ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 5 ผู้แต่ง : นางสาวฟาซียะห์ ตโี ด
คานา ก หนงั สือเล่มน้ีเป็นส่วนหน่ึงของรายวิชาภาษาไทย เพือ่ ใหไ้ ดศ้ ึกษาหา ความรู้ ในเร่ือง ชนิดของคา เพ่อื ใหไ้ ดศ้ ึกษาอยา่ งเขา้ ใจ และเป็นประโยชน์ใหก้ บั ผู้ ท่ีสนใจ สามารถนาไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ ผจู้ ดั ทาหวงั วา่ หนงั สือเล่มน้ีจะเป็นประโยชนก์ บั ผอู้ ่าน หรือนกั เรียน ท่ี กาลงั หาขอ้ มูลเรื่องน้ีอยู่ หากมีขอ้ แนะนาหรือขอ้ ผดิ พลาดประการใด ผจู้ ดั ทาขอ นอ้ มรับไว้ และขออภยั ณ ที่น้ีดว้ ย ผจู้ ดั ทา นางสาวฟาซียะห์ ตีโด
สารบญั ข เรื่อง หน้า • คานา ก • สารบญั ข • แบบฝึกหดั ก่อนเรียน 2 • คานาม 7 • คาสรรพนาม 13 • คากริยา 19
สารบัญต่อ ข เรื่อง หน้า • คาวเิ ศษณ์ 25 • คาบุพบท 32 • คาสันธาน 36 • คาอุทาน 39 • แบบฝึกหดั หลงั เรียน 43 • เฉลยแบบฝึกหดั ก่อนเรียน – หลงั เรียน 48 • แหลง่ อา้ งอิง 49
1 เรามาลองทาแบบฝึ กหัด ก่อนเรียนกนั ค่ะ
แบบทดสอบก่อนเรียน 2 คาชี้แจง : .ใหน้ กั เรียนเลือกคาตอบที่ถูกตอ้ งท่ีสุดเพยี งขอ้ เดียว 1. คานามคืออะไร ก. คาที่เป็นช่ือของคน สัตว์ สถานท่ี สิ่งของ ข. คาท่ีใชเ้ รียกคน สัตว์ สถานที่ สิ่งของ ค. คาท่ีใชเ้ รียกชื่อส่ิงของ ง. ถูกทุกขอ้ 2. ”ของเธอใบไหน บอกมาซิ” คาวา่ ไหน เป็นคาสรรพนามชนิดใด ก.คาสรรพนามช้ีเฉพาะ ข.คาสรรพนามแยกฝ่ าย ค.คาสรรพนามไม่ช้ีเฉพาะ ง.คาบุรุษสรรพนาม
3. คาวา่ “กวา่ เศษ พอดี” เป็นคาท่ีเก่ียวกบั จานวนชนิดใด 3 ก.คาบอกจานวน ข.คาบอกลาดบั ค.คาหนา้ จานวน ง.คาหลงั จานวน 4. ขอ้ ใดที่ไม่ใช่คากริยาท่ีมีหน่วยกรรม ก.ตก ข.ขบั ค.อา่ น ง.สอน 5. คาช่วยกริยาคืออะไร ก. คาที่ใชน้ าหนา้ คากริยา ข. คาที่ใชต้ ามหลงั คากริยา ค. คาที่แสดงความเขม้ ขน้ ของคากริยา ง. คาท่ีบอกลกั ษณะทางไวยากรณ์ของคากริยา
4 6. คาช่วยกริยามกั จะเกิดในตาแหน่งใดของประโยค ก. หนา้ คากริยา ข. หลงั คากริยา ค. หนา้ บทกรรม ง. หลงั บทกรรม 7. คาวเิ ศษณ์คืออะไร ก. คาท่ีใชข้ ยายคากริยา ข. คาท่ีเป็นคาหลกั ของกริยา ค. คาที่แสดงความเขม้ ขน้ ของคากริยา ง. คาท่ีบอกลกั ษณะทางไวยากรณ์ของคากริยา
5 8. คาวเิ ศษณ์มกั จะเกิดในตาแหน่งใดของประโยค ก. หนา้ คากริยา ข. หลงั คากริยา ค. หนา้ บทกรรม ง. หลงั บทกรรม 9. คาวเิ ศษณ์ขยายเฉพาะของคาวา่ “แดง” คือคาอะไร ก. ป๋ี ข. อื๋อ ค. แจ๋ ง. ปรี๋ด 10. นกั เรียนทุกคนรักเจา้ เก่งมาก ๆ ” คาใดเป็นคาวเิ ศษณ์ ก. ทุกคน ข. รัก ค. เก่ง ง. มาก ๆ
คาสรรพนาม 6 คานาม ชนิดของคา คากริยา คาอทุ าน คาสันธาน คาวเิ ศษณ์ คาบุพบท
คานาม 7 คานาม คือ คาที่ใชเ้ รียกชื่อ คน สัตว์ พืช สิ่งของ สถานท่ี สภาพ อาการ ลกั ษณะ ท้งั ท่ีเป็นสิ่งมีชีวติ หรือสิ่งไม่มีชีวติ ท้งั ที่เป็นรูปธรรม และนามธรรม เช่น คาวา่ คน ปลา มา้ ววั ตะกร้า ไก่ ประเทศไทย การออกกาลงั กาย การศึกษา ความดี ความงาม กอไผ่ กรรมกร ครู นกั เรียน พยาบาล แพทย์ พยาบาล เกา้ อ้ี ทอ้ งฟ้า นาฬิกา โรงเรียน โรงพยาบาล เป็นตน้
ชนิดของคานาม 8 1. คานามทวั่ ไป (สามานยนาม ) คือ คานามท่ีเป็นช่ือทว่ั ๆ ไป เป็นคาเรียกส่ิงต่างๆ โดยทวั่ ไปไม่ช้ี เฉพาะเจาะจง เช่น ปลา ผเี ส้ือ คน สุนขั วดั ตน้ ไม้ บา้ น หนงั สือ ปากกา พดั ลม ทหาร ครู หนงั สือ เป็นตน้
ชนิดของคานาม 9 2. คานามชี้เฉพาะ (วสิ ามานยนาม ) คือ คานามที่ใชเ้ รียกช่ือเฉาะของคน สตั ว์ หรือสถานที่ เป็นคาเรียนเจาะจง ลงไปวา่ เป็นใครหรือเป็นอะไร เช่น พระพทุ ธชินราช เดก็ ชายวทิ วสั จงั หวดั พจิ ิตร วดั ท่าหลวง พระอภยั มณี วนั จนั ทร์ เดือนมกราคม เป็นตน้
ชนิดของคานาม 10 3.คานามบอกหมวดหมู่ ( สมุหนาม ) คือ คานามที่ทาหนา้ ที่แสดงหมวดหมู่ของคานามทว่ั ไป และคานาม เฉพาะ เช่น ฝงู ผ้งึ กอไผ่ คณะนกั ทศั นาจร บริษทั พวกกรรมกร ชุดขอ้ สอบ โรงหนงั เป็นตน้
ชนิดของคานาม 11 4. คานามบอกลกั ษณะ ( ลกั ษณนาม ) คือ เป็นคานามท่ีบอกลกั ษณะของคานาม เพ่อื แสดงรูปลกั ษณะ ขนาด ปริมาณ ของคานามน้นั น้นั ใหช้ ดั เจน เช่น บา้ น ๑ หลงั โตะ๊ ๕ ตวั คาวา่ หลงั และ ตวั เป็นลกั ษณะนาม
ชนิดของคานาม 12 5. คานามบอกอาการ ( อาการนาม ) คือ คานามที่เป็นชื่อกริยาอาการ เป็นสิ่งที่เป็นนามธรรม ไม่มีรูปร่าง มกั มีคาวา่ \"การ\" และ \"ความ\" นาหนา้ เช่น การกิน การเดิน การพดู การอา่ น การเขียน การศึกษา ความจริง ความรัก ความดี ความคิด ความฝัน เป็นตน้
คาสรรพนาม 13 คาสรรพนาม คือ คาท่ีใชแ้ ทนคานามที่กล่าวถึงมาแลว้ เพื่อจะไดไ้ ม่ตอ้ ง กล่าวคานามน้นั ซ้าอีก เช่นคาวา่ ฉนั เรา ดิฉนั กระผม กู คุณ ท่าน ใตเ้ ทา้ เขา มนั สิ่ง ใด ผใู้ ด นี่ นน่ั อะไร ใคร บา้ ง เป็นตน้ มารู้จกั คาสรรพนาม กนั เถอะ
ชนิดของคาสรรพนาม 14 1. สรรพนามทใ่ี ช้แทนผ้พู ูด ผ้ฟู ัง และผู้ทกี่ ล่าวถงึ ( บุรุษสรรพนาม ) แบ่งเป็นชนิดยอ่ ยได้ 3 ชนิด คือ 1.1 สรรพนามบุรุษที่ 1 ใชแ้ ทนตวั ผพู้ ดู เช่น ผม ฉนั ดิฉนั กระผม ขา้ พเจา้ กู เรา ขา้ พระพทุ ธเจา้ อาตมา หม่อมฉนั เกลา้ กระหม่อม 1.2 สรรพนามบุรุษที่ 2 ใชแ้ ทนผฟู้ ัง หรือผทู้ ี่เราพดู ดว้ ย เช่น คุณ เธอ ใต้ เทา้ ท่าน ใตฝ้ ่ าละอองธุลีพระบาท ฝ่ าพระบาท พระคุณเจา้ 1.3 สรรพนามบุรุษที่ 3 ใชแ้ ทนผทู้ ่ีกลา่ วถึง เขา มนั ท่าน พระองค์
ชนิดของคาสรรพนาม 15 2. สรรพนามทใี่ ช้แทนนามชี้เฉพาะเจาะจง ( นิยมสรรพนาม ) คือ สรรพนามชนิดน้ีใชแ้ ทนนามท่ีอยใู่ กล้ หรือไกลผพู้ ดู ไดแ้ ก่คาวา่ นี่ นน่ั โน่น เช่น นี่บา้ นกานนั นี่ของใคร 3. สรรพนามท่ีใช้แทนนามทเ่ี ป็ นคาถาม (ปฤจฉาสรรพนาม ) คือ สรรพนามท่ีใชแ้ ทนนามในประโยคคาถาม ( ตอ้ งการคาตอบ ) ไดแ้ ก่ คาวา่ อะไร ใคร ไหน ผใู้ ด ส่ิงใด ท่ีไหน เช่น - \"ใคร\" ทาแกว้ แตก - เขาไปท่ี \"ไหน“
ชนิดของคาสรรพนาม 16 4. สรรพนามใช้แทนนามบอกความไม่ชี้เฉพาะเจาะจง (อนิยมสรรนาม ) คือ สรรพนามที่ใชแ้ ทนคานามท่ีไม่กาหนดแน่นอน มกั ใชใ้ นประโยคท่ีมี คาแสดง ความไม่แน่นอน ไดแ้ ก่คาวา่ อะไร ใคร ไหน ได เช่น ครูไม่เห็นใครเลย บางคร้ังกเ็ ป็นคาซ้าๆ ไดแ้ ก่ ใครๆ อะไรๆ ไหนๆ เช่น อะไรๆ กอ็ ร่อยไปหมด ใคร
ชนิดของคาสรรพนาม 17 5. สรรพนามบอกความชี้ซ้า หรือสรรพนามแบ่งพวก รวมพวก (วิภาคสรรพนาม ) คือ สรรพนามท่ีใชแ้ ทนคานามเพือ่ แยกนามออกเป็นส่วนๆ หรือบอกให้ รู้วา่ มีนามอยหู่ ลายส่วนและแสดงกริยาร่วมกนั หรือต่างกนั ไดแ้ ก่คาวา่ ตา่ ง บา้ ง กนั เช่น นกั เรียนบา้ งกอ็ า่ นหนงั สือบา้ งกห็ ลบั นอน
ชนิดของคาสรรพนาม 18 6.สรรพนามเช่ือมประโยค (ประพนั ธสรรพนาม ) คือ สรรพนามที่ทาหนา้ ที่แทนนามขา้ งหนา้ และเชื่อมประโยคใหม้ ี ความสัมพนั ธ์กนั ไดแ้ ก่คาวา่ ที่ ซ่ึง อนั ผู้ เช่น - ผมชอบเส้ือที่คุณแม่ซ้ือให้ - ครูใหร้ างวลั นกั เรียนซ่ึงเรียนดี
คากริยา 19 คากริยา คือ คาแสดงอาการ การกระทา หรือบอกสภาพของคานาม หรือคาสรรพนาม เพื่อใหไ้ ดค้ วาม เช่นคาวา่ กิน เดิน นงั่ นอน เล่น จบั เขียน อ่าน เป็น คือ ถูก คลา้ ย เป็นตน้
ชนิดของคากริยา 20 1. กริยาไม่ต้องมีกรรม (อกรรมกริยา ) คือ คากริยาท่ีมีใจความสมบูรณ์ชดั เจนในตนเองไม่ตอ้ งมีกรรมมารับ เขา้ ใจได้ เช่น - เขา\"ยนื \"อยู่ - นอ้ ง\"นอน“
ชนิดของคากริยา 21 2. กริยาทต่ี ้องมีกรรม ( สกรรมกริยา ) คือ กริยาท่ีมีใจความไม่สมบูรณ์ขาดความชดั เจน จึงตอ้ งมีกรรมมารับ ขา้ งทา้ ย เช่น - ฉนั \"กิน\"ขา้ ว (ขา้ วเป็นกรรมที่มารับคาวา่ กิน) - เขา\"เห็น\"นก (นกเป็นกรรมที่มารับคาวา่ เห็น)
ชนิดของคากริยา 22 3. กริยาทอี่ าศัยส่วนเตมิ เตม็ (วิกตรรถกริยา ) คือ คากริยาที่ไม่มีความหมายในตวั เอง ใชต้ ามลาพงั แลว้ ไม่ไดค้ วาม ตอ้ งมีคาอ่ืนมาประกอบจึงจะไดค้ วาม ไดแ้ ก่คาวา่ เป็น เหมือน คลา้ ย เท่า คือ ราว กบั เป็นตน้ เช่น - เขา\"เป็น\"นกั เรียน - เขา\"คือ\"ครูของฉนั เอง
ชนิดของคากริยา 23 4. กริยาช่วย ( กริยานุเคราะห์ ) คือ คากริยาที่ทาหนา้ ที่ช่วยคากริยาอ่ืนใหม้ ีความหมายชดั เจนยง่ิ ข้ึน ไดแ้ ก่คาวา่ อาจ ตอ้ ง น่าจะ จะ คง คงตอ้ ง คงจะ จง โปรด อยา่ ช่วย แลว้ ไดร้ ับ ฯลฯ เช่น - ฝน”อาจ”ตก - พ”ี่ คง”กลบั มาเร็วๆ น้ี
ชนิดของคากริยา 24 5. กริยาท่เี ป็ นคานามจะเป็ นประธาน กรรม ( กริยาสภาวมาลา ) คือ คากริยาที่ทาหนา้ ท่ีเป็นคานามจะเป็นประธาน กรรม หรือบทขยาย ของประโยคกไ็ ด้ เช่น - \"นอน\"หลบั เป็นการพกั ผอ่ นท่ีดี (นอน เป็นคากริยาท่ีเป็นประธานของ ประโยค) - ฉนั ชอบไป\"เที่ยว\"กบั เธอ (เท่ียว เป็นคากริยาท่ีเป็นกรรมของประโยค)
คาวเิ ศษณ์ 25 คาวเิ ศษณ์ คือ คาท่ีใชป้ ระกอบหรือขยายคานาม สรรพนาม คากริยา หรือคาวเิ ศษณ์ เพอ่ื ใหไ้ ดใ้ จความชดั เจนและละเอียดมากข้ึน เช่น - คนอว้ นกินจุ (\"อว้ น\" เป็นคาวเิ ศษณ์ท่ีขยายคานาม \"คน\" \"จุ\" เป็นคาวเิ ศษณ์ที่ขยาย คากริยา \"กิน“) - เขาร้องเพลงไดไ้ พเราะมาก (\"มาก\" เป็นคาวเิ ศษณ์ท่ีขยายคาวิเศษณ์ \"ไพเราะ\")
ชนิดของคาวเิ ศษณ์ 26 1. คาวเิ ศษณ์ทบ่ี อกลกั ษณะต่างๆ เช่น บอกชนิด สี ขนาด กล่ิน รส บอกความรู้สึก เช่น ดี ชว่ั ใหญ่ ขาว ร้อน เยน็ หอม หวาน กลม แบน เป็นตน้ เช่น - น้าร้อนอยใู่ นกระติกสีขาว 2. คาวเิ ศษณ์บอกเวลา เช่น เชา้ สาย บ่าย เยน็ อดีต อนาคต เป็นตน้ เช่น - พรุ่งน้ีเป็นวนั เกิดของคุณแม่
ชนิดของคาวเิ ศษณ์ 27 3. คาวเิ ศษณ์บอกสถานที่ เช่น ใกล้ ไกล บน ลา่ ง เหนือ ใต้ ซา้ ย ขวา เป็นตน้ เช่น - บา้ นฉนั อยไู่ กลตลาด 4. คาวเิ ศษณ์บอกจานวน หรือปริมาณ เช่น หน่ึง สอง มาก นอ้ ย บ่อย หลาย บรรดา ตา่ ง บา้ ง เป็นตน้ เช่น - เขามีเงินหา้ บาท
ชนิดของคาวเิ ศษณ์ 28 5. คาวเิ ศษณ์ทแี่ สดงความปฏิเสธ หรือไม่ยอมรับ เช่น ไม่ ไม่ใช่ มิ มิใช่ เป็นตน้ เช่น - เขามิไดม้ าคนเดียว 6. คาวเิ ศษณ์ทใี่ ช้แสดงการขานรับหรือโต้ตอบ เช่น ครับ ขอรับ ค่ะ เป็นตน้ เช่น - คุณครูขา สวสั ดีคะ่
ชนิดของคาวเิ ศษณ์ 29 7. คาวเิ ศษณ์ทบี่ อกความชี้เฉพาะ เช่น น้ี นน่ั โน่น ท้งั น้ี ท้งั น้นั แน่นอน เป็นตน้ เช่น - บา้ นน้นั ไม่มีใครอยู่ 8. คาวเิ ศษณ์ทบี่ อกความไม่ชี้เฉพาะ เช่น ใด อ่ืน ไหน อะไร ใคร ฉนั ใด เป็นตน้ เช่น - เธอจะมาเวลาใดกไ็ ด้
ชนิดของคาวเิ ศษณ์ 30 9. คาวเิ ศษณ์แสดงคาถาม หรือแสดงความสงสัย เช่น ใด ไร ไหน อะไร ส่ิงใด ทาไม เป็นตน้ เช่น - เส้ือตวั น้ีราคาเท่าไร - เขาจะมาเม่ือไร
ชนิดของคาวเิ ศษณ์ 31 10. คาวเิ ศษณ์ทที่ าหน้าทเ่ี ช่ือมคาหรือประโยคให้มคี วามเกยี่ วข้องกนั เช่นคาวา่ ท่ี ซ่ึง อนั อยา่ ง ที่วา่ เพ่ือวา่ ให้ เป็นตน้ เช่น - เขาทางานหนกั เพอ่ื วา่ เขาจะไดม้ ีเงินมาก - เขาทาความดี อนั หาท่ีสุดมิได้
คาบุพบท 32 คาบุพบท คือ คาท่ีแสดงความสัมพนั ธ์ระหวา่ งคาหรือประโยค เพือ่ ให้ ทราบวา่ คาหรือกลุ่มคาที่ตามหลงั คาบุพบทน้นั เกี่ยวขอ้ งกบั กลุ่มคาขา้ งหนา้ ใน ประโยคในลกั ษณะใด เช่น กบั แก่ แต่ ต่อ ดว้ ย โดย ตาม ขา้ ง ถึง จาก ใน บน ใต้ สิ้น สาหรับ นอก เพือ่ ของ เกือบ ต้งั แต่ แห่ง ที่ เป็นตน้ มารู้จกั คาบุพบ กนั นะคะ
ชนิดของคาบุพบท 33 1. คาบุพบทที่แสดงความสมั พนั ธ์ระหวา่ งคาต่อคา คือ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ ง คานามกบั คานาม คาสรรพนามกบั คานาม คานามกบั คากริยา คาสรรพนามกบั คา สรรพนาม คากริยากบั คาสรรพนาม เพอื่ บอกสถานการใหช้ ดั เจน เช่น 1.1บอกสถานภาพความเป็ นเจ้าของ เช่น พอ่ ซ้ือสวนของนายทองคา (นามกบั นาม) 1.2 บอกความเกยี่ วข้อง เช่น เขาเห็นแก่กิน (กริยากบั กริยา)
ชนิดของคาบุพบท 34 1.3 บอกการให้และบอกความประสงค์ เช่น คุณครูใหร้ างวลั แก่ฉนั (นามกบั สรรพนาม) 1.4 บอกเวลา เช่น เขามาต้งั แตเ่ ชา้ (กริยากบั นาม) 1.5 บอกสถานท่ี เช่น เขามาจากตา่ งจงั หวดั (กริยากบั นาม) 1.6 บอกความเปรียบเทยี บ เช่น พี่หนกั กวา่ ฉนั (กริยากบั สรรพนาม)
ชนิดของคาบุพบท 35 2. คาบุพบทที่ไม่มีความสมั พนั ธ์กบั คาอื่น ส่วนมากจะอยตู่ น้ ประโยค ใชเ้ ป็นการ ทกั ทาย มกั ใชใ้ นคาประพนั ธ์ เช่นคาวา่ ดูก่อน ขา้ แต่ คาเหล่าน้ีใชน้ าหนา้ คาสรรพ นามหรือคานาม เช่น - ดูก่อน ภิกษุท้งั หลาย - ขา้ แต่ท่านท้งั หลายโปรดฟังขา้ พเจา้
คาสันธาน 36 คาสันธาน คือ คาท่ีใชเ้ ชื่อมประโยค หรือขอ้ ความกบั ขอ้ ความ เพื่อทา ใหป้ ระโยคน้นั รัดกมุ กระชบั และสละสลวย เช่นคาวา่ และ แลว้ จึง แต่ หรือ เพราะ เหตุเพราะ เป็นตน้ เช่น - เขาอยากเรียนหนงั สือเก่งๆ แต่เขาไม่ชอบอ่านหนงั สือ - เขามาโรงเรียนสายเพราะฝนตกหนกั
ชนิดของคาสันธาน 37 1. คาสันธานทเี่ ช่ือมความคล้อยตามกนั ไดแ้ ก่คาวา่ และ ท้งั ...และ ท้งั ...ก็ เมื่อ...กว็ า่ พอ...แลว้ เช่น - พอทาการบา้ นเสร็จแลว้ ฉนั กน็ อน 2. คาสันธานทเี่ ช่ือมความขัดแย้งกนั เช่นคาวา่ แต่ แตว่ า่ กวา่ ...ก็ ถึง...ก็ เป็นตน้ เช่น - ผมตอ้ งการพดู กบั เขา แต่เขาไม่ยอมพดู กบั ผม
ชนิดของคาสันธาน 38 3. คาสันธานทเ่ี ช่ือมข้อความให้เลือก ไดแ้ ก่คาวา่ หรือ หรือไม่ ไม่...ก็ มิฉะน้นั ... ก็ เป็นตน้ เช่น - นกั เรียนชอบเรียนวชิ าคณิตศาสตร์หรือภาษาไทย 4. คาสันธานทเี่ ชื่อมความทเ่ี ป็ นเหตุเป็ นผล ไดแ้ ก่คาวา่ เพราะ ฉะน้นั ...จึง ดงั น้นั เหตุเพราะ เหตุวา่ เป็นตน้ เช่น - นกั เรียนมาโรงเรียนสายเพราะฝนตกหนกั
คาอทุ าน 39 คาอุทาน หมายถึง คาที่แสดงอารมณ์ของผพู้ ดู ในขณะท่ีตกใจ ดีใจ เสียใจ ประหลาดใจ หรืออาจจะเป็นคาท่ีใชเ้ สริมคาพดู เช่นคาวา่ อุย๊ เอะ๊ วา้ ย โธ่ อนิจจา อ๋อ เป็นตน้ เช่น - เฮอ้ ! คอ่ ยยงั ชว่ั ท่ีเขาปลอดภยั - เม่ือไรเธอจะตดั ผมตดั เผา้ เสียทีจะไดด้ ูเรียบร้อย
ชนิดของคาอทุ าน 40 1. คาอุทานบอกอาการ เป็นคาอุทานที่แสดงอารมณ์ และความรู้สึกของผพู้ ดู เช่น - ตกใจ ใชค้ าวา่ วยุ้ วา้ ย แหม ตายจริง - ประหลาดใจ ใชค้ าวา่ เอะ๊ หือ หา - รับรู้ เขา้ ใจ ใชค้ าวา่ เออ ออ้ อ๋อ - เจบ็ ปวด ใชค้ าวา่ โอย๊ โอย อุย๊
ชนิดของคาอุทาน 41 2.คาอุทานเสริมบท เป็นคาอุทานท่ีใชเ้ ป็นคาสร้อยหรือคาเสริมบทต่างๆ คาอุทาน ประเภทน้ีบางคาเสริมคาที่ไม่มีความหมายเพ่อื ยดื เสียงใหย้ าวออกไป บางคากเ็ พ่ือ เนน้ คาใหก้ ระชบั หนกั แน่น เช่น - เดี๋ยวน้ีมือไมฉ้ นั มนั สนั่ ไปหมด - หนงั สือหนงั หาเดี๋ยวน้ีราคาแพงมาก
42 ไชโย! อา่ นจบแลว้ ถา้ ยงั ไม่เขา้ ใจกล็ องกลบั ไปอ่านขอ้ ความ ขา้ งตน้ อีกคร้ังนะคะ คราวน้ีเราลองมาทา แบบฝึกหดั กนั ดีกวา่ คะ
แบบฝึ กหัดหลงั เรียน 43 คาชี้แจง : .ใหน้ กั เรียนเลือกคาตอบท่ีถูกตอ้ งที่สุดเพียงขอ้ เดียว 1. ขอ้ ใดเป็นคาลกั ษณะนามท้งั หมด ก.โรงเรียน สมุด บา้ น ข.ความรู้ การคิด การสงั เกต ค.พะเยา ภาคเหนือ ภาษาไทย ง.กลุ่ม ฝงู คณะ 2. ขอ้ ใดคือคาสรรพนามช้ีเฉพาะ ก.ท่าน ข.โน่นท่าน ค.กนั ง.กระผม
3. ”ของเธอใบไหน บอกมาซิ” คาวา่ ไหน เป็นคาสรรพนามชนิดใด 44 ก.คาสรรพนามช้ีเฉพาะ ข.คาสรรพนามแยกฝ่ าย ค.คาสรรพนามไม่ช้ีเฉพาะ ง.คาบุรุษสรรพนาม 4. ขอ้ ใดที่ไม่ใช่คากริยาที่มีหน่วยกรรม ก.ตก ข.ขบั ค.อ่าน ง.สอน 5. ”นิสิตท่ีขยนั เรียนมกั ไดค้ ะแนนดี” คาใดที่เป็นคาช่วยกริยา ก.มกั ข.ขยนั ค.นิสิต ง.คะแนน
6. ”ดอกมะลิขาวจวั๊ ะ หอมจริงๆ” คาวา่ จวั๊ ะ เป็นคาวเิ ศษณ์ชนิดใด 45 ก.คาวเิ ศษณ์สามญั ข.คาวเิ ศษณ์ขยายเฉพาะ ค.คาวเิ ศษณ์รวม ง.คาวเิ ศษณ์บอกเวลา 7. ”แม่คา้ ครับผมซ้ือมะละกอ__กลว้ ย” คาใดควรเติมในช่องวา่ งได้ ถูกตอ้ ง ก.หรือ ข.กบั ค.แต่ ง.ผดิ ทุกขอ้
46 8. คาวา่ “กวา่ เศษ พอดี” เป็นคาที่เก่ียวกบั จานวนชนิดใด ก.คาบอกจานวน ข.คาบอกลาดบั ค.คาหนา้ จานวน ง.คาหลงั จานวน 9. ประโยคใดมีคาบุรุษสรรพนามประกอบอยดู่ ว้ ย ก. หนูเองกไ็ ม่ชอบหนูเหมือนกนั ข.หนูบางชนิดนาเช้ือโรคมาสู่คน ค.คนบางกลุม่ ต้งั บริษทั กาจดั หนู ง. หนูเป็นสตั วส์ กปรก
Search