กระบวนการ ในการดารงชวี ติ ของพืช นางสาวฐิตินันท์ บุญอาจ ครู
๑.กระบวนการสบื พนั ธ์ขุ องพชื การสบื พนั ธแุ์ บบไมอ่ าศัยเพศ การสืบพันธ์ุแบบอาศยั เพศ
การสืบพนั ธแุ์ บบไมอ่ าศยั เพศ ขยายพนั ธโ์ุ ดยอาศยั สว่ นตา่ งๆ ของพชื มาช่วยในการขยายพันธ์เุ กิดเป็นตน้ ใหม่ สว่ นของลาตน้ ทาหน้าที่ขยายพนั ธ์ุ ส่วนของรากทาหน้าท่ีขยายพนั ธุ์ ไหล : ลาต้นทที่ อดนอนไปเหนือพนื้ ดิน เช่น สตรอวเ์ บอร์รี บัวบก บรเิ วณรากจะมีตาซงึ่ จะสามารถงอกเป็นพชื ต้นใหมไ่ ด้ เชน่ มนั เทศ สาเก หัว : ลาต้นใต้ดนิ ท่ีทาหน้าท่ีสะสมอาหาร เช่น หัวหอม เผือก มันฝรัง่ สว่ นของใบทาหนา้ ทข่ี ยายพันธ์ุ เหงา้ : ลาต้นใตด้ ินท่ีทอดนอนไปใตผ้ ิวดิน เช่น ขิง ข่า ขมิ้น ใบมีขอบทส่ี ามารถงอกเป็นพชื ตน้ ใหม่ได้ เชน่ ตน้ ตายใบเปน็ โคมญ่ปี ุน่ หน่อ : ลาต้นเจริญเปน็ กอ แล้วแตกออกเปน็ ตน้ ใหม่ เช่น กลว้ ย สับปะรด การขยายพนั ธุ์พชื โดยมนุษย์ ตอนก่งิ ตดิ ตา ต่อกิ่ง ทาบกิ่ง
การสืบพันธ์ุแบบอาศัยเพศ เกิดข้นึ ภายในอวัยวะสบื พนั ธ์ุ คอื ดอก ปฏสิ นธริ ะหว่าง เซลล์สืบพันธเ์ุ พศผู้ เซลล์สบื พนั ธเ์ุ พศเมีย หรือสเปิร์ม (sperm) หรือไข่ (egg) ไซโกต (zygote) เอ็มบริโอ(embryo)
สว่ นประกอบของดอก ➢ ดอกไม้ทาหนา้ ท่ใี นการสบื พนั ธ์ุ สว่ นประกอบสาคญั มี 4 สว่ น กลบี เลี้ยง กลบี ดอก เกสรเพศเมีย เกสรเพศผู้ มีสีสันสวยงามเพือ่ ล่อแมลง ทาหนา้ ทส่ี รา้ งละอองเรณู หอ่ หุ้มสว่ นอ่นื ๆ เพือ่ ป้องกัน อันตรายขณะดอกตูม
การถา่ ยเรณู • เม่ือละอองเรณภู ายในอับเรณแู กจ่ ดั อับเรณูจะแตก • ละอองเรณจู ะปลวิ และกระจายไปยงั บริเวณต่างๆ • หากละอองเรณไู ปตกลงบนยอดเกสรเพศเมียท่มี ีสารเหนียว จะทาให้ละอองเรณูติดอยู่ได้ การถ่ายละอองเรณูในดอกเดยี วกัน การถา่ ยละอองเรณูขา้ มดอก
การผสมขา้ ม การถา่ ยเรณจู ากดอกต้นหนึ่งไปยงั ยอดเกสรเพศเมียในดอกของพชื ชนดิ เดยี วกนั อีกตน้ หน่งึ พืชท่วั ไปมกั เป็นพวกที่มกี ารผสมขา้ ม
การผสมตวั เอง การถ่ายเรณูไปยงั เกสรเพศเมยี ของดอกเดยี วกันหรอื คนละดอก แตด่ อกน้นั อย่ใู นตน้ เดียวกนั
ปัจจยั ที่ชว่ ยทาใหเ้ กดิ การกระจายละอองเรณู ลม นา แมลง นก คน
การปฏสิ นธิ เมื่อละอองเรณูตกบนยอดเกสรเพศเมยี ละอองเรณจู ะงอกท่อยาวเรียกวา่ หลอดเรณู (pollen tube) ลงไปในกา้ นเกสรเพศเมยี จนไปถึงรงั ไข่ จากน้นั ละอองเรณจู ะปลอ่ ยสเปิร์มของนวิ เคลยี สเขา้ ผสมกบั นวิ เคลียสของออวลุ เรียกวา่ การปฏิสนธิ (fertilization) ออวลุ ทผี่ สมแล้วจะกลายเปน็ เมลด็ ยอดเกสรเพศเมีย ละอองเรณู กา้ นเกสรเพศเมยี หลอดเรณู เกดิ การปฏสิ นธิ เซลล์สบื พนั ธุ์เพศผู้ ออวุล รังไข่
การแพรพ่ ันธ์ุของเมลด็ • ลมพาไปเมล็ดของ • ผลเปน็ อาหารของสัตว์ พชื จะมปี ีก มลี กั ษณะเบาทาให้ เมล็ดผลไมท้ ่สี ัตวก์ นิ เขา้ ไปจะถกู ขับ ลอยไปตกในท่ีไกลๆ เช่น ลูกสน ออกมาและงอกเปน็ ตน้ ได้ เช่น ดอกหญา้ มะเขอื เทศ ลูกโพธ์ิ ลูกไทร การกระจายของเมล็ดวิธีต่างๆ • มีตะขอสาหรับเกี่ยวตดิ ไป กับขนสตั ว์เช่น หญา้ บุ้ง • เมอ่ื ผลแก่เตม็ ที่ ผลจะ หรือมีสายเหนยี วเพอ่ื ติดกบั แตกเมลด็ จะกระเดน็ ไปไกล ขนสตั วห์ รือเสอ้ื ผ้าของคน จากต้นเดมิ เชน่ ตอ้ ยตงิ่ ถว่ั เชน่ หญ้าเขา้ ชู้ ผักโขมหนิ ลนั เตา ผลฝิน่
การงอกของเมล็ดและปจั จัยในการงอกของเมลด็ ลาต้นสูงขึ้นเกดิ ใบเลยี้ งและใบแท้ ลาต้นโผลพ่ ้นจากพนื้ ดิน เกดิ รากแขนงและรากฝอย รากแทงออกจากเมล็ด สภาพแวดลอ้ มท่เี หมาะสมตอ่ การเจรญิ เตบิ โต ทาใหเ้ มลด็ งอกเปน็ พืชตน้ ใหม่ โดยอาศยั ปัจจัยเหล่าน้ี นา แก๊สออกซิเจน อาหาร ช่วยทาให้เปลอื กเมล็ดย่ยุ รากและ ใชใ้ นกระบวนการหายใจ ตน้ ออ่ นของพืชจะใชอ้ าหารจาก ตน้ ออ่ นจะได้ทะลุออกมาได้งา่ ย และผลิตพลังงาน ใบเลย้ี งทส่ี ะสม
การงอกและการเจรญิ เตบิ โตของเมลด็ Clip
๒.การตอบสนองของพืชต่อสิง่ เร้า การตอบสนองต่อแสง การตอบสนองตอ่ อุณหภมู ิ การตอบสนองต่อความชืน การตอบสนองตอ่ ความสมั ผัส
การตอบสนองตอ่ แสง พชื ส่วนใหญจ่ ะมีการตอบสนองตอ่ แสงโดยเฉพาะพชื ทีไ่ ดร้ ับความเข้มของแสงไม่เท่ากนั ทุกดา้ น พชื จะหันไปทางด้านทีม่ คี วามเข้มของแสงมากกวา่ การปลกู ตน้ ไม้ใกลห้ น้าตา่ ง ตน้ ทานตะวนั จะหนั ดอกเข้า ต้นไมยราบจะบานในเวลา ตน้ ไม้จะหันยอดไปทางหน้าต่าง หาดวงอาทิตย์ตลอดท้ังวันต้งั แต่ กลางวนั และหุบในเวลากลางคืน เพอื่ รบั แสง เชา้ ถึงเยน็
การตอบสนองต่ออุณหภูมิ อณุ หภมู ิจะเปลี่ยนแปลงไปตามความสูงของ บนยอดเขาสูงมอี ากาศเยน็ จัดตลอดปี พน้ื ที่จากระดบั นา้ ทะเล ซงึ่ ชนดิ ของพืชตาม ส่วนใหญเ่ ป็นปา่ สน ระดับความสูงของพืน้ ที่เป็นการตอบสนองตอ่ อุณหภูมิ สภาพอากาศเรมิ่ เยน็ ตลอดปี ปา่ เปน็ ปา่ ดบิ เขา ตน้ ไมส้ ว่ นใหญ่เป็นพวกชอบอากาศเย็น บรเิ วณเชงิ เขาสภาพพื้นดนิ อากาศเริ่มเย็นกวา่ เชงิ เขา 1200 เมตรขึน้ ไป คอ่ นขา้ งแห้งแล้งจะพบปา่ เตง็ รัง สภาพปา่ เป็นป่าดิบแลง้ ป่าสน ขึ้นอยู่ 1000 เมตร 900 เมตร ป่าดบิ เขา เชิงเขา ปา่ ดบิ แล้ง ป่าเต็งรงั
การตอบสนองตอ่ ความชืน บรเิ วณทะเลทรายแต่ละปีจะมฝี นตกเฉลีย่ นอ้ ยกวา่ 250 มิลลิเมตรตอ่ ปี ฤดูแลง้ พชื หลายชนดิ จะผลัดใบเพ่ือลดการสูญเสียน้า และผลใิ บใหม่ เมื่อถงึ ฤดฝู น ฤดฝู น พชื บางชนดิ ออกดอกออกผลในฤดูฝน พชื บางชนิดจะลดขนาด ของใบหรอื เปลีย่ นให้อย่ใู นรูปของหนาม เพื่อป้องกนั การสญู เสียน้า
การตอบสนองตอ่ ความสมั ผัส ตน้ ไมยราบ • เมอ่ื ถกู สมั ผสั ใบจะหบุ ต้นหม้อขา้ วหมอ้ แกงลงิ • เมอื่ มแี มลงมาตกลงไปฝาใบจะปดิ ทันที ต้นกาบหอยแครง • เมื่อมแี มลงมาสมั ผสั ส่วนในของใบทม่ี ลี ักษณะคลา้ ยฝา ฝานัน้ จะถกู ปดิ เขา้ หากนั แมลงไม่สามารถหลุดออกมาได้ และจะย่อยแมลงเปน็ อาหารตอ่ ไป
๓. เทคโนโลยีชวี ภาพสาหรับพืช การเพาะเล้ียงเนอ้ื เยอ่ื พันธุวศิ วกรรม
การเพาะเลยี งเนือเย่อื • เทคโนโลยเี พอ่ื การขยายพนั ธุ์พืชใหไ้ ด้พืชต้นใหมจ่ านวนมาก • พืชตน้ ใหมจ่ ะมีลกั ษณะทางพนั ธุกรรมเหมอื นพืชต้นเดมิ ต้นเดมิ ต้นใหม่
ขนั ตอนการเพาะเลียงเนือเย่ือ เกดิ แคลลัสบริเวณส่วนปลาย 2 1 ของเนือ้ เย่อื ที่ถูกตดั ตดั เนอื้ เยอ่ื เจริญเป็นช้ินเล็กๆ กระตุน้ ใหเ้ กิดยอดและราก 4 มาเพาะเลย้ี งบนอาหาร สงั เคราะห์ โดยเติมฮอรโ์ มนพชื ลงไป 3 สัปดาห์ท่ี 5 เพาะเลี้ยงแคลลสั ให้เจริญมากขึน้
อาหารสังเคราะห์ในการเพาะเลยี งเนือเยอ่ื อาหารชนดิ เหลว จะมกี ารเขยา่ ขวดอาหารเพอื่ ใหม้ ีการแลกเปลย่ี นอากาศ หรือเพมิ่ ออกซิเจน ใหแ้ กเ่ นอ้ื เย่ือเมอ่ื เพาะเล้ยี งเนอื้ เยื่อไประยะหน่งึ จะต้องถา่ ยเน้ือเย่อื ไปยงั อาหาร ใหมเ่ นื่องจากในอาหารจะมีสารอาหารลดนอ้ ยลง อาหารแข็ง มลี ักษณะคลา้ ยวนุ้ มีองคป์ ระกอบของแร่ธาตุอาหารที่จาเปน็ สาหรับพืชเชน่ เดียว กบั ในอาหารชนิดเหลว สารท่เี ตมิ ลงในอาหารสงั เคราะหท์ ใี่ ช้ในการเพาะเล้ยี งเนือ้ เย่อื คอื ฮอรโ์ มนออกซนิ ท่ชี ่วยเรง่ การแบง่ เซลล์ การขยายขนาดและการเปล่ียนแปลง รูปรา่ งของเซลล์ และฮอร์โมนไซโทไคนินทช่ี ว่ ยกระต้นุ การแบ่งเซลล์เช่นกัน
ประโยชน์ของการเพาะเลยี้ งเน้อื เยอ่ื • ใช้ขยายพนั ธ์พุ ชื ทม่ี ีความสาคญั ทางเศรษฐกจิ หรือพชื หายาก เชน่ กล้วยไม้ สมนุ ไพร • สามารถใช้รว่ มกับวิธกี ารตัดแตง่ พันธุกรรมพชื ซ่ึงเมื่อได้พืชทม่ี ีลกั ษณะตามต้องการแลว้ จงึ นามาเพมิ่ จานวนโดยการเพาะเล้ียงเนือ้ เยอื่ • ใช้เพาะเลย้ี งพชื เพือ่ ผลิตสารทเี่ ป็นประโยชนท์ างอตุ สาหกรรม หรือทางเภสชั กรรม เช่น ยารักษาโรค กระเพาะอาหารท่ไี ด้จากตน้ เปล้าน้อย
พนั ธุวิศวกรรม เทคนคิ การตดั ตอ่ ยนี แล้วนาไปใสใ่ นพืชเพอื่ ให้มีการแสดง ออกของลกั ษณะตามทต่ี อ้ งการ เรียกพชื ทีไ่ ดร้ ับการถา่ ยยีนว่า พชื ตัดแตง่ พนั ธกุ รรม (Genetically Modified Oganisms : GMOs) แบคทีเรียทมี่ ยี นี ท่ีต้องการ ดเี อ็นเอของแบคทเี รีย นายีนไปใสใ่ นเซลล์พืช เช่น ยีนตา้ นแมลงศัตรูพชื ที่มียนี ท่ีต้องการ ที่ต้องการตัดแตง่ พนั ธกุ รม ไดพ้ ืชทม่ี ลี กั ษณะ เพาะเล้ียงเนื้อเยอื่ พชื ตามต้องการ ใหม้ จี านวนมากขนึ้
กระบวนการดารงชวี ิตของพืช โดย นางสาวฐติ ินนั ท์ บญุ อาจ ครโู รงเรียนวัดแหลมเขาจนั ทร์
Search
Read the Text Version
- 1 - 25
Pages: