ช้นั ประถมศึกษาปท ่ี 5
การไดย นิ เสยี งผา นตัวกลาง แหลง กําเนดิ เสียงที่มนษุ ยส รา งข้นึ เชน คอื วตั ถุหรอื สิง่ ตา ง ๆ ทีเ่ สยี งสามารถ เดนิ ทางผา นไดม ี 3 ประเภท ไดแก เสียงกีตาร เสยี งโทรทศั น ของแข็ง เสยี งวทิ ยุ เสียงรถยนต ของเหลว เชน หขู องมนุษย แหลงกาํ เนิดเสยี งตามธรรมชาติ เชน อากาศ สนุ ัขเหา นกรอ ง ฟา ผา
การไดย นิ เสยี งผานตวั กลาง เสยี งตา ง ๆ เดนิ ทางผานตวั กลางที่เปน ของแขง็ ไดดมี ากกวาตวั กลางท่เี ปน ของเหลว และอากาศ
การไดย ินเสียงผา นตวั กลาง เมือ่ แหลงกาํ เนดิ เสยี งสั่นสะเทือน โมเลกลุ ของตัวกลางเรม่ิ ส่ันสะเทอื นตอกัน จะสง พลงั งานผานตัวกลางของเสยี ง จนมาถงึ หขู องผูฟ ง (ในท่นี ี้ คือ อากาศ) แหลง กาํ เนดิ เสียง อวัยวะรับเสียง (ห)ู
การไดย นิ เสยี งผา นตัวกลาง ใบหูรบั และสะทอ นคลืน่ เสียงเขาไปในรหู ู ทําใหเ ย่อื แกว หูส่นั กระดูกคอน กระดูกทงั่ และกระดกู โกลน ส่นั ตามเยื่อแกวหู ทาํ ใหเสน ประสาท ภายในคอเคลยี ส่นั พลังงานจากการส่นั จะสง คลน่ื เสียงผา นเสน ประสาท เขา สสู มอง ทาํ ใหผูฟง ไดย นิ เสียง
การไดย นิ เสียงผา นตวั กลาง ใบหู ชว ยในการรบั คลื่นเสยี ง เพือ่ ใหเ สียงเขาสรู ูหู 1. กระดูกคอ น เปน สวนท่คี อยรับการสัน่ สะเทอื น 2. กระดกู ท่งั มาจากเยื่อแกวหู เมื่อไดร บั เสยี งแลว จะสง 3. กระดูกโกลน การสัน่ สะเทอื นไปสสู ว นนอกสุดของหูชนั้ ใน รหู ู เปนทางผา นของคล่ืนเสียงเขา สอู วัยวะภายในหู คอเคลีย เยอ่ื แกว หู เปน สว นของหทู ี่เกดิ การส่ันสะเทือน เมอ่ื ไดร ับเสียง เปน สว นทีค่ อยรบั การสน่ั สะเทือนของคลนื่ เสยี ง ทมี่ าจากหูชน้ั กลาง และสงไปยงั เสนประสาท ในการรบั ฟง
ลกั ษณะของเสยี ง เปนสมบตั ิประการหน่ึงของเสียงท่มี คี วามสัมพนั ธก บั แหลง กําเนิดเสียง เรยี กวา ระดบั เสยี ง เกดิ จากความเร็วในการสัน่ สะเทือนของแหลง กาํ เนดิ เสยี ง การสน่ั สะเทอื นของแหลงกาํ เนดิ เสียงใน 1 วนิ าที เรยี กวา มหี นว ยเปน ครงั้ ตอวนิ าที เรยี ก ระดบั เสยี ง หรอื การเกดิ เสยี งสงู เสยี งต่าํ จะแตกตางกนั ข้ึนอยูก ับปจจัย ดังน้ี ปจจัย แหลง กาํ เนดิ เสียง การสั่นสะเทือน ระดบั เสยี ง 1. ขนาดของ มขี นาดเลก็ เรว็ สูง แหลง กําเนิดเสยี ง ชา ต่ํา มีขนาดใหญ เรว็ สงู 2. ความยาวของ มีความยาวนอย (มวลนอ ย) ชา ตา่ํ แหลง กาํ เนดิ เสียง มคี วามยาวมาก (มวลมาก) 3. ความตึงของ มคี วามตึงมาก เรว็ สูง แหลงกาํ เนดิ เสียง มคี วามตงึ นอ ย (หยอน) ชา ต่ํา
ลกั ษณะของเสยี ง วางไมบรรทัดยื่นออกมาจากขอบโตะ ประมาณ 20 ซม. จากน้ันใชมอื กดท่ปี ลายไมบรรทดั แลว ปลอ ย ตวั อยา ง ระดับเสยี ง วางไมบรรทัดย่นื ออกมาจากขอบโตะ ประมาณ 10 ซม. จากนั้นใชม อื กดท่ีปลายไมบรรทดั แลวปลอย 10 ซม. 20 ซม. สั่นเรว็ สั่นชา เสยี งสงู เสยี งต่ํา
ลกั ษณะของเสียง เปนสมบตั ขิ องเสยี งท่เี รยี กวา ข้นึ อยูกบั ปรมิ าณพลังงานของเสยี งท่เี ดนิ ทางมาถึงหูเรา เชน เสียงเคร่อื งบิน มพี ลังงานของเสยี งมากทาํ ใหเกดิ เสียงดัง เสียงกระซิบ มีพลังงานนอยทาํ ใหเกดิ เสยี งคอย ซงึ่ เสียงตา งๆ อาจมคี วามดังไมเทา กนั ขน้ึ อยกู ับปจจยั ดังน้ี ปจจยั ท่ีมีผลทาํ ใหว ัตถุเกดิ เสยี งดงั เสยี งคอ ย ความดงั ของเสยี ง เสยี งดัง เสียงคอย 1. ระยะทางจากแหลง กําเนิดเสียง • อยูใ กลแหลง กาํ เนิดเสียง • อยูไกลแหลง กําเนิดเสียง 2. พลงั งานในการสนั่ สะเทือนของ • สั่นดวยพลงั งานมาก แหลง กําเนิดเสียง • ส่ันดว ยพลังงานนอ ย ในการวดั ความดงั ของเสยี ง จะใชเ คร่ืองมอื วัดระดับความเขมของเสียง เรียกวา ซง่ึ มีหนว ยเปน
ลักษณะของเสียง ตวั อยาง ความดังของเสยี ง เสยี งโทรทศั นด ังจังเลย ไดยินเสยี งโทรทัศน ออกแรงตกี ลองนอย อยใู กลแ หลง กาํ เนดิ เสยี ง ไมค อ ยชัดเลย แหลง กาํ เนิดเสยี งสน่ั สะเทอื นนอย ไดย นิ เสยี งดงั อยไู กลแหลง กําเนิดเสยี ง เกิดเสียงคอ ย ไดย ินเสียงคอย ออกแรงตกี ลองมาก แหลงกาํ เนิดเสียงส่นั สะเทอื นมาก เกดิ เสียงดงั
อนั ตรายจากมลพิษทางเสยี ง เสยี งตางๆอาจทาํ ใหเกดิ อนั ตรายกบั หูได เชน หากมนษุ ยร บั ฟงเสยี งทด่ี ังเกนิ 85 เดซิเบล ตดิ ตอ กนั เปนเวลานานๆ หรอื เกนิ วันละ 8 ชวั่ โมง จะทําใหเกิดอันตรายตอเย่ือแกว หูได ดงั นั้น เราจงึ ควรรูจกั วิธกี ารปองกันหรอื หลีกเลี่ยงเสียงท่จี ะกอ ให เกิดอันตรายตอ เยอ่ื แกว หู ซงึ่ การปองกันหรือหลกี เลี่ยงมลพษิ ทางเสียงทาํ ไดหลายวธิ ี เชน ปลกู ตน ไมสงู ๆ หรอื สรางกําแพง ใชมืออดุ หทู นั ที เมอ่ื ไดย นิ เสียง เพอ่ื ใชเปน แนวกนั เสยี ง สําหรับ ดงั มาก ๆ อยางกะทันหนั บา นทตี่ ดิ ถนน ใสอ ปุ กรณค รอบหู หากทาํ งาน ลดความดงั ของเสยี งเพลง ในสถานทที่ ี่มเี สยี งดงั มาก ๆ หากเปด เสียงดงั มากเกินไป
ทีมา : บรษิ ัท อกั ษร เอด็ ดเู คชนั จาํ กดั (มหาชน)
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: