Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ม.6 เล่ม1 หน่วย1_เอกภพและกาแล็กซี

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ม.6 เล่ม1 หน่วย1_เอกภพและกาแล็กซี

Description: โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ม.6 เล่ม1 หน่วย1_เอกภพและกาแล็กซี

Search

Read the Text Version

30/06/65 โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 1 ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 6 กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 Slide PowerPoint_สอ่ื ประกอบการสอน บรษิ ทั อักษรเจริญทัศน์ อจท. จากดั : 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand โทร./แฟกซ์. : 0 2622 2999 (อตั โนมตั ิ 20 คูส่ าย) [email protected] / www.aksorn.com 1หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ เอกภพและกาแล็กซี ผลการเรยี นรู้ • อธบิ ายการกาเนดิ และการเปลีย่ นพลงั งาน สสาร ขนาดอุณหภูมขิ องเอกภพหลงั เกดิ บิกแบงในช่วงเวลาต่าง ๆ ตามววิ ัฒนาการของเอกภพ • อธิบายหลกั ฐานทสี่ นบั สนุนทฤษฎีบิกแบงจากความสมั พนั ธร์ ะหว่างความเรว็ กับระยะทางของกาแลก็ ซี รวมทัง้ ขอ้ มูลการคน้ พบไมโครเวฟพ้ืนหลังจากอวกาศ • อธิบายโครงสรา้ งและองคป์ ระกอบของกาแล็กซีทางชา้ งเผือก และระบตุ าแหน่งของระบบสุรยิ ะพรอ้ มอธิบายเชอ่ื มโยงกับการสังเกตเห็นทางชา้ งเผือก 1

30/06/65 เอกภพและกาแล็กซี มจี ุดกำเนดิ เดยี วกันหรือไม่อยำ่ งไร? การขยายตวั ของเอกภพ 2

30/06/65 การศึกษาเกี่ยวกบั เอกภพ เอกภพ ส่งิ ใดที่เป็น เอกภพ ประกอบข้นึ จาก แรงผลกั ดันให้เอกภพ มีววิ ฒั นาการ วิวัฒนาการตอ่ ไป อะไรบา้ ง อยา่ งไร เอกภพ เอกภพ มจี ุดสิ้นสุดหรอื ไม่ เกิดข้นึ อยา่ งไร อย่างไร จักรวาลวทิ ยา คอื การศึกษาเกย่ี วกบั เอกภพ กฏของฮบั เบิล ฮบั เบิลวดั ปรากฏการณ์การเลื่อนทางแดงของกาแลก็ ซี พบว่า กาแล็กซีสว่ นมากกาลงั เคลือ่ นทอ่ี อกหา่ งจาก กาแล็กซที างชา้ งเผอื ก ทาให้สรปุ ไดว้ า่ เอกภพกาลังขยายตัว ความเ ็รวในการเค ่ืลอน ี่ทถอย ่หาง (กิโลเมตรต่อวินา ีท) ระยะทางระหว่างผู้สงั เกตกับกาแล็กซี (เมกะพารเ์ ซก) 3

30/06/65 กฏของฮบั เบลิ กฏของฮบั เบิล (Hubble ′s Law) กล่าวว่า อตั ราเรว็ ในการเคล่อื นท่ถี อยหา่ งของกาแล็กซีแปรผันตรงกบั ระยะทาง v คือ อตั ราเรว็ ในการเคล่อื นทีถ่ อยห่างของกาแลก็ ซี มหี น่วยเป็น กิโลเมตรตอ่ วนิ าที (km s−1) v = H0D H0 คอื คา่ คงท่ีของฮบั เบิล มีหนว่ ยเป็นกิโลเมตรตอ่ วินาทตี อ่ เมกะพาร์เซก (km s−1Mpc−1) D คือ ระยะหา่ งระหวา่ งผูส้ งั เกตกับกาแล็กซี มีหนว่ ยเปน็ เมกะพาร์เซก (Mpc) (1 เมกะพาร์เซก = 3.26 ล้านปแี สง) คา่ คงท่ขี องฮับเบลิ มีคา่ ประมาณ 70 km s−1 หมายความว่า เอกภพมกี ารขยายตัวด้วยอตั ราเร็ว 70 กิโลเมตรตอ่ วินาที ในทกุ ๆ 1 เมกะพาร์เซก 4

30/06/65 หลักฐานที่สนบั สนุน ทฤษฎีบกิ แบง วิวัฒนำกำรของเอกภพ เอกภพกำเนดิ ข้นึ ตำมทฤษฎบี ิกแบง ดังน้ี 234 5 6 7 8 1 −36 วินำที 10−10 10−4 100 3 แสนปี 1,000 วินำที วนิ ำที วินำที ลำ้ นปี 13,800 ล้ำนปี 1 เกดิ บิกแบง 3 หลงั กำรพองตัว 5 กำเนิดนิวเคลยี ส 7 กำเนิดโครงสรำ้ ง 8 ปัจจุบัน 2 กำรพองตวั ของเอกภพ 4 กำเนดิ โปรตอน 6 รคี อมบิเนชนั 5

30/06/65 ววิ ฒั นาการของเอกภพ เอกภพกาเนดิ ข้นึ ตามทฤษฎบี ิกแบง ดังน้ี 1 −36 วินาที 10−10 10−4 100 3 แสนปี 1,000 ลา้ นปี 13,800 ล้านปี วนิ าที วนิ าที วนิ าที 1 เกิดบิกแบง เอกภพกาเนิดขึน้ เม่อื ประมาณ 13,800 ลา้ นปที ่ีผ่านมา จากจดุ เริ่มต้นทเ่ี รียกวา่ ซงิ กูลารติ ี singularity ซ่งึ ขณะน้ัน เอกภพมีอุณภมู สิ งู มากจนแรงตา่ ง ๆ ในเอกภพหลอมรวมกนั เปน็ แรงเดยี ว และมวลสารไมส่ ามารถรวมตวั กันเปน็ อนุภาคได้ วิวฒั นาการของเอกภพ เอกภพกำเนิดขึ้นตำมทฤษฎบี กิ แบง ดังน้ี 2 1 −36 วินาที 10−10 10−4 100 3 แสนปี 1,000 ลา้ นปี 13,800 ล้านปี วนิ าที วนิ าที วนิ าที 2 การพองตวั ของเอกภพ (inflation) 10−36 วินาทหี ลงั เกิดบกิ แบง เอกภพเข้าสชู่ ว่ งที่เกดิ การขยายตวั อย่างรวดเรว็ โดยกลไกการพองตวั ของเอกภพนน้ั ยังไม่ทราบแน่ชัด ซงึ่ ยังคงเปน็ ปรศิ นาที่นกั เอกภพวิทยากาลังพยายามหาคาตอบ 6

30/06/65 วิวัฒนาการของเอกภพ เอกภพกำเนดิ ข้นึ ตามทฤษฎีบิกแบง ดังนี้ 23 1 −36 วนิ าที 10−10 10−4 100 3 แสนปี 1,000 ลา้ นปี 13,800 ล้านปี วนิ าที วินาที วินาที 3 หลังการพองตวั (post − inflation) 10−10 วนิ าทหี ลงั เกดิ บิกแบง หลงั จากการพองตัวของเอกภพสิน้ สุดลง เอกภพเตม็ ไปด้วยอนภุ าคควาร์ก อิเลก็ ตรอน อนุภาคมลู ฐานอ่นื ๆ ซงึ่ ขณะนัน้ เอกภพมีอณุ หภมู ิประมาณ 1027 องศาเซลเซียส วิวัฒนาการของเอกภพ เอกภพกาเนิดขน้ึ ตามทฤษฎีบิกแบง ดังน้ี 234 1 −36 วินาที 10−10 10−4 100 3 แสนปี 1,000 ลา้ นปี 13,800 ลา้ นปี วินาที วินาที วนิ าที 4 กาเนิดโปรตอน (baryogenesis) 10−4 วนิ าทหี ลงั เกิดบกิ แบง เอกภพเยน็ ตวั ลงอยา่ งรวดเร็ว ซ่ึงอณุ หภูมปิ ระมาณ 1013 องศาเซลเซียส ทาให้ควาร์กสามารถ จับตัวกนั กลายเปน็ โปรตอนและนวิ ตรอน 7

30/06/65 ววิ ัฒนาการของเอกภพ เอกภพกาเนดิ ขน้ึ ตามทฤษฎบี กิ แบง ดงั น้ี 234 5 1 −36 วินาที 10−10 10−4 100 3 แสนปี 1,000 ล้านปี 13,800 ลา้ นปี วินาที วินาที วนิ าที 5 กาเนิดนวิ เคลียส (nucleogenesis) 100 นาทหี ลังเกดิ บกิ แบง เอกภพเยน็ ตวั ลงจนโปรตอนและนวิ ตรอนสามารถรวมตัวกันได้ที่อณุ หภมู ิประมาณ 108 องศาเซลเซยี ส กลายเป็นนิวเคลยี สของธาตไุ ฮโดรเจนประมาณ 75% และธาตฮุ เี ลียมประมาณ 25% โดยไม่พบธาตอุ ่นื ๆ วิวฒั นาการของเอกภพ เอกภพกาเนิดข้นึ ตามทฤษฎีบกิ แบง ดังนี้ 234 5 6 1 −36 วินาที 10−10 10−4 100 3 แสนปี 1,000 ล้านปี 13,800 ลา้ นปี วินาที วนิ าที วนิ าที 6 รีคอมบิเนชนั (recombination) 3 แสนปีหลงั เกิดบกิ แบง เอกภพมอี ุณหภมู ลิ ดลงตา่ กว่า 3,000 องศาเซลเซียส โปรตอนและอิเลก็ ตรอนจึงสามารถรวมตวั กนั เปน็ อะตอม สง่ ผลใหเ้ อกภพเปล่ยี นสภาพเปน็ โปรง่ แสง และปล่อยแสงออกมาจากพลาสมาในลักษณะของรังสีไมโครเวฟพ้นื หลัง เป็น แสงแรกทสี่ งั เกตไดจ้ ากเอกภพ 8

30/06/65 ววิ ัฒนาการของเอกภพ เอกภพกาเนิดขน้ึ ตามทฤษฎบี กิ แบง ดังนี้ 234 5 6 7 1 −36 วินาที 10−10 10−4 100 3 แสนปี 1,000 ล้านปี 13,800 ลา้ นปี วนิ าที วินาที วนิ าที 7 กาเนดิ โครงสร้าง (structure formation) 1,000 ล้านปหี ลังเกดิ บกิ แบง แรงโน้มถว่ งดงึ มวลสารในเอกภพเขา้ หากัน โดยบริเวณที่มีมวลสารหนาแน่นจะดงึ ดดู สว่ นอื่นๆ เข้ามารวมตวั กนั มากข้นึ เกิดเปน็ โครงสรา้ งซงึ่ นาไปสกู่ ารพัฒนาเปน็ กระจุกกาแล็กซี สว่ นบรเิ วณที่มีมวลสารหนาแนน่ น้อย มวลสารจะไหลออกไป บรเิ วณน้ันจึงกลายเปน็ ทวี่ ่าง ววิ ัฒนาการของเอกภพ เอกภพกาเนิดข้ึนตามทฤษฎีบิกแบง ดงั น้ี 234 5 6 7 8 1 −36 วนิ าที 10−10 10−4 100 3 แสนปี 1,000 ลา้ นปี 13,800 ลา้ นปี วนิ าที วินาที วินาที 8 ปัจจุบัน 13,800 ลา้ นปหี ลังเกิดบิกแบง เอกภพประกอบไปดว้ ยดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ กาแล็กซีกระจกุ กาแล็กซี และมวลสารตา่ ง ๆ 9

30/06/65 สมบตั ิของเอกภพ เอกภพมคี ณุ สมบตั ิสาคัญ 2 ประการ ท่สี าคัญยงิ่ ต่อการทาความเข้าใจเอกภพ ดงั น้ี 1 เอกภพมีลักษณะเป็นเนื้อเดียวกนั (homegeneous) ทุกบรเิ วณของเอกภพมี ลักษณะเหมือนกนั ทกุ ประการ 2 เอกภพมีลกั ษณะเหมือนกนั ทกุ ทิศทาง (anisotropic) ไมว่ า่ จะสงั เกตเอกภพ ในทศิ ทางใด จะพบวา่ เอกภพมลี ักษณะไมต่ า่ งกนั รังสีไมโครเวฟพืน้ หลงั รังสไี มโครเวฟพนื้ หลงั เกิดขึ้นในช่วงรีคอมบิเนชนั เป็นรงั สที ่ีแผท่ ุกทิศทกุ ทางและมีปริมาณเท่ากันทกุ สว่ น ซึ่งสอดคล้องกับ ทฤษฎกี ารแผ่รังสีของวัตถุดา ทอ่ี ุณหภมู ิ 2.7 เคลวนิ โดยจดุ มแี ดงและสีฟา้ แสดงถึงความแตกตา่ งของอณุ หภมู ิ 10

30/06/65 อนาคตของเอกภพ อัตราในการขยายตัวปจั จบุ นั ของเอกภพน้ันเพยี งพอทจี่ ะเอาชนะแรงโนม้ ถ่วงไดห้ รอื ไม่ สามารถพจิ ารณาไดจ้ ากเอกภพที่เต็ม ไปด้วยความหนาแน่นเฉลย่ี เท่ากนั ทกุ บริเวณ โดยความเร็วขนั้ ต่าทจี่ ะทาให้เอกภพไม่ยุบตวั กค็ ือ ความเร็วหลดุ พ้น ves คือ ความเร็วหลดุ พน้ 2GM G คือ ค่าคงตัวความโนม้ ถ่วง (gravitational constant) r มคี ่า 6.67 × 10−11Nm2kg−2 ves = M คือ มวลทั้งหมดที่อยูภ่ ายในระบบ r คือ รัศมีของระบบ อนาคตของเอกภพ หากพิจารณาตามการยบุ ตัวเนอื่ งจากแรงโนม้ ถ่วง สามารถคาดการณ์อนาคตการขยายตวั ของเอกภพได้ 3 กรณี 1 เมื่อความหนาแนน่ เฉล่ียของเอกภพมคี ่ามากกวา่ ความหนาแนน่ วิกฤตของเอกภพ ρ > ρc เอกภพจะชะลอการขยายตัวลงเรื่อย ๆ จนในทส่ี ดุ หยดุ นิ่งก่อนทจ่ี ะหดกลับเขา้ มาอกี คร้ัง ซ่ึงเรียกว่า big crunch 2 เมื่อความหนาแนน่ เฉลย่ี ของเอกภพมีคา่ น้อยกว่าความหนาแนน่ วิกฤตของเอกภพ ρ < ρc เอกภพจะขยายตัวช้าลงเรื่อย ๆ เหลือเพียงซากกระจกุ กาแลก็ ซีทอ่ี ยหู่ า่ งกนั ออกไปไม่มีท่สี ิ้นสดุ 3 เมื่อความหนาแนน่ เฉลี่ยของเอกภพมคี า่ เท่ากับความหนาแนน่ วิกฤตของเอกภพ ρ = ρc เอกภพจะขยายตวั ช้าลงเรือ่ ยๆ แต่ไปหยุดท่รี ะยะอนนั ต์ 11

30/06/65 องค์ประกอบและความหนาแน่น สัมพัทธ์ของเอกภพ องคป์ ระกอบของเอกภพ สสาร โฟตอน สสารมืด พลังงานมดื (baryonic matter) (photon) (dark matter) (dark energy) สสารทุกอย่างท่ีมนุษย์รู้จกั ธาตุทกุ อนุภาคของแสงซึ่งโฟตอนในเอกภพ มวลของสสารสว่ นมากในเอกภพ พลังงานบางอยา่ งทีม่ ีผลทาให้ ธาตุในตารางธาตุ และอนภุ าคทกุ ปัจจุบันสว่ นใหญ่อยู่ในรูปของรงั สี ทไ่ี มม่ ีแรงตอบสนองตอ่ แรง เอกภพขยายตวั แบบมคี วามเร่ง แม่เหลก็ ไฟฟา้ ชนดิ ไมโครเวฟพนื้ หลงั 12

30/06/65 ความหนาแนน่ สัมพทั ธข์ องเอกภพ ความหนาแน่นสมั พนั ธ์ของเอกภพ สามารถหาได้จากสมการ ดงั น้ี Ω = ρ Ω คือ ความหนาแนน่ สัมพัทธข์ องเอกภพ ρc ρ คอื ความหนาแน่นเฉล่ียของเอกภพ ρc คือ ความหนาแนน่ วกิ ฤตของเอกภพ ความหนาแน่นสัมพทั ธ์ของเอกภพ ความหนาแน่นสมั พทั ธ์ของเอกภพ เป็นตวั บ่งบอกถงึ รูปทรงเรขาคณติ และความโคง้ งอของเอกภพ (โครงสร้างปรภิ มู ิเวลาของ เอกภพ) ซ่ึงรูปทรงทางเรขาคณิตและความโคง้ งอทีเ่ ปน็ ไปได้ของเอกภพมีทั้งสน้ิ 3 แบบ เมือ่ ความหนาแนน่ สมั พัทธ์มีคา่ มากกว่า 1 เม่ือความหนาแนน่ สมั พทั ธม์ ีคา่ เทา่ กับ 1 เมอ่ื ความหนาแน่นสัมพทั ธ์มีค่าน้อยกว่า 1 (Ω0 > 1) (Ω0 = 1) (Ω0 < 1) เอกภพจะมคี วามโคง้ เป็นบวก เอกภพจะมีความโคง้ เปน็ ศนู ย์ เอกภพจะมีความโคง้ เปน็ บวก เรียกวา่ เรยี กว่า เรียกวา่ เอกภพแบบปดิ (closed universe) เอกภพแบนราบ (flat universe) เอกภพแบบเปดิ (open universe) 13

30/06/65 ผลการสงั เกตการณท์ างดาราศาสตรท์ ีแ่ สดงถงึ โครงสร้างของเอกภพ เอกภพแบบเปดิ เอกภพแบนราบ เอกภพแบบปดิ ผลสรปุ จากโครงการสารวจการกระจายตวั ของรงั สไี มโครเวฟพ้นื หลงั จากอวกาศพบวา่ ความหนาแนน่ เฉลีย่ ของเอกภพมคี ่า เทา่ กับความหนาแนน่ วิกฤตของเอกภพ ดังนนั้ สรปุ ได้วา่ เอกภพมีโครงสร้างปริภมู เิ วลา 4 มิติ แบบแบนราบ กาแล็กซีและกาแล็กซี ทางชา้ งเผอื ก 14

30/06/65 การกาเนดิ และววิ ฒั นาการของกาแลก็ ซี กาแล็กซีแรกกาเนดิ เมอื่ ประมาณ 500 ลา้ นปีหลังจากที่เอกภพกาเนิดข้ึน ในช่วงแรกเอกภพประกอบไปด้วยแก๊สไฮโดรเจน และฮีเลียม ซ่ึงบางบริเวณที่มีความหนาแน่นของแก๊สมากจะมีแรงดึงดูดให้แก๊สรวมตัวกันมากขึ้น แล้วเริ่มยุบตัวลงเป็น โครงสร้างขนาดใหญก่ ่อนท่ีจะเปน็ กาแล็กซี เรยี กวา่ กาแลก็ ซกี ่อนเกดิ (protogalaxy) ประเภทของกาแลก็ ซี 1 กาแล็กซที รงรี (elliptical galaxy) แทนสญั ลักษณ์ E ตามด้วยเลข 1 − 7 เพ่อื แสดงความรขี องกาแล็กซี ไมม่ ีโครงสร้างแบบจาน จงึ มี อตั ราการเกดิ ของดาวฤกษต์ า่ ประกอบดว้ ยดาวฤกษท์ ่มี อี ายมุ าก แตม่ ีมวลนอ้ ย ดาวฤกษ์ท่ีมวี งโคจร ทค่ี อ่ นข้างเป็นไปแบบสุ่ม 15

30/06/65 ประเภทของกาแลก็ ซี 2 กาแลก็ ซีกังหัน (spiral galaxy) 1. นิวเคลยี ส (nucleus) บรเิ วณ 3. เฮโล (halo) บริเวณทรงกลมท่ี แกน่ หรือส่วนป่องตรงกลางกาแลก็ ซี ล้อมรอบส่วนจานกาแล็กซเี ป็นบริเวณ มดี าวฤกษ์หนาแน่นมากทสี่ ุด ท่ีมีฝุ่นและแก๊ส ซึ่งจะพบแต่ดาวฤกษ์ อายุมาก 2. จาน (disk) เปน็ บริเวณที่แบน ออกเปน็ ระนาบประกอบไปดว้ ยฝุ่ น และแกส๊ มีแขนหมุนเป็นเกลยี วรอบ แกนกาแล็กซี กาแล็กซกี งั หัน สามารถจาแนกได้ 2 แบบ 1 กาแล็กซกี งั หนั แบบธรรมดา 2 กาแล็กซีกังหันแบบมีคาน (normal spiral galaxy) (barred spiral galaxy) แทนสัญลกั ษณ์ S แทนสัญลักษณ์ SB ตามดว้ ยอักษร a b c เพื่อแสดงขนาด ตามด้วยตัวอกั ษร a b c เชน่ กัน คล้ายกาแล็กซีกังหันแบบธรรมดา แตม่ ีสว่ น ของสว่ นปอ่ งตรงกลาง ยดื ออกมาเป็นคาน 16

30/06/65 ประเภทของกาแลก็ ซี 3 กาแล็กซรี ูปเลนส์ (lenticular galaxy) แทนสัญลักษณ์ SO มีลกั ษณะก้าก่ึงระหว่างกาแล็กซีรกี บั กาแลก็ ซกี งั หนั มสี ว่ นปอ่ งตรงกลาง ขนาดใหญ่ ประเภทของกาแลก็ ซี 4 กาแล็กซีแบบไร้รปู รา่ ง (irregular galaxy) แทนสัญลักษณ์ I ไมม่ ีรูปร่างที่แน่นอน เกิดจากการหลอมรวมหรอื ชนกนั ของกาแล็กซีมากกว่า สองกาแลก็ ซีขึน้ ไป 17

30/06/65 กาแล็กซที างช้างเผือก ในคืนทีม่ ืดสนิทปราศจากเมฆบดบงั ผ้สู งั เกตทีอ่ ยบู่ นโลกสามารถสงั เกตเห็นแถบสวา่ งพาดไปบนท้องฟา้ ที่ประกอบดว้ ย ดวงดาวนบั พนั ล้านดวงในกาแล็กซขี องเรา แถบสว่างนี้เปน็ ท่มี าของช่อื กาแล็กซขี องเราว่า กาแล็กซีทางชา้ งเผอื ก กระจกุ กาแลก็ ซี กระจุกกาแล็กซีประกอบด้วย สสารภายในกระจุกกาแล็กซี intracluster medium; ICM และมวลส่วนมาก ของกาแล็กซที ีย่ ึดกระจกุ กาแล็กซไี วด้ ้วยกนั ประกอบด้วยสสารทีไ่ มส่ ่องแสงใดออกมาเลยเรยี กว่า สสารมืด 18

30/06/65 สรปุ เอกภพและกาแลก็ ซี เอกภพ กาแล็กซี ประเภทของกาแล็กซี กาแลก็ ซีทรงรี ทฤษฎีบิกแบง เอกภพขยายตัว กาแลก็ ซที างช้างเผือก กาแล็กซกี งั หัน กาแล็กซีรปู เลนส์ (เกิดบิกแบง → การพองตวั ของเอกภพ → กาเนิดโปรตอน หลกั ฐานสนบั สนนุ ทฤษฎบี กิ แบง กระจุกกาแล็กซี กาแลก็ ซแี บบไร้รปู รา่ ง → หลงั การพองตัว → กาเนดิ นิวเคลียส → รีคอมบิเนชัน → ปัจจบุ นั → กาเนิดโครงสร้าง) รงั สไี มโครเวฟพื้นหลัง เปน็ กาแลก็ ซที ี่เราอาศยั อยู่ เปน็ กาแล็กซกี งั หนั แบบมีคาน คณุ สมบตั ขิ องเอกภพ องคป์ ระกอบของเอกภพ มีลกั ษณะเป็นเนือ้ เดียวกัน สสาร มลี ักษณะเหมอื นกันทกุ ประการ โฟตอน สสารมดื ความหนาแนน่ สมั พทั ธข์ องเอกภพ (Ω0) พลงั งานมดื เอกภพปดิ (Ω0 > 1) เอกภพแบนราบ (Ω0 = 1) เอกภพเปิด (Ω0 < 1) 19