Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore งานพฤกษศาสตร์ในโรงเรียน

งานพฤกษศาสตร์ในโรงเรียน

Published by น้องที โอเวอร์, 2020-11-03 08:03:29

Description: นาย ธีรวัฒน์ มือแข็ง เลขที่ 8 ม.5/6
นาย วุฒิชัย เร่งประพันธ์ เลขที่ 20 ม.5/6

Search

Read the Text Version

คำนำ หนังสืออิเล็กทรอนิกสเ์ ล่มน้ ีจดั ทาข้ ึนเพื่อศึกษา เกี่ยวกบั สวนพฤกษศาสตรใ์ นโรงเรียน โดยเน้ ือหาประกอบ ไปดว้ ย ตน้ ไมแ้ ละดอกไมใ้ นโรงเรียน และประกอบ การเรียนวชิ า ว32101 เทคโนโลยี 2 ผจู้ ดั ทาหวงั วา่ จะเป็ นประโยชน์ต่อผศู้ ึกษาไดเ้ ป็ นอยา่ งดี ผจู้ ดั ทาโดย นายวฒิชยั เรง่ ประพนั ธ์ นาย ธีรวฒั น์ มอื แข็ง

Tamarindus indica pods.JPG มะขาม การจาแนกช้นั ทางวทิ ยาศาสตร์ อาณาจกั ร: Plantae หมวด: Magnoliophyta ช้นั : Magnoliopsida อนั ดบั : Fabales วงศ:์ Fabaceae สกุล: Tamarindus สปี ชีส:์ T. indica ชื่อทวนิ าม Tamarindus indica มะขาม เป็ นไมเ้ ขตรอ้ น มีถิ่นกาเนิดอยใู่ นทวปี แอฟริกาแถบประเทศ ซดู าน, ประเทศแคเมอรนู ประเทศไนจีเรีย, ประเทศเคนยา,ประเทศแซมเบีย, และประเทศแทนซาเนีย ต่อมามีการนาเขา้ มาในแถบประเทศเขตรอ้ นของเอเชียและประเทศ แถบลาตินอเมริกา และในปัจจุบนั มมี ากในประเทศเม็กซิโก

มะขามเป็ นไมย้ นื ตน้ ขนาดกลางจนถึงขนาดใหญแ่ ตกกิ่งกา้ นสาขามาก ไมม่ ีหนาม เปลือกตน้ ขรุขระและหนา สีน้าตาลออ่ น ใบ เป็ นใบประกอบ ใบเล็กออกตามกิ่งกา้ นใบเป็ นคู่ ใบยอ่ ยเป็ นรปู ขอบขนาน ปลายใบ และโคนใบมน ประกอบ ดว้ ยใบยอ่ ย 10–15 คู่ แต่ละใบยอ่ ยมขี นาดเล็ก กวา้ ง 2–5 มม. ยาว 1–2 ซม . ออกรวมกนั เป็ นชอ่ ยาว 2–16 ซม. ดอก ออกตามปลายกิ่ง ดอกมขี นาดเล็ก กลีบดอกสีเหลืองและมจี ุดประสีแดง/มว่ งแดง อยกู่ ลางดอก ผลเป็ นฝักยาว รปู รา่ งยาวหรอื โคง้ ยาว 3-20 ซม. ฝักอ่อนมีเปลือกสีเขยี วอมเทา สีน้าตาลเกรยี ม เน้ ือในติดกบั เปลือก เมื่อแกฝ่ ักเปลี่ยนเป็ นเปลือกแข็งกรอบหกั งา่ ย สีน้าตาล เน้ ือในกลายเป็ นสีน้าตาลหุม้ เมล็ด เน้ ือมีรสเปร้ ยี ว และ/หรือหวาน ซ่ึงฝักหนึ่ง ๆ จะมี/หมุ้ เมล็ด 3–12 เมล็ด เมล็ดแกจ่ ะแบนเป็ น มนั และมีสีน้าตาลใบของมะขามเป็ นใบประกอบแบบขนนก (pinnately compound leaves) ใบยอ่ ยแต่ละใบแยกออกจากกา้ น 2 ขา้ งของแกนกลาง คลา้ ยขนนก ถา้ ปลายสุดของใบจะเป็ นใบยอ่ ยเพียง ใบเดียวเรียก แบบขนนกค่ี (odd pinnate) เชน่ กุหลาบ อญั ชนั กา้ มปู ถา้ สุดปลายใบมี 2 ใบ เรียกแบบขนนกคู่ (even pinnate) เชน่ มะขาม การปลกู มะขาม นิยมขยายพนั ธุโ์ ดยการทาบกิง่ ติดตาหรอื ต่อกง่ิ เพราะไดผ้ ลเร็วและลดการกลายพนั ธุ์ ทาไดโ้ ดยเตรยี มดินโดยขุดหลุม กวา้ ง

ยาวและลึกดา้ นละ 60 ซม.ใสป่ ๋ ุยคอกหรือป๋ ุยหมกั คลุกเคลา้ ดินรองกน้ หลุมเอากิ่งพนั ธุล์ งปลกู รดน้าใหช้ ุม่ มะขามเม่อื ลงดินแลว้ จะโตเร็ว ควรใชไ้ มห้ ลกั พยุงไวใ้ หแ้ น่น และการบารุงรกั ษาหลงั เริ่มปลกู ควรเอาใจใสด่ ายหญา้ รอบตน้ และรดน้าทุกวนั ข้ ึนไดใ้ นดินแทบทุกชนิดแมแ้ ต่ดินเลว เชน่ ดินลกู รงั เจริญไดด้ ีในดินรว่ นปนดินเหนียว ทนแลง้ ไดด้ ี ฤดปู ลกู ท่ีเหมาะสม คือตน้ ฤดฝู น ควรหาเศษหญา้ ฟางคลุมโคนจนกวา่ ตน้ จะแข็งแรง ควรฉีดยาป้ องกนั โรคราแป้ งและแมลงพวกหนอนเจาะฝัก ดว้ งเจาะเมล็ด ในระยะที่เป็ นดอกอยู่

ประโยชน์อาหาร มะขามเปี ยก มะขามใชท้ าอาหารไดห้ ลายสว่ น ท้งั ใบออ่ น ฝักออ่ น ฝักแก่ และเมล็ดก็นามาควั่ รบั ประทานได้ มะขามเปี ยกที่ทาจากมะขามฝัก แกเ่ ป็ นเคร่อื งปรุงรสเปร้ ียวท่ีสาคญั ในอาหารไทย ท้งั แกงสม้ ตม้ สม้ ไขล่ กู เขย น้าปลาหวาน ยอดและใบมะขามอ่อน นาไปยาหรือใส่ในตม้ เพือ่ เพม่ิ รสเปร้ ียว และยงั ใชท้ าขนมไดอ้ ีกหลายชนิด เชน่ มะขามแชอ่ ิ่ม มะขามแกว้ มะขามคลุก มะขามกวน เป็ นตน้ ยอดออ่ นและฝักออ่ นมวี ติ ามิน เอ มาก มะขามเปี ยกรสเปร้ ยี ว ทาใหช้ ุม่ คอ ลดความรอ้ นของรา่ งกายไดด้ ี เน้ ือในฝักมะขามท่ีแกจ่ ดั เรยี กวา่ \"มะขามเปี ยก“ มะขามเปี ยกอุดมดว้ ยกรดอินทรยี ์ อาทิ กรดซิตรกิ (Citric Acid) กรดทารท์ ารกิ (Tartaric Acid) หรือกรดมาลิก(Malic Acid) เป็ นตน้ มีคุณสมบตั ิชาระลา้ งความสกปรกรขู ุมขน คราบไขมนั บนผิวหนังไดด้ ี

สมุนไพร แกอ้ าการทอ้ งผกู ถ่ายไมอ่ อก ใชเ้ น้ ือฝักแกห่ รอื มะขามเปี ยก 10–30 ฝัก (หนักประมาณ 70–150 กรมั ) จ้ มิ กบั เกลือรบั ประทาน หรอื ใส่เกลือเติมน้าค้นั ดื่ม แกอ้ าการทอ้ งเดินกองทพั ใชเ้ ปลือกตน้ ท้งั สดหรอื แหง้ ประมาณ 1–2 กามอื (15–30 กรมั ) ตม้ กบั น้าปนู ใสหรอื น้ารบั ประทาน ถ่ายพยาธิลาไสห้ มา ใชเ้ มล็ดควั่ กะเทาะเปลือกเอาออกเน้ ือในเมล็ด แชน่ ้าเกลือจนนุ่ม รบั ประทานครง้ั ละ 20–30 เมล็ด เหมาะสาหรบั ถ่ายพยาธิไสเ้ ดือน แกไ้ อขบั เสมหะเสลดติดคอ ใชเ้ น้ ือในฝักแกห่ รือมะขามเปี ยก จ้ มิ เกลือรบั ประทาน

ลนั่ ทม หรอื ลีลาวดี เป็ นไมด้ อกยนื ตน้ ในวงศต์ ีนเป็ ด หรอื วงศไ์ มล้ นั่ ทม (Apocynaceae) มหี ลายชนิดดว้ ยกนั บางคนมีความเช่ือวา่ ไมค่ วรปลกู ตน้ ลนั่ ทมใน บา้ นเพราะมีความเช่ือวา่ เป็ นอปั มงคล คือไปพอ้ งกบั คาวา่ 'ระทม' ซ่ึงแปลวา่ เศรา้ โศก ทุกขใ์ จ นิยมปลกู กนั แพรห่ ลายอยา่ งมาก ช่ือพ้ นื เมืองอ่ืน ๆ ไดแ้ ก่ จาปา, จาปาลาว และจาปาขอม เป็ นตน้ (สาหรบั ช่ือภาษาองั กฤษ ไดแ้ ก่ Frangipani, Plumeria, Temple Tree, Graveyard Tree)[1] ตน้ ลีลาวดีเป็ นพืชนิยมปลกู เพราะ ดอกมสี ีสนั หลากหลาย สวยงาม ไดแ้ กข่ าว เหลืองออ่ น แดง ชมพู สีขาวขนุ่ ฯลฯ บางดอกมมี ากกวา่ 1 สี อาจมมี ากถึงหลายสีในดอกเดียว ดอกลีลาวดียงั เป็ นดอกไมป้ ระจาชาติของประเทศลาว โดยเรยี กวา่ \"ดอกจาปา\"[2] และพบไดม้ าก บริเวณทางข้ ึนพระธาตุที่เมอื งหลวงพระบาง สาหรบั ในประเทศไทยน้ันมกั พบตน้ ลนั่ ทมตาม ธรรมชาติทางภาคเหนือเป็ นสว่ นใหญ่[ตอ้ งการอา้ งอิง]

ลกั ษณะทวั่ ไป ตน้ เป็ นไมย้ นื ตน้ มขี นาดต้งั แต่พมุ่ เต้ ียแคระสงู ประมาณ 0.9-1.2 เมตร จนถึงตน้ ท่ีสงู มาก อาจสงู ถึง 12 เมตร ลาตน้ แตกกงิ่ กา้ นสขาและพมุ่ ใบสวยงาม มนี ้ายางสีขาวขน้ เป็ นไมผ้ ลดั ท่ีสลดั ใบในฤดแู ลง้ ก่อนที่จะผลิดอก และผลิใบรุน่ ใหม่ กิง่ ที่ยงั ไมแ่ กม่ สี ีเขียว ออ่ นนุ่ม ดเู กือบจะอวบน้า กิ่งแกม่ สี ีเทามรี อยตะป่ ุมตะป่า กิ่งไมส่ ามารถทานน้าหนักได้ กิ่งเปราะ เปลือกลาตน้ หนา ตน้ ที่โตเต็มท่ีแลว้ จะพฒั นาจนกระทงั่ มคี วามแขง็ แรงมากข้ ึน ใบ เป็ นใบเด่ียว มกี ารเรียงตวั แบบสลบั และหนาแน่นใกลป้ ลายกิง่ มีลกั ษณะแตกต่างกนั ไปท้งั รปู รา่ ง ขนาด สี และความหนาแน่น โดยทวั่ ไป ใบจะหนา เหนียวแข็ง และมสี ีต้งั แต่สีเขยี วออ่ นถึงสีเขยี วเขม้ มเี สน้ กลางใบ แตกสาขาออกไปคลา้ ยขนนก ขนาดใบแตกต่างกนั ไมม่ าก ชอ่ ดอก ดอกจะผลิออกมาจากปลายยอดเหนือใบ เห็นเป็ นชอ่ ดอกใหญ่สวยงาม แต่ก็มีบางชนิดท่ีออกช่อดอก ระหวา่ งใบ หรือใตใ้ บ บางชนิดหอ้ ยลงบางชนิดต้งั ข้ นึ ในหน่ึงชอ่ จะมีดอกบานพรอ้ มกนั 10 – 30 ดอก บางตน้ ท่ีมีความสมบรู ณเ์ ต็มท่ีอาจมีดอกมากกวา่ 100 ดอก

ต่อ 1 ช่อ ออกดอกประมาณเดือนกุมภาพนั ธถ์ ึงเดือนเมษายน บางพนั ธุส์ ามารถออกดอกไดต้ ลอดท้งั ปี ดอก โดยทวั่ ไปจะมขี นาดใหญ่ถึงกลาง ยกเวน้ บางพนั ธุท์ ่ีมีขนาดเล็ก กลีบดอกมี 5 กลีบ เกสรตวั ผู้ เกสรตวั เมีย อยลู่ ึกเขา้ ไปขา้ งใน ดอกมลี กั ษณะคลา้ ยท่อ ทาใหม้ องไมเ่ ห็นเกสรตวั ผแู้ ละเกสรตวั เมยี โดยจะมีเกสรตวั ผู้ 5 อนั อยทู่ ี่โคนกา้ นดอก สว่ นเกสรตวั เมียอยลู่ ึกลงไปในกา้ นดอก เกสรตวั ผแู้ ละเกสรตวั เมียบานไมพ่ รอ้ มกนั ยากต่อการผสมตวั เอง ฝัก/ผลมลี กั ษณะคลา้ ยกบั ฝักตน้ ชวนชม ฝักอ่อนสีจะมีสีเขยี วเมอื่ แกฝ่ ักจะมสี ีแดงถึงดา[7]

คุณนายต่ืนสาย (องั กฤษ: Common Purslane, Verdolaga, Pigweed, Little Hogweed หรือ Pusley) เป็ นพืชลม้ ลุก อวบน้าในวงศผ์ กั เบ้ ีย สามารถสงู ไดถ้ ึง 40 ซม.มปี ระมาณ 40 สายพนั ธุใ์ น การปลกู เล้ ียงในปัจจุบนั [1] มีการกระจายพนั ธุใ์ นโลกเกา่ ต้งั แต่แอฟริกาเหนือถึง ตะวนั ออกกลางและ อนุทวปี อินเดีย ถึงเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ และออสตราเลเซีย ดอกชนิดน้ ีบานเมื่อมแี สงแดดส่องทวั่ ถึง คุณนายตื่นสายมีชื่อพ้ นื เมืองอ่ืนอีกดงั น้ ี: ผกั ตาโคง้ (นครราชสีมา) ผกั เบ้ ียดอกเหลือง (กลาง) ผกั เบ้ ียใหญ่ (กลาง) และ ผกั อีหลู (เง้ ียว แม่ฮ่องสอน)[2] ลกั ษณะทางพฤษศาสตร์

ลกั ษณะทางพฤษ ศาสตร์ คุณนายต่ืนสายเป็ นไมค้ ลุมดิน ลาตน้ อวบน้าสีมว่ งแดง แผ่ทอดเล้ ือยไปตามผิวดิน ใบเด่ียว เรียงสลบั ใบรปู ไขก่ ลบั แกมรปู รี กวา้ ง 1-2 เซนติเมตร ยาว 2-3 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรยี บ แผ่นใบอวบน้า ผิวใบดา้ นบนสีเขยี วอ่อนถึงเขยี วเขม้ บางพนั ธุม์ ขี อบใบขลิบสีแดง ดอกสีขาว ชมพู แดง เหลือง สม้ ออกเป็ นดอกเดี่ยวตามซอกใบหรือปลายกง่ิ กลีบดอกช้นั เดียว บอบบาง ขอบกลีบดอกหยกั เป็ นคล่ืน บานเมอื่ ไดร้ บั แสงแดดตอนเชา้ ดอกบานเต็มท่ีกวา้ ง 1-1.5 เซนติเมตร ผลแหง้ แตก มีเมล็ดจานวนมาก[3]

ตน้ สกั เป็ นไมต้ น้ ขนาดใหญผ่ ลดั ใบในฤดรู อ้ น ลาตน้ เปลาตรงเปลือกเรยี บหรือแตกเป็ นร่องเล็ก ๆ สีเทา โคนเป็ นพพู อนตา่ ๆ เรือนยอดเป็ นพุ่มทรงกลมคอ่ นขา้ งทึบ เปลือกสีเทา เรยี บ หรอื แตกเป็ นรอ่ งต้ ืนตามความยาวลาตน้ ข้ ึนเป็ นหมใู่ นป่ าเบญจพรรณทางภาคเหนือ บางส่วนในภาคกลางและ ภาคตะวนั ตก มอี ยบู่ า้ งทาง ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ สกั มกั จะไดร้ บั ความเขา้ ใจผิด เสมอวา่ เป็ นไมเ้ น้ ือแข็งเนื่องจากวา่ มนั มลี กั ษณะพเิ ศษท่ีเป็ นไมเ้ น้ ือออ่ นที่มี ความทนทานกวา่ ไมเ้ น้ ือแขง็ หลาย ๆ ชนิด ชื่อสามญั อ่ืนอ่ืน: เซบ่าย้ ,ี ปี ฮือ, ปาย้ ,ี เป้ อยี สีขายขนมเสน้

ลกั ษณะทาง พฤกษศาสตร์ ลาตน้ : เป็ นเปลาตรงเปลือกเรยี บหรอื แตกเป็ นรอ่ งเล็ก ๆ สีเทา โคนเป็ นพพู อนตา่ ๆ ใบ : เป็ นใบเด่ียวใหญ่มาก ออกตรงขา้ มกนั เป็ นคู่ ปลายใบแหลมโคนมน ยาว 25 - 30 เซนติเมตร กวา้ งเกอื บเท่ายาว ใบของตน้ อ่อนจะใหญ่กวา่ น้ ีมาก ผิวใบขนสากคายสีเขยี วเขม้ ขย้ ใี บสดจะมีสีแดงเหมือนเลือด มกี ารสลดั ใบท้ ิงเมื่อถึงฤดหู นาว ดอก : มีขนาดเล็ก สีขาวนวลออกเป็ นชอ่ ตาม ปลายกงิ่ ออกดอกและเป็ นผลเดือน มถิ ุนายน - ตุลาคม ผล : เป็ นผลแหง้ คอ่ นขา้ งกลม เสน้ ผ่าศนู ยก์ ลางประมาณ 2 เซนติเมตร เปลือกแข็ง ภายในมี 1 - 3 เมล็ด

ชบำ ลกั ษณะ ชบาเป็นไมพ้ มุ่ ขนาดกลาง ใบค่อนขา้ งมนรี มีปลายแหลม ขอบของใบเป็น จกั เลก็ นอ้ ย และมีสีเขียวเขม้ อ่อน เม่ือขย้ใี บจะเป็นเมือกเหนียว ดอกมีท้งั กลีบช้นั เดียวและหลายช้นั หากเป็นช้นั เดียวปกติจะมีกลีบดอก 5 กลีบ มี กา้ นเกสรอยตู่ รงกลางดอกหน่ึงกา้ น ลกั ษณะของกลีบดอกชบาจะมีขนาด ใหญ่ มีหลายสีไม่วา่ จะเป็น ขาว แดง แสด เหลือง ม่วง ชมพู และสีอ่ืน ๆ โดยดอกชบาแบ่งออกเป็น 3 ลกั ษณะคือ ดอกบานเป็นรูปถว้ ย ดอกบานเป็น รูปแผแ่ บน และกลีบดอกบานแบบแผโ่ คง้ และขยายพนั ธุ์ดว้ ยการปักชา การต่อตา การติดตา และการเสียบยอด


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook