Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงงานกลุ่ม52

โครงงานกลุ่ม52

Published by 20744, 2019-09-10 03:52:56

Description: โครงงานกลุ่ม52

Search

Read the Text Version

โครงงานคณติ ศาสตร์ เรือ่ ง คณุ ธรรมความขยนั หมั่นเพียรตามพระบรมราชาโชบาย ของพอ่ ตอ่ การเปลีย่ นทกั ษะการคดิ คานวณของนกั เรียน ทีม่ าจากตา่ งตาบล โดย 1. เดก็ หญงิ กชพร รตั นมงคล 2. เดก็ หญงิ ปภสั สร ซมิ้ เจริญ 3.เดก็ หญงิ ณฐั นิช ยานุ ครทู ีป่ รกึ ษา 1. นายสะดวก โสวะภาสน์ 2. นางสาวปาริชาติ มงคลดี โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15 (แสนภวู ทิ ยาประสาท) สานกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษประถมศกึ ษาเชียงราย เขต 3 รายงานฉบบั นีเ้ ปน็ สว่ นประกอบของโครงงานคณติ ศาสตร์ ประเภทบูรณาการความรใู้ นคณติ ศาสตรไ์ ปประยกุ ตใ์ ช้ ระดับชน้ั ป.4-6 เนื่องในงานศลิ ปหัตถกรรมนกั เรียนคร้งั ที่ 67 ประจาปกี ารศกึ ษา 2560

ก บทคดั ย่อ ชื่อโครงงาน : คณุ ธรรมความขยนั หมน่ั เพียรตามพระบรมราชาโชบายของพ่อต่อการเปลีย่ นทกั ษะการ คดิ คานวณของนกั เรียนที่มาจากต่างตาบล จานวนหนา้ : 29 หน้า ประเภท : บูรณาการความรใู้ นคณิตศาสตรไ์ ปประยกุ ตใ์ ช้ ระดบั ชน้ั : ป.4 - 6 ผทู้ า : เด็กหญิงกชพร รตั นมงคล ป.6/1 โครงงาน เด็กหญิงประภัสสร ซิ้มเจริญ ป.6/1 เด็กหญงิ ณฐั ธนิช ยานุ ป.6/1 ทีป่ รกึ ษาโครงงาน : นายสะดวก โสวะภาสน์ นางสาวปารชิ าติ มงคลดี สถาบนั การศกึ ษา : โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 15 (เวียงเกา่ แสนภูวิทยาประสาท) สานกั งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 โครงงานนี้มีจุดประสงค์ 1. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง การบวก ลบ คูณ หารเลขที่มีหลายหลัก ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เข้าร่วมโครงงานกับเกณฑ์และ2. เพื่อ เปรียบเทียบความขยันหมั่นเพียรของนกั เรียนระดบั ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 กอนและหลงั ที่ไดเขา้ รว่ มโครงงาน กลมุ่ ตัวอย่างที่ใช้ในการดาเนนิ การเป็นนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 6/1 – 6/4 โรงเรียนราช ประชานุเคราะห์ 15 ( เวียงเก่าแสนภูวิทยาประสาท ) ที่กาลังเรียนใน ปีการศึกษา 2560 จานวน 49 คน ซึ่งได้มาโดยการสมัครใจเข้าร่วมโครงงานเอง เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองครั้งนี้ประกอบด้วย แบบฝึกทักษะการบวก ลบ คูณ หารเลขที่มีหลายหลัก วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าสถิติ ค่าเฉลี่ย ( X ) และ ค่าสถติ ริ ้อยละ ผลการจัดทาโครงงานพบว่า 1. ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 ภายหลังเข้าร่วมโครงงาน “พระบรมราโชบายของพ่อต่อการเปลีย่ นทักษะการคิดคานวณของนักเรียนที่มา จาก ต่างตาบล”อยู่ในระดับสูงกว่าเกณฑ์ ร้อยละ 60 สอดคล้องกับสมมติฐานของการดาเนินการ 2. ความขยนั หม่นั เพียรของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภายหลังนักเรียนเข้าร่วมโครงงาน สูงกว่าก่อน เขา้ ร่วมโครงงาน สอดคล้องกบั สมมติฐานของการดาเนนิ การ

สารบญั ข เรือ่ ง หน้า บทคัดยอ่ ก กติ ตกิ รรมประกาศ ข สารบัญ ค สารบัญตาราง ง บทที่ 1 บทนา 1 บทที่ 2 เอกสารที่เกีย่ วขอ้ ง 5 บทที่ 3 วิธีการดาเนนิ การ 24 บทที่ 4 ผลการดาเนนิ การ 26 บทที่ 5 สรปุ อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 27 บรรณานุกรม 30 ง สารบญั ตาราง

ตราราง หนา้ ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู 24 กิตติกรรมประกาศ โครงงาน”คุณธรรมความขยันหมั่นเพียรตามพระบรมราชาโชบายของพ่อต่อการเปลี่ยนทักษะการ คิดคานวณของนักเรียนที่มาจากต่างตาบล” ฉบับนี้สาเร็จได้ด้วยดีเพราะคณะผู้จัดทาโครงงานไดรับความ กรุณาเอาใจใส ไดรับคาปรึกษา รวมทั้งข้อเสนอแนะและคาแนะนารวมท้ังการดูแลแกไขขอบกพรองตาง ๆ จากครูสะดวก โสวะภาสน์ ครูปาริชาติ มงคลดี คณะผู้จัดทารู้สึกซาบซึ้งในความกรุณาที่ไดรับ และขอกราบขอบพระคุณเปนอยางสงู ไว ณ โอกาสนี้ ขอกราบขอบพระคุณ ท่านผอู้ านวย ดร. ดร.กัมพล ไชยนนั ท์ ผอู้ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15 (เวียงเก่าแสนภูวิทยาประสาท) คณะคุณครูทุกทาน และขอขอบใจเพื่อนนักเรียนที่เปนกลุมตัวอยางทุกคน

ที่ชวยสนับสนุน สงเสริมการทาโครงงานในครั้งนี้ ใหสาเร็จ ลุลวงไปดวยดีมาโดยตลอด คณะผู้จัดทา โครงงานขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ ทายสุดนีข้ อกราบขอบพระคุณมารดา บิดา ที่คอยใหการชวยเหลือในทุก ๆ ดาน คอยเปนกาลังใจ หวงใยมาโดยตลอด ซึ่งคุณประโยชนของโครงงานฉบับนี้ คณะผู้จัดทาขอมอบแดมารดา บิดา และคนใน ครอบครัวทุกคน ตลอดจนคุณครู อาจารย ที่ไดใหการอบรมส่ังสอนใหคณะผู้จัดทาโครงงานประสบ ความสาเรจ็ ในการจัดทาคร้ังนี้ คณะผ้จู ัดทา บทที่ 1 บทนา ภมู หิ ลงั พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวภูมิพลอดุลยเดช (กรมวิชาการ. 2528:298) ทรงชี้ทางการจัดการศึกษาตอนหน่ึงวา “การศึกษาเปนเครื่องมืออันสาคัญในการพัฒนาความรู ความคิด ความประพฤติ ทัศนคติ คานิยม และคุณธรรมของบุคคลเพื่อใหเปนพลเมืองที่ดีมีคุณภาพและระสิทธิภาพ เมือ่ บานเมืองประกอบไปดวยพลเมืองที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพการพัฒนาประเทศก็ยอมทาไดโดย สะดวก ราบรื่น ไดผลที่แนนอนและรวดเรว็ ” (อารุง จันทวานชิ .2542: 77) คนที่มีคุณภาพในปจจุบนั และอนาคต ตองประกอบดวยลักษณะมองกวาง คิดไกล ใฝดีมีคุณธรรม รูเทาทันการเปลี่ยนแปลงของโลกและสังคม มี คุณลักษณะที่พึงประสงค ทั้งดานจิตใจและพฤติกรรมที่แสดงออก เชน มีวินัย ประหยัด มีความเอื้อเฟอเกื้อ กูล มีเหตุผล รูหนาที่ ซื่อสัตยพากเพียร ขยัน ใฝรูใฝเรียนตลอดชีวิ(สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. 2547: 5) ซ่ึงศูนยสงเสริมและพัฒนาพลังแผนดินเชิงคุณธรรม (2551 :ญ) ไดทาการวิจัยและพัฒนา ตัวบงชี้คุณธรรมและจริยธรรม มีการจัดลาดับคุณธรรมจริยธรรมที่สาคัญตามกลุม/อาชีพ ผล ปรากฏวา คุณธรรมจริยธรรมที่สาคัญเปนอันดับ 1 ของกลุมนักเรียนและนักศึกษา คือ ความขยันหม่ันเพียร

ความขยันหมั่นเพียรมีความหมายตรงกับวิริยะในคุณธรรมอิทธิบาท 4 อันเปนคุณธรรมซึ่งเปนวิถีทางที่จะ นาไปสูความสาเร็จในชีวติ กลาวคือ ความเพียรพยายามแมจะพบกบั ความลมเหลวบางก็ไมทอแทซึ่งควรปลูกฝ งใหเกดิ ขนึ้ ในเด็กและเยาวชนไทย (ชยั วัฒน อฒั พัฒน พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช (สานักราชเลขาธิการ. 2531 :221)ไดทรง เห็นความสาคัญของเยาวชนเปนอยางยิ่ง ดังไดพระราชทานพระบรมราโชวาทเนื่องในวันเด็กประจาป พุทธศักราช 2525 เพื่อเปนแนวทางในการดาเนินชีวิตของเยาวชนที่เกี่ยวของกับความขยันหม่ันเพียร ความ ตอนหนึ่งวา “...เด็ก ๆ จะตองรูวาความสุขสบายมิใชจะหามาไดงาย ๆ เปลา ๆจะเกิดขึ้นดวยการ ประกอบการงานและความดีตาง ๆ ซ่ึงตองพากเพียรและกระทาอยูตลอดเวลาคนที่ทาตัวไมดีไมหมั่นทาการ งาน จะหาความสขุ ความสบายไมได เพราะฉะนัน้ เดก็ ทกุ คนจะตองต้ังใจศึกษาเลาเรียนหาความรูความดีไวให เตม็ ที่ สาหรบั ชวยตวั เองใหมีความสขุ ความเจริญตอไป... ” โรงเรียนประชานุเคราะห์ 15 (เวียงเก่าแสนภูวิทยาประสาท)เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่มีนักเรียน เดินทางมาเรียนจากต่างตาบลหลายตาบลอยู่ในตาบลเชียงแสน 45 คน นอกน้ันเป็นนักเรียนที่อยู่นอก ตาบลเชียงแสน 102 คน เร่ิมเรียนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จานวน 56 คน ที่เหลือ 91 คน ย้ายมา จากโรงเรียนในต่างตาบลในระดับชน้ั ต่าง ๆ จากการที่นักเรียนชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 6 มาจากหลายตาบล แตล่ ะคนเข้ามาเรียนและจบมาจาก คนละชน้ั เรียน มาจากต่างโรงเรียน ต่างหมู่บ้าน ต่างพื้นที่ จากการทดสอบความรู้พื้นฐานในด้านการคิด คานวณเรื่อง การบวก ลบ คูณ หารเลขที่มีหลายหลักชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1-6/4 ของคุณครูสะดวก โสวะภาสน์ โดยใช้ข้อสอบของชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 – 6 โดยเกณฑ์การผ่าน 60 % ผลการทดสอบ เป็นที่น่าตกใจเนื่องจากนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียนท้ังหมด 147 คน นักเรียน 23 คน บวกเลขที่มีหลายหลักไม่ได้ 52 คน ลบเลขที่มีหลายหลักไม่ได้ 91 คน คูณเลขที่มีหลายหลักไม่ได้ และ 123 คน หารเลขทีม่ ีหลายหลกั ไม่ได้ และจากรายงานผลการประเมนิ ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนของนักเรียนช้ัน ประถมศึกษาปีที่ 5ของสานักคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจาปีการศึกษา 2559 ซ่ึงเป็น ปีการศึกษาที่นักเรียนกาลังเรียนอยู่ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในปีการศึกษา 2560 นี้ ได้คะแนนเฉลี่ย 30.39 ซึ่งเปน็ คะแนนทีต่ า่ มาก จากการวิเคราะห์ข้อมูลการเดินทางมาเรียน พบว่า นักเรียนที่มาเรียนมาจากต่างตาบล มีความรู้ ความสามารถแตกตา่ งกนั การจัดห้องเรียนเป็นแบบคละความสามารถ และผลการทดสอบความรู้พื้นฐานของ นกั เรียนรวมท้ังผลการทดสอบของสานักคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 สรุปได้ ว่า นักเรียนบวก ลบ คูณ หารเลขที่มีหลายหลักไม่ได้ ท้ังนี้อาจมีสาเหตุหลายปัจจัย สาเหตุหน่ึงน่าจะมาจากตัว นักเรียนเองที่ขาดการทบทวนในเนื้อหาที่ครูสอน หรือ ขาดการทาแบบฝึกหัดอย่างต่อเนื่อง ทาอย่างไรนักเรียนที่ ที่มีปัญหา บวก ลบ คูณ หารเลขที่มีหลายหลักไม่ได้จะสามารถบวก ลบ คูณ หารเลขที่มีหลายหลักได้โดยไม่ ส่งผลกระทบต่อการเรียนในเวลาปกติ คณะผู้จัดทาโครงงานมีความเชื่อม่ันว่า โครงงาน “คุณธรรมความ ขยันหม่ันเพียรตามพระบรมราชาโชบายของพ่อต่อการเปลี่ยนทักษะการคิดคานวณของนักเรียนที่มาจากต่าง ตาบล” จะเป็นโครงงานที่จะทาให้นักเรียนมีทักษะการคิดคานวณส่งผลให้ ผลการเรียนในกลุ่มสาระการ

เรียนรู้คณิตศาสตร์สูงข้ึน สามารถวัดผลและประเมินผลได้ตามสภาพ ที่แท้จริง จึงได้จัดทา โครงงาน “คุณธรรมความขยันหม่ันเพียรตามพระบรมราชาโชบายของพ่อต่อ การเปลี่ยนทักษะการคิดคานวณของ นักเรียนที่มาจากต่างตาบล” ช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 ข้ึน เพื่อเป็น แนวทางให้นักเรียนได้นาไปใช้และเพื่อส่งเสริมให้การเรียนการสอนกลุ่มสาระก ารเรียนรู้คณิตศาสตร์มี ประสทิ ธิภาพต่อไป วัตถปุ ระสงคข์ องการดาเนนิ การ 1. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนเรือ่ ง การบวก ลบ คูณ หารเลขที่มีหลายหลัก ของนักเรียนชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 6 ที่เข้าร่วมโครงงานกับเกณฑ์ 2. เพื่อเปรียบเทียบความขยนั หม่นั เพียรของนักเรียนระดบั ช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 กอนและ หลงั ที่ไดเข้าร่วมโครงงาน สมมตฐิ านของการดาเนินการ 1. นักเรียนทีเ่ ข้าร่วมโครงงาน “คณุ ธรรมความขยนั หมั่นเพียรตามพระบรมราชาโชบายของ พอ่ ต่อการเปลีย่ นทกั ษะการคดิ คานวณของนกั เรียนที่มาจากต่างตาบล” มีผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน คณิตศาสตร์เรือ่ ง การบวก ลบ คูณ หารเลขที่มีหลายหลัก ผา่ นเกณฑร์ อ้ ยละ 60 2. นกั เรียนที่เข้าร่วมโครงงานมีความขยนั หม่นั เพียรสงู ขึน้ ขอบเขตของการศกึ ษาคน้ ควา้ 1. กลมุ่ ตัวอยา่ ง กล่มุ ตัวอยา่ งที่ใช้ในการดาเนินโครงงานเป็นนักเรียนชั้นประถมศกึ ษาศกึ ษาปที ี่ 6 โรงเรียน ราชประชานุเคราะห์ 15 (เวียงเกา่ แสนภูวทิ ยาประสาท ) ที่กาลงั เรียนในภาคเรียนที่ 1 ปี การศกึ ษา 2560 จานวน 49 คน ซ่งึ ไดม้ าโดยการสมัครใจเข้าร่วมโครงงานเอง 2. เนือ้ หาทีใ่ ช้ในการดาเนินการ เป็นเนื้อหากลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ช่วงช้ันที่ 2 ในเรือ่ งการบวก ลบ คูณ หาร เลขทีม่ ีหลายหลกั 3. ตัวแปรที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 3.1 ตวั แปรอสิ ระ คือ นกั เรียนที่ฝกึ การคดิ คานวณในเรื่องการบวก ลบ คณู หาร เลขที่ มีหลายหลัก ด้วยโครงงาน “คณุ ธรรมความขยันหมั่นเพียรตามพระบรมราชาโชบายของพ่อตอ่ การเปลี่ยน ทักษะการคดิ คานวณของนกั เรียนที่มาจากตา่ งตาบล” 3.2 ตัวแปรตาม ได้แก่

3.2.1 ผลสัมฤทธิท์ างการการคดิ คานวณของนักเรียนในเรื่อง ในเรื่องการบวก ลบ คูณ หาร เลขที่มีหลายหลัก 3.2.2 ความขยนั หม่ันเพียร 4. ระยะเวลาที่ใชใ้ นการดาเนินการ ผรู้ ายงานใชเ้ วลาในการดาเนนิ การในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 ระหว่างวันที่ 20 พฤษภาคม 2560 ถึงวันที่ 15 กันยายน 2560 นยิ ามศพั ทเ์ ฉพาะ 1. ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนคณิตศาสตร์ หมายถึง ความรูค้ วามสามารถในการเรียนรู้ คณิตศาสตรร์ ายวชิ าคณิตศาสตรพ์ ืน้ ฐาน ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 6 เรือ่ งการบวก ลบ คูณ หารเลข ที่มีหลาย หลกั ที่ได้รบั จากการเข้าร่วมโครงงาน“คุณธรรมความขยันหม่ันเพียรตามพระบรมราชาโชบายของพ่อต่อการ เปลี่ยนทักษะการคิดคานวณของนักเรียนที่มาจากต่างตาบล” โดยวัดผล สัมฤทธิ์ทางการเรียนตามแนวคิด ของวลิ สัน (Wilson. 1971: 643-696) จาแนกไวเ้ ปน็ 4 ดา้ น ไดแ้ ก่ 1) ดา้ นความรู้-ความจา (Knowledge) 2) ดา้ นความเขา้ ใจ (Comprehension) 3) ดา้ นการนาไปใช้ (Application) 4) ดา้ นการวิเคราะห์ (Analysis) ในการวัดพฤติกรรมของผเู้ รียนทง้ั 4 ด้านนี้ จะใชแ้ บบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน ซึง่ เป็นแบบ อัตนัยแสดงวธิ ีทาหาคาตอบ จานวน 50 ข้อ 2. ความขยนั หมนั่ เพียร หมายถงึ การแสดงออกของนักเรียนที่แสดงใหเ้ ห็นว่านกั เรียน มีความต้งั ใจ เอาใจใส่ มีความมุง่ ม่ันในการทางาน เอาจริงจังกับการทางาน กระตือรือร้นและพยายามต่อ การทางานที่เกี่ยวข้องอย่างสม่าเสมอ ไม่หลีกหนีงานทางานจนแล้วเสร็จ ไม่ทางานค่ังค้าง ไม่ย่อท้อต่อ ความยากลาบาก ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ พยายามทางานให้ผิดน้อยที่สุดมีความพยายามทางานให้ บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ 3.เกณฑ หมายถึง คะแนนขนั้ ต่าที่สานกั วิชาการและมาตรฐานการศึกษา (2548: 70) ไดกาหนดไววา ถาผูเรียนไดคะแนนรอยละ 60 ข้ึนไป ถือวาผานเกณฑข้ันต่าที่ กาหนด ในที่นี้หมายถึง รอยละ 60 ของคะแนนเต็มจากการทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียน กลาวคือ ถานักเรียนไดคะแนนในการทาแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนรอยละ 60ขน้ึ ไปของคะแนนเต็มถือวา นกั เรียนผูนน้ั ผานเกณฑ์ กรอบแนวคดิ ของการศกึ ษาคน้ ควา้ ตวั แปรตาม ตวั แปรอสิ ระ การสอนแบบ 1. ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนคณติ ศาสตร์ โครงงาน 2. ความขยนั หม่นั เพียร

บทที่ 2 เอกสารทีเ่ กีย่ วขอ้ ง ในการจัดทาโครงงานในครง้ั นี้ผู้จดั ทาไดศึกษาพระบรมราโชวาท เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข อง ดังตอไปนี้ 1. พระบรมราวาททีเ่ กี่ยวข้องกับความขยันหมนั่ เพียรตามพระบรมราโชบาย 12 ข้อ 2. เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วของกับความขยนั หมน่ั เพียร 2.1 ความหมายของความขยนั หมน่ั เพียร 2.2 ลักษณะของความขยนั หม่ันเพียร 2.3 งานวจิ ัยที่เกีย่ วของกบั ความขยนั หมน่ั เพียร 3. เอกสารที่เกีย่ วของกบั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร 3.1 ความหมายของผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร 3.2 องคประกอบที่มีอิทธิพลตอผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน 3.3 สาเหตุที่ทาใหเกิดปญหาตอผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนคณิตศาสตร 3.4 การวัดผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนคณติ ศาสตร 3.5 แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนคณิตศาสตร 1. พระบรมราวาททีเ่ กีย่ วขอ้ งกบั ความขยนั หมน่ั เพียรตามพระบรมราโชบาย 12 ขอ้ “ งานของครู นอกจากสอนให้รู้วิชาแล้ว ยังต้องฝึกฝนอบรมความประพฤติปฏิบัติให้แก่ศิษย์ด้วย งานประการหลงั นี้ รูส้ ึกกนั ในเวลานีว้ า่ ทาได้ลาบากยากยิ่ง เลยเป็นเหตุให้หลายคนพากันละวางความสนใจ ไปเสียเฉย ๆ ผู้ที่รู้อุบายอันแยบคาย จะไม่มองข้ามการอบรมความประพฤติของเด็กเป็นอันขาด และย่อมจะ พยายามทางานด้านนี้มิให้ยอ่ หย่อนไปกว่าการสอนวิชา เพราะเขาสามารถทาได้ คือ ผู้ฉลาดย่อมรู้ธรรมชาติ ของเด็ก ว่าเด็กวัยใด ลักษณะใด ชอบการฝึกหัดอบรมแบบใด เขาย่อมสังเกตทราบว่า เด็กวัยหน่ึงต้องหัด ต้องประคองให้ทา จึงจะได้ผล อีกวัยหนึ่งต้องเคี่ยวเข็ญ ต้องบังคับ ต้องกวดขันให้ทา จึงจะได้ผล อีกวัย หน่ึงต้องแสดงเหตุผลช่ัวดีให้เห็นก่อน เพื่อชักนาให้ทาจึงจะเห็นผล แต่ไม่ว่าจะสอนเด็กวัยใด ลักษณะใด ผู้สอนจะต้องลงมือประพฤติเป็นตัวอย่างด้วยตัวเอง ให้ได้เห็นได้อยู่ตลอดเวลา โดยไม่ละเลยความประพฤติ ปฏิบัติที่จะต้องการให้เกิดมีในตัวเด็กเป็นอันขาด ไม่ว่าจะเป็นข้อปฏิบัติเล็กน้อยปลีกย่อยเพียงใด ยิ่งในเรื่อง ความขยันหมั่นเพียร ยิ่งต้องเน้นเป็นพิเศษ เพื่อให้เห็นว่าความเพียรน้ันเป็นประธานของการงานทุกอย่าง การทางานใดๆ ไม่ว่าเล็ก ใหญ่ ง่าย ยาก ถ้าย่อหย่อนจากความเพียรแล้ว ยากที่จะให้สาเร็จเรียบร้อย ทนั เวลาได้ การฝึกฝนความเพียรถงึ หากแรกๆ จะรูส้ ึกเหนด็ เหนื่อยลาบาก แตพ่ อได้เพียรจนเปน็ นิสัยแล้ว ก็จะ กลับเป็นพลังอย่างสาคัญที่คอยกระตุ้นเตือนให้ทางานอย่างจริงจังด้วยใจร่าเริง และเมื่อใดพลังงานความ เพียรนั้นเกิดข้ึน เมื่อน้ัน การงานท้ังหลายก็สาเร็จได้โดยง่ายดายและรวดเร็ว” (พระบรมราโชวาท

พระราชทานในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบตั รแก่ผ้สู าเรจ็ การศกึ ษามหาวทิ ยาลัยศรี นครินทรวิโรฒ วันที่ 21 มิถุนายน 2522) “…คาว่าเพียรและคาว่าอดทนเป็นคุณสมบัติหรือคุณธรรมที่จะต้องปฏิบัติ โดยเฉพาะผู้ที่กาลังศึกษา เพื่อการศึกษาเพราะว่าการศึกษานี้ หมายความว่าการเรียน การหาความรู้ของผู้ที่ศึกษา ก็เป็นส่ิงที่ ยากลาบาก จึงต้องมีความเพียรความอดทน … เราเป็นคน เราเป็นนักศึกษาหรือนักเรียน หรือแม้จะไม่ใช่ นักเรียนนักศึกษาก็เรียนอยู่เสมอ ศึกษาอยู่เสมอ … คนเราเรามีปัญญา ควรจะมีปัญญา หมายความว่ามี ความเข้าใจ เขา้ ใจด้วยเหตุผลได้ รู้จักใช้เหตุผล รู้จักเลือกสิ่งที่ดีที่งาม รู้ว่าอันนี้ดี อันนี้ไม่ดี ถูกต้องหรือไม่ ถูกต้อง …” (พระบรมราโชวาทพระราชทานแก่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ณ วิทยาเขต สงขลาวนั ที่ 25 กนั ยายน 2521) “…คนเราจะแสวงหาแต่วิชาการฝ่ายเดียวไม่ได้ ผู้มีวิชาการจาเป็นจะต้องมีคุณสมบัติในตัวเอง นอกจากวิชาความรู้ด้วย จึงจะนาตนนาชาติให้รอดและเจริญได้ คุณสมบัติพื้นฐานที่จาเป็นสาหรับทุกคนน้ัน ที่สาคัญได้แก่ความรู้จักผิดชอบชั่วดี ความละอายช่ัวกลัวบาป ความซื่อสัตย์สุจริต ทั้งในความคิดและการ กระทา ความไมเ่ หน็ แกต่ ัว ไม่เอารดั เอาเปรียบผู้อื่น ความไม่มักง่าย หยาบคาย กับอีกอย่างหน่ึงที่สาคัญเป็น พิเศษ คือ ความขยันหม่ันเพียร พยายามฝึกหัดประกอบการงานทุกอย่างด้วยตนเอง ด้วยความต้ังใจ ไม่ ละเลย ไม่ทอดทิ้ง คุณสมบัติเหล่านี้เป็นองค์ประกอบที่สาคัญ ที่จะทาให้การศึกษาสมบรูณ์เป็นประโยชน์ จริง…” (พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ 22 มิถุนายน 2522) ความเพียรทีถ่ กู ตอ้ งเป็นธรรม และพึงประสงคน์ ้นั คือความเพียรที่จะกาจัดความเสื่อมให้หมดไป และ ระวังป้องกนั มใิ ห้เกดิ ข้ึนใหมอ่ ยา่ งหน่ึง กับความเพียรที่จะสร้างสรรค์ความดีงามให้บังเกิดข้ึนและระวังรักษา มใิ ห้เสื่อมสิ้นไปอยา่ งหนึ่ง ความเพียรทง้ั สองประการนี้ เป็นอุปการะอย่างสาคัญต่อการปฏบิ ัติตน ปฏิบัติงาน ถา้ ทกุ คนในชาติจะได้ต้ังตนต้ังใจอยู่ในความเพียรดังกล่าว ประโยชน์และความสุขก็จะบังเกิดขึ้นพร้อมทั้งแก่ ส่วนตัวและส่วนรวม (พระราชดารัสพระราชทานในพิธีกาญจนาภิเษกทรงครองราชย์ ครบ 50 ปี พ.ศ. 2539) พระบรมราโชบายของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั รชั กาลที่ 9 1. รจู้ กั รักษาความสะอาดทั้งกายและใจ 2. รจู้ ักช่วยเหลือตนเอง 3. เปน็ เด็กดี มีความเมตตา กรณุ า 4. มีความซื่อสตั ย์ สุจริต 5. ตรงต่อเวลา 6. มีความกตัญญู กตเวที 7. มีความขยันหมัน่ เพียร 8. มีความประพฤติเรียบร้อย ออ่ นน้อม ถอ่ มตน 9. มีความโอบออ้ มอารี 10. รรู้ ักสามคั คี อยู่ร่วมกันด้วยสันติ

11. รจู้ ักการทาสวนครวั เลี้ยงสตั ว์และนาไปจาหนา่ ย 12.รจู้ กั มัธยัสถ์อดออม ฝากเงนิ ไว้ในบญั ชีธนาคารเพื่ออนาคตของตวั เอง 2. เอกสารและงานวจิ ยั ทีเ่ กีย่ วของกบั ความขยนั หมนั่ เพียร 2.1 ความหมายของความขยนั หมน่ั เพียร กดู (Good. 1973: 132) ใหความหมายของความขยนั หมนั่ เพียรวาวา หมายถงึ ความ มุ งมน่ั ในการใชความมานะพยายามเพื่อทางานที่ไดรับมอบหมาย เวบสเตอร Webster. 1973: 281) ใหความหมายของความขยนั หมั่นเพียรวา หมายถงึ ความพยายามอยางสมา่ เสมอเพื่อใหไดผลสาเรจ็ ในงานที่ทาดวยความระมดั ระวัง เอาใจใสและ อุตสาหะ กรมวิชาการ (2523: 61) ใหความหมายของความขยันหมั่นเพียรวา หมายถึง ธรรมที่ชวย เสริมสรางความสาเร็จในชีวิตและควรใชรวมกับปญญาและจริยธรรมในหมวดอิทธิบาท 4 ที่เนน ความ พอใจความมีใจจดจอและความไตรตรองการฝกปฏิบัติควรเนนการควบคุมตนเองอันเปน ที่มาของระเบียบ วินัยดวย มิลินทร สาเภาเงิน (2524: 11) ให ความหมายของความขยันหมั่นเพียรว า หมายถึง พฤติกรรมที่นักเรียนแสดงออกโดยการทาการบานและงานสม่ําเสมอต้ังใจเรียนดวยความเอาใจใส ชวยผู ปกครองทาการบาน ทางานอดเิ รกเมือ่ มีเวลาวาง ตั้งใจทางานที่มอบหมายให มีความกระตือ รือรนในการ เรียนและ เขารวมกิจกรรมตาง ๆ นิศา ดานวิริยะกุล (2527: 135) ใหความหมายของความขยันหมั่นเพียร หมายถึง ความ พยายามอยางสม่ําเสมอเพือ่ ใหไดรับผลสาเร็จในงานทีท่ าดวยความระมดั ระวัง เอาใจใสและ อตุ สาหะ หนวยศึกษานิเทศก กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ (2529: 55) ใหความหมายของ ความขยันหม่ันเพียรวา หมายถึง การปฏิบัติหนาที่การงานและการประกอบอาชีพสุจริตอยาง กระตือรือร นและตัง้ ใจจริงใหสาเร็จดวยความมานะอดทน สานักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแหงชาติ กระทรวงศึกษาธิการ (2529: 35) ได ระบุ ความหมายของความขยันหม่นั เพียรวา หมายถึง การที่นักเรียนมีความรับผิดชอบและมุงมั่นใน การศึกษาเล าเรียนใหสาเร็จโดยเร็วทีส่ ดุ มีความอดทน ไมยอทอตอความยากลาบาก รูจักใชเวลา วางใหเปนประ โย ชนในการศึกษาเลาเรียนใหมากทีส่ ุด ประภาศรี สีหอาไพ (2531: 61) ไดใหความหมายของความขยันหม่ันเพียร คือ การใช ปญญา ดวยความพอใจในการทางาน มีความเพียร ความเอาใจใส มีใจจดจอตองานที่ทา และ ไตรตรองพิจารณา ดวยความอดทนขยัน พยายามปรับปรุงแกไขขอบกพรองดวยความมานะบาก บั่นใหทางานผิดนอยที่สุด คนควาศึกษาหาความรูไมละเลยตอธุระในการงาน ควบคุมตนเองใหใช เวลาวางตามกาหนด ใชเวลา วางใหเปนประโยชน ศศวรรณ เทศศรีเมือง (2535: 23) ใหความหมายของความขยันหมั่นเพียรวา หมายถึง การ ทีน่ ักเรียนแสดงความสนใจ ต้งั ใจ เอาใจใสตอการเรียนการสอน มีความพยายามทางานและ รวมกิจกรรม ที่ครกู าหนดขณะที่มีการเรียนการสอน

สานักงานคณะกรรมการประถมศึกษาแหงชาติ (2539: 55-56) ใหความหมายของความ ขยนั หมน่ั เพียรวา หมายถึง ความพยายามที่ทางานใหสาเร็จ ซ่ึงรวมไปถึงความพึงพอใจ ความมีใจ จดจอ และการควบคุมตนเอง ไพโรจน ปานอยู ใหความหมายของความขยนั หม่นั เพียรวา หมายถึง พฤติกรรมที่ นักเรียนแสดงออกโดยการทาการบานและงานสม่าเสมอ ตั้งใจทางานที่มอบหมายใหมีความกระตือรือรน ในการเรียนและกจิ กรรมตาง ๆ ยุพดี ปดตะคุ. (2537: 20) ใหความหมายของความขยันหมั่นเพียรวา หมายถึง พฤติกรรม การเรียนทีน่ ักเรียนแสดงออกดวยความตั้งใจ เอาใจใส มีความมานะพยายาม อดทน ไมยอทอตออุปสรรค ที่เกิดข้ึนจากตัวนักเรียนเองหรือส่ิงแวดลอม ตั้งใจทางานที่ไดรับมอบหมายให เสร็จทันเวลาหรือกอนเวลาที่ กาหนด มีความกระตือรือรน เขารวมกิจกรรมตาง ๆ ใหความรวมมือ กับเพื่อนในการทางานเพื่อใหไดรับ ผลสาเร็จ สุพัตรา สุภาพ (2541: 25) ใหความหมายของความขยันหม่ันเพียรวา หมายถึง การไม่ย อท้อตอ่ อปุ สรรคทงั้ ปวงตอความยากลาบากและมีความอดทน นวลละออ แสงสขุ (2544: 19) ใหความหมายความขยันหม่ันเพียรวา หมายถึง ความ มานะ พยายามเอาใจใสตองานดวยความกระตือรือรน ไมนิ่งเฉยใหเวลาวางไปโดยเปลาประโยชน และมไิ ดยอ ท อตออุปสรรคตาง ๆ เพือ่ ใหงานสาเร็จตามความมุงหมายหรือความตองการ พระธรรมปฎก (ป.อ.ปยุตฺโต. 2545: 880) ไดกลาวถึงความหมายของวิริยะหรือ ความเพียร (ในโพชฌงค หมายถงึ ความแกลวกลา เขมแข็ง กระตือรือรนในธรรม หรือส่ิงที่ปญญาเฟน ได อาจ หาญในความดีมีกาลังใจสูกิจ บากบ่ัน รุดไปขางหนา ยึดจิตไวได ไมใหหดหูทอถอยหรือ ทอแท และพระ ธรรม ปฎก (ป.อ.ปยุตฺโต. 2545: 239) ไดกลาวถึงความหมายของ วิริยะหรือความ เพียร (ในบารมี 10) หมายถึง ความแกลวกลา ไมเกรงกลัวอุปสรรค พยายาม บากบั่น อุตสาหะ กาวหนาไปเรื่อย ไม ทอดทิง้ ธุระ ชัชลินี จุงพิวัฒน ใหความหมายความขยันหมั่นเพียรในการเรียนวา หมายถึง พฤติกรรมที่นักเรียนแสดงออกดวยความต้ังใจ เอาใจใสตอการเรียนอยางสม่าเสมอ ตั้งใจทางานที่ ไดรับ มอบหมายใหสาเรจ็ ทนั เวลาหรือกอนเวลาที่กาหนด มีความกระตือรือรนในการเรียนเพือ่ ให ไดรบั ผลสาเรจ็ สาราญ เพ็ญภักดี (2549: 12) ใหความหมายความขยันหม่ันเพียรของนักเรียนชวงชั้นที่ 1 ของการวิจัยวา หมายถึง การแสดงออกของนักเรียนชวงช้ันที่ 1 ดานการศึกษาเลาเรียน การปฏิบัติ งาน ของตนเองและการชวยเหลือครอบครัวและโรงเรียน โดยแสดงความต้ังใจ ใสใจ มีความมานะ พยายาม กระตือรือรน มุงม่ัน อดทน ทุมเท ไมทอถอยตออุปสรรคในการปฏิบัติงานมีความตอเนื่อง อยางสม่าเสมอ เพื่อใหไดรบั ผลสาเรจ็ ตามเปาหมาย นุชนาท เนติพัฒน ใหความหมายของความขยันหม่ันเพียรในการเรียนว า หมายถงึ การแสดงออกของนักเรียนทีแ่ สดงใหเห็นวานักเรียนมีความบากบั่น ไมยอทอตอความ ยากลาบาก และพยายามทางานทีเ่ กีย่ วของกับการเรียนอยางสม่าเสมอ ไดแก การตั้งใจมุงม่ัน ศึกษาเลาเรียนใชเวลาว างใหเปนประโยชนตอการเรียน มีความกระตือรือรนตอการเรียนเขารวม กิจกรรมตาง ๆ ของโรงเรียน พยายามทางานทีไ่ ดรบั มอบหมายใหสาเร็จและไมทิ้งการเรียนเมือ่ ประสบอุปสรรคกห็ าทางแกไข

จากความหมายของความขยันหม่ันเพียรขางตน สรุปไดวา ความขยันหม่ันเพียรหมายถึง ความ พยายามอยางสม่าเสมอ ความมุงม่ันอดทน เอาจริงเอาจังกับการทางานเพื่อใหงานสาเร็จ ลุลวง ทางาน ดวยความต้งั ใจ จิตใจจดจอ ทางานอยางเตม็ ที่ ทางานเตม็ เวลางานไมหลบหลีกหนี งานทีก่ าลังทา ไมยอท อตออุปสรรค มีความกระตือรือรนในการทางาน สามารถบริหารเวลาและ ทางานที่ไดรับมอบหมายเสร็จ ทันเวลาบรรลุผลสาเร็จตามที่ตั้งไว 2.2 ลักษณะของความขยนั หมน่ั เพียร สานักงานคณะกรรมการประถมศึกษาแหงชาติ (2539: 55-56) กลาวไววาผูที่มีความ ขยนั หมั่นเพียรในการเรียนจะตองแสดงพฤติกรรมดังนี้ 1. มาโรงเรียนสมา่ เสมอ ไมขาดเรียนถาไมจาเปน 2. กระตือรือรนและรักทีจ่ ะมาโรงเรียนโดยไมใหใครเตือน 3. ตง้ั ใจทางานใหเสรจ็ ภายในเวลาที่กาหนดทกุ ครั้ง 4. อานหนงั สือทกุ คร้ังที่พอมีเวลาวาง 5. ทางานทีไ่ ดรับมอบหมายโดยไมบน ไมทอถอย 6. ชวยเหลืองานครู เพือ่ น หรืองานโรงเรียนเทาที่จะชวยไดดวยความเตม็ ใจ 7. สงงานสมา่ เสมอ 8. ใชเวลาวางทางานทีเ่ ปนประโยชน 9. มีความมานะบากบ่ันทีจ่ ะทางานใหผดิ นอยทีส่ ดุ กองวจิ ยั การศกึ ษา (2542: 9,65-66) ไดวิเคราะหความหมายของคาวา ขยัน วามีลักษณะเด น 2 ประการ คือ 1. ต้งั ใจกระตือรือรนที่จะทาสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อยางมุงมน่ั อาสาหรือทาทันที 2. การกระทาดังกลาวนน้ั มีความม่นั คงที่สมา่ เสมออยางตอเนื่อง ทัง้ นี้ นยิ ามของ คาวา ขยัน มีความเปนไปไดสูงที่จะคาบเกี่ยวกับคาวา ความมุงมั่น ความเอาจริงเอาจัง และความ รับผิดชอบ นอกจากนน้ั ยงั ไดกาหนดขอบเขตเนื้อหาของคาวาขยนั ไว สวนยอย ดงั ตอไปนี้ 1. ความต้งั ใจ มุงมน่ั กระตือรือรน ตอเนือ่ ง ในการศึกษาเลาเรียน 2. ความตงั้ ใจ มุงมน่ั กระตือรือรน ตอเนื่อง ในการปฏบิ ัตหิ นาที่สวนตน 3. ความตง้ั ใจ มุงม่นั กระตือรือรน ตอเนือ่ ง ในการอาสาชวยงานเพือ่ สังคม กมล ภปู ระเสริฐ (2544: 3) ไดกาหนดลักษณะพฤติกรรมความขยนั หมัน่ เพียร ดงั นี้ 1. การปฏบิ ตั หิ นาที่อยางสม่ําเสมอ ทาหนาที่ใหเรียบรอย ไมคัง่ คาง 2. การปฏิบตั ิหนาทีด่ วยความเขมแขง็ อดทนและต้งั ใจ 3. การชวยเหลืองานผูอืน่ ดวยความเต็มใจ 4. การใชเวลาวางทาในสง่ิ ที่เปนประโยชน 5. ความสนใจ กระตือรือรนในสิ่งตาง ๆ และกจิ กรรมที่ตนมีสวนรวม พระธรรมปฎก (ป.อ.ปยุตฺโต. 2545: 769) ไดกลาวถงึ ลักษณะของ วริ ยิ ะหรือความเพียร (ใน อทิ ธิ

บาท 4) ไดแก ความอาจหาญ แกลวกลา บากบัน่ กาวไป ใจสู ไมยอทอ ไมหวั่นไหวกลัวตอ อุปสรรคและ ความยากลาบาก เมื่อรูวาสง่ิ ใดมีคณุ คาควรแกการบรรลุถึงถาวิรยิ ะเกดิ แกเขาแลวแม ไดยินวาจุดมุงหมายนั้น จะบรรลุถงึ ยากนัก มีอปุ สรรคมาก หรืออาจใชเวลายาวนานเทานั้นป เทานี้ เดือน เขาก็ไมยอทอ กลับเห็นเป นสงิ่ ทาทายที่เขาจะเอาชนะไดดวยความสาเร็จ สวนผูที่ขาดความ หมั่นเพียรอยากจะบรรลุความสาเร็จ แตพอ ไดยินวาตองใชเวลาเปนกี่ปกี่เดือนก็หมดแรงถอยหลัง ถาอยูในระหวางปฏิบัติจิตก็ ฟุงซาน จิตใจวุ นวายปฏิบัติใหไดผลยาก ฉะน้ันคนที่มีความเพียร เทากับมีแรงหนุน เวลาทางานหรือปฏิบัติธรรมก็ตาม จิตใจจะแนวแน ม่ันคง พุงตรงตอจุดหมาย สมาธิก็เกิดได เรียกวาวิริยะสมาธิ พรอมทั้งปธานสังขาร คือ ความเพียรสรางสรรคเขาประกอบคูไป ดวยกนั นุชนาท เนติพัฒน กลาวถึงลกั ษณะของความขยันหม่ันเพียรไววาเปน พฤติกรรม ที่นักเรียนแสดงถึงความรับผิดชอบและมุงม่ันในการศึกษาเลาเรียนใหสาเร็จโดยเร็วที่สุด มีความอดทนไม ยอทอตออปุ สรรค รูจักใชเวลาวางใหเกิดประโยชนตอตนเองและสวนรวม . จากการศึกษาลักษณะของความขยันหมั่นเพียร สรปุ ไดวา ลักษณะของความขยนั หม่ันเพียร เป นพฤตกิ รรมที่แสดงออก ดังนี้ 1. ความมงุ มนั่ ในการทางาน เอาจรงิ จงั กับการทางาน 2. กระตือรือรนและพยายามตอการทางานที่เกี่ยวของอยางสมา่ เสมอ 3. ไมหลีกหนีงานทางานจนแลวเสร็จ ไมทางานคงั่ คาง 4. ไมยอทอตอความยากลาบาก 5. ใชเวลาวางใหเกิดประโยชน 6. พยายามทางานใหผดิ นอยที่สุด 7. มีความพยายามทางานใหบรรลเุ ปาหมายที่วางไว 2.3 งานวจิ ยั ทีเ่ กีย่ วของกบั ความขยนั หมนั่ เพียร งานวจิ ยั ตางประเทศ แมดดอกซ Maddox. 1965: 9) ไดศึกษาพบวา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนขึ้นอยูกับ องคประกอบทางสตปิ ญญารอยละ 50-60 ขน้ึ อยูกบั ความพยายามและวธิ ีการศึกษาอยางมี ประสิทธิภาพร อยละ 30-40 และขนึ้ อยูกับโอกาสและสง่ิ แวดลอมอื่นรอยละ 10-15 นอกจากนี้ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ของผูเรียนยงั มีความสัมพันธกับนิสยั การเรียน ความขยนั หมัน่ เพียรและ วธิ ีเรียนดวย ริงเนสส Ringness. 1968: 141) ไดศึกษาพบวา นักเรียนเกรด 9 ทีม่ ีผลสมั ฤทธิ์ทางการ เรียนสูงจะมีความรับผิดชอบ มีความขยันหม่ันเพียร ควบคุมตนเองได เขาสังคมไดดีมีความอดทน ทางอา รมณและจิตใจ สวนนักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่าจะมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่า จะมีความกังวล ทอถอย เบื่อเรียน ดือ้ ขัดขืน มีความพลุงพลานทางอารมณและมีอาการทาง ประสาท ยูจีน (Eugene. 1969: 3876- A) ไดศึกษาองคประกอบที่เปนตัวพยากรณความสาเร็จ ทางการเรียนนักเรียนเกรด 8 ในโรงเรียนบางแห งของมลรัฐโอไอโอ ผลการศึกษาพบว า ความ ขยนั หม่นั เพียรในการเรียน แรงจูงใจ ความคาดหวงั ความมุงหวังและความรับผิดชอบตอการเรียน เปนองค

ประกอบที่มาสารถพยากรณความสาเร็จทางการเรียนของนักเรียนและมีอานาจพยากรณ ความสาเร็จในการ เรียนโดยมีคาสหสมั พันธพหคุ ูณ .55 บริกซ โทซี่ และมอรเลย Briggs, Tosi, and Morley. 1971 : 347-350) ได ศึกษาผล การปรับปรุงนิสัยในการเรียนที่มีผลตอผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาชั้นปที่ 1 จานวน 20 คน ผลการศึกษาพบวา นิสัยในการเรียนโดยเฉพาะเรื่องทัศนคติตอการเรียน ความขยันหมั่นเพียร การใชเวลาในการเรียน ถาไดรับการปรับปรุงแกไขใหดีขึ้นแลวจะมีผลทาใหผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ นกั ศกึ ษาดีขนึ้ ดวย อโนดา (Onoda. 1975: 35) ไดศึกษาพบวา นักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงจะมี ความรับผิดชอบ ความขยันหมั่นเพียร ควบคุมตนเองได และมีความสัมพันธที่ดีกับครู สวนนักเรียน ที่มี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่าจะมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนต่าจะขี้เกียจ มีความสัมพันธกับคนอื่น ไมดี และมี ความสบั สนวนุ วายใจ บลูม (Bloom. 1976: 161-175) ไดศกึ ษาปจจยั ที่เกี่ยวของกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของ นักเรียน พบวา พฤติกรรมทางดานความรูความคิดของนักเรียนและลักษณะจิตพิสัยของ นักเรียน ไดแก ความสนใจ ความมานะตั้งใจ ความขยัน รวมท้ังเจตคติรายวิชา กิจกรรมการเรียน การสอน มีอิทธิพล ตอผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนถงึ รอยละ 65 โรเซนธัล และคนอื่น ๆ (Rosenthal; et al. 1981: 525-537) ศึกษาพัฒนาการทาง บุคลิกภาพ เพื่อตรวจสอบทฤษฎีจิตสังคมของอิริกสัน ตั้งแตขั้นพัฒนาการที่ 1 จนถึงขั้น 6 ทาการศึกษา กับนกั เรียนอายุ 9 ป และ 11 ป ผลการศึกษาพบวา มีความสัมพันธอยางมีท้ังหมด ยกเวนความสัมพันธ ระหวางความขยันหมั่นเพียรกับความมีสัมพันธภาพ และกลุมตัวอย างอายุ 11 ป มีคะแนนความ ขยันหมน่ั เพียร สงู กวากลุมอายุ 9 ป โควาช และมารเซีย (สาราญ เพ็ญภักดี. 2549: 20-21; อางอิงจาก Kowaz and Mazia. 1991: 390-397) ไดศึกษาความอุตสาหะของของเด็กนักเรียนตามขั้นพัฒนาการทาง บุคลิกภาพในข้ันที่ 4 ของอิริกสัน กลุ มตัวอย างเป นนักเรียนเกรด 4,5 และ 6 จากโรงเรียน ประถมศกึ ษา 3 แหงจานวน 187 คน โดยศึกษาความขยนั หมั่นเพียรใน 3 องคประกอบ คือ องคประกอ บดานพุทธิพิสัย (Cognitive) องคประกอบดานพฤติกรรม (Behavioral) องคประกอบ ดานความรู สึก (Affective) ผลการศึกษาพบวา นักเรียนเกรด 5 มีคะแนนความขยันหมั่นเพียร สูงกวา นกั เรียนเกรด 4 และนกั เรียนเกรด 6 มีคะแนนความขยนั หมั่นเพียรต่าสุด เบอรนาด (Bernard. 1991: 1721 - A) ไดศึกษาปจจัยบางประการที่สงผลตอความ ขยันหม่ันเพียรในการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนตนและตอนปลายในมลรัฐมิชิแกน โดยมีจุด ประสงค เพื่อพัฒนาองค ประกอบที่เกี่ยวข องกับความขยันหมั่นเพียรในการเรียนของ นักเรียน ผลการศึกษาพบวา เกรดเฉลี่ยสะสมมีความสัมพันธกับความขยันหม่ันเพียรทางการเรียน ของนักเรียน อย างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และเมื่อเปรียบเทียบระหวางเพศพบวา นักเรียน หญิงมีแนวโนมที่จะมี ความขยันหม่ันเพียรในการเรียนสูงกว านักเรียนชายและนักเรียนช้ันมัธยม ศึกษาตอนต นจะมีความ ขยันหมั่นเพียรในการเรียนสงู กวานกั เรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาตอนปลายอยาง มีนยั สาคญั ทางสถิตทิ ี่ระดับ .05

เจ็ดรี่โคสกี้ และ ลินดีมาน (Jedrychowski, and Lindemann. 2005: Online) ได ศึกษา ความสัมพันธระหวางผลสัมฤทธ์ิ ความขยันหม่ันเพียรและความแตกตางระหวางเพศของนักศึกษา ทันตแพทย ช้ันปที่ 4 ผลการศึกษาพบวา ความแตกตางระหวางเพศกับความขยันหม่ันเพียรไมมี ความ แตกตางกนั อยางมีนัยสาคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดับ .05 สวนความแตกตางระหวางเพศกบั ผลสมั ฤทธ์ิทางการ เรียน พบว่า นักศึกษาชายจะมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูงกวานักศึกษาหญิง เฉพาะในรายวิชาวิทยา ศาสตร อยางมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ริง และ โอเด (Ring and O’dea. 2007: Online) ไดศึกษาปจจัยทางเพศที่สงผลตอ ความขยันหมั่นเพียร ผลการศึกษาพบวา นักเรียนที่มีความ ขยันหมั่นเพียรจะสงผลใหผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน ความรับผดิ ชอบและความมีวินยั ทางการเรียนสูงข้ึนอยาง มีนัยสาคัญ และเมื่อ เปรียบเทียบความแตกตางระหวางเพศ พบวา นักเรียนหญิงมีแนวโนมที่จะมีความ ขยันหมั่นเพียร สูงกวานกั เรียนชาย งานวจิ ยั ในประเทศ บญุ ชม ศรีสะอาด (2524: 179) ไดศกึ ษารูปแบบของผลการเรียนในโรงเรียน โดยใชผลการ เรียนในวิชาสงั คมศกึ ษาของนกั เรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปที่ 2 กลุมตวั อยางเปนนักเรียนจานวน 1,415 คน ครู จานวน 30 คน จากโรงเรียนมธั ยมศึกษาสังกัดกรมสามัญศึกษาในเขตการศึกษา10 ผลการศึกษาพบวา ความขยนั หม่ันเพียรในการเรียน ไดแก ความสนใจ ความตั้งใจและเวลาที่ใช ในการเรียนของนักเรียนเป็น ตัวแปรหน่ึงที่มีอิทธิพลต อการเรียน นอกจากนี้ ยังศึกษาพบว านักเรียน ที่มีความต้ังใจเรียนและ ขยันหม่ันเพียรในการเรียนจะประสบความสาเร็จทางการเรียนสวนนักเรียน ที่ไมสนใจ ไมต้ังใจ และไม ขยนั หม่ันเพียรในการเรียนจะประสบความลมเหลวในการเรียน กษิมดา วิริยะ (2526: 115-118) ศึกษาความคิดรวบยอดเกี่ยวกับคานิยมพื้นฐานเรื่อง การ พึ่งตนเอง ความขยันหมั่นเพียรและความรับผิดชอบของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาป ที่ 3 ผลการวิจัยพบวา นักเรียนมีความคิดรวบยอดเกี่ยวกับคานิยมพื้นฐานเรื่องการพึ่งตนเอง ความ ขยันหม่ันเพียร และความ รับผิดชอบ อยูในระดับที่พึงประสงค อยูในระดับที่ 4 และระดับที่ 5 แตมี บางความคิดรวบยอดอยูใน ระดบั ที่ไมพงึ ประสงค ไดแก การใชความรูความสามารถของตนเองใน ดานการศึกษา การทางานโดยไม เลือกงานและไมดถู กู งานสจุ รติ การตรงตอเวลาในการนดั หมาย และการยอมรับผิดในผลการกระทาของตน ในงานทีไ่ ดรบั มอบหมาย นกั เรียนชายและนกั เรียนหญิง มีความคิดรวบยอดเกี่ยวกับคานิยมพื้นฐานเรื่องการ พ่ึงตนเอง ความขยันหม่ันเพียร และความ รับผิดชอบแตกต างอยางมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 นักเรียนที่ผูปกครองมีสภาพสังคม เศรษฐกิจแตกตางกันมีความคิดรวบยอดเกี่ยวกับคานิยมพื้นฐานดังกลาว ไมแตกตางอยางมี นัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 นักเรียนชายและนักเรียนหญิงและสภาพเศรษฐกิจ สังคมของ ผูปกครองไมมีปฏิสัมพันธรวมกันตอความคิดรวบยอดเกี่ยวกับคานิยมพื้นฐานเรื่องการพ่ึงตนเอง ความขยนั หมั่นเพียร และความรบั ผดิ ชอบ วาสนา ปทมาลัย (2529: บทคัดยอ) ไดศึกษาผลของการใชบทบาทสมมติที่มีตอความ ขยันหม่ันเพียรในการเรียนวิชาภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2 โรงเรียนเลยอนุกูล วิทยาลัย จังหวัดเลย กลุมตัวอยางเปนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2 จานวน 14 คน แยกเปนกลุม ทดลองและ กลุมควบคุม กลุมละ 7 คนในโรงเรียนเลยอนุกูลวิทยาลัยในปการศึกษา 2529 ผล การศึกษาพบวา

นกั เรียนกลุมทดลองมีความขยนั หมัน่ เพียรในการเรียนวิชาภาษาไทยสูงกวาเดิม อยางมีนัยสาคัญทางสถิติที่ ระดับ .05 นักเรียนกลุมควบคุมมีความขยันหมั่นเพียรในการเรียนวิชา ภาษาไทยสูงกว าเดิมอยางมี นยั สาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 นักเรียนกลุมทดลองมีพัฒนาการของ ความขยันหม่ันเพียรในการเรียนวิชา ภาษาไทยสูงกวากลมุ ควบคมุ อยางมีนัยสาคญั ทางสถิตทิ ี่ ระดบั .01 ยพุ ดี ปดตะคุ (2537: 42-46) ไดศึกษาผลของการใชชุดการแนะแนวที่มีตอความ ยันหมั่น เพียรในการเรียนของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปที่ 6 โรงเรียนศรีเอี่ยมอนุสรณสังกัด กรุงเทพมหานคร กลุม ตัวอยางเปน นักเรียนช้ันประถมศึกษาปที่ 6 โรงเรียนศรีเอี่ยมอนุสรณสังกัด กรุงเทพมหานคร ป การศึกษา 2536 ที่มีความขยันหมั่นเพียรในการเรียนวิชาสรางเสริมประสบการณชีวิตต่า เชาวนปญญา ระดับปานกลางจานวน 45 คน ผลการศึกษาพบวา 1. เมือ่ เปรียบเทียบความขยนั หมั่นเพียรทางการเรียนของนกั เรียนกลุมทดลอง กอน และหลังการใชชุดการแนะแนว ปรากฏวา นักเรียนมีความขยันหม่ันเพียรในการเรียนสูงขึ้น อย างมี นัยสาคัญทางสถติ ทิ ี่ระดบั .01 2. เมือ่ เปรียบเทียบความขยันหมั่นเพียรในการเรียนของนักเรียนกลุมควบคุม กอนและ หลังการสอนแบบปกติ ปรากฏวา นักเรียนมีความขยันหมั่นเพียรในการเรียนของนักเรียน สูงข้ึนอยางมี นัยสาคัญทางสถิตทิ ีร่ ะดบั .01 3. เมื่อเปรียบเทียบผลตางของความขยันหมั่นเพียรในการเรียนของนักเรียนกลุม ทดลองและกลุมควบคุม กอนและหลังการใชชุดการแนะแนวและการสอนแบบปกติ ปรากฏวา นักเรียนมี ความขยันหมั่นเพียรของนักเรียนทงั้ 2 กลุมแตกตางกัน อยางมีนยั สาคญั ทางสถติ ิที่ระดบั .01 4. เมือ่ เปรียบเทียบความคงทนของความขยันหมัน่ เพียรในการเรียนของนักเรียน กลุม ทดลองและกลุมควบคมุ ปรากฏวา นกั เรียนมีความคงทนของความขยนั หม่นั เพียรในการเรียน หลังการใชชุด การแนะแนวและการสอบแบบปกติไมแตกตางกัน อยางมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยกลุมที่ใชชุด การแนะแนวมีความคงทนของความขยันหมั่นเพียร สงู กวากลุมที่ใชการสอน แบบปกติ สิริพร ดาวัน (2540: 89-91) ไดศึกษาตัวแปรที่เกีย่ วของกับความขยันหมั่นเพียรของ นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาตอนปลายกลุมตัวอยางเปนนักเรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปที่ 4-6 โรงเรียนพบิ ูล วทิ ยาลัย จงั หวัดลพบรุ ี ปการศกึ ษา 2539 จานวน 1,238 คน ผลการศึกษาพบวา 1. แรงจูงใจใฝสัมฤทธิท์ างการเรียน ทัศนคติตอการเรียน บรรยากาศการเรียนการสอน บรรยากาศในครอบครัว เปนตัวแปรที่สงผลตอความขยันหมั่นเพียรในการเรียนของนักเรียน อย างมี นัยสาคญั ทางสถติ ทิ ี่ระดบั .05 2. แรงจูงใจใฝสัมฤทธทิ์ างการเรียน ทัศนคตติ อการเรียน บรรยากาศการเรียนการสอน บรรยากาศในครอบครัว เปนตัวแปรที่มีความสัมพันธในทางบวกกับความขยันหม่ันเพียรใน การเรียนของ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปที่ 4, 5 และ 6 อยางมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.5 3. สมการที่สามารถ พยากรณความขยนั หมัน่ เพียรในการเรียนของนักเรียน โรงเรียนพิบูลวิทยาลัยได อยางมีนัยสาคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05 มี 2 สมการคือ 3.1 สมการพยากรณความขยนั หม่ันเพียรในการเรียนของนกั เรียนชั้น มธั ยมศกึ ษาตอนปลายในรูปคะแนนดิบ

3.2 สมการพยากรณความขยนั หมั่นเพียรในการเรียนของนักเรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาตอนปลายในรูปคะแนนมาตรฐาน พระมหาพิชิต เชษฐรัมย บทคัดยอ) ไดสรางคูมือพัฒนาความขยันหมั่นเพียรของ นักเรียนชวงช้ันที่ 2 กลุมตัวอยางเปนนักเรียนชวงช้ันที่ 2 ปการศึกษา 2548 โรงเรียนวัดเขาพนมนาง สปอ. สองพี่นอง จงั หวดั สุพรรณบรุ ี จานวน 58 คน ผลการศกึ ษาพบวา 1. ประสทิ ธิภาพของคูมือพฒั นาความขยนั หม่ันเพียรของนักเรียนชั้น ประถมศกึ ษาปที่ 4, 5 และ 6 มีประสิทธิภาพเทากบั 84.65, 82.07 และ 83.22 ตามลาดบั 2. กอนและหลงั การใชคูมือพัฒนาความขยันหมน่ั เพียรของนักเรียนชวงช้ันที่ 2 ที่ผู วจิ ยั ไดสรางขน้ึ จานวน 6 ดาน ไดแก (1) กระตือรือรนมาเรียนสม่าํ เสมอโดยไมตองใหใครเตือน (2) ตง้ั ใจฟงครูอธิบาย ไมพูด ไมคุย และไมเลนขณะทีค่ รสู อน (3) ตั้งใจและพยายามทางานที่ไดรบั มอบหมายใหเสร็จทนั เวลาที่กาหนดใหทุก ครัง้ (4) การใชเวลาวางของตนทางานที่เปนประโยชน (5) ชวยทางานบานเพือ่ แบงเบาภาระของพอแมหรือผูปกครองดวยความเต็มใจ (6) ชวยเหลือกิจกรรมของหมูคณะและสังคมตามความรูความสามารถของ ตนอยางสมา่ เสมอ นักเรียนมีความ ขยนั หมน่ั เพียรแตกตางกันอยางมีนยั สาคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดบั .01 สาราญ เพญ็ ภักดี (2549: บทคดั ยอ) ไดสรางคูมือพัฒนาความขยันหมั่นเพียรของ นักเรียนช วงช้ันที่ 1 กลุมตัวอยางเปนนักเรียนชวงช้ันที่ 1 ของโรงเรียนอนุบาลบานผือ อาเภอบาน ผือ จังหวัด อุดรธานี ปการศึกษา 2548 จานวน 70 คน ประกอบดวยนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 1/1 จานวน 24 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 2/2 จานวน 23 คนและนักเรียนช้ันประถมศึกษาป ที่ 3/1 จานวน 23 คน ผลการศึกษาพบวา 1. ประสทิ ธิภาพของคูมือพัฒนาความขยนั หม่ันเพียรของนักเรียนระดับชวงช้ันที่ 1 ประกอบดวย กิจกรรมพัฒนาของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปที่ 1/1, 2/2 และ 3/1 2 มีประสิทธิภาพ 90.48, 87.77 และ 90.59 ตามลาดบั 2. กอนและหลงั การใชคูมือพฒั นาความขยนั หม่นั เพียรของนกั เรียนชวงช้นั ที่ 1 มี ความขยนั หมั่นเพียรแตกตางกันอยางมีนัยสาคัญทางสถติ ิทีร่ ะดับ .01 โดยมีความขยนั หม่ันเพียรดาน 1) ใสใจมาถงึ โรงเรียนเขาแถวกอนเคารพธงชาติ 2) ตั้งใจฟงครอู ธิบาย ไมพูด คยุ หรือเลน ขณะที่ครสู อน 3) หม่ันถามและตอบคาถามของครเู กีย่ วกับบทเรียน 4) ทมุ เทเวลาทางานทีค่ รูมอบ หมายในชั้นเรียนนอกชนั้ เรียนสงงานทันเวลา 5) หมน่ั ใชเวลาวางใหเปนประโยชน 6) หมัน่ ชวย เหลือพอแมทางานบาน 7) ชวยงานครู เพือ่ น หรืองานโรงเรียนดวยความอตุ สาหะ เพม่ิ ขึน้ ทกุ ดาน

สุวิมล วองวาณิช และคนอื่น ๆ (2549: บทคัดยอ) ไดจดั ทาโครงการเรงสรางคุณลักษณะ ที่ ดีของเด็กและเยาวชนไทย กลุมตัวอยางเปนโรงเรียนนารองในเขตกรุงเทพมหานคร ปการศึกษา 2548 จานวน 25 โรงเรียน นกั เรียนที่อยูในโครงการมีจานวน 10,490 คน ผูบริหารและครูจานวน 319 คน นักวจิ ยั ในโครงการ 28 คน ผูบริหารจากสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาจานวน 103 เขต ผูทรงคุณวุฒิ จานวน 31 คน ผลการวจิ ยั นีท้ าใหเกดิ นวตั กรรมการพฒั นาคุณลกั ษณซึ่งมีรูปแบบ หลากหลาย โครงการนี้ สามารถทาใหกลุมเปาหมายเกิดความตระหนักและเห็นคุณคาของการ พัฒนาตนเองในทิศทางที่ดีมี พัฒนาการในคณุ ลักษณที่กาหนดท้ังกลุมนกั เรียน ผูบริหาร ครู และ นักวิจัยในโครงการ วิสุทธิวรรณ ป นฉาย (2550: บทคัดยอ) คูมือพัฒนาความขยันหม่ันเพียรของนักเรียน ระดับประถมวัย กลุมตัวอยางเปนนักเรียนปฐมวัยชาย หญิง อายุประมาณ 3-6 ป ภาคเรียนที่ 2 ป การศึกษา 2549 โรงเรียนวัดไตรรัตนาราม (ชื่นชูใจราษฎรอุทิศ) สังกัดกรุงเทพมหานคร จานวน 42 คน ประกอบดวยนกั เรียนชั้นอนุบาลปที่ 1 จานวน 19 คน นักเรียนชั้นอนุบาลปที่ 2 จานวน 23 คน ผลการศกึ ษาพบวา 1. ประสทิ ธภิ าพของคูมือพัฒนาความขยันหมนั่ เพียรของนักเรียนระดับประถมวัย ซ่ึง ได้แก นกั เรียนชัน้ อนุบาลปที่ 1 และ 2 มีคาเทากบั 71.22 และ 75.09 ตามลาดบั 2. ความขยันหมน่ั เพียรของนกั เรียนระดบั ประถมวยั ชนั้ อนบุ าลปที่ 1 กอนและ หลัง การใชคูมือพฒั นาความขยันหมั่นเพียรของนกั เรียนระดับประถมวยั แตกตางกันอยางมี นยั สาคัญทางสถติ ิที่ ระดับ .01 3. ความขยนั หม่นั เพียรของนักเรียนระดบั ประถมวยั ชน้ั อนุบาลปที่ 2 กอนและ หลัง การใชคูมือพัฒนาความขยันหมัน่ เพียรของนกั เรียนระดับประถมวยั แตกตางกันอยางมี นัยสาคญั ทางสถติ ิที่ ระดับ .01 จากการศึกษางานวิจัยทั้งในและต างประเทศ พบว า มีตัวแปรหลายตัวที่ส งผลตอความ ขยันหมั่นเพียร ซึ่งเปนตัวแปรที่เกี่ยวของการการจัดการเรียนการสอน เชน แรงจูงใจใฝผลสัมฤทธ์ิ บรรยากาศทางการเรียน บุคลิกภาพของครู เพื่อน ผูปกครองเปนตน ส่ิงเหลานี้บงบอกไดความ ความขยัน เพียรสามารถปลูกฝงใหเกิดในคณุ ลกั ษณะของนักเรียนได และยังพบอีกวานักเรียน ความขยันหมั่นเพียร มี แนวโนมจะเปนนักเรียนที่มีผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนสูงตาม สาหรบั โครงงานนี้ผู้จดั ทาไดทาโครงงาน เพือ่ ตองการใหเกิด คณุ ลกั ษณะนสิ ัยอันดีดานความ ขยนั หม่ันเพียรแกนักเรียนและเพื่อใหผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนของ นกั เรียนดียิง่ ขึน้ 3. เอกสารทีเ่ กีย่ วของกบั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนวิชาคณิตศาสตร 3.1 ความหมายของผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนวชิ าคณิตศาสตร กูด (Good. 1973: 103) ใหความหมายของผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน หมายถึง ความรูที่ ได รับหรือทักษะที่พัฒนามาจากการเรียนในสถานศึกษาโดยปกติวัดจากคะแนนที่ครูเป นผูใหหรือ จาก แบบทดสอบหรืออาจรวมทงั้ คะแนนทีค่ รเู ปนผูใหและคะแนนทีไ่ ดจากการทดสอบ

เมหเรน (Mehren. 1976: 73) ใหความหมายของผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน หมายถึง ความรู ทักษะ สมรรถภาพทางสมองดานตาง ๆ ของผูเรียนแตละวิชาซึ่งสามารถวัดไดจากแบบทดสอบวัด ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน ปริญญา สองสีดา (2550: 29) ใหความหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง ความสามารถในการคิดคานวณและการแกปญหาทางคณติ ศาสตรดานตาง ๆ 4 ดาน ไดแก ความรูความ จาดานการคดิ คานวณ ความเขาใจ การนาไปใช การวเิ คราะห ไกรฤกษ พลพา (2551: 59) ใหความหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร หมายถึง ผลการเรียนที่แสดงถึงความสามารถหรือความสาเร็จรวมถงึ ประสทิ ธภิ าพที่ไดจากการ เรียนรูซ่ึงได รับจากการสอน การฝกฝนหรือประสบการณในดานตาง ๆ เชน ความรู ทักษะในการ แกปญหา ความสามารถในการนาไปใช และการวิเคราะห เปนตน ในการเรียนรูวิชาคณิตศาสตร ของนักเรียนซึ่ง ประเมนิ ไดจากการทาแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนวิชาคณติ ศาสตรที่ สรางขึ้น ฐิติยา เกตคุ า (2551: 46) ใหความหมายของผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนคณิตศาสตร หมายถึง ความสามารถทางสติปญญาในการเรียนรูจากการเรียนวิชาคณิตศาสตร ซึ่งประเมินได จากการทา แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนหรือจากงานที่ไดรบั มอบหมาย บุศรา อ่ิมทรัพย ใหความหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง ผลที่ เกิด จากการเรียนการสอน การฝกหัด หรือประสบการณที่ไดรับในแงของความรูความสามารถใน รายวิชาตาง ๆ ซงึ่ เปนตัววัดขนาดของความสาเร็จได ซึ่งสวนใหญจะใชแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ เปนเครื่องมือ ในการ วดั ขนาดของความสาเร็จในการเรียนในรายวชิ าน้นั ๆ วิมล อยู พิพัฒน ใหความหมายของผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน หมายถึง ความสาเรจ็ ในดานตาง ๆ ของนกั เรียน เชน ความรูความเขาใจ ทักษะในการแกปญหา ความสามารถใน การนาไปใช รวมถงึ ประสิทธภิ าพทีไ่ ดจากการเรียนรูซ่ึงไดรับจากการสอน การ ฝกฝน หรือประสบการณต าง ๆ ซ่ึงวัดไดจากการทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน คณิตศาสตรที่ผูวิจัยไดสรางข้ึน จาก ความหมายที่กลาวขางตนสรุปไดวา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร หมายถึง ผลที่แสดงถึง ความสามารถในการเรียนรูของนักเรียน จากการเรียนการสอน การฝกทักษะ หรือ ประสบการณตาง ๆ ในดานตาง ๆ ของนกั เรียนเชน ความรคู วามจา ความเขาใจ การนาไปใช และ การวิเคราะห ซึ่งวัดไดจาก แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนคณิตศาสตร 3.2 องคประกอบทีม่ ีอทิ ธพิ ลตอผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน แครรอล (Carroll. 1963: 723-733) ไดเสนอแนวคิดเกี่ยวกับอิทธิพลขององคประกอบ ต าง ๆ ที่มีตอผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน โดยนาเอาครู นกั เรียนและหลักสตู รมาเปนองคประกอบที่สาคัญโดยเชื่อ วา่ เวลาและคณุ ภาพของการสอนมีอิทธิพลโดยตรงตอปริมาณความรทู ี่นกั เรียนจะ ไดรับ เมดดอกซ Maddox. 1965: 9) ไดศึกษาอิทธิพลขององคประกอบตาง ๆ ที่มีตอ ผลสัมฤทธ์ิของนักเรียน ผลการศึกษาพบวา ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของแตละบุคคลขึ้นอยูกับ องค ประกอบทางสติปญญา และความสามารถทางสมองรอยละ 50-60 ขน้ึ อยูกบั โอกาสและสง่ิ แวดลอมรอย ละ 10-15

ชานนท ศรีผองงาม (2549: 54) ไดกลาวถึงองคประกอบที่มีอิทธิพลตอผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียน ไววา มีองคประกอบหลายประการที่มีผลตอผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน ไมวาจะอยูใน หรือนอกห องเรียน ตัวผูเรียนเอง ผูปกครองและครู โดยเฉพาะครูน้ันมีบทบาทสาคัญย่ิงตอ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ของนักเรียน ปริญญา สองสีดา (2550: 30) ไดกลาวถึงองคประกอบที่มีอิทธิพลตอผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียน ไวว่า องคประกอบที่มีอิทธิพลตอผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน คือ องคประกอบทางดานรางกาย องคประกอบทางความรัก องคประกอบทางวัฒนธรรมและสังคม องคประกอบทางความสัมพันธ ของเพื่อน วัยเดียวกัน องคประกอบการพัฒนาแหงตน และองคประกอบทางดานการปรบั ตัว ไกรฤกษ พลพา (2551: 61) ไดกลาวถึงองคประกอบที่มีอิทธิพลตอผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ไววา องคประกอบที่มีอิทธิพลตอผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ประกอบด านดานตาง ๆ เชน รางกาย สติปญญา อารมณ การปรับตัว วัฒนธรรมและสังคม ความรูพื้นฐานเดิม ความคิดรวบยอดทาง คณิต ศาสตร เจตคติตอการเรียน และความสนใจของนักเรียน แรงจูงใจใฝสัมฤทธ์ิ การใชสื่อการสอน ความ สัมพันธในเพื่อนวัยเดียวกัน ความสนใจ เจตคติ การอธิบายเนื้อหาวิธีการสอนของครูและการ สงเสริม สนับสนนุ และเอาใจใสของพอแมหรือผูปกครอง ฐติ ิยา เกตคุ า (2551: 47) ไดกลาวถงึ องคประกอบทีม่ ีอิทธพิ ลตอผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน ไว วา มีองคประกอบหลายประการทีท่ าใหเกิดผลกระทบตอผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน แตที่ทาใหเกิด ผลโดยตรง คือ การสอนของครูน่นั เอง วิมล อยูพิพัฒน ไดกลาวถึงองคประกอบที่มีอิทธิพลตอผลสัมฤทธ์ิทางการ เรียน ไววา องคประกอบที่มีอิทธิพลน้ันมาจากตัวผูเรียนเอง สภาพสังคม ครอบครัว ตัวครูผูสอน รวมท้ังวิธีการ สอนของตัวครผู ูสอน บุศรา อ่ิมทรพั ย ไดกลาวถึงองคประกอบที่มีอิทธิพลตอผลสัมฤทธ์ิทางการ เรียน คณติ ศาสตร ไววา องคประกอบที่มีอิทธิพลตอผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร ไดแก ดานตัวนักเรียน ดานตวั ครูผูสอน ดานระบบการบรหิ ารของโรงเรียน ดานครอบครวั ของนกั เรียน และดานเศรษฐกจิ และสังคม จากองคประกอบทีม่ ีอทิ ธพิ ลตอผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนขางตน สรปุ ไดวา องคประกอบที่มี อทิ ธิพลต อผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน ประกอบดวยองคประกอบท้งั ภายในและภายนอกหองเรียน 1. องคประกอบภายในหองเรียน ไดแก ตวั ผเู รียน ตัวครูผูสอน บรรยากาศ ทางการ เรียน ความสัมพนั ธระหวางนักเรียนกบั ครู และความสมั พันธระหวางนักเรียนกับเพือ่ นรวม ช้ันเรียน 2. องคประกอบภายนอกหองเรียน ไดแก การบริหารของโรงเรียน ผูปกครอง สภาพ เศรษฐกจิ ของครอบครัวนกั เรียน สง่ิ แวดลอมในชุมชนของนักเรียน ความสัมพันธระหวาง นักเรียนกบั ผู ปกครองและคนในชมุ ชนของนักเรียน 3.3 สาเหตุทีท่ าใหเกิดปญหาตอผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนคณติ ศาสตร

เรวัต และคปุ ตะ (Rawat and Gupta. 1970: 7-9) ไดกลาวถงึ สาเหตุทีท่ าให ผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนต่า มีดงั ตอไปนี้ 1. นักเรียนขาดความรูสึกในการมีสวนรวมกบั โรงเรียน 2. ความไมเหมาะสมของการจัดเวลาเรียน 3. ผปู กครองไมเอาใสในการศกึ ษาของบุตร 4. นักเรียนมีสุขภาพไมสมบูรณ 5. ความยากจนของผูปกครอง 6. ประเพณีทางสังคม ความเชือ่ ที่ไมเหมาะสม 7. โรงเรียนไมมีการปรับปรงุ ทีด่ ี 8. การสอบตกซ้าชัน้ เพราะการวัดผลไมดี 9. อายุนอยหรือมากเกนิ ไป 10. สาเหตอุ ืน่ ๆ เชน การคมนาคมไมสะดวก ความยากจน การอพยพยายถิ่น เปนตน ทิพสคุ นธ ศรีแกว (2546: 57) กลาวถึงสาเหตุที่ทาใหเกดิ ปญหาตอผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียน คณิตศาสตรวาเกิดจากวุฒิภาวะ เจตคตติ อวิชาคณติ ศาสตร สภาพแวดลอมและทีส่ าคญั คือ การจัดการเรียน การสอน อารีย ศรีเดือน (2547: 60) กลาวถึงสาเหตุที่ทาใหเกิดปญหาตอผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน คณิตศาสตร ไววา สาเหตุที่ทาให เกิดปญหาตอการเรียนการสอนคณิตศาสตร ก็คือทักษะการจัด กระบวนการเรียนการสอน วิธีการสอนของครู ตลอดจนเจตคติในการเรียนวิชาคณิตศาสตร ครูซ่ึงมี หนาที่ โดยตรง จาเปนตองหาวิธีการสอนที่หลากหลายใหนักเรียนมีสวนรวมในการเรียนรู เพื่อให เกิด ประสทิ ธิภาพมากทีส่ ดุ ชานนท ศรีผองงาม (2549: 56) กลาวถึงสาเหตทุ ี่ทาใหเกดิ ปญหาตอผลสมั ฤทธิ์ทางการ เรียนคณิตศาสตร กค็ ือ รูปแบบการเรียนการสอน วธิ ีสอนของครู ซงึ่ เปนหนาทีค่ รจู ะตองจัดการ เรียนการ สอนใหมีความเหมาะสม เพือ่ ที่จะใหการเรียนการสอนมีประสิทธภิ าพ ปริญญา สองสีดา (2550: 31) กลาวถึงสาเหตุที่ทาใหเกิดปญหาตอผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน คณิตศาสตร วามีหลายประการซ่ึงตางก็ตองรวมแกไข แตถาเราจะพิจารณา ถึงสาเหตุของ ปญหาหลัก ๆ คือ ครูผูสอน ดังน้ัน ถาครูมีการเตรียมการสอนที่ดีใชสื่อการสอนที่ทันสมัยและหลากหลาย ก็จะทาให นักเรียนชอบวิชาคณิตศาสตร และนักเรียนจะต้ังใจเรียนวิชาคณิตศาสตร มากข้ึนจึงสงผลใหมีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนคณิตศาสตรทีด่ ีขึ้น 3.4 การวดั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนคณติ ศาสตร สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี (2546: 119) กลาววา การวัดและ การประเมินผลการเรียนรูคณิตศาสตรควรจัดใหครอบคลุมทั้งดานความรู ดานทักษะ/ กระบวนการ ดานคุณลักษณะอันพึงประสงค และสอดคลองกับผลการเรียนรูที่คาดหวังรายปและมาตรฐานการ เรียนรูที่ กาหนดไวในหลักสูตรสถานศึกษาควรมุงเนนสมรรถภาพโดยรวมของผูเรียนเปนหลัก จุดประสงคหลักของ การวัดและประเมินผล เพื่อนาผลการประเมินไปใชในการปรับปรุงการเรียนการสอน เพื่อชวยพัฒนาใหผู

เรียนสามารถเรียนรูคณิตศาสตรไดอยางมีประสิทธิภาพและเต็มตาม ศักยภาพ คุณภาพของผูเรียนที่ ตอง ประเมิน ในการวัดและประเมินผลของกลุมสาระการเรียนรู คณิตศาสตรนั้น หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กาหนดใหทาการวัดและ ประเมินผลการเรียนรูที่คาดหวังรายป โดยมีตัวชี้วัดและ ประเมินผลที่ตองนามาพิจารณา ดงั นี้ 1. ดานความรู ในการวัดและประเมนิ ผลดานความรูตองสอดคลองกับมาตรฐานการ เรียนรูทงั้ 5 สาระ ไดแก 1.1 จานวนและการดาเนิน 1.2 การวดั 1.3 เรขาคณติ 1.4 พีชคณิต 1.5 การวิเคราะหขอมูลและความนาจาเปน 2. ดานทกั ษะ/กระบวนการ ในการวดั และประเมินผลดานทักษะ/ กระบวนการ เปนการ วดั ความสามารถของนักเรียนครอบคลมุ ประเด็นที่ตองประเมนิ ดังนี้ 2.1 การแกปญหา 2.2 การใหเหตผุ ล 2.3 การสื่อสาร การสื่อความหมาย และการนาเสนอ 2.4 การเชือ่ มโยง 2.5 ความคดิ รเิ รมิ่ สรางสรรค 3. ดานคุณลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค การวัดและประเมินผลดานคุณลักษณะที่พึงประสงค ครอบคลุมประเด็นทีต่ องประเมินดงั นี้ 3.1 ทางานอยางเปนระบบ 3.2 มีระเบียบวนิ ัย 3.3 มีความรอบครอบ 3.4 มีความรบั ผดิ ชอบ 3.5 มีวจิ ารณญาณ 3.6 มีความเชือ่ ม่ันในตวั เอง 3.7 ตระหนกั ในคุณคาและมีเจตคตทิ ีด่ ีตอวชิ าคณิตศาสตร ฐติ ิยา เกตุคา (2551: 48) กลาวถึงการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ไววา เปนสิ่งจาเปน อยา งยิง่ ของการเรียนการสอน เปนตวั ชี้ใหผสู อนทราบวา สิง่ ทีน่ กั เรียนเรียนไปแลวบรรลุ จุดประสงคที่ครูต้ังไว หรือไม ภายหลงั ที่การเรียนการสอนสน้ิ สดุ ซึ่งนยิ มใชแบบทดสอบเปน เครื่องมือ ผลที่ไดจากการวัดเพื่อนาไป ปรับปรุงการเรียนการสอน กลาวคือ ถานักเรียนไมบรรลุ จุดประสงคที่ครูต้ังใจไวแลว ครูผูสอนจะ ตองมี การปรับปรุงการสอนของครู เพื่อใหนักเรียนเกิด ความรู ความเขาใจในส่ิงที่เรียนจนสามารถนามาใชแกป ญหาในขอสอบวัดผลสัมฤทธิ์ได จึงจะถือ วาประสบความสาเร็จในการเรียนนั้น ๆ แตท้ังนี้แบบทดสอบนั้น จะตองเปนแบบทดสอบทีม่ ี คุณภาพ จึงจะทาใหขอมูลหรือผลจากการสอบนั้นเชือ่ ถือได

สรุปไดวา การวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร มีความสาคัญเปนอยางยิ่ง ควรจัด ใหการ วัดผลสัมฤทธ์ิมีความครอบคลุมทั้งดานความรู ดานทักษะ/กระบวนการ และดาน คุณลักษณะที่พึงประสงค เพื่อชวยพฒั นาความรูความสามารถของนกั เรียนไดอยางเตม็ ตามศักยภาพ 3.5 แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนคณติ ศาสตร นักการศึกษาไดกลาวถงึ แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนไวตาง ๆ กัน ดงั นี้ ลวน สายยศ และ อังคณา สายยศ (2543: 171-172) กลาววาแบบทดสอบวดั ผล สมั ฤทธท์ิ าง การเรียน เปนแบบทดสอบที่วดั ความรูของนกั เรียนที่เรียนไปแลว ซ่งึ มกั จะเปนคาถาม ใหนักเรียนตอบ ด วยกระดาษและดินสอ (Paper and Pencil Test) กับใหนักเรียนปฏิบัติจริง (Performance Test) แบบทดสอบประเภทนีแ้ บงได พวก คือ แบบทดสอบของครูทีส่ รางขึ้นกบั แบบทดสอบมาตรฐาน 1. แบบทดสอบของครู หมายถงึ ชุดจองคาถามที่ครูเปนผูสราง ซ่ึงจะเปนขอคาถาม เกี่ยวกบั ความรูที่นักเรียนในหองเรียน วานกั เรียนมีความรูมากแคไหน บกพรองทีต่ รงไหนจะไดสอน ซอม เสรมิ หรือดูความพรอมที่จะขน้ึ บทเรียนใหม ฯลฯ ตามแตที่ครูปรารถนา 2. แบบทดสอบมาตรฐาน แบบทดสอบประเภทนีส้ รางขึ้นจากผูเชีย่ วชาญในแตล่ ะสาขา วิชาหรือจากครูที่สอนวิชาน้ัน แตผานการทดลองหาคุณภาพหลายคร้ังจนกระท่ังมีคุณภาพดี พอจึงสราง เกณฑปรกติ (Norm) ของแบบทดสอบนั้นสามารถใชเปนหลักและเปรียบเทียบผลเพื่อ ประเมินคาของการ เรียนการสอนในเรือ่ งใด ๆ ก็ได จะใชเปนอัตราความงอกงามของเด็กแตละวัย ในแตละกลุมแตละภาคก็ได นอกจากนนั้ แลวยงั มีมาตรฐานในการดาเนินการสอบ คือไมวา โรงเรียนใดหรือสวนราชการใดนาไปใชจะต องดาเนนิ การสอบเปนแบบเดียวกนั แบบทดสอบ มาตรฐานจะมีคูมือดาเนินการสอบ วาทาอยางไร และยงั มี มาตรฐานในการแปลคะแนนดวย ไกรฤกษ พลพา (2551: 67) กลาวถึง แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน วาสามารถ แบง ออกเปน 2 ประเภทคือ แบบทดสอบทีค่ รูสรางข้นึ และแบบทดสอบมาตรฐาน จุฬา ทองดี (2551: 32) กลาวถึง แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน วาเปน แบบทดสอบทีว่ ัดความรูของนักเรียนทีไ่ ดเรียนไปแลวโดยมงุ เนนพฤติกรรมและประสบการณของ การเรียนรู ของผเู รียน จากการศึกษาดังกลาว สรุปไดวา แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนคณิตศาสตร เปนแบบ ทดสอบที่ใชสาหรับวัดความรูความสามารถในดานตาง ๆ ที่นักเรียนไดเรียนมาแลว แบง ออกเปน 2 ประเภท คือ แบบทดสอบที่ครสู รางขน้ึ และแบบทดสอบมาตรฐาน ซึ่งแบบทดสอบที่ สรางขึ้นจะตอง สร างใหมีคุณภาพดานตาง ๆ เชน ตองความเที่ยงตรง ความยากงาย อานาจจาแนก ความเปนปรนัย เปนตน เพือ่ ใหผลทีไ่ ดจากการทาแบบทดสอบเปนผลทีส่ ามารถเชื่อถือได

บทที่ 3 วธิ ีการดาเนนิ การ ในการจดั ทาโครงงานคร้งั นี้คณะผจู้ ดั ทาได้ดาเนินงานตามขน้ั ตอนดังนี้ 1. การกาหนดตารางทากิจกรรม 2. วิธีดาเนินการศึกษาและการเก็บรวบรวมข้อมลู 3. สถิติทีใ่ ช้ในการวิเคราะหข์ ้อมลู 1. การกาหนดตารางทากจิ กรรม ลาดับที่ กจิ กรรม / รายการปฏิบตั ิ วนั เดือน ปี ผู้ประสานงาน สถานที่ 1 ประชุม / ปรกึ ษา 22 พ.ค. 60 กลมุ่ ห้องคณิตฯ 2 หาที่ปรกึ ษาโครงงาน 23 พ.ค. 60 กลุ่ม ห้องคณิตฯ ขอขอ้ มูลผลการทดสอบเรื่องการบวก 3 ลบ คูณ หารเลขที่มีหลายหลัก 24 พ.ค. 60 กลุม่ ห้องคณิตฯ จากครูสะดวก โสวะภาสน์

4 รับสมัครนักเรียนทีไ่ มผ่ ่านเกณฑก์ าร 25-31 พ.ค. กลมุ่ ห้องคณติ ฯ ทดสอบเรือ่ งการบวก ลบ คณู หาร 60 เลขที่มีหลายหลกั 5 ศกึ ษาปัญหา / หวั ข้อ 1 มิ.ย. 60 กลมุ่ ห้องคณิตฯ 6 เสนอหัวขอ้ / ตั้งวตั ถปุ ระสงค์ 2 ม.ิ ย. 60 กลมุ่ หอ้ งคณติ ฯ 7 จัดวางโครงเรือ่ งหาวธิ ีดาเนินการ 5-6 ม.ิ ย. กล่มุ ห้องคณติ ฯ 60 8 หาขอ้ มลู / เอกสารอา้ งอิง 7-16 มิ.ย. กลุม่ หอ้ งคอมฯ 60 หอ้ งคณิตฯ 9 ลงมือปฏิบัตติ ามแนวดาเนนิ การ 19 มยิ . 60 กล่มุ หอ้ งคณิตฯ ถงึ 1 ก.ย. 60 โรงเรียน , บ้าน 10 จดั หาวสั ดุอปุ กรณ์ /เข้ารูปเล่ม/ทา 4-15 ก.ย.60 กลุม่ หอ้ งคณติ ฯ แบบนาเสนอ 11 นาเสนอโครงงานคณติ ศาสตร์ 19 ก.ย. 60 กลุ่ม สพป.เชียงราย เขต 3 2. วธิ ีดาเนนิ การศกึ ษาและเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 1. กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้เป็นนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนราช ประชานุเคราะห์ 15 (เวียงเก่าแสนภูวิทยาประสาท) อาเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2560 จานวน 49 คน ซง่ึ ได้มาโดยซ่ึงไดม้ าโดยการสมคั รใจเขา้ รว่ มโครงงานเอง 2. ทดสอบก่อนเรียน 3. จัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะคุณธรรมความเพียรใฝ่เรียนใฝ่รู้กับการบวก ลบ คูณ หาร เลขที่มีหลายหลัก โดยไมจ่ ากดั เวลา 4. เมือ่ ส้ินสุดการจดั การเรียนรูต้ ามกาหนด ทาการทดสอบหลงั เรียนดว้ ยแบบทดสอบ วดั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่องการบวก ลบ คูณ หารเลขที่มีหลายหลัก 5. ตรวจผลการสอบแลว้ นาคะแนนทีไ่ ด้มาวเิ คราะห์โดยใช้วิธีทางสถิติ เพือ่ ทดสอบสมมตฐิ าน 3. สถติ ทิ ีใ่ ชใ้ นการวเิ คราะหข์ อ้ มูล 1. สถติ พิ ืน้ ฐาน โดยใชเ้ ครือ่ งคอมพิวเตอร์ 1.1 ร้อยละ (Percentage) คานวณจากสูตร (ล้วน สายยศ; และอังคณา สายยศ.2543: 306) P = f  100 N เมือ่ P แทน ร้อยละ

f แทน ความถี่ทีต่ อ้ งการแปลงใหเ้ ป็นรอ้ ยละ N แทน จานวนความถี่ทงั้ หมด 1.2 คา่ เฉลีย่ ( X ) คานวณจากสตู ร (ลว้ น สายยศ; และองั คณา สายยศ.2543: 306) เมื่อ X X  X N X N แทน คะแนนเฉลี่ย แทน ผลรวมของคะแนนในกล่มุ แทน จานวนผู้เรียนในกลุ่มตัวอยา่ ง บทที่ 4 ผลการดาเนนิ การ โครงงานเรื่อง“คุณธรรมความขยันหมั่นเพียรตามพระบรมราชาโชบายของพ่อต่อการเปลี่ยนทักษะ การคดิ คานวณของนักเรียนที่มาจากตา่ งตาบล”ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 ได้ดาเนินการตามขั้นตอน ปรากฏผลการวเิ คราะหข์ ้อมูลตามรายละเอียดต่อไปนี้ สัญลักษณท์ ี่ใช้ในการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ในการวิเคราะหข์ อ้ มลู จากการศกึ ษาค้นคว้า และการแปลผลการวิเคราะห์ข้อมลู ในครง้ั นี้ เพื่อให้เกิดความเขา้ ใจตรงกนั ผ้วู ิจยั ไดใ้ ชส้ ญั ลักษณใ์ นการวิเคราะหข์ ้อมูล ดงั ตอ่ ไปนี้ N แทน จานวนนักเรียนในกลุ่มตัวอย่าง n แทน คะแนนเต็มของแบบทดสอบ X แทน คา่ เฉลี่ยของคะแนน การวเิ คราะหข์ อ้ มลู ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล และการแปลความหมายผลของการวิเคราะห์ขอ้ มูลในการวิจยั คร้งั นี้ ผู้วจิ ยั นาเสนอตามลาดบั ขั้นของสมมตฐิ านที่ตง้ั ไว้ดังนี้ 1. ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนคณติ ศาสตรเ์ รื่องการบวก ลบ คณู หารเลขทีม่ ีหลายหลักของนกั เรียน ระดบั ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6 ที่เขา้ ร่วมโครงงาน ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ 60 2. การวิเคราะห์พฤติกรรมด้านความขยนั หมั่นเพียรของนกั เรียนจากบนั ทกึ ของนกั เรียน

ทักษะ จานวนนกั เรียน คะแนนเตม็ คะแนนเฉลีย่ รอ้ ยละ นกั เรียนที่ ที่ร่วมโครงงาน n คะแนนเฉลี่ย ผา่ นเกณฑ์ การบวกเลขทีม่ ีหลายหลัก 15 X การลบเลขทีม่ ีหลายหลกั N 15 95.53 3 การคูณเลขที่มีหลายหลกั 3 10 14.33 86.13 12 การหารเลขที่มีหลายหลัก 12 10 12.92 84.70 19 19 8.47 86.70 15 15 8.67 บทที่ 5 สรุป อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ โครงงาน “คุณธรรมความขยันหม่ันเพียรตามพระบรมราชาโชบายของพ่อตอ่ การเปลีย่ นทักษะ การคิดคานวณของนกั เรียนที่มาจากต่างตาบล”ของนกั เรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 สามารถสรุป อภปิ รายผล ตามรายละเอียดตอ่ ไปนี้ วัตถปุ ระสงคข์ องการดาเนนิ การ 1. เพือ่ เปรียบเทียบผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนเรื่อง การบวก ลบ คูณ หารเลขที่มีหลายหลัก ของนกั เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ทีเ่ ขา้ รว่ มโครงงานกับเกณฑ์ 2. เพื่อเปรียบเทียบความขยันหมัน่ เพียรของนกั เรียนระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 6 กอนและ หลงั ที่ไดเขา้ รว่ มโครงงาน สมมตฐิ านของการดาเนินการ 1. นักเรียนทีเ่ ข้าร่วมโครงงาน “คุณธรรมความขยนั หม่นั เพียรตามพระบรมราชาโชบายของ พ่อต่อการเปลี่ยนทักษะการคิดคานวณของนักเรียนที่มาจากต่างตาบล” มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน คณิตศาสตรเ์ รื่อง การบวก ลบ คูณ หารเลขทีม่ ีหลายหลกั ผ่านเกณฑร์ อ้ ยละ 60 2. นักเรียนที่เข้าร่วมโครงงานมีความขยันหมน่ั เพียรสูงขึ้น ขอบเขตของการศกึ ษาคน้ ควา้ 1. กลุ่มตวั อยา่ ง กล่มุ ตัวอย่างที่ใชใ้ นการดาเนินโครงงานเปน็ นักเรียนชัน้ ประถมศกึ ษาศกึ ษาปีที่ 6 โรงเรียน ราชประชานุเคราะห์ 15 (เวียงเกา่ แสนภวู ิทยาประสาท ) ทีก่ าลงั เรียนในภาคเรียนที่ 1 ปี การศกึ ษา 2560 จานวน 49 คน ซงึ่ ไดม้ าโดยการสมัครใจเขา้ รว่ มโครงงานเอง 2. เนือ้ หาที่ใชใ้ นการดาเนินการ เป็นเนื้อหากลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ช่วงชั้นที่ 2

ในเรือ่ งการบวก ลบ คูณ หาร เลขทีม่ ีหลายหลัก 3. ตวั แปรที่ใชใ้ นการศึกษา ได้แก่ 3.1 ตัวแปรอสิ ระ คือ นักเรียนทีฝ่ ึกการคิดคานวณในเรื่องการบวก ลบ คณู หาร เลขที่ มีหลายหลัก ด้วยโครงงาน “คุณธรรมความขยนั หมน่ั เพียรตามพระบรมราชาโชบายของพ่อต่อการเปลี่ยน ทกั ษะการคดิ คานวณของนกั เรียนที่มาจากตา่ งตาบล” 3.3 ตัวแปรตาม ได้แก่ 3.2.1 ผลสมั ฤทธิ์ทางการการคดิ คานวณของนักเรียนในเรื่อง ในเรื่องการบวก ลบ คณู หาร เลขที่มีหลายหลัก 3.2.2 ความขยนั หม่นั เพียร 4. ระยะเวลาที่ใช้ในการดาเนนิ การ ผู้รายงานใช้เวลาในการดาเนนิ การในภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2560 ระหว่างวนั ที่ 20 พฤษภาคม 2560 ถึงวนั ที่ 15 กนั ยายน 2560 สรุปผลการดาเนนิ งาน จากการวเิ คราะห์ขอ้ มูลคณะผู้จัดทาโครงงานสามารถสรปุ ผลการดาเนนิ งานได้ ดงั นี้ 1. ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 ภายหลงั เข้ารว่ มโครงงาน “พระ บรมราโชบายของพ่อต่อการเปลี่ยนทักษะการคิดคานวณของนักเรียนที่มาจากต่างตาบล”อยู่ในระดับสูงกว่า เกณฑ์ ร้อยละ 60 2. ความขยนั หมัน่ เพียรของนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 6 ภายหลงั นักเรียนเขา้ ร่วมโครงงาน สูง กว่ากอ่ นเข้ารว่ มโครงงาน อภปิ รายผล 1. ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนของนักเรียนชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 6 ภายหลังเข้ารว่ มโครงงาน “คณุ ธรรมความขยันหมั่นเพียรตามพระบรมราชาโชบายของพ่อตอ่ การเปลี่ยนทักษะการคดิ คานวณของ นักเรียนที่มาจากต่างตาบล”อย่ใู นระดบั สูงกวา่ เกณฑ์ ร้อยละ 60 ท้ังนี้อาจเนื่องมาจาก 1.1 การจัดทาโครงงานมีแนวทางการจัดการเรียนการสอนโดยจะเน้นการสร้างบรรยากาศ ทางการเรียนที่มีความอบอ่นุ และเป็นการเรียนการสอนที่มาจากความต้องการของนักเรียนเอง ไม่สร้างความ กดดันหรือบีบบังคับใหนักเรียนทาตามครูบอก ครูจะเป็นที่ปรึกษาที่ดีของนักเรียน และเป็นผู้คอยใหการชวย เหลือเมื่อนักเรียนเกดิ ปญหาหรือขอสงสยั 1.2 เนื้อหาในการจดั กิจกรรมเป็นเนื้อหาที่เรมิ่ จากง่ายไปหายาก ทาใหผูเรียนเกิดความ สนใจ เกิดความชอบ อยากเรียนรูไมเบื่อหนายตอการเรียน มีปฏสิ ัมพนั ธทีด่ ีตอเพือ่ น

2. ความขยนั หมน่ั เพียรและความเอื้อเฟอ้ื ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 ภายหลงั นกั เรียนเข้าร่วมโครงงาน สงู กวา่ ก่อนเขา้ รว่ มโครงงาน บรรลตุ ามสมมตุ ิฐานที่ตงั้ เอาไว้ ท้งั นี้อาจ เนือ่ งมาจาก 2.1 การทาแบบฝกึ หดั ในแตล่ ะเรือ่ งจาเป็นทีจ่ ะต้องใช้เวลาวา่ งจากการเรียนใน หอ้ งเรียนนักเรียนจาเป็นที่จะต้องขยนั ข้นึ มากกวา่ เดิมและนักเรียนทีท่ าแบบฝกึ หัดได้กม็ ีจติ เมตตาสอนเพือ่ น นักเรียนโดยใชค้ ุณธรรมความเอื้อเฟื้อเผือ่ แผ่ 2.2 นักเรียนทีม่ าจากต่างตาบลต่าง ๆ แต่ละตาบลมีความขยนั หม่ันเพียรและความ เอือ้ เฟือ้ แผือ่ แผ่ที่ไดร้ ับการปลกู ฝังและถ่ายทอดมาจากประเพณีวฒั นธรรมของนกั เรียน ขอ้ เสนอแนะ 1. ขอ้ เสนอแนะท่ัวไป 1.1 ผ้จู ัดทาต้องทาความเข้าใจข้นั ตอนการทางานเปน็ อย่างดี ควรดาเนนิ การตาม ขัน้ ตอนทีว่ างไว้ ไม่ควรสลับขัน้ ตอนหรือข้ามขัน้ ตอนเพราะแต่ละขนั้ ตอนมีความสอดคลอ้ งและตอ่ เนื่องกัน 1.2 การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนตามโครงงาน บคุ ลกิ ภาพของผูสอนถือวามีความ สาคัญมาก ผสู อนควรมีบคุ ลกิ ภาพย้ิมแยมแจมใส มีความเปนมิตรกับผู้เรียน มอบความรกั ความเมตตาและ ความเอาใจใส สามารถใหคาปรึกษาทีด่ ีแกผู้เรียนได สวนการใชคาพูดผสู อนตองใชคาพดู ที่สุภาพ ไพเราะ ไมใชคาหยาบคาย และไมพูดกับผู้เรียนดวยอารมณ แตควรพูดคุยดวยเหตุผล 2. ขอเสนอแนะสาหรบั การวจิ ยั ครัง้ ตอไป 2.1 ควรศกึ ษาเกี่ยวกบั การจัดการเรียนการสอนแบบคณุ ธรรมนาความรูไปใชกับการจัดการ เรียนสอนในระดับชน้ั อื่น ๆ เชน ประถมศกึ ษา มัธยมศึกษาตอนตน้ เปนตน 2.2 ควรศึกษาผลของการทาโครงงานนี้กับตวั แปรคณุ ธรรมดานอื่น ๆ เชน ความ รับผิดชอบ ความมีวนิ ยั ความสามัคคี เปน็ ตน บรรณานกุ รม กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2523). แนวทางการพัฒนาจริยธรรมไทย. กรุงเทพฯ:

โรงพมิ พการศาสนา. กษมิ ดา วิริยะ. (2526). การศกึ ษาความคิดรวบยอดเกี่ยวกับคานิยมพื้นฐานเรือ่ งการ พง่ึ ตนเอง ความขยันหม่ันเพียร และความรบั ผดิ ชอบของนักเรียนช้นั มัธยมศึกษาปที่ 3 ในเขตการศึกษา 8. วิทยานพิ นธ ศศ.ม. กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร กมล ภูประเสริฐ. (2544). การบรหิ ารงานวิชาการในสถานศึกษา. กรงุ เทพฯ: ทปิ ส พับลิบ เคชนั่ . กองวิจัยการศึกษา. (2542). การสังเคราะหรูปแบบการพัฒนาการศักยภาพของเดก็ ไทย ดานความขยันอดทนและอดออม. กรงุ เทพฯ: กรมวิชาการ กระทรวงศกึ ษาธิการ. ไกรฤกษ พลพา. (2551). ชุดกจิ กรรมแบบปฏบิ ัติการคณิตศาสตรเพือ่ ปองกันความคดิ รวบ ยอดทีผ่ ิดพลาด เรื่อง “วิธีเรียงสบั เปลี่ยน”(Permutations) ของนกั เรียนระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชัน้ ปที่ 1. สารนพิ นธ กศ.ม.(การมธั ยมศกึ ษา). กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ. ถายเอกสาร. จฬุ า ทองดี. (2551). ผลการใช -learning ประกอบการเรียนการสอน เรื่อง การวดั การ กระจาย ที่มีตอผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนวชิ าคณิตศาสตรของนกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที่ 6. สารนิพนธ กศ.ม.(การมัธยมศึกษา). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ. ถายเอกสาร. ชชั ลนิ ี จงุ พิวฒั น ตวั แปรที่เกีย่ วของกบั ความขยนั หมัน่ เพียรในการเรียนของ นกั เรียนชวงชน้ั ที่ 3 โรงเรียนเวียงสระ อาเภอเวียงสระ จังหวัดสรุ าษฎรธานี. ปรญิ ญานพิ นธ กศ.ม.(การมธั ยมศึกษา). มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ. ชัยวฒั น อัฒพัฒน หลกั พระพุทธศาสนา. กรุงเทพฯ: รงุ ศลิ ปการพิมพ ชานนท ศรีผองงาม. (2549). การพฒั นาชุดการเรียนแบบแบงผลสมั ฤทธ์ิ (Student Teams Achievement Division : STAD) เพือ่ เสรมิ ทักษะการสื่อสารทาง คณิตศาสตร เรือ่ ง จานวนจริง ของนกั เรียนชั้นมัธยมศึกษาปที 4. ปริญญานิพนธ กศ.ม.(การมธั ยมศึกษา). กรงุ เทพฯ: มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ. ถายเอกสาร. ฐติ ยิ า เกตคุ า. (2551). ผลการใชบทเรียนออนไลน เรือ่ ง วิธีจัดหมู ทีม่ ีตอผลสมั ฤทธิ์ ทางการเรียนและเจตคติตอการเรียนวิชาคณิตศาสตรของนักเรียนช้นั มัธยมศึกษา ปที่ 6. สารนพิ นธ กศ.ม.(การมัธยมศึกษา). กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ถายเอกสาร. ทพิ สุคนธ ศรีแกว. (2546). การพฒั นาบทเรียนคอมพิวเตอรชวยสอนแบบมัลตมิ ีเดีย เรื่อง ความนาจะเปน สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปที่ 3. ปรญิ ญานิพนธ กศ.ม. (การมธั ยมศึกษา). กรงุ เทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครนิ ทรวโิ รฒ. ถายเอกสาร. นวลละออ แสงสุข. (2544). รายงานวิจยั เรื่องการศึกษาพฤติกรรมเชิงจริยธรรมของ

นักเรียนชัน้ มธั ยมศึกษาตอนตน โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคาแหง. ภาควิชาพืน้ ฐานการศึกษา คณะศึกษาศาสตร มหาวิทยาลยั รามคาแหง. นศิ า ดานวิริยะกุล. (2527). การสรางแบบทดสอบวดั จรยิ ธรรมดานความขยนั หมน่ั เพียร ระดับช้ันมธั ยมศึกษาปที่ 1 กรุงเทพมหานคร. ปรญิ ญานิพนธ กศ.ม. (การมธั ยมศึกษา). มหาวิทยาลัยศรีนครนิ ทรวิโรฒ ประสานมติ ร. ถายเอกสาร. นชุ นาท เนติพฒั น ปจจยั เชงิ สาเหตุทีส่ งผลตอความขยนั หมน่ั เพียรของนักเรียน ชวงชั้นที่ 4 โรงเรียนในเครือมลู นิธิคณะเซนตคาเบรียล แหงประเทศไทย. ปรญิ ญา นพิ นธ กศ.ม.(การมัธยมศึกษา). มหาวทิ ยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ ประสานมติ ร. ถายเอกสาร. บุญชม ศรีสะอาด. (2524). รปู แบบของผลการเรียนในโรงเรียน. ปรญิ ญานิพนธ กศ.ด. มหาวทิ ยาลยั ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ ประสานมิตร. บุศรา อ่ิมทรัพย ผลการใชสือ่ ประสมเรื่อง “การแปลงทางเรขาคณิต” ทีม่ ีตอ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน และเจตคตใิ นการเรียนวชิ าคณติ ศาสตร ของนกั เรียนชั้น มัธยมศึกษาปที่ 2. สารนิพนธ กศ.ม.(การมัธยมศึกษา). กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลัย ศรีนครนิ ทรวิโรฒ. ถายเอกสาร. ประภาศรี สีหอาไพ. (2531). พืน้ ฐานการศึกษาทางศาสนาและจรยิ ธรรม. กรุงเทพฯ: โครงการตาราและเอกสารทางวชิ าการ คณะครศุ าสตร จฬุ าลงกรณมหาวิทยาลยั . ปริญญา สองสีดา. (2550). ผลการจัดการเรียนการสอนแบบ 4 MAT เรือ่ งทศนยิ มและ เศษสวน ที่มีตอผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนและทักษะการสือ่ สารทางคณติ ศาสตร ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 1. ปริญญานิพนธ กศ.ม.(การมัธยมศึกษา). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครนิ ทรวิโรฒ. ถายเอกสาร. พระธรรมปฎก (ป.อ.ปยตุ โฺ ต). (2545). พจนานกุ รมฉบบั ประมวลศัพท. พมิ พครงั้ ที่ 10. กรุงเทพฯ: บริษทั เอส. อาร พรน้ิ ติ้ง แมส โปรดกั ส จากดั . พระมหาพิชิต เชษฐรัมย คมู ือพฒั นาความขยันหมั่นเพียรของนักเรียนชวงช้นั ที่ 2. สารนพิ นธ กศ.ม. (จติ วทิ ยาการแนะแนว) มหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ. ไพโรจน ปานอยู ผลการสอนโดยใชกลุมสัมพันธกับวธิ ีการสอนตามปกติทีม่ ีผลตอ พฤตกิ รรมเชงิ จริยธรรมของนักเรียนชนั้ ประถมศึกษาปที่ 5. ปริญญานพิ นธ กศ.ม. พิษณโุ ลก: มหาวิยาลัยนเรศวร. มลิ ินทร สาเภาเงนิ . (2524). การศกึ ษาเปรียบเทียบพฤติกรรมเชงิ จรยิ ธรรมของนักเรียน จากการประเมนิ หลกั สตู รประถมศึกษา พทุ ธศักราช 2503 และ 2521. ปริญญา นพิ นธ กศ.ด. มหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมติ ร. ยุพดี ปดตะคุ. (2537). ผลของการใชชดุ การแนะแนวที่มีตอความขยันหมัน่ เพียรในการ เรียนของ นกั เรียนชน้ั ประถมศึกษาปที่ 6 โรงเรียนศรีเอีย่ มอนสุ รณ สงั กัด กรุงเทพมหานคร. สารนพิ นธ กศ.ม. (จติ วิทยาการแนะแนว) มหาวทิ ยาลั

ศรีนครินทรวิโรฒ. ลวน สายยศ; อังคณา สายยศ. (2543). เทคนิคการวดั ผลการเรียนรู พิมพครง้ั ที่ 2. กรงุ เทพฯ: ชมรมเดก็ . วาสนา ปทมาลยั . (2529). ผลของการใชบทบาทสมมติทีม่ ีตอความขยันหมน่ั เพียร ใน การเรียนวิชาภาษาไทยของนกั เรียนชน้ั มัธยมศึกษาปที่ 2 โรงเรียนอนกุ ลู วทิ ยาลยั จงั หวัดเลย. ปริญญานพิ นธ กศ.ม.(การมัธยมศึกษา). มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ. วมิ ล อยูพพิ ัฒน บทเรียนปฏิบัติการโดยใชโปรแกรม GPS (GEOMETER’S SKETCHPAD)ทีเ่ นนทกั ษะการเชื่อมโยง เรื่อง การวดั สาหรับนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 2. สารนิพนธ กศ.ม.(การมธั ยมศึกษา). กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ. ถายเอกสาร. วสิ ทุ ธิวรรณ ปนฉาย. (2550). คมู ือพฒั นาความขยนั ของนักเรียนปฐมวยั . สารนพิ นธ กศ.ม. (จิตวทิ ยาการแนะแนว). มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ศศวรรณ เทศศรีเมือง. (2535). ผลของการเปรียบเทียบการควบคุมตนเอง และการชีแ้ นะ ที่มีตอความขยันหมนั่ เพียรในการเรียนของนกั เรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2 โรงเรียน สตรีราชินูทศิ จังหวดั อดุ รธานี. ปริญญานิพนธ กศ.ม.(การมัธยมศึกษา). มหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวโิ รฒ ประสานมิตร. ศูนยสงเสริมและพฒั นาพลังแผนดินเชงิ คุณธรรม. (2551). การวิจัยและพัฒนาตัวบงชี้เชิง คณุ ธรรมจรยิ ธรรม รายงานวิจยั เรือ่ งที่ 2 ใน 4 ของชดุ โครงการวิจยั เรื่องการ พฒั นาตวั บงชีค้ ุณธรรมจรยิ ธรรม : การพัฒนาและพัฒนาการ. พิมพครงั้ ที่ 1. กรุงเทพฯ: พรกิ หวานกราฟฟค. สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี. (2546). เมื่ออนาคตไลลาคุณ. กรงุ เทพฯ: เนชัน่ บุคสอนิ เตอรเนชน่ั แนล. สานักวชิ าการและมาตรฐานการศึกษา. (2548). การวัดและประเมินผลอิงมาตรฐานการ เรียนรูตามหลกั สูตรการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2544 กลุมสาระการเรียนรู คณติ ศาสตร กรุงเทพฯ : โรงพมิ พองคการรับสงสินคาและพัสด.ุ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาแหงชาติ, (2529). คมู ือจัดกจิ กรรมสรางเสรมิ ของครู ประถมศึกษา. กรุงเทพฯ: โครงการอบรมครูวิชาการประจากลุมโรงเรียน สานกั งานคณะกรรมการประถมศึกษาแหงชาติ. (2539). เกณฑมาตรฐานโรงเรียน ประถมศกึ ษา. กรงุ เทพฯ: ม.ป.พ. สานกั งานฯ สานกั งานคณะกรรมการวฒั นธรรมแหงชาติ กระทรวงศึกษาธิการ. (2529). การปลูกฝง คุณธรรมและจริยธรรมในโรงเรียนมธั ยมศึกษาชุดปฏิบัตกิ ารปลูกฝงและสราง คานยิ มพื้นฐานเรือ่ งความขยันหม่ันเพียร. กรุงเทพฯ: โรงพิมพคุรุสภาฯ. สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2545). แผนการศกึ ษาแหงชาติ (พ.ศ. 2545 – 2559). กรงุ เทพฯ. พรกิ หวานกราฟฟค.

สาราญ เพ็ญภกั ดี. (2549). คมู ือพัฒนาความขยันของนกั เรียนชวงชน้ั ที่ 1. สารนพิ นธ กศ.ม.(จิตวิทยาการแนะแนว). มหาวทิ ยาลัยศรีนครนิ ทรวิโรฒ. สริ พิ ร ดาวนั . (2540). ตัวแปรที่เกี่ยวของกับความขยนั หม่ันเพียรของนกั เรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาตอนปลายโรงเรียนพบิ ลู วิทยาลยั จังหวัดลพบรุ ี. ปรญิ ญานิพนธ กศ.ม.(การมธั ยมศึกษา). มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ. สพุ ตั รา สุภาพ. (2541). สงั คมและวฒั นธรรมไทย คานิยม ครอบครวั ศาสนา ประเพณี. กรุงเทพฯ: โรงพิมพไทยวฒั นาพาณชิ . สวุ มิ ล วองวาณชิ และคนอืน่ ๆ. (2549). รายงานการวจิ ยั โครงการเรงสรางคณุ ลักษณะทีด่ ี ของเดก็ และเยาวชนไทย. พมิ พคร้งั ที่ 1. กรงุ เทพฯ: บริษทั พรกิ หวานกราฟฟค จากดั . หนวยศึกษานิเทศก กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ. (2529) คูมือการปลูกฝงและ เสริมสรางคานิยมพื้นฐานเรื่องความขยนั หมน่ั เพียร. กรุงเทพฯ: จฬุ าลงกรณ มหาวทิ ยาลยั . อัดสาเนา อารีย ศรีเดือน. (2547). การพัฒนาชุดกจิ กรรมคณิตศาสตรแบบปฏบิ ัตกิ าร เรื่อง การ ประยกุ ต เพื่อสงเสริมความสามารถในการคดิ อยางมีเหตุผล. ปรญิ ญานพิ นธ กศ.ม.(การมัธยมศึกษา). กรงุ เทพฯ : มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ. ถายเอกสาร. อารุง จันทวานิช. (2542). พฒั นาทักษะการดาเนินชีวิต. กรุงเทพฯ: โรงพิมพการศาสนา. Barnhart, Clarence L. (1979). The World Book Dictionary. Chicago : World Book- Childcraft International, Inc. Bloom, Benjamin S. (1976). Human Characteristics and School Learning. 2nd ed. New York: McGraw-Hill Book Company. Briggs, Richard D., Tosi, Donald J. and Morley, Rosemary M. (1971, April). “Study Habits Modification and Its Effect on Academic Performance : A Behavioral Approach,” Journal of Educational Research. 64 : 347-350. Carroll, John B. (1963, May). “A Model of School Learning,” Teachers College Record 64(8): 723-733. Eugene, Leher B. (1969). “An Investigation of the Role of Intellectual Motivation

and others Non – Intellectual Factors in the Prediction of Educational Achievement and Efficiency,” Dissertation Abstracts. 29 : 3876 – A. Good, Carter V. (1973). Dictionary of Education. 3rd ed. New York: McGraw-Hill, Harenski, Carla L. and others. (2009). Gender Differences in Neural Mechanisms Underlying Moral Sensitivity. ” Dissertation Abstracts (online). Retrieved July, 9, 2009. from http://scan.oxfordjournals.org/cgi/content/short/3/4/313 Jedrychowski, Joseph J. and Lindemann, Robert R. (2005). Comparing standardized measures of diligence and achievement with dental student academic Performance. Dissertation Abstracts (online). Retrieved July, 10, 2009. from http://www.jdentaled.org/cgi/content/abstract/69/4/434 Maddox, Harry. (1965). “How to Study,” The English Language Book Society. New York : Fewest Publication. Mehren, W. (1976). Measurement and Evaluation in Education and Psychology. New York : Holt, Rinehart and Winston, Inc. Onoda, Larry. (1975). “Personality Characteristics of High Achieving and Under Achieving Japanese - American Sansei,” Dissertation Abstracts. 35: 7726-A, June. Rawat, D.S., and Gupta, S.L. (1970). Educational Wastage at the Primary Level : A Hand Book for Teacher. New Delhi : S.K. Kitchula at Nalanda Press. Ringness, Thomas A. (1968). Mental Health in the School. New York: Random House. Rosenthal, Doreen A. and others. (1981). “From Trust to Intimacy : A New \\

Inventory for Examining Erikson’s Stages of Psychosocial Development,” Journal of Youth and Adolescence. 10 : 525-537. Webster. (1973). “English Language Institute of America” In The New Grolier Webster International. 3rd ed. New York: Webster inc. Wilson, Jame W.(1971). Evaluation of Learning in Secondary School Mathematics, Handbook on Formative and Summative Evaluation of Student Learning. ed. by Benjamin S. Bloom, pp. 685-689. U.S.A. : McGraw-Hill.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook