Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 3 (1)

หน่วยที่ 3 (1)

Published by Ploy Rapeepat Intakhot, 2022-01-26 12:16:27

Description: หน่วยที่ 3 (1)

Search

Read the Text Version

หน่วยที่ 3 การออกแบบเอกสาร

ความหมายของการออกแบบ หมายถึง การวางแผนจัดตั้งขั้นตอน และรู้จักเลือกใช้วัสดุ วิธีการเพื่อทำตามที่ต้องการ โดยให้สอดคล้องกับลักษณะรูป แบบ และคุณสมบัติของวัสดุแต่ละชนิด ตามความคิด สร้างสรรค์และ การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ขึ้นมา เช่น การจะทำโต๊ะ ขึ้นมาสักหนึ่งตัว เราจะต้องวางแผนไว้เป็นขั้นตอน โดยต้องเริ่ม ต้น จากการเลือกวัสดุที่จะใช้ในการทำโต๊ะนั้น ว่าจะใช้วัสดุอะไร ที่เหมาะสมในการยึดต่อระหว่างจุดต่าง ๆ นั้นควรใช้ กาว ตะปู สกรู หรือใช้ข้อต่อแบบใด รู้ถึงวัตถุประสงค์ของการนำไปใช้งาน ความแข็งแรง และการรองรับน้ำ หนัก ของโต๊ะสามารถรองรับ ได้มากน้อยเพียงใด สีสันควรใช้สีอะไรจึงจะสวยงาม

การออกแบบ (Design) คือศาสตร์แห่งความคิด ดังนั้นเพื่อสนองต่อ จุดมุ่งหมายที่น่าพอใจ จะแบ่งออกเป็น 3 ข้อหลัก ๆ ดังนี้ 1) ความสวยงาม เป็นสิ่งแรกที่เราได้สัมผัสก่อน คนเราต่างมีความรับรู้เรื่องความ สวยงามไม่เท่ากัน จึงเป็นสิ่งที่ถกเถียงกันอย่างมากและไม่มีเกณฑ์ในการตัดสินเป็นตัวที่ กำหนดชัดเจน ดังนั้นงานที่เราได้มีการจัดองค์ประกอบที่เหมาะสมนั้นก็จะมองว่าสวยงาม ได้เหมือนกัน 2) มีประโยชน์ใช้สอยที่ดี เป็นเรื่องที่สำคัญมากในงานออกแบบทุกประเภท เช่นถ้า เป็นการออกแบบงานกราฟิกเช่น งานสื่อสิ่งพิมพ์ ตัวหนังสือจะต้องอ่านง่าย เข้าใจง่าย ถึง จะได้ชื่อว่าเป็นงานออกแบบที่มีประโยชน์ใช้สอยที่ดีได้ 3) มีแนวความคิดในการออกแบบที่ดี เป็นหนทางความคิด ที่ทำให้งานออกแบบสามารถ ตอบสนองต่อความรู้สึก พอใจ ชื่นชม มีคุณค่า บางคนอาจให้ความสำคัญ มากหรือน้อย หรืออาจไม่ให้ความสำคัญเลยก็ได้ดังนั้นบางครั้งในการออกแบบโดยใช้แนวความคิดที่ดี อาจจะทำให้ผลงาน หรือสิ่งที่ออกแบบมีคุณค่ามากขึ้นก็ได้

องค์ประกอบมูลฐานของการออกแบบการจัดองค์ประกอบศิลป์ (Composition) 1) จุด (Dot) เป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการออกแบบ เพราะจุดเป็นต้นกำเนิดของ เส้น และ น้ำหนักของภาพ ดังนั้นจะนำจุดมาใช้งานออกแบบสามารถใช้ได้ 3 ลักษณะ ได้แก่ (1) การวางตำแหน่งของจุดลักษณะกระจาย มักใช้ในการออกแบบแนวนอน (2) การวางตำแหน่งของจุดลักษณะเน้นช่องจังหวะ เป็นการวางจุดโดยให้พักเป็นระยะ (3) การวางตำแหน่งของจุดลักษณะเป็นกลุ่ม เป็นการทำให้จุดในงานออกแบบ เกิดเอกภาพ 2) เส้น (Line) เส้นเกิดจากการเดินทางหรือต่อเนื่องของจุดในลักษณะทิศทางเดียวกัน ในการ ออกแบบเส้น อาจเกิดจากการลากพู่กัน (Brush Stroke) การขูดขีดด้วยดินสอ ปากกา ฯลฯ ดังนั้น เส้นในงานออกแบบประกอบด้วยเส้นหลักที่สำคัญ ได้แก่ เส้นนอน เส้นตั้ง เส้นเฉียง เส้นโค้ง เส้น ซิกแซกและเส้นคลื่น

3) รูปร่างและรูปทรง (Shape & Form) รูปร่างจะมี 2 มิติได้แก่ความกว้างกับ ความยาว ส่วนรูปทรงมี 3 มิติได้แก่ความกว้างความยาวและความลึก ซึ่งเป็น องค์ประกอบมูลฐานในการออกแบบนั้น สามารถจำแนกได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่ (1) รูปเรขาคณิต เกิดจากการสร้างขึ้นโดยใชเ้ครื่องมือเรขาคณิต ได้แก่ รูป วงกลม วงรี สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม ห้าเหลี่ยม รูปในลกัษณะนี้จะมีความแข็ง กระด้าง ความมีระเบียบ จึงเหมาะสำหรับงานออกแบบซึ่งเหมาะกับงานที่เกี่ยว กับการก่อสร้าง (2) รูปธรรมชาติ เกิดจากการนำลักษณะความงามในธรรมชาติมาใช้ในการ ออกแบบ ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจในการออกแบบ เช่น เปลวไฟ เปลือกหอย (3)รูปอิสระเป็นรูปที่ผู้ออกแบบใช้จินตนาการสร้างขึ้นด้วยมืออิสระโดยไม่ใช้ เครื่องจักรเข้าช่วย อาจเกิดจากการดัดแปลงรูปทรงเรขาคณิต

4) แสงและเงา (Light & Shade) เป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้ดูเกิดความรู้สึกต่อ ลักษณะ 3 มิติ ของรูปทรงได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในการออกแบบกราฟิก ซึ่งกระทำ บนวัสดุ 2 มิติ ผู้ออกแบบสามารถใช้แสงเงาเพื่อเน้นความลึกหรือ มิติที่สาม ได้โดยธรรมชาติของแสงย่อมตกกระทบบนผิววัตถุไม่เท่ากัน ด้านที่ได้รับแสง จะมีความจ้า ส่วนด้านที่ตรงข้ามจะมีน้ำหนักมืดลงตามลำดับ 5) ช่องว่าง (Space) หมายถึง การกำหนดช่องว่างในตัววัตถุหรือตัวรูป (Positive Space) และช่องว่าง รอบตัววัตถุหรือพื้น (Negative Space) การ ออกแบบในสมัยก่อนมักไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบและพื้นที่ เท่าใดนัก โดยผู้ที่ออกแบบจะมุ่งให้ความสำคัญแก่ตัวรูปเป็นส่วนใหญ่

6) สี (Color) เป็นองค์ประกอบมูลฐานที่มีอิทธิพลต่อความ รู้สึกและการรับรู้ของผู้ดูเป็นอย่างยิ่ง ผู้ออกแบบจำเป็นต้อง เลือกใช้สีให้เหมาะสมกับจุดมุ่งหมายของงานออกแบบ จึง จะเกิดประสิทธิภาพต่อความรู้สึกของผู้ดูอาทิ สีแดง ให้ความรู้สึกร้อน 7) ลักษณะพื้นผิว (Texture) หมายถึง สีส้ม ให้ความรู้สึกสว่าง ความรู้สึกในการจำแนกความเรียบ หรือ สีเลือดหมู ให้ความรู้สึกหนักแน่น ความขรุขระของผิววัตถุจากการสัมผัส สีน้ำตาล ให้ความรู้สึกเก่าแก่ถ่อมตน ทางสายตา ลักษณะพื้นผิวที่มีความแตก สีเหลือง ให้ความรู้สึกสดใส ต่างกันย่อมเร้าให้ผู้ดูเกิดความสนใจ สีน้ำเงิน ให้ความรู้สึกสงบ ความแปลกตา ไม่น่าเบื่อหน่าย สีม่วง ให้ความรู้สึกมีเลศนัย สีดำ ให้ความรู้สึกหดหู่ สีขาว ให้ความรู้สึกบริสุทธิ์

หลักการจัดวางส่วนประกอบในการออกแบบ 1) การเน้นจุดแห่งความสนใจ(Emphasis) สร้างจุดแห่งความสนใจให้เกิดขึ้นในงานออกแบบ โดยการกำหนดบริเวณใดบริเวณหนึ่งในภาพที่เหมาะสม ให้มีลักษณะพิเศษกว่าบริเวณอื่นเพื่อใช้ เป็นเครื่องดึงดูด ความสนใจแก่ผู้ดู กระทำไดห้ลายลักษณะดังนี้ (1) การเน้นโดยการตัดกัน (2) การเน้นโดยการแยกตัวประกอบออกไป (3) การเน้นโดยการจัดวางตำแหน่ง 2) ความสมดุล(Balance) ความสมดุลเป็นการกำหนดและจัดวางองค์ประกอบมูลฐาน ให้มีน้ำหนัก และขนาดในสัดส่วนที่เท่า ๆ กันทั้งสองข้าง งานออกแบบที่ขาดความสมดุลจะก่อใหเ้กิดความรู้สึกว่า ภาพนั้นเอียงได้ซึ่งการสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นในงานออกแบบ สามารถทำได้ 3 แบบ ได้แก่ (1) สมดุลแบบสมมาตร (Symmetrical Or Balance) (2) สมดุลแบบอสมมาตร (Asymmetrical Or Formal Balance) (3) สมดุลแบบรัศมี (Radical)

3) ความมีเอกภาพ (Unity) การจัดวางองค์ประกอบให้มีการรวมตัวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยไม่แตกแยก กระจัดกระจาย งานออกแบบที่ขาดเอกภาพจะทำให้ผู้ดูเกิดความรู้สึก แตกแยกและไม่น่าสนใจ การสร้างเอกภาพใหเ้กิดขึ้นกับงานออกแบบสามารถที่จะทำได้ หลายวิธีดังนี้ (1) การนำรูปร่าง รูปทรง มาวงซ้อนทับเกี่ยวเนื่องกัน การซ้อนทับกัน (2) การใช้รูปร่าง รูปทรง ที่มีความกลมกลืนกันแม้ว่าตัวภาพมีลักษณะที่แตกต่างกัน (3) การใช้พื้นรองรับภาพในลักษณะเดียวกัน แม้ว่า ตัวภาพจะมีลักษณะที่แตกต่างกัน แต่ถ้า ต้องการออกแบบให้เกิดเอกภาพอาจใช้พื้นรองรับภาพที่เหมือนกันจะทำให้เกิดเอกภาพได้ (4) การใช้เส้นชักนำสายตาสู่จุดเดียวกัน ลักษณะของเส้นชักนำสายตารวมที่สู่จุดเดียวกัน ย่อมทำให้ผู้ดูรู้สึกว่ามีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันหรือเกิดภาพพจน์ (5) การใช้เส้นโยงเพื่อทำให้เกิดเอกภาพองค์ประกอบซึ่งวางอยู่โดยกระจัดกระจาย ผู้ ออกแบบ สามารถทำให้เกิดการรวมตัวได้โดยการใช้เส้นโยงเพื่อให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (6) การใช้สีวรรณะเดียวกัน เพื่อทำให้เกิดเอกภาพ แม้ว่างานออกแบบจะมีการใช้รูปร่าง ที่ ไม่กลมกลืนกัน แต่ถ้าผู้ออกแบบใช้โครงสีที่เป็นวรรณะเดียวกนั ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของ ภาพก็ จะช่วยให้งานออกแบบนั้นเกิดเอกภาพได้

4) จังหวะ (Rhythm) ลักษณะของจังหวะในการจัดภาพ ได้แก่การวางองค์ประกอบ มูลฐานให้มีระยะตำแหน่งขององค์ประกอบเป็นช่วง ๆ ซึ่งจะก่อให้เกิดความรู้สึก เคลื่อนไหวต่อเนื่องและความมีทิศทาง แก่ผู้ดูจังหวะในการออกแบบ แบ่งได้เป็น 3 ลักษณะได้แก่จังหวะชนิดซ้ำ จังหวะชนิดช่วงระยะที่เป็นแบบแผนคงที่ และจังหวะชนิด ช่วงระยะไม่คงที่ 5) ความกลมกลืน (Harmony) ความกลมกลืนเป็นการจัดวางองค์ประกอบทางศิลปะ ซึ่งมีคุณสมบัติใกล้เคียงกันเข้าไว้ด้วยกันอย่างพอเหมาะ ทำให้งานออกแบบนั้น เกิด ความประสานกลมกลืน มีความเป็นระเบียบและนำไปสู่ความมีเอกภาพ แต่ในบาง กรณีถ้าหากความกลมกลืนมาจากสิ่งที่ซ้ำ กัน เหมือนกัน หรือเท่ากัน มากเกินไปอาจ ทำให้เกิดความน่าเบื่อได้ จึงต้องจัดให้ความขัดแย้งเข้าไปร่วมในผลงานนั้นบ้างเพียง เล็กน้อยก็จะทำใหเ้กิดความน่าสนใจขึ้น 6) ความขัดแย้ง (Contrast) ความขัดแย้งเป็นการจัดวางส่วนประกอบมูลฐานของ การออกแบบ ไม่ให้ซ้ำซากกัน เช่น มีรูปร่าง สี ที่แตกต่างกัน ซึ่งความขัดแย้งจะตรง ข้ามกับ ความกลมกลืน และมีคุณค่าในงาน ออกแบบของศิลปะและสิ่งพิมพ์เพราะ สามารถนำมาใช้แก้ไ้ขสิ่งที่กลมกลืนกันมากๆ จนเกิดความน่าเบื่อหน่าย ใหกลับกลายดู น่าสนใจขึ้นได้

7) สัดส่วน (Proportion) ในการออกแบบถือได้ว่าสัดส่วนมีความสำคัญมาก โดย สัดส่วนเป็ น กฎเกณฑ์ของเอกภาพที่เกี่ยวข้องกับความสมส่วนซึ่งกันและกันของ ขนาดในส่วนต่าง ๆ ของรูปทรง และ ระหว่าง รูปทรง เช่น การที่เราพบเห็นคนหัว โตตัวเตี้ยคนคอยาวขาสั้น อยู่ในสังคมแสดงให้เห็นถึงสัดส่วนที่ผิดไปจากธรรมดา ของบุคคลทั่วไปในงานออกแบบมีการนำสัดส่วนเข้ามาใช้เพื่อสร้างความรู้สึกทาง สุนทรียภาพและอุดมคติ นั้นคือการใช้ส่วนประกอบมูลฐานทางการออกแบบ ได้แก่ เส้น สี แสงเงา ฯลฯ เข้ามาใช้ได้อย่างมีความสัมพันธ์ เหมาะสมกลมกลืน แสดงว่าการออกแบบนั้น ได้สัดส่วน 8) ความเรียบง่าย (Simplicity) การวางองค์ประกอบในการจัดภาพ ควรเน้นที่ ความเรียบง่าย ไม่รกรุงรัง พบว่ามีความแตกต่างของงานออกแบบในสมัยโบราณ กับงานออกแบบสมัยใหม่ได้แก่การใช้ความเรียบง่ายในการออกแบบโดยที่สมัย ก่อนมนุษย์มีระยะเวลาในการพิจารณางานออกแบบมากกว่ามนุษยใ์นปัจจุบัน ทำให้ผู้ออกแบบสมัยใหม่จำเป็นจะต้องตัดทอนรายละเอียดของงานออกแบบเพื่อ ให้ง่ายต่อการรับรู้ของผู้ดู และเหมาะสมกับสภาพความเปลี่ยนแปลงในสังคม

หลักการออกแบบที่ดี ผลงานการออกแบบที่มีคุณค่าย่อมต้องมาจากหลักการออกแบบที่ดี ซึ่งผู้ที่ทำงาน เกี่ยวข้องกับการออกแบบนั้นควรคิดพิจารณาอยู่เสมอในการสร้างสรรคผ์ลงานโดยยึดหลักการ ดังต่อไปนี้ (1) ควรจะเป็นการออกแบบที่มีลักษณะเหมาะสมตรงกับความมุ่งหมายตามประโยชน์ใช้สอย มี ความกลมกลืนตามหลักเกณฑ์ความงามของสังคม และความสามารถปรับปรุง เปลี่ยนแปลงได้ (2) ควรเป็นการออกแบบที่มีลักษณะง่าย มีจำนวนผลิตผลตามความต้องการของสังคมและมี กระบวนการผลิตไม่ยุ่งยากสลับซับซ้อน (3) ควรจะมีสัดส่วนที่ดีมีความกลมกลืนกันทั้งส่วนรวม เช่น รูปแบบ ลักษณะผิว เส้น สี เป็นต้น และมีสัดส่วนที่เหมาะสมในการใช้งานด้วย (4) ควรมีความเหมาะสมกับวัสดุและวิธีการมีคุณภาพ มีวิธีการใช้ง่ายสะดวก สามารถผลิตได้ ตรงตามความต้องการของสังคมปัจจุบัน (5) ควรมีลักษณะของการตกแต่งอย่างพอดี ไม่รกรุงรัง (6) ควรมีโครงสร้างที่เหมาะสมกลมกลืนกับวัฒนธรรม และความต้องการของสังคม (7) ไม่ควรสิ้นเปลืองเวลามากนัก

หน้าที่และประโยชน์ของการออกแบบ ด้วยเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ช่วยในการออกแบบมีหน้าที่สำคัญ 2 ประการ ประการแรก คือ อำนวยความสะดวก ในการเขียนแบบ (drafting) ของชิ้นงานที่ต้องการบน จอภาพ การใช้คอมพิวเตอร์ในการออกแบบ จะตัดความยุ่งยากในการเขียนแบบบนกระดาษด้วย มือ ซึ่งเป็นงานที่ละเอียดต้องการความสามารถสูงและกินเวลานานออกไป ทั้งนี้ คอมพิวเตอร์ สามารถแสดงภาพบนจอจากข้อมูลที่ผู้ออกแบบป้อนให้เป็นภาพทั้งในระบบ 2 มิติ และ3 มิติ ได้ ตามต้องการภาพในระบบ 2 มิติ หรือ 3 มิตินี้เกิดขึ้นจากการมองชิ้นงานจากทิศทางที่แตกต่าง กัน ประการที่ 2 ของคอมพิวเตอร์ในงานออกแบบ ได้แก่ การจำลอง (simulation) สภาพการ ทำงานจริงของชิ้นงานที่ได้ออกแบบไว้ในสภาวะต่าง ๆ เพื่อศึกษารายละเอียดของชิ้นงาน และ วิเคราะห์หาประสิทธิภาพ และคุณภาพของชิ้นงานนั้น โดยที่ผู้ออกแบบไม่จำเป็นต้องสร้างชิ้น งานต้นแบบ (prototype) ขึ้นมาทดลองจริง ๆ นอกจากนั้นคอมพิวเตอร์ยังช่วยประหยัดเวลา ใน การคำนวณค่าต่าง ๆ ที่ต้องการได้ด้วย

ประโยชน์ของการใช้ 1) เพิ่มประสิทธิภาพในการออกแบบ คอมพิวเตอร์ช่วยในการ 2) เพิ่มคุณภาพของงานออกแบบ 3) ลดต้นทุนการออกแบบและการผลิต ออกแบบ 4) เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลต่างๆในการออกแบบ

จัดทำโดย นางสาวระพีพัฒน์ อินทร์ตาโคตร เลขที่18 นักศึกษาแผนกวิชาการจัดการสำนักงาน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook