Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชนิดของคำในภาษาไทย ฟาซียะห์ ตีโด 066

ชนิดของคำในภาษาไทย ฟาซียะห์ ตีโด 066

Published by fahseyah6744, 2021-08-29 14:08:49

Description: ชนิดของคำในภาษาไทย ฟาซียะห์ ตีโด 066

Search

Read the Text Version

ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 5 ผ้แู ต่ง : นางสาวฟาซียะห์ ตีโด

คานา ก หนงั สือเล่มน้ีเป็นส่วนหน่ึงของรายวชิ าภาษาไทย เพื่อใหไ้ ดศ้ ึกษาหาความรู้ ในเรื่อง ชนิดของคา เพื่อให้ ไดศ้ ึกษาอยา่ งเขา้ ใจ และเป็นประโยชน์ใหก้ บั ผทู้ ่ีสนใจ สามารถนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ ผจู้ ดั ทาหวงั วา่ หนงั สือเล่มน้ีจะเป็นประโยชน์กบั ผอู้ ่าน หรือนกั เรียน ที่กาลงั หาขอ้ มูลเร่ืองน้ีอยู่ หากมี ขอ้ แนะนาหรือขอ้ ผดิ พลาดประการใด ผจู้ ดั ทาขอนอ้ มรับไว้ และขออภยั ณ ที่น้ีดว้ ย ผจู้ ดั ทา นางสาวฟาซียะห์ ตีโด

สารบญั ข เรื่อง หน้า • คานา ก • สารบญั ข • แบบฝึกหดั ก่อนเรียน 1 • คานาม 4 • คาสรรพนาม 7 • คากริยา 11 • คาวเิ ศษณ์ 14 • คาบุพบท 17 • คาสนั ธาน 20 • คาอุทาน 22 • แบบฝึกหดั หลงั เรียน 24 • เฉลยแบบฝึกหดั ก่อนเรียน – หลงั เรียน 27 • แหล่งอา้ งอิง 28

แบบทดสอบก่อนเรียน 1 คาชีแ้ จง : .ใหน้ กั เรียนเลือกคาตอบท่ีถูกตอ้ งท่ีสุดเพียงขอ้ เดียว 1. คานามคืออะไร ก. คาท่ีเป็นช่ือของคน สตั ว์ สถานท่ี ส่ิงของ ข. คาที่ใชเ้ รียกคน สตั ว์ สถานที่ สิ่งของ ค. คาที่ใชเ้ รียกช่ือสิ่งของ ง. ถูกทุกขอ้ 2. ”ของเธอใบไหน บอกมาซิ” คาวา่ ไหน เป็นคาสรรพนามชนิดใด ก.คาสรรพนามช้ีเฉพาะ ข.คาสรรพนามแยกฝ่ าย ค.คาสรรพนามไม่ช้ีเฉพาะ ง.คาบุรุษสรรพนาม 3. คาวา่ “กวา่ เศษ พอดี” เป็นคาที่เก่ียวกบั จานวนชนิดใด ก.คาบอกจานวน ข.คาบอกลาดบั ค.คาหนา้ จานวน ง.คาหลงั จานวน 4. ขอ้ ใดท่ีไม่ใช่คากริยาที่มีหน่วยกรรม ก.ตก ข.ขบั ค.อ่าน ง.สอน 5. คาช่วยกริยาคืออะไร ก. คาท่ีใชน้ าหนา้ คากริยา ข. คาที่ใชต้ ามหลงั คากริยา ค. คาที่แสดงความเขม้ ขน้ ของคากริยา ง. คาที่บอกลกั ษณะทางไวยากรณ์ของคากริยา

2 6. คาช่วยกริยามกั จะเกิดในตาแหน่งใดของประโยค ก. หนา้ คากริยา ข. หลงั คากริยา ค. หนา้ บทกรรม ง. หลงั บทกรรม 7. คาวิเศษณ์คืออะไร ก. คาที่ใชข้ ยายคากริยา ข. คาท่ีเป็นคาหลกั ของกริยา ค. คาที่แสดงความเขม้ ขน้ ของคากริยา ง. คาที่บอกลกั ษณะทางไวยากรณ์ของคากริยา 8. คาวิเศษณ์มกั จะเกิดในตาแหน่งใดของประโยค ก. หนา้ คากริยา ข. หลงั คากริยา ค. หนา้ บทกรรม ง. หลงั บทกรรม 9. คาวิเศษณ์ขยายเฉพาะของคาวา่ “แดง” คือคาอะไร ก. ป๋ี ข. อ๋ือ ค. แจ๋ ง. ปร๋ีด 10. นกั เรียนทุกคนรักเจา้ เก่งมาก ๆ ” คาใดเป็นคาวิเศษณ์ ก. ทุกคน ข. รัก ค. เก่ง ง. มาก ๆ

คาสรรพนาม 3 คานาม ชนิดของคา คากริยา คาอุทาน คาวเิ ศษณ์ คาบุพบท คาสันธาน

คานาม 4 คานาม คือ คาท่ีใชเ้ รียกช่ือ คน สตั ว์ พืช ส่ิงของ สถานท่ี สภาพ อาการ ลกั ษณะ ท้งั ที่เป็นสิ่งมีชีวติ หรือสิ่งไม่มีชีวิต ท้งั ท่ีเป็นรูปธรรม และนามธรรม เช่นคาวา่ คน ปลา มา้ ววั ตะกร้า ไก่ ประเทศไทย การออกกาลงั กาย การศึกษา ความดี ความงาม กอไผ่ กรรมกร ครู นกั เรียน พยาบาล แพทย์ พยาบาล เกา้ อ้ี ทอ้ งฟ้า นาฬิกา โรงเรียน โรงพยาบาล เป็นตน้

ชนิดของคานาม 5 1. คานามท่ัวไป (สามานยนาม ) คือ คานามที่เป็นชื่อทวั่ ๆ ไป เป็นคาเรียกส่ิงต่างๆ โดยทว่ั ไปไม่ช้ีเฉพาะเจาะจง เช่น ปลา ผเี ส้ือ คน สุนขั วดั ตน้ ไม้ บา้ น หนงั สือ ปากกา พดั ลม ทหาร ครู หนงั สือ เป็นตน้ 2. คานามชีเ้ ฉพาะ (วสิ ามานยนาม ) คือ คานามท่ีใชเ้ รียกช่ือเฉาะของคน สตั ว์ หรือสถานที่ เป็นคาเรียนเจาะจงลงไปวา่ เป็นใครหรือเป็น อะไร เช่น พระพุทธชินราช เดก็ ชายวิทวสั จงั หวดั พิจิตร วดั ท่าหลวง พระอภยั มณี วนั จนั ทร์ เดือนมกราคม เป็นตน้ 3.คานามบอกหมวดหมู่ ( สมุหนาม ) คือ คานามท่ีทาหนา้ ท่ีแสดงหมวดหมู่ของคานามทวั่ ไป และคานามเฉพาะ เช่น ฝงู ผ้งึ กอไผ่ คณะนกั ทศั นาจร บริษทั พวกกรรมกร ชุดขอ้ สอบ โรงหนงั เป็นตน้

6 4. คานามบอกลกั ษณะ ( ลกั ษณนาม ) คือ เป็นคานามท่ีบอกลกั ษณะของคานาม เพื่อแสดงรูปลกั ษณะ ขนาด ปริมาณ ของคานามน้นั น้นั ใหช้ ดั เจน เช่น บา้ น ๑ หลงั โต๊ะ ๕ ตวั คาวา่ หลงั และ ตวั เป็นลกั ษณะนาม 5. คานามบอกอาการ ( อาการนาม ) คือ คานามที่เป็นช่ือกริยาอาการ เป็นสิ่งที่เป็นนามธรรม ไม่มีรูปร่าง มกั มีคาวา่ \"การ\" และ \"ความ\" นาหนา้ เช่น การกิน การเดิน การพดู การอ่าน การเขียน การศึกษา ความจริง ความรัก ความดี ความคิด ความ ฝัน เป็นตน้

คาสรรพนาม 7 คาสรรพนาม คือ คาที่ใชแ้ ทนคานามท่ีกล่าวถึงมาแลว้ เพื่อจะไดไ้ ม่ตอ้ งกล่าวคานามน้นั ซ้าอีก เช่นคาวา่ ฉนั เรา ดิฉนั กระผม กู คุณ ท่าน ใตเ้ ทา้ เขา มนั ส่ิงใด ผใู้ ด นี่ นน่ั อะไร ใคร บา้ ง เป็นตน้ มารู้จกั คาสรรพนามกนั เถอะ

ชนิดของคาสรรพนาม 8 1. สรรพนามทใี่ ช้แทนผู้พดู ผู้ฟัง และผ้ทู ่กี ล่าวถงึ ( บุรุษสรรพนาม ) แบ่งเป็นชนิดยอ่ ยได้ 3 ชนิด คือ 1.1 สรรพนามบุรุษท่ี 1 ใชแ้ ทนตวั ผพู้ ดู เช่น ผม ฉนั ดิฉนั กระผม ขา้ พเจา้ กู เรา ขา้ พระพทุ ธเจา้ อาตมา หม่อมฉนั เกลา้ กระหม่อม 1.2 สรรพนามบุรุษที่ 2 ใชแ้ ทนผฟู้ ัง หรือผทู้ ี่เราพูดดว้ ย เช่น คุณ เธอ ใตเ้ ทา้ ท่าน ใตฝ้ ่ าละอองธุลีพระบาท ฝ่ าพระบาท พระคุณเจา้ 1.3 สรรพนามบุรุษที่ 3 ใชแ้ ทนผทู้ ี่กล่าวถึง เขา มนั ท่าน พระองค์ 2. สรรพนามท่ีใช้แทนนามชี้เฉพาะเจาะจง ( นิยมสรรพนาม ) คือ สรรพนามชนิดน้ีใชแ้ ทนนามที่อยใู่ กล้ หรือไกลผพู้ ดู ไดแ้ ก่คาวา่ น่ี นน่ั โน่น เช่น น่ีบา้ นกานนั นี่ ของใคร

ชนิดของคาสรรพนาม 9 3. สรรพนามทใ่ี ช้แทนนามท่เี ป็ นคาถาม (ปฤจฉาสรรพนาม ) คือ สรรพนามที่ใชแ้ ทนนามในประโยคคาถาม ( ตอ้ งการคาตอบ ) ไดแ้ ก่คาวา่ อะไร ใคร ไหน ผใู้ ด สิ่งใด ที่ไหน เช่น - \"ใคร\" ทาแกว้ แตก - เขาไปที่ \"ไหน“ 4. สรรพนามใช้แทนนามบอกความไม่ชีเ้ ฉพาะเจาะจง (อนิยมสรรนาม ) คือ สรรพนามท่ีใชแ้ ทนคานามที่ไม่กาหนดแน่นอน มกั ใชใ้ นประโยคท่ีมีคาแสดง ความไม่แน่นอน ไดแ้ ก่คาวา่ อะไร ใคร ไหน ได เช่น ครูไม่เห็นใครเลย บางคร้ังกเ็ ป็นคาซ้าๆ ไดแ้ ก่ ใครๆ อะไรๆ ไหนๆ เช่น อะไรๆ กอ็ ร่อยไปหมด 5. สรรพนามบอกความชีซ้ ้า หรือสรรพนามแบ่งพวก รวมพวก (วภิ าคสรรพนาม ) คือ สรรพนามท่ีใชแ้ ทนคานามเพื่อแยกนามออกเป็นส่วนๆ หรือบอกใหร้ ู้วา่ มีนามอยหู่ ลายส่วนและ แสดงกริยาร่วมกนั หรือต่างกนั ไดแ้ ก่คาวา่ ต่าง บา้ ง กนั เช่น นกั เรียนบา้ งกอ็ ่านหนงั สือบา้ งกห็ ลบั นอน

ชนิดของคาสรรพนาม 10 6.สรรพนามเชื่อมประโยค (ประพนั ธสรรพนาม ) คือ สรรพนามท่ีทาหนา้ ที่แทนนามขา้ งหนา้ และเชื่อมประโยคใหม้ ีความสมั พนั ธ์กนั ไดแ้ ก่คาวา่ ที่ ซ่ึง อนั ผู้ เช่น - ผมชอบเส้ือที่คุณแม่ซ้ือให้ - ครูใหร้ างวลั นกั เรียนซ่ึงเรียนดี

คากริยา 11 คากริยา คือ คาแสดงอาการ การกระทา หรือบอกสภาพของคานามหรือคาสรรพนาม เพื่อใหไ้ ด้ ความ เช่นคาวา่ กิน เดิน นง่ั นอน เล่น จบั เขียน อ่าน เป็น คือ ถูก คลา้ ย เป็นตน้

ชนิดของคากริยา 12 1. กริยาไม่ต้องมกี รรม (อกรรมกริยา ) คือ คากริยาท่ีมีใจความสมบูรณ์ชดั เจนในตนเองไม่ตอ้ งมีกรรมมารับ เขา้ ใจได้ เช่น - เขา\"ยนื \"อยู่ - นอ้ ง\"นอน“ 2. กริยาที่ต้องมกี รรม ( สกรรมกริยา ) คือ กริยาท่ีมีใจความไม่สมบูรณ์ขาดความชดั เจน จึงตอ้ งมีกรรมมารับขา้ งทา้ ย เช่น - ฉนั \"กิน\"ขา้ ว (ขา้ วเป็นกรรมที่มารับคาวา่ กิน) - เขา\"เห็น\"นก (นกเป็นกรรมที่มารับคาวา่ เห็น) 3. กริยาท่ีอาศัยส่วนเตมิ เตม็ (วกิ ตรรถกริยา ) คือ คากริยาที่ไม่มีความหมายในตวั เอง ใชต้ ามลาพงั แลว้ ไม่ไดค้ วาม ตอ้ งมีคาอ่ืนมาประกอบจึงจะได้ ความ ไดแ้ ก่คาวา่ เป็น เหมือน คลา้ ย เท่า คือ ราวกบั เป็นตน้ เช่น - เขา\"เป็น\"นกั เรียน - เขา\"คือ\"ครูของฉนั เอง

ชนิดของคากริยา 13 4. กริยาช่วย ( กริยานุเคราะห์ ) คือ คากริยาที่ทาหนา้ ท่ีช่วยคากริยาอ่ืนใหม้ ีความหมายชดั เจนยงิ่ ข้ึน ไดแ้ ก่คาวา่ อาจ ตอ้ ง น่าจะ จะ คง คงตอ้ ง คงจะ จง โปรด อยา่ ช่วย แลว้ ไดร้ ับ ฯลฯ เช่น - ฝน”อาจ”ตก - พ่ี”คง”กลบั มาเร็วๆ น้ี 5. กริยาท่ีเป็ นคานามจะเป็ นประธาน กรรม ( กริยาสภาวมาลา ) คือ คากริยาท่ีทาหนา้ ท่ีเป็นคานามจะเป็นประธาน กรรม หรือบทขยายของประโยคกไ็ ด้ เช่น - \"นอน\"หลบั เป็นการพกั ผอ่ นท่ีดี (นอน เป็นคากริยาท่ีเป็นประธานของประโยค) - ฉนั ชอบไป\"เท่ียว\"กบั เธอ (เท่ียว เป็นคากริยาท่ีเป็นกรรมของประโยค)

คาวเิ ศษณ์ 14 คาวเิ ศษณ์ คือ คาที่ใชป้ ระกอบหรือขยายคานาม สรรพนาม คากริยา หรือคาวิเศษณ์ เพื่อใหไ้ ด้ ใจความชดั เจนและละเอียดมากข้ึน เช่น - คนอว้ นกินจุ (\"อว้ น\" เป็นคาวเิ ศษณ์ที่ขยายคานาม \"คน\" \"จุ\" เป็นคาวิเศษณ์ที่ขยายคากริยา \"กิน“) - เขาร้องเพลงไดไ้ พเราะ (\"ไพเราะ\" เป็นคาวเิ ศษณ์ที่ขยายคากริยา \"ร้องเพลง\") - เขาร้องเพลงไดไ้ พเราะมาก (\"มาก\" เป็นคาวิเศษณ์ท่ีขยายคาวิเศษณ์ \"ไพเราะ\")

ชนิดของคาวเิ ศษณ์ 15 1. คาวิเศษณ์ที่บอกลกั ษณะต่างๆ เช่น บอกชนิด สี ขนาด กลิ่น รส บอกความรู้สึก เช่น ดี ชว่ั ใหญ่ ขาว ร้อน เยน็ หอม หวาน กลม แบน เป็นตน้ เช่น - น้าร้อนอยใู่ นกระติกสีขาว 2. คาวิเศษณ์บอกเวลา เช่น เชา้ สาย บ่าย เยน็ อดีต อนาคต เป็นตน้ เช่น - พรุ่งน้ีเป็นวนั เกิดของคุณแม่ 3. คาวเิ ศษณ์บอกสถานที่ เช่น ใกล้ ไกล บน ล่าง เหนือ ใต้ ซา้ ย ขวา เป็นตน้ เช่น - บา้ นฉนั อยไู่ กลตลาด 4. คาวิเศษณ์บอกจานวน หรือปริมาณ เช่น หน่ึง สอง มาก นอ้ ย บ่อย หลาย บรรดา ต่าง บา้ ง เป็นตน้ เช่น - เขามีเงินหา้ บาท 5. คาวเิ ศษณ์ท่ีแสดงความปฏิเสธ หรือไม่ยอมรับ เช่น ไม่ ไม่ใช่ มิ มิใช่ เป็นตน้ เช่น - เขามิไดม้ าคนเดียว

16 6. คาวิเศษณ์ท่ีใชแ้ สดงการขานรับหรือโตต้ อบ เช่น ครับ ขอรับ คะ่ เป็นตน้ เช่น - คุณครูขา สวสั ดีค่ะ 7. คาวิเศษณ์ที่บอกความช้ีเฉพาะ เช่น น้ี นนั่ โน่น ท้งั น้ี ท้งั น้นั แน่นอน เป็นตน้ เช่น - บา้ นน้นั ไม่มีใครอยู่ 8. คาวิเศษณ์ที่บอกความไม่ช้ีเฉพาะ เช่น ใด อื่น ไหน อะไร ใคร ฉนั ใด เป็นตน้ เช่น - เธอจะมาเวลาใดกไ็ ด้ 9. คาวิเศษณ์แสดงคาถาม หรือแสดงความสงสยั เช่น ใด ไร ไหน อะไร ส่ิงใด ทาไม เป็นตน้ เช่น - เส้ือตวั น้ีราคาเท่าไร - เขาจะมาเม่ือไร 10. คาวิเศษณ์ที่ทาหนา้ ที่เชื่อมคาหรือประโยคใหม้ ีความเกี่ยวขอ้ งกนั เช่นคาวา่ ท่ี ซ่ึง อนั อยา่ ง ท่ีวา่ เพื่อวา่ ให้ เป็ นตน้ เช่น - เขาทางานหนกั เพ่ือวา่ เขาจะไดม้ ีเงินมาก - เขาทาความดี อนั หาท่ีสุดมิได้

คาบุพบท 17 คาบุพบท คือ คาท่ีแสดงความสมั พนั ธ์ระหวา่ งคาหรือประโยค เพื่อใหท้ ราบวา่ คาหรือกลุ่มคาที่ ตามหลงั คาบุพบทน้นั เก่ียวขอ้ งกบั กลุ่มคาขา้ งหนา้ ในประโยคในลกั ษณะใด เช่น กบั แก่ แต่ ต่อ ดว้ ย โดย ตาม ขา้ ง ถึง จาก ใน บน ใต้ สิ้น สาหรับ นอก เพ่ือ ของ เกือบ ต้งั แต่ แห่ง ที่ เป็นตน้ มารู้จกั คาบุพบ กนั นะคะ

ชนิดของคาบุพบท 18 1. คาบุพบทที่แสดงความสมั พนั ธ์ระหวา่ งคาต่อคา คือ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งคานามกบั คานาม คาสรรพนามกบั คานาม คานามกบั คากริยา คาสรรพนามกบั คาสรรพนาม คากริยากบั คาสรรพนาม เพ่ือบอกสถานการใหช้ ดั เจน เช่น 1.1บอกสถานภาพความเป็นเจา้ ของ เช่น พอ่ ซ้ือสวนของนายทองคา (นามกบั นาม) 1.2 บอกความเกี่ยวขอ้ ง เช่น เขาเห็นแก่กิน (กริยากบั กริยา) 1.3 บอกการใหแ้ ละบอกความประสงค์ เช่น คุณครูใหร้ างวลั แก่ฉนั (นามกบั สรรพนาม) 1.4 บอกเวลา เช่น เขามาต้งั แต่เชา้ (กริยากบั นาม) 1.5 บอกสถานที่ เช่น เขามาจากต่างจงั หวดั (กริยากบั นาม) 1.6 บอกความเปรียบเทียบ เช่น พ่ีหนกั กวา่ ฉนั (กริยากบั สรรพนาม)

19 2. คาบุพบทท่ีไม่มีความสมั พนั ธ์กบั คาอ่ืน ส่วนมากจะอยตู่ น้ ประโยค ใชเ้ ป็นการทกั ทาย มกั ใชใ้ นคาประพนั ธ์ เช่น คาวา่ ดูก่อน ขา้ แต่ คาเหล่าน้ีใชน้ าหนา้ คาสรรพนามหรือคานาม เช่น - ดูก่อน ภิกษุท้งั หลาย - ขา้ แต่ท่านท้งั หลายโปรดฟังขา้ พเจา้

คาสันธาน 20 คาสันธาน คือ คาท่ีใชเ้ ช่ือมประโยค หรือขอ้ ความกบั ขอ้ ความ เพื่อทาใหป้ ระโยคน้นั รัดกมุ กระชบั และสละสลวย เช่นคาวา่ และ แลว้ จึง แต่ หรือ เพราะ เหตุเพราะ เป็นตน้ เช่น - เขาอยากเรยี นหนงั สอื เก่งๆ แต่เขาไมช่ อบอ่านหนงั สอื - เขามาโรงเรยี นสายเพราะฝนตกหนกั

ชนิดของคาสันธาน 21 1. คาสนั ธานท่ีเชื่อมความคลอ้ ยตามกนั ไดแ้ ก่คาวา่ และ ท้งั ...และ ท้งั ...ก็ เม่ือ...กว็ า่ พอ...แลว้ เช่น - พอทาการบา้ นเสร็จแลว้ ฉนั กน็ อน 2. คาสนั ธานที่เชื่อมความขดั แยง้ กนั เช่นคาวา่ แต่ แต่วา่ กวา่ ...ก็ ถึง...ก็ เป็นตน้ เช่น - ผมตอ้ งการพดู กบั เขา แต่ เขาไม่ยอมพดู กบั ผม 3. คาสนั ธานที่เช่ือมขอ้ ความใหเ้ ลือก ไดแ้ ก่คาวา่ หรือ หรือไม่ ไม่...ก็ มิฉะน้นั ...ก็ เป็นตน้ เช่น - นกั เรียนชอบ เรียนวชิ าคณิตศาสตร์หรือภาษาไทย 4. คาสนั ธานที่เช่ือมความท่ีเป็นเหตุเป็นผล ไดแ้ ก่คาวา่ เพราะ ฉะน้นั ...จึง ดงั น้นั เหตุเพราะ เหตุวา่ เป็นตน้ เช่น - นกั เรียนมาโรงเรียนสายเพราะฝนตกหนกั

คาอุทาน 22 คาอุทาน หมายถึง คาท่ีแสดงอารมณ์ของผพู้ ดู ในขณะท่ีตกใจ ดีใจ เสียใจ ประหลาดใจ หรืออาจจะ เป็นคาที่ใชเ้ สริมคาพดู เช่นคาวา่ อุ๊ย เอะ๊ วา้ ย โธ่ อนิจจา อ๋อ เป็นตน้ เช่น - เฮอ้ ! คอ่ ยยงั ชวั่ ท่ีเขาปลอดภยั - เม่ือไรเธอจะตดั ผมตดั เผา้ เสียทีจะไดด้ ูเรียบร้อย

ชนิดของคาอุทาน 23 1. คาอุทานบอกอาการ เป็นคาอุทานที่แสดงอารมณ์ และความรู้สึกของผพู้ ูด เช่น - ตกใจ ใชค้ าวา่ วยุ้ วา้ ย แหม ตายจริง - ประหลาดใจ ใชค้ าวา่ เอะ๊ หือ หา - รับรู้ เขา้ ใจ ใชค้ าวา่ เออ ออ้ อ๋อ - เจบ็ ปวด ใชค้ าวา่ โอย๊ โอย อุ๊ย - สงสาร เห็นใจ ใชค้ าวา่ โธ๋ โถ พทุ โธ่ อนิจจา - ร้องเรียก ใชค้ าวา่ เฮย้ เฮ้ นี่ - โล่งใจ ใชค้ าวา่ เฮอ เฮอ้ - โกรธเคือง ใชค้ าวา่ ชิชะ แหม 2.คาอุทานเสริมบท เป็นคาอุทานท่ีใชเ้ ป็นคาสร้อยหรือคาเสริมบทต่างๆ คาอุทานประเภทน้ีบางคาเสริมคาที่ไม่มี ความหมายเพ่ือยดื เสียงใหย้ าวออกไป บางคากเ็ พื่อเนน้ คาใหก้ ระชบั หนกั แน่น เช่น - เด๋ียวน้ีมือไมฉ้ นั มนั สนั่ ไปหมด - หนงั สือหนงั หาเด๋ียวน้ีราคาแพงมาก

แบบฝึ กหัดหลงั เรียน 24 1. ขอ้ ใดเป็นคาลกั ษณะนามท้งั หมด ก.โรงเรียน สมุด บา้ น ข.ความรู้ การคิด การสงั เกต ค.พะเยา ภาคเหนือ ภาษาไทย ง.กลุ่ม ฝงู คณะ 2. ขอ้ ใดคือคาสรรพนามช้ีเฉพาะ ก.ท่าน ข.โน่นท่าน ค.กนั ง.กระผม 3. ”ของเธอใบไหน บอกมาซิ” คาวา่ ไหน เป็นคาสรรพนามชนิดใด ก.คาสรรพนามช้ีเฉพาะ ข.คาสรรพนามแยกฝ่ าย ค.คาสรรพนามไม่ช้ีเฉพาะ ง.คาบุรุษสรรพนาม 4. ขอ้ ใดที่ไม่ใช่คากริยาที่มีหน่วยกรรม ก.ตก ข.ขบั ค.อ่าน ง.สอน 5. ”นิสิตท่ีขยนั เรียนมกั ไดค้ ะแนนดี” คาใดท่ีเป็นคาช่วยกริยา ก.มกั ข.ขยนั ค.นิสิต ง.คะแนน

6. ”ดอกมะลิขาวจวั๊ ะ หอมจริงๆ” คาวา่ จว๊ั ะ เป็นคาวิเศษณ์ชนิดใด 25 ก.คาวเิ ศษณ์สามญั ข.คาวิเศษณ์ขยายเฉพาะ ค.คาวิเศษณ์รวม ง.คาวเิ ศษณ์บอกเวลา 7. ”แม่คา้ ครับผมซ้ือมะละกอ__กลว้ ย” คาใดควรเติมในช่องวา่ งไดถ้ ูกตอ้ ง ก.หรือ ข.กบั ค.แต่ ง.ผดิ ทุกขอ้ 8. คาวา่ “กวา่ เศษ พอดี” เป็นคาที่เกี่ยวกบั จานวนชนิดใด ก.คาบอกจานวน ข.คาบอกลาดบั ค.คาหนา้ จานวน ง.คาหลงั จานวน 9. ประโยคใดมีคาบุรุษสรรพนามประกอบอยดู่ ว้ ย ก. หนูเองกไ็ ม่ชอบหนูเหมือนกนั ข.หนูบางชนิดนาเช้ือโรคมาสู่คน ค.คนบางกลุ่มต้งั บริษทั กาจดั หนู ง. หนูเป็นสตั วส์ กปรก 10. ขอ้ ใดเป็นคาปฏิเสธ ก.เปล่า ข.มิได้ ค.หามิได้ ง.ถูกทุกขอ้

26 ใครทาเสร็จแลว้ ยกมือข้ึน ถา้ ยงั ไม่เขา้ ใจหรือคิดไม่ออกกล็ องกลบั ไป อ่านขอ้ ความขา้ งตน้ อีกคร้ังนะคะ คราวน้ี เราลองมาตรวจคาตอบกนั ดีกวา่ คะ

เฉลย แบบฝึ กหัด 27 เฉลยแบบฝึ กหดั ก่อนเรียน เฉลยแบบฝึ กหดั หลงั เรียน 1.ข 1.ง 2.ค 2.ข 3.ง 3.ค 4.ก 4.ก 5.ก 5.ก 6.ก 6.ข 7.ก 7.ข 8.ข 8.ง 9.ง 9.ก 10.ง 10.ง

แหล่งอ้างองิ 28 แหล่งขอ้ มูลจากเวบ็ ไซต์ - https://sites.google.com/a/npu.ac.th/phasa/baeb-thd-sxb-h-hlang-reiyn - http://somnapap.blogspot.com/p/a.html


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook