ภาษาสอบถามเชิงโครงสร้าง

ภาษาสอบถามเชิงโครงสร้าง

ระบบแฟ้มขอ้ มูล แฟ้มที่รวบรวมข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กันเก็บเอาไว้อย่างเป็นระบบ แฟม้ ข้อมูลแต่ละแฟม้ จะแบ่งเปน็ เรคอร์ดจานวนมาก แต่ละเรคอร์ดประกอบด้วย ฟิลด์หรือเขตข้อมูลจานวนหนึ่ง โดยฟิลด์ประกอบขึ้นจากกลุ่มของอักขระ และตัวเลข ซึ่งเรียกโดยรวมว่า ไบต์ และบิต

ระบบแฟม้ ขอ้ มลู ชื่อ วิชา เกรด น.ส.จริงใจ มากมาก ง320850 A แฟ้มข้อมูล (file) นายตัวอย่าง ลองดู ง320850 รายการ (record) น.ส.จริงใจ มากมาก B+ ง320850 ฟิลด์ (Field) นายตัวอย่าง ลองดู A ไบต์หรือตัวอักษร(Byte or character) น บิต (Bit) เลขฐานสอง 0 กับ 1

ระบบแฟม้ ขอ้ มลู ตัวอย่าง เมื่อต้องการอ้างถึงข้อมูลพนักงาน ซึ่งมีโครงสร้างดังตาราง ข้อมูลพนักงาน EMP_NO EMP_NAME EMP_ADDR EMP_SALARY EMP_TEL E001 SOMCHAI PHITSANULOK 20,000 331-1234 E002 SOMSRI PHITSANULOK 10,000 123-4567

โครงสร้างของแฟ้มขอ้ มลู 1). บิต (Bit) 2). ไบต์ (Byte) 3). ฟิลด์(Field) 4). เรคอร์ด (Record) 5). ไฟล์ (File)

บิต (Bit) บิต (Bit) ประกอบด้วยเลขฐานสอง (binary digit) ที่ใช้แทนค่าหน่วยที่เล็ก ที่สุดของข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ โดยบิตจะมีอยู่ 2 สถานะ คือ 0 กับ 1

ไบต์ (Byte) ไบต์ (Byte) ประกอบด้วยจานวนบิตหลายๆ บิตมาเรียงต่อกัน จนครบ 1 ไบต์ (1 ไบต์ = 8 บิต) เพื่อใช้สร้างรหัสในการแทนตัวอักษร

ฟิลด์(Field) ฟิลด์(Field) คือการนาตัวอักษรตั้งแต่หนึ่งตัวขึ้นไปมาเรียงกัน เพื่อให้ เกิดความหมาย เช่น ฟิลด์ EMP_No หรือ ฟิลด์ Name

เรคอร์ด (Record) เรคอร์ด (Record) คือ กลุ่มของฟิลด์ที่สัมพันธ์กัน เช่น ในหนึ่งเรคอร์ด ประกอบด้วยฟิลด์ต่างๆ ที่ข้องเกี่ยวกันรวมกันเปน็ ชุด เช่น เรคอร์ดของประวัติ นักเรียน

ไฟล์ (File) ไฟล์ (File) คือ กลุ่มของเรคอร์ดที่สัมพันธ์กัน เช่น ในแฟม้ ประวัติ นักเรียนจะประกอบด้วยเรคอร์ดของนักเรียน ทั้งหมดที่อยู่ในโรงเรียน

ระบบแฟม้ ข้อมูล ชื่อ วิชา เกรด น.ส.จริงใจ มากมาก ง320850 A แฟม้ ข้อมูล (file) นายตัวอย่าง ลองดู ง320850 รายการ (record) น.ส.จริงใจ มากมาก B+ ง320850 ฟิลด์ (Field) นายตัวอย่าง ลองดู A ไบต์หรือตัวอักษร(Byte or character) น บิต (Bit) เลขฐานสอง 0 กับ 1

ชนิดของข้อมูล 1). ข้อมูลชนิดข้อความ (Text) 2). ข้อมูลชนิดที่เปน็ รูปแบบ (formatted data) 3). ข้อมูลชนิดรูปภาพ (images) 4). ข้อมูลชนิดสียง (audio/ sound)

ข้อมูลชนิดข้อความ (Text) เป็นข้อมูลที่ประกอบด้วยอักขระต่างๆ ที่นามารวมกันโดยไม่มีรูปแบบที่ ชัดเจนแน่นอน ข้อมูลเหล่านี้มีความหมายในตัวเอง ไม่ต้องนาออกมาตีความอีก

ข้อมูลชนิดที่เปน็ รูปแบบ (formatted data) เปน็ ข้อมูลที่ประกอบด้วยอักขระต่างๆ ซึ่งมีรูปแบบที่แน่นอน โดยอาจจัด อยู่ในรูปแบบของรหัส จาเปน็ ต้องนารหัสดังกล่าวนี้ ตีความเมื่อใช้งาน เช่น cs

ข้อมูลชนิดรูปภาพ (images) เป็นรูปภาพที่ใช้แทนข้อมูล ซึ่งมีหลายรูปแบบ

ข้อมูลชนิดสียง (audio/ sound) เป็นข้อมูลที่จัดเก็บในรูปแบบเสียง เช่น midi , digital , audio

ประเภทของแฟม้ ข้อมูล 1. Master File 2. Transaction File 3. Document File 4. Archival File 5. Table Look File 6. Audit File

กรอบแนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับฐานข้อมูล >>>>>>>>> ระดับภายนอก (external Level) <<<<<<<<< วิว 1 วิว 2 วิว 3 >>>>>>>>> ระดับเชิงแนวคิด (Conceptual Level) <<<<<<<<< >>>>>>>>> ระดับภายใน (Internal Level) <<<<<<<<<

ระดับภายใน (Internal Level) การจัดเก็บข้อมูลในระดับกายภาพ (physical level) เป็นการมองการจัดเก็บ ข้อมูลจริงๆ ลงในคอมพิวเตอร์ ผู้ออกแบบฐานข้อมูล จะเป็นผู้พิจารณาว่าจะเก็บ ข้อมูลไว้ในอุปกรณ์ใด วิธีการเข้าถึงข้อมูล เพื่อค้นหาหรือปรับปรุงข้อมูลจะใช้ วิธีการใด วิธีการบารุงรักษา และการเพิ่มประสิทธิภาพของฐานข้อมูล ผู้ใช้งาน ฐานข้อมูลทั่วไปจะเกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูลในระดับนี้

ระดับเชิงแนวคิด (Conceptual Level) ระดับตรรกะ (logical level) ใช้ในการอธิบายว่ามีข้อมูลอะไรบ้างที่ถูก จัดเก็บในฐานข้อมูล และข้อมูลเหล่านั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างไร ดังนั้น จึงต้องมีการวิเคราะห์ ความต้องการของผู้ใช้เพื่อจานาข้อมูลที่ได้มาออกแบบ ฐานข้อมูล เปน็ หน้าที่ของผู้ดูแลฐานข้อมูล (Database administrator)

ตัวอย่างข้อมูลนักเรียน ชนิดของข้อมูล หัวข้อการเก็บข้อมูล Number Text รหัสประจาตัวนักเรียน Text ชื่อ : Date Time นามสกุล : วันเกิด :

ระดับภายนอก (external Level) ระดับวิว (View level) เป็นการสร้างวิว ที่ต้องการให้กับผู้ใช้ ฐานข้อมูลหรือหน้าจอโต้ตอบกับผู้ใช้ (interface)

ระดับภายนอก (external Level)

Semantic Model Semantic โมเดล เปน็ แบบจาลองข้อมูลที่กล่าวถึง แนวคิด หรือความหมายของคาต่างๆ คือ เอนทิตี (entity) Property ความสัมพันธ์ (relationship) และ Subtype ดังนี้

เอนทิตี เอนทิตี หมายถึง สิ่งที่สนใจสามารถระบุได้ในความเป็นจริง และต้องการทาการ จัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องด้วย โดยสิ่งนั้นอาจเป็นรูปธรรมที่สามารถมองเห็นได้ เช่น หนังสือระบบฐานข้อมูล นาย ศ. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นต้น หรืออาจเป็น นามธรรมที่ไม่สามารถมองเห็นได้ เช่น จานวนวันลาพักผ่อนของพนักงาน วันหยุดราชการ เปน็ ต้น ก็ได้

เอนทิตี หากนาแต่ละเอนทิตีที่มีคุณสมบัติใดๆ เหมือนกันมารวมกัน เอนทิตีเหล่านั้นเรียกว่า Entity Type ซึ่งหมายถึง กลุ่มของเอนทิตีหรือกลุ่มของข้อมูลที่มีคุณสมบัติเหมือนกัน เช่น Entity Type นักเรียน หมายถึง กลุ่มคนที่เปน็ นักเรียนทุกคน Entity Type บุคคล สัญชาติไทย หมายถึง กลุ่มคนที่มีสัญชาติไทยทุกคน เปน็ ต้น ทั้งนี้ เอนทิตีในเอนทิตีหนึ่ง ที่กาลังสนใจ เรียกว่า เอนทิตีที่ปรากฏ (Entity instance) ดังนั้น ในหนึ่ง Entity Type จึงอาจมีเอนทิตีที่ปรากฏได้จานวนมาก

ขั้นตอนในการออกแบบฐานข้อมูล 1. สารวจความต้องการใช้งาน (Requirement Analysis) 2. ออกแบบฐานข้อมูลในระดับแนวคิด (Conceptual Design) 3. ออกแบบฐานข้อมูลในระดับ (Logical) 4. ปรับโครงสร้างข้อมูล (Schema Refinement) 5. ออกแบบฐานข้อมูลในระดับ (Physiscal) 6. ควบคุมการนาไปใช้ (Security Design)

ขั้นตอนในการออกแบบฐานข้อมูล รหัสพนักงาน ชื่อพนักงาน รหัสสินค้า วันเกิด จานวนที่ขาย จานวนคงเหลือ พนักงานขาย M ขาย M สินค้า สินค้า น้าหนัก เบอร์โทร ราคา ที่อยู่ เขตการขาย รหัสลูกค้า

ส่วนประกอบของอีอาร์โมเดล 1. Entity นักศึกษา/ นักเรียน

ส่วนประกอบของอีอาร์โมเดล 2. Attrlbate ชื่อ - สกุล รหัสประจาตัว นักเรียน ครูที่ปรึกษา วันเกิด

ส่วนประกอบของอีอาร์โมเดล 3. Relationshlp การสอน

จานวนชนิดขแง Entity ที่เกี่ยวข้อง การสอน พนักงาน

แบบจาลองข้อมูลมีไว้ทาไม เพื่อเสนอข้อมูลและความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลใน รูปแบบที่เข้าใจได้ง่าย

ประเภทของแบบจาลองข้อมูล 1. Logical Model 2. Physical Model

Logical Model ใช้กับข้อมูลระดับภายนอกและระดับแนวคิด โดยเน้นที่การ แสดงความสัมพันธ์ของข้อมูลตามความจริงเปน็ หลัก

Physical Model ใช้อธิบายโครงสร้างข้อมูลระดับภายในซึ่งใกล้ชิดกับ ฮาร์ดแวร์มากที่สุด จึงเน้นประสิทธิภาพในการจัดเก็บและ เข้าถึงข้อมูล

Logical Physical