หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ พทุ ธประวตั พิ ระสาวกศาสนิกชน ตัวอย่างและชาดก จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. วเิ คราะหพ์ ุทธประวัตหิ รือประวตั ิศาสดาของศาสนาที่ตนนบั ถอื ตามท่ีกาหนด ได้ ๒. วเิ คราะหแ์ ละประพฤติตนตามแบบอย่างการดาเนินชวี ติ และข้อคิดจากประวตั ิ สาวก ชาดก เรื่องเล่า และศาสนกิ ชนตัวอยา่ งตามท่ีกาหนดได้
พทุ ธประวัติ การผจญมาร พระแมธ่ รณีบบี มวยผม บันดาลให้ เปน็ กระแสนา้ หลากมาทว่ มกองทพั พญามาร
พทุ ธประวตั ิ การผจญมาร เหตุการณ์ • ขณะท่ีพระสิทธัตถะกาลังนั่งสมาธิ เพื่อแสวงหาหนทางดับทุกข์ พญามารนามว่า วสวัตดี มาปรากฏตัวพร้อมเสนามาร ร้องบอกให้พระองค์ลุกจากอาสนะ พระองค์ทรงแย้งว่าบัลลังก์เป็นของพระองค์ จากนั้นเหยียด พระดรรชนีลงยัง พื้นดินและตรัสวา่ “ขอให้วสุนธราจงเป็นพยาน” • ทันใดนัน้ พระแม่ธรณไี ดผ้ ดุ ขึ้นจากพ้ืนดิน และบบี มวยผม บันดาลใหม้ กี ระแสน้ามาท่วมกองทัพ พญามารจนแตกพ่าย ไปในที่สดุ พระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างขึ้นเพือ่ จาลองพุทธประวัติตอนผจญมาร
พุทธประวัติ การผจญมาร วเิ คราะหเ์ หตกุ ารณ์ • พญามาร หมายถงึ กเิ ลสทม่ี ารบกวนพระทัยของพระสทิ ธัตถะในขณะนัง่ สมาธิ อนั ไดแ้ ก่ โลภะ โทสะ และโมหะ • ดงั นัน การผจญมาร ก็คอื การตอ่ สกู้ บั อ้านาจของกิเลส • พระแมธ่ รณี หมายถึง บารมีทง้ั ๑๐ ทีท่ รงบาเพญ็ มา • ดังนนั การอา้ งถึงพระแม่ธรณี ก็คือทรงอ้างถึงคุณความดที ่ที รงบา้ เพญ็ มา เพื่อใช้เป็นก้าลังใจในการต่อสู้กับกิเลส ทงั ปวง จนสามารถเอาชนะกเิ ลสและตรสั รใู้ นที่สุด
พทุ ธประวตั ิ การตรัสรู้ พระสิทธตั ถะทรงตรัสร้เู ปน็ องค์ พระสัมมาสมั พุทธเจ้า ศาสดาของ พระพุทธศาสนา
พทุ ธประวัติ การตรสั รู้ • เม่ือทรงออกผนวชแล้ว พระสิทธัตถะ ได้ศึกษาค้นคว้าทางพ้นทกุ ข์อยู่เป็นเวลา ๖ ปี จึงได้ตรัสรู้ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในช่วงเวลา ๖ ปีนี พระองค์ทรงท้าอะไรบ้าง สรุปเป็นขันตอน ตามล้าดับ ขั้นที่ ๑ ทรงฝึกปฏิบตั โิ ยคะ • ทรงไปขอศึกษาเลา่ เรยี นและฝึกปฏิบัติอยู่กับอาจารย์ “อาฬารดาบส กาลามโคตร” กบั “อุททกดาบส รามบตุ ร” จนจบความรู้ แต่ก็ยงั ไม่ใช่ทางพ้นทุกขท์ แ่ี ท้จรงิ ขน้ั ท่ี ๒ ทรงบาเพ็ญตบะ • การทรมานตนเองใหล้ าบาก ตามวิธีทรมานตนเองแบบต่างๆ ท่ีนักบวชชาวอินเดียนิยม ทากันเป็นจานวนมาก และเช่อื ว่าเป็นแนวทางพ้นทกุ ข์ทางหนึง่ ขนั้ ที่ ๓ ทรงบาเพ็ญทุกกรกิริยา • ขนั้ ท่ี ๑ การกดั ฟัน • ขั้นท่ี ๒ การกลั้นลมหายใจ • ขน้ั ที่ ๓ การอดอาหาร ข้ันที่ ๔ ทรงบาเพ็ญเพยี รทางจิต • เป็นการคิดค้นหาเหตุผลทางด้านจิตใจ เป็นข้ันตอนหลังจากท่ีพระองค์ทรงเลิกบาเพ็ญ ทุกกรกิริยาแลว้
พทุ ธประวัติ การตรัสรู้ • หลังจากทรงพิจารณาไตร่ตรองแล้ว พบว่าการบาเพ็ญทุกกรกิริยาน้ัน มิใช่หนทางดับทุกข์ท่ีแท้จริง พระสิทธัตถะ จึงทรงเลิกกระทา แล้วทรงยึดทางสายกลาง จนตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าเมื่อวันขึ้น ๑๕ ค่า เดือน ๖ ก่อน พุทธศักราช ๔๕ ปี โดยส่ิงที่พระองค์ตรัสรู้ คือ กระบวนการเกิดของทุกข์และการดับทุกข์ เรียกว่า “อริยสัจ ๔” ประกอบดว้ ย ทุกข์ สมุทยั มรรค นิโรธ
พทุ ธประวัติ อร๔ิยสจั การตรัสรู้ ทุกข์ มรรค ความทกุ ข์ หรือปญั หา ทางดับทกุ ข์ หรอื ของชวี ติ ท้ังหมด แนวทางแก้ปัญหาชีวิต สมุทยั นิโรธ สาเหตุของทุกข์ หรือ ความดบั ทุกข์ สาเหตุของปัญหาชีวติ หรอื ภาวะหมดปัญหา
พทุ ธประวัติ การตรัสรู้ • ความรู้แจม่ แจง้ นน้ั ได้ปรากฏขึน้ ในพระทยั ของพระองคด์ จุ มองเห็นด้วยตาเปล่า เป็นความสว่างโพลงภายในท่ี ปราศจากความสงสัยเคลือบแคลงใดๆ ความรู้นี้ได้ตอบปัญหาที่ทรงค้างพระทัยมาเป็นเวลากว่า ๖ ปี พร้อม กับการเกิดความรู้ด้านกิเลส (ความเศร้าหมองแห่งจิต คือ โลภ โกรธ หลง) ท่ีทรงสงสัยอยู่ในจิตใจของ พระองคก์ ไ็ ด้ปลาสนาการหายไปหมดส้ิน การรู้แจ้งของพระองค์สามารถสรุปเปน็ ขัน้ ๆ คอื ยามต้น • ทรงระลกึ ถึงชาตหิ นหลังของพระองค์ได้ ยามสอง • ทรงได้ตาทพิ ย์ มองเห็นการเกิด การตายของสัตวท์ งั้ หลายตามผลกรรมท่ไี ดก้ ระทาไว้ ยามสาม • ทรงเกิดการรแู้ จ้งทสี่ ามารถทาลายกเิ ลสให้หมดสิน้ ไปได้
พทุ ธประวัติ การสั่งสอน การแสดงปฐมเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์ • หลังจากทรงตรัสรู้ พระพุทธเจ้าได้เสด็จไปตรัสสอน “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” ว่าดว้ ยอริยสจั ๔ ประการแกป่ ญั จวัคคยี ์ • โกณฑญั ญะ ๑ ใน ๕ ของปัญจวัคคียไ์ ด้เกดิ “ดวงตาเห็นธรรม” และขอบวช • พระพุทธเจ้าประทานอุปสมบทให้ด้วยวิธี “เอหิภิกขุ” เกิดพระสงฆ์รูปแรกข้ึนในโลก และมี “พระรตั นตรัย” ได้แก่ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ครบบริบูรณ์
พทุ ธประวัติ การส่ังสอน การเผยแผ่พระพุทธศาสนา • หลงั จากมีพระอรหันตส์ าวกครบ ๖๐ รปู พระพุทธเจ้าทรงส่งใหแ้ ยกย้ายไปประกาศพระพทุ ธศาสนายังทศิ ต่างๆ ส่วนพระพุทธเจ้า เสด็จไปโปรดชฎิลสามพ่ีนอ้ ง โดยทรงแสดง “อาทิตตปริยายสูตร” จนชฎลิ สามพ่นี อ้ งและบรวิ ารบวชเปน็ สาวกของพระพทุ ธองค์ • พระเจา้ พิมพิสาร และชาวเมอื งมคธทนี่ ับถอื ชฎิลสามพี่นอ้ ง ตา่ งพากันเลอ่ื มใสในพระพทุ ธศาสนา และทรงสร้าง “วดั พระเวฬุวัน” ถวายเป็นวัดในพระพุทธศาสนาแห่งแรกของโลกศิษย์ของสัญชัยเวลัฏฐบุตร ชื่อ อุปติสสมาณพ และโกลิตมาณพ ได้ขอบวชเป็น พระสาวก ซง่ึ ตอ่ มาคอื พระสารีบตุ รและพระโมคคลั ลานะ • สุทัตตเศรษฐี หรืออนาถบิณฑิกเศรษฐี ทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าให้เสด็จไปโปรดชาวเมืองสาวัตถี และสร้าง “วัดพระเชตะวัน มหาวหิ าร” ถวาย • หลังจากเสด็จไปเผยแผ่พระพุทธศาสนายังแคว้นต่างๆ เป็นเวลา ๔๕ พรรษา พระพุทธเจ้าก็เสด็จดับขันธปรินิพพาน เมอื่ พระชนมายุได้ ๘๐ พรรษา
ประวตั พิ ุทธสาวก พทุ ธสาวกิ า พระสารบี ุตร ประวัติ • มีนามวา่ อุปตสิ สะ เปน็ บุตรพราหมณใ์ นเมืองนาลันทา กรุงราชคฤห์ • มีคุณสมบัติพิเศษ คือ เป็นผู้มีปัญญาเฉียบแหลม เล่าเรียนได้อย่างรวดเร็วได้เข้าศึกษาปรัชญาอยู่ในสานัก สญั ชยั เวลฏั ฐบุตร • เมื่อได้ฟังธรรมจากพระอัสสชิเถระจนได้ดวงตาเห็นธรรม จึงขอบวชเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ได้นามว่า “สารีบุตร” และได้รับการแตง่ ต้ังจากพระพทุ ธเจ้าให้เป็นพระอัครสาวกเบื้องขวา คณุ ธรรมที่ควรถอื เปน็ แบบอยา่ ง • เปน็ ผ้มู ปี ัญญาหลกั แหลม • มคี วามกตัญญูกตเวทติ าธรรมเปน็ เลิศ • เปน็ ผมู้ ่ันคง และปรารถนาดีต่อพระพทุ ธศาสนา
ประวัตพิ ุทธสาวก พทุ ธสาวกิ า พระโมคคลั ลานะ ประวตั ิ • มนี ามเดมิ ว่า โกลติ ะ เป็นบตุ รพราหมณ์หวั หนา้ หมู่บา้ นโกลติ คาม ไดเ้ ข้าศึกษาปรชั ญาสานกั สญั ชยั เวลฏั ฐบุตร • ได้ฟงั ธรรมจากพระอสั สชเิ ถระจนไดด้ วงตาเห็นธรรม จงึ ขอบวชเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า มนี ามวา่ “โมคคัลลานะ” • มีคุณสมบัติพิเศษ คือ เป็นผู้มีฤทธิ์มาก สามารถใช้อิทธิปาฏิหาริย์ชักจูงคนให้คลายจากความเห็นผิด ได้รับการแต่งตั้งจาก พระพทุ ธเจา้ ใหเ้ ปน็ พระอคั รสาวกเบอื้ งซ้าย คณุ ธรรมทค่ี วรถือเปน็ แบบอย่าง • เป็นผู้ที่มคี วามอดทนยิ่ง • เป็นผทู้ ีม่ ีความถอ่ มตนย่งิ • ผ้มู ีความใฝ่รอู้ ย่างย่ิง
ประวตั พิ ุทธสาวก พุทธสาวิกา นางขุชชตุ ตรา ประวตั ิ • เป็นหญิงค่อม ธิดาของนางนมในบ้านโฆสกเศรษฐี เมืองโกสัมพี นางขุชชุตตรามีหน้าที่ซื้อดอกไม้ถวายแก่ พระนางสามาวดี • ได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระพุทธเจ้า จนบรรลุโสดาปัตติผล • ไดร้ บั มอบหน้าท่จี ากพระนางสามาวดีให้เป็นผู้ไปฟังธรรม แล้วนามาแสดงให้พระนางและบริวารฟงั จนในเวลาตอ่ มาได้กลายเป็นอาจารย์ผแู้ สดงพระธรรม คณุ ธรรมทคี่ วรถอื เป็นแบบอยา่ ง • เปน็ ผฝู้ กึ ฝนตนเองอยู่เสมอ • เปน็ ผูท้ เี่ อาใจใส่หน้าทที่ ีไ่ ด้รับมอบหมายอย่างดีย่งิ
ประวัตพิ ุทธสาวก พุทธสาวกิ า พระเจา้ พมิ พสิ าร ประวตั ิ • พระเจา้ พิมพสิ าร เปน็ พระมหากษัตริยแ์ ควน้ มคธ ทรงมีความเล่อื มใส ศรัทธาในพระพุทธเจ้า และพระพทุ ธศาสนา • พระองค์ไดถ้ วายสวนไผ่ เพอื่ ใช้ในการสร้างวัดเวฬุวนั ถวายพระพุทธเจ้า ซึง่ ถอื เป็นวัดในพระพทุ ธศาสนาแหง่ แรก ของโลก คุณธรรมทค่ี วรถอื เปน็ แบบอยา่ ง • ทรงเป็นพระบิดาทดี่ ขี องบุตร • ทรงเป็นผู้ม่นั คงในพระรตั นตรัย • ทรงเป็นผู้นาทด่ี ี
ศาสนิกชนตัวอย่าง พระมหาธรรมราชาลไิ ทย พระประวัติ • ทรงเปน็ พระราชโอรสในพระยาเลอไทย พระมหากษัตริย์องคท์ ี่ ๕ แห่งกรงุ สโุ ขทัย • ทรงศกึ ษาวิชาช้นั ต้นจากพระเถระชาวลังกาหลังจากครองราชย์ได้ ๕ ปี • ทรงอุปสมบทเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนาทรงปกครองแผ่นดินด้วยทศพิธราชธรรม และให้การทานุบารุง พระพทุ ธศาสนาอย่างดียิ่ง • ทรงเป็นแบบอย่างพระมหากษัตริย์ผู้ประพฤติธรรมพระองค์แรกของกรุงสุโขทัยและทรงเป็นนักปราชญ์ที่รอบรู้ท้ัง ทางศาสนา การปกครอง และอกั ษรศาสตร์เปน็ อย่างยงิ่
ศาสนิกชนตัวอย่าง พระมหาธรรมราชาลไิ ทย ดา้ นศาสนา • ทรงมคี วามเชี่ยวชาญทางด้านศาสนา รอบรูพ้ ระไตรปฎิ กอย่างแตกฉาน ท้ังอรรถกถา ฎีกา อนุฎกี า และปกรณว์ เิ สสอน่ื ๆ • ทรงสง่ เสรมิ อุปถัมภ์ดา้ นการศึกษาพระพทุ ธศาสนาและศลิ ปะศาสตรต์ ่างๆ • ทรงส่งราชบุรุษไปขอพระบรมสารีริกธาตุจากลังกาทวีปและได้ทรงนามาบรรจุไว้ใน พระมหาธาตเุ มอื งนครชุม • ทรงสง่ ราชทตู ไปอาราธนาพระสังฆราชมาจากลังกาทวปี มาจาพรรษา อยูท่ ่วี ดั ป่ามะม่วง ด้านการปกครอง • โปรดใหส้ ร้างปราสาทราชมณเฑยี ร • โปรดให้ยกผนงั ก้นั นา้ ต้ังแต่เมืองสองแคว (พษิ ณโุ ลก) มาถงึ กรงุ สโุ ขทยั • ทรงปกครองด้วยทศพิธราชธรรม ดา้ นอกั ษรศาสตร์ • ทรงพระราชนิพนธ์เร่ือง “เตภูมิกถา” หรือ “ไตรภูมิพระร่วง” อันเป็นวรรณกรรมทาง พระพุทธศาสนาเรือ่ งแรกของไทย • โปรดให้มกี ารสร้างศลิ าจารึกไวห้ ลายหลกั
ศาสนิกชนตวั อย่าง พระมหาธรรมราชาลิไทย คุณธรรมท่ีควรถอื เปน็ แบบอย่าง • ทรงมีความกตัญญูอย่างยิ่ง พระมหาธรรมราชาลิไทย ทรงมีความรักและกตัญญูต่อพระราชมารดาของพระองค์ เป็นอย่างยิง่ • ทรงมีความสามารถในการถ่ายทอดนามธรรมให้เป็นรูปธรรม เน้ือหาของไตรภูมิพระร่วง กล่าวถึงเรื่องศีลธรรม จริยธรรม เรอ่ื งนรก สวรรค์ เปน็ เรื่องละเอียดออ่ น ยากทจ่ี ะอธบิ ายใหเ้ ข้าใจได้ • ทรงมีความคดิ รเิ ร่ิมเป็นยอด วิเคราะห์ไดจ้ ากการทท่ี รงบรรยายธรรมในไตรภูมพิ ระรว่ ง ทรงเสนอแนวคดิ ใหม่ๆ ด้วย เช่น แนวคิดเรือ่ งคนทาช่วั แลว้ ถูกจารกึ ช่ือบนหนังสนุ ัข ซ่งึ ในคัมภรี ์พระไตรปิฎกและอรรถกถา ฎกี า
ศาสนิกชนตวั อย่าง สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส พระประวตั ิ • มีพระนามเดิมวา่ พระองค์เจา้ มนุษยนาคมานพ • ประสตู เิ มื่อวนั ท่ี ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๐๒ • ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั และเจ้าจอมมารดาแพ • ทรงผนวชเป็นสามเณรท่ีวัดพระศรีรัตนศาสดารามเมื่อพระชันษาได้ ๑๓ พรรษา ทรงผนวชเป็นภิกษุ เม่อื พระชันษาได้ ๒๐ พรรษา และเสด็จไปประทบั ท่วี ัดบวรนเิ วศวิหารและวัดมกุฏกษัตริยารามตามลาดับ • ทรงได้รบั การยกยอ่ งว่าทรงเปน็ “ดวงประทีปแก้วแห่งคณะสงฆไ์ ทย”
ศาสนกิ ชนตัวอย่าง สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส ผลงานสาคญั ด้านการจัดการทางพระพุทธศาสนา • ทรงจดั สอนภิกษสุ ามเณรผบู้ วชใหม่ ให้ได้เรยี นพระธรรมวนิ ัย และภาษาไทย • ทรงให้สวดมนตใ์ นวนั พรรษาทุกวนั • ทรงจัดใหภ้ กิ ษทุ พ่ี รรษาต่ากวา่ ๕ ทจ่ี บนักธรรมแลว้ มาเรียนบาลีทั้งหมด • ทรงจดั ตัง้ มหามกฏุ ราชวิทยาลัย • ทรงจัดการเรียนการสอนทัง้ หนงั สือไทยและความรู้ในศาสตรอ์ ่นื ๆ ควบค่กู ันไป • ทรงฝกึ พระธรรมกถกึ จนสามารถแสดงธรรมปากเปลา่ ได้ • ทรงจดั ต้ังการฟังธรรมสาหรับเดก็ วัดในวันธรรมสวนะ ผลงานพระนิพนธ์ทางพระพุทธศาสนา • ทรงต้งั หลักสูตร “สามเณรผรู้ ูธ้ รรม” • ทรงนพิ นธ์ “นวโกวาท” • ทรงรจนาหนงั สือแบบเรียนตา่ งๆ เชน่ วนิ ัยมุขเลม่ ๑, ๒ และ ๓ ธรรมวิจารณ์ ธรรมวิภาค แบบเรยี นบาลไี วยากรณ์ เป็นต้น • ทรงพระนิพนธ์หนงั สอื ประเภทอน่ื เชน่ ประเภทพระโอวาท พระธรรมกถา ประเภทประวัติศาสตรแ์ ละโบราณคดี เปน็ ตน้ • ทรงพระนิพนธ์ภาษาบาลี ทรงรจนาบทนมสั การพระรัตนตรัย ชื่อ นมการสทิ ธคิ าถา (โย จกั ขมุ า)
ศาสนกิ ชนตวั อยา่ ง สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส คณุ ธรรมที่ควรถือเปน็ แบบอย่าง • ทรงมีความใฝ่รู้ใฝ่ศึกษา พยายามเอาแบบอย่างที่ดีจากผู้ท่ีพระองค์ประทับใจ เช่น พระยาปริยัติธรรมธาดา เหน็ วา่ เป็นคนมีความร้แู ละความประพฤติดี จงึ คอยศกึ ษาหาความรูจ้ ากทา่ นเหล่าน้ันเสมอ • ทรงมีความออ่ นน้อมถอ่ มตนเปน็ เลศิ พระองค์ทรงเปน็ “เจ้านาย” มาผนวช กลบั ไมถ่ ือองค์ ทรงกราบไหวพ้ ระภกิ ษุ ที่อายพุ รรษามากกวา่ • ทรงมีหริ ิโอตตปั ปะเปน็ เลิศ ทรงมคี วามละอายต่อการทาชั่วทาผดิ ทรงใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ไมร่ ้จู กั ประหยดั • ทรงมีความคิดริเริ่ม ฝึกพระภิกษุสงฆ์ให้มีความสามารถในการถ่ายทอดพระธรรมให้เข้าใจง่าย รวมท้ังทรงนิพนธ์ หนงั สือคมู่ ือศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างง่าย คือ นวโกวาท ซ่งึ ใช้เป็นหลกั สตู รผู้บวชใหม่มาจนบัดนี้ • ทรงมีวิสัยทัศน์กว้างไกล เนื่องจากทรงเป็นผใู้ ฝ่รใู้ ฝ่ศกึ ษา ทรงมีวิธีคิดท่ีแยบคาย (โยนิโสมนสิการ) อย่างครบวงจรคือ คิดถูกวิธี คิดมีระเบียบ คิดเปน็ เหตุเปน็ ผล และคดิ กอ่ ใหเ้ กิดกศุ ล คือ สรา้ งสรรคใ์ นทางดี
ชาดก มติ ตวนิ ทกุ ชาดก มิตตวินทุกชาดก เป็นเรื่องราวของชายช่ือมิตตวินทุกะ ผู้ได้รับผลกรรมเห็นกงจักรเป็นดอกบัว เพราะเป็น ผู้มีความโลภ ต้องการได้ทรัพย์สมบัติจานวนมาก ทาให้เม่ือเขาได้พบกับปราสาทแก้วผลึก ปราสาทเงิน ปราสาท แกว้ มณี และปราสาททอง เขาก็เลือกที่จะเดินผ่านเข้าไปเรื่อยๆ เพราะหวงั ว่าจะไดพ้ บกับทรัพย์ล้าค่ามากขนึ้ ในท่ีสดุ ความโลภนัน้ ไดช้ ักนาให้มติ ตวนิ ทกุ ะได้พบเจอกับผีเปรตที่มีกงจักรบดศีรษะอยู่ แต่มิตตวินทุกะกลับ เห็นว่าเป็นเทพบุตรท่ีมีดอกบัวประดับศีรษะ จึงร้องขอดอกบัวน้ัน ทาให้ต้องเสวยผลกรรมต่อจากผีเปรตตนน้ัน ถกู กงจักรบดศีรษะได้รับความทรมานย่ิงนัก ซงึ่ ให้คตสิ อนใจ คือ โลภมาก ลาภหาย
ชาดก ราโชวาทชาดก ราโชวาทชาดก เป็นเรื่องราวท่ีสั่งสอนให้ผู้นาประเทศปกครองประเทศโดยธรรม มีความซ่ือสัตย์ สุจริต ไม่คดโกง ท้ังน้ีเพ่ือประโยชน์สุขของประชาราษฎร์เป็นสาคัญ โดยข้อคิดสาคัญท่ีได้จากเร่ือง ราโชวาทชาดก สามารถสรุปได้ ๒ ประการ คือ • ผ้ปู กครองทีด่ ตี ้องประพฤติตนเป็นแบบอย่างทดี่ ี เพ่อื ใหผ้ นู้ อ้ ยปฏิบัติตาม ซง่ึ จะช่วยใหส้ งั คมสงบสขุ • ธรรมหรอื คณุ ความดนี ามาซ่ึงความสงบร่มเย็นของบ้านเมือง ผู้ปกครองที่ประพฤติธรรม จึงทาให้ประชาราษฎร์ อยอู่ ยา่ งร่มเยน็ เป็นสุข
Search
Read the Text Version
- 1 - 23
Pages: