ ป็นประจา ลกู จะทาความดใี หแ้ มภ่ าคภูมิ
ช่ือ......................................................................................................ช้นั อนุบาลปี ท่ี.................... ใบงานหน่วยที่ 11 หน่วยวนั แม่ คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนเขียนคาตามรอยประ พร้อมโยงเส้น และระบายใหส้ วยงาม ไหว้ หอมแกม้ กอด
ภาพการทำกจิ กรรม
หน่วย ต้นไม้ท่รี ัก
ชื่อ......................................................................................................ช้นั อนุบาลปี ท่ี...................... ใบงานหน่วยที่ 15 หน่วยต้นไม้ทร่ี ัก คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนเขียนตามรอยประ และระบายสีใหส้ วยงาม ใบ ดอก ผล ลาตน้ ราก ตน้ ไม้
ชื่อ......................................................................................................ช้นั อนุบาลปี ท่ี..................... ใบงานหน่วยที่ 15 หน่วยต้นไม้ทรี่ ัก คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนโยงเส้นจบั คู่ภาพท่ีเหมือนกนั และระบายสีใหส้ วยงาม
ช่ือ......................................................................................................ช้นั อนุบาลปี ท่ี..................... ใบงานหน่วยที่ 15 หน่วยต้นไม้ทร่ี ัก คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนทบั ภาพท่ีเหมือนกบั ภาพตวั อยา่ งใหถ้ ูกตอ้ ง
ชื่อ......................................................................................................ช้นั อนุบาลปี ท่ี.................... ใบงานหน่วยที่ 15 หน่วยต้นไม้ที่รัก คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนเขียนตวั เลขเรียงลาดบั การเจริญเติบโตของตน้ ไมใ้ หถ้ ูกตอ้ ง
ภาพการทำกจิ กรรม
on - demand หน่วยครอบครวั มีสุข https://www.youtube.com/watch?v=D7zg9DRSH8k https://www.youtube.com/watch?v=IULDkiKY50c https://www.youtube.com/watch?v=AMH057GbemA https://www.youtube.com/watch?v=sZApRtiGKPA หนว่ ยฝน https://www.youtube.com/watch?v=tRGNzWd0MiM https://www.youtube.com/watch?v=e1jsN8EJ9J4 https://www.youtube.com/watch?v=CW1dgzTEihw https://www.youtube.com/watch?v=1UR01vdKsAA หน่วยขา้ ว https://www.youtube.com/watch?v=yEegLYhWhYg https://www.youtube.com/watch?v=cFTeqs-4Ghk https://www.youtube.com/watch?v=t5vmL8o_6RM https://www.youtube.com/watch?v=yTBnNSlU5rI หน่วยวันแม่ https://www.youtube.com/watch?v=wjx_6SmyUJY https://www.youtube.com/watch?v=MmEBiXQU1lg https://www.youtube.com/watch?v=WZenID-9CCw https://www.youtube.com/watch?v=f5-gYs0wHcI หน่วยต้นไม้ท่ีรัก https://www.youtube.com/watch?v=tO8gDP2IP9g https://www.youtube.com/watch?v=JmcImjsQue4 https://www.youtube.com/watch?v=0_9LzG4p3WY https://www.youtube.com/watch?v=0_9LzG4p3WY
Search
Read the Text Version
- 1 - 41
Pages: