รายงานวชิ าการ เร่อื ง สามัคคีเภทคำฉันท์ นายจิรัญธนิน จดั ทำโดย นายนรินทร์ คงสำราญ ม.๖.๗ เลขที่ ๑ นายวีสมธิ เอยี่ มบญุ ม.๖.๗ เลขที่ ๗ นายศิรวัฒน์ แก้วประดษิ ฐ์ ม.๖.๗ เลขที่ ๑๒ นางสาวแอนนา สมประสงค์ ม.๖.๗ เลขท่ี ๑๓ ตาแสง ม.๖.๗ เลขท่ี ๔๐ เสนอ คณุ ครูณฐั ยา อาจมังกร รายงานฉบบั น้เี ปน็ ส่วนหนง่ึ ของวิชาภาษาไทย ท๓๓๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๖ โรงเรยี นมธั ยมวัดหนองแขม
รายงานวิชาการ เร่ือง สามัคคเี ภทคำฉนั ท์ นายจิรัญธนิน จัดทำโดย นายนรนิ ทร์ คงสำราญ ม.๖.๗ เลขท่ี ๑ นายวีสมิธ เอีย่ มบญุ ม.๖.๗ เลขท่ี ๗ นายศริ วฒั น์ แกว้ ประดิษฐ์ ม.๖.๗ เลขท่ี ๑๒ นางสาวแอนนา สมประสงค์ ม.๖.๗ เลขที่ ๑๓ ตาแสง ม.๖.๗ เลขที่ ๔๐ เสนอ คุณครูณัฐยา อาจมังกร รายงานฉบบั น้เี ป็นสว่ นหนึง่ ของวิชาภาษาไทย ท๓๓๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๖ โรงเรยี นมัธยมวัดหนองแขม
๑ คำนำ รายงานเรือ่ ง “สามคั คีเภทคำฉันท์” ฉบบั นี้ จดั ทำขึ้นเพอื่ เปน็ ส่วนหน่ึงของวิชาภาษาไทย รหสั วิชา ท๓๓๑๐๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ ๖ โดยมวี ัตถุประสงค์เพ่ือศกึ ษาความรู้เกย่ี วกับสามัคคี เภทคำฉันท์ ซง่ึ รายงานฉบับน้ีมีเน้ือหาเก่ยี วกับประวตั ผิ แู้ ต่ง จุดประสงค์ในการแต่ง ท่ีมาของ เรื่อง ลักษณะคำประพันธ์ เรื่องยอ่ ก่อนบทเรยี น ถอดคำประพนั ธ์ คำยากและคุณค่าวรรณคดี การศึกษาค้นขวา้ เรื่อง “สามคั คีเภทคำฉันท์” ฉบบั นี้ คณะผู้จัดทำได้วางแผนการดำเนนิ งานการศกึ ษาเป็นระยะเวลา ๑ เดือน โดยไดศ้ กึ ษาหาความรผู้ ่านแหล่งความรู้ต่างๆ อาทเิ ชน่ หนงั สอื เรยี น และจากเว็บไซต์ตา่ งๆ คณะผ้จู ัดทำคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รายงานฉบบั นี้จะเปน็ ประโยชน์ตอ่ ผู้ท่สี นใจ หรอื นักเรียน นักศกึ ษา ที่กำลังศกึ ษาหาข้อมลู เรือ่ งนอ้ี ยู่ หากมีข้อผิดพลาดประการใด คณะผู้จัดทำ ขอน้อมรับไว้และขออภัยมา ณ ทีน่ ี้ คณะผู้จัดทำ
สารบัญ ๒ เรอ่ื ง หน้า คำนำ ๑ สารบญั ๒ บทท่ี ๑ ๓ ๑.๑ ผ้แู ต่ง ๔-๖ ๑.๒ จดุ ประสงค์ในการแตง่ บทท่ี ๒ ๗-๓๖ ๒.๑ ทีม่ าของเรอ่ื ง ๒.๒ ลกั ษณะคำประพันธ์ ๓๗-๔๑ บทที่ ๓ ๔๒ ๓.๑ เร่ืองยอ่ กอ่ นบทเรียน ๓.๒ ถอดคำประพันธ์ บทที่ ๔ - ๔.๑ คำยาก - ๔.๒ คณุ คา่ วรรณคดี บรรณานกุ รม
๓ บทท่ี ๑ ๑.๑ ผแู้ ตง่ นายชิต บรุ ทัต กวใี นรชั กาลที่ ๖ ในขณะที่บรรพชาเป็นสามเณร อายเุ พียง ๑๘ ปี ได้เข้า รว่ มแต่งฉนั ทส์ มโภชพระมหาเศวตฉัตรในงานราชพิธีฉตั รมงคลรัชกาลที่ ๖ เมอื่ อายุ ๒๒ ปี ได้สง่ กาพยป์ ลกุ ใจลงในหนังสอื พิมพ์ “สมุทรสาร” นายชิตมนี ามสกุลเดิมวา่ “ชวางกูร” เม่ืออายุ ๒๓ ปไี ด้รับพระราชทานนามสกลุ “บุรทตั ” จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ในปี ๒๔๕๐ ใช้ นามปากกาวา่ “เจา้ เงาะ เอกชน และ แมวคราว” ๑.๒ จุดประสงคใ์ นการแต่ง เพือ่ มุ่งช้คี วามสำคัญของการรวมเป็นหมคู่ ณะเป็นนำ้ หน่ึงใจเดยี วกันเพ่อื ปอ้ งกนั รกั ษา บา้ นเมอื งให้มีความเปน็ ปึกแผน่ สามัคคเี ภทคำฉันท์ เปน็ กวีนทิ านสภุ าษติ ว่าด้วย “โทษแหง่ การแตกสามคั คี” ภายหลังไดร้ บั การยกยอ่ งเป็นตำราเรียนวรรณกรรมไทยทส่ี ำคัญเล่มหนึง่ ท้งั ใน อดตี และปจั จบุ นั
๔ บทที่ ๒ ๒.๑ ท่ีมาของเร่ือง “สามัคคีเภทคำฉันท”์ เกิดจากวกิ ฤตการณ์ทง้ั ภายในและภายนอกประเทศในสมัยรัชกาล ท่ี ๖ เชน่ สงครามโลกครงั้ ที่ ๑, กบฏร.ศ.๑๓๐ ประกอบกบั คนไทยในสมัยนัน้ ได้รบั การศกึ ษา มากขนึ้ ทำให้เกิดแนวความคิดเกี่ยวกับกิจการบา้ นเมอื งท่ีหลากหลาย จงึ สง่ ผลกระทบตอ่ ความ มัน่ คงของบา้ นเมือง ทำใหใ้ นช่วงดงั กล่าวมกั เกดิ ความนยิ มแตง่ วรรณคดปี ลุกใจให้รักชาติ “สามคั คเี ภทคำฉันท์” ก็เป็นวรรณคดีเร่ืองหนงึ่ ทมี่ ่งุ ชีใ้ ห้เห็นถึงความสำคญั ของความสามัคคี การรวมเปน็ หมคู่ ณะ การเป็นน้ำหน่ึงใจเดียวกนั สามคั คเี ภทคำฉันทจ์ งึ ถอื เปน็ วรรณคดีที่มี เน้ือหาเป็นคติสอนใจ ๒.๒ ลักษณะคำประพนั ธ์ สามัคคีเภทคำฉนั ท์ แต่งด้วยคำประพนั ธ์ประเภทฉันท์ ๑๙ ชนิด กาพย์ ๑ ชนิด ได้แก่ ๑) สทั ทลุ วิกกีฬติ ฉันท์ ๑๙ เปน็ ฉนั ท์ทมี่ ีลีลาการอา่ นสงา่ งาม เคร่งขรมึ มีอำนาจดจุ เสือผยอง ใช้แตง่ สำหรบั บทไหวค้ รู บทสดุดี ยอพระเกยี รติ ๒) วสันตดิลกฉนั ท์ ๑๔ เปน็ ฉันทท์ ่ีมีลลี าไพเราะ งดงาม เยือกเย็นดุจเม็ดฝน ใช้สำหรับ บรรยาย หรือพรรณนาช่ืนชมสง่ิ ท่สี วยงาม ๓) อปุ ชาติฉนั ท์ ๑๑ นิยมแต่งสำหรับบทเจรจาหรือบรรยายความเรยี บๆ ๔) อีทิสังฉนั ท์ ๒๑ เปน็ ฉนั ท์ทีม่ ีจงั หวะกระแทกกระทั้น เกรย้ี วกราด โกรธแคน้ และอารมณ์ รุนแรง เช่น รักมาก โกรธมาก ตืน่ เต้น คึกคะนอง หรอื พรรณนา ความสบั สน
๕ ๕) อนิ ทรวเิ ชียรฉนั ท์ ๑๑ เป็นฉันท์ท่มี ีลีลาสวยงามดจุ สายฟา้ พระอินทร์ มลี ลี า อ่อนหวาน ใชบ้ รรยายความหรอื พรรณนาเพ่อื โน้มนา้ วใจให้อ่อนโยน เมตตาสงสาร เอ็นดู ให้อารมณ์เหงา และเศรา้ ๖) วิชชุมมาลาฉันท์ ๘ หมายถึง ระเบยี บแห่งสายฟา้ เป็นฉนั ท์ท่ีใชใ้ นการบรรยายความ
๖ ๗) อนิ ทรวงศฉ์ ันท์ ๑๒ เป็นฉนั ทท์ ีม่ ลี ีลาตอนท้ายไม่ราบเรียบ คล้ายกลบท“สะบัดสะบ้งิ ” ใชใ้ นการบรรยายความหรอื พรรณนาความ ๘) วงั สัฏฐฉนั ท์ ๑๒ เปน็ ฉันท์ที่มีสำเนียงอันไพเราะเหมือนเสยี งปี่ ๙) มาลนิ ฉี ันท์ ๑๕ เปน็ ฉันท์ที่ใช้ในการแตง่ กลบทหรอื บรรยายความท่ีเคร่งขรมึ เปน็ สงา่ ๑๐) ภุชงคประยาตฉนั ท์ ๑๒ เป็นฉันทท์ ่ีมีลีลางามสง่าดจุ งเู ลื้อย นิยมใช้แต่งบทที่ดำเนินเร่ือง อย่างรวดเร็วและคกึ คัก ๑๑) มาณวกฉนั ท์ ๘ เปน็ ฉันทท์ ่ีมีลีลาผาดโผน สนกุ สนาน ร่าเรงิ และ ต่ืนเตน้ ดจุ ชายหนุ่ม ๑๒) อเุ ปนทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ เปน็ ฉันทท์ ม่ี ีความไพเราะใช้ในการบรรยายบทเรียบๆ ๑๓) สทั ธราฉันท์ ๒๑ มีความหมายว่า ฉันทย์ ังความเล่ือมใสให้เกิดแกผ่ ู้ฟัง จึงเหมาะเปน็ ฉันท์ ทใี่ ช้สำหรับแตง่ คำนมสั การ อธษิ ฐาน ยอพระเกียรติ หรืออัญเชิญเทวดา ใชแ้ ตง่ บทสัน้ ๆ ๑๔) สาลินฉี ันท์ ๑๑ เปน็ บทท่ีมคี ำครุมาก ใช้บรรยายบททเี่ ปน็ เน้ือหาสาระเรยี บๆ ๑๕) อปุ ัฏฐติ าฉนั ท์ ๑๑ เปน็ ฉันท์ท่เี หมาะสำหรับใช้บรรยายบทเรยี บๆ แต่ไม่คอ่ ยนิยมแต่ง ๑๖) โตฏกฉันท์ ๑๒ เปน็ ฉันท์ท่มี ีลีลาสะบัดสะบ้ิงเหมอื นประตักแทงโค ใช้แต่งกับ บทท่แี สดงความโกรธเคอื ง ร้อนรน หรือสนุกสนาน คึกคะนอง ตน่ื เตน้ และเร้าใจ ๑๗) กมลฉันท์ ๑๒ หมายถึง ฉนั ทมี่ ีความไพเราะเหมอื นดงั ดอกบัว ใชก้ ับบทท่ีมีความตืน่ เต้น เล็กน้อยและใช้บรรยายเรอ่ื ง ๑๘) จติ รปทาฉันท์ ๘ เปน็ ฉนั ท์ทเี่ หมาะสำหรับบททนี่ า่ กลวั เอะอะ เกร้ียวกราด ต่นื เต้น ตกใจ ๑๙) สรุ างคนางค์ฉนั ท์ ๒๘ มีลกั ษณะการแตง่ คลา้ ยกาพยส์ รุ างคนางค์ ๒๘ แต่ต่างกนั ทม่ี ี ข้อบังคบั ครุ ลหุ เพมิ่ ขึ้นมา ทำให้เกดิ ความไพเราะมากยง่ิ ข้นึ เหมาะสำหรบั ขอ้ ความทคี่ ึกคกั สนกุ สนาน โลดโผน ตนื่ เตน้ ๒๐) กาพยฉ์ บงั ๑๖ เป็นกาพยท์ มี่ ีลลี าสงา่ งาม ใชส้ ำหรบั บรรยายความงามหรอื ดำเนินเรือ่ ง อย่างรวดเรว็
๗ บทที่ ๓ ๓.๑ เรื่องยอ่ กอ่ นบทเรียน สามคั คเี ภทคำฉนั ท์ ดำเนนิ เรอื่ งโดยองิ ประวตั ศิ าสตรค์ รง้ั พทุ ธกาล วา่ ด้วยการใช้ เลห่ อ์ บุ ายทำลายความสามัคคขี องเหลา่ กษัตริยล์ ิจฉวีกรงุ เวสาลี แหง่ แคว้นวัชชี เนอ้ื ความนี้ มปี รากฏในมหาปรนิ พิ พานสตู รแหง่ พระไตรปฎิ กและอรรถกถาสมุ งั คล วิสาสินี โดยเล่าถึง ถึงกษตั ริยใ์ นสมัยโบราณทรงพระนามวา่ พระเจา้ อชาตศัตรแู ห่งแคว้น มคธ ทรงมอี ำมาตย์คน สนทิ ช่ือวสั สการพราหมณ์ พระเจ้าอชาตศัตรูทรงมีดำริจะปราบแคว้นวชั ชี ซึง่ มกี ษัตรยิ ล์ จิ ฉวี ครอบครอง แต่แควน้ วัชชมี ีความเปน็ ปึกแผ่นและปกครอง กนั ดว้ ยความสามคั คี พระเจา้ อชาต ศตั รูปรึกษากบั วัสสการพรามหมณเ์ พ่ือหาอบุ ายทำลายความสามัคคขี องเหลา่ กษัตรยิ ์ลิจฉวีโดย การแสร้งเนรเทศวสั สการพราหมณ์ ออกจากแคว้นมคธเดินทางไปยังเมอื งเวสาลี แล้วทำอุบาย จนได้เขา้ เฝ้ากษัตริย์ลิจฉวี ๓.๒ ถอดคำประพันธ์ ภุชงคประยาตฉนั ท์ ๑๒ ⊙ ทิชงคช์ าตฉิ ลาดยล คะเนกลคะนงึ การ กษัตริยล์ ิจฉวีวาร ระวงั เหอื ดระแวงหาย ⊙ เหมาะแก่การณ์จะเสกสรร ปวัตน์วัญจโนบาย มล้างเหตุพิเฉทสาย สมัครสนธ์สิ โมสร ถอดคำประพนั ธ์ไดว้ า่ พราหมณ์ผู้ฉลาดคาดคะเนว่ากษัตริย์ลจิ ฉวีวางใจคลายความ หวาดระแวง เป็นโอกาส เหมาะท่จี ะเริ่มดำเนินการตามกลอุบายทำลายความสามัคคี
๘ ⊙ ณ วนั หนึ่งลุถึงกา ลศกึ ษาพิชากร กมุ ารลิจฉววี ร เสด็จพรอ้ มประชุมกัน ⊙ ตระบดั วัสสการมา สถานราชเรยี นพลนั ธ แกลง้ เชิญกุมารฉัน สนิทหนง่ึ พระองค์ไป ⊙ ลหุ อ้ งหับรโหฐาน กถ็ ามการณ์ ณ ทันใด มิลลี้ บั อะไรใน กถาเชน่ ธ ปจุ ฉา ถอดคำประพันธ์ไดว้ ่า วนั หน่งึ เม่ือมีโอกาสที่จะสอนวิชา กุมารลิจฉวีกเ็ สด็จมาโดยพร้อมเพรียงกนั ทันใดวัสสกา รพราหมณก์ ็มาถึงและแกล้งเชญิ พระกุมารพระองคท์ ี่สนิทสนมเข้าไปพบในห้องส่วนตวั แลว้ ก็ ทลู ถามเรอ่ื งท่ีไมใ่ ช่ความลับแต่ประการใด ⊙ จะถูกผดิ กระไรอยู่ มนษุ ยผ์ ้กู ระทำนา และคโู่ คกจ็ ูงมา ประเทียบไถมใิ ช่หรือ ⊙ กมุ ารลิจฉวีขัตติย์ ก็รับอรรถออออื กสกิ เขากระทำคือ ประดุจคำพระอาจารย์ ⊙ กเ็ ทา่ นนั้ ธ เชิญให้ นิวตั ในมิชา้ นาน ประสิทธิศ์ ิลป์ประศาสนส์ าร สมยั เลิกลุเวลา ถอดคำประพนั ธไ์ ดว้ ่า ดังเชน่ ถามวา่ ชาวนาจงู โคมาคหู่ น่งึ เพอ่ื เทียมไถใชห่ รือไม่ พระกุมาลจิ ฉวีก็รับส่งั เห็นดว้ ยว่า ชาวนากค็ งจะกระทำดงั คำของพระอาจารย์ ถามเพยี งเท่านัน้ พรามณก์ เ็ ชิญใหเ้ สด็จกลับออกไป
๙ ⊙ อุรสลจิ ฉวีสรร พชวนกนั เสดจ็ มา และตา่ งซักกุมารรา ชองคน์ ้ันจะเอาความ ⊙ พระอาจารย์สิเรียกไป ณ ขา้ งใน ธ ไตถ่ าม อะไรเธอเสนอตาม วจีสัตย์กะสำ่ เรา ⊙ กุมารนั้นสนองสา รวากยว์ าทตามเลา เฉลยพจนก์ ะครเู สา วภาพโดยคดมี า ถอดคำประพันธไ์ ดว้ ่า ครั้นถงึ เวลาเลกิ เรียนเหล่าโอรสลฉิ วกี ็พากันมาซักไซ้ พระกมุ ารว่าพระอาจารย์เรยี กเข้าไป ข้างใน ได้ไต่ถามอะไรบ้าง ขอให้บอกตามความจริง พระกุมารพระองคน์ ัน้ กเ็ ล่าเรอ่ื งราวทพ่ี ระ อาจารย์เรยี กไปถาม ⊙ กมุ ารอื่นกส็ งสัย มเิ ชอ่ื ในพระวาจา สหายราช ธ พรรณนา และต่างองคก์ ็พาที ⊙ ไฉนเลยพระครเู รา จะพดู เปล่าประโยชน์มี เลอะเหลวนักละล้วนน้ี รผลเหน็ บ เปน็ ไป ⊙ เถอะถงึ ถา้ จะจรงิ แม้ ธ พดู แทก้ ท็ ำไม แนะชวนเข้า ณ ข้างใน จะถามนอก บ ยากเย็น ถอดคำประพันธ์ได้ว่า แต่เหลา่ กมุ ารสงสัยไมเ่ ชอ่ื คำพดู ของพระสหาย ต่างองคก์ ว็ จิ ารณว์ า่ พระอาจารย์จะพูด เรือ่ งเหลวไหลไร้สาระเชน่ น้เี ปน็ ไปไมไ่ ด้ และหากว่าจะพูดจรงิ เหตใุ ดจะตอ้ งเรยี กเข้าไปถามข้าง ในห้อง ถามข้างนอกหอ้ งกไ็ ด้
๑๐ ⊙ ชะรอยว่าทิชาจารย์ ธ คิดอ่านกะท่านเป็น รหสั เหตุประเภทเห็น ละแนช่ ดั ถนัดความ ⊙ และทา่ นมามุสาวาท มิกล้าอาจจะบอกตาม พจจี รงิ พยายาม ไถลแสร้งแถลงสาร ถอดคำประพันธไ์ ด้ว่า สงสยั วา่ ท่านอาจารก์ บั พระกมุ ารตอ้ งมคี วามลบั อย่างแนน่ อน แลว้ กม็ าพูดโกหก ไมก่ ลา้ บอกตามความจรงิ แกล้งพูดไปตา่ งๆนานา ⊙ กุมารราชมิตรผอง กส็ อดคลอ้ งและแคลงดาล พโิ รธกาจววิ าทการณ์ อบุ ัตขิ น้ึ เพราะขุ่นเคือง ⊙ พพิ ธิ พนั ธไมตรี ประดามีนิรันตร์เนือง กะองคน์ ้ันก็พลันเปลอื ง มลายปลาตพนิ าศปลง ฯ ถอดคำประพันธไ์ ด้ว่า กมุ ารลจิ ฉวีทั้งหลายเห็นสอดคล้องกนั กเ็ กิดความโกรธเคือง การทะเลาะวิวาทก็เกิดขนึ้ เพราะความขุน่ เคอื งใจ ความสัมพนั ธ์อันดเี คยมีมาตลอดก็ถูกทำลายย่อยยับลง
๑๑ มาณวกฉันท์ ๘ ⊙ ล่วงลปุ ระมาณ กาลอนุกรม หนง่ึ ณ นยิ ม ทา่ นทวิชงค์ เมื่อจะประสิทธิ์ วิทยะยง เชิญวรองค์ เอกกุมาร ⊙ เธอจรตาม พราหมณไป โดยเฉพาะใน หอ้ งรหุฐาน จึง่ พฤฒถิ าม ความพสิ ดาร ขอ ธ ประทาน โทษะและไข ถอดคำประพันธ์ได้ว่า เวลาผ่านไปตามลำดับ เมอื่ ถงึ คราที่จะสอนวชิ ากจ็ ะเชญิ พระกมุ ารพระองค์หน่งึ พระกุมาร ก็ตามพราหมณเ์ ข้าไปในห้องเฉพาะพรามณ์จงึ ถามเนอ้ื ความแปลกๆว่า ขออภัยช่วยตอบด้วย
๑๒ ⊙ อยา่ ติและหลู่ ครจู ะเฉลย เธอนะ่ เสวย ภัตกะอะไร ในทินนี่ ดี ฤ ไฉน พอหฤทยั ยิ่งละกระมัง ⊙ ราช ธ กเ็ ล่า เคา้ ณ ประโยค ตนบรโิ ภค แล้วขณะหลงั วาทประเทือง เร่ืองสปิ ระทงั อาคมยงั สกิ ขสภา ถอดคำประพันธไ์ ดว้ ่า อย่าหาว่าตำหนิหรือลบหลู่ ครขู อถามวา่ วนั น้ีพระกุมารเสวยพระกระยาหารอะไรรสชาติ หรือไม่ พอพระทัยมากหรอื ไม่ พระกมุ ารกเ็ ลา่ เรอื่ งเกยี่ วกับพระกระยาหารที่เสวยหลังจากน้นั ก็ สนนาเรอื่ งทั่วไป แลว้ กเ็ สดจ็ กลบั ออกมายงั นอกหอ้ งเรยี น ⊙ เสรจ็ อนุศาสน์ ราชอุรส ลิจฉวิหมด ต่าง ธ ก็มา ถามนยมาน ท่านพฤฒิอา จารยปรา รภกระไร แจง้ ระบุมวล ⊙ เธอกแ็ ถลง จรงิ หฤทัย ความเฉพาะล้วน เมอื่ ตริไฉน ตา่ ง บ มเิ ชือ่ เหตุ บ มิสม จ่ึงผลใน
๑๓ ถอดคำประพนั ธ์ได้ว่า เมอ่ื เสร็จส้ินการสอนราชกมุ ารลิจฉวีทง้ั หมดกม็ าถามเร่ืองราวท่ีมมี าว่าท่านอาจารย์ไดพ้ ดู เรือ่ งอะไรบา้ ง พระกุมารก็ตอบตามความเปน็ จรงิ แตเ่ หล่ากมุ ารตา่ งไมเ่ ชอื่ เพราะคิดแลว้ ไม่ สมเหตุสมผล ⊙ ขนุ่ มนเคือง เรือ่ งนฤสาร เช่นกะกุมาร กอ่ นก็ระดม เลกิ สละแยก แตกคณะกลม เกลยี ว บ นยิ ม คบดจุ เดมิ ถอดคำประพนั ธไ์ ด้วา่ ตา่ งขุ่นเคืองใจดว้ ยเรอื่ งไรส้ าระเชน่ เดียวกับพระกุมารพระองค์ก่อนและเกดิ ความแตกแยก ไม่คบกันอย่างกลมเกลียวเหมือนเดมิ อุเปนทรวเิ ชยี รฉันท์ ๑๑ กลหเ์ หตยุ ยุ งเสรมิ ⊙ ทิชงค์เจาะจงเจตน์ นฤพัทธกอ่ การณ์ ทนิ วารนานนาน กระหน่ำและซ้ำเตมิ ธ กเ็ ชญิ เสด็จไป ⊙ ละคร้ังระหวา่ งครา รฤหาประโยชนไ์ ร เสาะแสดง ธ แสรง้ ถาม เหมาะท่าทิชาจารย์ ⊙ บ หอ่ นจะมสี า กระนั้นเสมอนัย
๑๔ ถอดคำประพนั ธไ์ ดว้ ่า พราหมณเ์ จตนาหาเหตุยแุ หย่ซำ้ เติมอยู่เสมอๆ แตล่ ะครั้ง แต่ละวัน นานนานครง้ั เห็นโอกาสเหมาะกจ็ ะเชิญพระกมุ ารเสดจ็ ไปโดยไม่มสี าระประโยชนอ์ ันใด แล้วกแ็ กล้งทูลถาม ⊙ และบ้างกพ็ ูดวา่ นะ่ แนะ่ ขา้ สดบั ตาม ยุบลระบิลความ พจแจ้งกระจายมา ⊙ ละเมิดตเิ ตียนทา่ น ก็เพราะท่านสิแสนสา รพดั ทลิทภา วและสุดจะขดั สน ⊙ จะแน่มแิ นเ่ หลือ พเิ คราะหเ์ ช่ือเพราะยากยล ณ ที่ บ มีคน ธ กค็ วรขยายความ ถอดคำประพันธ์ไดว้ ่า บางคร้งั กพ็ ดู ว่า นีแ่ น่ะข้าพระองค์ได้ยนิ ขา่ วเลา่ ลอื กนั ทัว่ ไป เขานินทากระกมุ ารวา่ พระองคแ์ สนจะยากจนและขดั สน จะเปน็ เชน่ นน้ั แนห่ รอื พิเคราะห์แลว้ ไม่นา่ เช่ือ ณ ทนี่ ไ้ี ม่มผี ใู้ ด ขอใหท้ รงเลา่ มาเถดิ ⊙ และบ้างก็กลา่ ววา่ น่ะแนะ่ ข้าจะขอถาม เพราะทราบคดตี าม วจลือระบอื มา ⊙ ติฉนิ เยาะหมน่ิ ท่าน กเ็ พราะทา่ นสแิ สนสา รพนั พิกลกา ยพลิ กึ ประหลาดเปน็ ⊙ จะจรงิ มจิ ริงเหลอื มนเชอื่ เพราะไป่เห็น ผิข้อ บ ลำเคญ็ ธ ก็ควรขยายความ
๑๕ ถอดคำประพนั ธ์ไดว้ า่ บางครงั้ กพ็ ดู วา่ ขา้ พระองค์ขอทลู ถามพระกมุ าร เพราะไดย้ นิ ข่าวลอื กนั ทัว่ ไปเยาะเยย้ ดู หม่ินทา่ น วา่ ทา่ นนี้มรี า่ งกายผดิ ประหลาดต่างๆ นานาจะเป็นจริงหรอื ไม่ ใจไม่อยากเชอ่ื เลย เพราะไม่เห็น ถา้ หากมีสง่ิ ใดที่ลำบากยากแคน้ ก็ตรัสมาเถิด ⊙ กุมารองคเ์ สา วนเค้าคดีตาม กระทพู้ ระครถู าม นยสุดจะสงสยั ⊙ ก็คำมคิ วรการณ์ คุรุทา่ นจะถามไย ธ ซักเสาะสบื ใคร ระบแุ จ้งกะอาจารย์ ⊙ ทวิชแถลงวา่ พระกมุ ารโนน้ ขาน ยบุ ลกะตูกาล เฉพาะอยูก่ ะกนั สอง ถอดคำประพันธ์ได้ว่า พระกมุ ารได้ทรงฟังเร่อื งท่ีพระอาจารยถ์ ามก็ตรสั ถามกลับว่า สงสัยเหลือเกิน เรือ่ งไมส่ มควรเช่นนีท้ ่านอาจารย์จะถามทำไม แล้วกซ็ กั ไซว้ า่ ใครเปน็ ผูม้ าบอกกบั อาจารย์ พราหมณ์ก็ตอบว่าพระกุมารพระองค์โนน้ ตรัสบอกเมือ่ อยกู่ นั เพียงสองตอ่ สอง
๑๖ ⊙ กมุ ารพระองค์นั้น ธ มิทนั จะไตรต่ รอง ก็เชอื่ ณ คำของ พฤฒคิ รแู ละวู่วาม ⊙ พโิ รธกุมารองค์ เหมาะเจาะจงพยายาม ยุครเู พราะเอาความ บ มิดีประเดตน ⊙ กพ็ อ้ และตอ่ พษิ ทรุ ทิฐิมานจน ลโุ ทสะสืบสน ธิพพิ าทเสมอมา ถอดคำประพันธ์ได้ว่า กุมารพระองค์นัน้ ไม่ทันได้ไตรต่ รอง ก็ทรงเชอ่ื ในคำพดู ของอาจารย์ ดว้ ยความววู่ ามก็กริ้ว พระกมุ ารท่ยี พุ ระอาจารยใ์ สค่ วามตน จึงตัดพอ้ ตอ่ วา่ กันขึ้น เกิดความโกรธเคอื งทะเลาะววิ าท กันอยูเ่ สมอ ⊙ และฝา่ ยกมุ ารผู้ ทชิ ครมู เิ รยี กหา ก็แหนงประดารา ชกมุ ารทิชงค์เชญิ ⊙ พระราชบุตรลิจ ฉวมิ ิตรจิตเมน ณ กนั และกันเหิน คณะหา่ งก็ตา่ งถอื ⊙ ทะนงชนกตน พลลน้ เถลิงลือ ก็หาญกระเหมิ ฮือ มนฮึก บ นึกขาม ฯ ถอดคำประพันธ์ไดว้ ่า ฝา่ ยพระกมุ ารท่ีพราหมณ์ไม่เคยเรยี กเข้าไปหาก็ไม่พอพระทัยพระกุมารท่ีพราหมณ์เชิญไป พบ พระกมุ ารลิจฉวหี มางใจและเหินหา่ งกนั ตา่ งองค์ทะนงว่า พระบิดาของตนมีอำนาจลน้ เหลอื จงึ มีใจกำเริบไม่เกรงกลวั กัน
๑๗ สัทธราฉันท์ ๒๑ ⊙ ลำดบั น้นั วัสสการพรามหมณ์ ธ กย็ ุศิษยตาม แต่งอบุ ายงาม ฉงนงำ ⊙ ปวงโอรสลจิ ฉวดี ำ รณิ วริ ธุ ก็สำ คญั ประดุจคำ ธ เสกสรร ⊙ ไป่เหลอื เลยสกั พระองคอ์ นั มิละปยิ สหฉันท์ ขาดสมัครพนั ธ์ กอ็ าดูร ถอดคำประพนั ธไ์ ด้ว่า ในขณะน้ันวัสสการพราหมณ์ก็คอยยุลกู ศษิ ย์ แตง่ กลอุบายใหเ้ กิดความแคลงใจ พระโอรส กษตั ริย์ ลจิ ฉวีทงั้ หลายไตร่ตรองในอาการนา่ สงสัย ก็เข้าใจวา่ เปน็ จรงิ ดังถ้อยคำทอี่ าจารย์ป้นั เรือ่ งขึ้น ไมม่ ีเหลือเลยสักพระองคเ์ ดียวทจี่ ะมคี วามรกั ใคร่กลมเกลยี ว ตา่ งขาดความสัมพนั ธ์ เกดิ ความเดอื ดร้อนใจ ⊙ ตา่ งองค์นำความมิงามทูล พระชนกอดศิ ูร แห่ง ธ โดยมูล ปวัตติค์ วาม ⊙ แตกรา้ วกรา้ วร้ายกป็ า้ ยปาม ลวุ รบดิ รลาม ทีละนอ้ ยตาม ณ เหตุผล ⊙ ฟัน่ เฝือเชอ่ื นัยดนยั ตน นฤวิเคราะหเสาะสน สืบจะหมองมล เพราะหมายใด
๑๘ ถอดคำประพันธ์ไดว้ ่า แต่ละองค์นำเรือ่ งไมด่ ที ีเ่ กิดข้นึ ไปทูลพระบิดาของตน ความแตกแยกก็คอ่ ยๆลกุ ลามไปสู่ พระบดิ า เนือ่ งจากความหลงเชื่อโอรสของตน ปราศจากการใคร่ครวญเกิดความผดิ พ้อง หมอง ใจกนั ขึ้น ⊙ แท้ทง้ั ท่านวัสสการใน กษณะตริเหมาะไฉน เสรมิ เสมอไป สะดวกดาย ⊙ หลายอย่างต่างกล ธ ขวนขวาย พจนยปุ รยิ าย วัญจโนบาย บ เวน้ ครา ⊙ คร้นั ล่วงสามปีประมาณมา สหกรณประดา ลิจฉวรี า ชทงั้ หลาย ถอดคำประพนั ธ์ไดว้ ่า ฝ่ายวัสสการพรามณร์ ้นั เห็นโอกาสเหมาะสมกค็ อยยแุ หย่อยา่ งง่ายดายทำกลอุบายต่างๆ พูดยุยงตามกลอบุ ายลอดเวลา เวลาผ่านไปประมาณ ๓ ปี ความรว่ มมอื กันระหวา่ งกษตั ริย์ลจิ ฉวี ทง้ั หลายและความสามัคคถี กู ทำลายลงส้นิ ⊙ สามัคคธี รรมทำลาย มิตรภิทนะกระจาย สรรพเส่อื มหายน์ กเ็ ปน็ ไป ⊙ ต่างองคท์ รงแคลงระแวงใน พระหฤทยวสิ ยั ผพู้ ิโรธใจ ระแวงกัน ฯ
๑๙ ถอดคำประพนั ธ์ได้วา่ ความร่วมมือกนั ระหว่างกษัตริยล์ ิจฉวที ัง้ หลายและความสามัคคีถูกทำลายลงสนิ้ ความเปน็ มติ รแตกแยก ความเสอ่ื ม ความหายนะกบ็ ังเกดิ ขึ้น กษตั รยิ ์ต่างองค์ระแวงแคลงใจ มีความขุ่น เคืองใจซ่ึงกันและกนั สาลินีฉนั ท์ ๑๑ ⊙ พราหมณ์ครรู ู้สังเกต ตระหนกั เหตถุ นัดครัน ราชาวัชชสี รร พจักส่พู นิ าศสม ⊙ ยินดบี ัดน้ีกจิ จะสัมฤทธม์ิ นารมณ์ เริ่มมาดว้ ยปรากรม และอตุ สาหแห่งตน ⊙ ใหล้ องตีกลองนัด ประชุมขัตติยม์ ณฑล เชิญซ่งึ ส่ำสากล กษัตริยส์ ่สู ภาคาร ถอดคำประพนั ธไ์ ดว้ า่ พราหมณเ์ ปน็ ครูสังเกตเห็นดงั น้ัน ก็รวู้ า่ เหลา่ กษัตริยล์ ิจฉวีกำลงั จะประสบความพินาศ จงึ ยินดีมากท่ภี ารกจิ ประสบผลสำเร็จสมดังใจ หลงั จากเรม่ิ ตน้ ดว้ ยความบากบนั่ และความอดทน ของตน จึงใหล้ องตีกลองนดั ประชมุ กษตั ริยฉ์ วี เชิญทุกพระองคเ์ สดจ็ มายงั ที่ประชุม
๒๐ ⊙ วชั ชีภมู ีผอง สดับกลองกระหึมขาน ทกุ ไท้ไปเอาภาร ณ กจิ เพ่อื เสด็จไป ⊙ ต่างทรงรับสั่งวา่ จะเรยี กหาประชมุ ไย เราใช่เปน็ ใหญใ่ จ กข็ ลาดกลัว บ กลา้ หาญ ⊙ ท่านใดท่ีเปน็ ใหญ่ และกล้าใครมิเปรยี บปาน พอใจใครใ่ นการ ประชมุ ชอบกเ็ ชญิ เขา ถอดคำประพนั ธ์ไดว้ ่า ฝา่ ยกษัตริยว์ ัชชที ง้ั หลายทรงสดบั เสยี งกลองดังกึงก้อง ทุกพระองค์ไมท่ รงเป็นธรุ ะในการ เสด็จไป ต่างองค์รับสงั่ ว่าจะเรยี กประชุมด้วยเหตใุ ด เราไมไ่ ด้เป็นใหญ่ ใจก็ขลาด ไมก่ ลา้ หาญ ผูใ้ ดเปน็ ใหญ่ มคี วามกล้าหาญไมม่ ผี ูใ้ ดเปรยี บได้ พอใจจะเสดจ็ ไปรว่ มประชมุ กเ็ ชิญเขาเถิด ⊙ ปรึกษาหารือกนั ไฉนนั้นกท็ ำเนา จักเรยี กชมุ นมุ เรา บ แลเหน็ ประโยชนเ์ ลย ⊙ รับส่งั ผลักไสสง่ และทุกองค์ ธ เพิกเฉย ไปไ่ ด้ไปด่ังเคย สมคั รเข้าสมาคม ฯ ถอดคำประพนั ธไ์ ด้ว่า จะปรึกษาหารือกันประการใดก็ช่างเถิด จะเรยี กเราไปประชมุ มองไมเ่ ห็นประโยชน์ ประการใดเลย รับส่งั ให้พ้นตัวไป และทุกพระองค์กท็ รงเพกิ เฉยไมเ่ สด็จไปเขา้ รว่ มการประชุม เหมือนเคย
๒๑ อปุ ัฏฐติ าฉันท์ ๑๑ ⊙ เหน็ เชงิ พเิ คราะหช์ อ่ ง ชนะคลอ่ งประสบสม พราหมณ์เวทอุดม ธ ก็ลอบแถลงการณ์ ⊙ ให้วลั ลภชน คมดลประเทศฐาน กราบทูลนฤบาล อภิเผ้ามคธไกร ⊙ แจ้งลักษณสา สนว่ากษัตรยิ ใ์ น วชั ชบี รุ ไก วลหลา้ ตลอดกนั ถอดคำประพันธไ์ ดว้ ่า เมื่อพิจารณาเห็นชอ่ งทางทจ่ี ะได้ชยั ชนะอย่างง่ายดาย พราหมณ์ผู้รอบรพู้ ระเวทก็ลอบสง่ ข่าว ให้คนสนทิ เดนิ ทางกลับไปยังบ้านเมอื ง กราบทลู กษัตรยิ แ์ ห่งแควน้ มคธอันย่ิงใหญ่ในสาสน์ แจ้งวา่ กษตั รยิ ์วชั ชีทกุ พระองค์ ⊙ บดั น้ีสกิ ็แตก คณะแผกและแยกพรรค์ ไปเ่ ปน็ สหฉัน ทเสมอื นเสมอมา ⊙ โอกาสเหมาะสมยั ขณะไหนประหน่ึงครา นีห้ ากผิจะหา ก็ บ ได้สะดวกดี ⊙ ขอเชญิ วรบาท พยุห์ยาตรเสด็จกรี ธาทพั พลพี ริยยทุ ธโดยไว ฯ
๒๒ ถอดคำประพันธไ์ ด้ว่า ขณะนเี้ กิดความแตกแยก แบ่งพรรคแบ่งพวก ไมส่ ามคั คีกันเหมือนเดมิ จะหาโอกาสอนั เหมาะสมคร้งั ใดเหมือนดังครั้งนค้ี งจะไม่มอี กี แล้ว ขอทูลเชญิ พระองคย์ กกองทพั อันย่ิงใหญม่ าทำ สงครามโดยเรว็ เถิด วิชชุมมาลาฉันท์ ๘ ⊙ ข่าวเศกิ เอกิ อึง ทราบถึงบัดดล ในหมผู่ ู้คน ชาวเวสาลี แทบทกุ ถนิ่ หมด ชนบทบรู ี อกส่นั ขวัญหนี หวาดกลวั ทวั่ ไป ⊙ ตนื่ ตาหนา้ เผอื ด หมดเลอื ดสัน่ กาย หลบล้ีหนีตาย วุ่นหว่นั พร่นั ใจ ซุกครอกซอกครัว ซอ่ นตัวแตกภัย เข้าดงพงไพร ท้ิงย่านบ้านตน ถอดคำประพนั ธไ์ ดว้ า่ ข่าวศกึ แพร่ไปจนรถู้ งึ ชาวเมอื งเวสาลี แทบทุกคนในเมืองต่างตกใจและหวาดกลัวกนั ไปท่ัว หน้าตาตื่น หน้าซีดไม่มีสเี ลือด ตัวส่ันพากันหนีตายวุ่นวาย พากันอพยพครอบครัวหนีภยั ทงิ้ บ้าน เรือไปซุม่ ซอ่ นตวั เสียในป่า
๒๓ ⊙ เหลือจกั ห้ามปราม ชาวคามล่าลาด พันหัวหนา้ ราษฎร์ ขุนด่านดำบล หารอื แกก่ นั คิดผนั ผ่อนปรน จกั ไมใ่ ห้พล มาคธขา้ มมา ⊙ จง่ึ ใหต้ กี ลอง ปา่ วร้องทันที แจง้ ขา่ วไพรี รุกเบียนบีฑา เพ่อื หมู่ภูมี วัชชีอาณา ชุมนมุ บญั ชา ป้องกนั ฉนั ใด ถอดคำประพันธ์ได้ว่า ไม่สามารถห้ามปรามชาวบ้านได้ หวั หนา้ ราษฎรและนายดา่ นตำบลต่างๆปรึกษากนั คดิ จะยบั ย้งั ไมใ่ ห้กองทพั มคธข้ามมาได้ จึงตีกลองปา่ วรอ้ งแจ้งขา่ วขา้ ศกึ เข้ารกุ รานเพ่ือให้เหล่า กษตั รยิ ์แหง่ วัชชีเสด็จมาประชุมหาหนทางป้องกันประการใด ⊙ ราชาลิจฉวี ไปม่ ีสกั องค์ อนั นึกจำนง เพอ่ื จกั เสดจ็ ไป ต่างองค์ดำรัส เรยี กนดั ทำไม ใครเป็นใหญใ่ คร กล้าหาญเหน็ ดี ⊙ เชิญเทอญท่านต้อง ขดั ขอ้ งขอ้ ไหน ปรึกษาปราศรยั ตามเรอื่ งตามที ส่วนเราเลา่ ใช่ เปน็ ใหญย่ งั มี ใจอยา่ งผ้ภู ี รุกปราศอาจหาญ
๒๔ ถอดคำประพนั ธไ์ ดว้ า่ ไม่มกี ษตั รยิ ล์ ิจฉวีแมแ้ ต่พระองคเ์ ดียวคิดจะเสด็จไป แตล่ ะพระองค์ทรงดำรสั ว่าจะเรยี ก ประชมุ ด้วยเหตใุ ด ผใู้ ดเป็นใหญ่ ผ้ใู ดกล้าหาญ เห็นดปี ระการใดกเ็ ชญิ เถดิ จะปรึกษาหารือ อย่างไรกต็ ามแต่ใจ ตัวของเรานน้ั ไม่ได้มีอำนาจยิง่ ใหญ่ จติ ใจก็ขีข้ ลาด ไมอ่ งอาจกล้าหาญ ⊙ ต่างทรงสำแดง ความแขงอำนาจ สามคั คีขาด แก่งแยง่ โดยมาน ภมู ิศลจิ ฉวี วัชชีรฐั บาล บ่ ชมุ นุมสมาน แมแ้ ต่สกั องค์ ฯ ถอดคำประพันธไ์ ด้วา่ แต่ละองค์ต่างแสดงอาการเพกิ เฉย ปราศจากความสามัคคปี รองดองในจติ ใจกษัตรยิ ล์ ิจฉวี แหง่ วชั ชไี มเ่ สด็จมาประชมุ กันแมแ้ ต่พระองคเ์ ดียว อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ ติยรัชธำรง ⊙ ป่ินเขตมคธขัต นคเรศวิสาลี ย้ังทัพประทบั ตรง พิเคราะห์เหตุ ณ ธานี ⊙ ภธู ร ธ สงั เกต ขณะเศิกประชิดแดน แหง่ ราชวัชชี และมินึกจะเกรงแกลน ⊙ เฉยดู บ รสู้ กึ รณทพั ระงับภัย ฤาคิดจะตอบแทน
๒๕ ถอดคำประพนั ธ์ได้ว่า จอมกษตั รยิ แ์ ห่งแควน้ มคธหยุดทัพตรงหน้าเมอื งเวสาลีพระองคท์ รงสังเกตวเิ คราะห์ เหตุการณ์ทางเมืองวชั ชีในขณะทขี่ ้าศกึ มาประชิดเมือง ดูน่ิงเฉยไม่รู้สกึ เกรงกลวั หรือ คิดจะทำ สงิ่ ใดโตต้ อบระงับเหตรุ า้ ย ⊙ น่งิ เงยี บสงบงำ บ มิทำประการใด ปรากฏประหนง่ึ ใน บรุ วา่ งและร้างคน ⊙ แน่โดยมิพักสง สยคงกระทบกล ทา่ นวัสสการจน ลุกระนีถ้ นดั ตา ⊙ ภินท์พัทธสามัค คิยพรรคพระราชา ชาวลิจฉวีว่า รจะพอ้ งอนตั ถภ์ ยั ถอดคำประพันธ์ไดว้ า่ กลบั อยูอ่ ยา่ งสงบเงียบไมท่ ำการส่งิ ใด มองดูราวกับเป็นเมอื งร้างปราศจากผคู้ นแน่นอน ไมต่ ้องสงสัยเลยวา่ คงจะถูกกลอุบายของวสั สการพราหมณจ์ นเปน็ เช่นน้ี ความสามคั คีผูกพัน แหง่ กษัตรยิ ล์ จิ ฉวีถกู ทำลายลงและจะประสบกบั ภัยพิบตั ิ
๒๖ ⊙ ลกู ข่างประดาทา รกกาลขวา้ งไป หมนุ เล่นสนกุ ไฉน ดุจกนั ฉะนนั้ หนอ ⊙ ครวู สั สการแส่ กลแหยย่ ดุ ีพอ ปน่ั ป่วน บ เหลือหลอ จะมิร้าวมิรานกนั ⊙ ครั้นทรงพระปรารภ ธรุ ะจบ ธ จงึ่ บญั ชานายนิกายสรร พทแกลว้ ทหารหาญ ถอดคำประพนั ธไ์ ดว้ า่ ลกู ขา่ งทเ่ี ดก็ ขวา้ งเลน่ ได้สนกุ ฉันใด วัสสการพราหมณก์ ส็ ามารถยุแหย่ใหเ้ หล่ากษัตริย์ ลขิ ฉวีแตกความสามัคคีได้ตามใจชอบและคดิ ที่จะสนกุ ฉนั นน้ั คร้นั ทรงคิดไดด้ ังนนั้ จึงมีพระราช บญั ชาเหล่าทหารหาญ ⊙ เร่งทำอฬุ ุมปเ์ ว ฬุคะเนกะเกณฑ์การ เพอื่ ข้ามนทีธาร จรเข้านครบร ⊙ เขารับพระบัณฑรู อดิศรู บดศี ร ภาโรปกรณ์ตอน ทิวรุง่ สฤษฏพ์ ลนั ⊙ จอมนาถพระยาตรา พยหุ าธทิ พั ขนั ธ์ โดยแพและพ่วงปนั พลขา้ ม ณ คงคา ⊙ จนหมดพหลเนื่อง พิศเนอื งขนัดคลา ข้นึ ฝัง่ ลเุ วสา ลิบเุ รศสะดวกดาย ฯ
๒๗ ถอดคำประพนั ธไ์ ดว้ ่า ใหร้ บี สรา้ งแพไมไ้ ผเ่ พอื่ ขา้ มแม่นำ้ จะเข้าเมืองของฝา่ ยศัตรู พวกทหารรบั ราชโองการแลว้ ก็ ปฏบิ ตั ิภารกจิ ท่ีไดร้ บั ในตอนเชา้ งานนัน้ ก็เสรจ็ ทนั ที จอมกษัตรยิ ์เคล่อื นกองทพั อันมีกำลงั พล มากมายลงในแพทตี่ ดิ กัน นำกำลังข้ามแมน่ ้ำจนกองทพั หมดสิน้ มองดูแนน่ ขนัด ขน้ึ ฝั่งเมืองเว สาลีอยา่ งสะดวกสบาย จิตรปทาฉนั ท์ ๘ ⊙ นาครธา นิวิสาลี เห็นริปุมี พลมากมาย ขา้ มตริ ชล กล็ ุพน้ หมาย ม่งุ จะทลาย พระนครตน ⊙ ต่างกต็ ระหนก มนอกเต้น ตน่ื บ มิเว้น ตะละผ้คู น ท่วั บรุ คา มจลาจล เสียงอลวน อลเวงไป ถอดคำประพนั ธ์ไดว้ ่า ฝ่ายเมืองเวสาลมี องเหน็ ขา้ ศกึ จำนวนมากข้ามแม่นำ้ มาเพ่อื จะทำลายล้างบ้านเมอื งของตน ตา่ งกต็ ระหนกตกใจกนั ถ้วนหน้า ในเมืองเกิดจลาจลวุ่นวายไปท่วั เมือง
๒๘ ⊙ สรรพสกล มุขมนตรี ตรอมมนภี รกุ เภทภยั บางคณะอา ทรปราศรยั ยังมิกระไร ขณะนี้หนอ ⊙ ควรบริบาล พระทวารมั่น ตา้ นปะทะกนั อรกิ อ่ นพอ ขัตติยรา ชสภารอ ดำริจะขอ วรโองการ ถอดคำประพันธไ์ ด้วา่ ขา้ ราชการชัน้ ผ้ใู หญต่ ่างหวาดกลวั ภัย บางพวกก็พดู วา่ ขณะนีย้ งั ไมเ่ ปน็ ไรหรอกควรจะ ป้องกันประตเู มอื งเอาไว้ใหม้ ่ันคง ต้านทานข้าศึกเอาไวก้ อ่ น รอใหท้ ป่ี ระชมุ เหลา่ กษตั ริย์มี ความเห็นวา่ จะทรงทำประการใด ⊙ ทรงตรไิ ฉน กจ็ ะไดท้ ำ โดยนยดำ รสั ภูบาล เสวกผอง กเ็ คาะกลองขาน อาณตั ปิ าน ดุจกลองพงั ⊙ ศัพทอโุ ฆษ ประลโุ สตทา้ ว ลจิ ฉวดิ ้าว ขณะทรงฟัง ต่าง ธ ก็เฉย และละเลยดัง ไท้มิอินงั ธุระกบั ใคร
๒๙ ถอดคำประพนั ธไ์ ด้ว่า ก็จะไดด้ ำเนนิ การตามพระบัญชาของพระองค์ เหลา่ ข้าราชการทงั้ หลายก็ตีกลองสัญญาณ ขน้ึ ราวกบั กลองจะพงั เสียงดังกกึ กอ้ งไปถึงพระกรรณกษัตรยิ ์ลิจฉวี ตา่ งองคท์ รงเพกิ เฉยราวกบั ไม่เอาใจใส่ในเร่ืองราวของผใู้ ด ⊙ ต่างก็ บ คลา ณ สภาคาร แม้พระทวาร บรุ ท่ัวไป รอบทิศด้าน และทวารใด เหน็ นรไหน สิจะปิดมี ฯ ถอดคำประพันธไ์ ด้วา่ ต่างองคไ์ มเ่ สด็จไปท่ปี ระชุม แมแ้ ต่ประตูเมืองรอบทิศทุกบานกไ็ ม่มีผูใ้ ดปิด สทั ทลุ วิกกีฬิตฉนั ท์ ๑๙ ⊙ จอมทัพมาคธราษฎร์ ธ ยาตรพยหุ กรี ธาสู่วิสาลี นคร ⊙ โดยทางอันพระทวารเปิดนรนิกร ฤารอจะตอ่ รอน อะไร ⊙ เบื้องนั้นท่านครุ ุวสั สการทชิ ก็ไป นำทัพชเนนทร์ไท มคธ
๓๐ ถอดคำประพนั ธไ์ ดว้ ่า จอมทัพแห่งเเคว้นมคธกรธี าทพั เข้าเมอื งเวสาลที างประตูเมืองท่ีเปิดอยโู่ ดยไมม่ ีผคู้ น หรอื ทหารต่อสู้ประการใด ขณะนัน้ วสั สการพราหมณ์ผู้เป็นอาจารยก์ ไ็ ปนำทพั ของกษัตริย์แห่ง มคธ ⊙ เข้าปราบลิจฉวขิ ตั ตยิ ร์ ฐั ชนบท สเู่ งือ้ มพระหัตถห์ มด และโดย ⊙ ไปพ่ กั ต้องจะกะเกณฑ์นกิ ายพหลโรย แรงเปลืองระดมโปรย ประยุทธ์ ⊙ ราบคาบเสร็จ ธ เสด็จลุราชคฤหอุต ดมเขตบเุ รศดุจ ณ เดิม ถอดคำประพนั ธไ์ ด้ว่า เข้ามาปราบกษัตรยิ ล์ จิ ฉวี อาณาจักรทง้ั หมดก็ตกในพระหัตถ์ โดยทกี่ องทพั ไม่ตอ้ งเปลอื ง แรงในการต่อสู้ ปราบราบคาบแล้วเสด็จยังราชคฤห์เมืองยิง่ ใหญด่ ังเดิม ⊙ เรือ่ งต้นยกุ ตกิ ็แต่จะต่อพจนเตมิ ภาษิตลิขิตเสรมิ ประสงค์ ⊙ ปรงุ โสตเป็นคติสนุ ทราภรณจง จับขอ้ ประโยชน์ตรง ตรดิ ู ฯ
๓๑ ถอดคำประพันธ์ได้ว่า เน้อื เรอ่ื งแตเ่ ดิมจบลงเพยี งนี้ แตป่ ระสงคจ์ ะแต่งสุภาษติ เพม่ิ เติมให้ไดร้ ับฟงั เพือ่ เปน็ คตอิ นั ทรงคณุ ค่านำไปคดิ ไตร่ตรอง อนิ ทรวเิ ชยี รฉนั ท์ ๑๑ ⊙ อนั ภบู ดีรา ชอชาตศัตรู ได้ลิจฉวภี ู วประเทศสะดวกดี ⊙ แลสรรพบรรดา วรราชวัชชี ถงึ ซงึ่ พบิ ัติบี ฑอนัตถ์พนิ าศหนา ⊙ เหี้ยมน้นั เพราะผันแผก คณะแตกและตา่ งมา ถอื ทิฐิมานสา หสโทษพโิ รธจอง ถอดคำประพนั ธไ์ ดว้ า่ พระเจา้ อชาตศตั รูได้แผ่นดนิ วัชชีอย่างสะดวก และกษัตรยิ ล์ ิจฉวีทัง้ หลายก็ถึงซ่ึง ความพินาศลม่ จม เหตุเพราะความแตกแยกกนั ต่างกม็ คี วามยึดมัน่ ในความคดิ ของตน ผกู โกรธซ่งึ กนั และกนั ⊙ แยกพรรคสมรรคภิน ทนสิน้ บ ปรองดอง ขาดญาณพิจารณ์ตรอง ตริมลักประจกั ษเ์ จือ รสเล่าก็ง่ายเหลือ ⊙ เชอื่ อรรถยุบลเอา คติโมหเป็นมลู เหตุหาก ธ มากเมอื
๓๒ ถอดคำประพันธไ์ ดว้ า่ ต่างแยกพรรค แตกสามคั คกี นั ไมป่ รองดองกัน ขาดปญั ญาทีจ่ ะพจิ ารณาไตร่ตรอง เชือ่ ถ้อยความของบรรดาพระโอรสอย่างงา่ ยดาย เหตุท่ีเป็นเชน่ นัน้ เพราะกษัตริยแ์ ตล่ ะพระองค์ ทรงมากไปดว้ ยความหลง ⊙ จ่งึ ดาลประการหา ยนภาวอาดรู เสียแดนไผทสญู ยศศกั ดเิ สื่อมนาม ⊙ ควรชมนิยมจัด ครุ วุ สั สการพราหมณ์ เปน็ เอกอุบายงาม กลงำกระทำมา ถอดคำประพันธไ์ ดว้ า่ จงึ ทำใหถ้ งึ ซ่ึงความฉิบหาย มีภาวะความเป็นอยูอ่ ันทุกขร์ ะทม เสยี ทั้งแผ่นดนิ เกยี รตยิ ศ และชือ่ เสยี งที่เคยมีอยู่ สว่ นวัสสการพราหมณ์นน้ั นา่ ชน่ื ชมอย่างย่งิ เพราะเป็นเลศิ ในการกระทำ กลอบุ าย ⊙ พุทธาทิบณั ฑิต พเิ คราะห์คดิ พินจิ ปรา รภสรรเสริญสา ธุสมัครภาพผล สุกภาวมาดล ⊙ วา่ อาจจะอวยผา บ นริ าศนิรนั ดร ดีสู่ ณ หมตู่ น คยพรรคสโมสร คุณไร้ไฉนดล ⊙ หมู่ใดผิสามัค ไปปราศนริ าศรอน
๓๓ ถอดคำประพันธ์ไดว้ า่ ผรู้ ู้ท้งั หลายมพี ระพทุ ธเจ้าเป็นต้น ได้ใคร่ครวญพิจารณากลา่ วสรรเสรญิ ว่าชอบเเล้ว ในเรอ่ื งผลแหง่ ความพร้อมเพรยี งกัน ความสามัคคีอาจอำนวยให้ถงึ สภาพแห่งความผาสกุ ณ หมู่ของตนไมเ่ ส่ือมคลายตลอดไป หากหมู่ใดมีความสามัคครี ว่ มชุมนุมกนั ไมห่ า่ งเหนิ กนั สงิ่ ที่ไรป้ ระโยชนจ์ ะมาสไู่ ดอ้ ย่างไร ⊙ พรอ้ มเพรยี งประเสริฐครัน เพราะฉะน้ันแหละบคุ คล ผู้หวังเจรญิ ตน ธรุ ะเก่ียวกะหมเู่ ขา ⊙ พงึ หมายสมัครเปน็ มุขเป็นประธานเอา ธรู ทว่ั ณ ตัวเรา บ มิเห็น ณ ฝ่ายเดียว ⊙ ควรยกประโยชน์ยืน่ นรอน่ื ก็แลเหลียว ดบู ้างและกลมเกลยี ว มติ รภาพผดุงครอง ถอดคำประพนั ธ์ไดว้ ่า ความพร้อมเพรียงนนั้ ประเสรฐิ ยิ่งนัก เพราะฉะนน้ั บุคคลใดหวังทจี่ ะได้รบั ความเจรญิ แหง่ ตนและมีกิจธรุ ะอันเปน็ สว่ นรวม กพ็ งึ ตง้ั ใจเปน็ หัวหน้าเอาเป็นธรุ ะด้วยตวั ของเราเอง โดยไมเ่ หน็ ประโยชนต์ นแต่ฝา่ ยเดียว ควรยกประโยชน์ให้บคุ คลอน่ื บา้ ง นกึ ถงึ ผู้อน่ื บา้ ง ต้องกลมเกลียว สามคั คีความเปน็ มิตรกันไว้
๓๔ ⊙ ยั้งทิฐมิ านหยอ่ น ทมผอ่ นผจงจอง อารีมมิ ีหมอง มนเมื่อจะทำใด ลุก็ปันก็แบง่ ไป ⊙ ลาภผลสกลบรร สุจริตนยิ มธรรม์ ตามนอ้ ยและมากใจ สุประพฤติสงวนพรรค์ อุปเฉทไมตรี ⊙ พึงมรรยาทยดึ รื้อริษยาอนั ถอดคำประพนั ธ์ไดว้ ่า ต้องลดทิฐมิ านะ รจู้ ักข่มใจ จะทำส่งิ ใดก็เอื้อเฟ้อื กนั ไม่มีความบาดหมางใจ ผลประโยชน์ ทั้งหลายทเี่ กิดขึ้นกแ็ บ่งปนั กนั ไป มากบา้ งน้อยบา้ งอย่างเปน็ ธรรม ควรยดึ ม่นั ในมารยาทและ ความประพฤติที่ดงี าม รกั ษาหมู่คณะโดยไมม่ ีความรษิ ยากนั อันจะตัดรอนไมตรี ⊙ ดง่ั นนั้ ณ หมู่ใด ผิ บ ไรส้ มคั รมี พรอ้ มเพรยี งนพิ ทั ธน์ ี รวิวาทระแวงกัน สยคงประสบพลัน ⊙ หวังเทอญมิตอ้ งสง หิตะกอบทวกี าร ซึ่งสขุ เกษมสนั ต์ มนอาจระรานหาญ ก็เพราะพรอ้ มเพราะเพรยี งกนั ⊙ ใครเล่าจะสามารถ หักล้าง บ แหลกลาญ
๓๕ ถอดคำประพนั ธ์ได้วา่ ดังนั้นถ้าหมู่คณะใดไมข่ าดซ่งึ ความสามัคคี มคี วามพร้อมเพรยี งกันอยู่เสมอ ไม่มีการววิ าท และระแวงกนั กห็ วังไดโ้ ดยไมต่ ้องสงสยั วา่ คงจะพบซง่ึ ความสุข ความสงบและประกอบด้วย ประโยชน์มากมาย ใครเล่าจะมใี จกล้าคิดทำสงครามด้วยหวังจะทำลายล้างก็ไม่ได้ ทั้งนีเ้ พราะ ความพรอ้ มเพรยี งกนั นนั่ เอง ⊙ ป่วยกล่าวอะไรฝูง นรสูงประเสริฐครัน ฤาสรรพสัตว์อนั เฉพาะมชี วี ีครอง ผวิ ใครจะใคร่ลอง ⊙ แมม้ ากผิก่ิงไม้ พลหกั ก็เตม็ ทน มดั กำกระน้นั ปอง สละลี้ ณ หมู่ตน บ มิพรอ้ มมเิ พรียงกัน ⊙ เหลา่ ไหนผไิ มตรี สุขทัง้ เจริญอนั กจิ ใดจะขวายขวน ลุไฉน บ ได้มี พภยนั ตรายกลี ⊙ อยา่ ปรารถนาหวัง ตปิ ระสงค์กค็ งสม มวลมาอุบตั บิ รร คณะเปน็ สมาคม ภนพิ ัทธรำพงึ ⊙ ปวงทุกข์พิบัตสิ รร ผิวมกี ค็ ำนึง แม้ปราศนยิ มปรี จะประสบสขุ าลัย ⊙ ควรชนประชมุ เช่น สามคั คิปรารม ⊙ ไป่มกี ใ็ ห้มี เนอ่ื งเพ่ือภิยโยจึง
๓๖ ถอดคำประพนั ธ์ไดว้ า่ แม้แตก่ ่ิงไมห้ ากใครลองเอามามดั เปน็ กำ ตั้งใจใชก้ ำลังหักกย็ ากเตม็ ทน หากหมู่ใดไม่มี ความสามัคคีในหมคู่ ณะของตนและกจิ การอนั ใดที่จะต้องขวนขวายทำ กม็ ิพรอ้ มเพรยี งกนั ก็ อยา่ ได้หวงั เลยความสุขความเจรญิ จะเกดิ ขึน้ ได้อยา่ งไร ความทุกขพ์ ิบัติอันตรายและความช่วั รา้ ยทง้ั ปวง ถึงแมจ้ ะไม่ตอ้ งการ กต็ ้องไดร้ บั เป็นแน่แท้ ผ้ทู อ่ี ยรู่ วมกันเป็นหมู่คณะหรือสมาคม ควรคำนงึ ถงึ ความสามคั คอี ยเู่ ปน็ นิจ ถ้ายงั ไม่มกี ค็ วรจะมขี ึ้น ถ้ามอี ยู่แลว้ ก็ควรให้เจริญรุง่ เรอื ง ยิ่งขนึ้ ไปจึงจะถงึ ซ่งึ ความสขุ ความสบาย
๓๗ บทท่ี ๔ ๔.๑ คำยาก ( อธบิ ายคำยาก ) กถา ถอ้ ยคำ กลหเ์ หตุ เหตุแหง่ การทะเลาะ กสิก ชาวนา ไกวล ทั่วไป ขัตตยิ ์ พระเจา้ แผ่นดิน คดี เร่อื ง คม ไป ชเนนทร์ ผู้เป็นใหญ่ในฝูงชน ทม ความข่มใจ ทลทิ ภาว ยากจน ท่ัวบรุ คาม ทั่วบา้ นท่วั เมอื ง ทชิ ผเู้ กดิ ๒ ครัง้ คอื พราหมณ์ ทนิ วัน นครบร เมืองของขา้ ศึก นยั , นย ความหมาย , เค้าความ นยนาม ใจความ นรนิกร ฝงู ชน นฤพทั ธ , นิพทั ธ์ เนืองๆ เสมอ เนอื่ งกนั
๓๘ นฤสาร ไมม่ ีสาระ นิวัต กลบั นรี ผล ไมเ่ ป็นผล ประเด มอบใหห้ มด ประศาสน์ การแนะนำ , การส่ังสอน ปรากรม ความเพียร ปรุงโสต ในทนี่ หี้ มายความว่า แต่งใหไ้ พเราะน่าฟงั ปลาต หายไป ปวัฒน์ ความเป็นไป พฤฒิ ผเู้ ฒา่ , วสั สการพราหมณ์ พิเฉท ตัดขาด , ทำลาย พิชากร วชิ าความรู้ พทุ ธาบณั ฑติ ผรู้ ู้ มพี ระพทุ ธเจ้าเปน็ ต้น ภตั อาหาร ขา้ ว ภาโรปกรณ์ ทำสิ่งทไ่ี ด้รับมอบหมาย ภิณทพ์ ัทธสามคั คยิ การแตกสามคั คี ภิยโญ ยิ่งขน้ึ ไป ภรี กุ กลวั ขีข้ ลาด ภมู ิศ กษัตริย์ มน ใจ
๓๙ มนารมณ์ สมดังใจ , สมดงั ที่คิด มาน ความถอื ตวั ยกุ ติ ยุติ , จบสิน้ รหุฐาน ทลี่ ับ ทเ่ี งยี บ ลักษณะสาสน จดหมาย เลา เคา้ , รปู ความ , ข้อความ วัญจโนบาย อบุ ายหลอกลวง วัลลภชน คนสนิท วริ ุธ ผดิ ปกติ สมรรคภินทน ความแตกสามคั คี สมัครภาพ ความสมัครสมานสามัคคี สหกรณ หมู่เหลา่ ส่ำ หมู่ , พวก สกิ ขสภา ห้องเรยี น สุขาลยั ที่ท่ีมีความสขุ เสาวน ฟงั เสาวภาพ สภุ าพ , ละมนุ ละม่อม หายน์ ความเสอื่ ม หิตะ ประโยชน์ เห้ียมนนั้ เหตุน้ัน
๔๐ อนตั ถ์ ไม่เป็นประโยชน์ อนกุ รม ตามลำดับ อภิเผ้า ผู้เป็นใหญ่ อาคม มา , มาถึง อปุ เฉทไมตรี ตดั ไมตรี อรุ สุ โอรส , ลกู ชาย อฬุ มุ ป์เวฬุ แพไมไ้ ผ่ เอาธรู เอาใจใสเ่ ปน็ ธุระ เอาภาร รบั ภาระ , รบั ผิดชอบ
๔๑ ๔.๒ คุณค่าวรรณคดี ( ด้านวรรณศลิ ป์ ด้านสังคม ดา้ นการนำไปใช้ ) ● ดา้ นวรรณศิลป์ ๑) มีการประพันธ์ทใ่ี ชภ้ าษาเข้าใจงา่ ย ทำใหผ้ อู้ ่านเห็นภาพที่ผูป้ ระพันธต์ อ้ งการจะสือ่ ได้อย่าง ชัดเจน ๒) เป็นวรรณคดที ไ่ี ด้รบั การยกยอ่ งว่ามคี วามไพเราะงดงามเปน็ ทีน่ ยิ ม เน่ืองจากมีการเลน่ สัมผสั ในทั้งสัมผัสอกั ษรและสมั ผัสสระอยา่ งไพเราะ ● ดา้ นสังคม ๑) สะทอ้ นวัฒนธรรมของคนในสงั คมทำใหเ้ หน็ ภาพการปกครองโดยระบอบสามคั คธี รรม ๒) แสดงให้เหน็ โทษของการแตกความสามคั คีในหม่คู ณะ ๓) แสดงถึงหลักธรรม ซ่งึ เป็นหลกั ธรรมท่ีสง่ ผลให้เกดิ ความเจริญของหมู่คณะปราศจากความ เส่ือม ● ด้านการนำไปใช้ ๑) ทำให้เหน็ ถึงโทษของการแตกความสามัคคี ๒) แสดงให้เหน็ ความสำคญั ของการใช้สตปิ ัญญาให้เกิดผล โดยไม่ต้องใชก้ ำลงั
๔๒ บรรณานกุ รม ณฐั ชยา เพช็ รรตั น์. ใบความรู้เร่ือง สามัคคีเภทคำฉันท์. [ ออนไลน์ ]. จาก https://shorturl.asia/tFC05. [ สืบค้นเมื่อ ๑๑ มถิ นุ ายน ๒๕๖๖ ]. Andafada. ( ๒๐๒๑ ). สามัคคเี ภทคำฉันท์ Flashcards. [ ออนไลน์ ]. จาก https://shorturl.asia/OrjGU. [ สบื ค้นเมอ่ื ๑๑ มถิ นุ ายน ๒๕๖๖ ]. Kanjana pom bintavihok. ( ๒๕๕๓ ). สามัคคีเภทคำฉนั ท์. [ ออนไลน์ ]. จาก https://shorturl.asia/x2fBb. [ สบื ค้นเมอ่ื ๑๑ มถิ ุนายน ๒๕๖๖ ]. Kroobannok. ( ๒๕๕๒ ). แนะนำวรรณคดีน่าอา่ น. [ ออนไลน์ ]. จาก https://shorturl.asia/WZYPc. [ สืบค้นเมือ่ ๑๑ มิถนุ ายน ๒๕๖๖ ]. Naritsara. สามคั คเี ภทคำฉนั ท์. [ ออนไลน์ ]. จาก https://shorturl.asia/6iwv4. [ สืบค้นเมอ่ื ๑๑ มิถนุ ายน ๒๕๖๖ ].
Search
Read the Text Version
- 1 - 45
Pages: