ประวัติศาสตร์ชาติไทย สมัยรัตนโกสินทร์
รัตนโกสินทร์ตอนต้น หลังจากปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ในปี พ.ศ. 2325 แล้ว สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกทรงใช้พระนามว่า \"พระบาทสมเด็จพระพุทธ ยอดฟ้าจุฬาโลก\" และได้ย้ายราชธานีจาก กรุงธนบุรีข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามายัง ฝั่งตรงข้าม และตั้งชื่อราชธานีใหม่นี้ว่า \"กรุงเทพมหานคร\" พร้อมๆกับการ สถาปนาราชวงศ์จักรีขึ้นมา ในช่วงก่อร่างสร้างเมืองนี้สยามยังต้องผจญกับศึกสงครามรอบบ้านอยู่ เสมอ รวมทั้งสงครามครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การรบระหว่างสยามกับ พม่าด้วย นั่นคือศึกที่เรียกว่า\"สงครามเก้าทัพ\" ซึ่งตรงกับรัชสมัยของพระเจ้า ประดุง แห่งหงสาวดี กองทัพสยามสามารถขับไล่ทัพพม่าออกไปได้ในที่สุด หลังสงครามเก้าทัพพม่าต้องเผชิญหน้ากับประเทศนักล่าอาณานิคมอย่าง อังกฤษ ทำให้สยามว่างเว้นศึกสงครามใหญ่ไปนาน
รัตนโกสินทร์ตอนต้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงเป็ นปฐมกษัตริย์แห่งพระบรมราชวงศ์จักรี รัชกาลที่1 มีพระราชดำริให้ฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมครั้งใหญ่ รวมทั้งการรวบรวทตำรับ ตำราจากหัวเมืองต่างๆ ที่รอดพ้นจากการถูกพม่าเผาเมื่อ ปี พ.ศ.2310 มาเก็บไว้ที่กรุงเทพฯ ในสมัยของพระองค์ได้มีการนำธรรมเนียมปฏิบัติ ของราชสำนักอยุธยามาใช้อย่างหนึ่งคือ มีการแต่งตั้งตำแหน่งอุปราชเส มืองเป็นกษัตริย์องค์ที่2 อุปราชองค์แรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์คือ กรม พระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ซึ่งประทับอยู่ที่วังหน้า คนสยามจึงมัก เรียกตำแหน่งอุปราชว่า \"วังหน้า\" สำหรับพระราชวังหน้านั้นปัจจุบันคือบริเวณมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โรงละครแห่งชาติ และวิทยาลัย นาฏศิลป์นั่นเอง รวมทั้งพื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของท้องสนามหลวงก็เคย เป็นอาณาบริเวณของ วังหน้ามาก่อน เวลามีการก่อสร้างต่างๆบริเวณนี้ เมื่อขุดลงไปในดินจึงมักพบ โบราณวัตถุหลายอย่าง โดยเฉพาะปืนใหญ่ แบบโบราณ มีการขุดได้บริเวณนี้ หลายกระบอก
รัตนโกสินทร์ตอนต้น พระบาทสมเด็จพระบรมราชพงษเชษฐมเหศวรสุนทร พระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ยุคทองของศิลปรัตนโกสินทร์ (พ.ศ. 2352-2367) พระองค์ทรงใฝ่พระทัยในศิลปวัฒนธรรมมาก ทั้งทางด้านวิจิตรศิลป์ และ วรรณคดี พระองค์ได้รับการยกย่องว่าเป็นกษัตริย์ผู้เป็นอัครศิลปิน ที่สำคัญที่สุด คือโปรดเกล้าฯให้บูรณะ วัดสลักใกล้พระราชวังเดิมฝั่งธนบุรี จนยิ่งใหญ่สวยสง่า กลายเป็นวักประจำรัชกาลของพระองค์และพระราชทานนามว่า \"วัดอรุณ ราชวรารามมหาวิหาร\" และยังทรงพระอัจฉริยภาพในทางกวีด้วย พระราช นิพนธ์ชิ้นสำคัญของพระองค์ บทละครเรื่อง อิเหนา และ รามเกียรติ์ และมีการ อุปถัมภ์ บรรดาศิลปินและกวีด้วย ยุคนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นยุคสมัยที่กวีรุ่งเรือง ที่สุด กวีเอกที่ปรากฏในรัชกาลของพระองค์คือ พระศรีสุนทรโวหาร(ภู่) ในด้านการต่างประเทศ พระองค์ทรงได้เริ่มฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประเทศ ตะวันตก ใหม่หลังจากหยุดชะงักไปตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดย มีพระบรมราชานุญาตให้โปรตุเกตุเข้ามาตั้งสถานฑูตได้เป็นชาติแรก
รัตนโกสินทร์ตอนต้น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ยุคพ่อค้าวาณิช (พ.ศ. 2367-2394) ทรงมีความเชี่ยวชาญในการค้า ขายกับต่างประเทศมาก โดยเฉพาะกับ ประเทศจีน ในรัฐสมัยของพระ องค์ ราชสำนักสยามและจีนมีสัมพันธภาพที่ แน่นแฟ้น สยามแต่ง สำเภาเดินทางไปค้าขายกับจีนปีละมากลำ ยุคสมัยของ พระองค์นับ เป็นยุคทองของการค้าขาย ทรงทำให้เศรษฐกิจของประเทศมั่งคั่ง ขึ้น เงินทองเต็มท้องพระคลัง และทรงเก็บพระราชทรัพย์บางส่วนไว้ใน ถุง้า แดง ซุกซ่อนไว้ตามบัลลังก์ ซึ่งในเวลาต่อมาทรัพย์ในถุงแดงนี้มีส่วน ในการกู้ ชาติสยาม รัชกาลที่ 3 เป็นกษัตริย์ผู้ทรงเคร่งครัดในศาสนาพุทธ ชาว ตะวันตกมัก มองว่าพระองค์ ตึงและต่อต้าน ศาสนาอื่น แม้กระนั้นก็ ทรงอนุญาตให้มิชชั่น นารีจากอเมริกานำการแพทย์แผนตะวันตกเข้า มาเผยแพร่ได้
รัตนโกสินทร์ตอนต้น ด้านสังคม มีระบบศักดินาเช่นเดียวกับสมัยอยุธยา ด้านวัฒนธรรม มีการสังคายนาพระไตรปิฎก เรียกว่า พระไตรปิฎกฉบับทองใหญ่ มีการ สร้าง และบูรณะวัด ได้แก่ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดสุทัศนเทพวรา ราม วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วรรณกรรมสำคัญ ได้แก่ รามเกียรติ์ ราชาธิราช สามก๊ก ไกรทอง ด้านเศรษฐกิจ มีการทำสนธิสัญญากับชาติตะวันตกฉบับแรก คือ “สนธิสัญญาเบอร์นี (BURNEY TREATY)” กับประเทศอังกฤษ เป็นสนธิสัญญาทางไมตรีและ การค้า มีการผูกปี้ข้อมือจีน คือ ชาวจีนจ่ายเงินแทนการถูกเกณฑ์แรงงาน ไพร่ เกิดการเก็บภาษีรูปแบบใหม่ ในสมัยรัชกาลที่ 3 เรียกว่า ระบบเจ้า ภาษีนายอากร ด้านการเมืองการปกครอง นำแบบอย่างของระเบียบบริหารราชการแผ่นดินมาจากสมัยอยุธยา มีการ ชำระ และรวบรวมกฎหมายขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 เรียกว่า กฎหมายตรา สามดวง
รัตนโกสินทร์ตอนกลาง เป็นช่วงเวลาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงประเทศให้เข้าสู่ความ ทัน สมัย โดยรับอิทธิพลอารยธรรมตะวันตก เนื่องจากถูกคุกคาม จากลัทธิจักรวรรดินิยมของชาติตะวันตก เป็นสมัยที่ประเทศ ไทย พัฒนาการเข้าสู่ความเป็นรัฐชาติ สมัยนี้เป็นสมัยแห่งการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ สังคม ศิลปวัฒนธรรม การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในสมัยนี้ คือ การเลิกทาส และการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
รัตนโกสินทร์ตอนกลาง พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว การเปิดประเทศในรัชกาลที่ 4 การศึกษาวิทยาการสมัยใหม่ การประกาศให้ขุนนางสวมเสื้อเข้าเฝ้า ทรง ร่วมดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยาในพระราชพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา การปรับปรุงเส้นทาง คมนาคมทั้งทางบก และทางน้ำ มีการลงนามใน “สนธิสัญญาบาวริง (BOWRING TREATY)” กับประเทศอังกฤษ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ ยกเลิก ระบบการผูกขาดการค้าโดยรัฐ ให้มีการส่งเสริมการค้าเสรี ให้ยกเลิกภาษีปาก เรือและภาษีอื่นๆ ที่ไทยเคยเรียกเก็บ แต่ให้เรียกเก็บเป็นภาษีศุลกากรสินค้าขา เข้า ในอัตราไม่เกินร้อยละ 3 แทน ให้สิทธิสภาพนอกอาณาเขต แก่คนในบังคับ ของอังกฤษ จะแก้ไขสนธิสัญญาฉบับนี้ได้เมื่อเวลาผ่านไปแล้ว 10 ปี ยังทรงมีความรู้ในวิทยาศาสตร์แขนงต่างๆโดย เฉพาะดาราศาสตร์ ทรงคำนวณได้ว่าจะเกิดสุรุยุปราคาได้อย่างแม่นยำ
รัตนโกสินทร์ตอนกลาง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว การปฏิรูปในสมัยรัชกาลที่ 5 พระองค์ทรงขึ้นครองราชย์ในยุคสมัยที่บ้านเมืองจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง และทรงต้องเผชิญกับการกดดันจากหลายด้าน ทั้งฐานอำนาจของกลุ่มวังหน้า และฝ่ายขุนนางและแรงกดดันจากประเทศนักล่าอาณานิคม ในยุคสมัยนี้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในประเทศสยาม พระองค์ถือเป็น กษัตริย์ที่ทรงปฏิรูปสังคมครั้งใหญ่ ทรงยกเลิกระบบ ทาสและการเกณฑ์ แรงงานไพร่ หันมาใช้ระบบเก็บส่วนภาษีแทน ทรงปฏิรูประบบการปกครองส่วนภูมิภาคด้วยการยกเลิกระบประเทศราช และเจ้าครองนครเปลี่ยนผู้บริหารเป็นสมุหเทศาภิบาลซึ่งเป็นข้าราช การที่ส่งไป จากส่วนกลาง การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้ประเทศสยาม เป็นปึกแผ่นอย่างไม่ เคยเป็นมาก่อนนับแต่สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์
รัตนโกสินทร์ตอนกลาง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เผชิญคลื่นลมแห่งการเปลี่ยนแปลง พระราชบัญญัติประถมศึกษา พ.ศ. 2464 การส่งเสริม อุดมการณ์ “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” จัดตั้งเมืองจำลอง ประชาธิปไตย หรือ ดุสิตธานี ด้านการเศรษฐกิจ ให้ตราพระราชบัญญัติคลังออมสิน พ.ศ. 2456 ขึ้น เพื่อให้ ประชาชนรู้จักออมทรัพย์ ด้านการคมนาคม ทรงตั้งกรมรถไฟหลวง และเริ่มเปิดการเดินรถไฟสายกรุงเทพฯ ถึงเชียงใหม่ สายใต้จาก ธนบุรีเชื่อมกับปีนังและสิงคโปร์ ด้านศิลปวัฒนธรรมไทย ทรงตั้งกรมมหรสพ เพื่อฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมไทย และยังได้ทรงสร้างโรงละครหลวงไว้ใน พระราชวังทุกแห่ง ด้านการต่างประเทศ แก้ไขสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม เช่น สนธิสัญญาสิทธิสภาพนอกอาณาเขต สนธิสัญญา จำกัดอำนาจการเก็บภาษีและสนธิสัญญาจำกัดอำนาจกลางประเทศไทย ด้านการแพทย์และการสาธารณสุข ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งวชิรพยาบาลเมื่อ พ.ศ. 2455 และโรงพยาบาล จุฬาลงกรณ์เมื่อ พ.ศ. 2457 และทรงเปิดการประปากรุงเทพฯ ด้านกิจการเสือป่าและลูกเสือ ทรงจัดตั้งกองลูกเสือกองแรกขึ้นที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง (วชิราวุธวิทยาลัย ในปัจจุบัน) ด้านวรรณกรรมและหนังสือพิมพ์ ทรงส่งเสริมให้มีการแต่งหนังสือ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติสมุด เอกสาร พ.ศ. 2465 ขึ้น
รัตนโกสินทร์ตอนปลาย-ปัจจุบัน พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว การเปลี่ยนแปลงในรัชกาลที่ 7 หลังจากเสด็จขึ้นครองราชย์ พระองค์ทรงเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจและ การ บริหารอย่างมีประสิทธิภาพ ทรงมีความห่วงใยพสก นิกรอย่างมาก ในขณะนั้น สยามได้นำระบบไปรษณีย์และ โรเลขมาใช้ เริ่มมีการสร้างสนามบินขึ้นที่ทุ่ง ดอนเมือง ขณะนั้นเศรษฐกิจทั่วโลกกำลังตกต่ำภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ข้าวซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศราคาตกต่ำอย่างมาก ภาวะเงิน เฟ้อที่ระบาท ไปทั่วโลกส่งผลกระทบต่อรัฐบาลของพระองค์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ประกอบกับ การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเนื่องจากการใช้จ่าย ในเวลานั้นกระแสการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบอบอำนาจใหม่ซึ่ง เรียกว่า ประชาธิปไตย ได้เริ่มขึ้น โดยเริ่มจากปัญญาชนรุ่นใหม่ซึ่ง เป็นสามัญชนที่ได้รับ การศึกษามาจากยุโรปและพระองค์ทรงเห็นว่าในเวลานั้นคนไทยยังไม่พร้อม สำหรับระบบ ใหม่ พระองค์เคยมีพระราชปรารภว่า คนไทยควรมีจิตสำนึก ทางการ เมืองเสียก่อน จึงค่อยนำระบบประชาธิปไตยมาใช้
รัตนโกสินทร์ตอนปลาย-ปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงการปกครอง ปีพุทธศักราช 2475 สืบเนื่องจากในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรง ส่งพระราชโอรส ไปศึกษาวิชาการ ด้านต่างๆ จากยุโรป เพื่อนำความรู้ และวิทยาการแบบตะวันตก กลับมา พัฒนาประเทศชาติให้ก้าวทันนานา อารยประเทศ ในด้านการเมืองการปกครอง เริ่มมีแนวคิดของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ไปสู่ระบอบประชาธิปไตย โดยปรากฏว่าล้นเกล้ารัชกาลที่ 7 ทรงให้ดำเนินการร่าง รัฐธรรมนูญ เพื่อเตรียมพระราชทานแก่ประชาชนชาวสยาม แต่ยังไม่ทันได้ พระราชทานก็เกิดการปฏิวัติเสียก่อน โดยนายทหารและนักเรียนนอกทุนหลวง กลุ่มหนึ่ง ได้ร่วมกันวางแผนก่อการปฏิวัติ ยึดอำนาจจากพระมหากษัตริย์ในนาม ของ “คณะราษฎร” ต่อมาเมื่อปฏิวัติสำเร็จแล้ว คณะราษฎรได้เข้าเฝ้าขอพระราชทาน อภัยโทษ และขอพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม ฉบับแรก เรียกว่า “พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน สยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475”
รัตนโกสินทร์ตอนปลาย-ปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระ ปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 การปกครอง พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปในพระราชพิธี พระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2489 และเปิดประชุมสภาผู้แทนใน วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2489 และทรงเยี่ยมชาวไทยเชื้อ สายจีนเป็นครั้งแรก ณ สำเพ็ง พระนคร การเสด็จในครั้งนี้จึงเป็นการประสานรอยร้าวที่เกิดขึ้น การศาสนา ในการเสด็จนิวัติพระนครครั้งแรกนั้น พระองค์ได้ประกอบพิธีทรงปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ ยังเสด็จพระราชดำเนินไปทรงนมัสการพระพุทธรูปในพระอารามที่สำคัญ โดยเฉพาะที่วัดสุทัศน เทพวรารามราชวรมหาวิหารนั้น พระองค์เคยมีพระราชดำรัสกล่าวว่า \"ที่นี่สงบเงียบน่าอยู่จริง\" ดังนั้น เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคต จึงได้นำพระบรมราชสรีรางคารของพระองค์มาประดิษฐาน ณ วัดแห่งนี้ การศึกษา มีพระราชปรารภให้มีการผลิตแพทย์เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เพียงพอที่จะช่วยเหลือประชาชน โรงเรียนแพทย์แห่งที่ 2 จึงได้ถือกำเนิดขึ้นที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งในปัจจุบัน คือ คณะ แพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันอานันทมหิดล ตรงกับวันที่ 9 มิถุนายนของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเสด็จสวรรคต คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ดำริจัดงานเป็นประจำทุกปี ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ พระองค์ท่านซึ่งได้สร้างคุณูปการด่อวงการแพทย์และการศึกษา
รัตนโกสินทร์ตอนปลาย-ปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่9 ด้านศิลปวัฒนธรรมและวรรณคดี ทรงได้รับการยกย่องให้เป็นองค์อัครศิลปินแห่งชาติ และบิดาแห่งการดนตรี ทรงส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทยแขนงอื่น ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย นาฏศิลป์ ทรงเชี่ยวชาญในภาษาทรงพระ ราชนิพนธ์บทความ แปลหนังสือ เช่น นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ พระมหาชนกและพระราชนิพนธ์เกี่ยวกับคุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยง ด้านการพัฒนาชนบท ด้วยพระราชหฤทัยที่มุ่งมั่นในการช่วยเหลือราษฎรให้พ้นหรือบรรเทาจากความเดือดร้อนดังนั้น แนว พระราชดำริที่จะช่วยพัฒนาชนบทจึงออกมาในรูปของโครงการต่าง ๆ ด้านการเกษตรและชลประทาน ในด้านการเกษตร จะทรงเน้นในเรื่องของการค้นคว้า ทดลอง และวิจัยหาพันธุ์พืชใหม่ ๆ ทั้งพืช เศรษฐกิจ พืชสมุนไพร รวมถึงการศึกษาเกี่ยวกับแมลงศัตรูพืช และพันธุ์สัตว์ต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับ สภาพท้องถิ่นนั้น ๆ ด้านการแพทย์ โครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้กับประชาชนในระยะแรก ๆ ล้วนแต่เป็น โครงการด้านสาธารณสุข ยังมีโครงการทันตกรรมพระราชทาน ซึ่งเป็นพระราชดำริที่ให้ทันตแพทย์ อาสาสมัคร ได้เดินทางออกไปช่วยเหลือบำบัดโรคเกี่ยวกับฟัน นอกจากนั้น หน่วยแพทย์หลวงยังจัดเจ้า หน้าที่ออกเดินทาง ไปรักษาราษฎรผู้ป่วยเจ็บ ตามหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลออกไปอีกด้วย ด้านการศึกษา นอกจากนี้ พระองค์ยังโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งมูลนิธิอานันทมหิดล เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เพื่อสนับสนุนทางด้านคัดเลือกบัณฑิตในสาขาวิชาต่าง ๆ ไปศึกษาต่อต่างประเทศ เพื่อจะได้ให้บัณฑิตเหล่านั้นนำความรู้ที่ได้ไปศึกษาวิจัยนำผลงานที่ได้กลับมา พัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง
รัตนโกสินทร์ตอนปลาย-ปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร รามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริ สมบูรณ์อดุลยเดช สยามินทราธิเบศร ราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลทีี่ 10 ด้านการศึกษา ด้วยทรงตระหนักในคุณค่าและความสําคัญของการพัฒนาบุคลากรให้มีคุณภาพ จึงทรงสนับสนุนการศึกษาแก่ประชาชนให้จัดตั้ง ‘มูลนิธิทุนการศึกษา พระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร‘ (ม.ท.ศ.) ด้านศาสนา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเจริญรอยตามสมเด็จบูรพมหากษัตริยาธิราช แห่งมหาจักรีราชวงศ์ทุกพระองค์ ธำรงไว้ซึ่งการสืบทอดพระพุทธศาสนา ด้านสาธารณสุข ทรงตระหนักว่าการมีสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์จะนำไปสู่สุขภาพจิตที่ดี การบริหารจัดการน้ำ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับ ‘โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัย แล้ง’ ของ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไว้เป็นโครงการอันเนื่อง มาจากพระราชดำริ
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: