Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เล่ม 2 สืบเสาะแสวงหาความรู้

เล่ม 2 สืบเสาะแสวงหาความรู้

Published by ดวงรัตน์ กวดกิจการ, 2022-08-15 14:59:58

Description: เล่ม 2 สืบเสาะแสวงหาความรู้

Search

Read the Text Version

คำนำ เอกสารประกอบการเรียน วิชา การงานอาชพี 5 (ง33101) เรื่อง สร้างสรรค์โครงงานอาชีพ ระดับช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 6 เล่มน้ีจัดทำข้ึนโดยมวี ัตถปุ ระสงค์เพื่อใช้เป็นส่ือประกอบการเรียนของผู้เรียน ตามหลักสูตร มธั ยมศึกษาตอนปลาย พทุ ธศักราช 2551 ของกระทรวงศึกษาธิการ โดยนำมาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชี้วัด มา วิเคราะห์จัดทำคำอธิบายรายวิชา จุดประสงค์การเรียนรู้และขอบข่ายเนื้อหา เอกสารประกอบการเรียนเล่มนี้ ได้เรียงลำดับเนื้อหาไปตามลำดับขั้นตอนการเรียนรู้จากง่ายไปหายาก นำภาพมาประกอบให้ผู้เรยี นเกิดความ สนใจ เข้าใจเนือ้ หาไดง้ ่ายขึ้น เพอื่ ใหเ้ หมาะสมกบั การเรียนรู้ของผู้เรียน ในขณะเดียวกนั ยังสามารถนำความรู้ที่ ได้รบั จากเอกสารประกอบการเรยี นเลม่ นีไ้ ปใช้เป็นแนวทางในการประกอบอาชพี ตอ่ ไปในอนาคต เอกสารประกอบการเรียน วิชา การงานอาชีพ5 (ง 33101) เรื่อง สร้างสรรค์โครงงานอาชีพ เล่มน้ี ประกอบด้วยเนอื้ หา จำนวน 5 เรอ่ื ง ดังนี้ 1. สำรวจวิเคราะหพ์ ืชพรรณในทอ้ งถน่ิ 2. สืบเสาะแสวงหาข้อมลู 3. ปฏิบัติการทำโครงงานอาชพี 4. การจำหน่ายผลิตภณั ฑ์ 5. การรายงานโครงงานอาชีพ ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิง่ ว่าเอกสารประกอบการเรียนฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ตอ่ ผู้สนใจ ในการศึกษา ค้นคว้าเป็นอย่างดี ดวงรัตน์ กวดกิจการ ครู โรงเรียนสตรพี ังงา

สารบัญ หน้า 1 เรื่อง 2 คำชีแ้ จงการใชเ้ อกสารประกอบการเรยี น……………………………………………………………… 3 Flowchart การเรียนร้ดู ้วยเอกสารประกอบการเรยี น เรือ่ งโครงงานอาชีพ ………………. 4 การจัดชั้นเรยี น ………………………………………………………………………………………………… 4 มาตรฐานการเรียนรู้ …………………………………………………………………………………………. 5 ตวั ชีว้ ดั ……………………………………………………………………………………………………………. 7 สาระการเรยี น ………………………………………………………………………………………………….. 9 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………….. 22 ประเมินกอ่ นเรยี น …………………………………………………………………….………………………. 28 ใบความรู้ท่ี 1เรอ่ื งการสำรวจวเิ คราะห์พืชพรรณในท้องถน่ิ …………………………….………. 31 ใบความรทู้ ี่ 2 เรอื่ งการสบื เสาะแสวงหาข้อมูล …………………………………………….………. 36 ใบความรู้ที่ 3 เรื่องการวางแผนการทำโครงงานอาชีพ ……………………..………….………. 51 ใบความรู้ท่ี 4 เรือ่ งการปฏบิ ตั โิ ครงงานอาชีพ ……………………………………………….………. 61 ใบความรทู้ ่ี 5 เรือ่ งการจำหนา่ ยผลิตภัณฑ์โครงงานอาชพี …………………..………….………. 67 ใบความรูท้ ี่ 6 เรอ่ื งการเขียนรายงานโครงงานอาชพี ……………………….…………….………. 68 ใบกจิ กรรมที่ 1เรอื่ งการสำรวจพชื พรรณในท้องถิ่น …………………………….…………….…… 69 ใบกิจกรรมที่ 2 เรอ่ื งการวิเคราะห์พืชพรรณในทอ้ งถ่ิน …………………………..………….…… 70 ใบกจิ กรรมท่ี 3 เรอื่ งการศึกษาพืชพรรณมาใชป้ ระโยชน์………………………………….….…… 71 ใบกจิ กรรมท่ี 4 เร่ืองบนั ทกึ การสบื เสาะแสวงหาข้อมูล ………………..…………………….…… 75 ใบกจิ กรรมท่ี 5 เรอ่ื งการวางแผนการทำโครงงานอาชพี …………………………..……….…… 77 ใบกิจกรรมท่ี 6 เรอ่ื งการบันทกึ ผลการปฏบิ ตั ิงาน ………………………………….………….…… 78 ใบกิจกรรมที่ 7 เร่ืองการบรรจภุ ณั ฑ์ ………………………………………..…………………….…… 79 ใบกจิ กรรมที่ 8 เรื่องการออกแบบฉลาก ………………………………………………………….…… 80 ใบกจิ กรรมท่ี 9 เรอ่ื งการกำหนดราคาจำหนา่ ย ………………………………………….,…….…… 81 ใบกจิ กรรมท่ี 10 เร่อื งการจำหน่าย ……………………………………………..………………….…… 82 ใบกจิ กรรมที่ 11 เรอื่ งการบันทกึ รายรับรายจา่ ย ……………………………………………….…… 83 ใบกจิ กรรมที่ 12 เรอื่ งการเขยี นรายงานโครงงาน ………………………………….………….…… 102 ประเมนิ หลังเรยี น……………………………………………..……………………………………………….. เอกสารอ้างอิง …………………………………………………………………………………………………..

1 คำช้ีแจงการใช้ เอกสารประกอบการเรียน เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาการงานอาชีพ (ง33101) เรื่อง สร้างสรรค์โครงงานอาชีพ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 6 จดั ทำขึ้นเพื่อใช้ประกอบการเรียนการสอน นกั เรยี นเป็นผมู้ บี ทบาททสี่ ำคัญ ฉะน้ันนกั เรียน ทุกคนต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด จึงทำให้กระบวนการเรียนรูเ้ ปน็ ไปอย่างมปี ระสิทธิภาพ และนักเรียนปฏิบตั ิ ตามขัน้ ตอน ดงั นี้ 1. นักเรยี นอ่านคำชีแ้ จงใหเ้ ข้าใจ 2. นกั เรียนต้องมคี วามรับผิดชอบ ตรงตอ่ เวลาในการเรยี น และการทำกิจกรรมตา่ ง ๆ 3. ศึกษาเอกสารประกอบการเรียนแต่ละเรอ่ื งตามลำดับข้นั ตอน 4. นักเรียนสามารถปรกึ ษาหารือ และช่วยเหลือเพือ่ นซึ่งกันและกันได้ตลอดเวลาที่ศกึ ษา และการทำ กิจกรรม 5. ขณะเรียนหรือทำกจิ กรรมหากนกั เรียนเม่อื ยล้า ใหน้ กั เรียนหยุดพกั แล้วคอ่ ยศึกษา หรอื ทำกิจกรรม ต่าง ๆ 6. นักเรียนเลอื กกลุ่มปฏิบัตกิ จิ กรรมด้วยความอิสระ กล่มุ ละ 3-5 คน 7. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มเตรียมวัสดอุ ปุ กรณ์ตา่ งๆ ก่อนปฏิบตั กิ จิ กรรมตามคำช้แี จง ด้วยตนเองให้พร้อม ก่อนปฏิบตั ิกิจกรรมทกุ คร้ัง 8. นกั เรียนปฏบิ ตั ิกิจกรรมด้วยตนเอง ด้วยความตัง้ ใจ ระมัดระวัง และรอบคอบ 9. หลังปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ เสร็จแล้ว นักเรียนต้องทำความสะอาดเครื่องมืออุปกรณ์ ให้สะอาด เรยี บร้อยกอ่ นเกบ็ เขา้ ที่ทกุ คร้ัง 10. เมื่อนักเรียนปฏิบัติกิจกรรมฝึกปฏิบัติเสร็จแล้ว ให้นักเรียนบันทึกผลการปฏิบัติงานตามลำดับ ขัน้ ตอน วิเคราะห์ผลท่ีไดจ้ ากการศึกษา และเสนอปัญหาแนวทางการแก้ปญั หาทกุ ครั้ง 11. ให้นักเรียนประเมินคุณภาพผลงานของนักเรียนด้วยตนเองด้วยความถูกต้อง และยุติธรรม เม่ือ นกั เรียนประเมินตนเองเสรจ็ แลว้ ให้นักเรยี นนำผลงานของนักเรียนให้เพอื่ น และครูร่วมประเมนิ นกั เรยี นทุกคร้งั

2 Flowchart การเรียนรู้เอกสารประกอบการเรยี น ศกึ ษาบทบาท หน้าทข่ี องครู และนักเรียน/ ตง้ั จดุ ประสงค์การเรียนรู้รว่ มกัน วิเคราะหผ์ เู้ รยี นเปน็ รายบุคคล ออกแบบชั้นเรยี น ( Classroom Layout ) ประเมินกอ่ นเรียน ศกึ ษา เอกสารประกอบการเรียน เร่อื ง สรา้ งสรรค์โครงงานอาชพี ปฏบิ ัติกิจกรรม สรุปผลการปฏิบัตงิ าน ปรบั ปรุง/ พัฒนา ประเมินคณุ ภาพผลงานโดยตวั นักเรียน เพอื่ น และครู ไม่ผา่ น ประเมินหลงั เรยี น ผ่าน สรุปผลการเรียน

3 การจดั ชัน้ เรียน การจัดกระบวนการเรียนรู้ มุ่งให้นักเรียนแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ตามความแตกต่างของแต่ละ บุคคลนั้น การจัดชั้นเรียนเป็นสว่ นสำคัญอีกประการหนึง่ ที่ทำให้กระบวนการเรยี นรู้บรรลุผลตามจุดประสงค์ ซ่งึ หลกั ในการจดั ช้นั เรยี น มีดังนี้ 1. จัดช้ันเรยี นในหอ้ งเรยี นให้นกั เรียนน่งั เปน็ กลมุ่ ๆ ละ 3–5 คน 2. แต่ละกลุ่มจะตอ้ งคละนกั เรยี น โดยใหม้ ีนกั เรยี นเกง่ 1-2 คน ปานกลาง 1-3 คน และออ่ น 1-2 คน เพื่อต้องการให้นักเรียนมปี ฏิสัมพันธร์ ่วมปรึกษาหารือ และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในกลุ่มที่นัง่ ในขณะเรียน หรอื ทำกจิ กรรม 3. การจัดกลุ่มใหน้ ักเรยี นนงั่ ทกุ กลมุ่ ครผู ้สู อนจะต้องมองเหน็ พฤติกรรมนกั เรียนไดท้ ุกคน 4. การจดั ชั้นเรียน ตอ้ งมีแสงสว่างอยา่ งเพียงพอ 5. การจัดชั้นเรียนต้องมีบรรยากาศที่ดี ไม่มีเสียงรบกวน ไม่อบอ้าวหรือร้อน รบกวนสมาธิของ นักเรยี น

4 มาตรฐานและตัวชว้ี ัด มาตรฐานการเรียนรู้ ง 1.1 เข้าใจการทำงาน มีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะกระบวนการทำงาน ทักษะการจัดการทักษะ กระบวนการแกป้ ญั หา ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน และทกั ษะการแสวงหาความรู้ มีคุณธรรม และลกั ษณะนิสัยใน การทำงาน มจี ิตสำนึกในการใช้พลังงาน ทรพั ยากรและสง่ิ แวดลอ้ ม เพือ่ การดำรงชีวติ และครอบครัว ง 2.1 เขา้ ใจ มที กั ษะทีจ่ ำเป็น มปี ระสบการณ์ เห็นแนวทางในงานอาชีพ ใช้เทคโนโลยเี พื่อพัฒนาอาชีพ มีคณุ ธรรม และมเี จตคตทิ ีด่ ีต่ออาชีพ ตัวชวี้ ัด ง 1.1 ม.4-6/2 สร้างผลงานอยา่ งมคี วามคิดสรา้ งสรรค์ และมที ักษะในการทำงานรว่ มกนั ง 1.1 ม.4-6/3 มีทกั ษะการจดั การในการทำงาน ง 1.1 ม.4-6/4 มีทกั ษะกระบวนการแกป้ ัญหาในการทำงาน ง 1.1 ม.4-6/5 มที กั ษะในการแสวงหาความรเู้ พ่ือการดำรงชีวิต ง 1.1 ม.4-6/6 มีคณุ ธรรมและลักษณะนสิ ยั ในการทำงาน ง 2.1 ม.4-6/1 อภปิ รายแนวทางเข้าส่อู าชีพที่สนใจ ง 2.1 ม.4-6/3 มีประสบการณ์ในอาชพี ทถ่ี นัดและสนใจ ง 2.1 ม.4-6/4 มีคณุ ลักษณะทด่ี ีต่ออาชีพ

5 สาระการเรยี นรู้ และจุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ 1 การศกึ ษาหาความร้จู ากแหลง่ ข้อมูล 2 วิธกี ารศกึ ษาค้นควา้ 3 แหล่งข้อมลู 4 การเก็บรวบรวมข้อมูล 5 ประโยชน์ของขอ้ มูล 6 ลกั ษณะของขอ้ มูลที่ดี จุดประสงค์การเรียนรู้ 1 สืบค้นหาความรจู้ ากแหล่งขอ้ มูลได้ 2 บอกวิธกี ารศกึ ษาคน้ คว้าได้ 3 รจู้ ักสบื คน้ แหล่งขอ้ มลู ต่างๆได้ 4 รวบรวมข้อมูลได้ 5 เห็นประโยชนข์ องขอ้ มูลได้ 6 อธบิ ายลักษณะของขอ้ มูลทด่ี ีได้

6 ประเมนิ กอ่ นเรียน เรอื่ ง การสบื เสาะแสวงหาขอ้ มลู ใหน้ กั เรยี นทำเครือ่ งหมาย หนา้ ขอ้ ที่ถกู ท่ีสดุ เพียงขอ้ เดยี ว 1. ข้อใดคือข้อมลู ก. ขอ้ ความทมี่ ีการพูดตอ่ ๆกนั ข. ขอ้ เท็จจรงิ ท่ีเชื่อถือได้ ค. คำพดู ของครอู าจารย์ ง. ถูกทุกขอ้ 2. ขอ้ ใดเปน็ แนวทางการศกึ ษาขอ้ มูลในการทำโครงงานอาชพี ก. การกำหนดหัวขอ้ ยอ่ ยในการศกึ ษา ข. การกำหนดแหลง่ ขอ้ มูลทีศ่ ึกษา ค. การศกึ ษาโครงงานของรนุ่ พ่ี ง. ถกู ทุกข้อ 3. ขอ้ ใดเปน็ แหล่งขอ้ มูลปฐมภูมิ ก. การสมั ภาษณ์สถานประกอบการ ข. การศกึ ษางานวจิ ยั ของนักวชิ าการ ค. การอา่ นบทความทางวชิ าการ ง. การสบื ค้นข้อมลู จากห้องสมุด 4. นกั เรียนต้องการขอ้ มลู “วธิ กี ารแปรรูปขิง” ควรเลอื กข้อมลู ชนิดใดเพราะอะไร ก. ปฐมภมู ิ เพราะหาไดง้ า่ ย สะดวก ไมต่ ้องเสียเวลาในการลงพื้นท่ี ข. ปฐมภูมิ เพราะข้อมูลท่ีได้ตรงตามที่ตอ้ งการและเช่อื ถอื ได้ ค. ทตุ ิยภมู ิ เพราะหาได้งา่ ย แต่ตอ้ งลงทนุ ในการหาข้อมลู ง. ทตุ ิยภมู ิ เพราะข้อมูลตรงตามท่ีต้องการ เชือ่ ถอื ได้

7 5. ข้อใดเป็นวธิ ีการรวบรวมข้อมลู เกยี่ วกับการทำโครงงานอาชพี เรื่องการแปรรปู มะนาว ท่สี ะดวกและไดข้ ้อมลู ถกู ตอ้ งและตรงตามต้องการ ก. ได้จากการระดมความคดิ เห็นของเพ่อื นในกลมุ่ ข. ศึกษาจากผลติ ภณั ฑ์ของสถานประกอบการ ค. รายงานวิจยั เรอ่ื งการแปรรูปมะนาว ง. สมั ภาษณ์ผู้ปกครอง

8 ใบความรู้ท่ี 1 เร่อื งการสบื เสาะแสวงหาข้อมลู การศึกษาหาข้อมลู ตามพจนานุกรม ฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2542 ไดใ้ หค้ วามหมายคำวา่ ขอ้ มูล หมายถึง ข้อเทจ็ จรงิ หรือส่งิ ทเี่ ชอ่ื ถือหรือยอมรบั ว่าเปน็ ขอ้ เทจ็ จรงิ สำหรบั ใชเ้ ป็นหลกั อนุมาน หาความจรงิ หรือการคำนวณ วิธีการศกึ ษาคน้ คว้าหาข้อมลู การศึกษาค้นคว้าเป็นขัน้ ตอนในการกำหนด และทำความเข้าใจข้อมูลที่เกี่ยวกบั หัวขอ้ โครงงาน โดย ผู้ทำโครงงานจะต้องศึกษาค้นคว้าข้อมูลที่เก่ียวกับหัวข้อนั้น จากแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่น เอกสารส่ิงพิมพ์ เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ และผ้เู ชย่ี วชาญ โดยมแี นวทางในการศกึ ษาคน้ คว้าดงั นี้ 1. การศึกษาโครงงานของผู้อื่น เป็นการศึกษาว่า มีผู้ทำโครงงานนี้มากอ่ นหรือไม่ โครงงานดังกล่าว ได้ผลอย่างไร หรือมีแนวทางในการทำโครงงานนี้อย่างไร หากโครงงานนี้เป็นโครงงานที่มีผู้อืน่ ทำไว้แล้ว ผู้ทำ โครงงานจะต้องพิจารณาว่าจะทำโครงงานในหัวข้อเดิมดว้ ยการพัฒนาโครงงานดังกล่าวต่อจากโครงงานที่ผู้อ่ืน ทำไว้หรือไม่ หรือจะเลือกทำโครงงานในหัวข้อใหม่ ซึ่งผู้ทำโครงงานจะต้องกลับไปพิจารณาจากการคัดเลือก หัวขอ้ โครงงานใหม่ 2. การกำหนดหัวขอ้ ยอ่ ย เป็นการกำหนดหวั ข้อย่อยท่ีเก่ียวกบั หัวข้อโครงงานท่เี ลอื ก โดยผทู้ ำโครงงาน อาจจดั ทำในรูปแบบของแผนผังความคิดเพ่ือใหค้ รอบคลุมหัวขอ้ ท่ีเก่ียวขอ้ งทงั้ หมด 3. การกำหนดแหล่งข้อมูล เมื่อผู้ทำโครงงานได้หัวข้อย่อยเกี่ยวกับโครงงานที่ทำแล้ว ผู้ทำโครงงาน จะต้องกำหนดแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวกับหัวข้อย่อยต่างๆ เหล่านั้น โดยหัวข้อย่อย 1 หัวข้ออาจมีแหล่งข้อมูล มากกว่า 1 แหล่ง และแหล่งข้อมูล 1 แหล่งสามารถให้ข้อมูลที่เกี่ยวกับหัวข้อย่อยได้มากกว่า 1 หัวข้อ ดังนั้น ผูท้ ำโครงงานอาจสรา้ งตาราง เพื่อระบแุ หลง่ ทมี่ าของหวั ข้อยอ่ ยทต่ี อ้ งการค้นหาได้

9 แหลง่ ข้อมูล แหลง่ ท่มี าของขอ้ มลู (Source of Data) ขอ้ มูล อาจจำแนกตามแหล่งทม่ี าได้ 2 ทาง คือ 1.ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data) เป็นข้อมูลที่ผู้ใช้หรือหน่วยงานที่ใช้เป็นผู้ทำการเก็บข้อมูลด้วย ตนเอง ซ่งึ วิธีการเก็บรวบรวมขอ้ มูลอาจใชว้ ิธีการสัมภาษณ์ การทดลอง หรือการสงั เกตการณ์ ข้อมูลปฐมภมู ิเป็น ขอ้ มูลท่มี รี ายละเอียดตรงตามทผี่ ู้ใชต้ อ้ งการ แต่มักจะเสยี เวลาในการจัดหาและมคี ่าใช้จ่ายสงู 2.ขอ้ มลู ทุตยิ ภูมิ (Secondary Data) เป็นข้อมูลท่ผี ใู้ ชไ้ ม่ไดเ้ ก็บรวบรวมเอง แตม่ ีผู้อน่ื หรอื หน่วยงาน อื่นๆ ทำการเก็บรวบรวมไว้แล้ว เช่น จากรายงานที่พิมพ์แล้ว หรือยังไม่ได้พิมพ์ของหน่วยงานของรัฐบาล สมาคม บริษัท สำนักงานวิจัย นักวิจัย วารสาร หนังสือพิมพ์ เป็นต้น การนำเอาข้อมูลเหล่านี้มาใช้เป็นการ ประหยัดเวลาและค่าใช้จา่ ย แต่ในบางครั้งข้อมลู อาจจะไมต่ รงกับความต้องการของผู้ใช้ หรือมีรายละเอียดไม่ เพียงพอที่จะนำไปวิเคราะห์ นอกจากนี้ในบางครั้ง ข้อมูลนั้นอาจมีความผิดพลาดและผู้ใช้มักจะไม่ทราบ ข้อผดิ พลาดดังกล่าว ซ่ึงอาจมีผลกระทบต่อการสรุปผล ดงั นัน้ ผทู้ จี่ ะนำขอ้ มูลทุติยภมู ิมาใช้ควรระมัดระวังและ ตรวจสอบคณุ ภาพขอ้ มูลก่อนทจ่ี ะนำไปใช้ แหล่งที่มาของขอ้ มูลที่ใช้ในการทำโครงงานนั้นมอี ยู่อย่างหลากหลาย โดยสามารถนำเสนอเป็นแนวทาง ได้ดังน้ี 1. จากการศึกษาหาความรูจ้ ากแหล่งเรียนรปู้ ระเภทเอกสาร เชน่ ตำรา หนังสอื พิมพ์วารสาร งานวิจัย หรือ บทความ เอกสารต่าง ๆ เหล่านี้จะทำ ให้นักเรียนมองเป็นปัญหาจากเนื้อหาวิชาการที่น่าสนใจ และ สามารถนำมาทำโครงงานได้ 2. จากการสงั เกตปรากฏการณ์สง่ิ แวดล้อมรอบ ๆ ตัว เชน่ ในกรณีที่บา้ นของนักเรียนปลูกตน้ ไม้ไว้มาก นักเรียนอาจจะเห็นผู้ปกครองเก็บขงิ ข่ามาประกอบการทำอาหาร นักเรยี นอาจจะเกดิ การอยากรู้ว่า จะยังมีพืช ชนิดใดอกี บ้าง ท่ีสามารถนำมาประกอบอาหารหรอื ทำเป็นอาหารได้ 3. จากการฟังรายการวิทยุหรือชมรายการโทรทศั น์ เช่น นักเรียนดูรายการประดิษฐ์ของใช้จากวัสดทุ ี่ เหลอื ใช้ แล้วนักเรียนอยากทราบว่า ขวดพลาสติกจะนำ มาใช้ประดษิ ฐ์เปน็ อะไรได้บ้าง นักเรียนก็อาจช่วยกันคิด และทดลองทำเปน็ โครงงานก็ได้ 4. จากงานที่เป็นอาชีพในท้องถิ่น นักเรียนอาจจะศึกษาลักษณะของการประกอบอาชีพนั้น ๆ แล้ว นำมาทำเป็นหัวข้อการทำโครงงานกไ็ ด้ 5. จากการชมนทิ รรศการหรอื การทศั นศึกษา นักเรยี นอาจจะนำความร้ทู ่ีได้รบั มาศกึ ษาค้นคว้าเพิ่มเติม

10 การเก็บรวบรวมขอ้ มลู การเกบ็ รวบรวมข้อมูล อาจแบ่งเปน็ วธิ กี ารใหญ่ๆ ได้ 3 วธิ ี คือ 1. การรวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ วิธีนี้ผู้รวบรวมอาจใช้วิธีสอบถามหรือสัมภาษณ์จากผู้รู้ ท่ี เปน็ แหล่งข้อมลู ท่ีต้องการหรอื จะสอบถามโดยการใช้แบบสอบถามกไ็ ด้ 2. การรวบรวมข้อมูลจากเอกสารต่าง ๆ วิธีนี้ผู้รวบรวมสามารถหาเอกสารที่เป็นแหล่งข้อมูลได้ มากมาย เช่น หนงั สือ วารสาร รายงานวจิ ยั วทิ ยานิพนธ์ บทความ ส่ิงพมิ พต์ า่ งๆ เป็นต้น 3. การรวบรวมข้อมลู โดยการสงั เกตการณ์ วิธีนีผ้ ู้รวบรวมข้อมลู จะต้องเข้าไปเฝ้าสงั เกตการณ์ตา่ ง ๆ ด้วยตนเอง ลกั ษณะของข้อมลู ที่ดี 1. ขอ้ มูลมีความถกู ต้องตรงกบั ขอ้ เท็จจรงิ ที่เกดิ ขนึ้ 2. ข้อมลู เปน็ ปัจจบุ นั สามารถตรวจสอบได้ ขอ้ มูลมแี หลง่ ขอ้ มลู ท่ีสามารถอ้างองิ ได้ 3. ขอ้ มูลท่ีความสมบรู ณ์ สามารถตรวจสอบ และสามารถอา้ งองิ ได้ 4. ข้อมลู มคี วามชดั เจนกระทดั รัด 5. ขอ้ มูลมีความสอดคลอ้ งกบั เหตุการณ์ปัจจุบนั ประโยชน์ของข้อมูลในการทำโครงงานอาชีพ 1. เพอื่ นำขอ้ มูลทไ่ี ดจ้ ากการศึกษามากำหนดหวั เร่ืองในการทำโครงานอาชีพ 2. เพ่ือนำขอ้ มูลมาใช้ในการวางแผนการทำโครงงานอาชพี 3. เพือ่ การตดั สินใจทำสง่ิ ตา่ งๆ จำเป็นต้องมีข้อมลู ทเี่ ก่ยี วกบั สิ่งเหลา่ นนั้ มาใชป้ ระโยชนื

11 กิจกรรมท่ี 1 เร่ือง บนั ทึกการสบื เสาะแสวงหาขอ้ มลู สมาชกิ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ เรือ่ งที่ศกึ ษา ..................................................................................................................................... ขอ้ มลู รายละเอียด .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. อ้างอิง .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................

12 ประเมินหลังเรยี น เรือ่ ง การสบื เสาะแสวงหาขอ้ มูล ให้นักเรยี นทำเครื่องหมาย หน้าข้อทถ่ี กู ที่สุดเพียงข้อเดยี ว 1. ข้อใดคือขอ้ มลู ก. ขอ้ ความทีม่ กี ารพูดตอ่ ๆกนั ข. ข้อเท็จจริงทเี่ ช่อื ถือได้ ค. คำพดู ของครอู าจารย์ ง. ถูกทกุ ขอ้ 2. ข้อใดเป็นแนวทางการศึกษาข้อมลู ในการทำโครงงานอาชพี ก. การกำหนดหัวขอ้ ย่อยในการศกึ ษา ข. การกำหนดแหลง่ ข้อมูลที่ศึกษา ค. การศึกษาโครงงานของรนุ่ พ่ี ง. ถกู ทุกขอ้ 3. ขอ้ ใดเป็นแหล่งขอ้ มลู ปฐมภมู ิ ก. การสัมภาษณ์สถานประกอบการ ข. การศึกษางานวจิ ัยของนกั วชิ าการ ค. การอ่านบทความทางวชิ าการ ง. การสืบค้นขอ้ มลู จากห้องสมดุ 4. นักเรียนต้องการขอ้ มูล “วิธีการแปรรปู ขิง” ควรเลือกขอ้ มลู ชนิดใดเพราะอะไร ก. ปฐมภูมิ เพราะหาไดง้ ่าย สะดวก ไม่ต้องเสยี เวลาในการลงพ้นื ท่ี ข. ปฐมภมู ิ เพราะขอ้ มลู ทไ่ี ด้ตรงตามที่ตอ้ งการและเชอ่ื ถือได้ ค. ทตุ ิยภูมิ เพราะหาได้งา่ ย แต่ต้องลงทนุ ในการหาข้อมูล ง. ทตุ ิยภูมิ เพราะขอ้ มูลตรงตามทีต่ อ้ งการ เชื่อถอื ได้

13 5. ขอ้ ใดเปน็ วิธีการรวบรวมข้อมูลเก่ยี วกบั การทำโครงงานอาชีพ เรื่องการแปรรปู มะนาว ท่สี ะดวกและไดข้ ้อมลู ถกู ต้องและตรงตามต้องการ ก. ไดจ้ ากการระดมความคดิ เห็นของเพื่อนในกลุ่ม ข. ศกึ ษาจากผลิตภัณฑ์ของสถานประกอบการ ค. รายงานวิจัย เร่ืองการแปรรูปมะนาว ง. สมั ภาษณ์ผู้ปกครอง

14 เอกสารอ้างองิ การศกึ ษาคน้ ควา้ (ออนไลน)์ จาก http://www.nrw.ac.th/ เข้าถึงขอ้ มูลเมอื่ วันท่ี 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2564. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู (ออนไลน์) จาก https://www.gotoknow.org/ เขา้ ถึงขอ้ มลู เม่ือวนั ท่ี 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2564. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ออนไลน์) จาก https://www.trueplookpanya.com/ เขา้ ถงึ ข้อมลู เมอ่ื วนั ท่ี 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2564. สาระนา่ รู้ทางสถติ ิ (ออนไลน์) จาก http://service.nso.go.th/ เขา้ ถึงขอ้ มลู เม่ือวนั ท่ี 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2564. ดารุณี ประพันธ์ ความรู้เกี่ยวกับโครงงาน (ออนไลน์) จาก http://www.jokedarune.com/ สืบค้นข้อมูล เมอื่ วันท่ี 3 สิงหาคม พ.ศ. 2564. วิธีการสำรวจ (ออนไลน)์ จาก https://www.ar.co.th/ สืบค้นข้อมลู เม่ือวนั ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ.2564.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook