เร่อื ง แรงโนม ถวงของโลกและตวั กลางของแสง ช้นั ประถมศกึ ษาปท ่ี 4
๒หนว ยการเรยี นรูท่ี แรงโนม ถว งของโลกและตวั กลางของแสง ตัวช้วี ัด • ระบผุ ลของแรงโนมถว งท่มี ีตอวัตถจุ ากหลักฐานเชิงประจกั ษ • ใชเครอื่ งชง่ั สปรงิ ในการวัดนํา้ หนกั ของวัตถุ • บรรยายมวลของวตั ถุที่มีตอการเปลีย่ นแปลงการเคลือ่ นที่ของวัตถุจากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ • จําแนกวัตถุเปนตวั กลางโปรง ใส ตวั กลางโปรง แสง และวตั ถทุ บึ แสง โดยใชลักษณะการมองเห็นสิ่งตางๆ ผา นวัตถุน้ันเปน เกณฑจากหลักฐานเชิงประจักษ
แรงโนมถว งของโลก แรงโนม ถว งของโลก เปนแรงทโ่ี ลกกระทาํ ตอมวลของวัตถทุ กุ ชนดิ บนโลก และวตั ถทุ ี่อยูใกลโลก โดยจะดึงดดู วตั ถุตางๆ เขาสูจ ุดศนู ย กลางของโลก วัตถุตา งๆ จึงตกลงสูพ ้นื โลกเสมอ เชน ใบไมรวง ฝนตก เปน ตน แรง (Force) หมายถงึ สง่ิ ทไี่ ปกระทาํ ตอวตั ถุ แลวทําใหว ตั ถนุ ัน้ เกิด การเปล่ียนแปลงสภาพของวตั ถุ เชน เปลีย่ นทิศทางการเคลื่อนที่ เปลย่ี นขนาดของอตั ราเรว็ หรอื เปลย่ี นขนาด รปู รา งของวตั ถุ
เซอร ไอแซก นิวตัน ผูคนพบทฤษฎแี รงโนมถวงของโลก เปน การคนพบโดยบังเอิญจากการสังเกต ผลแอปเปล ที่หลดุ จากตนแลว รวงสพู นื้
ประโยชนข องแรงโนม ถว งของโลก เชน ทาํ ใหเ รายนื อยูบ นโลกไดโ ดยไมลอยไปลอยมา ทาํ ใหส ิ่งของตางๆ ไมล อยไปลอยมาในอากาศ ทําใหน าํ้ ไหลจากที่สูงลงสทู ี่ตาํ่ ทําใหน าํ้ ฝนตกลงสพู ื้นโลก ขอ จํากัดทเี่ กดิ จากแรงโนม ถว งของโลก เชน การทาํ กิจกรรมบางอยา งท่สี วนทางกบั แรงโนมถวงของโลกจะรสู ึกเหนอ่ื ยและทําไดล ําบาก ทาํ ใหม นษุ ยไ มสามารถกระโดดใหส งู ขนึ้ ไปมากๆ ได เมอ่ื ทาํ ส่ิงของบางอยา งหลน พน้ื จะทาํ ใหช ํารดุ ทาํ ใหยกสงิ่ ของท่มี นี ํา้ หนกั มากๆ ไดล าํ บาก หรอื ไมได
การวัดนํ้าหนักของวัตถุ นํ้าหนกั คอื แรงดึงดดู ของโลก ทด่ี ึงใหวตั ถุตกลงสพู นื้ นาํ้ หนกั ของวัตถขุ ึน้ กบั แรงดึงดดู ของโลกท่กี ระทําตอวัตถนุ ั้น แรงดึงดูดของโลกจะแตกตางกันไปตามแตล ะสถานท่ี เราสามารถวดั นา้ํ หนักของวัตถทุ เี่ กิดจากแรงโนม ถว งของโลกไดโ ดยใชเ ครื่องชั่งสปรงิ ซึ่งคา นํา้ หนักท่อี านไดข องวตั ถุจะมีหนวยเปน นิวตัน (N) เครอื่ งชงั่ สปรงิ แบบต้ัง เครือ่ งช่งั สปริงแบบแขวน ดาวเคราะหแ ตล ะดวงมแี รงดงึ ดดู ไมเทา กับโลก เชน ดวงจันทร มีมวลนอ ยกวาโลกมาก หากชงั่ น้าํ หนกั ของวตั ถชุ ้นิ เดียวกนั บน พนื้ โลกและบนดวงจันทร น้ําหนักของวตั ถชุ น้ิ นน้ั ท่ีช่งั บนดวง จนั ทรจ ะมีนาํ้ หนักนอ ยกวา ท่ชี ง่ั บนโลก 6 เทา
มวล คอื ปรมิ าณเน้อื ของสารท้ังหมดทปี่ ระกอบกนั เปน วัตถุ โดยนาํ้ หนกั ของวตั ถุจะขนึ้ อยกู บั มวล ของวัตถุ ถา มวลมากน้ําหนกั กจ็ ะมากและมวลนอยน้ําหนกั ก็จะนอยมวลยงั มผี ลตอ ความยากงา ยใน การเปล่ยี นแปลงการเคล่อื นทีข่ องวตั ถุ วตั ถุท่มี มี วลมากจะเปล่ยี นแปลงการเคลอื่ นทไี่ ดยากกวาวตั ถุ ทมี่ มี วลนอ ย ดังน้นั มวลของวตั ถนุ อกจากจะหมายถงึ เนอื้ ท้งั หมดของวตั ถนุ ้นั แลว ยงั หมายถึงการ ตา นการเปลย่ี นแปลง การเคลือ่ นที่ของวตั ถุนั้นดวย ������������������������������������
มวลและการเปล่ยี นแปลงการเคลือ่ นทขี่ องวตั ถุ วัตถุท่ีมมี วลมาก หรอื มีเน้อื สารมาก จะเปล่ียนแปลงการเคลื่อนทห่ี รอื เคลื่อนยา ยไดย าก วัตถุทม่ี ีมวลนอย หรือมีเนอื้ สารนอ ย จะเปลย่ี นแปลงการเคล่อื นทีห่ รอื เคล่อื นยายไดงาย
วตั ถทุ ่ี 1 มคี วามหนาแนน นอย มวลนอย นํา้ หนักนอย (การตานการเปลย่ี นแปลงการเคล่อื นที่นอ ย) วัตถทุ ่ี 2 มคี วามหนาแนน มาก มวลมาก นํา้ หนกั มาก (การตา นการเปลย่ี นแปลงการเคลอ่ื นท่ีมาก) ถา ออกแรงกระทําตอ วตั ถทุ ้งั สองขนาดเทากนั วตั ถุท่ีมีมวลนอ ยกวาจะสามารถเคล่อื นทไี่ ดไกลกวา เน่ืองจากแรงตานการเปล่ียนแปลงการเคลือ่ นท่นี อ ยกวา เชน ออกแรงลากกลองไม กลอ งเหลก็ กลองกระดาษ ขนาดเทา ๆ กนั กลอ งกระดาษจะเคลื่อนทีไ่ ดง ายและไกลกวา
ตวั กลางของแสง ตวั กลางของแสง แสงเดนิ ทางเป็นแนวเสน้ ตรงออกจากแหลง่ กาํ เนดิ แสงทกุ ทศิ ทางแสงจะเคลอื นทีผา่ นอากาศหรอื เคลอื นทีผา่ นสงิ ตา่ ง ๆ เราเรยี กวา่ ตัวกลาง สามารถแบง่ ออกเป็น 3 ชนดิ ดงั นี 1 ตัวกลางโปรงใส คอื วตั ถบุ างชนดิ เมื่อนาํ มาก้นั แสงแลว จะมองเหน็ แสงหรือมองเหน็ สง่ิ ที่อยดู า นหลงั วตั ถุน้นั ไดช ัดเจน ตัวอยางตวั กลางโปรงใส กระจกใส นํ้า อากาศ
2 วตั ถโุ ปรง แสง คือ วัตถุบางชนดิ เม่ือนาํ มาก้นั แสงแลว จะมองเห็นแสงหรอื มองเหน็ สิ่งท่อี ยูดานหลงั วตั ถุนัน้ ไมช ดั เจน ตัวอยางตัวกลางโปรงแสง ถุงพลาสตกิ สี หมอก กระจกฝา
3 วัตถทุ บึ แสง คือ วตั ถบุ างชนดิ เม่อื นาํ มาก้ันแสงแลว ทําใหม องไมเ หน็ แสงหรือไมสามารถมองเหน็ ส่ิงที่อยูด า นหลงั วตั ถนุ ั้นได ตวั อยา งวตั ถทุ บึ แสง ตุก ตาหมี หนังสอื กลองลัง
เมอ่ื แสงเคล่ือนท่ีผานตวั กลางท่ี โปรง แสง และทึบแสง จะเกดิ เงาขึ้นมา ซ่ึงเงาของ แสงทเ่ี กิดจาก วตั ถทุ บึ แสง จะเรยี กวา เงามืด และเงาของแสงที่เกดิ จากวตั ถุโปรง แสง จะเรยี กวา เงามัว เมอ่ื มองส่ิงตาง ๆ โดยมีวัตถุตา งชนดิ กันมากัน้ แสงจะทาํ ใหล กั ษณะการมองเห็นสิ่ง นั้น ๆ ชัดเจนตา งกนั จึงจําแนกวตั ถทุ ่มี ากน้ั ออกเปน ตวั กลางโปรง ใส ซึ่งทําใหมองเหน็ สง่ิ ตา งๆ ไดช ัดเจน ตัวกลางโปรงแสง ทาํ ใหมองเห็นสิ่งตา งๆ ไดไมช ัดเจน และวตั ถุทึบแสง ทาํ ใหม องไมเ ห็นสงิ่ ตางๆ น้นั จงึ อยากทาํ ของเลน ทีน่ ําตวั กลางของแสงมาใชป ระโยชน หรือ นาํ มาสรา งเปน หนุ เงา
ใหน้ กั เรียนบนั ทกึ เนือหาลงในสมุด และทาํ ใบงานทา้ ยบทเรียน
Search
Read the Text Version
- 1 - 19
Pages: