128 VKJoohluo.4nrn,K2aa0l e1on0f U(Esndpiueveccriaastilit)oyn Graduate Studies Research การพัฒนากิจกรรมการอ่านภาษาอังกฤษเพอ่ื ความเขา้ ใจโดยใชน้ ิทานอีสป ส�ำ หรับนักเรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2 The development of english reading comprehension activity Using aesop’s fable for mattayomsuksa ii students วัชราภรณ์ แสงพันธ์ (Watcharaporn Sangpan)* นติ ยา เปลอ้ื งนุช (Nittaya Pluangnuch)** บทคดั ยอ่ การวิจัยคร้ังน้มี ีวตั ถุประสงค์เพอ่ื 1) พฒั นากจิ กรรมการอา่ นภาษาองั กฤษเพ่ือความเข้าใจโดยใชน้ ทิ านอีสป ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านการอ่านภาษาอังกฤษ เพ่ือความเข้าใจโดย ใช้นิทานอีสป โดยมีจำ�นวนนักเรียนร้อยละ 70 ได้คะแนนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 ข้ึนไป 3) ศึกษาความพึงพอใจของ นักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการอ่านภาษาอังกฤษเพ่ือความเข้าใจโดยใช้นิทานอีสป กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักเรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2/1 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2553 โรงเรียนโนนสังวทิ ยาคาร ส�ำ นกั งานเขตพื้นที่ การศกึ ษาหนองบัวล�ำ ภู เขต 1 จ�ำ นวน 37 คน เครือ่ งมอื ท่ีใช้ในการวิจยั แบง่ ออกเปน็ 3 ประเภท 1) เครอ่ื งมอื ท่ีใช้ ในการทดลอง ไดแ้ ก่ แผนการจัดการเรยี นรู้ จำ�นวน 12 แผน และนทิ านอสี ป จำ�นวน 6 เรือ่ ง 2) เครื่องมอื ท่ีใช้ใน การสะท้อนผลปฏิบัติการ ได้แก่ แบบบันทึกพฤติกรรมการเรียนของผู้เรียน แบบบันทึกพฤติกรรมการสอนของครู แบบสมั ภาษณ์ผเู้ รยี น แบบทดสอบทา้ ยวงจร 3) เครือ่ งมือที่ใช้ในการประเมนิ ประสทิ ธิภาพการจดั การเรียนการสอน ได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ แบบสำ�รวจความพึงพอใจของผู้เรียน รูปแบบในการวิจัยครั้งนี้ใช้เทคนิควิจัยเชิง ปฏิบัติการ ซ่ึงมีวงจรปฏิบัติการ 3 วงจร เมื่อสิ้นสุดในแต่ละวงจรปฏิบัติ จะทดสอบย่อยเพ่ือประเมินความก้าวหน้า ของนักเรียน และสะท้อนผลการปฏิบัติจากข้อมูลที่ผู้วิจัยและผู้ช่วยวิจัยได้จาก การบันทึกสังเกต เพ่ือนำ�มาปรับปรุง กจิ กรรมการเรียนการสอนในวงจรตอ่ ไปใหม้ ปี ระสิทธิภาพยง่ิ ขึ้น ผลการวิจัยพบว่า การพัฒนากิจกรรมการอา่ นภาษาองั กฤษเพอ่ื ความเขา้ ใจโดยใช้นทิ านอสี ปของนักเรยี น ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 สามารถพัฒนาความรู้เดิม ปรับปรุง การอ่านให้ดีข้ึนในแต่ละวงจรสอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน ส่งผลให้ ผเู้ รยี นมผี ลสมั ฤทธท์ิ ด่ี ขี นึ้ โดยนกั เรยี นจ�ำ นวน 28 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 75.67 สามารถท�ำ คะแนนทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิได้ คะแนนเฉล่ยี 21.03 คดิ เป็นรอ้ ยละ 70.09 ซึง่ ผา่ นเกณฑ์ตามที่ก�ำ หนดไว้ และผเู้ รยี นมคี วามพึงพอใจในการจัดกจิ กรรม การเรียน การสอนโดยรวมในระดบั มาก คำ�ส�ำ คญั : การพฒั นาการอ่านเพ่ือความเข้าใจ, นทิ านอสี ป Keyword: The development of English reading comprehension, Aesop’s fable * นกั ศึกษาหลกั สตู รศกึ ษาศาสตรมหาบัณฑติ สาขาวชิ าหลักสูตรและการสอน คณะศึกษาศาสตร ์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ** ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ สาขาวชิ าหลกั สตู รและการสอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น
129ว า ร ส า ร ศึ ก ษ า ศ า ส ต ร์ ฉบับวจิ ยั บัณฑติ ศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น ปีที่ 4 ฉบับพิเศษ 2553 Abstract The objectives of this research were 1) to develop English reading comprehension activities using Aesop’s fable for Mattayomsuksa II students, 2) to develop learning achievement in English comprehension for Mattayomsuksa II students, by 70 percent of students obtaining scores passing criterion for 70 percents, 3) to study the student’s satisfaction in English reading comprehension using Aesop’s fable. The target groups were 37 Mattayomsuksa II students in the first semester of academic year 2010 at Nonsangwittayakarn School, Nongbualamphu Educational Service Area Office1. The research instruments were 1) experimental tools consisted of 12 Aesop’s fable plans 2) the observation forms for feedback performance 3) evaluation tool was the achievement test for evaluating the efficiency of the teaching method. This study was an action research methodology which included 3 spirals. At the end of each spiral, the students in the target groups were given a quiz to assess their progress. The obtained data was analyzed and used to develop more effective instructional activities in the next spiral. The results of this research were as follows: The development of English reading comprehension activities using Aesop’s fable for Mattayomsuksa II students, could be continuously develop knowledge and change to be relevant to situation in each cycle, conform to requirement of students and effect to the higher score of student’s learning achievement in English subject. There were 28 students or 75.67 percent get the achievement test at 21.03 or 70.09 percent, that pass the expected point in the objection. The students were satisfied in English reading comprehension activities using Aesop’s fable in very good level. ความเป็นมาและความสำ�คัญของปัญหา การศึกษาควรบรรจุไว้ในหลักสูตรการจัดการศึกษารวม ปัจจุบันการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศ ท้ังมีการพัฒนารูปแบบวิธีสอน สื่อ อุปกรณ์ ท่ีทันสมัย ถอื วา่ เปน็ สง่ิ ส�ำ คญั อยา่ งมาก เนอ่ื งจากความกา้ วหนา้ ทาง และเหมาะสมกับผู้เรียน เพ่ือให้ผู้เรียนสามารถสร้าง ดา้ นอตุ สาหกรรม วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ตลอดทง้ั องค์ความรู้ ได้ด้วยตนเองและนำ�ไปใช้ ในการพัฒนา ความสะดวกรวดเรว็ ในการตดิ ตอ่ คมนาคม ท�ำ ใหป้ ระเทศ การเรียนการสอนต่อไป ต่าง ๆ มีความใกล้ชิดกันซึ่งต้องพึ่งพาอาศัยกันมากข้ึน กระทรวงศึกษาธิการได้บรรจุสาระการเรียน จึงเกิดความจำ�เป็นท่ีจะต้องใช้ภาษาต่างประเทศเป็นสื่อ รู้ภาษาต่างประเทศไว้ ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษา กลางในการติดต่อสื่อสาร ภาษาอังกฤษนับว่าเป็นภาษา ข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดยมีการเลือกเน้ือหา ตา่ งประเทศท่สี �ำ คัญและแพร่หลายที่สดุ อาจกล่าวไดว้ า่ ที่มีความทันสมัยตามการเปล่ียนแปลงของสังคมโลก แทบทุกประเทศในโลกเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่าง เพ่ือพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ มีคุณธรรม มีจิตสำ�นึกใน ประเทศ ภาษาองั กฤษ จงึ เปน็ ภาษาทจ่ี �ำ เปน็ ในการศกึ ษา ความเป็นพลเมืองไทยและสามารถนำ�ความรู้ท่ีได้รับไป ขนั้ สงู ทงั้ ในและนอกประเทศ เพราะต�ำ ราวชิ าการขนั้ สงู ได้ ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำ�วันได้ ซึ่งมีนักการศึกษาและ จดั พมิ พเ์ ปน็ ภาษาองั กฤษเปน็ สว่ นใหญ่ ผทู้ ร่ี ภู้ าษาองั กฤษ นักวิจัยทางการศึกษาหลายท่านได้เสนอความคิดเห็น จงึ สามารถเขา้ ใจความคดิ ทศั นคติ วฒั นธรรมของชาตอิ นื่ เก่ียวกับปัญหาการจัดการเรียนการสอนรายวิชา ตลอดจนความก้าวหน้าทางวิทยาการสมัยใหม่ (สุมิตรา ภาษาองั กฤษ เชน่ สพุ มิ ล ทรงประดษิ ฐ์ (2541) ไดก้ ลา่ วไวว้ า่ อังวัฒนกุล, 2540) ซึ่งหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องกับการจัด นักเรียนเรียนวิชาภาษาอังกฤษแล้วยังไม่สามารถใช้
130 VJKoohluo.4nrn,K2aa0l e1on0f U(Esndpiueveccriaastilit)oyn Graduate Studies Research ภาษาอังกฤษได้ตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตรที่วางไว้ อังวัฒนกุล (2532) กล่าวว่า ในการเรียนการสอนวิชา กล่าวคือ นกั เรียนสว่ นใหญ่ ยงั ฟงั ภาษาอังกฤษไม่รเู้ ร่ือง ภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่างประเทศนั้น ทักษะการอ่าน พดู ภาษาองั กฤษได้น้อย หรือพดู ไม่ไดเ้ ลย ความสามารถ เป็นทักษะที่ควรได้รับการส่งเสริมเป็นอย่างย่ิง เพราะ ในด้านการอา่ นอยู่ในเกณฑ์ต�ำ่ และไม่สามารถเขียนภาษา เป็นทักษะที่คงอยู่ในตัวผู้เรียนนานที่สุด ผู้เรียนมีโอกาส องั กฤษไดถ้ กู ตอ้ งเทา่ ทค่ี วร ซง่ึ นบั ไดว้ า่ เปน็ ความลม้ เหลว ได้ใชแ้ มจ้ ะจบการศกึ ษาไปแลว้ เพราะเปน็ ทกั ษะ ทช่ี ว่ ยให้ ของการเรยี นการสอนภาษาองั กฤษเปน็ อยา่ งยง่ิ ซงึ่ สาเหตุ ผู้เรียนหาความรู้เพ่ิมเติมได้ด้วยตนเองตลอดเวลา หนง่ึ พบวา่ เกดิ จากครผู สู้ อนยงั ใชว้ ธิ กี ารสอนแบบเกา่ กบั ในการอ่านนั้นมีจดุ มุง่ หมายหลายประการ เช่น อา่ นเพอื่ นักเรียน โดยการอ่านแล้วแปลหรืออธิบายคำ�ศัพท์ให้ ความรู้ เพือ่ ความบันเทิง เพอ่ื หาความคิดแปลกใหมห่ รือ นกั เรยี นฟงั แล้วอ่านตาม นกั เรยี นเป็นเพยี งผู้ตอบรับ ฟัง เพอื่ ปรบั บคุ ลกิ ภาพ ซง่ึ การอา่ นเพอื่ การพกั ผอ่ น ผอ่ นคลาย และจดจ�ำ ในสงิ่ ทคี่ รสู อนหรอื บอกเพยี งอยา่ งเดยี ว ซง่ึ อาจ อารมณ์ คอื การอา่ นหนงั สอื ประเภทเรอื่ งสนั้ นทิ าน นวนยิ าย ท�ำ ใหน้ กั เรยี นเกดิ ความเบอื่ หนา่ ยและมเี จตคตไิ มด่ ตี อ่ วชิ า บทละคร เปน็ ตน้ โดยเฉพาะนทิ าน คอื เรอื่ งทเ่ี ลา่ กนั มาแต่ ภาษาองั กฤษสง่ ผลใหม้ ผี ลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นวชิ าภาษา โบราณ และมีอภินิหารต่าง ๆ นานา นทิ านเป็นมรดกทาง องั กฤษอยู่ในระดับต่ำ� วฒั นธรรม มคี ณุ คา่ ทางดา้ นจติ ใจ นทิ านมที งั้ วรรณกรรม การอ่านเป็นทักษะการรับสารที่มีความสำ�คัญ มุขปาฐะและจัดพิมพ์เป็นหนังสือนิทาน (ฉวีวรรณ มากอีกทักษะหนึ่ง ท่ีผู้เรียนควรได้รับการพัฒนาอย่าง คูหาภินันท์, 2545) ซ่ึงจะช่วยกระตุ้นประสบการณ์เดิม ตอ่ เนอ่ื งซงึ่ “การอา่ น” เปน็ กระบวนการในการคน้ หาเพอ่ื ของผเู้ รยี นท�ำ ใหผ้ เู้ รยี นไมร่ สู้ กึ เครยี ดเวลาอา่ น เกดิ ความ แปลความหมายของตัวอักษรหรือสัญลักษณ์อื่น ๆ ท่ีใช้ สนุกสนานในการเรียน เนื่องจากนิทานสามารถเช่ือม แทนความคิดเพมิ่ พูนประสบการณข์ องผูอ้ า่ น นอกจากน้ี โยงประสบการณ์เดิมกับประสบการณ์ใหม่ท่ีครูนำ�เสนอ การอ่านยังเป็นการรวบรวม การตีความหมายและ ได้เป็นอย่างดีนักเรียนสามารถทำ�ความเข้าใจในบทอ่าน การประเมนิ ความคดิ เหลา่ นนั้ เพอื่ ท�ำ ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจกบั ได้ง่ายขึ้น ข้อดีของการนำ�นิทานมาช่วยในการอ่าน คือ ผู้อ่าน การอ่านถือเป็นองค์ประกอบท่ีสำ�คัญท่ีสุดในด้าน สามารถออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ได้หลายรูปแบบ ศลิ ปะเกยี่ วกบั ภาษาศาสตร์ (ประเทิน มหาขนั ธ,์ 2530) ท�ำ ให้ไมน่ า่ เบอ่ื นกั เรยี นสามารถเรยี นรู้ไดด้ ว้ ยตนเองตาม ซึ่งจากการจัดการเรียนการสอนพบว่า มีปัญหาเกี่ยวกับ ความสนใจของผ้เู รียน การอา่ นภาษาองั กฤษมากมาย เชน่ ผเู้ รยี นมคี วามสามารถ จากประสบการณ์การจัดกิจกรรมการเรียน ในการอ่านเพ่อื ความเขา้ ใจในระดบั ตำ่� ผู้เรียนไม่สามารถ การสอนภาษาองั กฤษทผี่ า่ นมา พบวา่ นกั เรยี น มผี ลสมั ฤทธ์ิ อา่ นออกเขยี นได้ สอดคลอ้ งกบั งานวจิ ยั ของ สาวติ รี ศรพี ะ ทางการเรยี นต�ำ่ ไมผ่ า่ นเกณฑ์ ซง่ึ สงั เกตไดจ้ ากคา่ คะแนน นามนอ้ ย (2551) ทก่ี ลา่ ววา่ การสอนทกั ษะการอา่ นพบวา่ การประเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษา ขนั้ พน้ื ฐาน ระดบั เขตพน้ื ที่ ส่วนมากยังมีระดับความสามารถในด้านการอ่าน (LAS) ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2 ระหว่าง ภาษาอังกฤษ เพื่อความเข้าใจอยู่ในระดับตำ่� ปัญหาท่ี ปกี ารศกึ ษา 2551 - 2552 ของโรงเรยี นโนนสังวทิ ยาคาร เกิดข้ึนดังกลา่ วอาจมาจากหลายสาเหตุ เชน่ ปัญหาด้าน มคี า่ คะแนนเฉลยี่ รอ้ ยละ 28.39 และ 17.32 ตามลำ�ดับ ครูผู้สอน ที่ขาดวิธีการและเทคนิคท่ีเหมาะสมในการ ซ่ึงถือว่าไม่ผ่านเกณฑ์ นอกจากนี้ยังรวมถึงปัญหาที่มี จัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขาดส่ือการอ่าน ขาดเทคโนโลยี การเปล่ียนแปลงหลักสูตรบ่อย ปัญหาต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึน รวมทง้ั เลอื กเนอ้ื หา บทเรยี น ท่ีไกลตวั ผเู้ รยี น ท�ำ ใหผ้ เู้ รยี น จากการอา่ น รวมทัง้ ความคิดเหน็ ของนกั เรียนท่ีมตี ่อวชิ า ไม่สามารถเช่ือมโยงได้กับชีวิตจริง รวมท้ังปัญหาจาก ภาษาอังกฤษ ส่งผลให้ไม่สามารถพัฒนาทักษะการฟัง ตัวผู้เรียน ท่ีมีผลการเรียนต่ำ� ซึ่งครูควรจัดกิจกรรม พูด อ่าน และเขียน ภาษาอังกฤษ ให้เป็นท่ีน่าพอใจได้ การเรยี นการสอนทหี่ ลากหลาย รวมทง้ั มกี ารจดั การสอน เนอื่ งจากสาระท่ีใช้ ในการจัดการเรียนรู้เปน็ เรื่องไกลตัว เสริม จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้เปน็ กลมุ่ นอกจากนี้ สมุ ติ รา นกั เรยี น เปน็ ภาพและเรอื่ งราวในตา่ งประเทศบา้ ง สถานท่ี
131ว า ร ส า ร ศึ ก ษ า ศ า ส ต ร์ ฉบับวจิ ยั บณั ฑติ ศึกษา มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น ปที ่ี 4 ฉบบั พเิ ศษ 2553 ตา่ ง ๆ กเ็ ปน็ ตา่ งประเทศ จงึ เปน็ เรอื่ งไกลตวั ของนกั เรยี น 4. ด้านสถานท่ีท่ีทำ�วิจัย คือ โรงเรียนโนนสัง ท�ำ ใหน้ กั เรยี นขาดความสนใจขาดความกระตอื รอื รน้ และ วิทยาคาร อำ�เภอโนนสัง สังกัดสำ�นักงานเขตพ้ืนท่ี หา่ งไกลกบั บรบิ ททแี่ ทจ้ รงิ ของนกั เรยี นซงึ่ เดก็ ไมส่ ามารถ การศกึ ษาหนองบัวลำ�ภู เขต 1 จงั หวัดหนองบวั ล�ำ ภู นำ�มาประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตประจำ�วันได้ ดังนั้นผู้วิจัยจึง มีความสนใจที่จะพัฒนากิจกรรมการอ่านภาษาอังกฤษ ระเบียบวิธวี ิจยั (Methodology) เพื่อความเขา้ ใจโดยใช้นทิ านอีสป ซ่ึงนิทานเปน็ เรอื่ งทอ่ี ยู่ 1. กลุม่ เป้าหมาย ใกล้ตัว และนักเรียนมีความคุ้นเคยกับนิทานเป็นอย่างดี กลุม่ เปา้ หมาย คอื นักเรียนชัน้ มัธยมศึกษา มีการใช้โครงสร้างทางภาษาท่ีง่าย ๆ เนื้อหาไม่ซับซ้อน ปีท่ี 2/1 จำ�นวน 37 คน ที่เรียนรายวิชาภาษาอังกฤษ ทำ�ให้นักเรียนเข้าใจง่ายและสามารถนำ�มาประยุกต์ใช้ พื้นฐาน ในภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2553 โรงเรียน ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ใหเ้ หมาะสมกบั ชีวิตประจำ�วนั โนนสังวิทยาคาร สังกัดสำ�นักงานเขตพื้นที่การศึกษา ของผเู้ รยี นได้ หนองบัวลำ�ภู เขต 1 อำ�เภอโนนสงั จังหวัดหนองบัวลำ�ภู 2. ตวั แปรท่ีใช้ในการวิจัย วัตถุประสงค์ของการวจิ ยั ตัวแปรต้น ได้แก่ การสอนภาษาอังกฤษ 1. เพ่ือพัฒนากิจกรรมการอ่านภาษาอังกฤษ เพ่ือความเข้าใจโดยใช้นิทานอีสป ตัวแปรตาม ได้แก่ เพอ่ื ความเขา้ ใจโดยใชน้ ทิ านอสี ป ของนกั เรยี น ชน้ั มธั ยม- 1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านการอ่านภาษาอังกฤษ ศึกษาปีท่ี 2 เพือ่ ความเข้าใจโดยใชน้ ทิ านอสี ป 2) ความพึงพอใจของ 2. เพอ่ื ศกึ ษาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนด้านการ นักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อ อ่านภาษาอังกฤษเพ่ือความเข้าใจโดยใช้นิทานอีสปโดยมี ความเขา้ ใจโดยใชน้ ทิ านอสี ป ในดา้ นเนอ้ื หา ดา้ นกจิ กรรม จ�ำ นวนนักเรียนร้อยละ 70 ไดค้ ะแนนผา่ นเกณฑ์ร้อยละ การเรียนรู้ ดา้ นสื่อและอุปกรณ์การเรียนรู้ และด้านการ 70 ขน้ึ ไป วดั และประเมินผล 3. เพอื่ ศกึ ษาความพงึ พอใจของนกั เรยี นทม่ี ตี อ่ 3. รูปแบบในการวจิ ัย การจดั กจิ กรรมการอา่ นภาษาองั กฤษ เพอ่ื ความเขา้ ใจโดย การวิจัยคร้ังน้ีเป็นวิจัยเชิงปฏิบัติการ โดย ใช้นิทานอีสป ของนักเรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 ผู้วิจัยได้นำ�หลักการและข้ันตอนของการวิจัยเชิงปฏิบัติ การตามแนวคดิ ของ Kemmis and McTaggart (อา้ งถงึ ใน ขอบเขตของการวจิ ัย ยาใจ พงษ์บริบูรณ์, 2537) มาเปน็ แนวทางในการพฒั นา 1. ด้านบุคคล คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา กิจกรรมการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้ ปีที่ 2/1 จำ�นวน 37 คน ทเ่ี รียนในรายวิชาภาษาอังกฤษ นทิ านอสี ป ของผเู้ รยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 โดยมขี น้ั ตอน พ้ืนฐาน ในภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2553 โรงเรียน ในการปฏิบัติดังต่อไปนี้ 1) วางแผนการปฏิบัติ (Plan) โนนสังวิทยาคาร สังกัดสำ�นักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา 2) ขนั้ ปฏบิ ัตกิ าร (Act) 3) ขั้นสังเกตการณ์ (Observe) หนองบวั ล�ำ ภู เขต 1 อ�ำ เภอโนนสงั จังหวดั หนองบวั ล�ำ ภู และ 4) ข้ันสะท้อนผลการปฏิบัติ (Reflect) โดยปฏิบัติ 2. ด้านเน้ือหาที่ใช้ในการวิจัย เน้ือหาที่ใช้ใน การสอนจ�ำ นวน 3 วงจร วงจรละ 4 แผนการจดั การเรยี นรู้ การวิจัยครั้งน้ีเป็นเน้ือหานิทานอีสป ตามหลักสูตรแกน และใชน้ ทิ านวงจรละ 2 เรอ่ื ง โดยเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู รว่ มกบั กลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐานพทุ ธศกั ราช 2551 จ�ำ นวน 6 เรอื่ ง ผูช้ ว่ ยวิจัย โดยผา่ นการหาประสทิ ธภิ าพจากผเู้ ชย่ี วชาญ จ�ำ นวน 3 คน 4. เครอื่ งมอื ที่ใช้ในการวจิ ยั ประกอบดว้ ย 3. ด้านระยะเวลาที่ใช้ในการวิจัย ทำ�การวิจัย เคร่ืองมือท่ีใช้ในการทดลองปฏิบัติการ ในภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2553 จำ�นวน 12 ชวั่ โมง มีดังน้ี 1) แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนากิจกรรม การอ่านภาษาอังกฤษเพือ่ ความเข้าใจโดยใชอ้ สี ป จำ�นวน
132 KVJoohluo.4nrn,K2aa0l e1on0f U(Esndpiueveccriaastilit)oyn Graduate Studies Research 12 แผนการจัดการเรียนรู้ 2) นทิ านอสี ป ส�ำ หรับผเู้ รียน การวเิ คราะหข์ อ้ มลู ในการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ผวู้ จิ ยั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 จำ�นวน 6 เรอ่ื ง ใช้เก็บข้อมูลในช่วง น�ำ ขอ้ มลู มาวเิ คราะหท์ ง้ั เชงิ คณุ ภาพ และเชงิ ปรมิ าณ ดงั นี้ ปฏบิ ตั ิการการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. การวเิ คราะหเ์ ชงิ คณุ ภาพ ท�ำ การวเิ คราะห์ เครอ่ื งมอื ท่ีใช้ในการสะทอ้ นผลการปฏบิ ตั กิ าร โดยเป็นการแจกแจงข้อค้นพบท่ีสำ�คัญเชิงอธิบายความ ของครู มีดังนี้ 1) แบบบันทึกพฤติกรรมการเรียนของ ซ่ึงจะนำ�มาสู่ผลการสรุปผลการวิจัย และแสดงให้เห็น ผเู้ รยี น 2) แบบบนั ทกึ พฤตกิ รรมการสอนของครู 3) แบบ แนวทางและรูปแบบการปฏิบัติท่ีมีประสิทธิภาพของ สัมภาษณ์ผู้เรียน 4) แบบทดสอบท้ายวงจร ใชเ้ มือ่ สอน การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ เพอ่ื แก้ไขปญั หาและอปุ สรรค เสรจ็ ในแต่ละแผนการจัดการเรยี นรู้และในแตล่ ะวงจร ในเรอ่ื งราวของส่ิงที่ศึกษานั้น ผ้วู ิจัยและผู้รว่ มวิจัยไดน้ ำ� เคร่ืองมือท่ีใช้ในการประเมินประสิทธิภาพ ข้อมูลที่ได้รวบรวมจากเคร่ืองมือดังต่อไปนี้ แบบบันทึก การจดั การเรยี นการสอน มดี ังนี้ 1) แบบทดสอบวดั ผล หลังการสอน แบบสัมภาษณ์ผู้เรียน แบบสังเกตการจัด สมั ฤทธ์ิ 2) แบบสำ�รวจความพึงพอใจของผู้เรียน ใชเ้ ม่อื กิจกรรมการเรียนการสอน แล้วนำ�ข้อมูลมาวิเคราะห์ สอนครบทกุ แผนการจัดการเรียนรเู้ รยี บร้อยแล้ว วจิ ารณเ์ ชงิ เนอื้ หา เพอื่ ประเมนิ สถานการณว์ า่ มขี อ้ บกพรอ่ ง ปญั หาและอปุ สรรคอยา่ งไร แลว้ หาแนวทางแก้ไขปรบั ปรงุ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู และพฒั นาใหด้ ขี ึ้นในวงจรต่อไป ผูว้ จิ ยั ได้ด�ำ เนนิ การดังน้ี 2. การวิเคราะห์เชิงปริมาณ ผู้วิจัยได้ข้อมูล 1. การเกบ็ ขอ้ มลู เชงิ คณุ ภาพ ผวู้ จิ ยั ปฏบิ ตั กิ าร จากแบบทดสอบทา้ ยวงจร และแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิ สอนดว้ ยตนเอง โดยจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนในการ ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ พัฒนากิจกรรมการอ่านภาษาอังกฤษโดยใช้นิทานอีสป น�ำ มาวเิ คราะหข์ ้อมลู ทางสถิติ โดยใช้สถติ ิ คือ ค่าเฉล่ยี จ�ำ นวน 12 แผนการจัดการเรียนรู้ โดยแบ่งเป็นวงจรการ รอ้ ยละ แลว้ น�ำ คะแนนท่ีไดจ้ ากแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิ์ ปฏบิ ตั ดิ ังนี้ ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ วงจรท่ี 1 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 1 – 4 เปรียบเทียบกับเกณฑ์ท่ีกำ�หนดไว้ คือ ให้จำ�นวนผู้เรียน ใชเ้ วลา 4 ช่ัวโมง ร้อยละ 70 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต้ังแต่ร้อยละ 70 วงจรที่ 2 แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 5 – 8 ขึ้นไป ส่วนข้อมูลที่ได้จากแบบสอบถามความพึงพอใจ ใชเ้ วลา 4 ชวั่ โมง ของผเู้ รยี น น�ำ มาวเิ คราะหข์ อ้ มลู ทางสถติ ิ โดยใชส้ ถติ คิ อื วงจรที่ 3 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 9 – 12 คา่ เฉลี่ยและส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ใช้เวลา 4 ชั่วโมง ใช้เวลาในการปฏิบัติการสอน รวม 12 ผลการวจิ ัย ช่ัวโมง จำ�นวน 4 สัปดาห์ระหว่างการดำ�เนินการจัด 1. การพัฒนากิจกรรมการอ่านภาษาอังกฤษ กิจกรรมการเรียนการสอน ผูว้ จิ ัยเก็บรวบรวมข้อมลู โดย เพือ่ ความเข้าใจโดยใชน้ ิทานอสี ป ของนักเรยี นชั้นมธั ยม ใชแ้ บบบนั ทกึ พฤตกิ รรมการเรยี นการสอนแบบสมั ภาษณ์ ศกึ ษาปที ่ี 2 ที่ไดร้ บั การจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนอา่ น ผเู้ รียน และแบบสำ�รวจความพงึ พอใจของผู้เรียน ภาษาอังกฤษเพอ่ื ความเขา้ ใจ โดยใชร้ ปู แบบการวจิ ยั เชงิ 2. การเกบ็ ขอ้ มลู เชงิ ปรมิ าณ หลงั จากเสรจ็ สน้ิ ปฏบิ ัตกิ าร จ�ำ นวน 3 วงจร ซ่ึงผลการทดสอบทา้ ยวงจร การสอนในแต่ละวงจร ผู้วิจัยใช้แบบทดสอบท้ายวงจร พบว่า ผู้เรยี นมคี ะแนนเฉล่ยี รอ้ ยละ 62.70 71.08 และ ในการเก็บรวบรวมขอ้ มลู หลงั จากที่ได้ด�ำ เนินการปฏบิ ัติ 80.54 ตามล�ำ ดบั ดงั นน้ั จงึ สรปุ ไดว้ า่ การจดั กจิ กรรมเพอื่ การครบทั้ง 3 วงจรแลว้ ใหผ้ เู้ รยี นท�ำ แบบทดสอบวดั ผล พฒั นาการอา่ นภาษาองั กฤษเพอื่ ความเขา้ ใจโดยใชน้ ทิ าน สมั ฤทธท์ิ างการเรยี นดา้ นการอา่ นภาษาองั กฤษเพอื่ ความ อีสป ทำ�ให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจในการอ่านภาษา เขา้ ใจ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ อังกฤษเพื่อความเขา้ ใจสูงขน้ึ อยา่ งตอ่ เนื่องตามล�ำ ดบั
133ว า ร ส า ร ศึ ก ษ า ศ า ส ต ร์ ฉบับวจิ ัยบัณฑติ ศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ ปที ่ี 4 ฉบับพเิ ศษ 2553 2. การศึกษาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผู้ เชิงปฏิบัติการ ซึ่งมีขั้นการวางแผน ขั้นปฏิบัติการ เรียน จากการทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลัง ข้ันสังเกตการณ์และขั้นสะท้อนผลการปฏิบัติ มีการ จากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้การพัฒนาทักษะการอ่าน สะท้อนผลปัญหาที่เกิดแต่ละวงจรพร้อมกับหาทางแก้ไข ภาษาองั กฤษเพอ่ื ความเขา้ ใจโดยใชน้ ทิ านอสี ป กบั นกั เรยี น ในวงจรตอ่ ไปเรอื่ ย ๆ ทำ�ใหผ้ ้เู รยี นสามารถพฒั นาทักษะ กลุ่มเปา้ หมายจำ�นวน 37 คน และเทยี บกับเกณฑท์ ต่ี ง้ั ไว้ การอา่ นของตนเองสงู ขน้ึ อยา่ งตอ่ เนอ่ื งตลอดระยะเวลา คือ 70/70 ซ่ึงสามารถสรุปผลการทดสอบได้ดังต่อไปนี้ การจดั การเรยี นรู้ นอกจากนก้ี ารพฒั นากจิ กรรมการอา่ น มจี �ำ นวนนกั เรยี นทผ่ี า่ นเกณฑท์ ตี่ ง้ั ไว้ 28 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ยงั ท�ำ ใหผ้ เู้ รยี น มคี วามพงึ พอใจทดี่ ตี อ่ การอา่ นมากขน้ึ ขยนั 75.67 โดยนกั เรยี นมีคะแนนเฉล่ยี 21.03 คดิ เปน็ รอ้ ยละ สนใจและอยากรู้อยากเห็นในเร่ืองต่าง ๆ และพยายาม 70.09 มีส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน 4.59 ซ่ึงแสดงว่าผ่าน ฝกึ อา่ นท�ำ ความเขา้ ใจมากยงิ่ ขนึ้ ซงึ่ สอดคลอ้ งกบั งานวจิ ยั เกณฑต์ ามทต่ี งั้ ไว้ คอื มจี �ำ นวนนกั เรยี นผา่ นเกณฑร์ อ้ ยละ ของ อรชร วงศษ์ า (2548) ทก่ี ลา่ ววา่ การพฒั นากจิ กรรม 70 และได้คะแนนเฉลี่ยผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 ตาม การเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ (ภาษาองั กฤษ) โดยใชน้ ทิ าน จุดประสงคท์ ่ีต้ังไว้ พน้ื บา้ นอสี านเปน็ สอื่ เปน็ กจิ กรรมทช่ี ว่ ยกระตนุ้ ใหน้ กั เรยี น 3. การศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อ ได้แสดงออกอย่างเต็มท่ี มีการแสดงบทบาทสมมติ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ความพงึ พอใจของนกั เรยี นท่ี การฟงั นทิ านในทอ้ งถน่ิ รวมทง้ั สามารถอา่ นท�ำ ความเขา้ ใจ มตี อ่ การจดั กจิ กรรมการอา่ นภาษาองั กฤษเพอ่ื ความเขา้ ใจ เน้ือเร่ือง สรุปเป็นเร่ืองราวตามความเข้าใจของตนเอง โดยใชน้ ทิ านอสี ป ของนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 พบวา่ สอดคลอ้ งกับปราโมทย์ นาสารีย์ (2548) ได้กลา่ วไวว้ า่ นกั เรยี นมคี วามพงึ พอใจตอ่ การจดั กจิ กรรม การอา่ นภาษา การพัฒนาหลักสูตรเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ อังกฤษ เพ่ือความเข้าใจโดยใช้นิทานอีสป ของนักเรียน อย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้นิทานพื้นบ้านอีสานมีทักษะ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 ในดา้ นเนอ้ื หา ดา้ นกจิ กรรมการเรยี นรู้ การอ่านมากกว่าการสอนอ่านปรกติ ดา้ นสอ่ื และอปุ กรณก์ ารเรยี นรแู้ ละดา้ นการวดั และประเมนิ 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ผลอยู่ในระดับที่แตกต่างกัน โดยผ้เู รียนมีความพึงพอใจ คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังจากได้ เฉลีย่ รวม 4.42 และ สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.67 ซ่งึ มี รบั การกจิ กรรมการสอนอา่ นเพอ่ื ความเขา้ ใจโดยใชน้ ทิ าน ระดับความพงึ พอใจในระดับมาก อสี ป มคี ะแนนเฉลยี่ ผา่ นเกณฑต์ ามทก่ี �ำ หนดไว้ คอื จ�ำ นวน นักเรียนได้คะแนนเฉล่ียจากแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ การอภปิ รายผลการวิจยั ทางการเรยี น มคี ะแนนเฉลย่ี เทา่ กบั 21.03 คดิ เปน็ รอ้ ยละ การพัฒนากิจกรรมการอ่านภาษาอังกฤษ 70.09 มจี �ำ นวนนกั เรยี นทผี่ า่ นเกณฑ์ 28 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ เพ่ือความเข้าใจโดยใช้นิทานอีสป สามารถอภิปรายผล 75.67 ทั้งน้ีอาจเน่ืองมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การปฏิบัติการไดด้ ังน้ี ด้วยขั้นตอนการสอนอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ 1. การพัฒนากิจกรรมการอ่านภาษาอังกฤษ ตามขนั้ ตอนการสอนอา่ นทผ่ี วู้ จิ ยั ก�ำ หนดไว้ในแผนการจดั เพื่อความเข้าใจโดยใช้นิทานอีสป เป็นการจัดกิจกรรม การเรยี นรู้ โดยผา่ นกระบวนการสรา้ งตามขน้ั ตอนอยา่ งมี การเรยี นการสอนเพอื่ พฒั นาทกั ษะการอา่ นภาษาองั กฤษ ระบบและมวี ธิ กี ารเหมาะสมเรมิ่ ตงั้ แตก่ ารศกึ ษาหลกั สตู ร เพอื่ ความเขา้ ใจของผเู้ รยี นโดยใชน้ ทิ านอสี ป ซง่ึ จากการจดั เทคนิควิธีการ หลักการและทฤษฎีท่ีเป็นแนวทางและ กจิ กรรมการเรยี นรสู้ ง่ ผลใหผ้ เู้ รยี นมคี วามรคู้ วามสามารถ เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้อย่าง ทางด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพ่ือความเข้าใจสูงข้ึน ใน มีประสิทธิภาพ ซ่ึงสอดคล้องกับงานวิจัยของ สุวรรณี การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ มีการจัดกิจกรรมตามลำ�ดับ พาภกั ดี (2543) ไดศ้ กึ ษาการอา่ นจบั ใจความภาษาองั กฤษ ข้ันตอนการสอนทักษะการอ่าน คือ ข้ันก่อนการอ่าน ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 โดยใช้แนวการ ขั้นขณะอ่าน และข้ันหลังอ่าน โดยใช้รูปแบบการวิจัย สอนอ่านที่เน้นเทคนิคของดัลล์แมน ผลการวิจัยพบว่า
134 JVKoohluo.4nrn,K2aa0l e1on0f U(Esndpiueveccriaastilit)oyn Graduate Studies Research ผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านจับใจความภาษาอังกฤษของ ขอ้ เสนอแนะ นั ก เ รี ย น ที่ ไ ด้ รั บ ก า ร ส อ น อ่ า น จั บ ใ จ ค ว า ม โ ด ย ใ ช้ แ น ว 1. ขอ้ เสนอแนะในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ การสอนอ่านท่ีเน้นเทคนิคของดัลล์แมน มีคะแนนเฉลี่ย 1) ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยนำ� ของผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านหลังการสอนสูงกว่าก่อน นทิ านอสี ปเขา้ มาใช้ในการจดั การเรยี นการสอนอา่ น ท�ำ ให้ การสอน และนักเรียนทั้งหมดท่ีได้รับการสอนอ่าน ผเู้ รยี นสนใจเรยี นมากขนึ้ ซง่ึ เปน็ ผลมาจากนทิ านอสี ปเปน็ จับใจความที่เน้นเทคนิคของดัลล์แมนมีผลสัมฤทธ์ิทาง เรอ่ื งงา่ ย ๆ มโี ครงเรอื่ งสน้ั ๆ มคี ตสิ อนใจ และสามารถน�ำ การเรยี นผา่ นเกณฑร์ อ้ ยละ 70 ไปใช้ในชวี ิตประจำ�วนั ได้ ดังนนั้ ครผู สู้ อนควรน�ำ รปู แบบ 3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัด การจัดการเรียนการสอนนี้โดยใช้นิทานอีสปมาประยุกต์ กิจกรรมการเรียนรู้ หลังจากเรียนรู้ตามแผนการจัด ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ต่อไป การเรยี นรเู้ พอ่ื พฒั นาทกั ษะการอา่ นภาษาองั กฤษเพอ่ื ความ 2) ครูผู้สอนควรเลือกใช้ส่ือนวัตกรรมท่ี เข้าใจโดยใช้นิทานอีสป ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษา หลากหลายและทนั สมยั เหมาะสมกบั วยั และความตอ้ งการ ปีที่ 2 โดยมีการสอบถามความพึงพอใจเป็นรายด้านซ่ึง เรียนรู้ของผู้เรียน เช่น การเลือกใช้สื่อ ICT การใช้ส่ือ ผเู้ รยี นมคี วามพงึ พอใจในดา้ นเนอื้ หา เปน็ เรอ่ื งทเ่ี ขา้ ใจงา่ ย นิทานท่ีมีภาพประกอบ มีภาพเคล่อื นไหว เพราะจะท�ำ ให้ มากที่สุด ส่วนระดับความพึงพอใจในการจัดกิจกรรม ผเู้ รยี นสนใจเรยี น กระตอื รอื รน้ ในการเรยี น และสามารถ ในคร้ังน้ี ความพึงพอใจเฉลี่ยรวมอยู่ในระดับมาก ทั้งน้ี เข้าใจเนือ้ เรือ่ งไดง้ ่ายและรวดเรว็ ขนึ้ เนอ่ื งมาจากการจดั กจิ กรรมการการเรยี นรตู้ ามทผ่ี วู้ จิ ยั ได้ 3) ครูผู้สอนต้องให้แรงเสริมหรือกระตุ้น สร้างข้ึน มีเนื้อหา กิจกรรม สอดคล้องกบั วยั ของผเู้ รียน ความสนใจ คอยช่วยเหลือผู้เรียนอย่างใกล้ชิด ขณะจัด มกี ารน�ำ เกม การฝกึ เดาความหมายของค�ำ ศพั ท์ การฝกึ ดู กิจกรรมการอ่าน เพราะมีนักเรียนบางส่วนที่อ่านไม่ได้ รูปภาพ มาใช้ในกระบวนการจดั การเรียนรู้ ทำ�ใหผ้ เู้ รียน ไมอ่ ยากอา่ น จงึ ไมอ่ า่ น ท�ำ ใหเ้ ขา้ ใจเนอ้ื หาไมท่ นั เพอ่ื นหรอื เรียนรู้อย่างสนุกสนานและกระตือรือร้น สอดคล้องกับ ไมเ่ ขา้ ใจเลย ดงั นน้ั การจดั กจิ กรรมการเรยี นรกู้ จ็ ะไมบ่ รรลุ งานวจิ ยั ของ ร่งุ วนา สุดจติ ต์ (2545) ไดศ้ กึ ษาการพัฒนา ตามวตั ถปุ ระสงค์ทต่ี ้งั ไว้ สอ่ื การอา่ น-เขยี นภาษาองั กฤษจากนทิ านพน้ื บา้ นไทย ส�ำ หรบั 2. ข้อเสนอแนะในการท�ำ วิจยั ครัง้ ต่อไป นักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 4 ผลการวิจัยพบวา่ นกั เรียน 1) ควรจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะการอ่าน มีเจตคติต่อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนหลัง ภาษาอังกฤษเพ่ือความเข้าใจโดยใช้นิทาน ประเภท เรยี นโดยใชส้ อ่ื สงู กวา่ ก่อนเรียนอยา่ งมนี ยั ส�ำ คญั 0.05 อน่ื บา้ ง เชน่ นทิ านพนื้ บา้ น นทิ านวรี บรุ ษุ หรอื นทิ านปรมั ปรา โดยควรค�ำ นงึ ถงึ วยั และระดบั ความสามารถของผเู้ รยี นใน การจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนครั้งตอ่ ไป 2) ควรมกี ารศกึ ษาเพอื่ พฒั นาความสามารถ ทางดา้ นทกั ษะอน่ื ๆ เชน่ ทกั ษะการพดู และการเขยี น โดย น�ำ นทิ านมาใชป้ ระกอบการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน
135ว า ร ส า ร ศึ ก ษ า ศ า ส ต ร์ ฉบบั วิจัยบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแกน่ ปที ี่ 4 ฉบับพเิ ศษ 2553 เอกสารอา้ งอิง ฉววี รรณ คหู าภนิ ันทน.์ (2545). วรรณกรรมส�ำ หรบั เดก็ . กรุงเทพฯ: โสภณการพิมพ.์ ประเทนิ มหาขนั ธ.์ (2530). การสอนอ่านเบือ้ งต้น. กรงุ เทพฯ: โอเดยี นสโตร.์ ปราโมทย์ นาสารีย.์ (2548). การพัฒนาหลกั สตู รเสริมทกั ษะการอ่านภาษาอังกฤษอยา่ งมีวจิ ารณญาณ โดยใช้ นทิ านพืน้ บา้ นอีสาน สำ�หรับนักเรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4. วิทยานพิ นธป์ ริญญาครศุ าสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาหลกั สูตรการเรยี นและการสอน บัณฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลัยราชภัฏอบุ ลราชธานี. ยาใจ พงษบ์ รบิ รู ณ.์ (2537). การวจิ ัยเชงิ ปฏิบตั ิการ (Action Research). วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น, 3(20), 10-20. ร่งุ วนา สุดจิตต.์ (2545). การพัฒนาสือ่ การอ่าน – การเขียนจากนทิ านพนื้ บา้ นไทย สำ�หรับนักเรยี น ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 4 โรงเรยี นไทรโยคน้อยวิทยา จังหวัดกาจนบรุ ี. วทิ ยานิพนธป์ ริญญาศึกษาศาสตร มหาบณั ฑิต สาขาวิชาการสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ บณั ฑิตวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร. สาวติ รี ศรีพะนามนอ้ ย. (2551). ผลของการใชร้ ูปแบบการสอนทเ่ี น้นกระบวนการคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ ตอ่ ความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษอย่างมวี จิ ารณญาณ ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 6. การศกึ ษา อสิ ระปรญิ ญาศึกษาศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวชิ าหลักสตู รและการสอน บณั ฑติ วิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น. สพุ ิมล ทรงประดิษฐ์. (2541). การสอนซอ่ มเสริมการอ่านภาษาอังกฤษเพ่อื ความเขา้ ใจ โดยใชภ้ าพการ์ตูน ประกอบบทเรียน ส�ำ หรับนกั เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. วิทยานพิ นธ์ปริญญาศกึ ษาศาสตร มหาบณั ฑติ สาขาวิชาหลกั สตู รและการสอน บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชยี งใหม.่ สุมติ รา องั วฒั นกุล. (2532). การวจิ ัยทางการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ. กรงุ เทพฯ: จฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลัย. _________. (2540). วิธีสอนภาษาองั กฤษ. พมิ พค์ รง้ั ที่ 4. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพจ์ ฬุ าลงกรณม์ หาวิยาลัย. สวุ รรณี พาภกั ด์ดิ ี. (2543). ผลสมั ฤทธ์ิการอา่ นจบั ใจความภาษาองั กฤษของนักเรยี นช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 6 โดยใช้แนวการสอนอา่ นที่เน้นเทคนิคของดลั ล์แมน. วทิ ยานพิ นธ์ปริญญาศกึ ษาศาสตรมหาบัณฑติ สาขาวิชาหลกั สูตรและการสอน บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลัยขอนแก่น. อรชร วงศษ์ า. (2548). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ในกลุ่มสาระภาษาตา่ งประเทศ โดยใช้นิทานพ้นื บ้าน เป็นส่อื ส�ำ หรบั นักเรยี นช่วงชนั้ ท่ี 3. วทิ ยานพิ นธ์ปริญญาศึกษาศาสตรม์ หาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสตู รและ การสอน บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ .
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: