ระเบยี บการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ โรงเรียนบ้านท่าอาจ พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ๒๕๖๐) โรงเรียนบ้านทา่ อาจ สำนักงานเขตพืน้ ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาตาก เขต 2 สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร โรงเรยี นบ้านท่าอาจ สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศกึ ษาตาก เขต ๒
ก คำนำ โรงเรียนบ้านท่าอาจ ได้จัดทำหลักสูตรสถานศึกษาขึ้นใช้ในปีการศึกษา ๒๕๖๓ โดยยึดตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง ๒๕๖๐) ซึ่งระเบียบว่าด้วยการวัดและ ประเมินผลการเรียนรู้ของสถานศึกษา เป็นเอกสารประกอบตามหลักสูตรฯ ท่ีจะช่วยขับเคล่ือนกระบวนการนำ หลักสตู รไปสกู่ ารปฏบิ ตั ใิ หเ้ ป็นไปอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ดังนั้นโรงเรียนบ้านท่าอาจ จึงได้จัดทำระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผลการเรียนรู้สถานศึกษา เพ่ืออธิบายขยายความให้ทุกฝ่ายตั้งแต่ผู้บริหาร ครูผู้สอน ผู้เรียนและผู้เก่ียวข้อง มีความเข้าใจท่ีชัดเจนตรงกัน และทำงานร่วมกันอยา่ งเปน็ ระบบเอกสารประกอบด้วย ๒ ตอน คอื ตอนท่ี ๑ ระเบียบสถานศกึ ษาว่าดว้ ย การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ โรงเรยี นบา้ นท่าอาจ พุทธศกั ราช ๒๕๖๓ ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรุง ๒๕๖๐) ตอนท่ี ๒ แนวปฏิบัตกิ ารวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ โรงเรียนบ้านทา่ อาจ พทุ ธศักราช ๒๕๖๓ ตาม หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรุง ๒๕๖๐) คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างย่ิงว่า เอกสารระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ โรงเรียน บ้านท่าอาจ พุทธศักราช ๒๕๖๓ คงจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ท่ีเกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่จะช่วยสร้างความรู้ ความเข้าใจ และปฏิบัติการวัดและประเมินผลผู้เรียนเป็นแนวทางเดียวกันและเป็นมาตรฐานเดียวกัน ส่งผลให้พัฒนาผู้เรียน ได้ตามหลักการ เจตนารมย์และวัตถุประสงค์ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ตอ่ ไป คณะผู้จัดทำ โรงเรยี นบ้านทา่ อาจ สังกดั สำนักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาตาก เขต ๒
ข สารบญั หน้า คำนำ ตอนที่ ๑ ระเบียบสถานศึกษาวา่ ด้วยการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ โรงเรียนบ้านท่าอาจ พุทธศกั ราช ๒๕๖๓ ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรงุ ๒๕๖๐)........................................................................................................... ๑ ตอนที่ ๒ แนวปฏบิ ัติการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ โรงเรียนบ้านทา่ อาจ พุทธศกั ราช ๒๕๖๓ ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรุง ๒๕๖๐) ........................................................................................................ ๑๙ บรรณานุกรม......................................................................................................................................... ๓๗ โรงเรยี นบา้ นทา่ อาจ สงั กัดสำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาตาก เขต ๒
๑ ตอนที่ ๑ ระเบยี บสถานศึกษาว่าดว้ ย การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ โรงเรยี นบา้ นท่าอาจ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓ ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ๒๕๖๐) โรงเรียนบ้านทา่ อาจ สงั กัดสำนักงานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาตาก เขต ๒
๒ ประกาศโรงเรียนบา้ นท่าอาจ เรื่อง ให้ใช้ระเบยี บการวดั และประเมินผลโรงเรียนบา้ นท่าอาจ พุทธศกั ราช ๒๕๖๓ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ............................................................................ ระเบียบวัดผลประเมินผลโรงเรยี นบ้านท่าอาจ พุทธศักราช ๒๕๖๓ เป็นระเบียบวัดผลประเมินผลที่มี ความสอดคล้องกับหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านท่าอาจ พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) และได้ดำเนินการตามคำส่ัง กระทรวงศึกษาธิการ ท่ี สพฐ ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๗ เดือน สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เรอ่ื งใหใ้ ช้หลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ โดยระเบียบนี้กำหนดให้ใช้ควบคูก่ ับหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบา้ น ท่าอาจ พุทธศกั ราช ๒๕๖๓ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้มีมติเห็นชอบให้ใช้ระเบียบการวัดและประเมินผลการเรียน โรงเรียนบ้านท่าอาจ พุทธศักราช ๒๕๖๓ ในระดับประถมศึกษา โดยเริ่มใช้ในปีการศึกษา ๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ จึงประกาศให้ใช้ระเบียบการวัดและประเมินผลการเรียนรู้โรงเรียนบ้านท่าอาจ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓ ประกาศ ณ วันท่ี วนั ที่ ๒๐ เดือน เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ลงชื่อ............................................................ ลงช่ือ............................................................ ( นายประยรู ลอื ชยั ) ( นายกชิ สณพนธ์ เฉลิมวสิ ตุ ม์กลุ ) ผู้อำนวยการโรงเรยี นบ้านทา่ อาจ ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน โรงเรียนบ้านทา่ อาจ โรงเรยี นบา้ นทา่ อาจ สังกดั สำนักงานเขตพืน้ ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาตาก เขต ๒
๓ ระเบียบโรงเรียนบา้ นทา่ อาจ วา่ ด้วยการวัดผลและประเมินผลการเรียนระดับประถมศึกษา พุทธศกั ราช ๒๕๖๓ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ------------------------------------------------------------------- ตามท่ีโรงเรียนบ้านท่าอาจ ได้ประกาศใช้หลักสูตรสถานศึกษา พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) ตามคำสั่งกระทรวงศึกษาธิการ ที่ สพฐ ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๘ เดือน สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เร่ืองให้ใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) จึงเป็นการสมควรที่กำหนดระเบียบโรงเรียนบ้านท่าอาจ ว่า ด้วยการวัดผลและประเมินผลการเรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับ ปรับปรงุ พ.ศ.๒๕๖๐) เพอื่ ใหส้ ามารถดำเนนิ การไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ และสอดคล้องกบั คำสั่งดงั กลา่ ว ฉะน้ันอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญั ติระเบียบบริหารราชการ กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖ และกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการ สถานศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐานโดยความเห็นขอบของคระกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน จงึ วางระเบียบไวด้ งั ต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกวา่ “ระเบียบโรงเรียนบ้านท่าอาจ ว่าด้วยการวัดและประเมินผลการเรยี นระดับ ประถมศึกษา ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ข้อ ๒ ระเบียบนใี้ ห้ใช้บังคบั ตั้งแตป่ ีการศกึ ษา ๒๕๖๓ เป็นตน้ ไป ขอ้ ๓ ให้ยกเลิกระเบียบ ข้อบังคบั ทข่ี ดั แยง้ กับระเบียบน้ี ใหใ้ ชร้ ะเบยี บน้ีแทน ขอ้ ๔ ใหใ้ ชร้ ะเบยี บน้ีควบคู่กับหลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นบา้ นทา่ อาจ พทุ ธศักราช ๒๕๖๓ ตาม หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรุง ๒๕๖๐) ข้อ ๕ ให้ผู้บรหิ ารสถานศึกษารกั ษาการใหเ้ ป็นไปตามระเบียบนี้ หมวดที่ ๑ หลกั การวัดและประเมินผลการเรียน ขอ้ ๖ การประเมินผลการเรยี นให้เปน็ ไปตามหลกั การในตอ่ ไปนี้ ๖.๑ สถานศึกษาเป็นผู้รับผิดชอบประเมินผลการเรียนของผู้เรียนโดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการบริหารหลกั สูตรและวชิ าการ ๖.๒ การวัดและประเมินผลการเรียนต้องสอดคล้องและครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู้และ ตัวช้วี ดั ท่กี ำหนดในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ๖.๓ การประเมินผลการเรียนต้องประกอบด้วย การประเมินเพื่อปรับปรุงพัฒนาผู้เรียน การ จัดการเรยี นการสอนและการประเมนิ ผลเพ่ือตัดสนิ ผลการเรยี น ๖.๔ การประเมินผลเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดการเรียนการสอนต้องดำเนินการ ดว้ ยวิธีการทีห่ ลากหลาย เหมาะสมกับสง่ิ ท่ตี อ้ งการวดั ธรรมชาติของรายวิชาและระดับช้นั ๖.๕ ใหม้ ีการประเมินความสามารถของผเู้ รียนในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ เขยี นในแตล่ ะชน้ั ๖.๖ ให้มกี ารประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงคข์ องผเู้ รยี นในแต่ละชั้น ๖.๗ ใหม้ กี ารประเมินคณุ ภาพผเู้ รียนในระดับชาติในแต่ละช่วงชั้น โรงเรียนบา้ นทา่ อาจ สังกดั สำนักงานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษาตาก เขต ๒
๔ ๖.๘ เปิดโอกาสใหผ้ ู้เรยี นตรวจสอบผลการประเมนิ การเรียนได้ ๖.๙ ใหม้ ีการเทยี บโอนผลการเรียนระหว่างสถานศึกษาและรูปแบบการศกึ ษาตา่ ง ๆ หมวดที่ ๒ วิธกี ารวัดและประเมินผลการเรียน ขอ้ ๗ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการที่ให้ผูส้ อนใช้พัฒนาคุณภาพผู้เรียนเพ่ือให้ ได้ข้อมูลสารสนเทศ ที่แสดงพัฒนาการความก้าวหน้าและความสำเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ให้เป็น การประเมนิ เพ่ือปรับปรงุ การเรยี นมากกว่าการตัดสนิ ผลการเรียน ประกอบด้วย ๗.๑ การประเมินผลระดับช้ันเรียนเป็นการวัดความก้าวหน้าทั้งด้านความรู้ ทักษะกระบวนการ คุณธรรม จรยิ ธรรมและคา่ นิยมทพ่ี งึ ประสงค์ ๗.๒ การประเมินผลระดับสถานศึกษาเพื่อตรวจสอบความก้าวหน้า การเรียนรู้เป็นรายปีและช่วง ชั้น สำหรับสถานศึกษานำข้อมูลท่ีได้ใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงและการพัฒนาการเรียนการสอนและ คณุ ภาพของผู้เรยี นใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐานการเรยี นรู้ รวมทัง้ พิจารณาตดั สินการเล่ือนช่วงชั้น ๗.๓ การประเมินผลระดับเขตพ้ืนที่การศึกษา เป็นการประเมินด้วยแบบประเมินผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนท่ีเป็นมาตรฐาน เพื่อตรวจสอบคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาและคุณภาพการศึกษา ของชาติ สำหรับนำผลการประเมินไปวางแผนดำเนินการปรับปรงุ แกไ้ ขการจัดการเรยี นการสอนและพัฒนาการ ผ้เู รยี นให้ได้มาตรฐาน ๗.๔ การประเมนิ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนระดบั ชาติ เป็นการประเมินดว้ ยแบบประเมินผลสัมฤทธิ์ ทางการเรยี นทเ่ี ปน็ มาตรฐานระดับชาติ เพื่อตรวจสอบคณุ ภาพการศกึ ษาของสถานศึกษาและคุณภาพการศึกษา ของชาติ สำหรับนำผลการประเมนิ ไปวางแผนดำเนินการปรับปรงุ แก้ไขการจัดการเรียนการสอนและพัฒนาการ ผู้เรียนให้ไดม้ าตรฐาน ๗.๕ การประเมินเพื่อตัดสินผลการเรียน เป็นการประเมินเพ่ือสรุปความสำเร็จในการเรียนรู้ของ ผเู้ รยี นในการจบช่วงชัน้ และจบหลักสูตรการศึกษาในระดับต่าง ๆ ซ่ึงจะทำให้ผ้เู รยี นได้รบั การรับรองความรู้และ วฒุ ิการศึกษาจากสถานศึกษา ข้อ ๘ แนวดำเนนิ การประเมินผลการเรียนของสถานศกึ ษา เพ่ือให้การวัดและประเมินผลการเรียนของสถานศึกษาสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ มีการดำเนินการตามหลักการกระจายอำนาจมีการประเมินผู้เรียนตามหลักการวัด และประเมินผลการเรียน มกี ารตรวจสอบและกำกับติดตามประเมินคุณภาพการประเมินผลการเรียนอย่างเป็น ระบบและมีประสทิ ธภิ าพ จึงกำหนดแนวดำเนินการวดั และประเมินผลการเรยี นของสถานศึกษา ดังนี้ ๘.๑ สถานศึกษาโดยคณะกรรมการบรหิ ารหลักสตู รและวชิ าการของสถานศกึ ษา โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน กำหนดรูปแบบ ระบบและระเบียบ ประเมนิ ผลของสถานศกึ ษา เพื่อใชเ้ ปน็ แนวปฏบิ ตั ใิ นการประเมนิ ผลการเรียนของสถานศึกษา ๘.๒ สถานศึกษาโดยคณะกรรมการบรหิ ารหลักสูตรและวิชาการของสถานศึกษา กำหนดตัวช้ีวัด ในแต่ละรายวิชาและแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้โดยวิเคราะห์จากมาตรฐานการเรียนรู้ คุณลักษณะอันพึง ประสงค์และมาตรฐานการอ่าน คิด วิเคราะห์และเขียนและหลักสูตรระดับท้องถ่ิน เพื่อใช้เป็นเป้าหมายในการ วดั และประเมินผลการเรยี นรู้รายภาค ๘.๓ คณะอนุกรรมการระดับกลุ่มวิชาให้ความเห็นชอบของรูปแบบ วิธีการ เครื่องมือสำหรับการ ประเมนิ และผลการตัดสนิ การประเมนิ ผลการเรียนรายวชิ าของผูส้ อน โรงเรยี นบา้ นท่าอาจ สังกัดสำนักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษาตาก เขต ๒
๕ ๘.๔ ผู้สอนจัดการเรียนการสอน ตรวจสอบพัฒนาการของผ้เู รยี นและประเมินสรุปผลสัมฤทธ์ิของ ผู้เรียนด้วยวิธีการหลากหลายตามสภาพจริง โดยนำตัวชี้วัดไปใช้เป็นข้อมูลรวมกับการประเมินปลายภาค/ ปลายปี ๘.๕ หัวหน้าสถานศกึ ษาอนมุ ัตผิ ลการเรียนปลายภาค/ปลายปีและการผา่ นจบการศกึ ษา ๘.๖ สถานศึกษาจัดทำรายงานผลการดำเนนิ การประเมินผลการเรียนประจำปี โดยความเห็นชอบ ของคณะกรรมการบรหิ ารหลกั สตู รและวิชาการของสถานศึกษา เสนอตอ่ คณะกรรมการสถานศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน ข้อ ๙ ให้มีการประเมินผลการเรยี นในดา้ นตา่ ง ๆ ประกอบด้วย ๙.๑ การประเมินผลการเรียนในแต่ละรายวิชาของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ซ่ึงสถานศึกษา วิเคราะห์จากมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด การประเมินรายวิชาให้ตัดสินผลการประเมินเป็นระดับ ผลการเรียน ๘ ระดับ ดงั นี้ “๔” หมายถงึ ผลการเรียนดีเยีย่ ม “๓.๕” หมายถงึ ผลการเรยี นดีมาก “๓” หมายถึง ผลการเรียนดี “๒.๕” หมายถงึ ผลการเรียนคอ่ นขา้ งดี “๒” หมายถึง ผลการเรยี นน่าพอใจ “๑.๕” หมายถงึ ผลการเรยี นพอใช้ “๑” หมายถงึ ผลการเรยี นผา่ นเกณฑ์ขน้ั ตำ่ ท่ีกำหนด “๐” หมายถึง ผลการเรียนตำ่ กว่าเกณฑ์ขั้นต่ำทีก่ ำหนด ๙.๒ การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ประกอบด้วยกิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรียนและ กิจกรรมบำเพ็ญเพื่อสาธารณประโยชน์ การร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นการประเมินความสามารถและ พัฒนาการของผู้เรียนในการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในแต่ละภาคเรียนตามเกณฑ์ของแต่ละกิจกรรมและ ตดั สินผลการประเมินเปน็ ๒ ระดบั ดงั น้ี “ผ่าน” หมายถึง ผ่านเกณฑ์ท่ีสถานศกึ ษากำหนด “ไมผ่ า่ น” หมายถงึ ไม่ผา่ นเกณฑ์ท่สี ถานศึกษากำหนด ๙.๓ การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เป็นการประเมินพัฒนาทางด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลกั ษณะอันพึงประสงคข์ องผู้เรยี นตามคณุ ลักษณะทส่ี ถานศกึ ษากำหนด การประเมินคณุ ลักษณะ อันพงึ ประสงค์จะประเมินเป็นรายคุณลกั ษณะทุกภาคเรียนและตดั สินผลการประเมนิ เปน็ ๔ ระดบั ดังนี้ ดเี ย่ียม หมายถึง ผูเ้ รียนมพี ฤติกรรมตามตัวบง่ ช้ผี า่ นเกณฑ์ รอ้ ยละ ๘๐ – ๑๐๐ ของจำนวนตวั บง่ ช้ีคุณลักษณะนน้ั ๆ แสดงว่า ผูเ้ รียนมีคณุ ลกั ษณะน้นั ๆ จนสามารถเปน็ แบบอยา่ งแก่ผูอ้ ่ืนได้ ดี หมายถึง ผู้เรียนมพี ฤติกรรมตามตวั บ่งชผ้ี ่านเกณฑ์ รอ้ ยละ ๖๕ – ๗๙ ของจำนวนตวั บ่งชค้ี ุณลักษณะนน้ั ๆ แสดงว่า ผ้เู รียนมีคณุ ลักษณะนัน้ ๆ ดว้ ยการปฏิบตั ดิ ้วยความเตม็ ใจ ผ่าน หมายถงึ ผเู้ รียนมีพฤติกรรมตามตัวบง่ ช้ีผ่านเกณฑ์ ร้อยละ ๕๐ – ๖๔ ของจำนวนตัวบง่ ชค้ี ุณลกั ษณะนนั้ ๆ ได้ปฏิบตั ิตน ด้วยความพยายามปฏิบตั ติ นตามคำแนะนำ ไม่ผ่าน หมายถึง ผเู้ รยี นมีพฤติกรรมตามตัวบ่งช้ผี ่านเกณฑ์ ต่ำกวา่ รอ้ ยละ ๕๐ ของจำนวนตวั บ่งช้ีในคุณลกั ษณะนัน้ แสดงวา่ โรงเรียนบา้ นท่าอาจ สงั กัดสำนักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาตาก เขต ๒
๖ ผู้เรียนมีคณุ ลักษณะนัน้ ๆ ต้องมีผอู้ ืน่ คอยกระตุ้นเตือน เมอ่ื เลือ่ นช้ันจะพิจารณาจากผลการประเมิน ดเี ยี่ยม, ด,ี ผ่าน โดยตอ้ งมีผลการประเมนิ อยู่ในระดับ “ผา่ น” ข้ึนไป ๙.๔ การประเมินความสามารถอ่าน คิด วิเคราะห์และเขียนเป็นการประเมินทักษะ การคิดและ การถ่ายทอดความคิดด้วยทักษะการอ่าน การคิด วิเคราะห์ ตามเง่ือนไขและวิธีการที่สถานศึกษากำหนดและ ตดั สินผลการประเมนิ เปน็ ๔ ระดบั ดังนี้ - ดีเยี่ยม - ดี - ผ่าน - ไมผ่ า่ น เมอื่ เลื่อนช้ันจะพิจารณาจากผลการประเมนิ ดเี ย่ยี ม, ดี, ผ่าน โดยตอ้ งมผี ลการประเมนิ อยูใ่ น ระดับ “ผา่ น” ขน้ึ ไป ๙.๕ การตัดสินผลการเรียนเล่ือนชั้น เป็นการนำผลการประเมินในด้านต่าง ๆ มาประมวลสรุป เพื่อตัดสินใหผ้ ู้เรียนผ่านระดับตา่ ง ๆ ตามเกณฑ์การตดั สนิ ผลการเรียนแตล่ ะระดบั ชนั้ ข้อ ๑๐ เกณฑ์การตัดสินผลการเรียนจบหลักสูตรสถานศึกษาเพ่ือให้ผู้เรียนหลักสูตรการศึกษาขั้น พื้นฐานที่ผ่านการศึกษาแต่ละช้ันและจบหลักสูตรสถานศึกษาครบถ้วนตามโครงสร้างของหลักสูตรของ สถานศึกษาและมีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาจึงกำหนดเกณฑ์การตัดสินผลการเรียน การจบหลักสูตร การศกึ ษาภาคบงั คบั ไว้ ดังน้ี ๑๐.๑ เกณฑก์ ารจบระดับประถมศึกษา (๑) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพ้ืนฐานและรายวิชา/เพ่ิมเติมตามโครงสร้างเวลาเรียน ทห่ี ลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนด (๒) ผเู้ รยี นต้องมีผลการประเมินรายวชิ าพื้นฐาน ผ่านเกณฑก์ ารประเมินตามท่ีสถานศกึ ษา กำหนด (๓) ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์และเขียนในระดับผ่านเกณฑ์การ ประเมนิ ตามทส่ี ถานศึกษากำหนด (๔) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมิน ตามทส่ี ถานศกึ ษากำหนด (๕ ) ผู้เรียน เข้าร่วมกิจกรรม พั ฒ นา ผู้เรียน และมีผลการป ระเมิน ผ่านเกณ ฑ์ การประเมินตามทีส่ ถานศกึ ษากำหนด หมวดท่ี ๓ เกณฑก์ ารวดั และประเมนิ ผลการเรยี น ข้อ ๑๑ การตัดสินผลการเรยี นให้ถือปฏิบัติดังน้ี ๑๑.๑ พิจารณาตัดสินว่า ผู้เรียนผ่านเกณฑ์การประเมินรายวิชาตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ ทง้ั ๘ กล่มุ และได้รับผลการเรียน ๑ ถึง ๔ ๑๑.๒ การตัดสินพิจารณาว่าผู้เรียนจะนับจำนวนช่ัวโมง / จำนวนหน่วยกิตจะต้องได้รับ ผลการเรียน ๑ ถึง ๔ โรงเรียนบา้ นทา่ อาจ สงั กดั สำนักงานเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษาตาก เขต ๒
๗ ๑๑.๓ ได้รับการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์และเขียนเป็นรายภาคและนำไปตัดสินการเลื่อน ชั้น โดยถ้าผ่านเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนดให้ได้ผลการประเมินเป็นดีเย่ียม ดีและผ่าน ถ้าไม่ผ่านเกณฑ์การ ประเมนิ ให้ได้ผลการประเมนิ “ไมผ่ ่าน” ๑๑.๔ ได้รับการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนเป็นรายภาคและนำไปตัดสินการ เลือ่ นชั้น โดยถา้ ผ่านเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนดให้ได้ผลการประเมินเป็นดเี ยี่ยม ดแี ละผ่าน ถ้าไม่ผ่านเกณฑ์การ ประเมินให้ไดผ้ ลการประเมินเปน็ “ไม่ผ่าน” ๑๑.๕ ได้รับการตัดสินการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นรายภาคโดยถ้าผ่านเกณฑ์ การประเมินให้ได้ผลประเมินเป็น “ผ” และถา้ ไม่ผา่ นเกณฑใ์ หผ้ ลประเมนิ ได้ “มผ” ๑๑.๖ วัดผลปลายภาค/ปลายปีเฉพาะผู้มีเวลาเรียนตลอดภาคเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของ เวลาเรียนในรายวิชาน้ัน ให้อยู่ในดุลพินิจของคณะกรรมการกลุ่มสาระการเรียนรู้ เสนอผ่านคณะ กรรมการบริหารหลกั สตู รและวิชาการเห็นชอบ และเสนอผูบ้ ริหารสถานศึกษาอนุมัติ ๑๑.๗ ผู้เรยี นท่ีมเี วลาเรยี นไม่ถงึ รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนในรายวิชานั้นและไม่ได้รับการผอ่ นผัน ใหเ้ ขา้ รบั การวดั ผลปลายภาค/ปลายปีเรยี นใหไ้ ดผ้ ลการเรยี น “มส” ๑๑.๘ ผู้เรียนท่ีมีผลการเรยี นตำ่ กวา่ เกณฑท์ ่ีสถานศกึ ษากำหนดให้ ได้ระดับผลการเรยี น “๐” ๑๑.๙ ผู้เรียนที่ทุจริตในการสอบหรือทุจริตในงานที่มอบหมายให้ทำในรายวิชาใด ครั้งใด กต็ าม ให้ได้คะแนน “๐” ในครง้ั น้ัน ๑๑.๑๐ ผู้เรยี นทีไ่ ม่ได้วัดผลรายภาค ไม่ได้ส่งงานที่ได้รับมอบหมายให้ทำหรือมีเหตุสุดวสิ ยั ทีท่ ำให้ ประเมินผลการเรยี นไม่ได้ ใหไ้ ด้ผลการเรยี น “ร” กรณี ที่ผู้เรียนได้ผลการเรียน “ร” เพราะไม่ส่งงานนั้นจะต้องได้รับความเห็นชอบจาก คณะอนุกรรมการกล่มุ สาระการเรยี นรู้ ขอ้ ๑๒ การเปลีย่ นผลการเรียนให้ถือปฏิบตั ิ ดงั นี้ ๑๒.๑ การเปลี่ยนผลการเรยี น “๐” ควรจัดให้มีการสอนซ่อมเสริมในตัวช้ีวัดท่ีผู้เรียนสอบไม่ผ่านก่อน แล้วจึงสอบแก้ตวั ให้และให้สอบ แก้ตวั ไดไ้ มเ่ กนิ ๒ ครงั้ ทัง้ น้ตี ้องดำเนนิ การใหเ้ สรจ็ สนิ้ ภายในปกี ารศกึ ษานั้น ถ้าผู้เรียนไม่ดำเนินการสอบแกต้ ัวตามระยะเวลาที่กำหนดไว้นี้ ใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ ิจของสถานศกึ ษาที่ จะพจิ ารณาขยายเวลาออกไปอกี ไม่เกิน ๑ ภาคเรียน ถ้าสอบแก้ตัว ๒ ครั้งแล้ว ยังได้ระดับผลการเรียน “๐” อีกให้แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการ เกี่ยวกับการแกผ้ ลการเรียนของผู้เรยี นโดยปฏิบตั ิ ดงั น้ี ๑) ใหเ้ รียนซำ้ รายวชิ าถา้ เปน็ รายวิชาพื้นฐาน ๒) ใหเ้ รียนซำ้ หรือเปลยี่ นรายวชิ าเรียนใหม่ ถ้าเป็นรายวชิ าเพิ่มเตมิ โดยให้อยู่ในดุลยพินิจ ของสถานศกึ ษา ในกรณีท่ีเปล่ียนรายวิชาเรียนใหม่ ให้หมายเหตุในระเบยี นแสดงผลการเรยี นว่า เรียนแทนรายวชิ า ใด ๑๒.๒ การเปลีย่ นผลการเรียน “ร” การเปล่ยี นผลการเรยี น “ร” มี ๒ กรณี ดังน้ี ๑) มีเหตุสุดวิสัย ทำให้ประเมินผลการเรียนไม่ได้ เช่น เจ็บป่วย เม่ือผู้เรียนได้เข้าสอบหรือ ส่งผลงานทตี่ ดิ คา้ งอยู่เสร็จเรยี บร้อยหรือแกป้ ญั หาเสร็จส้นิ แล้ว ให้ไดร้ ะดับผลการเรียนตามปกติ (ตั้งแต่ ๐ – ๔) โรงเรียนบา้ นท่าอาจ สังกดั สำนักงานเขตพื้นที่การศกึ ษาประถมศึกษาตาก เขต ๒
๘ ๒) ถา้ สถานศึกษาพิจารณาแลว้ เห็นวา่ ไม่ใช่เหตุสดุ วิสัย เมือ่ ผเู้ รียนไดเ้ ขา้ สอบหรือสง่ ผลงานที่ ตดิ ค้างอยูเ่ สรจ็ เรียบรอ้ ยหรือแก้ปญั หาเสร็จสิ้นแล้ว ใหไ้ ด้ระดับผลการเรียนไมเ่ กิน “๑” การเปล่ียนผลการเรียน “ร” ให้ดำเนินการแก้ไขตามสาเหตุให้เสร็จสิ้นภายในปีการศึกษาน้ัน ถ้า ผูเ้ รียนไม่มาดำเนินการแก้ “ร” ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ให้เรยี นซ้ำรายวิชา ยกเวน้ มีเหตุสดุ วิสัย ให้อยู่ในดุลย พินิจของสถานศึกษาที่จะขยายเวลาการแก้ “ร” ออกไปอีกไม่เกิน ๑ ภาคเรียน แต่เมื่อพ้นกำหนดน้ีแล้วให้ ปฏบิ ตั ิ ดังน้ี (๑) ใหเ้ รยี นซ้ำรายวิชา ถา้ เปน็ รายวชิ าพน้ื ฐาน (๒) ให้เรียนซำ้ หรอื เปลยี่ นรายวชิ าเรยี นใหม่ ถา้ เป็นรายวิชาเพ่มิ เติม โดยใหอ้ ยู่ในดลุ ยพินิจ ของสถานศกึ ษา ในกรณีท่ีเปลย่ี นรายวิชาเรยี นใหม่ ให้หมายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรยี นวา่ เรียนแทน รายวชิ าใด ๑๒.๓ การเปลีย่ นผลการเรยี น “มส” การเปลย่ี นผลการเรยี น “มส” มี ๒ กรณี ดังน้ี ๑) กรณีผู้เรียนได้ผลการเรียน “มส” เพราะมีเวลาเรียนไม่ถึงร้อยละ ๘๐ แต่มีเวลาเรียนไม่ น้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ของเวลาเรียนทั้งหมด ให้สถานศึกษาจัดให้เรียนเพ่ิมเติมโดยใช้ช่ัวโมงสอนซ่อมเสริมหรือ เวลาว่างหรือวันหยุดหรือมอบหมายงานให้ทำ จนมีเวลาเรียนครบตามท่ีกำหนดไว้สำหรับรายวิชาน้ันแล้วจึงให้ สอบเป็นกรณีพิเศษ ผลการสอบแก้ “มส” ให้ได้ระดับผลการเรียนไม่เกิน “๑” การแก้ “มส” กรณีนี้ให้กระทำ ให้เสร็จสิ้นในปีการศึกษานั้น ถ้าผู้เรียนไม่มาดำเนินการแก้ “มส” ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้น้ีให้เรียนซ้ำ ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัยให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาท่ีจะขยายเวลาการแก้ “มส” ออกไปอีกไม่เกิน ๑ ภาค เรียน แต่เมอ่ื พน้ กำหนดนี้แลว้ ให้ปฏิบัติดงั นี้ - ให้เรียนซำ้ รายวิชา ถ้าเปน็ รายวิชาพ้ืนฐาน - ให้เรยี นซ้ำหรอื เปล่ียนรายวชิ าเรียนใหม่ ถา้ เป็นรายวชิ าเพม่ิ เตมิ โดยให้อยใู่ นดุลยพินิจของ สถานศึกษา ๒) กรณีผู้เรียนได้ผลการเรียน “มส” และมีเวลาเรียนน้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ของเวลาเรียน ทั้งหมด ให้สถานศึกษาจัดให้เรียนซ้ำในรายวิชาพื้นฐานและรายวิชาเพิ่มเติม หรือเปล่ียนรายวิชาใหม่ได้ สำหรับ รายวิชาเพม่ิ เตมิ เทา่ นน้ั ในกรณีท่ีเปล่ียนรายวิชาเรียนใหม่ ให้หมายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรียนว่าเรียนแทน รายวชิ าใด ในกรณีภาคเรยี นท่ี ๒ หากผเู้ รยี นยงั มีผลการเรยี น “๐” “ร” “มส” ให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนเปิด เรยี นปกี ารศกึ ษาถัดไป สถานศึกษาอาจเปิดการเรียนการสอนในภาคฤดรู ้อนเพือ่ แก้ไขผลการเรยี นของผู้เรียนได้ ทั้งน้ี โดยสำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษา/ต้นสงั กัดควรเปน็ ผู้พจิ ารณาประสานให้มีการดำเนนิ การเรียนการสอนใน ภาคฤดูรอ้ นเพ่ือแก้ไขผลการเรียนของผู้เรียน ๑๒.๔ การเปลยี่ นผลการเรยี น “มผ” หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กำหนดให้ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรม พฒั นาผู้เรียน ๓ กิจกรรม คอื ๑) กิจกรรมแนะแนว โรงเรียนบา้ นทา่ อาจ สงั กัดสำนักงานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษาตาก เขต ๒
๙ ๒) กิจกรรมนกั เรียน ซึ่งประกอบด้วย กจิ กรรม ลกู เสอื เนตรนารี ยุวกาชาด ผบู้ ำเพญ็ ประโยชน์ หรอื กิจกรรมชมรม โดยผ้เู รยี นเลอื กอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ ๑ กจิ กรรมและเลอื กเข้ารว่ มกจิ กรรมชุมนมุ หรือชมรมอกี ๑ กจิ กรรม ๓) กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ ในกรณีที่ผู้เรียนไดผ้ ลการเรียน “มผ” สถานศึกษาต้องจดั ซ่อมเสริมให้ผู้เรียนทำกิจกรรมจนครบ ตามเวลาทก่ี ำหนด หรอื ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมเพ่อื พัฒนาคุณลักษณะท่ีต้องปรับปรุง แกไ้ ข แล้วจึงเปล่ยี นผลการเรยี น จาก “มผ” เป็น “ผ” ทั้งนี้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปกี ารศึกษานั้น ยกเว้นมีเหตุสุดวิสยั ให้อยู่ในดุลยพนิ ิจ ของสถานศกึ ษา ๑๒.๕ การเปลี่ยนแปลงผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับ “ไม่ผ่าน” ให้คณะกรรมการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ดำเนินการจัดกิจกรรมซ่อมเสริม ปรับปรุงแก้ไข หรือตาม วิธีการที่คณะกรรมการกำหนด เพ่ือให้ผู้เรยี นผา่ นเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากำหนด ข้อ ๑๓ การตัดสินให้ผู้เรียนเล่ือนช้นั / ซำ้ ชั้น ๑) ตัดสินผลการเรียนเป็นรายวิชา ผู้เรียนต้องมีเวลาเรียนตลอดภาคเรียนไม่น้อยกว่า รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทั้งหมดในรายวิชานนั้ ๆ ๒) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินทุกตัวชี้วัด และผ่านตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากำหนด คือ ตัวช้วี ัดทตี่ อ้ งผ่าน ไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ ๖๐ ของแต่ละรายวิชา ๓) ผ้เู รียนต้องไดร้ บั การตดั สนิ ผลการเรียนทกุ รายวิชา ๔) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมิน และมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด ในการอา่ น คดิ วิเคราะหแ์ ละเขยี น คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น ถ้าผู้เรียนไม่ผ่านให้ดำเนินการสอนซ่อมเสริม แล้วทำการประเมินจนผู้เรียนสามารถผ่านเกณฑ์ การประเมินที่สถานศึกษากำหนด ๑๓.๑ การเลื่อนชั้น ผ้เู รยี นจะได้รบั การตดั สินผลการเรียนทกุ ภาคเรียนและไดร้ ับการเลอื่ นชัน้ เมื่อสนิ้ ปกี ารศึกษาโดยมี คุณสมบตั ติ ามเกณฑ์ ดงั นี้ ๑) รายวชิ าพ้นื ฐาน ได้รับการตัดสนิ ผลการเรยี นผ่านทุกรายวิชา ๒) รายวิชาเพ่ิมเตมิ ได้รับการตดั สินผลการเรยี นผา่ นตามเกณฑ์ทีส่ ถานศึกษากำหนด ๓) ผู้เรียนต้องรับการประเมินและมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด ในการอา่ น คดิ วเิ คราะห์และเขยี น คุณลกั ษณะอันพึงประสงคแ์ ละกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ๔) ระดบั ผลการเรยี นเฉลย่ี ในปกี ารศกึ ษานน้ั ควรได้ไมต่ ่ำกว่า ๑.๐๐ ทั้งน้ีรายวิชาใดท่ีไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน สถานศึกษาสามารถซ่อมเสริมผู้เรียนให้ได้รับ การ แกไ้ ขในภาคเรียน/ปกี ารศกึ ษา ถดั ไป ๑๓.๒ การเรยี นซำ้ สถานศึกษาจะจดั ให้ผเู้ รียนเรยี นซ้ำใน ๒ กรณี ดังนี้ กรณีที่ ๑ เรียนซ้ำรายวิชา หากผู้เรียนได้รบั การสอนซอ่ มเสริมและสอบแกต้ ัว ๒ คร้ัง แล้ว ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน ให้เรียนซ้ำรายวิชาน้ัน ทั้งนี้ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาในการจัดให้เรียนซ้ำ ในช่วงใดช่วงหน่ึงท่ีสถานศึกษาเห็นว่าเหมาะสม เช่น พักกลางวัน วันหยุด ชั่วโมงว่างหลังเลิกเรียน ภาคฤดู รอ้ น เป็นตน้ กรณที ี่ ๒ เรยี นซ้ำชน้ั มี ๒ ลกั ษณะ คือ โรงเรยี นบ้านทา่ อาจ สงั กดั สำนักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาตาก เขต ๒
๑๐ - ผู้เรียนมีระดบั ผลการเรยี นเฉล่ยี ในปีการศึกษานั้นต่ำกวา่ ๑.๐๐ และมแี นวโนม้ ว่าจะเปน็ ปัญหาตอ่ การเรยี นในระดบั ชั้นท่สี งู ขนึ้ - ผเู้ รยี นมผี ลการเรยี น ๐, ร, มส เกนิ ครงึ่ หนงึ่ ของวชิ าที่ลงทะเบยี นเรยี นในปีการศึกษาน้ัน ท้ังน้ี หากเกิดลักษณะใดลักษณะหน่ึง หรือทั้ง ๒ ลักษณะให้สถานศึกษาแต่งต้ังคณะกรรมการ การพิจารณา หากเหน็ ว่าไมม่ ีเหตผุ ลอนั สมควรกใ็ หซ้ ้ำชั้น โดยยกเลิกผลการเรียนเดิมและใหใ้ ช้ผลการเรยี นใหม่ แทน หากพิจารณาแล้วไมต่ ้องเรียนซำ้ ช้ัน ใหอ้ ยู่ในดลุ ยพนิ ิจของสถานศึกษาในการแกไ้ ขผลการเรียน ๑๓.๓ การสอนซ่อมเสรมิ การสอนซ่อมเสรมิ เปน็ ส่วนหน่ึงของกระบวนการจัดการเรยี นรู้และเป็นการให้โอกาสแก่ผู้เรยี นให้ มีเวลาเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ เพิ่มข้ึน จนสามารถบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดท่ีกำหนดไว้ การสอนซ่อม เสริมเป็นการสอนกรณีพิเศษนอกเหนือไปจากการสอนตามแผนจัดการเรียนรปู้ กติเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องท่ีพบใน ผเู้ รยี น โดยจัดกระบวนการเรียนรู้ท่หี ลากหลายและคำนงึ ถงึ ความแตกต่างระหวา่ งบุคคลของผเู้ รยี น การสอนซ่อมเสรมิ สามารถดำเนินการได้ในกรณี ดังตอ่ ไปน้ี ๑) ผู้เรียนมีความรู้/ทักษะพ้ืนฐานไม่เพียงพอท่ีจะศึกษาในแต่ละรายวิชานั้น ควรจัดการซ่อม เสรมิ ปรบั ความร/ู้ ทักษะพ้นื ฐาน ๒) การประเมินระหว่างเรียน ผู้เรียนไม่สามารถแสดงความรู้ ทักษะกระบวนการหรือ เจตคต/ิ คุณลักษณะทก่ี ำหนดไว้ตามมาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชว้ี ัด ๓) ผลการเรยี นไมถ่ ึงเกณฑ์ และ/หรอื ต่ำกว่าเกณฑ์การประเมนิ โดยผู้เรียนได้ระดับผล การ เรยี น “๐” ต้องจัดการสอนซ่อมเสริมกอ่ นจะใหผ้ ู้เรียนสอบแกต้ ัว ๔) ผู้เรียนมีผลการเรียนไม่ผ่าน สามารถจัดสอนซ่อมเสริมในภาคฤดูร้อน ท้ังนี้ให้อยู่ใน ดุลย พนิ จิ ของสถานศกึ ษา หมวดที่ ๔ การเทียบโอนผลการเรียน ข้อ ๑๔ การเทยี บโอนผลการเรยี น เปน็ การนำผลการเรยี นซ่งึ เป็นความรู้ ทกั ษะและประสบการณ์ ของผู้เรียนที่เกิดจากการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย มาประเมิน เป็นส่วน หนง่ึ ของการศึกษาตามหลักสูตรใดหลักสูตรหนึ่ง แนวการดำเนินการเทียบโอนผลการเรียนให้เป็นไปตามระเบียบสถานศึกษาว่าด้วยการเทียบโอน ผลการเรียน ดังน้ี ๑๔.๑ ผู้ขอเทียบโอนต้องข้ึนทะเบียนเป็นนักเรียนของสถานศึกษา ท้ังนี้โดยผู้ขอเทียบโอน จะต้องไม่เป็นผู้ท่ีกำลังศึกษาอยู่ในระบบโดยสถานศึกษาดังกล่าวดำเนินการเทีย บโอนผลการเรียน ในภาคเรียนแรกทีข่ นึ้ ทะเบียนเปน็ นกั เรยี น ยกเวน้ กรณีมีเหตจุ ำเปน็ ๑๔.๒ จำนวนสาระการเรียนรู้ รายวชิ า จำนวนหน่วยกิตท่ีจะรับเทียบโอน และอายุของผล การเรียนท่ีจะนำมาเทียบโอน ให้อยู่ในดุลพินิจของคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของสถานศึกษา ท้งั นเ้ี ม่ือเทยี บโอนแลว้ ตอ้ งมีเวลาเรยี นอยใู่ นสถานศึกษาทจ่ี ะรบั เทียบโอนไม่นอ้ ยกว่า ๑ ภาคเรียน ๑๔.๓ การเทียบโอนผลการเรียนให้ดำเนินการในรูปของคณะกรรมการการเทียบโอน ผลการเรยี นจำนวนไมน่ อ้ ยกว่า ๓ คนแตไ่ ม่เกิน ๕ คน ข้อ ๑๕ การเทียบโอนใหด้ ำเนินการดังน้ี โรงเรียนบ้านท่าอาจ สังกดั สำนักงานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษาตาก เขต ๒
๑๑ ๑๕.๑ การเทียบระดบั การศึกษา หมายถึงการนำผลการเรยี น ความรแู้ ละประสบการณ์ท่ไี ด้จาก การศึกษาตามอัธยาศัย และการศึกษานอกระบบ ไม่แบ่งระดับมาประเมินเพ่ือเทียบเท่าการศึกษาระดับใด ระดับหนง่ึ มี แนวทางการเทียบระดับการศึกษาดงั นี้ ๑) ผู้ขอเทียบระดับการศึกษาจะต้องไม่เป็นผู้ท่ีกำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาในระบบ หรือ สถานศึกษานอกระบบท่ีจัดการศึกษาเป็นระบบเดียวกันกับการศึกษาในระบบ และเป็นผู้สำเร็จการศึกษาตาม หลักสตู รของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ในระดบั ท่ตี ่ำกวา่ ระดบั การศึกษาทีข่ อเทยี บ ๑ ระดับ ผู้ไมเ่ คยมวี ฒุ ิการศึกษาใด ๆ จะขอเทยี บระดับการศึกษาได้ไมเ่ กินระดับประถมศึกษา ๒) ให้สถานศึกษาซึ่งเป็นที่ทำการเทียบระดับการศึกษา ดำเนินการเทียบระดับด้วย การประเมินความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ของผู้ขอเทียบระดับ ด้วยวิธีการท่ีหลากหลายทั้งด้วยการ ทดสอบ การประเมินแฟ้มผลงาน การสังเกตพฤติกรรมต่าง ๆ ให้ครอบคลุมคุณลักษณะของผู้เรียน ท้งั ด้านพุทธิพสิ ัย จิตพิสัย และทักษะพิสยั ตามเกณฑ์มาตรฐานของหลักสูตรที่ขอเทียบระดบั ๓) ผู้ผ่านการประเมินจะได้รับหลักฐานแสดงผลการประเมินเทียบระดับความรู้และ ใบประกาศนียบัตรรบั รองระดบั ความรขู้ องกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ๑๕.๒ การเทียบโอนผลการเรียน หมายถึง การนำผลการเรียนซึ่งเป็นความรู้ทักษะ และ ประสบการณ์ของผู้เรียนท่ีเกิดจากการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย และผล การศึกษา จากต่างสถานศึกษามาประเมินเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา ตามหลักสูตรใดหลักสูตรหน่ึงท่ีกำลัง ศึกษา มแี นวการดำเนินการดังน้ี ๑) คณะกรรมการบริหารหลักสูตร และวิชาการของสถานศึกษากำหนดจำนวนรายวิชา จำนวนหน่วยกิต ท่ีสถานศึกษาจำกัดให้ผู้เรียนสามารถขอเทียบโอนได้ในการศึกษาตามหลักสูตรของ สถานศึกษาแต่ละชว่ งชั้น ทั้งนี้ผู้เรียนจะต้องเหลือรายวิชาทจ่ี ะต้องศกึ ษาในสถานศึกษาอีกอย่างน้อย ๑ ภาค เรียน พร้อมกับการกำหนดแนวทางและวิธีการเทียบโอนท้ังกรณีเทียบโอนผลการเรียนเดิมที่ผู้เรียนศึกษาก่อน เข้าศึกษาในสถานศึกษา และกรณีเทียบโอนผลการเรียนท่ีผู้เรียนขออนุญาตไปศึกษาต่างสถานศึกษา จะต้อง จดั ทำเป็นระเบยี บการเทียบโอนผลการเรยี นของสถานศึกษาให้สอดคลอ้ งกับกฎกระทรวงว่าด้วย การ เทียบโอนผลการเรียนดว้ ย ๒) สถานศึกษาแตง่ ต้ังคณะกรรมการดำเนินการเทียบโอนผลการเรียนของสถานศึกษาให้ ปฏิบัติหนา้ ทก่ี ำหนดสาระ จัดสร้างเคร่อื งมอื สำหรบั การเทยี บโอนผลการเรยี น และดำเนนิ การเทยี บโอนผล การเรยี น ๓) คณะกรรมการดำเนินการเทยี บโอนผลการเรียน ทำการเทยี บโอนผลการเรียนใหผ้ ูเ้ รียนใน กรณี ต่อไปน้ี กรณีการเทียบโอนผลการเรียนเดิม ที่เรียนศึกษามาก่อนเข้าศึกษาในสถานศึกษา ใหด้ ำเนินการ ดังนี้ (๑) ใหด้ ำเนินการให้เสรจ็ ในภาคเรยี นแรกที่ผู้เรยี นเขา้ ศึกษาในสถานศกึ ษา (๒) ให้เทยี บโอนผลการเรยี นเปน็ รายวิชา (๓) ผู้เรียนย่ืนคำร้องเป็นลายลักษณ์อักษรขอเทียบความรู้ตามรายวิชาในหลักสูตรของ สถานศกึ ษา ตามจำนวนรายวิชาท่ีสถานศกึ ษากำหนดไว้ในระเบยี บการเทยี บโอนผลการเรียนของสถานศึกษาให้ ผู้เรียนยืน่ คำร้อง พร้อมเอกสารหลักสตู รทน่ี ำมาขอเทียบ และเอกสารการศึกษาทไ่ี ดร้ ับมา (ถา้ ผ้เู รียนม)ี (๔) คณะกรรมการดำเนินการเทียบโอนผลการเรียนพิจารณาหลักสูตรและหลักฐาน เอกสารเดิมของผู้เรียน เพื่อเปรียบเทียบหลักสูตรท่ีเรียนมากับหลักสูตรของสถานศึกษาในรายวิชาท่ีขอเทียบ โรงเรยี นบ้านท่าอาจ สงั กดั สำนักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาตาก เขต ๒
๑๒ ถ้ามีจุดประสงค์และเนื้อหาสาระตรงกันไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ใหร้ ับเทยี บโอนได้ และใหไ้ ดร้ ะดับผลการเรียน ตามท่ีได้มาในกรณีทผี่ ู้เรียนยา้ ยสถานศกึ ษา แต่ถา้ เป็นกรณีเทยี บโอนผลการเรยี นจากสถานศึกษาต่างระบบ ให้ คณะกรรมการดำเนินการเทียบโอนพิจารณาว่าควรยอมรับผลการเรียนเดิมหรือไม่ ถ้าไม่ยอมรับก็ต้องประเมิน ให้ใหม่ด้วยวิธกี ารต่าง ๆ ที่เหมาะสม (๕) คณะกรรมการดำเนินการเทียบโอนผลการเรียน จัดให้มีการประเมินความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ของผู้เรยี นใหม่ ตามตัวช้ีวัดของรายวิชาทผี่ ู้เรียนขอเทียบในกรณีที่ผเู้ รียนไม่มี เอกสาร หลักฐานการศึกษาเดิมมาแสดง หรือหลกั สูตรท่ีผู้เรียนนำมาขอเทียบโอนมีความสอดคล้องกับตัวช้ีวัด และเน้ือหาสาระของหลักสูตรท่ีขอเทียบไม่ถึงร้อยละ ๖๐ ผู้เรียนท่ีผ่านการประเมินจะได้รับการเทียบโอนผล การเรียนได้ โดยไดร้ ะดับผลการเรียนตามท่ีประเมินได้ ส่วนผทู้ ่ีไม่ผ่านการประเมินจะไม่ได้รบั การเทียบโอนผล การเรียน กรณีผู้เรียนขออนญุ าตไปศกึ ษารายวชิ าใดรายวชิ าหนึง่ ตา่ งสถานศึกษาหรือขอศึกษา ดว้ ยตนเองให้ดำเนนิ การดงั นี้ (๑) ให้ดำเนินการโดยผู้เรียนย่ืนคำร้องไปศึกษาต่างสถานท่ีหรือต่างรูปแบบต่อ คณะกรรมการเทียบโอนผลการเรียน ซ่ึงจะพิจารณาผลการเรียนและความจำเป็นของผู้เรียนตามระเบียบ การจัดการศกึ ษา ๓ รปู แบบ ของสถานศกึ ษาท่ีจะจดั การศึกษาในระบบ (๒) รายวิชาทีผ่ ู้เรียนขอไปศึกษาต่างสถานที่ หรือตา่ งรูปแบบต้องมีจุดประสงคแ์ ละเนอ้ื หา สาระสอดคล้องกบั รายวชิ าในหลกั สูตรของสถานศึกษาทีจ่ ะนำมาเทียบโอนไมน่ ้อยกว่า ร้อยละ ๖๐ (๓) กรณีผู้เรียนขอไปศึกษาต่างสถานศึกษาหรือระบบท่ีมีสถานศึกษาจัดการเรียน การสอนแน่นอน ถ้าเห็นควรอนุญาตให้ไปเรียนได้ให้มีการประสานงาน เรื่องการจัดการเรียนการสอน การประเมินผล และการรับโอนผลการเรียนก่อน เมื่อได้ตกลงร่วมกันเรียบร้อยแล้วจึงจะอนุญาตเมื่อศึกษา สำเรจ็ ใหร้ บั โอนผลการเรียนไดท้ ันที (๔) กรณีผู้เรียนขออนุญาตศึกษาด้วยตนเอง หรือศึกษาในสถานศึกษาที่ไม่สามารถติดต่อ ประสานได้ ถ้าคณะกรรมการพิจารณาความจำเป็นแล้ว เห็นควรอนุญาต เม่ือผู้เรียนมารายงานผล การเรยี น ให้คณะกรรมการดำเนินการเทียบโอนผลการเรียนทำการเทียบโอนผลการเรียนให้ผู้เรียน เชน่ เดียวกันกรณีการ เทยี บโอนผลการเรยี นเดิมท่ีผู้เรียนศึกษามาก่อนเขา้ ศึกษาในสถานศึกษา (๕) คณะกรรมการดำเนินการเทียบโอนผลการเรียน รายงานผลการเทียบโอนให้ คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของสถานศึกษาให้ความเห็นชอบ และเสนอผู้บริหารสถานศึกษา อนมุ ัตผิ ลการเทียบโอนผลการเรยี น หมวดที่ ๕ เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษา ขอ้ ๑๖ ให้สถานศึกษาจัดให้มเี อกสารหลักฐานการประเมินผลการเรียนต่าง ๆ ดังน้ี ๑๖.๑ ระเบียนแสดงผลการเรียน (Transcript) (ปพ. ๑) เป็นเอกสารบันทึกผลการเรียน ของผู้เรียนตามสาระการเรียนรู้กลุ่มวิชาและกิจกรรมต่าง ๆ ท่ีได้เรียนในแต่ละชั้นของหลักสูตรการศึกษา ข้ันพ้ืนฐานเพ่ือให้เป็นหลักฐานแสดงสถานภาพและความสำเรจ็ ในการศึกษาของผเู้ รียนแต่ละคนใช้เปน็ หลักฐาน ในการสมคั รเขา้ ศกึ ษาต่อทำงานหรือดำเนินการในเร่ืองอนื่ ท่ีเกยี่ วขอ้ ง ๑๖.๒ หลักฐานแสดงวุฒิการศึกษา (ใบประกาศนียบัตร) (ปพ. ๒) เป็นเอกสารที่สถานศึกษา ออกให้กับผสู้ ำเร็จการศึกษาและรับรองวุฒิการศึกษาของผู้เรียน ให้ผู้เรียนนำไปใช้เป็นหลักฐานแสดงระดับวุฒิ การศึกษาของตน โรงเรยี นบา้ นท่าอาจ สังกดั สำนักงานเขตพื้นทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาตาก เขต ๒
๑๓ ๑๖.๓ แบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา (ปพ.๓) เป็นแบบรายงานรายช่ือข้อมูลของผู้สำเร็จ การศึกษาภาคบังคับหลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เพ่ือใช้เป็นหลักฐานสำหรับตรวจสอบยืนยันและรับรอง ความสำเร็จและวุฒิการศกึ ษาของผสู้ ำเรจ็ การศึกษาแตล่ ะคน ต่อเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษาและกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ๑๖.๔ แบบแสดงผลการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ปพ.๔) เป็นเอกสารรายงาน พัฒนาการด้านคุณลักษณะของผู้เรียนเก่ียวกับคุณธรรมจริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ท่ีสถานศึกษากำหนดขึ้นเพ่ือพัฒนาผู้เรียนเป็นพิเศษ เพ่ือการแก้ปัญหาหรือสร้างเอกลักษณ์ให้ผู้เรียนตาม วิสัยทัศน์ของสถานศึกษา เป็นการรายงานผลการประเมินท่ีแสดงถึงสภาพหรือระดับคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม หรือคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนในแต่ละชั้น สถานศึกษาต้องจัดทำเอกสารนี้ให้ผู้เรียน ทุก ๆ คน ควบคู่กับระเบียนแสดงผลการเรียนของผู้เรียน เพื่อนำไปใช้เป็นหลักฐานแสดงคุณลักษณะของ ผเู้ รียนเพอ่ื ประกอบในการสมคั รศึกษาต่อหรือสมัครทำงาน ๑๖.๕ แบบแสดงผลการพัฒนาคณุ ภาพของผู้เรียน (ปพ. ๕) เป็นเอกสารสำหรับผสู้ อนใช้บันทึก เวลาเรียน ข้อมูลผลการวดั และประเมินผลการเรียน ขอ้ มูลการพฒั นาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรยี นแต่ ละคนท่ีเรียนในห้องเรียนกลุ่มเดียวกัน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ปรับปรุง แก้ไข ส่งเสริม และตัดสินผลการเรียนของผู้เรียน รวมทั้งใช้เป็นหลักฐานสำหรับตรวจสอบ ยืนยัน สภาพการเรียน การมสี ่วนร่วมในกิจกรรมตา่ ง ๆ และผลสมั ฤทธ์ขิ องผู้เรยี นแต่ละคน ๑๖.๖ แบบรายงานผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนรายบุคคล (ปพ. ๖) เป็นเอกสารสำหรบั บันทึก ขอ้ มูลเกย่ี วกบั ผลการเรียน พฒั นาการในด้านต่าง ๆ และขอ้ มูลอื่น ๆ ของผู้เรยี น ๑๖.๗ ใบรับรองผลการศึกษา (ปพ. ๗) เป็นเอกสารท่ีสถานศึกษาออกให้ผู้เรียนเป็นการเฉพาะ กิจเพ่ือรับรองสถานภาพทางการศึกษาของผู้เรียนเป็นการชั่วคราว ท้ังกรณีผู้เรียนยังไม่สำเร็จการศึกษาและ สำเร็จการศึกษาแลว้ ๑๖.๘ ระเบียนสะสม (ปพ. ๘) เป็นเอกสารสำหรับบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการและผลงาน ด้านตา่ ง ๆ ของผู้เรยี นทงั้ ท่สี ถานศกึ ษาและท่ีบ้าน เพื่อประโยชนใ์ นการแนะแนวผเู้ รียนในทกุ ๆ ดา้ น ๑๖.๙ สมดุ บันทึกผลการเรียน (ปพ. ๙) เป็นสมุดบันทึกผลการเรยี นรู้ท่สี ถานศกึ ษาจดั ทำขนึ้ เพ่ือ บนั ทึกรายการรายวิชาต่าง ๆ ที่ผเู้ รียนจะต้องเรยี นในแต่ละชั้น ตามโครงสร้างหลักสูตรของสถานศกึ ษา พรอ้ ม ด้วยผลการประเมินการเรียนของแต่ละรายวิชา และสถานศึกษาออกให้ผู้เรียนสำหรับใช้ศึกษาและนำแสดงให้ บุคคลหรือหน่วยงานที่สนใจได้ทราบโครงสร้างหลักสูตรและรายละเอียดของรายวิชาต่าง ๆ ของสถานศึกษา พร้อมด้วยผลการเรียนของผู้เรียนจากการเรียนแต่ละรายวิชา กรณีที่ผู้เรียนย้ายสถานศึกษา ข้อมูลในสมุด บันทึกผลการเรียนรู้จะเป็นประโยชน์ในการนำไปใช้เป็นข้อมูลในการเทียบโอนผลการเรียนจากสถานศึกษาเดิม ไปเป็นผลการเรยี นตามหลักสูตรของสถานศกึ ษาใหม่ หมวดท่ี ๖ บทเฉพาะกาล ข้อ ๑๗ ให้ประธานคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของสถานศึกษารักษาการให้เป็นไป ตามระเบียบน้ี ข้อ ๑๘ กรณีมีการเปล่ียนแปลงแก้ไข ให้เสนอคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐานอนุมัติและให้ ความเห็นชอบก่อนนำไปใช้ โรงเรยี นบ้านทา่ อาจ สังกดั สำนักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต ๒
๑๔ ประกาศ ณ วันท่ี ๒๐ เดือน เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ....................................................... ( นายประยูร ลอื ชัย ) ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน โรงเรยี นบ้านท่าอาจ โรงเรยี นบ้านทา่ อาจ สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศกึ ษาตาก เขต ๒
๑๕ ตอนที่ ๒ แนวปฏิบตั กิ ารวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ โรงเรยี นวัดหนองดนิ แดง (ประชารัฐอุทิศ) พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุง ๒๕๖๐) ส่วนท่ี ๑ การประเมินผลการเรียนรู้ ๘ กลุม่ สาระ สว่ นที่ ๒ การประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น สว่ นท่ี ๓ การประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ส่วนที่ ๔ การประเมินการอา่ น คิด วเิ คราะห์ และเขียน สว่ นที่ ๕ เกณฑ์การตดั สนิ การเลื่อนชัน้ และจบหลักสตู ร สว่ นท่ี ๖ การประเมินผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นระดบั ชาติ โรงเรียนบ้านทา่ อาจ สงั กัดสำนักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาตาก เขต ๒
๑๖ แนวปฏบิ ตั กิ ารวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ เป้าหมายสำคัญของการประเมินผลการเรียนหลักสูตรสถานศึกษาตามแนวทางหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ คือ เพ่ือนำผลการประเมินไปพัฒนาผเู้ รียนให้บรรลุมาตรฐาน การ เรียนรู้ในแต่ละรายวิชา ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ โดยการนำผลการประเมินไปใช้เป็นข้อมูล ในการปรับปรุง แก้ไข ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาการของผู้เรียนโดยตรง นำผลไปปรับปรุงแก้ไขผล การจัดกระบวนการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพย่ิงข้ึน รวมทั้งนำไปใช้ในการพิจารณาตัดสินความสำเร็จทางการ ศึกษาของผเู้ รียน ตลอดจนความสำเรจ็ ของผูส้ อนอกี ด้วย การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษาของสถานศึกษา โรงเรียนบ้านท่าอาจ ประกอบดว้ ย ส่วนที่ ๑ การประเมินผลการเรยี นรตู้ ามกลุ่มสาระการเรียนรู้ ๘ กลมุ่ การประเมินผลการเรยี นรตู้ ามกลุ่มสาระการเรียนร้ทู ้งั ๘ กลมุ่ โรงเรียนได้ดำเนินการประเมินผลใน ลักษณะตา่ ง ๆ ดังต่อไปนี้ ๑. การประเมนิ ผลก่อนเรยี น การประเมินผลก่อนเรียน กำหนดให้ครูผู้สอนในแต่ละรายวิชาทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ท่ีต้อง ประเมินผลก่อนเรียน เพ่ือหาสารสนเทศของผู้เรียนในเบ้ืองต้น สำหรับนำไปจัดกระบวนการเรียนรู้ให้ สอดคล้องกับพื้นฐานของผู้เรียน ตามแนวทางการจัดกระบวนการเรียนรู้ท่ีเนน้ ผู้เรยี นเป็นสำคญั แต่จะไม่นำผล การประเมินนี้ไปใช้ในการพิจารณาตัดสินผลการเรียน การประเมินผลก่อนเรียนประกอบด้วยการประเมิน ดังต่อไปนี้ ๑.๑ การประเมนิ ความพรอ้ มและพื้นฐานของผู้เรียน เป็นการตรวจสอบความรู้ ทักษะ และความพร้อมต่าง ๆ ของผู้เรียนที่เป็นพื้นฐานของเรื่อง ใหม่ๆ ที่ผู้เรียนต้องเรียนโดยใช้วิธีการท่ีเหมาะสม เพ่ือจะได้ทราบว่าผู้เรียนมีความพร้อมและพื้นฐาน ท่ีจะเรียนทุกคนหรือไม่ แล้วนำผลการประเมินมาปรับปรุง ซ่อมเสริม หรือเตรียมผู้เรียนให้มีความพร้อมและ พื้นฐานพอเพียงทุกคนซ่ึงจะช่วยให้ผู้เรียนประสบความสำเร็จในการเรียนได้เป็นอย่างดี การประเมินพื้นฐาน และความพร้อมของผู้เรียนก่อนเรียน จึงมีความสำคัญและจำเป็นที่ผู้สอนทุกคนจะต้องดำเนินการ เพ่อื เตรยี มผู้เรียนให้มีความพร้อมในการเรยี นทกุ คร้ังจะทำให้การเรียนการสอนเป็นไปอยา่ งมีประสิทธภิ าพ และ สามารถคาดหวังความสำเรจ็ ได้อย่างแนน่ อน การประเมนิ ความพรอ้ มและพ้นื ฐานของผเู้ รยี นก่อนเรยี นมีแนวปฏบิ ตั ดิ ังนี้ ๑) วิเคราะหค์ วามรแู้ ละทักษะที่เป็นพน้ื ฐานก่อนเรียน ๒) เลือกวิธีการและจดั ทำเคร่ืองมือสำหรบั ประเมนิ ความรู้ และทักษะพน้ื ฐานอยา่ งเหมาะสม และมีประสทิ ธิภาพ ๓) ดำเนินการประเมินความรู้และทกั ษะพืน้ ฐานของผูเ้ รยี น ๔) นำผลการประเมนิ ไปดำเนนิ การปรับปรงุ ผเู้ รียนให้มีความรูแ้ ละทักษะพ้ืนฐานอย่าง พอเพียงก่อนดำเนนิ การสอน ๕) จัดการเรียนการสอนในเร่ืองที่จัดเตรยี มไว้ ๑.๒ การประเมินความรอบรู้ในเรอื่ งท่จี ะเรียนก่อนการเรียน โรงเรยี นบา้ นทา่ อาจ สังกดั สำนักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาตาก เขต ๒
๑๗ เป็นการประเมินผู้เรียนในเร่ืองที่จะทำการสอน เพื่อตรวจสอบว่าผู้เรียนมีความรู้และทักษะใน เร่ืองที่จะเรียนน้ันมากน้อยเพียงไร เพื่อนำไปเป็นข้อมูลเบ้ืองต้นของผู้เรียนแต่ละคนว่า เริ่มต้นเรียน เรื่องนั้น ๆ โดยมคี วามรู้เดิมอยู่เท่าไรเพ่ือจะได้นำไปเปรียบเทียบกับผลการเรียนภายหลัง การเขา้ ร่วมกิจกรรม การเรียนตามแผนการเรียนรู้แล้ว วา่ เกิดพัฒนาการหรือเกิดการเรียนรเู้ พิ่มขึ้นหรือไม่เพียงไร ซึ่งจะทำให้ทราบ ถึงศักยภาพในการเรียนรู้ของผู้เรียน และประสิทธิภาพในการจัดกิจกรรมการเรียน ซึ่งจะใช้เป็นประโยชน์ใน การสนองตอบการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคนแต่ละกลุ่มต่อไป แต่ประโยชน์ที่เกิดขึ้นในเบื้องต้นของการ ประเมนิ ผลกอ่ นเรียน ก็คือผู้สอนสามารถนำผลการประเมินไปใช้เป็นข้อมูลในการจัดเตรียม วิธกี ารจัดกิจกรรม การเรียนให้สอดคล้องกับความรู้เดิมของผู้เรียนว่าต้องจัดอย่างเข้มข้นหรือมากน้อยเพียงไร จึงจะทำให้แผนการ เรียนรู้มีประสิทธิภาพ สามารถทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และพัฒนาการต่าง ๆ ตามตัวชี้วัดด้วยกันทุกคน ในขณะทไ่ี ม่ทำใหผ้ เู้ รยี นมีพนื้ ความรู้เดมิ อยูแ่ ล้วเกิดความรสู้ ึกเบอื่ หน่าย และเสยี เวลาเรยี นในส่ิงท่ีตนรู้แล้ว การ ประเมินความรอบรู้ก่อนเรียนมีข้ันตอนการปฏิบัติเหมือนกับการประเมินความพร้อมและพื้นฐานของผู้เรียน ตา่ งกันเฉพาะความรู้ ทักษะทจ่ี ะประเมินเท่านนั้ ๒. การประเมนิ ระหวา่ งเรยี น การประเมินระหว่างเรียนเป็นการประเมินท่ีมุ่งตรวจสอบพัฒนาการของผู้เรียนว่าบรรลุจุดประสงค์ การเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ท่ีครูได้วางแผนไว้หรือไม่ เพื่อนำสารสนเทศที่ได้จากการประเมินไปสู่การ ปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องของผเู้ รยี น และส่งเสริมผู้เรียนให้มีความรคู้ วามสามารถและเกิดพัฒนาการสงู สุดตาม ศกั ยภาพ การประเมินผลระหวา่ งเรยี นมีแนวทางในการปฏิบตั ิตามขั้นตอน ดังน้ี ๒.๑ วางแผนการเรยี นรแู้ ละการประเมนิ ผลระหว่างเรียน ผูส้ อนจดั ทำแผนการเรยี นรู้ กำหนด แนวทางการประเมินผลใหส้ อดคล้องกบั ตัวชีว้ ดั ซึง่ ในแผนการเรียนรู้จะระบภุ าระงานท่ีจะทำให้ผู้เรียนบรรลุ ตามตัวช้วี ัดอย่างเหมาะสม ๒.๒ เลอื กวธิ กี ารประเมนิ ท่ีสอดคลอ้ งกบั ภาระงานหรือกิจกรรมหลกั ท่กี ำหนดใหผ้ ู้เรียนปฏิบัติ ทง้ั นี้วิธีการประเมินทีเ่ หมาะสมอย่างยิ่งสำหรบั การประเมินระหว่างเรียน ได้แก่ การประเมินจากสิง่ ที่ผู้เรียนได้ แสดงให้เห็นว่ามีความรู้ ทักษะ และความสามารถ ตลอดจนมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์อันเป็นผลจาก การ เรียนรู้ตามที่ผู้สอนได้จัดกระบวนการเรียนรู้ ให้วิธีการประเมินที่ผู้สอนสามารถเลือกใช้ในการประเมินระหว่าง เรยี น มีดงั นี้ ๑) การประเมนิ ด้วยการส่ือสารส่วนบุคคล ไดแ้ ก่ (๑) การถามตอบระหว่างทำกิจกรรมการเรียน (๒) การพบปะสนทนาพูดคยุ กับผู้เรียน (๓) การพบปะสนทนาพดู คุยกบั ผูเ้ กย่ี วข้องกบั ผเู้ รียน (๔) การสอบปากเปล่าเพื่อประเมินความรู้ ความเข้าใจ และทัศนคติ (๕) การอ่านบันทกึ เหตุการณ์ต่าง ๆ ของผู้เรียน (๖) การตรวจแบบฝึกหดั และการบา้ น พรอ้ มใหข้ ้อมลู ป้อนกลบั ๒) การประเมนิ จากการปฏิบตั ิ (Performance Assessment) เป็นวิธีการประเมินงานหรือกิจกรรมท่ีผู้สอนมอบหมายให้ผู้เรียนปฏิบัติเพื่อให้ได้ข้อมูล สารสนเทศว่า ผเู้ รียนเกดิ การเรียนรู้มากนอ้ ยเพียงใด การประเมินการปฏิบัติผู้สอนต้องเตรยี มการในสิ่งสำคญั ๒ ประการ คอื (๑) ภาระงานหรอื กิจกรรมท่ีจะให้ผเู้ รยี นปฏบิ ัติ (Tasks) โรงเรยี นบ้านทา่ อาจ สงั กัดสำนักงานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาตาก เขต ๒
๑๘ (๒) เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน (Rubrics) วธิ ีการประเมนิ การปฏบิ ตั ิจะเปน็ ไปตามลักษณะงาน ดังนี้ ก. ภาระงานหรือกิจกรรมท่ีผู้สอนกำหนดให้ผู้เรียนทำเป็นรายบุคคล/กลุ่ม จะประเมิน วธิ กี ารทำงานตามขน้ั ตอนและผลงานของผ้เู รียน ข. ภาระงานหรือกิจกรรมที่ผู้เรียนปฏิบัติเป็นปกติในชีวิตประจำวันจะประเมินด้วยวิธีการ สังเกต จดบนั ทึกเหตกุ ารณ์เก่ียวกบั ผ้เู รยี น ค. การสาธิต ได้แก่ การให้ผู้เรียนแสดงหรือปฏิบัติกิจกรรมตามท่ีกำหนด เช่น การใช้ เคร่ืองมือปฏิบัติงาน การทำกายบริหาร การเล่นดนตรี จะประเมินวิธีการและข้ันตอนในการสาธิตของผู้เรียน ด้วยวธิ ีการสงั เกต ง. การทำโครงงาน การจัดการเรยี นรตู้ ามหลกั สตู รการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน กำหนดให้ผู้สอน ต้องมอบหมายให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติโครงงานอย่างน้อย ๑ โครงงานในทุกช่วงช้ัน ดังน้ันผู้สอนจึงต้องกำหนด ภาระงานในลักษณะของโครงงานให้ผู้เรยี นปฏิบัติในรูปแบบหน่ึง ใน ๔ รปู แบบตอ่ ไปน้ี (๑) โครงงานสำรวจ (๒) โครงงานสิ่งประดิษฐ์ (๓) โครงงานแกป้ ัญหาหรอื การทดลองศึกษาค้นคว้า (๔) โครงงานอาชีพ วธิ ีการประเมินผลโครงงาน ใชก้ ารประเมิน ๓ ระยะ คือ (๑) ระยะก่อนทำโครงงาน โดยประเมนิ ความพร้อมด้านการเตรยี มการ และความ เป็นไปได้ในการปฏบิ ตั ิงาน (๒) ระยะทำโครงงาน โดยประเมินการปฏบิ ตั ิจริงตามแผน วิธีการและขน้ั ตอน กำหนดไว้ และการปรบั ปรงุ งานระหว่างปฏบิ ตั ิงาน (๓) ระยะส้นิ สุดการทำโครงงาน โดยประเมนิ ผลงานและวิธกี ารนำเสนอผลการ ดำเนนิ โครงงาน การกำหนดให้ผ้เู รยี นทำโครงงาน สามารถทำได้ ๓ แบบ คือ ๑) โครงงานรายบุคคล เปิดโอกาสใหผ้ ้เู รียนได้เลือกปฏบิ ัติงานตามความสามารถ ความถนัด และความสนใจ ๒) โครงงานกลมุ่ เป็นการทำโครงงานขนาดใหญแ่ ละซับซ้อนตอ้ งให้ผเู้ รยี นทม่ี ี ความสามารถต่างกนั หลายด้านช่วยกันทำ การประเมนิ โครงงานควรเน้นการประเมินกระบวนการกลุม่ ๓) โครงงานผสมระหวา่ งรายบคุ คลกับกลุ่ม เป็นโครงงานทผี่ เู้ รยี นทำร่วมกัน แตเ่ ม่ือ เสร็จงานแล้วใหแ้ ต่ละคนรายงานผลดว้ ยตนเอง โดยไม่ต้องไดร้ ับการช่วยเหลอื จากสมาชกิ ในกลุม่ ในการประเมินการปฏิบัติงานดังกล่าวมาข้างต้น ผู้สอนจำเป็นต้องสร้างเคร่ืองมือเพ่ือใช้ ประกอบการประเมนิ การปฏิบัติ เช่น - แบบวัดภาคปฏบิ ตั ิ - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - แบบตรวจสอบรายการ - เกณฑก์ ารให้คะแนน (Rubrics) เปน็ ตน้ โรงเรียนบ้านทา่ อาจ สงั กัดสำนักงานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาตาก เขต ๒
๑๙ ๓) การประเมนิ ตามสภาพจรงิ (Authentic Assessment) การประเมินสภาพจริง เป็นการประเมินจากการปฏิบัติงานหรือกิจกรรมอย่างใด อย่างหน่ึง โดยงานหรือกิจกรรมที่มอบหมายให้ผู้เรียนปฏิบัติจะเป็นงาน หรือสถานการณ์ท่ีเป็นจริง (Real life) หรอื ใกล้เคียงกบั ชวี ิตจริง จึงเป็นงานที่มสี ถานการณ์ซับซ้อน (Complexity) และเป็นองค์รวม (Holistic) มากกว่างานปฏิบัตใิ นกิจกรรมการเรียนทว่ั ไป วธิ กี ารประเมนิ สภาพจริงไม่มีความแตกต่างจากการปฏบิ ตั ิ (Performance assessment) เพียงแต่อาจมีความยุ่งยากในการประเมินมากกว่า เนื่องจากเป็นสถานการณ์จริง หรือต้องจัดสถานการณ์ให้ ใกล้จริง แต่จะเกิดประโยชน์กับผู้เรียนมาก เพราะจะทำให้ทราบความสามารถท่ีแท้จริงของผู้เรียนว่า มจี ุดเดน่ และข้อบกพร่องในเรอื่ งใด อันจะนำไปสกู่ ารแกไ้ ขที่ตรงประเด็นทีส่ ุด ๔) การประเมินด้วยแฟ้มสะสมงาน (Portfolio Assessment) การประเมินด้วยแฟ้มสะสมงาน เป็นวิธีการประเมินที่ช่วยส่งเสริมให้การประเมินตามสภาพ จริงมีความสมบูรณ์สะท้อนศักยภาพท่ีแท้จริงของผู้เรียนมากข้ึน โดยการให้ผู้เรียนได้เก็บรวบรวม (Collect) ผลงานจากการปฏิบตั ิจริงทง้ั ในชัน้ เรียนหรือในชีวิตจรงิ ท่ีเก่ยี วขอ้ งกับการเรียนรู้ตามสาระการเรียนร้ตู ่าง ๆ มา จัดแสดงอย่างเป็นระบบ (Organized) โดยมีจุดประสงค์เพ่ือสะท้อนให้เห็น (Reflect) ความพยายาม เจต คติ แรงจูงใจ พัฒนาการ และความสัมฤทธิ์ผล (Achievement) ของการเรียนรู้ของผู้เรียน การวางแผน ดำเนนิ งาน การประเมินดว้ ยแฟม้ ผลงานที่สมบูรณ์จะช่วยให้ผูส้ อนสามารถประเมินจากแฟ้มสะสมงานแทนการ ประเมนิ จากการปฏบิ ตั ิจริง การประเมินดว้ ยแฟม้ สะสมงานมแี นวทางในการดำเนนิ งานดังนี้ (๑) กำหนดโครงสร้างของแฟม้ สะสมงานจากวัตถุประสงค์ของแฟ้มสะสมงานว่า ต้องการ สะทอ้ นสิ่งใดเกยี่ วกบั ความสามารถและพัฒนาการของผู้เรียน ท้ังนอี้ าจพิจารณาจากตวั ช้ีวัดตามสาระการเรยี นรู้ ท่สี ะทอ้ นไดจ้ ากการใหผ้ ู้เรียนจดั ทำแฟ้มสะสมงาน (๒) กำหนดวิธีการเก็บรวบรวมผลงานให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของแฟ้มสะสมงาน เพ่อื ให้ผ้เู รยี นไดท้ ำแฟ้มสะสมงาน (๓) กำหนดให้วิธีการประเมินงานเพ่ือพัฒนาช้ินงาน ซึ่งส่งผลถึงการพัฒนาผู้เรียนให้มี ความสามารถสูงสุด ท้ังนี้ครคู วรจัดทำเกณฑ์การใหค้ ะแนน (Rubrics) สำหรับให้ผ้เู รียนนำไปใชเ้ ป็นข้อชี้นำใน การพฒั นางาน (๔) ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือในการพัฒนางาน โดยมีส่วนร่วมในการประเมินจากทุก ฝ่าย แล้วนำข้อมูลที่สอดคล้องกันไปเป็นสารสนเทศหลัก ในการให้ข้อมูลป้อนกลับ (Feedback) สำหรับให้ ผู้เรยี นใชใ้ นการปรบั ปรงุ แกไ้ ขข้อบกพร่อง (๕) จัดให้มีการนำเสนอผลงานท่ีได้สะสมไว้ โดยใช้วิธีการที่เหมาะสม ซึ่งผู้สอนและ ผู้เรียนควรวางแผนร่วมกันในการคัดเลือกชิ้นงานที่ดีที่สุด ท้ังน้ีการนำเสนอชิ้นงานแต่ละชิ้นควรมีหลักฐานการ พัฒนางานและการประเมินผลงานด้วยตนเอง เกณฑ์การประเมินผลงานประกอบไว้ด้วย ในการใช้วิธีการ ประเมินโดยแฟ้มสะสมงาน ผู้สอนควรคำนึงดว้ ยว่าแฟ้มสะสมงานมีหลายประเภท การเลือกใช้แฟ้มสะสมงาน ประเภทใด ควรคำนึงถึงรูปแบบและแนวทางในการพัฒนาแฟ้มสะสมงานให้เหมาะสม เพ่ือให้แฟ้มสะสมงาน ชว่ ยพฒั นาความคิดสร้างสรรคข์ องผ้เู รียนดว้ ย ๒.๓ กำหนดสัดส่วนการประเมินระหว่างเรียนกับการประเมินผลปลายภาค/ปลายปีเรียน หรือปลายปี การประเมินระหว่างเรียนมีวัตถุประสงค์สำคัญ เพื่อมุ่งนำสารสนเทศ มาพัฒนาผู้เรียนและ โรงเรียนบ้านทา่ อาจ สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาตาก เขต ๒
๒๐ ปรับปรุงกระบวนการจัดการเรียนของผู้เรียน การประเมินระหว่างเรียนที่ดำเนินการอย่างถูกต้อง เข้มงวด และจริงจัง จะให้ผลการประเมนิ ท่ีสะท้อนภาพความสำเรจ็ และศักยภาพของผู้เรียนไดถ้ ูกต้อง สมบูรณ์ และ นา่ เชือ่ ถือ ดังน้ัน ควรใหน้ ้ำหนกั ความสำคัญของการประเมินระหว่างเรยี นในสัดสว่ นท่มี ากกว่าการประเมิน ตอนปลายภาค/ปลายปีเรียนหรือปลายปี ท้ังน้ีโดยคำนึงถึงธรรมชาติของรายวิชาและตัวชี้วัดเป็นสำคัญ แต่ อย่างไรก็ตามในการประเมนิ เพ่ือตัดสนิ ผลการเรียนรายวิชาปลายภาค/ปลายปีเรยี นหรือปลายปี ต้องนำผลการ ประเมินระหว่างเรียนไปใช้ในการตัดสินผลการเรียนด้วย ท้ังน้ีให้เป็นไปตามสัดส่วนและแนวดำเนินการใ น ระเบยี บท่สี ถานศกึ ษาผู้กำหนด ๒.๔ จัดทำเอกสารบันทึกข้อมูลสารสนเทศของผู้เรียน ผู้สอนต้องจัดทำเอกสารบันทึกข้อมูล สารสนเทศเก่ียวกับการประเมินผลระหว่างเรียนอย่างเป็นระบบชัดเจน เพ่ือใช้เป็นแหล่งข้อมูลในการปรับปรุง แก้ไข ส่งเสริมผู้เรียน ใช้เป็นหลักฐานสำหรับการส่ือสารกับผู้เก่ียวข้องและใช้เป็นหลักฐานสำหรับตรวจสอบ การปฏิบัติงานของผู้สอน ซ่ึงแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสและความยตุ ิธรรมในการประเมิน ทั้งน้ีให้เป็นไปตาม ระเบยี บทสี่ ถานศึกษากำหนด ข้อมูลหลักฐานการประเมนิ ระหว่างทีพ่ ึงแสดง ได้แก่ ๑) วิธีการและเครื่องมือทใ่ี ช้ในการเก็บขอ้ มูล ๒) ข้อมูลเก่ียวกับความสามารถของผู้เรียนตามวิธีการประเมิน เช่น บันทึกการสังเกต พฤติกรรม บันทึกคะแนนจากผลการประเมินช้ินงาน บันทึกคะแนนการประเมินโครงงาน บันทึกเก่ียวกับการ ประเมินแฟ้มสะสมงาน เปน็ ต้น ๓. การประเมินเพอื่ สรุปผลการเรียน การประเมินเพ่ือสรุปผลการเรียนเป็นการประเมิน เพื่อมุ่งตรวจสอบความสำเร็จของผู้เรียนเมื่อผ่าน การเรียนรใู้ นช่วงเวลาหนง่ึ หรอื สิ้นสดุ การเรยี นรายวชิ าปลายปี/ปลายภาค/ปลายปีประกอบด้วย ๓.๑ การประเมนิ หลังเรยี น เป็นการประเมินผู้เรียนในเรื่องท่ีได้เรียนจบแล้ว เพ่ือตรวจสอบว่าผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตาม ตัวชี้วัดที่คาดหวังหรือไม่ เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับผลการประเมินก่อนเรียนว่าผู้เรียนเกิดพัฒนาการข้ึนมาก น้อยเพียงไร ทำใหส้ ามารถประเมินไดว้ ่าผู้เรียนมีศักยภาพในการเรียนรูเ้ พียงไร และกิจกรรมการเรียนที่จัดขึน้ มี ประสิทธิภาพในการพัฒนาผู้เรียนอย่างไร ข้อมูลจากการประเมินภายหลังการเรียน สามารถนำไปใช้ประโยชน์ ไดม้ ากมาย ไดแ้ ก่ ๑) ปรบั ปรุงแก้ไขซอ่ มเสรมิ ผู้เรยี นใหบ้ รรลุตัวชว้ี ัด หรือจุดประสงคข์ องการเรียน ๒) ปรบั ปรุงแกไ้ ขวิธีเรียนของผเู้ รยี นใหม้ ีประสทิ ธภิ าพย่ิงข้ึน ๓) ปรบั ปรุงแก้ไขและพฒั นาการจดั กจิ กรรมการเรยี น การประเมินหลังเรียนนี้ ถ้าจะให้สอดคล้องกับการประเมินก่อนเรียนเพื่อการเปรียบเทียบ พัฒนาการของผู้เรียนสำหรบั การวิจยั ในชั้นเรยี น ควรใช้วิธีการและเคร่ืองมือประเมินชดุ เดียวกันหรือคู่ขนานกัน ๓.๒ การประเมนิ ผลการเรยี นปลายภาค/ปลายปี เป็นการประเมินผลเพ่ือตรวจสอบผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนในการเรียนรายวิชาต่าง ๆ ตามตัวช้ีวัด การประเมินผลน้ีนอกจากจะมีจุดประสงค์เพ่ือการสรุปตัดสินความสำเร็จของผู้เรียนในแต่ละรายวิชา รายภาค เป็นสำคัญแล้ว ยังใช้เป็นข้อมูลสำหรับปรับปรุงแก้ไข ซ่อมเสริมผู้เรียนท่ีไม่ผ่านการประเมินตัวช้ีวัดของแต่ละ รายวิชา ใหเ้ กดิ พฒั นาการและมีผลการเรยี นตามตัวชว้ี ัดอยา่ งครบถว้ นสมบรู ณด์ ้วย โรงเรียนบา้ นท่าอาจ สังกัดสำนักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศกึ ษาตาก เขต ๒
๒๑ การประเมนิ ผลการเรยี นปลายภาค/ปลายปี สามารถใช้วิธีการและเครอื่ งมอื การประเมินไดอ้ ย่าง หลากหลาย ใหส้ อดคลอ้ งกบั ตวั ชีว้ ัด เน้ือหาสาระ กิจกรรมและช่วงเวลาในการประเมนิ อย่างไรก็ดเี พ่ือให้การ ประเมินผลการเรยี นดังกลา่ วมสี ่วนทีเ่ กยี่ วขอ้ งสัมพนั ธ์และสนับสนุนการเรยี นการสอน จงึ ใหน้ ำผลการ ประเมนิ ผลระหวา่ งเรียนไปใช้เป็นขอ้ มลู ในการประเมนิ ผลการเรยี นปลายภาค/ปลายปี โดยสัดส่วนการ ประเมินผลระหว่างเรียนมากกวา่ การประเมินผลปลายภาค/ปลายปีเรียน วธิ ีการปฏิบตั กิ ารประเมินผลตามกลุ่มสาระการเรยี นรู้ ๘ กลมุ่ การดำเนินการประเมินผลตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ ๘ กลุ่ม โรงเรียนกำหนดวิธีการปฏิบัติ โดยคณะกรรมการบรหิ ารหลกั สูตรและวิชาการร่วมกนั กำหนดหลักการประเมินผล ๘ กลุ่มสาระ ดังนี้ ๑. ทุกกลุ่มสาระให้มีการประเมินผลทุกรายวิชาให้ครอบคลุมท้ังด้านความรู้ ทักษะ กระบวนการ และคุณลกั ษณะ โดยมกี ารประเมนิ ผล ดงั นี้ ๑.๑ การประเมนิ ผลกอ่ นเรยี น ๑.๑.๑ ประเมนิ ผลก่อนเรียนเพือ่ ตรวจสอบความพรอ้ มและพื้นฐานของผู้เรียนและจดั กจิ กรรม ซ่อมเสรมิ เพื่อให้มีความรพู้ ้นื ฐานเพียงพอที่จะเรียน ๑.๑.๒ ประเมินก่อนเรียนเพ่ือตรวจสอบความรอบรู้ในเน้ือหา และทักษะที่จะเริ่มเรียน เพื่อ เปน็ ข้อมลู เปรยี บเทยี บผลการเรยี นหลงั เรยี น แสดงการพฒั นาการของผู้เรยี น ๑.๑.๓ การประเมินผลระหว่างเรียน ให้มีการประเมินผลเป็นระยะ ๆ และสอดคล้องกับ ตัวชี้วดั โดยใช้การประเมินผลตามสภาพจริงด้วยวิธีการท่ีหลากหลายท้ังวิธีการวดั เคร่ืองมือ และแหล่งข้อมูล เพ่ือมุ่งตรวจสอบพัฒนาการของผู้เรียน และนำผลการประเมินไปปรับปรุงแก้ไขจนผู้เรียนสามารถบรรลุตาม เกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนดไว้ โดยใช้วิธีการท่ีหลากหลายเหมาะสมกับศักยภาพของแต่ละบุคคล ในกรณีท่ีผู้เรียน ต้องการพัฒนาปรับปรุงผลการเรียนให้สูงขึ้น ให้ผู้สอนเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้พัฒนาปรับปรุงแก้ไขผลงาน/ ช้นิ งานตนเองจนเต็มศกั ยภาพของผู้เรยี นภายในเวลาที่กำหนดให้ ๑.๑.๔ การประเมินรายภาค ในการประเมนิ ผลปลายภาค/ปลายปีสามารถประเมินจาก การ ปฏบิ ัติ การสอ่ื สาร เช่น การสัมภาษณ์จากผลงาน / ชิน้ งาน โครงงานหรือแบบทดสอบ ท้ังนี้ใหส้ อดคล้องกับ ตัวช้วี ัด ๒. การกำหนดสัดส่วนระหว่างเรียนกับการประเมินปลายภาค/ปลายปี/ปลายปี ให้กลุ่มสาระ การเรยี นรู้แตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันกำหนดตามหลกั การท่คี ณะกรรมการการบรหิ ารหลกั สตู รและวชิ าการ ดงั น้ี ๒.๑ การประเมินผลระหว่างเรียน ใหม้ ีการประเมนิ ผลไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๖๐ ของการประเมนิ ผล ทั้งหมด ยกเว้นกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ และกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ให้มีการ ประเมนิ ผลไมน่ ้อยกว่าร้อยละ ๗๐ ๒.๒ การประเมินผลระหวา่ งเรียนและการประเมนิ ผลปลายภาค/ปลายปี ใหม้ ีการประเมินทง้ั ด้านความรู้ ทกั ษะ กระบวนการ และคุณลักษณะ ๒.๓ ในรายวิชาเดียวกันให้มีการกำหนดสัดส่วนระหว่างเรียนกับปลายภาค/ปลายปี และ วางแผนประเมนิ ผลตลอดภาคเรยี นรว่ มกัน ๒.๔ ในกรณีทีม่ ีการประเมนิ ผลดว้ ยแบบทดสอบ ให้มีการประเมินโดยใชว้ ธิ ีการให้ผเู้ รยี นตอบ แบบทดสอบอัตนยั โดยมีการใหค้ ะแนนคิดเปน็ ร้อยละ ๗๐ ของการทดสอบคร้งั น้ัน ๓. การจัดทำเอกสารบนั ทกึ ข้อมลู สารสนเทศของผเู้ รยี น ประกอบด้วย โรงเรียนบ้านท่าอาจ สังกัดสำนักงานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาตาก เขต ๒
๒๒ ๓.๑ ผู้สอนแต่ละรายวิชาจัดทำแผนการประเมินผลในรายวิชาของตนเองตลอดภาคเรียน โดยมี หวั ข้อ ดงั น้ี ๑) การประเมนิ ผลก่อนเรยี น ๒) การประเมนิ ระหวา่ งเรยี น ๓) การประเมินปลายภาค/ปลายปี ๔) อัตราส่วนน้ำหนักคะแนนระหว่างความรู้ (K) ทักษะกระบวนการ (P) และคุณลักษณะ (A) และรายละเอียดน้ำหนักคะแนนของแต่ละตัวช้ีวัด พร้อมท้ังระบุวิธีการวัด เครื่องมือวัด และประเมินผล ในแตล่ ะตวั ช้ีวัด ๕) กำหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ประกอบด้วยคุณลักษณะตามธรรมชาติวิชา และ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงคข์ องสถานศึกษาทั้งนี้ใหใ้ ช้แบบสรุปผลการประเมนิ ตามแบบบนั ทึกท่แี นบทา้ ยคู่มือน้ี ๓.๒ จัดทำแบบบันทึกข้อมูลผลการประเมินท่ีแสดงสารสนเทศของผู้เรียน ทั้งน้ีเพื่อใช้เป็น แหลง่ ขอ้ มูลในการปรับปรุงแกไ้ ข สง่ เสริมผู้เรียน และใช้เป็นหลกั ฐานสำหรับส่ือสารกบั ผู้เกย่ี วข้อง และใช้เป็น หลักฐานสำหรับตรวจสอบการปฏิบัติงานของผู้สอน ดังนั้นข้อมูลควรแสดงถึงร่องรอยการพัฒนา พร้อมระบุ ข้อสังเกตท่ีเน้นข้อค้นพบท่ีเป็นจุดเด่นและจุดด้อยของผู้เรียนเป็นรายบุคคล ท้ังระหว่างเรียนและปลายภาค/ ปลายปี ๓.๓ จัดทำแบบบันทึกการประเมินความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน เพ่ือแสดงร่องรอยหลักฐานการพัฒนาความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน และสรุปผล การประเมินตามแบบสรุปผลการประเมนิ แนบทา้ ยคู่มือนี้ ๓.๔ จัดทำแบบบันทึกการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพ่ือแสดงร่องรอยหลักฐาน การพฒั นาคุณลกั ษณะผเู้ รยี น และสรปุ ผลการประเมินตามแบบสรุปผลการประเมนิ แนบทา้ ยคูม่ ือนี้ ๓.๕ นำผลการประเมินจากขอ้ ๓.๒, ๓.๓ และ ๓.๔ มาสรปุ และบันทึกลงในแบบ ปพ.๕ ๔. การตดั สินผลการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ ๘ กล่มุ ๔.๑ การตัดสนิ ผลการเรียนใหน้ ำผลการประเมนิ ระหว่างเรียนรวมกบั ผลการประเมนิ ปลายภาค/ปลายปี โดยใชเ้ กณฑ์ ดงั นี้ ตารางแสดงคะแนน และระดบั ผลการเรยี น ชว่ งคะแนนเปน็ ร้อยละ ความหมาย ระดับผลการเรยี น ๘๐ - ๑๐๐ ผลการเรยี นดเี ยย่ี ม ๔ ๗๕ - ๗๙ ผลการเรียนดีมาก ๓.๕ ๗๐ - ๗๔ ผลการเรียนดี ๓ ๖๕ - ๖๙ ผลการเรยี นค่อนข้างดี ๒.๕ ๖๐ - ๖๔ ผลการเรียนน่าพอใจ ๒ ๕๕ - ๕๙ ผลการเรียนพอใช้ ๑.๕ ๕๐ - ๕๔ ผลการเรียนผา่ นเกณฑ์ข้ันตำ่ ทกี่ ำหนด ๑ ๐ - ๔๙ ผลการเรียนตำ่ กวา่ เกณฑ์ขนั้ ต่ำทกี่ ำหนด ๐ เมอื่ ครผู ู้สอนตดั สินผลการเรียนแลว้ ให้ดำเนินการ ดงั นี้ โรงเรยี นบ้านท่าอาจ สังกัดสำนักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาตาก เขต ๒
๒๓ (1) ส่งผลการตัดสินให้อนุกรรมการกลุ่มสาระพิจารณาให้การเห็นชอบ / แก้ไข แล้วส่งให้ คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการพิจารณาเห็นชอบ เพื่อนำเสนอผู้บริหารสถานศึกษาอนุมัติ ผลการเรียน (2) ส่งผลการเรียนให้ ครูที่ปรึกษากรอกผลการเรียนลงในแบบ ปพ.๖ และนายทะเบียน วดั ผลกรอกในแบบ ปพ.๑ ๕. การให้ผลการเรยี น “ร” ๕.๑ การให้ผลการเรยี น “ร” หมายถึง ผเู้ รียนทีม่ ีลักษณะ ดังน้ี ๑) ผู้เรยี นไมไ่ ด้รบั การประเมนิ หรือประเมนิ แล้วไม่ผ่านเกณฑร์ ะหวา่ งเรยี น ๒) ผ้เู รยี นไมไ่ ดร้ บั การประเมนิ ปลายภาค/ปลายปี ๕.๒ วิธกี ารให้ผลการเรียน “ร” เมือ่ ผู้สอนพบว่าผ้เู รียนไม่ไดเ้ ข้ารับการประเมินผลระหวา่ งเรยี น หรอื ปลายภาค/ปลายปี ให้ผู้สอนรายงานพร้อมหลักฐานประกอบการพิจารณาเสนอผู้บริหารเพื่ออนุมัติผลการ เรียน “ร” แล้วประกาศผลให้นักเรียนทราบ ๖. การให้ผลการเรียน “มส” ๖.๑ การให้ผลการเรียน “มส” หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเรียนไม่ถึงร้อยละ ๘๐ ของเวลา ทัง้ หมด ๖.๒ วิธีการให้ผลการเรียน “มส” ให้ผู้สอนรายงานพร้อมแนบเวลาเรียนของผู้เรียน เสนอผูบ้ ริหารเพอ่ื อนมุ ัติผลการเรียน “มส” กอ่ นประเมนิ ผลปลายภาค/ปลายปี ๒ สัปดาห์ ๗. การแกไ้ ข “๐” ๗.๑ ผู้เรยี นนำใบแจง้ ความจำนงการแก้ไข “๐” พบครผู ู้สอนประจำวิชา ๗.๒ ผู้สอนดำเนินการพัฒนาผู้เรียนในผลการเรียนรู้ท่ีไม่ผ่านเกณฑ์ จนผู้เรียนสามารถบรรลุ ผล ตามเกณฑท์ ่ีกำหนดไว้ โดยใหผ้ ลการเรียนไมเ่ กนิ “๑” ๗.๓ ผู้สอนรวบรวมและสรุปผลการแก้ไข “๐” ไปยังงานวัดผลของโรงเรียนเพ่ือเสนอต่อ ผู้บรหิ ารอนุมัติ และแจ้งผเู้ ก่ียวขอ้ ง ๘. การแกไ้ ข “ร” ๘.๑ ผ้เู รยี นนำใบแจง้ ความจำนงการแก้ไข “ร” พบครูผ้สู อนประจำวิชา ๘.๒ ผสู้ อนดำเนนิ การตามสาเหตุของผลการเรียน “ร” นั้น ๆ โดยใหผ้ ลการเรยี นตามเกณฑข์ ้อ ๔ ๘.๓ ผู้สอนรวบรวมและสรุปผลการแก้ไข “ร” ไปยังงานวัดผลของโรงเรียนผ่านคณ ะ กรรมการบริหารหลกั สตู รและวิชาการเห็นชอบ เพือ่ เสนอต่อผู้บรหิ ารอนมุ ัติ แล้วแจง้ ผู้เกีย่ วขอ้ ง ๙. การแกไ้ ข “มส” ๙.๑ ผูเ้ รียนนำใบแจง้ ความจำนงไปพบครูผูส้ อนประจำวชิ า ๙.๒ ผู้สอนพิจารณาว่าผู้เรียนมีข้อบกพร่องอะไร ให้ดำเนินการพัฒนาแก้ไขในสิ่งน้ันจนบรรลุ เกณฑข์ ้ันต่ำที่กำหนดไว้ โดยใหผ้ ลการเรียนไม่เกิน “๑” ๙.๓ ผู้สอนรวบรวมและสรุปผลการแก้ไข “มส” ส่งงานวัดผลของโรงเรียนผ่านคณะ กรรมการบรหิ ารหลกั สูตรและวชิ าการเห็นชอบ เพ่อื เสนอผู้บรหิ ารอนุมตั ิ แลว้ แจ้งผู้เกยี่ วขอ้ ง ๑๐. การแก้ไข “๐” “ร” และ “มส” ให้ดำเนินการแก้ไขให้เสร็จสิ้นภายใน ๒ สัปดาห์ หลงั จากได้รับแจ้งประกาศของงานวดั ผลโรงเรียน โรงเรยี นบ้านท่าอาจ สังกดั สำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต ๒
๒๔ ส่วนที่ ๒ การประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น กิจกรรมพัฒ นาผู้เรียนเป็นกิจกรรมท่ีสถานศึกษาได้ให้ผู้เรียนในทุก ระดับ ช้ันการศึกษาได้พัฒ นา ความสามารถของตนเองตามความถนดั และความสนใจใหเ้ ต็มศักยภาพ โดยมงุ่ เนน้ การพฒั นาองค์รวมของความ เป็นมนุษย์ท้ังด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนโดยรวมของ สถานศึกษา มีการดำเนินการอย่างมีเป้าหมายชัดเจน มีรูปแบบ และวิธีการท่ีครูที่ปรึกษากิจกรรมและผู้เรียน ร่วมกันกำหนด ผู้เรียนต้องผ่านเกณฑ์การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามท่ีสถานศึกษากำหนด จึงจะผ่าน เกณฑ์การประเมินระดับชัน้ ๑. ลักษณะกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น แบ่งเป็น ๓ ลกั ษณะ คอื ๑.๑ กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาความสามารถของผู้เรียนให้เหมาะสม ตามความแตกต่างระหว่างบุคคล สามารถค้นพบและพัฒนาศักยภาพของตนเสริมสร้างทักษะชีวิต วุฒิภาวะ ทางอารมณ์ การเรียนรู้ในเชิงพหุปัญญา และการสร้างสัมพันธภาพท่ีดี ซ่ึงครูทุกคนต้องทำหน้าท่ีแนะแนวให้ คำปรึกษาดา้ นชวี ติ การศึกษาต่อและการพัฒนาตนเองสโู่ ลกอาชีพและการมงี านทำ ๑.๒ กิจกรรมนักเรียน เป็นกิจกรรมท่ีผู้เรียนเป็นผู้ปฏิบัติด้วยตนเองอย่างครบวงจรต้ังแต่ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติตามแผน ประเมิน และปรับปรุงการทำงาน โดยเน้นการทำงานร่วมกันอย่างเป็น กลุ่ม ได้แก่ โครงงาน กิจกรรมตามความสนใจชุมนุมวิชาการ กิจกรรมพัฒนานิสัยรักการอ่าน การคิด วเิ คราะห์ และเขียน กิจกรรมสาธารณประโยชน์ ลกู เสอื เนตรนารี ยุวกาชาด และผ้บู ำเพ็ญประโยชน์ และ กจิ กรรมพฒั นาคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ของผเู้ รยี น ๑.๓ กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ เป็นกิจกรรมที่สง่ เสรมิ ให้ผูเ้ รียนบำเพ็ญตนให้เป็น ประโยชน์ต่อสังคม ชุมชน และท้องถ่ินตามความสนใจในลักษณะอาสาสมัครเพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบ ความดีงาม ความเสียสละต่อสังคม มีจิตสาธารณะ เช่น กิจกรรมอาสาพัฒนาต่าง ๆ กิจกรรมสร้างสรรค์ สังคม ๒. การประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียนรายกิจกรรม ๑) ผู้รับผิดชอบกิจกรรมประเมินการปฏิบัติกจิ กรรมของผู้เรยี นตามจุดประสงค์ของแต่ละกิจกรรม โดยประเมินจากพฤติกรรมการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมและผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมดว้ ยวธิ กี ารทหี่ ลากหลายตามสภาพจรงิ ๒) ผู้รับผิดชอบกิจกรรมตรวจสอบเวลาเข้าร่วมกิจกรรมของผู้เรียนว่าเป็นไปตามเกณฑ์ที่ สถานศึกษากำหนดไวห้ รือไม่ ๓) ตัดสินให้ผู้เรียนท่ีผ่านจุดประสงค์สำคัญของกิจกรรม มีผลงานชิ้นงานหรือหลักฐานประกอบ และมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมครบตามเกณฑ์ ให้เป็นผู้ผ่านการประเมินผลการร่วมกิจกรรม ผู้เรียนที่มีผลการ ประเมินบกพร่องในเกณฑ์ใดเกณฑ์หนึ่ง จะเป็นผู้ไม่ผ่านการประเมินผลการร่วมกิจกรรม จะต้องซ่อมเสริม ข้อบกพร่องใหผ้ ่านเกณฑก์ ่อน จึงจะได้รบั การตดั สนิ ใหผ้ ่านกจิ กรรม ๓. การประเมินกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียนเลื่อนชัน้ /จบหลักสตู ร เป็นการประเมินสรุปผลการผ่านกิจกรรมตลอดปีการศึกษาของผู้เรียนแต่ละคนเพ่ือนำผลไปพิจารณา ตดั สนิ การเลือ่ นชั้น โดยมขี ้นั ตอนปฏิบตั ิ ดงั น้ี ๓.๑ คณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งรวบรวมผลการประเมินแต่ละกิจกรรมมาตัดสินตามเกณฑ์การ ตัดสินการประเมินกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน และรายงานผลตอ่ ผ้ปู กครอง ๓.๒ คณะกรรมการสรุปผลการประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ให้คณะกรรมการบรหิ ารหลกั สตู ร และวิชาการเพ่อื พิจารณาเห็นชอบ ๓.๓ ผู้บริหารสถานศกึ ษาพจิ ารณาตัดสนิ อนุมตั ผิ ลการประเมินรายภาค โรงเรยี นบ้านท่าอาจ สงั กดั สำนักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาตาก เขต ๒
๒๕ ๓.๔ คณะกรรมการบรหิ ารหลกั สูตรและวิชาการ รวบรวมผลการประเมนิ รายภาค ตดั สินผลการ เล่ือนชนั้ /จบหลักสูตร เสนอผู้บริหารอนมุ ัติ ๔. เกณฑ์ตัดสนิ ผลการประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน ๔.๑ เกณฑ์การตัดสนิ รายกจิ กรรมพิจารณาจาก ๑) เข้ารว่ มกิจกรรมไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาทัง้ หมด ๒) ผู้เรียนมพี ฤติกรรมดา้ นการเรยี นรไู้ ม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๐ ๓) ผเู้ รยี นปฏบิ ัติกจิ กรรมและผ่านจดุ ประสงคส์ ำคัญของแต่ละกจิ กรรมกำหนดทกุ ขอ้ ๔.๒ ผู้เรียนต้องผา่ นเกณฑ์ ข้อ ๔.๑ ถือว่าผ่านรายกิจกรรม ๔.๓ เกณฑ์การตัดสนิ กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน ผู้เรียนตอ้ งได้รับผลการประเมนิ ผา่ นท้ังกจิ กรรมแนะ แนว กจิ กรรมนกั เรียนทุกกิจกรรมและกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ถือวา่ ผ่านกจิ กรรมพฒั นา ผู้เรยี น ๔.๔ เกณฑ์การผ่านเลื่อนช้ัน / จบหลักสตู ร ผู้เรยี นตอ้ งได้รับผลการประเมนิ ผา่ น ทุกกิจกรรม รายภาค ๕. แนวทางการซ่อมเสรมิ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น ๕.๑ กรณีไม่ผ่านเนื่องจากเวลาเข้าร่วมกิจกรรมไม่ครบ คณะกรรมการพัฒนาและการประเมิน กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กำหนดกิจกรรมให้ผู้เรียนไปปฏิบัติตามเวลาท่ีกำหนด ภายใต้การควบคุมดูแลของท่ี ปรกึ ษากจิ กรรมนนั้ ๆ จนกว่าผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรมนนั้ ได้ อาจารยป์ ระจำกิจกรรม สรุปรายงานผลการปฏบิ ัติ กิจกรรมให้คณะกรรมการพิจารณาผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เพื่อตัดสินผลการผ่านกิจกรรมราย ภาค ๕.๒ กรณีไม่ผ่านจุดประสงค์สำคัญของกิจกรรมให้คณะกรรมการมอบหมายภาระงานท่ี ผูเ้ รียนไม่ ผ่านไปปฏิบัติภายใต้การดูแลของอาจารย์ที่ปรึกษากิจกรรม จนกว่าผู้เรียนจะปฏิบัติตามภาระงานน้ันได้ ให้ท่ี ปรึกษาสรุปผลการปฏิบัติส่งให้คณะกรรมการพิจารณาผลการประเมินการซ่อมเสริม เพื่อตัดสินผลการผ่าน กจิ กรรมเปน็ รายภาค ๕.๓ คณะกรรมการสรุปผลการประเมินท้ังกรณีใน ข้อ ๕.๑ และ ข้อ ๕.๒ ส่งคณะกรรมการ บรหิ ารหลกั สตู รและวชิ าการ เห็นชอบและเสนอผบู้ รหิ ารอนุมตั ติ อ่ ไป สว่ นท่ี ๓ การพัฒนาและประเมินผลคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ๑. ความสำคญั ของคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ของผู้เรียน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยที่มีการจัด การศึกษา เป็นวธิ ีการหลักท่ีสำคัญท่ีสุด การจัดการศึกษาให้ผู้เรียนเป็นมนุษย์ที่สมบรู ณ์ จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาผู้เรียน ให้เป็นผู้ท่ีมีการพัฒนาการทั้งด้านปัญญา จิตใจ ร่างกาย และสังคม การพัฒนาจิตใจจึงถือเป็นส่ิงที่สำคัญ อย่างยิ่ง ดังจะเห็นได้จากพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตราท่ี ๒๓ “การจัด การศึกษา ท้ังการศึกษาในระบบ นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยต้องเน้นทั้งความรู้ คุณธรรม กระบวนการ เรียนรู้ และบูรณาการตามความเหมาะสมของแต่ละระดับ” มาตรา ๒๔ วรรค ๔ “จดั การเรียนการสอนโดย ผสมผสานสาระความรู้ต่าง ๆ อย่างเป็นสัดส่วนสมดุลกัน รวมทั้งปลูกฝังคุณธรรม ค่านิยมท่ีดีงาม และ คณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ไวใ้ นทุกวิชา ด้วยเหตุดังกล่าวข้างตน้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ จึงกำหนดไว้ ใน จุดหมายของหลักสูตรเป็นข้อแรก คือ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมท่ีพึงประสงค์ เห็นคุณค่าของ โรงเรยี นบ้านทา่ อาจ สังกัดสำนักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาตาก เขต ๒
๒๖ ตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาท่ีตนนับถือ ยึดหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง และกำหนดให้สถานศึกษาไดส้ รา้ งหลกั สตู รสถานศกึ ษาด้วยตนเอง ท้ังน้ีเพื่อใหเ้ ปน็ หลักสูตร ที่ตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม เป็นไปตามความต้องการจำเป็นของชุมชนท้องถิ่น ของตนอง โดยที่สถานศึกษาจะต้องร่วมกับชุมชนกำหนดเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียน ด้านคุณธรรม จริยธรรมค่านิยมท่ีสอดคล้องกับสภาพปัญหา ความจำเป็นของชุมชน และท้องถิ่น และกำหนด เป็นเกณฑ์ การจบหลักสูตรข้อหน่ึง ในแต่ละระดบั คือ ผู้เรียนต้องผ่านการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามเกณฑ์ ทสี่ ถานศกึ ษากำหนด ๒. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์เพ่ือให้ สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ได้กำหนดให้ สถานศึกษาทุกแหง่ พฒั นาผ้เู รียน ดงั น้ี ๑) รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ๒) ซือ่ สตั ยส์ จุ ริต ๓) มวี ินยั ๔) ใฝ่เรียนรู้ ๕) อยู่อยา่ งพอเพียง ๖) มุ่งม่นั ในการทำงาน ๗) รักความเป็นไทย ๘) มีจิตสาธารณะ ความหมายและตัวบ่งช้ีคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ๒.๑ คณุ ลกั ษณะ : รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ความหมาย รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ หมายถึง ลักษณะของบุคคลที่แสดงออก ด้วยกาย วาจา และใจ ตวั บง่ ชี้คุณลกั ษณะ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ๒.๑.๑ มีความจงรกั ดภี ักดีในสถาบนั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ ๒.๑.๒ ปฏบิ ตั ติ นตามหลกั ธรรมศาสนา ๒.๒ คณุ ลักษณะ : ซือ่ สัตยส์ ุจริต ความหมาย ซ่ือสตั ย์สุจรติ หมายถงึ ลักษณะของบุคคลท่ีแสดงออกดว้ ยกาย วาจาและใจ ตวั บง่ ชค้ี ุณลักษณะ ซอ่ื สัตย์สุจริต ๒.๒.๑ ไมน่ ำสง่ิ ของผอู้ นื่ มาเปน็ ของตน ๒.๒.๒ ไม่พูดเท็จทัง้ ต่อหนา้ และลบั หลัง ๒.๓ คุณลกั ษณะ : มวี นิ ัย ความหมาย มีวินัย หมายถึง ลักษณะของบุคคลที่แสดงออกถึงความเอาใจใส่ จดจ่อ ตั้งใจ มุ่งมั่นต่อหน้าที่การงาน การศึกษาเล่าเรียน และการเป็นอยู่ของตนเอง และผู้อยู่ในความดูแล ตลอดจนสังคมอย่างเต็มความสามารถด้วยความผูกพัน เพ่ือให้บรรลุผลสำเร็จตามความมุ่งหมายในเวลาท่ี กำหนด ยอมรบั ผลการกระทำท้งั ผลดแี ละผลเสยี ท่ีเกดิ ข้ึน รวมท้งั ปรับปรุงการปฏิบัติให้ดขี ้นึ ด้วย โรงเรียนบา้ นท่าอาจ สังกดั สำนักงานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษาตาก เขต ๒
๒๗ ตัวบ่งชค้ี ุณลกั ษณะ มีวินัย ๒.๓.๑ มีความพยายามปฏิบัติภารกิจ หน้าที่การงาน การศึกษา หรือหน้าที่ท่ีได้รับ มอบหมายอย่างเตม็ ความสามารถ ๒.๓.๒ ตรงต่อเวลา ๒.๓.๓ ทำงานโดยคำนึงถงึ คุณภาพของงาน ๒.๓.๔ ดูแลรักษาสาธารณสมบตั ิ ๒.๔ คณุ ลักษณะ : ใฝ่เรยี นรู้ ความหมาย ใฝ่เรียนรู้ หมายถงึ ลกั ษณะของบุคคลทีแ่ สดงออกถงึ ความใฝ่เรยี น ใฝ่รู้ ตัวบ่งช้ีคุณลกั ษณะ ใฝ่เรียนรู้ ๒.๔.๑ มกี ารซกั ถามปัญหาในและนอกบทเรยี นสม่ำเสมอ ๒.๔.๒ รูจ้ กั ใช้แหลง่ เรียนรู้ภายในและนอกโรงเรียนประกอบการเรยี นรู้ ๒.๕ คณุ ลกั ษณะ : อยู่อย่างพอเพียง ความหมาย อยู่อย่างพอเพียง หมายถึง ลักษณะของบุคคลทแ่ี สดงถึงการประพฤติตนเป็น ผปู้ ระหยดั เวลา ทรพั ย์ และแรงงาน ท้ังของตนเองและสว่ นรวม ตลอดจนวางแผนออมเพ่ืออนาคต ตัวบง่ ชคี้ ณุ ลักษณะ อยู่อยา่ งพอเพยี ง ๒.๕.๑ เลอื กใชส้ ง่ิ ของท่ีเหมาะสมกับสถานภาพของตนและการใชง้ าน ๒.๕.๒ ใช้นำ้ ใชไ้ ฟ อย่างระมดั ระวงั และเฉพาะส่วนท่จี ำเปน็ ๒.๖ คุณลักษณะ : มุ่งมนั่ ในการทำงาน ความหมาย มุ่งมั่นในการทำงาน หมายถึง ความสามารถทางร่างกาย ความคิด จิตใจ ท่จี ะปฏิบตั กิ จิ กรรมต่าง ๆ ใหส้ ำเร็จลุล่วงตามเปา้ หมายทกี่ ำหนด ไม่ย่อทอ้ ต่อปญั หาอุปสรรค ตวั บ่งชค้ี ณุ ลกั ษณะ มงุ่ มนั่ ในการทำงาน ๒.๖.๑ มคี วามเข้มแขง็ พยายามเอาชนะปญั หาอปุ สรรคโดยไมย่ อ่ ทอ้ ๒.๖.๒ มีจิตใจหนักแน่น สามารถควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมให้เป็นปกติเม่ือพบกับ ปญั หาหรือส่ิงยั่วยุต่าง ๆ ๒.๗ คุณลักษณะ : รักความเปน็ ไทย ความหมาย รักความเป็นไทย หมายถึง ลักษณะของบุคคลที่แสดงถึงการปฏิบัติตนทั้ง กาย ใจ และความคิดท่ีคำนงึ ถงึ ความเปน็ ไทย ตัวบง่ ชคี้ ุณลกั ษณะ รักความเป็นไทย ๒.๗.๑ ใช้สิง่ ของทีผ่ ลิตในประเทศ ๒.๗.๒ เข้ารว่ มกิจกรรมท่เี กีย่ วข้องกบั วฒั นธรรม ประเพณีไทย และแตง่ กายแบบไทย ๒.๗.๓ ใช้ภาษาไทยได้ถูกต้อง ๒.๘ คุณลักษณะ : มจี ิตสาธารณะ ความหมาย มีจิตสาธารณะ หมายถงึ ลักษณะของบคุ คลที่แสดงถงึ การใชว้ าจา ใจ และ กาย ต่อบุคคลอ่นื ด้วยความเมตตา ให้ความช่วยเหลอื โดยไม่หวงั สิง่ ตอบแทน ตวั บ่งชค้ี ุณลักษณะ มจี ติ สาธารณะ ๒.๘.๑ ร่วมกิจกรรมการบำเพญ็ ประโยชนส์ าธารณะ เชน่ วัด, โบราณสถาน ๒.๘.๒ อาสาปฏิบตั กิ จิ กรรมสาธารณประโยชน์ ๓. เกณฑก์ ารประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ โรงเรยี นบ้านท่าอาจ สงั กดั สำนักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาตาก เขต ๒
๒๘ ๓.๑ เกณฑก์ ารประเมนิ ตวั บ่งช้ี ๑) เกณฑ์ระดับคุณภาพ ระดบั คณุ ภาพ ดเี ย่ยี ม หมายถึง ผู้เรยี นมพี ฤติกรรมตามตวั บ่งช้ี รอ้ ยละ ๘๐ – ๑๐๐ ของจำนวนครั้งของการประเมนิ ทัง้ หมด ดี หมายถงึ ผ้เู รยี นมีพฤตกิ รรมตามตวั บ่งชี้ ร้อยละ ๖๕ – ๗๙ ของจำนวนคร้งั ของการประเมนิ ท้งั หมด ผ่าน หมายถึง ผเู้ รียนมพี ฤติกรรมตามตัวบ่งช้ี ร้อยละ ๕๐ – ๖๔ ของจำนวนคร้งั ของการประเมนิ ทง้ั หมด ไมผ่ ่าน หมายถงึ ผู้เรียนมพี ฤติกรรมตามตวั บง่ ช้ี รอ้ ยละต่ำ ๕๐ ของจำนวนครั้งของการประเมินทั้งหมด ๒) เกณฑ์การตัดสนิ การผ่านแตล่ ะตัวบ่งชี้ ผู้เรียนตอ้ งมีพฤติกรรมตามตัวบง่ ชี้อยใู่ นระดับผา่ นขน้ึ ไป ถือวา่ ผา่ นแตล่ ะตัวบง่ ช้ี ๓.๒ เกณฑ์การประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๓.๒.๑ ให้คิดค่าฐานนยิ ม (Mode) จากเกณฑ์การประเมนิ ตัวบ่งช้ีมาเปน็ ระดบั คุณภาพของ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคแ์ ต่ละข้อ ๓.๒.๒ ให้คิดคา่ ฐานนิยม จากเกณฑก์ ารประเมนิ คุณลักษณะ ๘ ข้อ สรปุ เปน็ คุณลักษณะ อนั พงึ ประสงค์ของรายวิชาน้ัน ๆ ๓.๒.๓ ใหค้ ิดคา่ ฐานนิยม จากคุณลักษณะอนั พึงประสงคร์ ายวิชา สรปุ เป็นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงคข์ องผเู้ รียนรายบุคคล ๓.๓ เกณฑ์การตัดสนิ แต่ละคุณลกั ษณะ ผู้เรยี นต้องไดร้ บั การประเมนิ อย่ใู นระดับคณุ ภาพ ผา่ นขึ้นไป ถือวา่ ผา่ น แนวการพัฒนาและประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ๑. ระดับผปู้ ฏบิ ัติ ในการพัฒนาและประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์น้ัน โรงเรียนกำหนดให้ผู้สอนทุกรายวิชา ผรู้ ับผิดชอบงาน / โครงการ / กจิ กรรม และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนท่ีนอกเหนือจากครูผู้สอนรายวชิ าต่าง ๆ ได้ ดำเนินการ ดังน้ี ๑.๑ ครูผู้สอนรายวิชาต่าง ๆ ทุกรายวิชา ให้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ในรายวิชาของตนโดย สอดแทรกคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสถานศึกษาในคุณลักษณะใดคุณลักษณะหน่ึงที่เหมาะสม และ สอดคล้องกับการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้นัน้ ๆ โดยใหร้ ะบุไวใ้ นแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทุกแผน ๑.๒ ผู้รับผิดชอบงาน / โครงการ / กิจกรรม และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนท้ังกิจกรรมแนะแนว กิจกรรมชุมนุมต่าง ๆ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่นอกเหนือจากรายวิชาต่าง ๆ ให้ดำเนินการจัดกิจกรรมพัฒนา คุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยระบไุ ว้ในแผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ๑.๓ ผู้รับผิดชอบท้ัง ข้อ ๑.๑ และ ๑.๒ ดำเนินการพัฒนาพร้อมกับประเมินผลและปรับปรุง ผู้เรียนเป็นระยะ ๆ เพ่ือแสดงพัฒนาการของผู้เรียน บันทึกร่องรอยหลักฐานการประเมินและปรับปรุงอย่าง ต่อเนื่อง เมื่อเสร็จสิ้นภาคเรยี น / ปลายปี หรือส้ินโครงการ / กจิ กรรม ให้มีการประเมินและสรุปผลบันทึกลง ใน แบบ ปพ. ๕ และระบุ จุดเด่น จุดด้อย ของผู้เรียนแต่ละคน ตามเกณฑ์ท่ีกำหนดไว้ พร้อมแนบข้อมูล โรงเรยี นบา้ นท่าอาจ สงั กัดสำนักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาตาก เขต ๒
๒๙ บันทึกหลักฐานร่องรอยการประเมินและปรับปรุงประกอบส่งให้คณะกรรมการของกลุ่มสาระการเรียนรู้ของ ตนเอง ไดต้ รวจสอบความถกู ต้องสมบูรณ์ ๑.๔ คณะกรรมการแต่ละกลุ่มสาระรวบรวมผลการประเมินทั้งหมด และสรุปผลการประเมินลง ในใบ แบบ ปพ. ๕ ส่งคณะกรรมการประเมินคุณลักษณะของสถานศึกษาที่ได้รับการแต่งต้ังเพ่ือดำเนินการ ต่อไป ๒. ระดบั คณะกรรมการประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงคข์ องสถานศกึ ษา ให้มีการประเมินและตัดสินผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนทุกภาคเรียน / ปี โดยสถานศึกษาแต่งตั้งคณะกรรมการประเมินและตัดสินผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ระดับชั้นละ ๓ – ๕ คน ดำเนินการดงั น้ี ๒.๑ คณะกรรมการทุกระดับชั้น ศกึ ษาและทำความเข้าใจร่วมกันในเร่ืองของเกณฑก์ ารประเมิน ระดับคุณภาพ ตลอดจนแนวทางการประเมนิ ทีส่ ถานศึกษากำหนดไว้ ๒.๒ คณะกรรมการประเมินแต่ละระดับชั้น นำผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์จากผู้ ปฏิบัติใน ข้อ ๑ มาร่วมกันพิจารณาผลการประเมิน และข้อมูลจากการบันทึกร่องรอยหลักฐานที่แนบมาเป็น รายบุคคลเทียบกับเกณฑ์ท่ีกำหนดไว้ แล้วตัดสินผลการประเมิน สรุปผลการประเมิน บันทึกลงใน แบบ ปพ. ๕ ระบุจุดเด่นจุดด้อยของผู้เรียนเป็นรายบุคคล ส่งคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการ เหน็ ชอบ และเสนอผู้บรหิ ารอนุมัตผิ ลการประเมิน ๒.๓ กรณีท่ีคณะกรรมการไม่สามารถตัดสินผลการประเมิน เน่ืองจากข้อมูลไม่เพียงพอ ใหค้ ณะกรรมการขอขอ้ มูลเพม่ิ เติมจากผู้รับผิดชอบ จนสามารถตัดสินผลการประเมนิ ได้ ๒.๔ นายทะเบียนนำผลการตัดสินมาดำเนินการจัดทำ ปพ.๔ และหลักฐานการศึกษาอื่นท่ี เกยี่ วข้อง และประกาศใหผ้ เู้ กย่ี วข้องรับทราบต่อไป ๓. การประเมนิ การเล่ือนชน้ั / การจบหลกั สูตร คณะกรรมการบริหารหลักสตู รและวชิ าการ นำผลการประเมนิ รายภาค / รายปี มาร่วมพิจารณาและ ตัดสินผลการเล่อื นชน้ั / จบหลักสูตร แนวทางในการซอ่ มเสรมิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๑. คณะกรรมการประเมินคุณลักษณะร่วมกันพิจารณาว่า ผู้เรียนมีคุณลักษณะใดท่ีต้องพัฒนา ปรบั ปรุง ๒. คณะกรรมการประเมินคุณลักษณะกำหนดแนวทางในการพัฒนาปรับปรุงพร้อมระยะเวลาโดย มอบหมาย ให้ที่ปรกึ ษาในระบบดแู ลช่วยเหลือนักเรียน ดำเนินการติดตามช่วยเหลือแนะนำการปฏิบตั ิงานตาม แนวทางทคี่ ณะกรรมการกำหนด ๓. กจิ กรรม ในการพฒั นาปรับปรงุ ผู้เรียน ๓.๑ กำหนดภาระงานหรอื กิจกรรมทีส่ อดคลอ้ งกบั ตัวบง่ ชีข้ องคุณลักษณะท่ตี ้องพฒั นาปรับปรงุ ๓.๒ ผ้เู รียนร่วมกิจกรรมที่สอดคลอ้ งกับคณุ ลักษณะทีต่ ้องพัฒนาปรับปรุงทงั้ ในและนอกโรงเรียน ๓.๓ ผู้เรียนเสนอโครงงาน / งาน ท่ีสอดคล้องกับคุณลักษณะท่ีต้องพัฒนาปรับปรุงให้ คณะกรรมการประเมนิ คุณลักษณะเหน็ ชอบ ๔. ผู้เรียนปฏิบัติตามแนวทางที่คณะกรรมการกำหนดหรือเห็นชอบ และรายงานผลการปฏิบัติให้ ท่ี ปรึกษาในระบบดูแลทราบเป็นระยะ ๆ พร้อมกับมีผู้รับรองผลการปฏิบัติโดยท่ีปรึกษาบันทึกข้อคิดเห็นในการ ปฏิบตั กิ จิ กรรมจนเสร็จสิน้ กจิ กรรม โรงเรียนบ้านท่าอาจ สงั กัดสำนักงานเขตพืน้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษาตาก เขต ๒
๓๐ ๕. ท่ปี รึกษาในระบบดูแล บนั ทึกผลแสดงพัฒนาการคุณลกั ษณะของผเู้ รยี นท่ีแสดงรอ่ งรอยหลกั ฐาน การปฏบิ ัติกิจกรรมตา่ ง ๆ รวบรวมผลการปฏิบัติสง่ คณะกรรมการประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ๖. คณะกรรมการประเมินคุณลักษณะพิจารณาร่องรอยหลักฐานผลการปฏิบัติกิจกรรมเทียบกับ เกณฑ์ที่กำหนด แล้วประเมินและตัดสินผลการซ่อมเสริมคุณลักษณะอันพึงประสงค์สรุปผลเสนอต่อคณะ กรรมการบริหารหลักสตู รและวิชาการเหน็ ชอบ เพอ่ื เสนอตอ่ ผู้บริหารสถานศึกษาอนุมัติต่อไป ๗. นายทะเบียนวัดผลดำเนนิ การจดั ทำ ปพ.๔ และแจ้งแกผ่ ูเ้ กย่ี วข้องต่อไป ส่วนที่ ๔ การพัฒนาและประเมนิ ความสามารถในการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขียน การอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียน จำนวน ๓ ข้อ คือ ๑. อ่านและเข้าใจ สามารถคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ได้อย่างมีเหตุผลเป็นระบบ และเขียนเสนอ ความคิดได้ ตัวบ่งชท้ี ่ี ๑ เขยี นรายงานเรือ่ งทศ่ี ึกษาค้นคว้าได้ ตัวบ่งชท้ี ่ี ๒ ตอบคำถามจากเรอื่ งที่ศกึ ษาค้นควา้ ได้ ตวั บ่งชที้ ่ี ๓ เขยี นแสดงความคิดเหน็ จากเร่ืองทีอ่ า่ นได้ ตวั บ่งชี้ที่ ๔ เขียนสรปุ จากเรือ่ งที่อ่านได้ ๒. นำความรู้ความเขา้ ใจทไ่ี ด้จากการอา่ นไปใช้ในการแก้ปัญหา ตดั สนิ ใจ คาดคะเนเรื่องราวหรอื เหตุการณ์ และสรปุ เปน็ แนวปฏบิ ัตไิ ด้ ตัวบง่ ชท้ี ่ี ๑ ทำโครงงาน / รายงานในเร่อื งที่สนใจได้ตามศักยภาพ ตัวบง่ ชท้ี ี่ ๒ นำเสนอโครงงาน / รายงานไดต้ ามศักยภาพ ตวั บง่ ชี้ท่ี ๓ เนอื้ หาในการทำโครงงาน / รายงานสอดคล้องกับเรือ่ งทีเ่ รยี น ตัวบง่ ชท้ี ี่ ๔ เขยี นขั้นตอนในการปฏิบตั งิ านได้ ๓. มีความคิดสรา้ งสรรค์ และสามารถเขยี นถ่ายทอดความคิดเพ่ือการสือ่ สารได้ ตวั บ่งชท้ี ี่ ๑ เขียนเรอื่ งราวเชิงสร้างสรรค์ไดต้ ามศักยภาพ ตัวบง่ ชที้ ี่ ๒ เขียน / วาดภาพจากจินตนาการในเรื่องทต่ี นสนใจได้ แนวทางและวธิ กี ารประเมนิ การประเมินความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน โรงเรียนจะใช้แนวทางการวัดและ การประเมนิ จากการปฏิบัติจริง (Authentic Performance Measurement) จึงกำหนดแนวทางและวธิ ีการ ประเมินใหค้ รูผู้สอนทุกกลมุ่ สาระการเรียนร้นู ำไปใช้ในการประเมิน ดังน้ี ๑. วธิ ีการประเมนิ ๑.๑ ความสามารถจริงของผู้เรียนในการปฏิบตั กิ ิจกรรมทางการเรยี นรายวชิ าต่าง ๆ ในส่วนที่ เก่ยี วกับการอา่ น คิด วเิ คราะห์ และเขียน โดยการสังเกตของครู ๑.๒ มอบหมายใหผ้ ูเ้ รยี นไปศึกษาคน้ ควา้ แลว้ เขยี นเป็นรายงาน ๑.๓ ผลงานเชิงประจกั ษ์ตา่ ง ๆ เก่ียวกับการอ่าน การคดิ การวเิ คราะห์ และเขยี นท่ีรวบรวม และนำเสนอในรูปของแฟม้ สะสมงาน ๑.๔ การทดสอบโดยใชแ้ บบทดสอบแบบเขยี นตอบ หรือเขยี นเรียงความ ๑.๕ การเขยี นรายงานจากการปฏิบัตโิ ครงงาน ๒. เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงาน : การเขียนจากการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ ๒.๑ การใชก้ ระบวนการอ่านอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ โรงเรยี นบา้ นท่าอาจ สงั กัดสำนักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาตาก เขต ๒
๓๑ ๒.๒ การแสดงความคิดเหน็ อย่างมวี จิ ารณญาณ ๒.๓ ใช้กระบวนการเขยี นสือ่ ความอย่างมปี ระสิทธภิ าพ ๓. เกณฑร์ ะดับคณุ ภาพ ความสามารถในการอ่าน คิด วเิ คราะห์ และเขียน เกณฑร์ ะดบั คุณภาพ : การอ่าน ระดับ ดเี ยี่ยม ระบสุ าระของเร่ืองท่ีอา่ นได้ถูกต้องครบถว้ น ลำดับเรอ่ื งที่อ่านไดถ้ ูกต้อง ระบุประเด็นสำคัญของเรื่องท่ีอ่านได้ถูกต้อง ระบุจุดมงุ่ หมาย และเจตคติ ของผเู้ ขียน ดี ระบสุ าระของเรื่องท่ีอา่ นได้ถูกตอ้ งครบถ้วน ลำดับเรอื่ งท่ีอ่านได้ถูกตอ้ ง ระบุประเด็นสำคญั ของเรื่องท่ีอ่านได้ถูกต้อง ระบุจดุ มุง่ หมาย และเจตคติ ของผเู้ ขียนไม่ครบถว้ น ผ่าน ระบสุ าระของเร่ืองท่ีอ่านได้ถูกต้องครบถว้ น ลำดบั เรื่องท่ีอ่านค่อนขา้ งถูกต้อง ระบปุ ระเดน็ สำคัญของเรื่องท่ีอ่านได้ไมส่ มบรู ณ์ ระบุจุดมงุ่ หมาย และเจตคติ ของผู้เขียนเพียงเล็กนอ้ ย ไม่ผา่ น ระบุสาระของเรื่องท่ีอา่ นไดไ้ ม่ครบถว้ น ลำดับเรือ่ งทอี่ า่ นผิดพลาดเล็กน้อย ระบปุ ระเด็นสำคญั ของเร่ืองท่ีอ่านไม่ถูกตอ้ ง ไม่ระบจุ ดุ มุง่ หมาย และเจตคติ ของผเู้ ขียน เกณฑร์ ะดับคณุ ภาพ : การคดิ วิเคราะห์ ระดบั ดีเย่ยี ม แสดงความคดิ เห็นชดั เจน มีเหตผุ ลระบุขอ้ มูลสนบั สนนุ ทน่ี ่าเช่อื ถือมีความคดิ ทีแ่ ปลกใหม่ เปน็ ประโยชน์ต่อสังคมโดยส่วนรวม ดี แสดงความคดิ เห็นค่อนข้างชดั เจน มเี หตุผลระบุข้อมลู สนบั สนุนมีความคดิ ทเี่ ปน็ ประโยชนต์ ่อสังคมโดยสงั คมรอบขา้ งตนเอง ผ่าน แสดงความคดิ เห็นท่ีมีเหตผุ ลระบขุ ้อมลู สนับสนนุ ทพี่ อรบั ได้มคี วามคิดทเี่ ปน็ ประโยชนต์ ่อตนเอง ไมผ่ า่ น แสดงความคดิ เหน็ มีเหตผุ ลไม่ชัดเจน ขาดข้อมูลสนบั สนุน มีความคดิ ท่ียังมอง ไมเ่ หน็ ประโยชนท์ ช่ี ัดเจน เกณฑร์ ะดบั คุณภาพ : การเขยี น ระดบั ดีเยย่ี ม มีจุดประสงค์ในการเขียนชัดเจนได้เน้ือหาสาระ รูปแบบการเขยี นถูกต้องมีขน้ั ตอน การเขียนชดั เจนงา่ ยต่อการติดตาม ใชไ้ วยากรณ์และสะกดคำถูกตอ้ ง พัฒนาสำนวนภาษาทส่ี ่ือความหมายไดช้ ดั เจนกะทัดรดั ดี มีจุดประสงค์ในการเขียนชดั เจนได้เน้ือหาสาระ รูปแบบการเขยี นถกู ต้องมขี น้ั ตอน การเขยี นชดั เจนงา่ ยต่อการติดตาม ใชไ้ วยากรณ์และสะกดคำผดิ พลาด ไม่เกิน ๓ แห่ง พฒั นาสำนวนภาษาท่สี ื่อความหมายได้ชัดเจน โรงเรียนบ้านทา่ อาจ สังกัดสำนักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาตาก เขต ๒
๓๒ ผา่ น มจี ดุ ประสงค์ในการเขียนชัดเจนและค่อนข้างได้เน้ือหาสาระ รูปแบบการเขยี น ถูกต้อง มขี น้ั ตอนการเขียนชดั เจนงา่ ยตอ่ การติดตาม ใชไ้ วยากรณแ์ ละสะกดคำ ผดิ พลาดมากกว่า ๓ แหง่ ขาดการพัฒนาสำนวนภาษาท่สี ื่อความหมายไดช้ ดั เจน ไม่ผ่าน ขาดจุดประสงคใ์ นการเขยี นและเนอ้ื หาสาระน้อย ใชไ้ วยากรณ์และสะกดคำ ผดิ พลาดมาก ขาดการพฒั นาสำนวนภาษาทส่ี อื่ ความหมาย ๔. การสรุปผลการประเมินความสามารถในการอา่ น คิด วิเคราะห์ และเขียน ๔.๑ ใหค้ ิดคา่ ฐานนิยม (Mode) จากเกณฑ์การประเมนิ การอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขยี น มา เป็นระดบั คณุ ภาพของแต่ละรายวชิ า ๔.๒ ให้คิดค่าฐานนิยม จากเกณฑ์การประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน ของแต่ละ รายวชิ า สรุปเปน็ ผลการประเมินการอา่ น คิด วิเคราะห์ และเขยี น ของผูเ้ รียนรายบคุ คล ๕. เกณฑ์การตัดสินความสามารถในการอ่าน คิด วเิ คราะห์ และเขียน ๕.๑ ระดบั รายภาค ผู้เรียนมีความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน อยู่ในระดับคุณภาพ ผ่าน ข้ึนไป ถอื วา่ ผ่าน ๕.๒ การเลอื่ นช้ัน / จบหลักสูตร ผู้เรียนมคี วามสามารถในการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี น ผ่านทกุ รายภาค แนวทางการพัฒนาและการประเมนิ การอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียน ก ระดบั ผปู้ ฏิบัติ ๑. กลุ่มครูผ้สู อนแตล่ ะกล่มุ สาระการเรียนรู้ ๑.๑ แตล่ ะกลุ่มสาระการเรยี นร้รู ่วมกันกำหนดแนวทางในการพฒั นาความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน ท่ีสอดคล้องกับธรรมชาติของแต่ละกลุ่มสาระ และสอดคล้องกบั มาตรฐาน การอ่าน คิด วเิ คราะห์ และเขยี น ที่สถานศึกษากำหนด ๑.๒ ผู้สอนทุกรายวิชานำแนวทางที่กำหนดไว้ใน ข้อ ๑ วางแผนการจัดกิจกรรมและดำเนินการ จดั กิจกรรมการเรยี นรสู้ อดแทรกในการจดั การเรียนการสอนของตนเอง ๑.๓. ผู้สอนทุกรายวิชาดำเนินการประเมินและปรับปรุงความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน เป็นระยะ ๆ เม่ือสิ้นภาคเรียน / ปลายปี ประเมินผลพร้อมบันทึกร่องรอยหลักฐานในการพัฒนา ปรบั ปรุง และรวบรวมหลักฐานการประเมินไว้ที่หมวดวชิ าเพ่ือใช้เป็นหลักฐานสำหรับตรวจสอบการปฏิบัติงาน ของผสู้ อน ซ่ึงจะแสดงใหเ้ หน็ ถึงความโปรง่ ใส และความยตุ ธิ รรมในการประเมิน ๑.๔ บนั ทึกสรุปผลการประเมินความสามารถในการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขียน ลงใน แบบ ปพ.๕ แบบสรุปผลการประเมนิ การอ่าน คิด วเิ คราะห์ และเขียน ๕. ผู้สอนในแต่ละกลุ่มสาระร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง สมบูรณ์ของผลการประเมินแต่ละ รายวิชา แล้วสรุปผลการประเมินในระดับกลุ่มสาระลงใน แบบ ปพ.๕ แบบสรุปผลการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน ส่งคณะกรรมการประเมินการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียน ในระดับโรงเรยี นต่อไป ๒. กลมุ่ ผู้รบั ผดิ ชอบกจิ กรรมพัฒนาเรียนรู้ และกลุ่มผู้รับผดิ ชอบงาน / โครงการ / กิจกรรมใน ระดบั โรงเรียน โรงเรยี นบ้านทา่ อาจ สงั กดั สำนักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศกึ ษาตาก เขต ๒
๓๓ ๒.๑ วางแผนกำหนดกิจกรรมพัฒนาความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนท่ี สอดคล้องกับกิจกรรมในภาระงานทต่ี นเองรบั ผดิ ชอบ ๒๒ เนินการจัดกิจกรรมพัฒนาตามแผนท่ีวางไว้ และประเมินพัฒนาปรับปรุงผู้เรียนเป็นระยะ ๆ พร้อมบันทึกรอ่ งรอยหลกั ฐาน ๒.๓ เมื่อสิ้นภาคเรียน ให้มีการประเมินผล และสรุปผลการประเมินตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษา กำหนดไว้ พร้อมให้ข้อสังเกตที่เป็นจุดเด่น จุดด้อย ของผู้เรียน บันทึกใน แบบ ปพ. ๕ และรวบรวม หลกั ฐานรอ่ งรอยการพัฒนาปรบั ปรุงไวท้ ่ีผปู้ ฏิบัติ เพ่อื เป็นหลักฐานสำหรับตรวจสอบการปฏิบตั ิงานของผู้ปฏบิ ตั ิ สง่ ผลการประเมนิ ใหค้ ณะกรรมการประเมนิ ระดบั โรงเรียนต่อไป ข ระดบั คณะกรรมการประเมนิ การอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี น ของสถานศกึ ษา ๑. แต่งต้ังคณะกรรมการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน จำนวน ๓ – ๕ คน ในแตล่ ะระดับชั้นเปน็ รายภาค ๒. คณะกรรมการประเมินฯ ศกึ ษาเกณฑก์ ารประเมิน เพอื่ ให้เกิดความเข้าใจตรงกัน ๓. นำผลการประเมินการอ่านจากระดับผู้ปฏิบัติร่วมกันประเมิน เพื่อตัดสินความสามารถ ในการอา่ น คิด วิเคราะห์ และเขียน ตามเกณฑ์ทกี่ ำหนดไว้ ๔. กรณีท่ีคณะกรรมการไม่สามารถตัดสินได้ คณะกรรมการขอข้อมูลจากผู้ปฏิบัติเพิ่มเติม หรือ ทดสอบความสามารถซ้ำ แลว้ จึงตัดสินผล ๕. คณะกรรมการสรปุ ผลการประเมนิ เพ่อื เสนอผบู้ ริหารโรงเรยี นอนุมตั ผิ ลการประเมนิ ๖. นายทะเบียนวัดผลบันทึกลงใน ปพ.๑ แล้วแจ้งผลการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และ เขยี น ใหอ้ าจารยท์ ีป่ รกึ ษาเพ่ือแจง้ ผปู้ กครอง แนวทางในการซ่อมเสริมและประเมินผลการซอ่ มเสรมิ การอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียน ๑. คณะกรรมการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน ร่วมกันพิจารณาว่าผู้เรียนมีจุด ที่ต้องพัฒนาปรับปรุงด้านใด แต่งตั้งที่ปรึกษาโดยระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนเป็นกรรมการดำเนินการ ซ่อมเสรมิ ๒. กำหนดภาระงานให้ผเู้ รยี นพฒั นา ปรับปรุง ในด้านทีต่ อ้ งพัฒนาปรบั ปรุงโดย ๒.๑ กรณีไม่ผา่ นการประเมนิ การอ่าน ๒.๑.๑ คณะกรรมการประเมินกำหนดภาระงานให้นักเรียนอ่าน บันทึกการอ่านพร้อมส่ง เอกสารที่ไดอ้ ่านไมน่ อ้ ยกว่า ๕ เรอ่ื ง หรอื กรรมการกำหนดเรือ่ ง ๕ เรอ่ื ง ใหอ้ ่าน ภายในเวลาทก่ี ำหนด ๒.๑.๒ คณะกรรมการประเมินผลการอ่านโดยต้ังประเด็นคำถามท่ีสอดคล้องกับเกณฑ์การ ประเมิน ผู้เรียนตอบโดยการเขยี นตอบหรือตอบปัญหาปากเปลา่ ก็ได้ ๒.๑.๓ หรืออยูใ่ นดลุ ยพนิ ิจของคณะกรรมการฯ ๒.๑.๔ คณะกรรมการประเมินตัดสนิ ผลการอ่านใหผ้ ่าน และได้ระดบั ไม่เกนิ “ผ่าน” กรณที ี่ ซ่อมเสริมไมผ่ า่ นให้คณะกรรมการประเมนิ กำหนดให้ผู้เรียนพัฒนาตามวธิ กี าร ข้อ ๒.๑.๑ ถึง ๒.๑.๓ จนกวา่ ผเู้ รียนจะไดร้ บั การตัดสนิ ผา่ น ๒.๒ กรณผี เู้ รียนไม่ผ่านการคิด วเิ คราะห์ ๒.๒.๑ คณะกรรมการประเมินกำหนดภาระงานให้ผ้เู รียนไปฝึกคิด วิเคราะห์ ในเรอื่ งท่ีสนใจ ภายใน ๑ สปั ดาห์ โรงเรยี นบา้ นท่าอาจ สังกัดสำนักงานเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาตาก เขต ๒
๓๔ ๒.๒.๒ คณะกรรมการประเมิน ประเมินการคิด วิเคราะห์ โดยต้ังประเด็นคำถาม ท่ี สอดคลอ้ งกบั เกณฑก์ ารประเมิน ผู้เรยี นตอบโดยการเขียนตอบ หรอื ตอบปากเปล่า ๒.๒.๓ คณะกรรมการประเมินตัดสินผลการคิด วิเคราะห์ โดยให้ผลการประเมินไม่เกิน “ผ่าน” ๒.๒.๔ ในกรณีท่ีผลการประเมินไม่ผ่าน ให้คณะกรรมการประเมินกำหนดให้ผู้เรียนพัฒนา ตามวิธกี ารใน ข้อ ๒.๒.๑ – ๒.๒.๓ จนกว่าผ้เู รยี นจะได้รับการตดั สิน ผ่าน ๒.๓ กรณที ผี่ ้เู รียนไม่ผ่านการประเมนิ การเขยี น ๒.๓.๑ คณะกรรมการประเมิน กำหนดภาระงานให้ผู้เรียนไปฝึกเขียนในเร่ืองท่ีสนใจภายใน ๑ สปั ดาห์ ภายใตก้ ารควบคมุ ดแู ลของครทู ป่ี รึกษาในระบบดูแลชว่ ยเหลือ ๒.๓.๒ ผ้เู รียนสง่ ผลงานการเขียนทไี่ ดพ้ ัฒนาแลว้ แก่คณะกรรมการประเมนิ ๒.๓.๓ คณะกรรมการประเมนิ ทำการประเมินผลงานการเขยี นประกอบการสัมภาษณน์ ักเรยี น เกยี่ วกบั กระบวนการพฒั นาการเขียน ๒.๓.๔ คณะกรรมการตดั สินผลการเขียนโดยใหผ้ ลการประเมินไมเ่ กนิ “ผ่าน” ๒.๓.๕ ในกรณีท่ีผลการประเมินยัง ไม่ผา่ น ให้คณะกรรมการประเมนิ กำหนดใหผ้ ู้เรียนพัฒนา ตามวธิ กี าร ข้อ ๒.๓.๑ – ๒.๓.๔ จนกวา่ ผเู้ รียนจะไดร้ ับการตดั สนิ ผา่ น ๓. คณะกรรมการประเมินการอ่านตัดสินผลการประเมินการอ่าน ส่งผลการประเมินเสนอคณะ กรรมการบรหิ ารหลักสูตรและวชิ าการของสถานศึกษาให้ความเห็นชอบ และรวบรวมสง่ ใหผ้ ู้บรหิ ารสถานศึกษา อนุมตั ิ นายทะเบียนวดั ผลบนั ทกึ ลง ปพ.๑ และแจง้ ผู้เก่ียวข้องต่อไป ส่วนที่ ๕ เกณฑ์การตัดสินการเล่ือนชนั้ และเกณฑ์การจบหลักสตู ร การตัดสินการเลือ่ นชั้น ในการตัดสินผลการเรยี นของกลุม่ สาระการเรียนรู้ การอ่าน คิด วิเคราะห์และเขยี น คุณลกั ษณะ อนั พึงประสงค์ และกิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี นนน้ั ผู้สอนต้องคำนงึ ถงึ การพัฒนาผเู้ รยี นแต่ละคนเปน็ หลัก และต้อง เก็บข้อมูลของผูเ้ รียนทุกดา้ นอยา่ งสม่ำเสมอและต่อเน่ืองในแต่ละภาคเรียนรวมทั้งสอนซ่อมเสริมผู้เรียนให้พัฒนา จนเต็มตามศักยภาพ ระดับประถมศกึ ษา ๑) ตดั สนิ ผลการเรียนเป็นรายวิชา ผู้เรียนตอ้ งมเี วลาเรียนตลอดภาคเรยี นไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทงั้ หมดในรายวิชานั้น ๆ ๒) ผเู้ รียนต้องไดร้ ับการประเมนิ ทกุ ตวั ช้ีวดั และผา่ นตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากำหนด คือ ตวั ช้ีวัดทีต่ อ้ งผ่าน ไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละ ๖๐ ของแตล่ ะรายวชิ า ๓) ผเู้ รยี นตอ้ งไดร้ บั การตดั สินผลการเรยี นทกุ รายวิชา ๔) ผู้เรยี นตอ้ งไดร้ ับการประเมิน และมผี ลการประเมนิ ผ่านตามเกณฑท์ ่ีสถานศึกษากำหนด ในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โรงเรียนบ้านท่าอาจ สังกัดสำนักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาตาก เขต ๒
๓๕ การพิจารณาเลื่อนชั้นในระดับประถมศึกษา ถ้าหากผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย และ สถานศึกษาพิจารณาเห็นว่าสามารถพัฒนาและสอนซ่อมเสริมได้ ให้อยู่ในดุลพินิจของสถานศึกษาที่จะผ่อนผัน ให้เลื่อนชั้นได้ แต่หากผู้เรยี นไมผ่ ่านรายวิชาจำนวนมากและมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหาต่อการเรียนในระดับช้ัน ที่สูงขึ้น สถานศึกษาจะต้ังคณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้ำช้ันได้ โดยทั้งน้ีจะคำนึงถึงวุฒิภาวะและความรู้ ความสามารถของผ้เู รยี นเป็นสำคัญ เกณฑก์ ารจบระดับประถมศึกษา (๑) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน และรายวิชา/เพ่ิมเติมตามโค รงสร้างเวลาเรียน ที่ หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐานกำหนด (๒) ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินรายวิชาพ้ืนฐาน ผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ีสถานศกึ ษา กำหนด (๓) ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนในระดับผ่านเกณฑ์ การประเมนิ ตามทสี่ ถานศึกษากำหนด (๔) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมิน ตามทสี่ ถานศกึ ษากำหนด (๕) ผู้เรียนเขา้ ร่วมกิจกรรมพฒั นาผู้เรียนและมีผลการประเมนิ ผา่ นเกณฑ์การประเมินตามที่ สถานศึกษากำหนด ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น ๑) ตัดสินผลการเรียนเป็นรายวชิ า ผู้เรยี นต้องมีเวลาเรียนตลอดภาคเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทั้งหมดในรายวิชานนั้ ๆ ๒) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินทุกตัวชี้วัด และผ่านตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากำหนด คือ ตวั ชว้ี ดั ท่ีตอ้ งผ่าน ไมน่ ้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ของแตล่ ะรายวิชา ๓) ผู้เรยี นต้องไดร้ บั การตัดสินผลการเรียนทุกรายวิชา ๔) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมิน และมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด ในการอ่าน คดิ วิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผ้เู รียน การพิจารณาเลือ่ นชั้นในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ถ้าหากผเู้ รยี นมขี ้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย และ สถานศึกษาพิจารณาเห็นว่าสามารถพัฒนาและสอนซ่อมเสริมได้ ใหอ้ ยู่ในดุลพินจิ ของสถานศึกษาท่ีจะผอ่ นผัน ให้เล่อื นชนั้ ได้ แต่หากผเู้ รยี นไม่ผา่ นรายวชิ าจำนวนมากและมีแนวโน้มว่าจะเปน็ ปัญหาต่อการเรียนในระดับช้ัน ทสี่ งู ขึ้น สถานศึกษาจะตง้ั คณะกรรมการพจิ ารณาให้เรียนซำ้ ชั้นได้ โดยทง้ั น้ีจะคำนึงถงึ วฒุ ภิ าวะและความรู้ ความสามารถของผ้เู รียนเป็นสำคัญ ส่วนที่ 6 การประเมินผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นระดบั ชาติ การประเมินผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนด้วยแบบประเมินผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนท่ีเป็นระดับมาตรฐาน ระดับชาติ กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดให้มีการประเมินเพื่อตรวจสอบคุณภาพการศึกษาทุกระดับช้ัน เพ่อื ให้ การดำเนินงานเปน็ ไปอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ โรงเรียนจึงได้กำหนดแนวทางปฏิบตั ิไว้ ดงั นี้ ๑. ผแู้ ทนสถานศกึ ษาเข้ารบั การประชมุ ชแี้ จงวธิ ีการดำเนินการทดสอบรว่ มกับสำนกั งานเขตพ้นื ท่ี ๒. จัดส่งรายช่ือคณะกรรมการดำเนินงานประเมินคณุ ภาพการศึกษา ประกอบดว้ ย ประธานกรรมการ คณะกรรมการกลาง กรรมการควบคุมห้องสอบ คณะกรรมการตรวจค าตอบชนิดเขียนตอบ และกรรมการ รับ–สง่ ข้อสอบ ส่งไปใหส้ านักงานเขตพนื้ ทเ่ี พ่ือแต่งตง้ั โรงเรยี นบ้านทา่ อาจ สงั กดั สำนักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศกึ ษาตาก เขต ๒
๓๖ ๓. คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการ ประชุมชี้แจงคณะกรรมการดำเนินการประเมิน คุณภาพตามคำสั่งจากข้อ 2 ถึงวิธีการดำเนินการสอบ เพื่อให้เกิดความเข้าใจและปฏิบัติได้ตรงกันตามแนว ปฏิบัติในคู่มือการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน เพ่ือให้เกิดความยุติธรรมและเป็นไปตาม การดำเนินการสอบแบบทดสอบมาตรฐานอย่างเครง่ ครัด ๔. คณะกรรมการกลางจัดพิมพ์รายช่ือพร้อมกำหนดรหัส / เลขท่ีนักเรียนตามจำนวนนักเรียน / ห้องเรียนท่ีกำหนดไว้ในคู่มือ นำไปประกาศไว้หน้าห้องสอบแต่ละห้องเพ่ือให้นักเรียนได้ทราบว่า ตนเองเลขที่ เทา่ ไรสอบหอ้ งท่เี ทา่ ใด พรอ้ มติดเลขทีข่ องนกั เรียนไวบ้ นโตะ๊ ทีน่ ง่ั สอบ ๕. คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการประชุมช้ีแจงนักเรียนให้ตระหนักถึงความสำคัญ ของ การประเมินผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนระดับชาติ ทั้งในด้านส่วนตัวระดับโรงเรียนระดับเขตและระดับชาติ ควรให้ ความร่วมมือต้ังใจในการสอบอย่างเตม็ ความสามารถ ๖. กรณีที่นักเรียนไม่ได้รับการประเมินตามวันเวลาที่กำหนด ให้สถานศึกษาแต่งต้ังผู้รับผิดชอบ ติดตามและประสานงานกับเขตพื้นท่ีดำเนินการประเมินให้เสร็จสิ้นภายใน ๒ สัปดาห์ หลังจากทราบรายชื่อ นกั เรยี นทย่ี งั ไมไ่ ดร้ ับการประเมิน ๗. เม่ือสำนักงานเขตพื้นท่ีแจ้งผลการประเมินมายังสถานศึกษา ให้นำผลการประเมินมาทบทวน คุณภาพร่วมกันระหว่างคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการกับคณะกรรมการสถานศึกษา และแจ้งผล การประเมินให้ผู้เกี่ยวข้องทราบผล และดำเนินการต่อไปโดยเฉพาะผู้เรียนและครูผู้สอนนำไปพิจารณา ในการพัฒนาปรับปรุงตนเองตอ่ ไป โรงเรยี นบา้ นท่าอาจ สงั กัดสำนักงานเขตพ้ืนที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาตาก เขต ๒
๓๗ บรรณานุกรม สำนกั วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ; (2551). เอกสารประกอบหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 แนวปฏบิ ตั ิการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ์องค์การรบั สง่ สนิ ค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ). . (2550) แนวทางการจดั ทำเอกสารหลักฐานการศึกษา ปพ.1 ปพ.2 และ ปพ.3 ตามหลักสตู รการศกึ ษาขืนพืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2544. กรุงเทพมหานคร โรงพิมพ์คุรสุ ภาลาดพร้าว. สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน. (๒๕๕๑). แนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนร.ู้ กรุงเทพฯ : องค์การรบั ส่งสนิ คา้ และพสั ดุภณั ฑ์ (ร.ส.พ). โรงเรยี นบา้ นทา่ อาจ สงั กดั สำนักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาตาก เขต ๒
Search
Read the Text Version
- 1 - 40
Pages: