คำภำษำต่ำงประเทศในภำษำไทย ภำษำไทยสำหรบั นักเรียน เรียบเรยี งโดย นำยศกั ทำวฒุ โคตรชมภู
คำภำษำต่ำงประเทศในภำษำไทย ภำษำไทยสำหรับนักเรยี น
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย ก เรยี บเรียงโดย นำยศกั ทำวุฒ โคตรชมภู คำนำ หนังสือคำภำษำต่ำงประเทศในภำษำไทย จัดทำข้ึนเพื่อใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ตำมควำมสนใจ ของนักเรียน ประกอบด้วย ปัจจัยที่ทำให้เกิดกำรยืมภำษำต่ำงประเทศในภำษำไทย ลักษณะกำรยืม ภำษำต่ำงประเทศในภำษำไทย หลักกำรยืมคำจำกภำษำต่ำงประเทศ คำท่ียืมมำจำกภำษำบำลี และสันสกฤต คำท่ียืมมำจำกภำษำเขมร คำท่ียืมมำจำกภำษำอังกฤษ คำที่ยืมมำจำกภำษำจีน คำที่ยืม มำจำกภำษำชวำ–มำลำยู คำที่ยืมมำจำกภำษำฝร่ังเศส คำที่ยืมมำจำกภำษำอำหรับ และเปอร์เซีย และคำท่ียืมมำจำกภำษำโปรตุเกส ซึ่งเน้ือหำเป็นกำรนำเอำแนวคิด ทฤษฎี ผลงำนวิจัย ทเ่ี กยี่ วข้องกบั คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย มำวิเครำะห์สรุปเป็นองคค์ วำมรู้เพื่อควำมเขำ้ ใจเน้ือหำ และมีเอกสำรอำ้ งองิ เพอื่ กำรค้นควำ้ เพิ่มเติม ขอขอบพระคุณผู้เขยี นเอกสำร ตำรำ บทควำม และผลงำนวจิ ัยทกุ ทำ่ นท่ผี ู้จัดทำได้นำมำอำ้ งอิง คุณค่ำและประโยชน์ของหนังสือเล่มน้ี ผู้เขียนขอมอบแด่คุณพ่อ คุณแม่ และครูอำจำรย์ที่ได้อบรม สงั่ สอน และวำงพ้ืนฐำนกำรศกึ ษำใหก้ บั ผู้เขยี น ผู้เขียนหวังเป็นอย่ำงย่ิงว่ำหนังสือคำภำษำต่ำงประเทศในภำษำไทยเล่มนี้ คงจะเป็นประโยชน์ แก่กำรเรยี นรู้ของนักเรยี น และผ้สู นใจ เพ่อื ตอ่ ยอดองค์ควำมรู้ หำกผ้อู ำ่ นมีขอ้ เสนอแนะเพิ่มเติมผู้จัดทำ ยนิ ดที ่จี ะนำมำปรับปรงุ แกไ้ ขกำรจัดพมิ พค์ รงั้ ตอ่ ไป ศกั ทำวุฒ โคตรชมภู พฤศจิกำยน 2562 ภาษาไทยสาหรับนักเรยี น
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย ข เรยี บเรยี งโดย นำยศกั ทำวุฒ โคตรชมภู สำรบญั เรอ่ื ง หนำ้ คำนำ ............................................................................................................................................. ก สำรบัญ .......................................................................................................................................... ข ปจั จัยท่ีทำใหเ้ กิดกำรยืมภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย ………………………………………………………. 1 ลักษณะกำรยืมภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย …………………………………………………………………… 2 หลกั กำรยืมคำจำกภำษำต่ำงประเทศ ………………………………………………………………..……………… 3 คำท่ียืมมำจำกภำษำบำลแี ละสันสกฤต ……………………………………………………………………………... 4 คำที่ยืมมำจำกภำษำเขมร ……………………………………………………………………………………………….. 7 คำทย่ี มื มำจำกภำษำอังกฤษ ……………………………………………………………………………………………. 13 คำที่ยมื มำจำกภำษำจีน ................................................................................................................ 17 คำที่ยืม มำจำกภำษำชวำ–มำลำยู ……………………………………………………………………………………. 19 คำทย่ี ืมมำจำกภำษำฝรง่ั เศส ……………………………………………………………………………………………. 21 คำที่ยืมมำจำกภำษำอำหรับและเปอร์เซยี …………………………………………………………………………. 22 คำทีย่ ืมมำจำกภำษำโปรตุเกส …………………………………………………………………………………………. 23 บรรณำนุกรม ............................................................................................................................... 24 ภาษาไทยสาหรบั นกั เรียน
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย 1 เรียบเรยี งโดย นำยศกั ทำวุฒ โคตรชมภู คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย ปัจจุบันมีคำภำษำต่ำงประเทศจำนวนมำกท่ีคนไทยนำมำใช้กันจนคุ้นเคย โดยกำรนำเอำคำ หรือลักษณะทำงภำษำอันได้แก่ เสียง คำ และโครงสร้ำง มำใช้ในภำษำไทย เรียกว่ำ กำรยืมภำษำ ซ่ึงมีท่ีมำจำกภำษำต่ำงประเทศ เช่น ภำษำอังกฤษ ภำษำจีน ภำษำฝรั่งเศส เป็นต้น อันเกี่ยวข้องกับ กำรแลกเปลย่ี นทำงดำ้ นวฒั นธรรมของแต่ละชำตเิ ป็นหลัก นอกจำกน้ยี ังเกี่ยวข้องกับกำรเมอื ง เศรษฐกิจ สังคม ฯลฯ ด้วย กำรท่ีมีกำรใช้ภำษำต่ำงประเทศในกำรสื่อสำรน้ันก็เพ่ือที่จะมีคำในกำรติดต่อสื่อสำร มำกขนึ้ ในยคุ โลกำภวิ ัฒนน์ ้ี ดังนนั้ นักเรียนจะต้องเรยี นรู้หลักกำรยมื คำของภำษำต่ำงประเทศ ซึ่งมีลักษณะที่แตกต่ำงกัน ออกไป เพ่ือให้เกิดควำมเข้ำใจในควำมหมำยของคำต่ำงประเทศเหล่ำนั้นอย่ำงแท้จริง และนำไปใช้ ไดอ้ ย่ำงถูกต้องเหมำะสม เทำ่ ทันกำรเปลย่ี นแปลงของโลก 1. ปจั จัยทท่ี ำให้เกดิ กำรยืมภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย กำรยืมภำษำของแต่ประเทศมำใช้ในภำษำไทย มีปัจจัยทีแ่ ตกต่ำงกันออกไป ซง่ึ ปัจจัยทที่ ำให้ เกดิ กำรยมื ภำษำต่ำงประเทศมดี ังน้ี 1.1 ปัจจัยทำงด้ำนภูมิศำสตร์ ประเทศไทยมีอำณำเขตติดต่อกับหลำยประเทศ อันได้แก่ ลำว เขมร เมียนมำ มำเลเซีย ซ่ึงประชำชนในเขตชำยแดนนี้มีกำรติดต่อส่ือสำรระหว่ำงกัน ทำให้เกิด กำรแลกเปลีย่ นภำษำหรือมกี ำรพยำยำมใช้ภำษำร่วมกัน 1.2 ปัจจัยทำงด้ำนประวัติศำสตร์และกำรเมือง ประเทศไทยน้ันมีประวัติศำสตร์เกี่ยวกับ กำรอพยพมำยำวนำนทั้งเชิงกำรอพยพย้ำยถ่ินฐำน กำรอพยพหนีสงครำม กำรอพยพเพื่อเป็นเชลย ประวัติศำสตร์ในกำรเป็นประเทศรำชของต่ำงประเทศ รวมถึงกำรเจริญสัมพันธไมตรีทำงด้ำนกำรทูต ที่มมี ำยำวนำนของคนไทย ซง่ึ สิ่งทก่ี ล่ำวมำทำใหเ้ กิดกำรแลกเปลี่ยนภำษำได้ 1.3 ปัจจัยทำงพำณิชย์ ต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบันประเทศไทยจะมีควำมโดดเด่นในเร่ือง กำรเป็นศูนย์กลำงกำรพำณิชย์ เป็นเมืองท่ำท่ีสำคัญ ทำให้ต่ำงประเทศมำพำนัก มำติดต่อ กับประเทศ ไทยทำให้เกิดกำรแลกเปลี่ยนทำงภำษำซึง่ กันและกัน เพ่อื ใหเ้ กดิ ประโยชนส์ ูงสุดในกำรพำณิชย์ 1.4 อิทธิพลทำงศำสนำ กำรนับถือศำสนำที่หลำกหลำยของคนไทย คนไทยจำเป็นอย่ำงยิ่ง ที่จะต้องเรยี นรู้และเข้ำใจภำษำทีเ่ ป็นต้นกำเนดิ ของศำสนำ เพื่อท่จี ะเขำ้ ถงึ แก่นแท้ของศำสนำตน 1.5 กำรแลกเปลี่ยนทำงด้ำนวัฒนธรรม สังคมไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันจะมีกำรนิยม วัฒนธรรมต่ำงประเทศ เช่น วัฒนธรรมอำหำร วัฒนธรรมภำษำ วัฒนธรรมกำรแต่งกำย เป็นต้น ซ่ึงเกิดวัฒนธรรมต่ำง ๆ เหล่ำนี้ ต่ำงก็มีศัพท์เฉพำะ เมื่อคนไทยนำไม่ใช้ก็จำเป็นที่จะต้องเข้ำใจและใช้ ศัพท์เฉพำะทำงวฒั นธรรมนีด้ ว้ ย ภาษาไทยสาหรบั นักเรียน
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย 2 เรยี บเรยี งโดย นำยศกั ทำวุฒ โคตรชมภู 1.6 เทคโนโลยี ในปัจจุบันนี้นักเรียนจะเห็นชัดเจนเลยว่ำ คนไทยใช้ภำษำที่เก่ียวข้องกับ วิทยำกำรทำงเทคโนโลยีอย่ำงแพร่หลำย ซ่ึงเมื่อชำติใดคิดค้นนวัตกรรมทำงเทคโนโลยีท่ีทันสมัยได้ กจ็ ะสำมำรถสรำ้ งคำเฉพำะที่ใช้กบั เทคโนโลยีน้ันได้ และผู้ใช้กจ็ ำเป็นท่ีจะต้องเข้ำใจ และใช้ศัพท์เหล่ำน้ี ควบคกู่ ับนวัตกรรมทำงเทคโนโลยนี นั้ ดว้ ย 1.7 ด้ำนกำรศกึ ษำ กำรศึกษำทำใหค้ นรอบรู้ ซ่ึงกำรรอบรนู้ ี้เกดิ จำกกำรเรยี นรทู้ ่ีไมม่ เี ส้นกรอบ หมำยถึงกำรศึกษำที่ไร้พรมแดน กำรเรียนรู้ของโลกในปัจจุบันได้ลบเขตแดนของประเทศออกไปแล้ว ทำให้เกดิ กำรแลกเปลย่ี นเรียนรู้วิทยำกำรต่ำง ๆ ของแต่ละชำติได้ ทำให้เกิดกำรเรียนรู้ภำษำของชำตนิ ้ัน ด้วย 1.8 ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงบุคคล ปัจจุบันนี้เส้นเขตแดนของประเทศแทบจะไม่มีควำมหมำย ในเชิงกำรตดิ ต่อส่ือสำรระหว่ำงประเทศ ทำให้ประชำชนไทยมีเพ่ือนต่ำงประเทศเพิ่มข้ึน หรือมีคู่สมรส ตำ่ งประเทศเพิม่ ข้นึ ฯลฯ ทำใหเ้ กิดกำรถ่ำยทอดทำงภำษำซึ่งกนั และกัน 2. ลกั ษณะกำรยมื ภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย 2.1 กำรทับศัพท์ เป็นวิธีกำรยืมคำหนึ่งเข้ำมำใช้โดยตรง ซ่ึงแบ่งกำรทับศัพท์เป็น 4 ลักษณะ ดังนี้ 2.1.1 กำรทับศัพท์โดยตรง เป็นวิธีกำรทับศัพท์โดยถ่ำยแบบตัวอักษรมำตัวต่อตัว เช่น แบงค์ (Bank) ปัญญำ (ปัญญำ) เปน็ ต้น 2.1.2 กำรทับศัพท์โดยกำรเปล่ียนแปลงเสยี งเล็กนอ้ ย เช่น โกหก(กุหก) วิชำ(วิชชำ) กงั วล (ก็องวอล) เป็นตน้ 2.1.3 กำรลำกเข้ำควำม คือกำรทำให้ภำษำต่ำงประเทศท่ีออกเสียงยำก ลำกเข้ำมำเป็น ควำมของประเทศไทยเพื่อให้ออกเสียงง่ำย เช่น Telegraph คำไทยใช้ ตะแล๊ปแก๊ป Royal patent คำไทยใช้ รำชปะแตน เปน็ ตน้ 2.2 กำรปนภำษำ 2.2.1 ปนศัพท์ ซึง่ กำรปนศัพท์ คอื กำรปนคำศัพท์ตง้ั แตส่ องประเทศขน้ึ ไป เชน่ เครอื่ ง (เขมร) + คอมพวิ เตอร์ (องั กฤษ) = เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ ปลก๊ั (อังกฤษ) + ไฟ (ไทย) = ปล๊กั ไฟ เกย๊ี ว (จนี ) + นำ้ (ไทย) = เกี๊ยวนำ้ เปน็ ตน้ ภาษาไทยสาหรับนักเรียน
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย 3 เรยี บเรียงโดย นำยศกั ทำวฒุ โคตรชมภู 2.2.2 กำรปนภำษำประโยค เป็นกำรใช้คำของภำษำหนึ่งในบริบทของอีกภำษำหนึ่ง ซง่ึ มีกำรปนภำษำในลักษณะของประโยคสนทนำ เช่น สงสัยระบบซอฟต์แวร์ของคอมพวิ เตอร์มีปัญหำ จะเห็นว่ำประโยคข้ำงต้น มีกำรปนศัพท์ระหว่ำงภำษำไทยกับภำษำอังกฤษ ซ่ึงหำกจะเป็นประโยค ภำษำไทยล้วนจะมีเน้อื ควำมว่ำ สงสยั ระบบส่วนชุดคำส่งั ของคณิตกรณ์1มีปัญหำ เปน็ ต้น 2.3 กำรบัญญัติศัพท์ เป็นกำรยืมควำมหมำยซึ่งเดิมไม่มีอยู่ในภำษำเข้ำมำใช้ และสร้ำงคำ หรือบัญญัติศัพท์ขึ้นใหม่เพื่อใช้กับควำมหมำยที่ยืมมำ ส่วนมำกจะเป็นศัพท์วิชำกำร เช่น คำว่ำ Skill ซึ่งควำมหมำยแท้จริงของคำคือ ระดับสมองและอำรมณ์ แต่ไทยได้บัญญัติศัพท์ใช้แทนคำ และควำมหมำยนวี้ ำ่ ทักษะ เป็นต้น 2.4 กำรแปลศัพท์ ตำ่ งจำกกำรบัญญตั ิศัพท์ คือ กำรแปลศพั ทน์ ั้นจะเอำควำมหมำยของศัพท์ น้ันมำใช้เลย เช่น Stand point ซ่ึงควำมหมำยแท้จริงคือ จุดยืน ไทยก็นำมำใช้ว่ำ จุดยืน Postman ซึง่ ควำมหมำยแท้จริงคอื บุรษุ ไปรษณยี ์ ไทยกน็ ำมำใช้วำ่ บุรุษไปรษณีย์ เป็นต้น 3. หลกั กำรยืมคำจำกภำษำตำ่ งประเทศ จำกท่ีนักเรียนศึกษำเกี่ยวกับปัจจัย และลักษณะกำรยืมคำภำษำต่ำงประเทศในภำษำไทยไป แล้วนนั้ นกั เรียนก็จะมองภำพรวมของกำรยมื คำในภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย อนั จะนำไปสูห่ ลักกำร ยืมคำจำกภำษำต่ำงประเทศ ซง่ึ คำจำกประเทศต่ำง ๆ ที่ยมื มำใช้ในภำษำไทยมหี ลักกำรยมื ท่ีแตกต่ำงกัน ดังน้ี 3.1 กำรยืมคำ คอื กำรยมื ทงั้ รปู และควำมหมำย เชน่ คำว่ำ ปัญญำ ท่ีไทยยืมบำลมี ำใช้ก็ใช้รูป และเสียงเดิมคือคำว่ำ ปัญญำ เป็นตน้ 3.2 กำรยืมควำมหมำย คือ กำรยืมเฉพำะควำมคิดของคำโดยไม่ยืมรูปและเสียง หรืออำจ กล่ำวได้ว่ำผู้ยืมสร้ำงคำลอกเลียนคำในภำษำของผู้ให้ โดยนำคำท่ีมีควำมหมำยเดียวกับภำษำผู้ให้มำ ประกอบกันตำมตัวอย่ำงของคำ ซึ่งกำรยืมในลักษณะนี้เรียกว่ำ กำรยืมแบบแปล ดังกล่ำวมำแล้วใน หัวข้อที่ 2.4 3.3 กำรยมื เสียง เช่น ภำษำไทยยืมเสียงพยัญชนะควบกลำ้ ขององั กฤษ อันไดแ้ ก่ /ทร-/ /บร-/ /ฟร-/ /ฟล-/ /ดร-/ เชน่ เบรก ดร้ิงก์ ฟอรม์ เป็นต้น 1 ตอนท่ีคอมพิวเตอร์เขำ้ มำสู่เมืองไทยใหม่ ๆ เม่ือประมำณ ๕๐ ปีกอ่ นน้ัน เรำเห็นว่ำคอมพวิ เตอร์ทำงำนได้เหมือนกับมี สมอง ก็เลยเรียกกนั ว่ำ “สมองกล” ต่อมำมีกำรบญั ญตั ศิ พั ท์ “คณติ กรณ์” (อ่ำนวำ่ คะ-นิด-ตะ-กอน) ซง่ึ แปลว่ำ “เคร่อื งมือคำนวณ” คำนี้มีค วำมหมำยตร ง กับภ ำษ ำอัง กฤษ ว่ ำ “computer” (สะ กดว่ำ c-o-m-p-u-t-e-r) ซ่ึง มำ จ ำกค ำว่ำ compute (สะกดว่ำ c-o-m-p-u-t-e) ที่แปลว่ำ “คำนวณ” แต่ชื่อนี้ก็ไม่ได้รับควำมนิยม เรำจึงใช้คำทับศัพท์ว่ำ “คอมพิวเตอร์” ต่อไป เพรำะเข้ำใจควำมหมำยไดช้ ดั เจนดแี ล้ว (สำนักรำชบัณฑติ ยสภำ, 2550 : 1) ภาษาไทยสาหรบั นักเรยี น
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย 4 เรยี บเรียงโดย นำยศกั ทำวฒุ โคตรชมภู 3.4 กำรยืมสำนวน เช่น ไทยยมื สำนวน ระยะทำงพิสูจน์ม้ำ กำลเวลำพิสูจน์คน จำกจนี มำใช้ ไทยยืมสำนวน ฟำงเสน้ สุดทำ้ ย จำกองั กฤษมำใช้ เป็นตน้ 3.5 กำรยืมไวยำกรณ์ เช่น ไทยยืมคำหลักกำรสมำสซึ่งเป็นกำรประสมคำบำลีสันสกฤตมำใช้ สรำ้ งคำในภำษำไทย เป็นตน้ 3.6 กำรยืมฉันทลักษณ์ เช่น ไทยยืมรูปแบบกำรแต่งฉันท์มำจำกคัมภีร์วุตโตทัยของอินเดีย เปน็ ต้น 4. คำท่ียืมมำจำกภำษำบำลแี ละสนั สกฤต 4.1ลกั ษณะคำภำษำบำลีและสนั สกฤตท่ีใชอ้ ยใู่ นภำษำไทย มีดังนี้ 4.1.1 ศัพท์ที่เก่ียวกับศำสนำ อันได้แก่ พุทธศำสนำจะใช้ภำษำบำลี และศำสนำพรำหมณ์ จะใช้ภำษำสนั สกฤต เชน่ สังขำร ตรีปวำย ตรียมั ปวำย จรดพระนำงคัล เปน็ ตน้ 4.1.2 คำในวรรณคดี เช่น รำมเกยี รต์ิ มหำเวสสนั ดรชำดก เป็นต้น 4.1.3 คำรำชำศัพท์ และคำสภุ ำพ เชน่ พระรำโชบำย รับประทำน พระหัตถ์ เปน็ ต้น 4.1.4 ชื่อและนำมสกุล เช่น นำยประยุทธ์ มิตรถำวร นำงเกษียณมำตำ ปรัชญำวิชำ เป็นตน้ 4.1.5 ศัพทว์ ชิ ำกำร เชน่ ญัตติ เอกภำพ วิทยำนพิ นธ์ เปน็ ต้น 4.2 หลกั กำรสังเกตคำทมี่ ำจำกภำษำบำลแี ละสนั สกฤต ตำรำงแสดงกำรเปรยี บเทยี บหลักกำรสงั เกตคำทม่ี ำจำกภำษำบำลีและสนั สกฤต บำลี สนั สกฤต สระ อะ อำ อิ อี อุ อู เอ โอ เชน่ อิสี กณั หำ โบรำณ สระ อะ อำ อิ อี อุ อู เอ โอ ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ไอ เอำ เช่น เปน็ ตน้ ฤๅษี กฤษณ์ เปำรำณ เป็นตน้ ใช้ตัว “ส” เช่น สำลำ สปิ ปะ เปน็ ตน้ ใช้ตวั “ศ” กับ “ษ” เช่น ศำลำ ศลิ ปะ เปน็ ตน้ ใช้ตวั “ฬ” เชน่ จฬุ ำ กีฬำ ครฬุ เปน็ ตน้ ใช้ตวั “ฑ” เช่น จุฑำ กรีฑำ ครุฑ เป็นตน้ ใช้พยัญชนะเรียงพยำงค์ เช่น กิริยำ วิชำ ปีติ ใช้อักษรควบกล้ำ พยัญชนะประสม เช่น กริยำ เปน็ ต้น วทิ ยำ ปรีติ เป็นตน้ ใช้พยัญชนะสะกดและตัวตำมตัวกัน เชน่ ธัมม กมั ม ใช้ตวั “รร” เชน่ ธรรม กรรม พรรษำ เป็นตน้ พสั ส เป็นต้น มหี ลักตัวสะกดตวั ตำม มีหลักตัวสะกดตัวตำม ภาษาไทยสาหรับนกั เรียน
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย 5 เรยี บเรียงโดย นำยศกั ทำวฒุ โคตรชมภู นักเรียนจะเห็นว่ำทั้งภำษำบำลี และสันสกฤตมีหลักตัวสะกดตัวเหมือนกัน แต่รำยละเอียด หลักกำรจะต่ำงกัน ดังนั้น เพ่ือให้นักเรียนเข้ำใจง่ำย หรือสำมำรถแยกคุณสม บัติของภำษำบำลี และสันสกฤตได้เข้ำใจและถูกต้อง ครูจะให้นักเรียนศึกษำเกี่ยวกับหลักตัวสะกดตัวตำมของภำษำบำลี เพียงอย่ำงเดียว คำท่ีมีคุณสมบัตินอกเหนือจำกตำรำงข้ำงต้นที่เป็นคุณสมบัติของภำษำบำลี และหลักท่ีจะกล่ำวต่อไป ให้ถือว่ำเป็นคำสันสกฤต เพรำะกำรใช้ตัวสะกดสำหรับคำสันสกฤตไม่มี หลกั เกณฑ์แน่นอนอย่ำงคำบำลี ตำรำงแสดงกำรแบ่งวรรคพยัญชนะบำลที ั้ง 33 ตัว พยญั ชนะวรรค แถวท่ี 1 แถวที่ 2 แถวที่ 3 แถวท่ี 4 แถวท่ี 5 ฆ ง วรรค กะ กัณฐชะ กขค ฌ ญ ฒ ณ วรรค จะ ตำลุชะ จฉช ธ น ภ ม วรรค ฏ มทุ ธชะ ฏฐฑ วรรค ตะ ทนั ตชะ ตถท วรรค ป โอษฐชะ ปผพ เศษวรรค ย ร ล ว ส ศ ษ ห ฬ ๐(นฤคหติ ) (พยัญชนะบำลีมี 33 ตัว ส่วนพยญั ชนะสันสกฤตมี 35 ตัว เพม่ิ จำกพยัญชนะบำลี คือ ศ ษ) หลักเกณฑ์หำรใชต้ วั สะกดสำหรับคำบำลี 1) พยญั ชนะวรรคแถวทเ่ี ปน็ ตวั สะกดได้ คอื แถวที่ 1 3 และ 5 พยญั ชนะวรรค แถวที่ 1 แถวที่ 2 แถวท่ี 3 แถวท่ี 4 แถวท่ี 5 ฆ ง วรรค กะ กัณฐชะ กขค ฌ ญ ฒ ณ วรรค จะ ตำลชุ ะ จฉช ธ น ภ ม วรรค ฏ มุทธชะ ฏฐฑ วรรค ตะ ทนั ตชะ ตถท วรรค ป โอษฐชะ ปผพ เศษวรรค ย ร ล ว ส ศ ษ ห ฬ ๐(นฤคหติ ) 2) ตวั ตำม มีดังนี้ พยัญชนะวรรคแถวที่(แนวตัง้ ) 1 สะกด พยญั ชนะวรรคแถวท่ี 1 หรือแถวที่ 2 จะต้องตำม เช่น สัจจะ (จ เป็นแถวที่ 1 ตำมด้วย จ ทเ่ี ป็นแถวท่ี 1) ทุกข์ (ก เป็นแถวท่ี 1 ตำมด้วย ข ทีเ่ ปน็ แถวที่ 2) วัตถุ (ต เป็นแถวท่ี 1 ตำมดว้ ย ถ ที่เป็นแถวท่ี 2) เป็นต้น ภาษาไทยสาหรับนกั เรียน
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย 6 เรยี บเรยี งโดย นำยศกั ทำวฒุ โคตรชมภู พยัญชนะวรรคแถว(แนวตั้ง)ที่ 3 สะกด พยญั ชนะวรรคแถวที่ 3 หรือแถวท่ี 4 จะต้องตำม เช่น พุทธ (ท เป็นแถวท่ี 3 ตำมด้วย ธ ที่เป็นแถวที่ 4) นิพพำน (พ เป็นแถวท่ี 3 ตำมด้วย พ ท่ีเป็น แถวที่ 3) มัชฌม (ช เป็นแถวท่ี 3 ตำมด้วย ฌ ท่ีเป็นแถวท่ี 4) รัช (ช) กำล(ช เป็นแถวที่ 3 ตำมด้วย ช ทเ่ี ป็นแถวท่ี 3) เปน็ ต้น พยัญชนะวรรคแถวท่ี 5 สะกด พยัญชนะทุกตัวในวรรค(แนวนอน)น้ันตำมได้ วรรคในที่น้ี คือช่องแนวนอนที่พยัญชนะสะกดแถวที่ 5 อยู่ เช่น องค์(ง เป็นแถวที่ 5 ตำมด้วย ค ที่เป็นแนวท่ี 1) สงฆ์(ง เป็นแถวท่ี 5 ตำมด้วย ฆ ท่ีเป็นแนวท่ี 1) เกณฑ์(ณ เป็นแถวที่ 5 ตำมด้วย ฑ ที่เป็นแนวท่ี 4) สุคนธ์ (น เปน็ แถวที่ 5 ตำมดว้ ย ธ ทเี่ ปน็ แนวท่ี 4) เป็นตน้ พยัญชนะเศษวรรคที่เป็นตัวสะกด จะตำมด้วยพยัญชนะเศษวรรคตัวเดิมเท่ำนั้น เช่น วลั ลภ (ล เปน็ เศษวรรคจงึ ต้องตำมดว้ ย ล ตัวเดิม) อัสสำสำ (ส เป็นเศษวรรคจึงตอ้ งตำมด้วย ส ตวั เดิม) อยั ยิกำ (ย เปน็ เศษวรรคจึงต้องตำมดว้ ย ย ตวั เดมิ ) เป็นตน้ 4.3 วิธกี ำรนำคำบำลี และสนั สกฤตมำใช้ในภำษำไทย ภำษำบำลี แลสันสกฤตเปน็ ภำษำคนละตระกลู กับภำษำไทย ดงั นัน้ ในกำรนำมำใช้ในภำษำไทย จงึ ตอ้ งมีกำรดดั แปลงรูปเสยี กอ่ น กำรนำคำบำลี และสันสกฤตมำใช้ในภำษำไทยมีหลำยรปู แบบ ดงั นี้ 1) ใช้รูปเดิมไม่ตัดรูปวิภัตติ2ออก เช่น เฉโก เดโช พำโล อำโป อำยุวัณโณสุขังพลัง เป็นตน้ 2) ใชต้ ำมรูปเดมิ แต่ตดั วิภัตตอิ อก สำมำรถออกเสยี งได้ 3 ชนิด ดังนี้ ออกเสยี งตำมคำเดิม เช่น เศรษฐี สมำธิ รำตรี ภิกษุ ธำนี เปน็ ตน้ ออกเสียงเพ้ียนไปจำกเดิม เพรำะให้พยัญชนะตัวสุดท้ำยทำหน้ำที่เป็นตัวสะกด เช่น กุมำร ทตู โลก เป็นตน้ ออกเสยี งผิดไปจำกเดิม เช่น กนก อำ่ นว่ำ กะ – หนก ประมำท อำ่ นว่ำ ประ – มำท ฤกษ์ อ่ำนวำ่ เริก เป็นต้น 3) ตัดส่วนหนำ้ ของคำออก แต่ใช้ส่วนหลัง เช่น ณรงค์ ตัดมำจำก รณรงค์ นุช ตัดมำจำก อนชุ โบสถ์ ตัดมำจำก อุโบสถ เปน็ ต้น 4) ตดั สว่ นหลงั คำออก ใชแ้ ต่ส่วนหนำ้ เชน่ อโหสิ ตัดมำจำก อโหสกิ รรม ปรำงค์ ตัดมำจำก ปรำงค์ปรำสำท เป็นต้น 5) ตัดส่วนหน้ำและส่วนหลังของคำออก ใช้แต่ส่วนกลำง เช่น ขู ตัดมำจำก อักโขภิณี เป็นต้น 2 รำชบณั ฑติ ยสถำน (2556) ให้ควำมหมำยของ วิภตั ติ ไว้ว่ำ ประเภทคำในภำษำบำลีเป็นตน้ ทแี่ ปลงทำ้ ยคำแล้วเพอ่ื บอก กำรก(กรยิ ำทท่ี ำหนำ้ ท่ปี ระธำน กรรม หรือส่วนขยำยของประโยคทค่ี ลำ้ ยกบั นำม) หรือกำล ภาษาไทยสาหรบั นกั เรียน
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย 7 เรียบเรยี งโดย นำยศกั ทำวฒุ โคตรชมภู 6) แผลงสระและพยัญชนะให้ผดิ รูปไปจำกเดิม เช่น เบญจ แผลงมำจำก ปัญจ เยำว์ แผลง มำจำก ยวุ พพิ ธิ แผลงมำจำก วิวิธ เป็นตน้ 7) เติมทัณฑฆำตลงไปท่ีพยำงค์สดุ ท้ำยของคำ เพื่อลดพยำงค์ให้น้อยลง เช่น สุคนั ธ์ โอษฐ์ สรุ ีย์ พกั ตร์ เป็นต้น 8) เติมไมว้ รรณยุกต์ลงไปแบบไทย เช่น กระปี่ มำกจำกคำว่ำ กปิ ระยำ้ มำจำกคำว่ำ ระย้ำ พทุ โธ่ มำกจำกคำว่ำ พุทโธ เป็นตน้ 9) เปลี่ยนหรือเพ่ิมรปู คำให้เพีย้ นไปจำกเดิม เช่น กปฺปรุกฺข (บำลี) กลฺปพฤกฺษ (สันสกฤต) กำมพฤกษ์ (ไทย) สินิทฺธ (บำลี) สินิคธฺ (สันสกฤต) สนิท (ภำษำไทย) ยำจก (บำลี) ยำจก (สันสกฤต) กระยำจก (ไทย) เปน็ ต้น 10) เปล่ียนควำมหมำยให้ผิดไปจำกเดิม เช่น เวทนำ ควำมหมำยท่ีแท้จริงคือ ควำมรู้สึก ทกุ ข์รู้สึกสุข ควำมหมำยของไทย สงสำร เอ็นดู ปรำณี ยโส ควำมหมำยท่ีแท้จริงคือ ควำมงำม ควำมดี เกียรตคิ ุณ ควำมหมำยของไทย ไว้ยศ ถือตัว หย่งิ เปน็ ตน้ 5. คำที่ยืมมำจำกภำษำเขมร ก่อนอื่นนักเรียนควรที่จะรู้เก่ียวกับประวัติควำมเป็นของภำษำเขมร ภำษำเขมรจัดอยู่นะ ตระกูลออสโตรเอเชียติก (Austroasiatics) ซ่ึง มีภำษำเวียดนำม ภำษำเขมร และภำษำมอญ ท่ใี ช้อย่ำงเป็นทำงกำร สว่ นภำษำอน่ื ทีอ่ ย่ใู นกลุม่ นกี้ ็จะใช้ในชนกลุ่มน้อย และภำษำเขมรเปน็ ภำษำคนละ ตระกูลกับภำษำไทย ในช่วงพุทธศตวรรษท่ี 16 – 17 เขมรมีอำณำจักรที่มีควำมเจริญรุ่งเรือง มีอำรยธรรม และวัฒนธรรมทสี่ งู สง่ ซง่ึ มีอิทธพิ ลมำกต่ออำณำจักรต่ำง ๆ ในแถบเอเชยี อำคเนย์ 3 เขมรไดข้ ยำยอำนำจ มำครอบครองบรเิ วณทเ่ี ป็นดินแดนของประเทศไทยบำงส่วนในปัจจุบัน ทำให้ชนชำตไิ ทยในขณะนนั้ รับ วัฒนธรรมตำ่ ง ๆ ของเขมร รวมถงึ ภำษำ ปจั จุบนั ภำษำเขมรท่ีไทยยืมมำใช้มจี ำนวนมำกประมำณ 2,000 คำ และครอบคลุมทุกวงศัพท์ ซ่ึงอุไศรี วรศริน(2553 : 99) ได้แบ่งชนิดของคำเขมรที่ใช้ในภำษำไทยออกเป็น 7 ชนิด ได้แก่ ศัพท์เกีย่ วกับชีวติ บคุ คลและสังคม ควำมชำนำญต่ำง ๆ ธรรมชำติ สตั ว์ พฤกษศำสตร์ และรำชำศัพท์ ภำษำเขมรเป็นภำษำคำโดด คอื เป็นภำษำทไ่ี มม่ ีกำรผันคำนำม คำกรยิ ำ ไปตำมควำมสัมพนั ธ์ ที่คำนั้นมีกับคำอ่ืน หรือตำมเกณฑ์ข้อบังคับทำงไวยำกรณ์ ประโยคภำษำเขมรประกอบด้วยคำที่ทำ หน้ำท่ีประธำน กริยำ และกรรม ส่วนขยำยนำนและกริยำ มักอยู่ตำมหลังนำมและกริยำที่ถูกขยำย 3 เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต,้ อษุ ำคเนย์ หรือ เอเชียอำคเนย์ เปน็ อนภุ ูมิภำคของทวปี เอเชยี ประกอบดว้ ย 11 ประเทศ ไดแ้ ก่ ไทย พม่ำ ลำว กมั พูชำ เวยี ตนำม มำเลเซยี สิงคโปร์ อนิ โดนเี ซยี ฟลิ ปิ ปนิ ส์ ติมอร์เลสเต และบรไู น ภาษาไทยสาหรบั นกั เรียน
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย 8 เรยี บเรยี งโดย นำยศกั ทำวฒุ โคตรชมภู ลกั ษณะคำส่วนใหญเ่ ป็นคำพยำงคเ์ ดียวและคำสองพยำงค์ คำหลำยพยำงค์มักเป็นคำประสมหรือคำทย่ี ืม มำจำกภำษำอ่ืน คอื ภำษำบำลแี ละภำษำสนั สกฤต กำชัย ทองหลอ่ (2552 : 324) ไดอ้ ธบิ ำยวำ่ ภำษำเขมรก็เชน่ เดยี วกบั ภำษำไทยทม่ี ีคำบำลีและ สนั สกฤตเข้ำไปปะปนอยมู่ ำก ทั้งน้ีเนื่องจำกอิทธพิ ลทำงศำสนำและวัฒนธรรมของอินเดยี กำพย์ กลอน ของเขมรบำงอยำ่ งก็คล้ำยคลึงกับของไทยมำก บุญเรือง คัชมำลย์(2553 : 9) ได้อธิบำยว่ำ กำรเรียงคำหรือประโยคของภำษำเขมรน้ัน มีกำรเรียงคำท่ีไม่เหมือนภำษำไทย บำงกรณีก็วำงกริยำไว้หน้ำนำม เช่น ประโยคว่ำ “เขำหัวแตก” กำรเรยี งคำคำของเขมรจะเปน็ “เขำแตกหวั ” หรือเช่นวลีวำ่ “จำนแตก” เขมรจะพูดวำ่ “แตกจำน” คำเขมรท่ีไทยนำมำใช้น้ัน มีท้ังภำษำพูดและภำษำเขียน โดยมักเปลี่ยนรูปและเสียงใหม่ เพรำะลักษณะของคำเขมรส่วนมำกจะเขียนอยู่ในรูปอย่ำงหน่ึง แต่พอออกเสียงก็จะเป็นอีกอย่ำงหน่ึง พอไทยเอำมำใช้ก็จะเขยี นตำมเสียงพูด รปู ของคำในภำษำไทยจึงไมต่ รงกับคำเขียนในภำษำเดมิ ของเขมร และประเทศไทยยังเขียนตำมควำมถนัดในกำรออกเสียงของคนไทยโดยไมค่ ำนึงถึงคำเดิมของภำษำเดิม จะเปน็ อยำ่ งไร ซงึ่ เปน็ เหตใุ ห้เกิดคำแผลงของคำเขมรในภำษำไทย กำรแผลงคำ(Derivation) คือ วิธีกำรสร้ำงคำใหม่ โดยกำรนำคำโดดที่เป็นพยำงคเ์ ดียวท่ีมีอยู่ เดิมแผลงหรือขยำยเป็นอกี คำหน่งึ ซง่ึ ต่ำงจำกเดิม และมคี วำมหมำยต่ำงกนั 5.1 ลกั ษณะเดน่ คำเขมรท่ีไทยนำมำใชใ้ นภำษำไทย คำเขมรที่นำมำใช้ในภำษำไทยมีลักษณะท่ีแตกต่ำงจำกคำอ่ืน ๆ ที่มำใช้ในภำษำไทย ซ่ึงวิไลวรรณ ขนิษฐำนนั ท์ (2544 : 3–27) ได้กล่ำวถึงลกั ษณะเดน่ คำเขมรท่ไี ทยนำมำใชใ้ นภำษำไทยว่ำ คำเขมรในภำษำไทยไมใ่ ชค่ ำยืม แต่เกิดจำกกระบวนกำรปนภำษำดว้ ยเหตผุ ล ที่สรปุ ได้ดงั นี้ 5.1.1 คำเขมรในภำษำไทยมีธรรมชำตทิ ี่แตกตำ่ งจำกคำอ่ืน ๆ ในภำษำไทย เชน่ ภำษำบำลี– สันสกฤต ภำษำอังกฤษ เป็นต้น คำภำษำต่ำง ๆ ท่ีเป็นคำเข้ำจำกภำษำอื่น มักมำพร้อมสิ่งใหม่ แตค่ ำเขมรในภำษำไทยจำนวนมำกเป็นคำทเี่ กยี่ วกบั สง่ิ ท่ีคนไทยรู้จักหรอื มีอยูแ่ ล้วในสังคมไทย และไมใ่ ช่ ส่งิ ใหม่สำหรบั คนไทย 5.1.2 คำเขมรในภำษำไทยมี “คำไวยำกรณ์” (Grammatical words) ซึ่งจะไมม่ ีในคำยืมจำก ภำษำอ่นื ๆ เน่ืองจำกคำยืมจำกภำษำอืน่ โดยทว่ั ไปเปน็ ศัพท์ทม่ี ีควำมสมั พันธ์กับโลกรอบตวั ตัวอยำ่ งคำ ไวยำกรณ์ภำษำเขมรในไทย เช่น คือ โดย แต่ เพรำะ หรือ เป็นต้น นอกจำกคำเหล่ำนี้แล้วยังมีคำ ประเภทท่ีไม่น่ำเป็นคำยืมได้ คือ คำขำนรับและคำอุทำน เช่น จ๋ำ จ้ำ อือ โว้ ย เหวย เอย ชัยโย เป็นต้น ภาษาไทยสาหรับนักเรยี น
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย 9 เรยี บเรยี งโดย นำยศกั ทำวฒุ โคตรชมภู 5.1.3 มีคำเขมรจำนวนมำกในภำษำไทยท่ีใช้บรรยำย อธิบำยอำรมณ์ควำมรู้สึก ที่ไม่อำจจัด เข้ำเป็นกำรยืมประเภทเดียวกับคำอ่ืน ๆ คำเขมรในทำนองน้ีมีอยู่มำกมำย เช่น กระอักกระอวน ระทดระทวย สะทกสะท้ำน ผยอง ละเลิง สำนกึ สำออย เป็นต้น 5.1.4 คำเขมรในภำษำไทยมีอยู่ในทุกแวดวง ไม่ว่ำจะใช้ภำษำไทยสื่อควำมเก่ียวกับเร่ืองใดก็ ปรำกฏมีคำเขมรอยู่ด้วยทุกเรื่อง ต่ำงจำกคำยืมภำษำอ่ืน ๆ ที่มีใช้เฉพำะด้ำน เช่น บำลี – สันสกฤต ในแวดวงพระพุทธศำสนำ พิธีพรำหมณ์ และวรรณคดี เป็นต้น คำเขมรที่มีควำมหมำยครอบคลุม ทุกด้ำนนี้ต้องเกิดจำกกำรถ่ำยเทภำษำเขมรเข้ำสู่ภำษำไทย เพรำะคนในสังคมรู้ 2 ภำษำ และใช้ท้ัง 2 ภำษำในชวี ติ ประจำวนั อยำ่ งสม่ำเสมอ 5.1.5 คำเขมรในภำษำไทยจำนวนมำกเป็น ช่ือคนไทย และสิ่งนี้นับเป็นสง่ิ ท่ีบ่งบอกถึงสังคม ทวิภำษำ4อกี ประกำรหนง่ึ ช 5.1.6 คำเขมรในภำษำไทยท่มี หี ลำยควำมหมำยในภำษำเขมรมี ควำมหมำยตรงกบั คำเขมรใน ภำษำไทย เช่น โคลง หมำยถึง คำประพันธ์ชนิดหน่ึง, อำกำรเคลื่อนไหวของเรือ จุก หมำยถึง ที่ปิดขวด, อำกำรเจ็บปวดท่ีท้อง, (ผม)จุก เป็นตน้ คำยืมโดยท่ัวไปมักมีควำมหมำยแคบกว่ำคำในภำษำเดิม คำเขมรที่ยกมำข้ำงต้นไม่ ได้มำจำกภำษำยืม แต่มำจำกกำรถ่ำยเทถ้อยคำเขมรสภู่ ำษำไทยโดยผู้พุดได้ทังไทยและเขมร จึงได้เกดิ มี รปู คำรูปเดียวหลำยควำมหมำยท่ีเหมือนกนั ได้ เหตุผลทั้ง 6 ประกำรนี้แสดงให้เห็นว่ำคำเขมรในภำษำไทยมีสภำพท่ีแตกต่ำงกับคำยืม ภำษำอื่น ๆ ในภำษำไทย และคำเขมรเหล่ำน้ีบ่งชี้ถึงควำมคุ้นเคยกับภำษำเขมร กำรใช้ภำษำเขมรใน ชีวิตประจำวันของบุคคลทวิภำษำ และคนรู้สองภำษำเหล่ำน้ีได้ถ่ำยทอดคำจำกเขมรไปใช้ในภำษำไทย เม่อื พูดภำษำไทย 5.2 วิธีกำรนำคำเขมรมำใช้ในภำษำไทย กำชัย ทองหล่อ(2552 : 325 – 326) ได้อธิบำยวิธีนำคำเขมรมำใช้ในภำษำไทยซ่ึงมอี ย่หู ลำยวิธี ดังน้ี 5.2.1 ใช้ตำมรูปเดิม เช่น เขมร อ่ำนว่ำ ไทยใช้ แปลวำ่ กงั วล กัง – วอ็ ล กงั วล เกย่ี วขอ้ ง, หว่ งใย ขจร ขจฺ อ ขจร ฟุ้งไป ขจำย ขจฺ ำย ขจำย5 เร่ยี รำย, ฟงุ้ ไป 4 สงั คมทค่ี นรู้สองภำษำ 5 ปจั จุบนั ใชว้ ำ่ กระจำย ภาษาไทยสาหรับนักเรยี น
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย 10 เรยี บเรียงโดย นำยศกั ทำวุฒ โคตรชมภู เขมร อ่ำนวำ่ ไทยใช้ แปลว่ำ แข แข แข ดวงเดือน ฉนำ ฉฺนำ ฉนำ ปี ฉงำย ฉฺงำย ฉงำย ไกล, ห่ำง ถกล ถฺก็อล ถกล กอ่ สรำ้ ง, ตง้ั เปน็ ต้น 5.2.2 เปลีย่ นตวั สะกดใหผ้ ดิ ไปจำกเดมิ เชน่ เขมร ไทยใช้ แปลวำ่ กรำล กรำน ปู, ลำด ขนล ขนน หมอนอิง เภมิร เถมนิ ผูเ้ ดิน, พวก, เหล่ำ, ทหำร, พรำนปำ่ ผจำล ผจำน6 เปดิ เผยควำมชวั่ , จำเพำะเปน็ เผอลิ เผอญิ 7 หำกให้เป็น, จำเพำะเป็น ลงำจ ละงำด8 เย็น, เวลำเย็น สรำญ สำรำญ สบำยใจ, เบำใจ, เย็นใจ จัส จัด แก,่ เขม้ , เตม็ ที่, มำก, กล้ำ, แรง เป็นตน้ 5.2.3 เปลย่ี นรปู และเสยี งใหผ้ ิดไปจำกเดมิ เช่น เขมร ไทยใช้ แปลว่ำ กุร(กรอ็ ม) กรม9 ระทม, กลดั , ลำบำก กบิด10 ุ กรรบดิ มดี คฺรัวสฺ กรวด ก้อนหินเลก็ ๆ กรำสฺ กระ เตำ่ ทะเลชนิดหนงึ่ กญั ญูสฺ กระฉูด พุง่ ออก กรฺสวง กระทรวง ข้ำง, ฝำ่ ย, รำชกำรแผนกสว่ นใหญ่ กฺรพะ กระเพำะ อวัยวะภำยในรำ่ งกำยของคนและสตั ว์ แขสรฺ . กระแส สำย, อำกำรไหล, เส้นเชอื ก 6 ปจั จุบันใช้วำ่ ประจำน 7 ปจั จุบันใชท้ ้ัง เผอญิ และ บงั เอญิ 8 บ้ำงใช้ว่ำ ลำ้ งำด หรือ ลำงำด 9 ปจั จุบันใช้ว่ำ ตรม ก็มี และคำวำ่ กรม ในปจั จุบัน ใชแ้ ทนหน่วยงำนด้วย 10 กำบติ ภาษาไทยสาหรับนกั เรยี น
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย 11 เรยี บเรียงโดย นำยศกั ทำวฒุ โคตรชมภู เขมร ไทยใช้ แปลว่ำ ทรง ธำมรงค์ แหวน อัจจมพษิ อุตพดิ พรรณไมช้ นิดหน่งึ ฤสฺสีสฺรุก สีสกุ ไม้ไผ่บำ้ น เป็นต้น 5.2.4 ลดพยำงคใ์ ห้น้อยลง เช่น เขมร ไทยใช้ แปลวำ่ กำชรฺ วจ จรวด, กรวด ชื่อดอกไมไ้ ฟชนดิ หนึ่ง จิญเจมิ เจมิ 11 ควิ้ พโิ ดร12 โดร หอม, กล่นิ หอมฟงุ้ เปน็ ต้น 5.2.5 แผลงอกั ษรให้มีรูปตำ่ ง ๆ เช่น เขมร ไทยใช้ แปลวำ่ เฉ.นร เฉนียน ฝัง่ น้ำธำร ชรฺ ลง จันลอง13 ลำธำร ชเลำะ จำเลำะ, ทะเลำะ ทมุ่ เถียงกนั ดว้ ยควำมโกรธ ฏรี ดำรี, ดมไร, ดำไร ช้ำง ฎเนียล ดำเนียร 14 ตเิ ตียน ก.ทร กำธร สะเทือน, สน่นั , หวั่นไหว ขจฺ ก กระจอก เขยก, งอ่ ย ผทฺ ม, ผทฺ ุม ประทม15 นอน ผฺจง ประจง, บรรจง ควำมตง้ั ใจ, ตัง้ ใจทำใหด้ ี ผจฺ ัญ ประจญั , ประจญ ทำใหแ้ พ้, สู้รบ สทงึ ฉทงึ , ชรทงึ 16 แม่น้ำ สงแฺ รก สำแหรก เคร่ืองหำบของ 11 ปัจจุบนั มีความหมายในการแสดงอาการคอื การเอาแป้งหอมแตม้ เป็ นจดุ ๆ ท่ีหน้าผากหรือส่ิงท่ีตอ้ งการใหม้ ี สิริมงคล และมีความหมายว่า เสริม, เพ่ิม เช่น เจิมปากกระทง เป็ นตน้ 12 พิโฎร 13 จงั ลอง 14 ปัจจบุ นั ใชใ้ นความหมาย ท่ีผ่านมา 15 ผทม, บรรทม กว็ า่ 16 จทงึ , ชทงึ , สทิง, สทงึ , สรทงึ , ก็ว่า ภาษาไทยสาหรบั นักเรียน
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย 12 เรยี บเรียงโดย นำยศกั ทำวฒุ โคตรชมภู เขมร ไทยใช้ แปลว่ำ โส.วย เสวย ไดร้ บั , กิน, เสพ, ครอง รำม เรียม ฉัน, พ่ี เปน็ ต้น 5.3 หลกั กำรสังเกตคำภำษำเขมรในภำษำไทย จำกที่นักเรียนได้ศึกษำประวัติควำมเป็นมำ ลักษณะ วิธีกำรนำคำเขมรมำใช้ในภำษำไทย จะพบหลกั สังเกตคำภำษำเขมรในภำษำไทย ดังน้ี 5.3.1 คำเขมรนิยมใช้เสยี งพยัญชนะควบกล้ำทั้งทเี่ ปน็ พยัญชนะ ร ล ว และพยัญชนะ ตวั อ่ืน เชน่ กระบอื ขลงั ฉลอง ถวำย โปรด เป็นต้น 5.3.2 คำเขมรนิยมใช้คำเตมิ หน้ำเพือ่ ให้เกดิ คำใหม่ เชน่ คำนำหนำ้ คำหลงั คำ กำ บัง กำบัง กำ นลั กำนลั บัง เกิด บังเกิด บัง อำจ บงั อำจ บรร จง บรรจง บรร จบ บรรจบ บนั ดำล บันดำล บัน ลอื บันลือ บำ เพญ็ บำเพญ็ บำ บัด บำบดั ผ จง ผจง ผ ลำญ ผลำญ ประ จำญ ประจำญ ประ ชมุ ประชมุ สำ รำญ สำรำญ สำ รอง สำรอง เป็นต้น ภาษาไทยสาหรบั นักเรยี น
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย 13 เรียบเรยี งโดย นำยศกั ทำวุฒ โคตรชมภู 5.3.3 คำเขมรนิยมใช้คำเตมิ กลำงเพอื่ ให้เกิดคำใหม่ เชน่ คำเก่ำ คำใหม่ กรำบ กำรำบ เฉพำะ จำเพำะ เกดิ กำเนิด แขง็ กำแหง บวช ผนวช โลภ ละโมบ เดิน ดำเนนิ เปน็ ตน้ 5.3.4 คำเขมรนยิ มใช้พยัญชนะตัวสะกดไม่ตรงตำมมำตรำ แม่กด ใช้ จ ส สะกด เช่น ตรัส เสรจ็ ตรวจ เป็นต้น แม่กน ใช้ ญ ร ล สะกด เช่น เจริญ ผลำญ ชำนำญ ขจร บังอร ประมูล ตำบล เป็นต้น 5.4 ตวั อยำ่ งคำภำษำเขมรทใี่ ชใ้ นภำษำไทย กรรเจียก (ดอกไม้ทัด) กรอ (เขญ็ ใจ) กระทรวง กระพงั กระแส กลด (ร่ม) กำจัด กำเดำ กำจร (สะเทือน) กำพู (ไม้กลึงสำหรับเป็นที่ร้อยรวมซี่ร่ม) ขจร ขจี ขนง ขนน (หมอนอิง) ขนม ขยม (ฉัน ข้ำ บำ่ ว) เขนย (หมอนหนุน) แข (พระจันทร์) โขมด (ผี) จรวด จำร (เขียนด้วยเหล็กแหลม) เจรียง (ขบั ลำ) เฉนียน (ฝ่ังน้ำ) เฉวียง (ซ้ำย, เอียง) เชลง (แต่ง) เด็จ แด ได ถนน ขมัง ทลู เทำ (ไป) ธม (ใหญ่, หลวง) เนำ บังคม ผทม ผนำย (ดำว) ผจง (ตั้งใจ) เผด็จ เผดียง (บอกให้รู้) ไผท (แผ่นดิน) พนม (ภูเขำ) พเยีย (พวงดอกไม้) พระหำม (เวลำเช้ำมืด) เพนียด (ท่ีคล้องช้ำง) ไถง (พระอำทิตย์) เพลำ (เบำลง) เพลิง แพนงเชิง (น่ังสมำธิ) ระมำด (แรด) ระลอก ลบอง (แบบ) แวง (ยำว) สรง สรร (คัด,เลือก) สลำ (หมำก) เสนียด สไบ สรวม (ขอ) เสนง่ (เขำสตั ว)์ เสวย 6. คำที่ยืมมำจำกภำษำองั กฤษ ในปัจจุบันน้ีนักเรียนจะเห็นว่ำสังคมไทยเรำนี้ โดยเฉพำะภำษำไทย วัฒนธรรม วิทยำกำร และนวัตกรรมของต่ำงประเทศ อันได้แก่ ชำติตะวันตก มีอิทธิพลมำกกับกำรใช้ภำษำไทยของคนไทย ภำษำตะวันตกท่ีมีอิทธิพลมำกกับกำรใช้ภำษำไทยของคนไทยคือภำษำอังกฤษ ตำมท่ีวิไลศักดิ์ กิ่งคำ (2550 : 116) กล่ำวว่ำ ภำษำอังกฤษเป็นภำษำท่ีมีอิทธิพลต่อภำษำไทยมำก รองจำกภำษำบำลีและ สันสกฤต และนับวันภำษำอังกฤษในภำษำไทยจะเพิ่มควำมสำคัญขึ้นตำมลำดับ เพรำะประเทศต่ำง ๆ ให้ควำมสนใจ และยกภำษำอังกฤษใหเ้ ป็นภำษำสำกล ใช้เปน็ ส่ือกลำงในกำรติดต่อควำมสมั พนั ธร์ ะหว่ำง ภาษาไทยสาหรบั นกั เรยี น
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย 14 เรียบเรียงโดย นำยศกั ทำวฒุ โคตรชมภู ประเทศ คนไทยในปัจจุบันนิยมใช้ภำษำอังกฤษอย่ำงแพร่หลำย จึงทำให้มีคำภำษำอังกฤษเป็นจำนวน มำกอยใู่ นภำษำไทย จำกข้อมูลข้ำงต้น และประสบกำรณ์ในกำรดำเนินชีวิตของนักเรียน จะเห็นว่ำปัจจุบัน ภำษำอังกฤษได้แทรกเข้ำไปอยู่ในภำษำเกือบทุกมุมโลก เพรำะปัจจุบันนี้ภำษำอังกฤษ ได้กลำยเป็น ภำษำกลำงในกำรตดิ ต่อส่ือสำรระหว่ำงประเทศ ในภำษำไทย ศัพท์ภำษำอังกฤษกม็ อี ิทธิพลมำกในกำรใช้ ภำษำไทย ไม่ว่ำเป็นกำรพดู หรอื เขียน คนไทยใชภ้ ำษำอังกฤษจนเกิดควำมเคยชนิ ทำให้กระบวนกำรยืม คำภำษำอังกฤษก็ยังดำเนินกำรอย่ำงไมม่ ที ่ีสน้ิ สุด 6.1 สำเหตทุ ค่ี ำภำษำอังกฤษเข้ำมำปะปนอยู่ในภำษำไทย มีปจั จัยดังนี้ 6.1.1 กำรค้ำขำย กำรท่ีชำติตะวันตกเข้ำมำค้ำขำยในประเทศไทย มีประวัติศำสตร์ ยำวนำน ซึ่งชำติตะวันตกท่ีเข้ำมำค้ำขำยในประเทศไทยบำงกลุ่มก็จะใช้ภำษำอังกฤษ และเม่ือเข้ำมำ คำ้ ขำยสินคำ้ อะไรก็จะเรยี กช่ือเป็นภำษำองั กฤษ ซ่ึงสินค้ำท่ีเป็นสินคำ้ แปลกใหมไ่ มเ่ ป็นทรี่ จู้ ักในเมืองไทย กจ็ ะมกี ำรตั้งคำขึ้นใหม่ ในกำรต้ังคำขนึ้ มำใหม่น้นั กจ็ ะมีกำรเปลี่ยนแปลงตำมควำมเหมำะสม เช่น มีกำร ตั้งคำข้ึนมำใหม่ แทนกริยำอำกำรของภำษำอังกฤษที่ว่ำ Photograph ซึ่งคำที่คนไทยต้ังขึ้นมำใหม่นั้น คือคำว่ำ ชักภำพ ซ่ึงมีกำรเปลี่ยนแปลงคำมำเป็น ถ่ำยรูป เป็นต้น ถ้ำใช้คำไทยแทนไม่ได้ก็จะออกเสียง ตำมคำภำษำอังกฤษ แต่ก็จะเป็นสำเนียงแบบไทย ๆ เช่น Telegraph คำไทยใช้ ตะแล๊ปแก๊ป Royal patent คำไทยใช้ รำชปะแตน เป็นต้น บำงคำก็พยำยำมออกเสียงให้เหมือนกับสำเนียงภำษำเดิม เช่น มอเตอรค์ ำร์ เช้ิต อลมู ิเนยี ม เปน็ ต้น 6.1.2 เน่ืองจำกกำรศึกษำ ในปัจจุบันภำษำอังกฤษกลำยเป็นสื่อกลำงในกำรแลกเปล่ียน วิทยำกำรต่ำง ๆ ระหวำ่ งประเทศ 6.2 กำรรบั คำภำษำอังกฤษมำใชใ้ นภำษำไทย มวี ธิ กี ำรดังน้ี 6.2.1 เปล่ียนรูปคำและเสียงใหม่ เพ่ือควำมสะดวกในกำรออกเสียงของคนไทย ซง่ึ ควำมหมำยของคำจะไม่เปล่ยี นแปลง เชน่ Jug คนไทยออกเสยี งว่ำ เหยอื ก Stew คนไทยออกเสยี งวำ่ สตู Glue คนไทยออกเสียงว่ำ กำว Soup คนไทยออกเสียงว่ำ ซบุ Office คนไทยออกเสียงวำ่ ออฟฟิศ เป็นต้น ภาษาไทยสาหรบั นักเรยี น
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย 15 เรยี บเรยี งโดย นำยศกั ทำวุฒ โคตรชมภู 6.2.2 1 เปล่ียนรูปคำและเสียงใหม่ เพ่ือควำมสะดวกในกำรออกเสียงของคนไทย ซงึ่ ควำมหมำยกเ็ ปลยี่ นแปลงด้วย เชน่ Pipe คนไทยออกเสยี งวำ่ แปบ๊ Gay คนไทยออกเสยี งว่ำ เก๋ Sign คนไทยออกเสยี งว่ำ เซน็ เป็นตน้ 6.2.3 ก ำร บัญ ญัติศั พ ท์ข้ึ น ใหม่ ตำมคว ำ มหมำย เดิมขอ ง คำภำษ ำอั ง ก ฤ ษ นิยมบัญญตั ศิ ัพทท์ ่ีเป็นคำภำษำบำลีและสนั สกฤต ซงึ่ บำงคำจะออกเสียงใกล้เคียงกับคำในภำษำเดิมดว้ ย เช่น Seminar คำทีบ่ ญั ญตั ิข้นึ มำใหม่ สมั มนำ Meter คำทบี่ ัญญัติขึน้ มำใหม่ มำตร Telephone คำทบี่ ญั ญตั ขิ น้ึ มำใหม่ โทรศัพท์ Restaurant คำท่ีบัญญตั ขิ น้ึ มำใหม่ ภัตตำคำร เปน็ ต้น 6.2.4 กำรสร้ำงคำข้ึนใหม่ ซ่งึ ได้จำกกำรแปลควำมหมำยของคำภำษำอังกฤษเดิมมำสร้ำง คำใหม่ เช่น Map คำที่สรำ้ งขน้ึ ใหม่ แผนท่ี Sheet คำที่สรำ้ งขึ้นใหม่ แผ่นปลวิ Air – condition คำทีส่ ร้ำงข้ึนใหม่ เคร่ืองปรับอำกำศ From คำที่สร้ำงข้ึนใหม่ แบบ เป็นตน้ 6.2.5 กำรทบั ศัพท์ มวี ิธดี งั นี้ 1) ให้ถอดอักษรในภำษำเดิม พอควรแก่กำรแสดงที่มำของรูปศัพท์ และเขียนในรูปที่ ออกเสยี งสะดวกของคนไทย เช่น แกลลอน (Gallon) เทนนสิ (Tennis) เทคโนโลยี (Technology) เป็น ต้น 2) พยัญชนะที่ไม่ต้องกำรออกเสียงในภำษำไทยให้ใส่เครื่องหมำยทัณฑฆำตไว้บน พยญั ชนะทีไ่ มอ่ อกเสียง เช่น เคำนเ์ ตอร์ (Counter) ชอล์ก (Chalk) ดอลลำร์ (Dollar) เปน็ ต้น 3) คำหรือพยำงค์ที่มีพยัญชนะสะกดหลำยตัว ให้ใส่เครื่องหมำยทัณฑฆำตไว้บน พยัญชนะสะกดตัวสุดท้ำยที่ไม่ออกเสียง เช่น คอลโรฟิลล์ (Chlorophyll) สวิตช์ (Switch) เปอร์เซ็นต์ (Percent) เปน็ ต้น 4) คำหรือพยำงค์ท่ีมพี ยัญชนะไม่ออกเสียงอยหู่ น้ำตวั สะกดท่ียังมพี ยญั ชนะตำมหลงั อีก ให้ตัดพยัญชนะท่ีอยู่หน้ำตัวสะกดออก และใส่เครื่องหมำยทัณฑฆำตไว้บนพยัญชนะตัวสุดท้ำย เช่น เวิลด์ (World) ควอตซ์ (Quartz) เป็นต้น ภาษาไทยสาหรับนักเรียน
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย 16 เรยี บเรยี งโดย นำยศกั ทำวฒุ โคตรชมภู 5) กำรใช้ไมไ้ ตค่ ู้ ควรใช้ในกรณีเพื่อให้เห็นแตกตำ่ งจำกคำไทย เช่น ลอ็ ก (Log) เป็นต้น หรือช่วยให้ผู้อ่ำนแยกพยำงค์ได้ถูกต้อง เช่น โอค็อตสก์ (Okhotsk) เป็นต้น ยกเว้นคำทับศัพท์ที่ใช้มำ ยำวนำนและ บัญญัติมนพจนำนุกรมฉบับรำชบัณฑิตแล้ว เช่น ช็อกโกแลต (Chocolate) เชค็ (Cheque) แท็กซ่ี (Taxi) เตน็ ท์ (Tent) เปน็ ตน้ 6) กำรเขียนคำทบั ศัพท์ ไม่ต้องใส่เครื่องหมำยวรรณยุกต์ เว้นแต่ในบำงกรณีท่ีคำน้ันมี เสียงซ้ำกับคำไทยจนทำให้เกิดควำมสับสน ก็อำจใส่เครื่องหมำยวรรณยุกต์ได้ เช่น โค้ก (Coke) โคม่ำ (Coma) เป็นตน้ และยกเว้นคำทับศัพท์ท่ใี ช้มำยำวนำนและบญั ญัติมนพจนำนุกรมฉบบั รำชบัณฑิตแล้ว เช่น แก๊ส ก๊ำซ เช้ติ แฟชั่น บรัน่ ดี สเต็ก สต๊อก ก๊อซ กอ๊ ปป้ี คุกกี้ แกป๊ เป็นต้น 6.3 กำรถอดคำภำษำองั กฤษเป็นภำษำไทย ตำมหลักกำรของภำษำศำสตร์ ในกำรเขียนตัวอักษรภำษำไทยแทนตัวอักษรภำษำอังกฤษ ให้ นักเรียนจดจำหลกั กำร ดงั นี้ 6.3.1 ตัว C เมอ่ื เป็นตัวสะกดและตัวกำรันต์ ใช้ตัวอกั ษร ก ในภำษำไทยแทน เช่น คลินิก (Clinic) ดสิ ก์ (Disk) เซรำมิก (Ceramic) ปิกนิก (Picnic) เป็นตน้ 6.3.2 ตัว K เมื่อเป็นตัวสะกดและตัวกำรันต์ ใช้ตัวอักษร ก ในภำษำไทยแทน เช่น กอ๊ ก (Cock) ชอลก์ (Chalk) สเตก็ (Steak) เป็นต้น 6.3.3 ตัว P เมื่อเป็นตัวสะกดและตัวกำรันต์ ใช้ตัวอักษร ป ในภำษำไทยแทน เช่น ฟลุ สแก๊ป (Foolscap) แคปซลู (Capsul) แสตมป์ (Stame) เปน็ ตน้ 6.3.4 ตัว T เมื่อเป็นตัวสะกดและตัวกำรันต์ ใช้ตัวอักษร ต ในภำษำไทยแทน เช่น เกำต์ (Gout) เปอรเ์ ซน็ ต์ (Percent) อนิ เทอร์เนต็ (Internet) เป็นตน้ 6.3.5 ตัว Th เมอ่ื เป็นตัวสะกดและตวั กำรนั ต์ ใชต้ ัวอักษร ท ในภำษำไทยแทน เชน่ เบริ ์ท (Berth) เซนทิ (Zenith) เป็นตน้ 5.4 ตวั อยำ่ งคำภำษำองั กฤษทีใ่ ช้ในภำษำไทย กงสุล กรอส (จำนวนนบั เท่ำกบั หนง่ึ โหล) กรมั กรำฟ กลโู คส (นำ้ ตำลชนิดหนึ่ง) กอ๊ ก (เครื่องปิด เปิดน้ำจำกท่อหรือภำชนะ) ก๊อซ (ผ้ำพันแผล) กอ๊ ปป้ี กัปตัน ก๊ำซหรือแกส๊ กำร์ตูน เกม เกำต์ เกียหรือ เกยี ร์ แก๊ง แก๊ป ไกด์ คลอโรฟิลล์ (สำรประกอบท่ีมีธำตคุ ลอรีนผสมอยู่ด้วย) คลตั ซ์ (อปุ กรณ์ทำหนำ้ ทส่ี ่ง พลังงำนถ่ำยทอดไปยังเกียร์) คลินิก คอร์รัปช่ัน คอเลสเทอรอล คำร์โบไฮเดรต คุกกี้ เค้ก เคำน์เตอร์ แคปซูล แคลเซียม แคลอรี โควตำ ซ็อกโกแลตหรือช็อกโกเลต ชอล์ก เช็ค เชลแล็ก (ของแข็งท่ีสกัดได้ จำกนำ้ ครั่ง) เชิ้ต ซอส ซิกแซก็ ซปิ เซน็ เซรำมกิ เซลเซยี ส แซนด์วิช ดรำฟต์ (ตรำสำรซึง่ ธนำคำรเป็นผู้ ออก) ดอลลำร์ ดีเปรสชัน เต็นท์ ทอนซิล (ป่มุ เป็นเนอ้ื เยอ่ื น้ำเหลอื งอยู่บรเิ วณลำคอ) ทอฟฟ่ี ทำวน์เฮำส์ เทคโนโลยี แท็กซ่ี แท็งก์ นอต เนกไท โน้ต ไนต์คลับ (สถำนเริงรมย์อย่ำงหนึ่ง) บัคเตรีหรือแบคทีเรีย ภาษาไทยสาหรบั นักเรยี น
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย 17 เรยี บเรยี งโดย นำยศกั ทำวฒุ โคตรชมภู บังกะโล บำสเกตบอล แบดมินตัน แบตเตอร่ี โบ ปรู๊ฟ (กระดำษใช้พิมพ์คุณภำพต่ำ) ปำร์เกต์ (ไม้แผ่นเล็ก ๆ ที่ใช้ปูพ้ืน) ปิกนิก เปอร์เซ็นต์ พลำสติก ฟุลสแก๊ป (กระดำษสีขำวมีเส้นบรรทัด) แฟชั่น ยปิ ซัม (แร่) รบิ บิ้น รเู ลต็ ต์ (ชอื่ กำรพนนั ชนดิ หนึ่ง) แร็กเกต (ไมส้ ำหรับตีเทนนสิ หรือแบดมินตนั ) ลอ็ กเกต (จี้ท่ีทำเป็น รูปตลับ) ลอตเตอร่ี ลิก ไน ต์ (ถ่ำนหิน) ลิปสติก ลิฟ ต์ วอ ลเลย์บอ ล วัคซีน วิตำมินหรือวิตะมินหรอื ไวตำมิน วิสกี้ (เคร่ืองดืม่ ) เว็บไซต์ สเกต (กำรละเล่น) สตอ๊ ก สตฟั ฟ์ (กำรทำวสั ดุ บรรจุในโครงหนังสัตว์ ซึ่งผ่ำนกรรมวิธีทำงเคมี) สเต๊ก สนุกเกอร์ สแลง สวิตช์ ออกซิเจน ออฟฟิศ อนิ เทอร์เน็ต อิเล็กทรอนิกส์ อเี มล เอกซเรย์ แอโรบกิ โอก๊ (ชื่อต้นไม้) โอต๊ (ช่ือพนั ธขุ์ ้ำว) โอลิมปิก โอเต็ล โฮมเพจ 7. คำท่ียืมมำจำกภำษำจีน จีนได้เข้ำร่วมมีบทบำทในสังคมไทยมำยำวนำน ตั้งแต่สมัยสุโขทัยเร่ือยมำ ซึ่งมีบทบำทเด่น ทำงด้ำนเคร่ืองปั้นดินเผำ กำรค้ำขำย ภำษี กำรต่อเรือและกำรเดินเรือ ทำให้ไทยรับวัฒนธรรม บำงอยำ่ งมำจำกจนี บำ้ งถอื ปฏบิ ตั เิ ป็นประเพณีก็มี เช่น กำรทำบุญกงเตก็ กำรทำบุญแซยดิ เป็นตน้ ถงึ แมบ้ ทบำทของจีนจะมใี นไทยมำยำวนำน แตค่ นไทยก็ไม่ไดม้ ีควำมพยำยำมอย่ำงจรงิ จงั ที่จะ เรยี นรู้ภำษำจีน ซงึ่ ควำมรทู้ ำงภำษำจีนมักจะไดม้ ำจำกกำรติดตอ่ ค้ำขำย หรือกำรติดตอ่ เชิงควำมสมั พนั ธ์ ส่วนตัว ซึ่งภำษำจีนท่ีมำพร้อมกับกำรค้ำขำยนั้นคือจีนแตจ้ ิ๋ว จะเห็นได้จำกกำรมีสำนวนในภำษำแต้จิ๋ว เป็นจำนวนมำกท่ีซึมซับเข้ำไปในภำษำไทยในฐำนะของคำแสลง ส่วนชำวจีนอื่น ๆ เช่น จีนไหหลำ จนี กวำงตุง้ จีนแคะ เป็นต้น ตำ่ งกเ็ ข้ำมำมีอิทธิพลทำงกำรคำ้ กบั ไทยแตกตำ่ งกนั ภำษำจนี เปน็ ภำษำทมี่ ีลักษณะและไวยำกรณท์ ี่คลำ้ ยกับภำษำไทย จึงจดั ใหอ้ ย่ใู นตระกูลภำษำ เดียวกนั เรียกว่ำ “ภำษำตระกลู ไทย – จีน” ภำษำท่ใี ช้ภำยในประเทศจีน มีมำกมำย ไดแ้ ก่ ภำษำจีนกวำงตุง้ ภำษำจนี แต้จ๋ิว ภำษำจีนแคะ ภำษำจีนฮกเกี้ยน ภำษำจีนไหหลำ ภำษำท่ีกล่ำวมำน้ันคำท่ีใช้ในภำษำน้ันเรียกว่ำ คำจีน ควำมหลำกหลำยทำงกลุ่มภำษำของจีน ทำให้เกิดควำมแตกต่ำงของสำเนียงจีนในประเทศไทยจึงมีผล ต่อกำรรับคำภำษำจีนเหล่ำน้ันมำใช้ในภำษำไทย คำยืมมำจำกภำษำจีนในภำษำไทยจึงไม่ใช่สำเนียง ภำษำจีนเพยี งกลุ่มภำษำใดภำษำหนึ่ง แต่เปน็ กำรผสมผสำนกันไปตำมแหล่งทม่ี ำของคำน้ัน รวมท้ังปรับ เสียงให้สอดคล้องกบั กำรออกเสยี งของคนไทย ภาษาไทยสาหรบั นักเรียน
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย 18 เรยี บเรยี งโดย นำยศกั ทำวุฒ โคตรชมภู 7.1 ลักษณะคำในภำษำจีนทค่ี ล้ำยกบั คำในภำษำไทย 7.1.1 คำลกั ษณะนำมในภำษำจนี กม็ ใี ช้เช่นเดยี วกบั คำในภำษำไทย ตวั อย่ำงตำมตำรำง ตำรำงแสดงกำรใชล้ กั ษณะนำมทใ่ี ชใ้ นภำษำจีนและภำษำไทย ภำษำจนี ภำษำไทย โกยเจ้ก เจยี ะ ไก่ 1 ตัว หนงเกยี ะเจ้ก หนงั เดก็ 1 คน ปกั เก๊ยี ะเจก้ เลีย้ บ ฝรง่ั 1 ผล เซำะบูเจ้กกอ่ สบู่ 1 ก้อน เจก้ กำ้ ย ค้ี 1 ซ่ี ฟัน (ฟัน 1 ซ่)ี เจ้ก ตง้ั ฮงู้ 1 กระปอ๋ ง แปง้ (แป้ง 1 กระปอ๋ ง) 7.1.2 วิธเี รียงคำเข้ำประโยค เรยี งประธำนไวห้ นำ้ ต่อด้วยบทกรยิ ำ บทกรรมตำมลำดบั ถ้ำ มีบทขยำยบทใดก็เรยี งบทขยำยไวใ้ ห้ใกลเ้ คียงบทนั้น ตัวอยำ่ งตำมตำรำง ตำรำงแสดงกำรเรยี งคำเข้ำประโยคในภำษำจีนและภำษำไทย ภำษำจนี ภำษำไทย ลือ้ กอยหอฮ้อ เธอแก้ดี ๆ (เช่น แกค้ ำผดิ ) อถี อยจีถอยฮื่อ เขำดูโน่นดนู ่ี หนงเก๊ยี ะตำ้ บว่ ยเจ่ีย เดก็ พูดไม่ชัด ลอื้ คอื้ ติกอ่ ไล้ คุณไปไหนมำ อวั๊ จ๋อเชยี ฉนั น่ังรถ 7.2 ลกั ษณะคำยมื ภำษำจีนในภำษำไทย บรรจบ พันธุเมธำ (2502 : 10–14) ได้แยกลักษณะคำยืมภำษำจีนในภำษำไทยออกเป็น 8 ลกั ษณะ สรุปไดด้ ังน้ี 7.2.1 ทับศัพท์ คือ พยำยำมออกเสียงตรงตำมคำเดิมในภำษำเดิม แต่ก็อำจมีกำรเพี้ยน เสยี งสูงตำ่ ไปบ้ำง โดยทีค่ งควำมหมำยเดิมไว้ เชน่ คำวำ่ ต๋ัว ตุน ถ่ำน โฉ่ ตว่ น เป็นต้น 7.2.2 ทับศัพท์แต่เสียงเปลย่ี นไปจำกเดมิ เช่นคำวำ่ โต๊ะ ไถ้ เปน็ ต้น 7.2.3 ใช้คำที่แปลคำจำกภำษำจนี เชน่ ไชเท้ำ(หัวผักกำด) ไชโป(๊ ผักกำดดองเค็ม) เปน็ ต้น ภาษาไทยสาหรับนกั เรยี น
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย 19 เรยี บเรียงโดย นำยศกั ทำวฒุ โคตรชมภู 7.2.4 ใช้คำไทยหรือคำภำษำอื่นท่ียืมในภำษำไทยประสมหรือซ้อนในคำจีน เช่นคำว่ำ ร้ำนขำยของชำ ขนมเปีย๊ ะ ขนมโก๋ หมบู ะฉ่อ ถวั่ ลนั เตำ น้ำชำ เปน็ ตน้ 7.2.5 สร้ำงคำใหม่หรือควำมหมำยใหม่ คือยืมคำจีนมำประสมกันใหม่ เช่นคำว่ำ โอเลย้ี ง เกำเหลำ แป๊ะเจ๊ียะ เปน็ ตน้ 7.2.6 ควำมหมำยกลำยไป เช่นคำว่ำ กุ๊ย17 เดิมแปลว่ำ ผี ต่อมำหมำยถึงคนเลว เปน็ ตน้ 7.2.7 เสียงกลำยไป เช่นคำว่ำ เต๊ำ กลำยเสยี งเป็น ลูกเต๋ำ คำว่ำ ไป้ กลำยเสียงเป็น ป้ำย คำวำ่ ฮั้ง กลำยเสยี งเป็น ห้ำง เป็นต้น 7.2.8 สำนวน คือกำรยืมคำจีนมำใช้เป็นสำนวน บำงสำนวนก็ผูกใช้ใหม่ในภำษำไทย เช่นคำว่ำ เจำ้ โล่ ซชี ้ำ ซซ้ี ้วั เกี้ยมเซยี บ เปน็ ต้น จำกกำรแยกลักษณะคำยืมภำษำจีนในภำษำไทยข้ำงต้นจะเห็นวำ่ ในบำงหัวข้อไดม้ ีคุณสมบัติ ทเ่ี หมือนกัน โดยเฉพำะเร่อื งกำรเพีย้ นเสียง กำรกลำยเสียง เพรำะถึงแม้ลกั ษณะภำษำไทยกบั ภำษำจนี มี ควำมใกล้เคียงกัน แต่สำเนียงของเช้ือชำติก็แตกต่ำงกัน ดังน้ัน จึงมีกำรเพ้ียนเสียง หรือกำรกลำยเสียง เพ่ือให้งำ่ ยต่อกำรออกเสียงของคนไทย 7.3 ตวั อย่ำงคำภำษำจีนที่ใช้ในภำษำไทย กงสี กงฉิน กงไฉ่ กงเตก็ ก๋วยเต๋ยี ว กว๋ ยจ๊ับ เกำหลำ กุ๊ย เก๊ เก๊ก เก้ยี ว เกี๊ยว เก๊ียะ กุยเฮง เก๊ก ก๋ง เก้ำอ้ี ขำก๊วย เข่ง จับกัง จับฉ่ำย จับย่ีกี จันอับ เจ๊ง เจ๋ียน เจ เฉำก๊วย เซ้ง เซียน แซ่ แซยิด เซ็งลี้ ซำลำเปำ ซิม้ ตะหลวิ เต๋ำ ตุน ตุ๋น แต๊ะเอีย เต้ำหู้ เต้ำฮวย เต้ำเจ้ียว โต๊ะ ไต้ก๋ง ตังเก บ๊วย บะฉ่อ บะหม่ี บู๊ ปุ้งก๋ี ปอเป๊ียะ แป๊ะเจ๊ียะ พะโล้ เย็นตำโฟ หวย ย่ีห้อ ลิ้นจี่ ห้ำง หุ้น เอี๊ยม โสหุ้ย เฮงซวย ฮวงซุ้ย ฮ่องเต้ อั้งโล่ 8. คำที่ยืมมำจำกภำษำชวำ–มำลำยู คำภำษำชวำ เริ่มเข้ำมำปะปนอยู่ในภำษำไทย จำกวรรณคดีไทยเรื่องดำหลัง และอิเหนำ ซึ่งต่อมำได้รับควำมนิยมและเป็นท่ีรู้จักอย่ำงแพร่หลำยในสมัยรัตนโกสินทร์ วรรณคดีทั้งสองเรื่องน้ีมี คำชวำแทรกจำนวนมำก คำเหล่ำน้ีจึงเป็นท่ีรู้จักและมีกำรนำมำใช้ในกำรพูด หรือใช้ในกำรแต่งคำ ประพันธ์ ทำให้คำดงั กลำ่ วกลำยเป็นคำยมื ท่ยี ังคงใช้มำจนถงึ ปัจจุบนั คำภำษำมำลำยู เข้ำมำในประเทศไทยเนื่องจำกอำณำเขตท่ีติดต่อกันกับมำเลเซีย มีกำร ติดต่อกันในด้ำนค้ำขำยและกำรทำสงครำมตั้งแต่โบรำณ จะพบกำรใช้ภำษำมำลำยูปะปนอยู่ในแถบ ชำยแดนภำคใต้ และก็มีกำรแพร่ภำษำมำลำยจู ำกคนชำยแดนเขำ้ ส่เู มืองหลวง 17 ลกั ษณะกำรใช้คำตวั อยำ่ ง “กุ๊ย” เรียกว่ำ กำรกลำยควำมหมำย ภาษาไทยสาหรบั นกั เรียน
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย 20 เรียบเรยี งโดย นำยศกั ทำวฒุ โคตรชมภู แต่เดิมน้ันภำษำชวำและมลำยูเป็นภำษำเดียวกัน ชำวชวำและชำวมลำยูเคยใช้ภำษำพูด เดียวกัน คือ ภำษำมำลำยู ทำให้บำงคร้ังภำษำชวำและภำษำมลำยูมีกำรใช้คำท่ีตรงกัน แต่สำเนียง อำจแตกต่ำงกนั ไปบำ้ ง อำจกลำ่ วได้วำ่ ภำษำชวำเดิมเป็นภำษำถ่ินมลำยูถน่ิ หนึง่ ด้วยเหตุนี้เรียกภำษำทั้ง สองรวมกันว่ำ ภำษำชวำ–มลำยู ภำษำชวำ–มำลำยู เป็นภำษำท่ีจัดอยู่ในตระกูลภำษำออสโตรนิเชียน ซ่ึงภำษำตระกูลนี้ กระจำยไปทว่ั ทำงทะเลใต้จำกมำดำกัสจำร์ ถึงฮำวำย และอิสเตอร์ไอร์แลนด์ และจำกฟอรโ์ มซำในตอน เหนอื นถงึ นวิ ซแี ลนด์ในตอนใต้ยกเวน้ หมเู่ กำะนวิ กินี รวมท้ังออสเตรเลยี และบรเิ วณอนื่ ๆ 8.1 วธิ ีกำรนำคำชวำ–มำลำยู มำใช้ในภำษำไทย วิธีกำรนำคำชวำ–มำลำยู มำใชใ้ นภำษำไทยมีลักษณะ ดงั นี้ 8.1.1 กำรทับศัพท์ ลักษณะกำรทับศัพท์คำชวำ–มำลำยู มำใช้ในภำษำไทย บำงคำจะ มีกำรกลำยเสียงต่ำงออกไปจำกภำษำเดิม แต่เสียงส่วนใหญ่จะคล้ำยกัน เช่น คำว่ำกริส (Keris) ไทยรับมำใช้เป็น กริช ซึ่งหมำยถึงมีดปลำยแหลม คำว่ำ กลำซี (Kolasi) ไทยรับมำใช้เป็น กะลำสี หมำยถึง ลกู เรือ เป็นตน้ 8.1.2 กำรเปลีย่ นแปลงพยัญชนะและสระ ซึ่งในบำงคำเสียงพยัญชนะและสระต่ำงไปจำก คำเดิม เช่น คำว่ำ คันยำ (Ganja) ไทยรับมำใช้เป็น กัญชำ (ช่ือพืช) คำว่ำ เซอะกต (Sekot) ไทยรับมำใช้เป็น สะกด(ทำให้หลับ) คำว่ำ ลันจัน (Lanchang) ไทยรับมำใช้เป็น ล่อนจ้อน (เปลือย) เป็นต้น ในบำงครั้งมีกำรตัดเสียงพยำงค์หน้ำ กลำง หรือหลัง ของคำภำษำเดิม เช่น คำว่ำ Rotipaum ตัดพยำงค์ท้ำยออกใช้เพียง โรตี (ชื่ออำหำร) คำว่ำ Kakatua ตัดพยำงค์กลำงแล้วไทยใช้เป็น กระต๊ัว (นก) เป็นตน้ 8.1.3 กำรลำกเข้ำข้อควำม คือ เม่ือไทยยืมคำภำษำชวำ–มำลำยูทีเป็นคำที่ไทยไม่เคยมีใช้ และคำเหล่ำน้ันไม่เหมำะกับกำรออกเสียงของคนไทย จึงมีกำรเปลย่ี นแปลงเสียงของคำ เช่น ปุโจ ปำกู (Puchok paku) ไทยใช้เป็น ผักกดู (ผักป่ำท่ีงอกตำมริมนำ้ ) เปน็ ต้น 8.1.4 กำรแปลควำมหมำย เช่น คำว่ำ ข้ำวหนัก ซึ่งน่ำจะมำจำกคำว่ำ ปำดีปรัต โดยคำวำ่ ปำดี หมำยถงึ ขำ้ วเปลอื ก และคำวำ่ ปรตั หมำยถงึ หนกั เป็นตน้ 8.1.5 กำรกลำยควำมหมำย คำจำกภำษำชวำ–มำลำยู เม่ือเข้ำมำใช้ในภำษำไทยอำจมี ควำมหมำยใกล้เคียงกบั คำเดิมหรือเปล่ียนแปลงไปได้ คำท่ีมคี วำมหมำยใก้เคียงจำกเดมิ ส่วนใหญ่เป็นคำ เรียกพืช สัตว์ สิ่งของ เช่น คำว่ำ บุหลัน มำจำกภำษำเดิมว่ำ Bulan โดยคำท้ังสองมีควำมหมำย เหมอื นกันคือ พระจันทร์ เป็นต้น คำว่ำ ทุเรยี น มำจำกภำษำเดิมว่ำ Durian มีควำมหมำยเหมือนกนั คือ ชอ่ื ผลไม้ ภาษาไทยสาหรับนักเรยี น
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย 21 เรียบเรยี งโดย นำยศกั ทำวุฒ โคตรชมภู 1) คำที่มีควำมหมำยแคบเข้ำ เช่น ปำหนัน มำจำกภำษำเดิมว่ำ Pandan ควำมหมำย เดิมหมำยถงึ ชือ่ ดอกไมจ้ ำพวกใบเตย แต่ไทยนำมำใช้ในควำมหมำยว่ำ ดอกลำเจียก เป็นต้น 2) คำทม่ี ีควำมหมำยกว้ำงออก เช่น บุหรง มำจำกภำษำเดมิ ท่ีวำ่ Burong เดิมหมำยถึง นก แตไ่ ทยนำมำใชใ้ นควำมหมำยวำ่ เป็นนกทั่วไป เป็นตน้ 8.2 หลักกำรคำทีย่ มื มำจำกภำษำชวำ–มำลำยู ในภำษำไทย หลักในกำรสังเกตคำที่ยืมมำจำกภำษำชวำ–มำลำยูในภำษำไทยสำมำรถพิจำรณำได้ จำกลกั ษณะตำ่ ง ๆ ดังน้ี 8.2.1 เป็นคำสองพยำงค์ข้ึนไป ภำษำชวำ–มำลำยู ส่วนมำกเป็นคำสองพยำงค์ข้ึนไป มีคำพยำงค์เดียวน้อย คำไทยแท้น้ันจะเป็นคำโดด18 กำรสังเกตคำที่มำจำกภำษำชวำ–มำลำยู จะง่ำย เชน่ คำว่ำ กะพง กะปะ โลมำ เปน็ ตน้ 8.2.2 ไมม่ ีคำควบกล้ำ 8.2.3 ไม่มรี ูปวรรณยกุ ต์ และเสียงวรรณยุกต์ เพรำะว่ำภำษำชวำ–มำลำยู ไม่มีหน่วยเสียง วรรณยุกต์ เมื่อยืมมำใช้กับภำษำไทยเพ่อื ใหเ้ หมำะสมกับกรออกเสียงของคนไทยจงึ มีรปู วรรณยุกต์ด้วย เช่น บูดู บุหงำ ยเี่ ก บ้ำบ๋ำ เป็นตน้ 8.3 ตวั อย่ำงคำภำษำชวำ–มำลำยู ท่ใี ชใ้ นภำษำไทย กระจับปี่ กระดังงำ กระบะ กระยำหงัน กริช กังสดำล กัลปังหำ กำยำน คูหำ ตะเบ๊ะ (วนั ทยหัตถ)์ ตนั หยง ตุนำหงนั น้อยหนำ่ โนรี บหุ งำ บหุ รง บุหลัน แบหลำ ประเสบัน (ทอ้ งพระโรง) ประ หมัน ปะหนัน ปันจุเหร็จ (โจรป่ำ) ป้ันเหน่ง ปำเต๊ะ มะงุมมะงำหรำ (งุ่มง่ำม) มังคุด ยำหยี ยิหวำ ระตู (เจ้ำเมืองน้อย) ลังสำด วิลิศมำหรำ (หรูหรำ,สวยเกิน) สลัด(โจร) สะตำหมัน(สวน) สังขยำ สำคู อสญั แดหวำ (เทวดำ) อังกะลุง อุบะ อุรงั อตุ ัง 9. คำทยี่ มื มำจำกภำษำฝรง่ั เศส อิทธิพลของภำษำฝร่ังเศสที่มีต่อภำษำไทย มำจำกกำรโฆษณำสินค้ำบำรุงควำมงำม สินค้ำ ฟุ่มเฟือย และปัจจัยอ่ืน ๆ เช่น กำรกิน ศิลปะ สังคมศำสตร์ ศำสนำ เป็นต้น ภำษำฝร่ังเศสจัดอยู่ใน ภำษำกลุม่ โรมำนซ์ ซึง่ อยใู่ นตระกูลภำษำอนิ โด -ยูโรเปียน 9.1 ลกั ษณะกำรยมื คำภำษำฝรงั่ เศสในภำษำไทย แพรวโพยม บณุ ยะผลึก (2547 : 144) ไดอ้ ธิบำยลักษณะกำรใช้คำยืมทบั ศพั ท์ภำษำฝร่งั เศศใน ภำษำไทย ดงั นี้ 9.1.1 ใช้คำทับศัพท์คำเดียว ไม่มีคำไทยประกอบ เชน่ บุฟเฟต์ วซี ำ่ เปตอง เป็นตน้ 18 ลักษณะคำโดดทอ่ี ธบิ ำยขอ้ 7.2.1 คอื 1 พยำงค์มคี วำมหมำยในตวั เอง ภาษาไทยสาหรบั นักเรยี น
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย 22 เรียบเรยี งโดย นำยศกั ทำวฒุ โคตรชมภู 9.1.2 ใช้คำทับศัพท์ประสมกับคำไทย19 โดยให้คำไทยมีควำมหมำยกว้ำนำหน้ำ เช่น ดำบเอเป้ หมวกเบเรต่ ์ ขนมปังบำแก็ต เป็นต้น 9.1.3 ใชค้ ำทบั ศัพท์คำเดยี ว หรือใชป้ ระสมกับคำไทยก็ได้ทง้ั สองวธิ ี เช่น ขนมเครป ระบำ บลั เลต์ เป็นต้น 9.1.4 ใช้คำทับศัพท์แทนคำไทยที่มีอยู่แล้ว20 เช่น ใช้คำว่ำ กำโดหรือกำได้หรือกำโดว์ แทนคำว่ำ ขนม ในภำษำไทย ใช้คำว่ำ เดบูดอง แทนคำท่ีมีควำมหมำยว่ำ สตรีสำวท่ีเพิ่งเข้ำสังคม ในภำษำไทย ใช้คำว่ำ บรู ชัวส์ แทนคำท่ีมีควำมหมำยวำ่ กระพฏมุ พี ชนชน้ั กลำง เปน็ ต้น 9.2 ตัวอย่ำงคำยืมภำษำฝรั่งเศสในภำษำไทย กัปตันหรือกัปปิตัน (นำยเรือ) โก้เก๋ (ดูดี) กงสุล (พนักงำนดูแลผลประโยชน์รัฐบำล) คำสิโน แชมเปญเบเรต์ (หมวก) บูเกต์ (ช่อดอกไม้) รูจ (สีทำปำกและแก้ม) กุฎไต (เสื้อ) คำเฟ่ (ร้ำนอำหำร) ครัวซองท์ (ขนม) โชบองต(์ ขนม) บูเช่ (ขนม) คิว (กำรเรียงลำดับ) เมอแรง (ขนม) โชเฟอร์ (คนขับรถ) กรังดป์ รี (รำงวัลใหญ่) กิโยตนิ คูปอง ซงั เต (คุก) 10. คำทยี่ มื มำจำกภำษำอำหรบั และเปอร์เซยี ภำษำอำหรับที่เข้ำมำในภำษำไทย เกิดจำกชำวต่ำงประเทศท่ีนับถือศำสนำอิสลำมโดยเฉพำะ พวกอำหรับและเปอร์เซีย เรียกว่ำ พวกแขกเทศ เข้ำมำติดต่อกับไทยในสมัยอยุธยำ ทั้งทำงกำรค้ำขำย และกำรได้รับตำแหน่งทำงรำชกำรในรำชสำนักไทย เหตุน้ีคำเปอร์เซียและอำหรับจึงปะปนอยู่ใน ภำษำไทยเปน็ จำนวนมำก ภำษำเปอรเ์ ซียและภำษำอำหรับ ทไี่ ทยรับเข้ำมำนั้น มีทั้งใชใ้ นภำษำโดยท่วั ไปท่เี ปน็ ช่ือเฉพำะ เชน่ จำรบี ลูกเกด เป็นตน้ และทใ่ี ช้ในวรรณคดี เช่น กุฏไต ส้ำรบบั เปน็ ต้น ภำษำอำหรับส่วนใหญ่เป็นคำศัพท์ที่ใช้ในทำงศำสนำอิสลำม และเข้ำมำปะปนในภำษำไทย โดยผ่ำนทำงมำลำยู ภำษำอำหรบั เป็นภำษำกล่มุ เซมติ ิก ซึง่ อยใู่ นภำษำตระกูลภำษำแอโฟรเอชีแอตกิ ภำษำเปอร์เซีย มีลักษณะเดน่ คือ มีกำรเติมคำปัจจัย21ท้ำยคำมำ ส่วนคำอุปสรรค22มีใช้น้อย คำกรยิ ำจะแสดงกำลและจุดประสงค์ ผนั ได้ตำมสภำพบุคคล บรุ ุษ และจำนวน คำนำมไม่มกี ำรกำหนด เพศ คำสรรพนำมจัดใหเ้ ป็นเพศกลำง ภำษำเปอร์เซยี เปน็ ภำษำในตระกูลภำษำอนิ โด-ยโุ รเปียน 19 ในทน่ี ห้ี มำยรวมถึงคำยมื ภำษำอื่นในภำษำไทยด้วย 20 เป็นผลทำงลบทำงวฒั นธรรม(อมรำ ประสิทธ์ริ ฐั สนิ ธุ์, 2525 : หน้ำ 63 – 78) หรืออำจเกดิ ผลทำงจติ วิทยำ ทำให้เกิด ควำมรู้สึกแปลกใหม่ แปลกแยก หรอื ผลทำงสังคมทำให้เกิดควำมรู้สกึ วำ่ เป็นเรอื่ งเฉพำะกลุ่มคนทอ่ี ำจเรยี กวำ่ “ชนชัน้ สูง” 21 เปน็ คำโดยสมบรู ณแ์ ละสำมำรถนำไปสร้ำงประโยคได้ 22 คำที่ใช้เตมิ เพอ่ื ตอ้ งกำรใหค้ วำมหมำยเปลย่ี นไปจำกเดิม ภาษาไทยสาหรับนักเรียน
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย 23 เรยี บเรยี งโดย นำยศกั ทำวฒุ โคตรชมภู 10.1 ตัวอย่ำงคำภำษำอำหรบั ในภำษำไทย กะลำสี23 กะไหล่ ก้ันหย่ัน24 (มีดปลำยแหลมมีคมทั้งสองข้ำง) กำแฟ กำรบูร โกหร่ำน หรือโก้หร่ำน (พระคัมภีร์ศำสนำอิสลำม) ขันที ปัตเหล่ำ(เสื้อครุยกรองทอง) ฝ่ิน มรสุม ระยำ สลำม (คำอวยพร) หญำ้ ฝรนั่ อักเสบ อตั ลดั (ผำ้ ) อำพัน (ยำงไม้ทแ่ี ข็งเป็นก้อน สีเหลืองใสเป็นเงำ) 10.2 ตัวอยำ่ งคำภำษำเปอรเ์ ซียในภำษำไทย กำกี กุหลำบ กำหลิบ (ผู้ประกำศศำสนำอิสลำม) เข้มขำบ (เสื้อผ้ำ) คำรำวำน สุหร่ำย ตำด (ผ้ำไหมปักเงินหรือทอง) สนม ปสำน (ตลำดนัด) ย่ีหร่ำ เยียรบับ (ผ้ำทอยกดอกเงินทอง) กะลำสี (ลกู เรือ) สร่งั (คนงำนในเรอื ) องนุ่ มัสยิด ชุกชี (ฐำนพระประธำน) ผำ้ ขำวม้ำ รำชำวดี (พลอยสฟี ำ้ ) ตรำชู (เครือ่ งช่ัง) ตรำ บัดกรี (เช่อื มโลหะ) 11. คำทีย่ ืมมำจำกภำษำโปรตุเกส ชำวโปรตุเกสน้ันเป็นชำวตะวันตกชำติแรกที่เข้ำมำทำกำรติดต่อค้ำขำยและสำนสัมพันธ์ใน ประเทศไทย ในสมัยรัชกำลของพระบำทสมเด็จพระนั่งเกล้ำเจ้ำอยู่หัว ได้มีสนธิสัญญำทำงไมตรีและ พำณิชย์ฉบับแรกระหว่ำงไทยกับสหรัฐอเมริกำต้องแปลเป็น 4 ภำษำ ได้แก่ ไทย โปรตุเกส จีน และอังกฤษ แสดงให้เห็นถึงควำมสำคัญของภำษำโปรตุเกสที่ใช้ติดต่อกับชำติต่ำง ๆ จนถึงสมัย รตั นโกสนิ ทร์ กำรยืมคำโปรตุเกสมำใช้ในภำษำไทยทำให้ภำษำเกิดกำรเปลี่ยนแปลงมำกมำย มีอิทธิพลต่อ วงศัพท์ ซ่งึ กำรยมื ทำให้จำนวนศพั ทใ์ นภำษำมีกำรเพม่ิ พูน ทำใหเ้ กิดคำท่ีหลำกหลำย ภำษำฝรง่ั เศสจดั อยใู่ นภำษำกลุม่ โรมำนซ์ ซงึ่ อย่ใู นตระกูลภำษำอินโด–ยโู รเปียน ตวั อยำ่ งคำภำษำโปรตเุ กสในภำษำไทย กะละแม กัมประโด (ผู้ซื้อ) กะละมัง กระจับ บำทหลวง ปัง25 (ขนม) เลหลัง สบู่ เหรียญ ป้ันเหน่ง ปน่ิ โต หลำ กระดำษ (มำจำก กรำตัส) ยำ่ นัด(สับปะรด) 23 ใช้เช่นเดียวกับภำษำเปอรเ์ ซยี 24 ใช้เชน่ เดยี วกับภำษำเปอรเ์ ซยี 25 ขนม(เขมร) + ปงั (โปรตเุ กส) = ขนมปัง ภาษาไทยสาหรบั นกั เรยี น
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย 24 เรียบเรยี งโดย นำยศกั ทำวุฒ โคตรชมภู บรรณำนกุ รม กำชัย ทองหลอ่ . หลักภำษำไทย. กรุงเทพมหำนคร : อมรกำรพิมพ,์ 2552. บรรจง พนั ธ์เุ มธำ. ภำษำต่ำงประเทศในภำษำไทย. กรุงเทพมหำนคร : มหำวทิ ยำลัยรำมคำแหง, 2520. บรรจบ พนั ธุเมธำ. “ไปสืบคำไทย” ภำษำและหนงั สือ, 1 (มถิ ุนำยน 2502) น. 10-14 . บุญเรือง คชั มำลย์. ตำรำเรยี นภำษำเขมร. สุรนิ ทร์ : สถำบนั วจิ ยั และพัฒนำ มหำวิทยำลยั รำชภัฏสุรินทร์ , 2553. แพรวโพยม บุณยะผลึก. “ภำษำฝร่ังเศสในภำษำไทย.” วำรสำรอักษรศำสตร์ ปีท่ี 33 : ฉบับที่ 1 (มกรำคม – มถิ ุนำยน 2547) : 144. รำชบัณฑิตยสถำน. พจนำนุกรม ฉบับรำชบัณฑติ ยสถำน พ.ศ. 2554. พมิ พ์คร้งั ที่ 2. กรุงเทพมหำนคร : รำชบัณฑติ ยสถำน, 2556. _______________. อ่ำนอย่ำง ไรและเขียนอย่ำงไ ร . พิมพ์ครั้งที่ 21. กรุงเทพมหำนคร : รำชบณั ฑติ ยสถำน, 2554. วิไลวรรณ ขนิษฐำนันท์. “ไทย + เขมร ไทยลุ่มน้ำเจ้ำพระยำ.” ศิลปศำสตร์ 1 ปีท่ี 4 : ฉบับที่ 1 (มกรำคม – มิถนุ ำยน 2544) : 3 – 27. วไิ ลศักดิ์ กงิ่ คำ. ภำษำต่ำงประเทศในภำษำไทย. กรงุ เทพมหำนคร : มหำวทิ ยำลยั เกษตรศำสตร,์ 2550. สทุ ธิลกั ษณ์ สวรรยำวสิ ุทธ์.ิ ภำษำศำสตร์ภำษำไทยเบื้องต้น. นครพนม : คณะครุศำสตร์ มหำวิทยำลัย นครพนม. ม.ป.ป. สุธวิ งศ์ พศ์ไพบลู ย์. บำลี – สันสกฤตทีส่ ัมพนั ธ์กับภำษำไทย. กรงุ เทพมหำนคร : ไทยวัฒนำพำนชิ , 2517. สำนักรำชบัณฑิตยสภำ. คอมพิวเตอร์. (ออนไลน์.) แหล่งท่ีมำ : http://www.royin.go.th. 3 กนั ยำยน 2561, 2550. อมรำ ประสิทธ์ิรัฐสินธ์ุ. “ลักษณะของกำรยืมภำษำและวัฒนธรรมต่ำงประเทศท่ีปรำกฏในภำษำไทย.” ศำสตรแ์ ห่งภำษำ : ฉบับที่ 2 : 63 – 78. อุไรศรี วรศริน. ร่องรอยภำษำเขมรในภำษำไทย, แปลจำก Les elements Khmers dans la formation de la langue siamoise : แปลโดย อรวรรณ บุญฤทธิ์, จตุพร โคตรกนก และสมเกียรติ วัฒนำพงษำ กุล. นครปฐม : เมตตำกอ๊ ปปีป้ รนิ้ , 2553. ภาษาไทยสาหรับนกั เรยี น
นักเรยี นจะต้องเรยี นรูห้ ลกั การยืมคาของภาษาต่างประเทศ ในภาษาไทยซ่ึงมลี ักษณะท่ีแตกตา่ งกนั ออกไป เพอื่ ให้เกิดความเข้าใจในความหมายของคาต่างประเทศเหล่านั้น อย่างแทจ้ ริง และนาไปใช้ไดอ้ ย่างถูกตอ้ งเหมาะสม เทา่ ทนั การเปลย่ี นแปลงของโลก
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: