คำนำ เอกสารประกอบการเรียน วิชา การงานอาชพี 5 (ง33101) เรื่อง สร้างสรรค์โครงงานอาชีพ ระดับช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 6 เล่มน้ีจัดทำข้ึนโดยมวี ัตถปุ ระสงค์เพื่อใช้เป็นส่ือประกอบการเรียนของผู้เรียน ตามหลักสูตร มธั ยมศึกษาตอนปลาย พทุ ธศักราช 2551 ของกระทรวงศึกษาธิการ โดยนำมาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชี้วัด มา วิเคราะห์จัดทำคำอธิบายรายวิชา จุดประสงค์การเรียนรู้และขอบข่ายเนื้อหา เอกสารประกอบการเรียนเล่มนี้ ได้เรียงลำดับเนื้อหาไปตามลำดับขั้นตอนการเรียนรู้จากง่ายไปหายาก นำภาพมาประกอบให้ผู้เรยี นเกิดความ สนใจ เข้าใจเนือ้ หาไดง้ ่ายขึ้น เพอื่ ใหเ้ หมาะสมกบั การเรียนรู้ของผู้เรียน ในขณะเดียวกนั ยังสามารถนำความรู้ที่ ได้รบั จากเอกสารประกอบการเรยี นเลม่ นีไ้ ปใช้เป็นแนวทางในการประกอบอาชพี ตอ่ ไปในอนาคต เอกสารประกอบการเรียน วิชา การงานอาชีพ5 (ง 33101) เรื่อง สร้างสรรค์โครงงานอาชีพ เล่มน้ี ประกอบด้วยเนอื้ หา จำนวน 5 เรอ่ื ง ดังนี้ 1. สำรวจวิเคราะหพ์ ืชพรรณในทอ้ งถน่ิ 2. สืบเสาะแสวงหาข้อมลู 3. ปฏิบัติการทำโครงงานอาชพี 4. การจำหน่ายผลิตภณั ฑ์ 5. การรายงานโครงงานอาชีพ ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิง่ ว่าเอกสารประกอบการเรียนฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ตอ่ ผู้สนใจ ในการศึกษา ค้นคว้าเป็นอย่างดี ดวงรัตน์ กวดกิจการ ครู โรงเรียนสตรพี ังงา
สารบัญ หน้า 1 เรื่อง 2 คำชีแ้ จงการใช้เอกสารประกอบการเรียน……………………………………………………………… 3 Flowchart การเรียนรู้ดว้ ยเอกสารประกอบการเรียน เรื่องโครงงานอาชพี ………………. 4 การจดั ชน้ั เรยี น ………………………………………………………………………………………………… 4 มาตรฐานการเรยี นรู้ …………………………………………………………………………………………. 5 ตัวชีว้ ัด ……………………………………………………………………………………………………………. 7 สาระการเรียน ………………………………………………………………………………………………….. 9 จุดประสงค์การเรียนรู้ ……………………………………………………………………………………….. 8 ประเมนิ ก่อนเรียน …………………………………………………………………….………………………. 18 ใบความรูท้ ่ี 1เรอื่ งภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ………………………………………………….……….………. 19 ใบกจิ กรรมที่ 1เรอื่ งการวางแผนสำรวจภมู ปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ ………………….…………….…… 21 ใบกจิ กรรมท่ี 2 เรือ่ งการสำรวจภูมิปญั ญาท้องถิ่นจังหวัดพงั งา………………..………….…… 22 ใบกิจกรรมท่ี 3 เรอ่ื งการวเิ คราะห์ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถิ่น………………...…………………….….…… 23 ใบกจิ กรรมท่ี 4 เรือ่ งการสงั เคราะหภ์ ูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ กับการทำโครงงานอาชีพ…….…… 26 ประเมินหลังเรยี น……………………………………………..……………………………………………….. เอกสารอ้างอิง …………………………………………………………………………………………………..
1 คำชแี้ จงการใช้ เอกสารประกอบการเรยี น เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาการงานอาชีพ (ง33101) เรื่อง สร้างสรรค์โครงงานอาชีพ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 จัดทำขึน้ เพอ่ื ใชป้ ระกอบการเรียนการสอน นักเรยี นเปน็ ผู้มีบทบาททีส่ ำคญั ฉะนน้ั นกั เรยี น ทุกคนต้องปฏบิ ัติอย่างเครง่ ครัด จึงทำให้กระบวนการเรียนรูเ้ ปน็ ไปอย่างมปี ระสิทธิภาพ และนักเรียนปฏิบตั ิ ตามข้นั ตอน ดังน้ี 1. นกั เรียนอา่ นคำชีแ้ จงให้เขา้ ใจ 2. นกั เรียนต้องมีความรับผดิ ชอบ ตรงต่อเวลาในการเรียน และการทำกิจกรรมต่าง ๆ 3. ศึกษาเอกสารประกอบการเรยี นแตล่ ะเรอ่ื งตามลำดับข้นั ตอน 4. นักเรียนสามารถปรกึ ษาหารอื และช่วยเหลือเพือ่ นซ่ึงกันและกันได้ตลอดเวลาที่ศกึ ษา และการทำ กิจกรรม 5. ขณะเรยี นหรอื ทำกิจกรรมหากนักเรยี นเมื่อยล้า ใหน้ กั เรยี นหยุดพกั แล้วคอ่ ยศกึ ษา หรือทำกจิ กรรม ตา่ ง ๆ 6. นักเรียนเลอื กกลมุ่ ปฏบิ ัติกิจกรรมดว้ ยความอิสระ กลมุ่ ละ 3-5 คน 7. นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ เตรยี มวสั ดุอุปกรณ์ต่างๆ กอ่ นปฏบิ ตั ิกิจกรรมตามคำชีแ้ จง ดว้ ยตนเองให้พร้อม กอ่ นปฏบิ ัตกิ จิ กรรมทุกครั้ง 8. นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง ด้วยความตั้งใจ ระมดั ระวัง และรอบคอบ 9. หลังปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ เสร็จแล้ว นักเรียนต้องทำความสะอาดเครื่องมืออุปกรณ์ ให้สะอาด เรียบรอ้ ยก่อนเกบ็ เข้าทีท่ กุ ครั้ง 10. เมื่อนักเรียนปฏิบัติกิจกรรมฝึกปฏิบัติเสร็จแล้ว ให้นักเรียนบันทึกผลการปฏิบัติงานตามลำดับ ข้ันตอน วเิ คราะหผ์ ลที่ได้จากการศกึ ษา และเสนอปัญหาแนวทางการแกป้ ญั หาทุกครงั้ 11. ให้นักเรียนประเมินคุณภาพผลงานของนักเรียนด้วยตนเองด้วยความถูกต้อง และยุติธรรม เมื่อ นักเรยี นประเมนิ ตนเองเสร็จแล้วให้นักเรยี นนำผลงานของนักเรยี นให้เพ่ือน และครูร่วมประเมินนักเรียนทุกครั้ง
2 Flowchart การเรียนรู้เอกสารประกอบการเรียน ศึกษาบทบาท หน้าท่ีของครู และนักเรียน/ ต้ังจุดประสงคก์ ารเรยี นรูร้ ว่ มกนั วเิ คราะหผ์ เู้ รียนเปน็ รายบุคคล ออกแบบชัน้ เรียน ( Classroom Layout ) ประเมินก่อนเรยี น ศกึ ษา เอกสารประกอบการเรยี น เรอ่ื ง สรา้ งสรรค์โครงงานอาชพี ปฏิบัติกิจกรรม ปรบั ปรุง/ สรุปผลการปฏิบตั ิงาน พฒั นา ประเมนิ คณุ ภาพผลงานโดยตวั นกั เรยี น เพ่อื น และครู ประเมนิ หลัง ไม่ผา่ น เรยี น ผ่าน ไม่ผ่าน สรปุ ผลการเรียน
3 การจัดชั้นเรยี น การจัดกระบวนการเรียนรู้ มุ่งให้นักเรียนแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ตามความแตกต่างของแต่ละ บุคคลนั้น การจัดชั้นเรียนเป็นส่วนสำคญั อกี ประการหนึง่ ที่ทำให้กระบวนการเรียนรู้บรรลุผลตามจุดประสงค์ ซ่งึ หลกั ในการจดั ชน้ั เรยี น มีดังน้ี 1. จดั ช้ันเรียนในหอ้ งเรียนใหน้ ักเรียนนง่ั เป็นกลุ่ม ๆ ละ 3–5 คน 2. แต่ละกลมุ่ จะต้องคละนักเรียน โดยให้มนี กั เรียนเก่ง 1-2 คน ปานกลาง 1-3 คน และออ่ น 1-2 คน เพื่อต้องการให้นักเรียนมีปฏิสัมพันธ์ร่วมปรึกษาหารือ และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในกลุ่มที่นัง่ ในขณะเรียน หรือทำกจิ กรรม 3. การจดั กลมุ่ ให้นกั เรยี นน่ังทกุ กลุม่ ครูผูส้ อนจะตอ้ งมองเหน็ พฤติกรรมนกั เรียนได้ทุกคน 4. การจัดชน้ั เรียน ตอ้ งมแี สงสวา่ งอยา่ งเพยี งพอ 5. การจัดชั้นเรียนต้องมีบรรยากาศที่ดี ไม่มีเสียงรบกวน ไม่อบอ้าวหรือร้อน รบกวนสมาธิของ นักเรยี น
4 มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชีว้ ดั มาตรฐานการเรยี นรู้ ง 1.1 เข้าใจการทำงาน มีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะกระบวนการทำงาน ทักษะการจัดการทักษะ กระบวนการแก้ปัญหา ทกั ษะการทำงานร่วมกัน และทกั ษะการแสวงหาความรู้ มคี ณุ ธรรม และลกั ษณะนิสัยใน การทำงาน มจี ติ สำนกึ ในการใช้พลังงาน ทรัพยากรและสิ่งแวดลอ้ ม เพอ่ื การดำรงชวี ติ และครอบครัว ง 2.1 เข้าใจ มที กั ษะทจี่ ำเปน็ มีประสบการณ์ เหน็ แนวทางในงานอาชีพ ใช้เทคโนโลยเี พื่อพฒั นาอาชีพ มีคณุ ธรรม และมเี จตคตทิ ่ดี ีตอ่ อาชพี ตัวชว้ี ัด ง 1.1 ม.4-6/2 สรา้ งผลงานอยา่ งมคี วามคดิ สร้างสรรค์ และมที ักษะในการทำงานรว่ มกัน ง 1.1 ม.4-6/3 มที ักษะการจดั การในการทำงาน ง 1.1 ม.4-6/4 มที กั ษะกระบวนการแก้ปญั หาในการทำงาน ง 1.1 ม.4-6/5 มีทักษะในการแสวงหาความรู้เพ่ือการดำรงชีวิต ง 1.1 ม.4-6/6 มคี ณุ ธรรมและลกั ษณะนสิ ัยในการทำงาน ง 2.1 ม.4-6/1 อภิปรายแนวทางเขา้ สอู่ าชพี ท่ีสนใจ ง 2.1 ม.4-6/3 มีประสบการณ์ในอาชีพทถ่ี นัดและสนใจ ง 2.1 ม.4-6/4 มคี ุณลกั ษณะที่ดตี อ่ อาชีพ
5 สาระการเรยี นรู้ และจุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ 1. ความหมายของภมู ิปัญญาท้องถนิ่ 2. ความสำคญั และประโยชน์ของภมู ปิ ญั ญาท้องถน่ิ 3. การจำแนกประเภทภมู ิปญั ญาท้องถ่นิ 4. การสำรวจภมู ิปัญญาท้องถิน่ 5. ขัน้ ตอนการสำรวจภูมิปัญญาท้องถนิ่ 6. การวเิ คราะหภ์ ูมปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ เพอ่ื ทำโครงงานอาชีพ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. บอกความหมายของภูมิปัญญาทอ้ งถิ่นได้ 2. อธิบายความสำคัญและประโยชนข์ องภูมปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ ได้ 3. จำแนกประเภทของภมู ิปัญญาทอ้ งถิน่ ได้ 4. อธบิ ายขัน้ ตอนการสำรวจภูมปิ ัญญาท้องถน่ิ ได้ 5. ทำการสำรวจภูมิปญั ญาทอ้ งถิ่นได้ 6. วิเคราะหภ์ ูมปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ เพือ่ ทำโครงงานอาชีพได้
6 ประเมนิ กอ่ นเรียน เรอ่ื ง การสำรวจ วเิ คราะห์ภมู ปิ ญั ญาท้องถิ่น ใหน้ กั เรยี นทำเคร่ืองหมาย หนา้ ขอ้ ทถี่ กู ท่ีสุดเพยี งข้อเดียว 1.ทำไมนกั เรยี นตอ้ งสำรวจภมู ิปญั ญาท้องถ่ินกอ่ นทำโครงงานอาชพี ก. เพอื่ รู้ว่ามีอะไรบ้างทสี่ ามารถนำมาทำโครงงานอาชพี ได้ ข. เพอ่ื อนรุ ักษ์ภูมิปญั ญาในทอ้ งถิน่ ค. เพือ่ รวบรวมภูมิปญั ญาท้องถ่นิ ง. เพ่อื ร้จู ักชนดิ ภูมปิ ัญญาท้องถิน่ 2.ข้อใดไม่ใช่ประโยชนข์ องพืชพรรณในทอ้ งถนิ่ ก. เป็นพืชสรา้ งรายได้ใหก้ ับประเทศ ข. เปน็ พืชสมุนไพร ค. เป็นพืชเศรษฐกิจ ง. เปน็ อาหาร 3.ขอ้ ใดเป็นการสำรวจภมู ิปญั ญาท้องถ่นิ ก. การศกึ ษาชนิดของภมู ิปญั ญาท้องถิน่ ในหนังสือบรรณานุกรมพันธุพ์ ืช ข. การศึกษาลกั ษณะของภมู ิปัญญาท้องถนิ่ ทางอินเทอร์เน็ต ค. การค้นหาชนิดของภมู ิปญั ญาในท้องถนิ่ ง. ถูกทุกข้อ 4. บริเวณบ้านนกั เรียน ปลูกพืชผักสวนครัว ได้แก่ ตะไคร้ มะกรูด ข่า ขิง ผักเหลียง ผักหวาน ขุดบ่อเลี้ยงปลา นิล บนบ่อปลาเลยี้ งไก่ เลี้ยงเปด็ เพ่ือเกบ็ ไข่เป็นอาหาร ปา่ ชมุ ชนมพี ชื ท่สี ามารถเก็บมาใช้ประโยชนห์ ลายอย่าง เช่น ผักกูด หัวไพร กระทือ กระถิน เป็นต้น นักเรียนควรทำโครงงานอาชีพเกี่ยวกับเรื่องใด เพราะอะไรท่เี ปน็ โครงงานสร้างสรรค์ ก. ผกั แผน่ เพราะเป็นโครงงานทย่ี ังไม่มีใครทำ ข. แชมพมู ะกรูด เพราะวัตถดุ ิบมีในชุมชน ค. นำ้ พรกิ ตะไคร้ เพราะสามารถขายได้ ง. ไข่เค็ม เพราะมีไขเ่ ปด็ ทเี่ ลี้ยงไว้
7 อ่านขอ้ ความต่อไปน้ีแลว้ ตอบคำถามขอ้ ท่ี 5 1. เตรยี มกล้องถ่ายภาพ สมุดบนั ทึก ดินสอ เขม็ ทิศ 2. บันทกึ รายละเอียดที่พบ 3. ถ่ายภาพ เกบ็ ตวั อยา่ งภูมิปัญญาทอ้ งถิ่น 4. ติดต่อผรู้ ู้ ผนู้ ำ ผู้เกี่ยวขอ้ งในหมู่บา้ น 5. กำหนดสถานท่ีสำรวจ 5.ข้อใดเปน็ ข้ันตอนการสำรวจภูมปิ ญั ญาในทอ้ งถิ่น ก. 1-5-4-2-3 ข. 1-4-5-2-3 ค. 1-5-4-3-2 ง. 1-4-5-3-2
8 ใบความรู้ท่ี 1 เรือ่ งภมู ปิ ญั ญาท้องถนิ่ ความหมายของภมู ปิ ญั ญาท้องถ่ิน ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถ่ิน หรือภมู ิปญั ญาชาวบา้ น หรอื ภมู ิปัญญาไทย นบั ได้วา่ เปน็ องค์ความรู้ท่ีมีคุณค่า และมีความสำคัญ ในการปลูกฝังให้เยาวชนคนในชาติไทย ได้รับรู้และสืบทอดและควรค่าในความภาคภมู ิใจ ในความเป็นชาติไทยอย่างยิ่ง พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 (ราชบัณฑิตยสถาน, 2546 : 826) คําว่า“ภูมิ” หมายถึง พื้นความรู้ ความสามารถ “ปัญญา” หมายความว่า ความรอบรู้ความรู้ทั่วไป ความฉลาด อันเกิดแต่ เรียนและคิด สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ (2545 : 1) ได้กล่าวถึงภูมิปัญญาท้องถิ่น คือ มรดก ทางวัฒนธรรม ที่เกิดขึ้นจากการสัง่ สมความรู้ดัง้ เดิมของท้องถิ่นนั้นๆ ซึ่งเป็นการสะสมจากประสบการณ์ชีวติ ของชาวบา้ นเอง หรือจากการได้สบื ทอดต่อกันมาจากบรรพบุรุษ ภมู ิปัญญาแต่ละด้านไดร้ บั การเรียนรู้มาเป็น ระยะเวลาอันยาวนาน มีการสังเกต ทดลองใช้ ปรับเปลี่ยน แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในการดำรงชีวิต ประจำวนั ในแต่ละท้องถนิ่ ดว้ ย รุ่ง แก้วแดง (2547: 204) ภูมิปัญญาทอ้ งถิ่น หมายถึง องค์ความรูค้ วามสามารถและทกั ษะของ คนไทย อนั เกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ท่ีผ่านกระบวนการเลอื กสรร เรียนร้พู ฒั นา และถา่ ยทอดสืบต่อกัน มา เพ่อื ใช้แกป้ ัญหาและพฒั นาวถิ ีชีวิตของคนไทย ใหส้ มดุลกับสภาพแวดลอ้ มและเหมาะสมกบั ยคุ สมยั ประเวศ วะสี (2544: 75) ให้ความหมายของภูมิปัญญาว่า เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่กับสังคม มนุษย์มาช้านาน เป็นการดำรงอยู่ในชีวิตที่เกี่ยวพันกับธรรมชาติของแต่ละท้องถิ่น โดยมีการปรับสภาพแวด ลอมธรรมชาติตามกาลเวลา เนื่องจากมนุษย์เป็นสัตว์โลกที่พิเศษกว่าสัตว์อื่น ๆ กล่าวคือ มีมันสมองที่มี ความสามารถในการคิดค้น เรียนรู้ แก้ปัญหา และมีการสืบทอดแบบแผน ความรู้เป็นมรดกทางวฒั นธรรมที่ สบื ทอดกันมา แมว้ า่ ภมู ิปัญญาเป็นสิง่ ที่ถูกส่ังสมและถ่ายทอด เปน็ มรดกมาช้านาน แตม่ ีลักษณะที่สำคัญอย่าง หนึง่ คือ เปน็ องค์ความรูท้ ม่ี กี ารเช่อื มโยงกันไปหมด ไมว่ า่ จะเป็นเรือ่ งอาชีพ เศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ การใช้จ่าย การศกึ ษาวฒั นธรรม
9 สุรศักดิ์ สามประดิษฐ์ (2546: 41) ได้กล่าวถึงภูมิปญั ญาว่า เป็นความรู้ท่ีได้สั่งสมและปฏิบัติต่อกัน มาในการแก้ปัญหาต่าง ๆ สามารถมีผลทำให้คุณภาพชีวิตของคนดีขึ้น ซึ่งเกิดจากการเรียนรู้ของคนรุ่นหน่ึง ผา่ นการถ่ายทอดแบบตา่ ง ๆ ไปสู่คนอกี รุ่นหน่งึ อาจมีการสืบทอดโดยกระบวนการตา่ ง ๆ ดงั น้ี 1. การแสวงหา หรอื การค้นพบโดยกระบวนการค้นคว้าวจิ ัย 2. การประดิษฐ์คิดคน้ และทดลอง 3. การสรา้ งสมพัฒนาการ 4. การถา่ ยทอด สบื ทอดทางการศกึ ษา 5. การพร่ำสอน ภทั รานษิ ฐ์ บญุ ส่ง (2552 : 12) ได้สรปุ ไว้วา่ ภมู ิปญั ญาท้องถิ่น หมายถึง ความรู้ ความสามารถ และ ประสบการณ์ชาวบ้านในแต่ละท้องถิน่ ที่ได้สั่งสมและผ่านกระบวนการศึกษา สังเกต หรือได้รับการถ่ายทอด ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อแก้ปัญหาในการดำเนินชีวิตได้อย่างเหมาะสม การพัฒนา ปรับปรุงด้วยระบบ เทคโนโลยอี นั ทันสมยั เหมาะสมกบั สถานการณข์ องสังคม เศรษฐกจิ ในระยะเวลานน้ั ๆ เมตต์ เมตตก์ ารุณจิต (2553 : 157) กล่าวถงึ ความหมายของภูมิปัญญาท้องถิน่ (local Wisdom) ไว้ว่า เป็นผลงานอันเกิดจากภูมิปัญญาของคนในท้องถิ่น ที่ร่วมกันดำเนินงานต้ังแต่ 2 คนขึ้นไปซึ่งอาจเป็น ลักษณะกลุ่ม และเปน็ ที่ยอมรบั ของคนท่ัวไป เช่น กลุ่มทอผ้า กล่มุ จกั สาน เปน็ ต้น สรุปไดว้ ่า ภูมปิ ัญญาท้องถิ่น เกิดจากการสัง่ สมประสบการณข์ องชาวบ้าน หรือการเรียนรู้สืบทอด ต่อกันมาจากบรรพบุรุษ และได้ถ่ายทอดความรู้เหล่านั้นผ่านมายังลูกหลานจนถึงปัจจุบัน ในลักษณะการ เชื่อมโยงความรู้ในด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ได้อย่างผสมกลมกลืนและเหมาะสมในการแก้ปัญหา และพัฒนาวิถชี ีวติ ของตน ใหส้ มดลุ กบั สภาพแวดลอ้ ม และเหมาะสมกับยุคสมัย ความสำคัญของภูมิปญั ญาทอ้ งถนิ่ ภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นองค์ความรู้ที่มีคุณค่าของคนในชาติ หากปล่อยให้สูญหายไป ไม่มี การสืบทอดระหวา่ งคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ หรือระหว่างอดีตกบั ปัจจุบนั จะทำให้ภูมิปญั ญาท้องถิน่ นั้น สูญ สิ้นไป ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะนำภูมิปัญญาทองถิ่นนั้น มาใช้ในกระบวนการเรียนการสอน ซึ่งมี ความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในการจัดการศึกษา เพื่อเป็นการสร้างจิตสํานึกความภาคภูมิใจ และความ รับผิดชอบต่อสังคม ชุมชนของตนเองและของส่วนรวม ภูมิปัญญาท้องถิ่นจึงมีความสำคัญต่อคนในชุมชนเปน็ อย่างมาก โดยสําเนยี ง สร้อยนาคพงษ์ (2535) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแหง่ ชาติ (2545) และนิคม ชมพหู ลง (2548) ได้กล่าวถึงความสำคญั ของภมู ิปญั ญาท้องถิน่ ไวด้ ังน้ี
10 1. เปน็ เรื่องของการจดั ความสมั พันธ์ระหว่างคนกับคน คนกับธรรมชาติ คนกบั ส่ิงแวดลอ้ มคนกับ สิ่งเหนือธรรมชาติ 2. ภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นเรื่องที่สั่งสมมาตั้งแตอ่ ดีต เป็นการสะสมความรูจ้ ากประสบการณช์ ีวติ ของชาวบ้านเอง หรือจากการไดส้ ืบทอดต่อกันมาจากบรรพบุรุษ ภูมิปัญญาแต่ละดา้ นได้รับการเรยี นรู้มาเป็น ระยะเวลาอันยาวนาน มีการสังเกต ทดลองใช้ ปรับเปลี่ยน แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในการดำรงชีวิต ประจำวนั ในแตล่ ะท้องถ่ิน 3. จะถ่ายทอดโดยผ่านกระบวนการทางจารีต ประเพณี วถิ ชี วี ติ การทำมาหากินและ พธิ กี รรม ต่าง ๆ ใหเ้ กดิ ความสมดุล ระหว่างความสัมพนั ธ์ของสิง่ ต่าง ๆ เหล่าน้ัน 4. ทำใหเ้ กิดความสงบสขุ ทง้ั ในชุมชน หมบู่ ้าน หรือในส่วนตวั ของชาวบา้ นเอง 5. ทำให้คนในชุมชนพึ่งตนเองได้ ไม่ว่าจะเป็นทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม ประเพณี หรือ ภูมิปญั ญาของชมุ ชน ในการลดการพ่งึ ตนเองจากสังคมภายนอก 6. ถา้ คนในท้องถิ่นเขา้ มามสี ว่ นร่วมในการจัดการชมุ ชนของตนเองแล้ว จะทำให้คนในชมุ ชนน้ัน ทราบถึงความตอ้ งการของตนเอง และจะทำให้บุคคลเหล่านั้นเข้าใจตนเอง และเป็นการปลูกสาํ นึกในการรับรู้ ในคุณค่าของภมู ปิ ญั ญาไทย 7. นโยบายการศึกษา หลักสูตรได้เปิดโอกาสให้ทอ้ งถน่ิ เข้ามามีสว่ นรว่ ม ในการจดั ทำหลักสูตร ในการพัฒนาหลักสูตร โดยการนําภูมิปัญญาท้องถิ่น มาส่งเสริมการเรียนการสอน และพัฒนา เนื้อหาสาระ และกระบวนการเรียนรู้ ครอบคลมุ ความรทู้ ีเปน็ วิทยาการสมยั ใหม่ 8. ทำให้ผู้เรียนสามารถพัฒนา และนําเทคโนโลยีทีเหมาะสมมาใช้ ซึ่งเป็นการเชื่อมโยง การเรียนรู้ ภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ ด้วยการนําเอานวัตกรรมและเทคโนโลยี มาใช้เป็นการถ่ายโยงความรู้ เกีย่ วกับภูมปิ ญั ญาทอ้ งถิ่นกับความรสู้ มยั ใหม่ 9. ภูมิปัญญาท้องถิ่นเปน็ ส่ิงท่ีเกิดขึ้น และดำรงอยกู่ ับสงั คมมนุษย์มาช้านาน มีการเชื่อมโยงกัน ไปหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาชีพ เศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ การใช้จ่าย การศึกษา วัฒนธรรม ที่ได้สั่งสม และ ปฏบิ ตั ติ ่อกันมา ในการแกป้ ญั หาต่าง ๆ ซ่งึ สามารถมผี ลทำใหค้ ุณภาพชวี ติ ดีข้ึน 10. ภูมิปญั ญาทอ้ งถ่ิน เปน็ การเรยี นรจู้ ากคนรนุ่ หนึ่งไปสู่คนอกี ร่นุ หนึง่ ผ่านการถ่ายทอดแบบ ตา่ ง ๆ ทงั้ การแสวงหา หรือการค้นพบโดยกระบวนการค้นควา้ วิจัย การประดษิ ฐ์คดิ ค้น และทดลอง การสร้าง สมพัฒนาการ การถา่ ยทอด สบื ทอดทางการศกึ ษา และการพร่ำสอน เพื่อใชแ้ กป้ ญั หาและพฒั นาวิถีชีวิตของคน ใหส้ มดุล และเหมาะสมกับยุคสมัย 10. ภมู ปิ ญั ญาท้องถิน่ เป็นความรู้ ทีเ่ กิดจากประสบการณ์ในชวี ิตของคนเรา ทผ่ี า่ นกระบวนการ ศึกษา สงั เกต คิดวิเคราะห์จนเกิดปญั หา และตกผลึกมาเป็นองค์ความรู้ ทปี่ ระกอบขน้ึ มาจากความรเู้ ฉพาะ
11 หลาย ๆ เรื่อง โดยไมไ่ ดแ้ ยกยอ่ ยออกมา เปน็ ศาสตรเ์ ฉพาะสาขาวชิ า จึงจดั เป็นพื้นฐานขององค์ความรู้ สมัยใหม่ ทจี่ ะชว่ ยในการเรียนรู้ การแกป้ ัญหา การจัดการ การปรับตวั ในการดำเนนิ ชีวิต 11. ช่วยสร้างความสมดลุ ระหว่างมนุษย์กับสงั คม และสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติไดอ้ ย่างย่งั ยนื และชว่ ยปรบั เปลยี่ นวถิ ชี วี ิตคนไทยใหเ้ หมาะสมได้ตามยุคสมัย 12. ใช้ในการกำหนดแนวทางการทำงานของกลมุ่ บุคคล หรือเจ้าหนา้ ที่ของหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ให้ สอดคลอ้ ง และผสมกลมกลืนกบั วิถชี วี ิตของชาวบา้ น 13. ทำให้ผเู้ รียนรู้จกั ทอ้ งถน่ิ รักและภาคภมู ิใจในท้องถิน่ เป็นการเช่อื มโยงความรู้ระหว่างภูมิ ปัญญาท้องถน่ิ กบั ความรู้สมยั ใหม่ ประเภทของภูมิปญั ญาทอ้ งถน่ิ ภูมปิ ญั ญาท้องถน่ิ เป็นองคค์ วามรูท้ ีไ่ ด้รบั การสั่งสมมาจากประสบการณ์ จากความรู้ ความสามารถ ของคนในท้องถิ่น เพื่อประโยชน์ในการดำรงชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ และวิถีชีวิตของตนเอง ได้มี วกิ พิ ีเดีย (2562) สุมนทิพย์ บญุ สมบตั ิ (2553) และกอร์ปชยั ประทุมรัตน์ (2556) ได้แบ่งประเภทของภมู ปิ ัญญา ทอ้ งถนิ่ ไว้หลายประเภท ดงั น้ี 1. ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ ทีเ่ กยี่ วกบั ความเชอื่ และศาสนา ภูมิปัญญาประเภทนี้จะมลี ักษณะท่ีแตกต่าง กันไปในแต่ละท้องถิ่น เนื่องจากมพี ื้นฐานทางความเช่ือในศาสนาที่แตกต่างกัน สำหรับภูมิปัญญาท้องถ่นิ ของ ไทย เก่ียวกบั ความเชื่อทางพระพทุ ธศาสนาเปน็ หลกั นัน้ ได้มีส่วนสร้างสรรค์สังคม โดยการผสมผสานกับความ เชื่อดงั้ เดิม จนกลายเปน็ ลกั ษณะเฉพาะของแต่ละทอ้ งถน่ิ 2. ภูมิปัญญาท้องถิ่นทีเ่ ก่ียวกับขนบธณรมเนียมประเพณีและพิธีกรรม เนื่องจากประเพณีและ พิธีกรรม เป็นสิ่งที่ดีงามที่คนในท้องถิ่นสร้างขึ้นมา โดยเฉพาะเป็นการเพิ่มขวัญและกำลังใจคนในสังคม ภูมิ ปัญญาประเภทนี้ จึงมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตในสังคมเป็นอย่างมาก จะเห็นได้จากประเพณี และ พธิ กี รรมทสี่ ำคญั ในประเทศ ลว้ นเก่ยี วของกบั การดำเนนิ ชีวติ ของคนในสังคมแทบท้ังสิน้ 3. ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เกี่ยวกับ ศิลปะพื้นบ้าน เป็นการสร้างสรรค์งานศิลปะต่าง ๆ โดยการนำ ทรัพยากรที่มีอยู่มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน หลังจากนั้นได้สืบทอดโดยการพัฒนา อย่างไม่ขาดสาย กลายเป็นศลิ ปะทมี่ คี ุณคา่ เฉพาะถิ่น 4. ภมู ปิ ัญญาท้องถ่นิ ท่เี กยี่ วกบั อาหารและผกั พนื้ บ้าน นอกจากมนุษย์จะนำอาหารมาบริโภคเพื่อ การอยรู่ อดแลว้ มนุษยย์ งั ได้นําเทคนคิ การถนอมอาหาร และการปรงุ อาหารมาใช้เพอ่ื ให้ อาหารทม่ี ีมากเกนิ
12 ความต้องการ สามารถเก็บไว้บรโิ ภคได้เป็นเวลานาน ซึ่งถือว่าเปน็ ภูมิปัญญา อีกประเภทหนึ่งที่สำคัญต่อการ ดำรงชวี ติ นอกจากน้ียงั นำผักพื้นบา้ นชนดิ ต่าง ๆ มาบรโิ ภคอีกด้วย 5. ภูมิปัญญาทอ้ งถิ่นท่ีเกี่ยวกับการละเล่นพื้นบา้ น การละเล่นพ้ืนบา้ นถือว่าเป็นการผ่อนคลาย โดยเฉพาะในวัยเด็กซง่ึ ชอบความสนกุ สนาน เพลดิ เพลนิ ภูมิปัญญาทอ้ งถนิ่ ของไทย ส่วนใหญ่จะใชอ้ ุปกรณ์ใน การละเล่นท่ีประดษิ ฐ์มาจากธรรมชาติ ซึ่งแสดงให้เห็นวิถีชีวิตท่ีผกู พัน กับธรรมชาติและรู้จักปรับตัวให้เข้ากบั สภาพแวดล้อมอยา่ งกลมกลืน 6. ภูมิปัญญาทอ้ งถนิ่ ทีเ่ กี่ยวกบั ภาษา วรรณกรรม ศิลปวฒั นธรรม ซ่งึ เกิดจากการสรา้ งสรรค์ของ คนในแต่ละภาค ซึ่งจะเห็นได้จากหลักฐานท่ีเป็นร่องรอยของศิลปวัฒนธรรม ที่ปรากฏกระจายอยู่ทั่วไป เช่น สถาปัตยกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม เป็นต้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเทคนิคความคิด ความเชื่อของบรรพบุรษุ เป็นอย่างดี 7. ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เกี่ยวกับเพลงพื้นบ้าน ภูมิปัญญาประเภทน้ีส่วนมากแสดงออก ถึงความ สนุกสนาน และยังเป็นคตสิ อนใจสำหรับคนในสงั คม ซึ่งมีสว่ นแตกต่างกนั ออกไปตามโลกทัศน์ของคนในภาค ต่าง ๆ 8. ภูมิปัญญาท้องถ่ินที่เกี่ยวกบั สมนุ ไพรและตำรายาพื้นบา้ น ภูมิปัญญาประเภทน้ีเกิดจากการ ส่งั สมประสบการณข์ องคนในอดีต และถ่ายทอดให้กับคนรุ่นหลัง ถือวา่ มคี วามสำคัญเป็นอย่างมากเพราะถอื ว่า เป็น ปัจจัยสี่ซึง่ มีความจำเป็นสำหรับมนษุ ย์ หากได้รับการพฒั นาหรอื ส่งเสริม จะเป็นประโยชนท์ างเศรษฐกิจ และสังคมในอนาคตได้ 9. ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เก่ียวกับการประดษิ ฐกรรม เทคโนโลยีและสิ่งของเคร่ืองใช้ต่าง ๆ ที่เกิด จากภูมิปัญญาของคนไทยในแต่ละภาค ถือเป็นการประดิษฐกรรม และหัตถกรรม ซึ่งปัจจุบันไม่ได้รับความ สนใจ ในการพฒั นาและส่งเสริมภูมิปัญญาประเภทนีเ้ ท่าที่ควร หากมกี ารเรียนรู้และสืบทอดความคิดเก่ียวกับ การประดษิ ฐกรรมและหตั ถกรรมให้แก่เยาวชน จะเปน็ การรักษาภูมปิ ญั ญาของบรรพชนได้อีกทางหนงึ่ 10. ภมู ิปญั ญาทอ้ งถน่ิ ทเี่ กี่ยวกับการดำรงชวี ิตตามสภาพแวดลอ้ มทางธรรมชาติ เนอื่ งจากคนไทย มีอาชีพที่เกี่ยวกับเกษตรกรรม โดยเฉพาะการทำนา ทำไร่ จึงทำให้เกิดภูมิปัญญาที่เกี่ยวกับ ความเชื่อและ พธิ กี รรมในการดำรงชีวิต เพอ่ื แกป้ ัญหาหรืออ้อนวอน เพอ่ื ให้เกิดความอดุ มสมบรู ณใ์ นการเพาะปลูก และเพ่ือ เพิม่ ผลิตผลทางการเกษตร ดงั จะเหน็ ได้จากพิธีกรรมทีเ่ กย่ี วกบการเกษตรทั่วทกุ ภูมภิ าคของไทย
13 การสำรวจภมู ปิ ัญญาท้องถนิ่ วิกีพีเดีย สารานุกรมเสรี https://th.wikipedia.org/ การสำรวจ คือการค้นหาเพื่อบรรลุเป้าหมาย ของการคน้ พบหรือทรัพยากร การสำรวจเกิดข้นึ ในทุกสิ่งมชี วี ิตท่มี ีการเคล่ือนไหวรวมถึงมนษุ ย์ พจนานกรมฉบับเฉลิมพระเกียรติ (2530 : 535) ได้ใหความหมายของคำว่า สํารวจ หมายถึง ตรวจสอบ ตรวจคน การสำรวจภูมิปญั ญาท้องถน่ิ คอื การคน้ หา ภมู ิปัญญาท้องถน่ิ ท่มี อี ยู่ในท้องถิ่นนนั้ ๆ ข้ันตอนการสำรวจภูมิปญั ญาทอ้ งถ่ิน 1. เตรยี มตัวกอ่ นสำรวจขอ้ มูล ในดา้ นตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ ขอ้ มูล กลอ้ งถ่ายภาพ สมุดบนั ทึก ไม้บรรทัด ดินสอ เปน็ ต้น 2. กำหนดสถานที่สำรวจภูมิปญั ญาท้องถิ่น ควรเป็นท้องถิ่นท่ีนกั เรยี นอาศัยอยู่ หรือมีความคุ้นเคยกับ สถานท่นี ้นั ๆ เพ่อื สะดวกในการดำเนินการสำรวจภมู ิปัญญาทอ้ งถ่นิ 3. ติดต่อผ้นู ำในชมุ ชน ผู้รู้ ปราชญช์ าวบ้าน หรือ ผู้ชำนาญในท้องถน่ิ เพอื่ ให้ข้อมูลในการสำรวจ 4. ขณะสำรวจ ควรถา่ ยภาพ บันทึกวีดีโอ หรือเก็บตัวอยา่ ง เพอื่ นำมาวเิ คราะหส์ งั เคราะห์ การนำมาใช้ ประโยชน์ และส่วนทไี่ ม่สามารถนำมาใชป้ ระโยชน์ได้หรอื สว่ นที่เป็นพษิ เป็นต้น 5. บันทึกรายละเอยี ดต่างๆท่พี บ และขอ้ มลู ท่ีได้จากผ้รู ู้ หรือปราชญ์ชาวบ้าน ขั้นตอนการวิเคราะห์ภมู ิปญั ญาท้องถน่ิ เพื่อทำโครงงานอาชีพ การวเิ คราะห์ หมายถงึ ขั้นตอนการดำเนินการวเิ คราะหข์ ้อมลู ภมู ิปญั ญาทอ้ งถนิ่ เพื่อทำโครงงานอาชพี 1. นำภูมปิ ัญญาทอ้ งถิ่นทไี่ ด้จากการสำรวจ มารว่ มวเิ คราะห์ข้อมูลภูมิปัญญาทอ้ งถ่ิน ในหัวขอ้ ตา่ งๆ เช่น ลกั ษณะภูมปิ ญั ญาท้องเป็นอยา่ งไร วัสดุหลักที่ใช้ทำภูมิปัญญาท้องถน่ิ ได้แก่อะไร
14 2. จากนน้ั ให้นำประเด็นของวสั ดหุ ลกั ของภูมิปัญญาทอ้ งถนิ่ มาวิเคราะหต์ ่อไป เป็นชนดิ อะไร พชื หรอื สัตว์ มีลักษณะอย่างไร มีสรรพคณุ หรอื การใช้ประโยชนส์ ่วนใดบ้าง พบในชว่ งฤดูกาลใด แหล่งพบอยู่ที่ไหน 3. เมื่อทราบข้อมูลของวสั ดุหลกั ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ แลว้ ทำการสงั เคราะห์โดยการนำวสั ดหุ ลกั อาจจะเป็นพชื หรอื สตั ว์มากำหนดเปน็ ผลิตภัณฑ์ในการทำโครงงานอาชพี ตัวอย่างการวิเคราะหภ์ ูมิปัญญาทอ้ งถ่นิ ตัวอย่าง ช่อื ภูมิปญั ญาท้องถ่นิ รักษาโรคเริมด้วยดอกระกำตวั ผู้ ผลการวิเคราะห์ วสั ดุหลกั ดอกระกำ (ระกำ) ลกั ษณะ ระกำ เป็นพืชตระกลู ปาลม์ เป็นผลไมช้ นดิ เดยี วกนั กับสละ ตน้ เปน็ เหง้าทรงพุม่ เตีย้ ก้านใบ มีหนามแข็งยาวแหลมคม ใบมีลักษณะทรงรียาว ดอกออกเป็นช่อ ดอกมีแดง ผลมีลักษณะทรงกลมรี ผิว เปลอื กแขง็ ขรุขระ มีขนส้ันแขง็ คล้ายหนามเล็กๆ ปกคลมุ ท่ัวผล เมื่อผลสุกจะเปลยี่ นเปน็ สแี ดงอมส้ม ภายใน ผลจะมีเน้อื เปน็ กลบี เนอ้ื นมุ่ ฉำ่ นำ้ มีสีเหลอื งอมส้ม สรรพคุณ ช่วยบรรเทาอาการกระหายน้ำ ช่วยทำให้เจริญอาหาร ผลระกำใช้รับประทานเป็นยา รักษาอาการไอ ช่วยรกั ษาอาการไข้สำประชวร ใช้เปน็ ยาขบั เสมหะ ชว่ ยรักษาเลอื ด รักษากำเดา ช่วยใน การยอ่ ยอาหาร บรรเทาอาการอกั เสบ ประโยชน์ นำมาปรงุ รสเปร้ียวในอาหารได้ อยา่ งเช่น ตม้ ยำ, ต้มส้ม, น้ำพรกิ , ขา้ วยำ เป็นต้น 1. ใช้รับประทานเป็นผลไม้สดหรือทำเป็นของหวานได้ เช่น ระกำลอยแก้ว น้ำระกำ ระกำแช่อิ่ม เป็นต้น ผิว ของระกำนำมาสกัดเปน็ น้ำมันระกำ ไม้ของต้นระกำเมือ่ ลิดเอาหนามออกหมดสามารถนำมาใช้กั้นทำเปน็ ฝาบ้านได้ เม่ือปอกเปลือกของไม้ระกำออก เนื้อไม้ของระกำออ่ นนมุ่ มีความหยนุ่ สามารถนำมาใช้ทำเป็น จุกขวดน้ำ ทำของเลน่ เดก็ เนือ่ งจากลอยนำ้ ได้ และใช้เปน็ เคร่อื งประกอบดอกไม้ การสงั เคราะหข์ อ้ มลู เพ่ือนำมาทำผลิตภัณฑ์โครงงานอาชำ ดอก ต้ังสมมุติฐาน นาจะทำเป็นยาหม่องได้ เนือ่ งจากลดอาการอักเสบได้ ผลมีรสเปรียว ตง้ั สมมุติฐานวา่ นา่ จะทำไวนไ์ ด้ เน่ืองจากเปน็ ผลไมท้ ีม่ ีรสเปรี้ยว มีกลิ่นเปน็ เอกลกั ษณ์ หรือนา่ จะทำเป็นเครอ่ื งดืม่ พร้อมชงได้ เนอ่ื งจากรสชาตทิ ำนำ้ ผลไมไ้ ด้ เป็นตน้ ไมร้ ะกำ ตงั้ สมมุตฐิ าน ทำงานประดษิ ฐ์ได้ เพอ่ื จากเปน็ ไม้เนื้ออ่อน เป็นต้น
15 ตวั อย่างภมู ปิ ัญญาท้องถน่ิ ในจงั หวัดพังงาทนี่ ำพืชพรรณมาเปน็ อาหาร มะตาด ทเุ รยี นสารกิ า สม้ ไฟช้าง ทำมงั ขา้ วดอกข่า ลูกมะเด่ือ มะไฟกา ตะลิงปลิง ส้มมุด ลูกปยุ หนอ่ ปดุ
16 ส้มพี จาก ลกู ชก ลูกชำ ระกำ กอ มะกรูด มะนาว มะเม่า หยี มะมว่ งหมิ พานต์ ส้มควาย มะกอกป่า เตยหอม กลว้ ย
17 ตวั อยา่ งภูมิปญั ญาท้องถนิ่ ในจังหวัดพังงาท่ีเป็นสมุนไพรรกั ษาโรค มะตาด ไพร ขม้ิน ดีปลี ดอกระกำ ลูกชำ ระกำ กอ มะกรูด มะนาว มะเมา่
18 กจิ กรรมที่ 1 เร่ือง การวางแผนสำรวจภมู ปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ จังหวัดพังงา คำชีแ้ จง ใหน้ ักเรยี น แต่ละกลมุ่ วางแผนการสำรวจภมู ิปัญญาทอ้ งถ่ินในจังหวดั พังงาเพ่ือนำมาทำโครงงาน อาชีพ และนักเรยี นทำการสำรวจภูมิปัญญาท้องถิ่นโดยบันทึกเปน็ วีดโี อและบนั ทึกตามใบงาน ดังนี้ ชอ่ื สมาชิก ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ จุดทีส่ ำรวจ ช่ือชมุ ชน ................................................................................................................... ชื่อผูใ้ ห้ข้อมลู .............................................................................................อาย.ุ ........ปี ประกอบอาชีพ............................................................................................................. บ้านเลขท่ี ........... หมทู่ .่ี ........... ตำบล.................................อำเภอ................................ จังหวดั ............. แนวทางการสำรวจ 1.แนวทางการสอบถามภมู ิปัญญาทอ้ งถิ่น (เลอื ก 1-2 รายการท่สี นใจ) ภมู ิปญั ญาทอ้ งถ่นิ ดา้ นการเกษตร มอี ะไรบา้ ง ทำอย่างไร ภูมิปัญญาทอ้ งถน่ิ ด้านอาหาร มอี ะไรบ้าง ทำอย่างไร ภูมปิ ญั ญาท้องถ่ินดา้ นการรกั ษาโรค มีอะไรบา้ ง ทำอยา่ งไร ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ เกย่ี วกับเคร่ืองมือเครอื่ งใช้ มอี ะไรบ้าง ทำอยา่ งไร ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ เกี่ยวกับของเล่น มอี ะไรบ้าง ทำอยา่ งไร เคร่อื งมืออุปกรณ์ทต่ี ้องเตรยี ม ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................
19 กจิ กรรมที่ 2 เรอ่ื ง การสำรวจภูมิปัญญาท้องถนิ่ จงั หวัดพังงา คำช้แี จง ให้นกั เรยี นสำรวจภูมปิ ญั ญาในท้องถน่ิ ตามแผนทน่ี ักเรยี นวางไว้ ทสี่ ามารถนำมาใช้ประโยชนใ์ นด้าน ต่าง ๆ หรือทำโครงงานอาชพี พร้อมบนั ทึกภาพ และวดี ีโอ ตัวอย่าง ช่อื ภูมิปญั ญาทอ้ งถน่ิ รกั ษาโรคเริมด้วยดอกระกำผู้ วสั ดุท่ีใช้ ไดแ้ ก่ ระกำผู้ วิธกี ารทำ นำดอกระกำผู้มาเคีย้ วใหล้ ะเอียดแล้วพน่ ใสบ่ รเิ วณบาดแผล ชอื่ ผใู้ หข้ ้อมลู นาย ก ชื่อสมาชิก ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ท่ี ชอ่ื ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถิ่น วสั ดุท่ใี ช้ วธิ ีการทำ ผู้ให้ข้อมลู 1 ........................................ ............................................................ ชือ่ ........................... ........................................ ........................................ ............................................................ สกลุ ........................ ........................................ ........................................ ............................................................ ทอ่ี ยู่....................... ....................................... ........................................ ............................................................ ................................ ........................................ ............................................................ ................................. 2 ........................................ ............................................................ ช่ือ........................... ........................................ ............................................................ สกลุ ........................ ........................................ ........................................ ............................................................ ทีอ่ ย่.ู ...................... ........................................ ........................................ ............................................................ ................................ ....................................... ........................................ ............................................................ ................................. ........................................ ............................................................ ชื่อ........................... 3 ........................................ ............................................................ สกุล........................ ........................................ ............................................................ ทอี่ ยู.่ ...................... ........................................ ........................................ ............................................................ ................................ ........................................ ........................................ ............................................................ ................................. .......................................
20 ตอ่ ท่ี ช่ือภมู ปิ ัญญาท้องถ่นิ วัสดุที่ใช้ วธิ กี ารทำ ผใู้ หข้ อ้ มลู 4 ........................................ ............................................................ ชื่อ........................... ........................................ ........................................ ............................................................ สกุล........................ ........................................ ........................................ ............................................................ ทีอ่ ย่.ู ...................... ....................................... ........................................ ............................................................ ................................ ........................................ ............................................................ ................................. 5 ........................................ ............................................................ ช่อื ........................... ........................................ ........................................ ............................................................ สกุล........................ ........................................ ........................................ ............................................................ ท่ีอยู่....................... ....................................... ........................................ ............................................................ ................................ ........................................ ............................................................ ................................. 6 ........................................ ............................................................ ชอื่ ........................... ........................................ ........................................ ............................................................ สกุล........................ ........................................ ........................................ ............................................................ ท่อี ย.ู่ ...................... ....................................... ........................................ ............................................................ ................................ ........................................ ............................................................ ................................. 7 ........................................ ............................................................ ชื่อ........................... ........................................ ........................................ ............................................................ สกลุ ........................ ........................................ ........................................ ............................................................ ทอี่ ย.ู่ ...................... ....................................... ........................................ ............................................................ ................................ ........................................ ............................................................ ................................. 8 ........................................ ............................................................ ช่อื ........................... ........................................ ........................................ ............................................................ สกลุ ........................ ........................................ ........................................ ............................................................ ที่อย่.ู ...................... ....................................... ........................................ ............................................................ ................................ ........................................ ............................................................ ................................. 9 ........................................ ............................................................ ช่อื ........................... ........................................ ........................................ ............................................................ สกลุ ........................ ........................................ ........................................ ............................................................ ที่อย.ู่ ...................... ....................................... ........................................ ............................................................ ................................ ........................................ ............................................................ .................................
21 กจิ กรรมท่ี 3 เรื่อง การวเิ คราะห์ภมู ปิ ัญญาท้องถ่ิน ชื่อ............................................................... นามสกลุ ..................................................ช้นั ..............เลขท.่ี ........... คำสง่ั ใหน้ ักเรียนเลือกศึกษาภูมิปัญญาท้องถน่ิ ทนี่ กั เรยี นสนใจ มาวเิ คราะห์เพอื่ ใช้เป็นแนวทางการทำโครงงาน อาชพี ต่อไป ตัวอยา่ ง ชอ่ื ภมู ปิ ญั ญาท้องถนิ่ รกั ษาโรคเรมิ ดว้ ยดอกระกำผู้ วสั ดุ ดอกระกำผู้ (ระกำ) มลี กั ษณะอยา่ งไร ทำอะไรได้บ้าง มสี รรพคุณอย่างไร พบทีไ่ หนบา้ ง ลักษณะ.(ผล/เน้อื ) ................................ สรรพคุณ/การใชป้ ระโยชน์ .............................................................. ............................................................................................ .............................................................. ............................................................................................ .............................................................. ............................................................................................ ลกั ษณะ (ใบ/ขน) ................................. ............................................................................................ .............................................................. ........................................................................................... .............................................................. ............................................................................................ .............................................................. ชอ่ื พชื /สัตว์ พบในช่วงเดือน ลักษณะ (ดอก/หนงั ) ............................ .......................... ......................................... .............................................................. ......................................... .............................................................. .... ......................................... .............................................................. ลักษณะ (ราก/ตน้ /เกล็ด) ..................... แหล่งท่ีพบท่ีสามารถนำมาทำโครงงานอาชีพ .............................................................. ............................................................................................... .............................................................. ............................................................................................... ..............................................................
22 กจิ กรรมที่ 4 เรือ่ ง การสงั เคราะห์ภูมิปัญญาทอ้ งถิน่ กับการทำโครงงานอาชีพ ช่ือ........................................................นามสกุล...................................................... ชั้น................เลขท่ี.............. คำสง่ั ให้นักเรียนภูมิปญั ญาทอ้ งถิ่น (ผลท่ีได้จากการวเิ คราะห์ เป็นวัสดุ ได้แก่ พชื หรือสัตว์) ทีไ่ ด้จากการสำรวจ มาสงั เคราะห์ เป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ชือ่ พืช/สัตว์.................................................................................................... สว่ นของพืช/สตั ว์ สมมตุ ฐิ าน การทำผลติ ภัณฑ์ เหตผุ ลสนับสนนุ การทำผลิตภณั ฑ์ น่าจะ........................................ เพราะ......................................... นา่ จะ........................................ เพราะ......................................... นา่ จะ........................................ เพราะ......................................... น่าจะ........................................ เพราะ......................................... น่าจะ........................................ เพราะ......................................... นา่ จะ........................................ เพราะ......................................... สรปุ เลอื กทำโครงงาน (ระบ)ุ ................................................................................................................................... ผลติ ภัณฑช์ นิ้ งานท่ี 1............................................................................................................................................. ผลติ ภัณฑช์ ิน้ งานท่ี 2............................................................................................................................................. วัสดุหลกั ทีใ่ ช้ ไดแ้ ก่ ................................................................................................................................................
23 ประเมินหลงั เรยี น เรอ่ื งสำรวจวเิ คราะหภ์ ูมปิ ญั ญาท้องถน่ิ ให้นกั เรียนทำเครอ่ื งหมาย หนา้ ขอ้ ทถ่ี กู ที่สุดเพียงขอ้ เดยี ว 1.ทำไมนกั เรยี นตอ้ งสำรวจพชื พรรณในท้องถ่นิ กอ่ นทำโครงงานอาชีพ ก. เพ่ือรวู้ า่ มีพชื อะไรบ้างท่สี ามารถนำมาทำโครงงานอาชพี ได้ ข. เพ่ืออนุรกั ษ์พชื พรรณในทอ้ งถน่ิ ค. เพื่อรวบรวมพนั ธพ์ุ ชื ง. เพอื่ รจู้ กั ชนิดของพชื 2.ขอ้ ใดไม่ใช่ประโยชน์ของพืชพรรณในทอ้ งถิ่น ก. เปน็ พืชสรา้ งรายได้ใหก้ บั ประเทศ ข. เปน็ พืชสมนุ ไพร ค. เป็นพชื เศรษฐกิจ ง. เป็นอาหาร 3.ข้อใดเป็นการสำรวจพชื พรรณในท้องถ่ิน ก. การศกึ ษาชนิดของพชื ในหนงั สอื บรรณานุกรมพันธ์พุ ชื ข. การศกึ ษาลักษณะของพืชทางอนิ เทอร์เนต็ ค. การคน้ หาชนิดของพืชในทอ้ งถ่นิ ง. ถกู ทกุ ขอ้ 4. บริเวณบ้านนกั เรียน ปลูกพืชผักสวนครัว ได้แก่ ตะไคร้ มะกรูด ข่า ขิง ผักเหลียง ผักหวาน ขุดบ่อเลี้ยงปลา นิล บนบอ่ ปลาเล้ียงไก่ เลี้ยงเป็ด เพื่อเกบ็ ไข่เปน็ อาหาร ปา่ ชมุ ชนมพี ชื ท่สี ามารถเกบ็ มาใชป้ ระโยชนห์ ลายอย่าง เช่น ผักกูด หัวไพร กระทือ กระถิน เป็นต้น นักเรียนควรทำโครงงานอาชีพเกี่ยวกับเรื่องใด เพราะอะไรท่เี ป็น โครงงานสร้างสรรค์ ก. ผกั แผ่น เพราะเป็นโครงงานที่ยังไมม่ ีใครทำ ข. แชมพูมะกรูด เพราะวัตถุดิบมใี นชุมชน ค. น้ำพริกตะไคร้ เพราะสามารถขายได้ ง. ไขเ่ คม็ เพราะมไี ขเ่ ปด็ ที่เลีย้ งไว้
24 อา่ นขอ้ ความตอ่ ไปน้ีแล้วตอบคำถามขอ้ ที่ 5 1. เตรียมกล้องถา่ ยภาพ สมุดบันทึก ดินสอ เขม็ ทิศ 2. บันทกึ รายละเอียดทพี่ บ 3. ถ่ายภาพ เก็บตัวอย่างพชื 4. ตดิ ตอ่ ผู้รู้ ผู้นำ ผู้เก่ียวข้องในหมู่บา้ น 5. กำหนดสถานาทีส่ ำรวจ 5.ขอ้ ใดเปน็ ขน้ั ตอนการสำรวจพชื พรรณในท้องถิน่ ก. 1-5-4-2-3 ข. 1-4-5-2-3 ค. 1-5-4-3-2 ง. 1-4-5-3-2
25 คำเฉลย เรือ่ งการสำรวจวเิ คราะห์พชื พรรณในท้องถิน่ ข้อท่ี 1 ก. เพอ่ื รวู้ า่ มีพืชอะไรบ้างทีส่ ามารถนำมาทำโครงงานอาชพี ได้ ขอ้ ท่ี 2 ก. เป็นพืชสรา้ งรายไดใ้ ห้กับประเทศ ขอ้ ที่ 3 ค. การคน้ หาชนดิ ของพืชในท้องถนิ่ ข้อท่ี 4 ก. ผักแผ่น เพราะเปน็ โครงงานท่ยี ังไม่มีใครทำ ข้อที่ 5 ค. 1-5-4-3-2
26 เอกสารอ้างองิ การศึกษาค้นคว้า (ออนไลน์) จาก http://www.nrw.ac.th/ เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2564. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ออนไลน์) จาก https://www.trueplookpanya.com/ เขา้ ถึงข้อมลู เมือ่ วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2564. ดารุณี ประพันธ์ ความรู้เกี่ยวกับโครงงาน (ออนไลน์) จาก http://www.jokedarune.com/ สืบค้นข้อมูล เมอ่ื วนั ท่ี 3 สงิ หาคม พ.ศ. 2564. วิธกี ารสำรวจ (ออนไลน)์ จาก https://www.ar.co.th/ สบื คน้ ข้อมลู เมอื่ วนั ท่ี 28 กรกฎาคม พ.ศ.2564.
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: