Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Marigoldสเปรย์ไล่แมลงหวี่

Marigoldสเปรย์ไล่แมลงหวี่

Published by 20858, 2019-09-21 00:13:59

Description: โครงงาน

Search

Read the Text Version

Marigoldสเปรยไ์ ล่แมงหว่ี ผจู้ ดั ทำ น.ส. พชั รพร ถำวรพจน์ เลขที่ 17 น.ส. อรทยั ตนะทิพย์ เลขที่ 20 น.ส. ธนพร กำบนนั ทำ เลขท่ี 27 น.ส. ภรนภสั เนตรทิพย์ เลขที่ 28 ช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 5/2 เสนอ คุณครู ดำรงค์ คนั ธะเรศย์ โรงเรียนปัว อำเภอปัว จงั หวดั น่ำน สำนกั งำนเขตพ้นื ที่กำรศึกษำมธั ยมศึกษำเขต 37

ชอื่ โครงงาน Marigoldสเปรย์ไล่แมลงหว่ี คณะผูจ้ ดั ทา 1. นางสาว พชั รพร ถาวรพจน์ เลขที่ 17 2. นางสาว อรทัย ตนะทิพย์ เลขที่ 20 3. นางสาว ธนพร กาบนันทา เลขท่ี 27 4. นางสาว ภรนภสั เนตรทิพย์ เลขที่ 28 ครูที่ปรกึ ษา คณุ ครู ดารงค์ คันธะเรศย์ รายวชิ า ปกี ารศึกษา 2562 บทคดั ยอ่ การจัดทาโครงงาน Marigoldสเปรย์ไลแ่ มลงหว่ี มวี ัตถุประสงค์เพ่ือทดสอบประสทิ ธภิ าพในการไล่แมลงหวี่ ของสเปรยด์ อกดาวเรอื ง ซ่ึงได้นาดอกดาวเรอื งจานวน 25 ดอกมาแชน่ า้ ท้ิงไว้ 1 คืน แล้วนาไปฉีดท่ีบริเวณโดมเขียว โรงเรยี นปวั ระละยะเวลา 5 นาที 15 นาที และ 30 นาที ผลการทดลองฉีดสเปรยด์ อกดาวเรืองในระยะเวลาที่ แตกต่างกันจะมผี ลต่อจานวนของแมลงหว่ี ในระยะเวลา 5 นาที แมลงหวล่ี ดลงรอ้ ยละ 30 ของจานวนแมลงหว่ีเดิม ระยะเวลา 10 นาที แมลงหวลี่ ดลงรอ้ ยละ 50 ของจานวนแมลงหวีเ่ ดิม และระยะเวลา 15 นาที แมลงหวีล่ ดลง รอ้ ยละ 70 ของจานวนแมลงหวี่เดมิ สรุปได้ว่า สเปรย์ดอกดาวเรืองมปี ระสทิ ธิภาพในการไล่แมลงหวี่ได้ กติ ตกิ รรมประกาศ โครงงานเรอ่ื ง Marigoldสเปรยไ์ ลแ่ มลงหวี่ ท่ีสาเร็จลลุ ่วงไปได้ดว้ ยดีก็เพราะได้รับการช่วยเหลือจาก คุณครู ดารง คันธะเรศย์ ที่ให้คาปรึกษาและให้คาแนะนาตลอดเวลาของการดาเนินงานตามจุดประสงคข์ อง โครงงานทก่ี าหนดไว้ คณะผจู้ ัดทาขอขอบพระคณุ ทา่ นที่ให้ความช่วยเหลอื ในเรื่องต่างๆและหวงั เป็นอยา่ งยงิ่ วา่ โครงงาน Marigoldสเปรยไ์ ล่แมลงหวี่ เรอื่ งนี้นา่ จะเกิดประโยชน์ตอ่ ผู้ทีม่ ีความสนใจศึกษา คณะผจู้ ดั ทา

สารบัญ หน้า ก เรื่อง ข กิตตกิ รรมประกาศ ค บทคดั ย่อ 1 สารบัญ บทท่ี 1 บทนา 3 8 ความเป็นมาและความสาคญั ของโครงงาน วตั ถุประสงค์ 10 สมมติฐาน 11 ตวั แปรที่ศกึ ษา ขอบเขตการศึกษาค้นคว้า 12 ประโยชน์ที่คาดวา่ จะไดร้ ับ บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวขอ้ ง บทท่ี 3 วธิ ดี าเนนิ การ อุปกรณ์ วิธดี าเนนิ งาน บทท่ี 4 ผลการศึกษาคน้ คว้า บทท่ี 5 สรปุ และอภปิ รายผลการศึกษาคน้ ควา้ สรปุ ผลและอภปิ รายผลการทดลอง การอภปิ รายผล ข้อเสนอแนะ บรรณานุกรม

บทที่ 1 บทนา 1. ความเป็นมาและความสาคญั ของปญั หา เน่ืองจากในฤดูร้อนมีแมลงหว่เี ปน็ จานวนมาก ซ่ึงเป็นท่ีนา่ ราคาญเเละรบกวนสมาธใิ นการกระทาส่ิงตา่ ง ๆ อกี ท้ังยงั เป็นพาหะนาเช้ือโรคตา่ ง ๆ มาสผู่ คู้ น โดยการตอมอาหารทาใหอ้ าหารบดู และเน่าเสียเมื่อรับประทาน อาหารนัน้ เขา้ ไปจะทาใหเ้ กดิ โรค หรอื ชอบกนิ หนองตามบาดแผล ตามดวงตา หากมีคนเป็นตาแดงจะมีข้ตี า ซึ่ง แมลงหวช่ี อบตอมมาก และหนองจะติดตามขาของมนั หากแมลงหวเี่ หลา่ น้ีไปตอมดวงตาอีกคน ก็จะติดโรคตาแดง ชนดิ ตาอกั เสบ หรือริดสีดวงตาไดง้ ่าย เปน็ การระบาดไดร้ วดเร็วมาก ทางคณะผจู้ ดั ทาโครงงานไดเ้ ลง็ เหน็ ถึงปัญหาจึงได้คิดค้นสเปรยจ์ ากดอกดาวเรือง เนอ่ื งจากดอกดาวเรืองมี สารท่ีมกี ลน่ิ เหม็นฉนุ แมลงไม่ชอบ จงึ สามารถใช้เปน็ เกราะป้องกนั แมลงหวไ่ี ม่ใหม้ ารบกวนได้ และชว่ ยลดการใช้ สารเคมไี ลแ่ มลงได้ 2. วตั ถปุ ระสงค์ เพ่อื ทดสอบประสทิ ธิภาพในการไล่แมลงหว่ขี องสเปรย์ดอกดาวเรอื ง 3. สมมตุ ิฐาน สเปรยด์ อกดาวเรืองสามารถไลเ่ เมลงหวีไ่ ด้ 4. ขอบเขตของการศึกษา สถานทท่ี ีใ่ ชใ้ นการทดลอง โดมเขยี ว, โรงเรยี นปวั นยิ ามศพั ท์ แมลงหว่สี ีดา (Drosophila melanogaster) เปน็ ชนดิ แมลงหวี่ท่ีอาศัยใกล้ชิดกบั มนุษย์ ลาตวั มีสดี า ปีกบางใส มีตาสีแดงสม้ ชอบอาศัยตามแหล่งเศษอาหาร เศษพชื ผัก ผลไม้ เปน็ แมลงหวีท่ ถ่ี กู ใชเ้ พ่ือการศกึ ษาทางพันธศ์ุ าสตร์

ดอกดาวเรอื ง (Marigolds) ดาวเรอื งเป็นไมด้ อกต้นสูง 25-60 ซม. ใบเป็นรปู หอก ปลายแหลม ขอบหยัก ดอกเปน็ ช่อกระจกุ เดยี่ วที่ปลายยอด มีหลายสี เชน่ สสี ้ม เหลอื งทอง ขาว และสองสีในดอกเดียวกัน และมีทั้งดอกชัน้ เดยี วและดอกซ้อน ตัวแปรทศ่ี ึกษา ตัวแปรตน้ : สเปรย์ดอกดาวเรอื ง ตวั แปรตาม : จานวนแมลงหวท่ี ีล่ ดลง ตัวแปรควบคมุ : ปริมาณน้า ขนาดขวดสเปรย์ จานวนดอกดาวเรือง 5. ประโยชน์ท่คี าดว่าจะไดร้ ับ 1. ลดการใชส้ ารเคมใี นการไล่แมลง 2. ไดท้ ราบประโยชน์ของดอกดาวเรือง 3. ไดร้ บั ความรใู้ นการทาสเปรย์ดอกดาวเรือง 4. ได้ทางานร่วมกนั อย่างสามัคคี

บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ัยทเ่ี ก่ียวขอ้ ง การศกึ ษาในครั้งนี้ ผูศ้ กึ ษาไดศ้ ึกษาเอกสารและงานวิจัยท่เี กีย่ วขอ้ ง โดยแบง่ เน้อื หาของเอกสารและ งานวิจยั ออกเป็นหัวขอ้ ตา่ งๆ ดังนี้ สเปรย์ สเปรย์ (spray) หมายถงึ ท่ฉี ีดหรือพน่ ออกมาเปน็ ละอองน้า, เป็นฝอยละออง สเปรย์ดอกดาวเรือง สเปรยด์ อกดาวเรือง (Marigold spray) หมายถึง ทฉี่ ีดหรือพ่นออกมาเปน็ ละอองนา้ ดอกดาวเรอื ง ดอกดาวเรอื ง ดอกดาวเรือง พันธ์ซอฟเวอเรน ดอกจะขนาดใหญ่ กลบี ซ้อนกนั แน่น มกี ลน่ิ ฉุน ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ของดอกดาวเรือง ตน้ ดาวเรอื ง เปน็ พันธุ์ไม้พ้นื เมืองของประเทศเม็กซโิ ก โดยจดั เป็นไม้ล้มลุก มอี ายุได้ราว 1 ปี ลาตน้ ตัง้ ตรง มคี วามสงู ประมาณ 60-100 เซนติเมตร แตกกงิ่ ก้านมากทโ่ี คนตน้ ลาตน้ เปน็ สีเขยี วและเปน็ รอ่ ง ทัง้ ตน้ เม่ือนามาขยี้ จะมีกลิน่ เหมน็ จงึ ทาใหแ้ มลงไมค่ ่อยมารบกวน โดยจดั เปน็ พนั ธ์ุไม้กลางแจ้ง ขยายพนั ธุ์ด้วยเมลด็ เป็นหลกั (แต่ อาจจะใช้การปักชาได้ แต่ตน้ ที่ไดจ้ ะมขี นาดเล็กกว่า) เจรญิ เติบโตได้เรว็ ชอบดินรว่ น ระบายนา้ ไดด้ ี มีความชืน้ ปาน กลาง และชอบแสงแดดแบบเตม็ วนั โดยแหลง่ เพาะปลูกดาวเรืองทส่ี าคัญของประเทศไทย ได้แก่ จงั หวัดลาปาง พะเยา ราชบรุ ี นนทบุรี สพุ รรณบุรี สมุทรสาคร อุดรธานี และกรุงเทพฯ เป็นตน้ ดาวเรืองเป็นไมด้ อกต้นสงู 25-60 ซม. ใบเป็นรปู หอก ปลายแหลม ขอบหยัก ดอกเปน็ ช่อกระจุกเดยี่ วที่ ปลายยอด ดอกวงนอกกลบี ดอกเป็นรปู รางน้า โคนเปน็ หลอดเลก็ ปลายแผ่ ดอกวงในกลบี ดอกเปน็ หลอดมีหลาย สี เชน่ สีส้ม เหลืองทอง ขาว และสองสีในดอกเดียวกัน และมที ัง้ ดอกช้ันเดยี วและดอกซ้อน ชนิดของดาวเรือง ดาวเรอื งท่ีปลูกท่ัวไปในปัจจุบันมี 5 ชนดิ ดังน้ี 1. ดาวเรอื งอเมริกัน (Tagetes erecta) มีถ่นิ กาเนดิ อยู่ท่ีทวปี อเมริกา จะมลี กั ษณะลาต้นสงู ประมาณ 10- 40 นิ้ว มดี อกทรงกลม มีสเี หลือง สีสม้ สที อง และสีขาว มีกลบี ซอ้ นกนั แนน่ มีขนาดใหญ่ประมาณ 3-4 นวิ้ ก้านดอก ส้ัน มีความแข็งแรงทนต่อโรคเหี่ยวได้ ออกดอกสมา่ เสมอ ดาวเรอื งชนดิ น้มี หี ลายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์เตีย้ พันธ์ุสูงปาน กลาง และพันธ์ุสูง 2. ดาวเรอื งฝรัง่ เศส (Tagetes patula) มีลักษณะลาตน้ สูง 12 นิว้ ดอกสีเหลือง สีส้ม สีทอง และสนี ้าตาล อมแดง มดี อกขนาดประมาณ 1.5 น้วิ ดาวเรอื งชนิดนจี้ ะชว่ ยลดปรมิ าณไสเ้ ดอื นฝอยในดินไดด้ ี ดาวเรืองชนิดนี้มี หลายพันธุ์ ไดแ้ ก่ พันธดุ์ อกชัน้ เดียวและพันธุด์ อกซ้อน

3. ดาวเรอื งพันธุ์ลูกผสม (Nugget Marigolds) เป็นพันธ์ทุ ่ผี สมกันระหว่างดาวเรอื งอเมริกนั และ ดาวเรอื งฝรง่ั เศสลกู ผสมทีไ่ ด้มีโครโมโซม3 ชดุ เปน็ ดาวเรืองทอี่ อกดอกเร็ว มคี วามแขง็ แรง ดอกใหญ่ มีกลบี ซ้อนกนั มาก 4. ดาวเรืองใบ (Foliage Marigold) เป็นดาวเรืองท่ีมีใบสวยทาให้เด่นกวา่ ดอก มีพุ่มต้นแนน่ เหมาะ สาหรับปลกู ตามขอบแปลง 5. ดาวเรืองซกิ เนต็ (Signet Marigold) เป็นดาวเรอื งท่ีมีลกั ษณะต้นเต้ีย นิยมปลูกมากในยุโรป มีพุ่มใหญ่ ออกดอกดก มขี นาดดอกเล็ก มีเสน้ ผา่ ศนู ย์กลางไมเ่ กนิ 1 นิว้ มีกลบี ดอกชัน้ เดียว ดาวเรอื งพันธท์ุ ี่เหมาะสมสาหรบั ปลูกในประเทศไทย ดังนี้ 1. พนั ธุซ์ อฟเวอร์เรน (Sovereign) ดอกสเี หลอื ง มกี ลีบซอ้ นกันแน่น ดอกมขี นาดประมาณ10 เซนตเิ มตร 2. พันธ์ุทอรดี อร์ (Toreador) ดอกสีสม้ ดอกมีขนาดประมาณ 8.5 – 10 เซนตเิ มตร 3. พันธด์ุ ับเบิลอีเกลิ (Double Eagle) ดอกสีเหลือง ดอกมีขนาดประมาณ 8.5 เซนตเิ มตร และมีก้านดอก แขง็ 5. พันธ์ุดาวเรอื งเกษตร เปน็ ดาวเรอื งท่ีมหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ นาเข้ามาทดลองปลกู และคัดเลอื กพันธ์ุ พันธุ์ที่ได้ มี 2 พนั ธุ์ คือ พนั ธส์ุ ที องเบอร์ 1 และพนั ธส์ุ ีทองเบอร์ 4 เปน็ พนั ธ์ทุ ่ีมดี อกสีเหลืองทอง ขึน้ ไดด้ ีใน สภาพของประเทศไทยและมีผู้ แมลงหว่ี Class : Insecta Order : Diptera Family : Drosophilidae ลกั ษณะท่ัวไปของแมลงหว่ี เปน็ แมลงท่ีมขี นาดเลก็ มีปีกคหู่ น้าเดน่ ชดั สาหรบั บนิ ปีกคทู่ ีส่ องลดขนาดลงจนเป็นตุ่ม เลก็ ๆ ทาหนา้ ที่ในการ ทรงตัว บนปกี มีขนคล้ายผเี ส้อื กลางคืน ไม่มเี สน้ ขวางปีก ยกเวน้ โคน ปกี ลกั ษณะปกี เป็นแผน่ บาง ตัวเมยี วางไขใ่ น อาหาร ตัวอ่อนกินยสี ตท์ ีเ่ จริญในผลไม้ โดย ทว่ั ไปปากของแมลงหวจี่ ะเปน็ ปากชนดิ ดดู กินและเลยี ไข่ (egg) มีลกั ษณะเปน็ สขี าวยาวประมาณ 0.5 mm. ด้านหลงั แบนกว่าด้านท้องที่ ผวิ เปลือกมีลกั ษณะเป็นรอยปก เหลี่ยมคล้ายรังผง้ึ ตอ่ กัน ด้านหวั มีหนวด (filament) คหู่ น่ึง สาหรับพยงุ ไข่ไม่ให้จมลงในอาหารเหลว ตวั หนอน (larva) หลงั จากฟักออกจากไข่ ตัวหนอนจะลอกคราบ 2 ครัง้ ตวั หนอนท่ี โตเต็มทจ่ี ะยาวประมาณ 4.5 mm. ระยะนี้ตวั หนอนจะกนิ อาหารจมุ าก ลักษณะตัวหนอนจะ ใสเมื่อส่องด้วยกล้องจะมองเหน็ สมอง (ganglion) ซึ่งอยู่ตอนบนด้านหวั และตา่ ลงมาจะเป็น ต่อมน้าลาย (Salivary gland) สว่ นต่อมสร้างเช้อื สบื พันธ์ุ (gonads) จะ อยคู่ ่อนไปทางดา้ น ทา้ ยของลาตวั ถา้ เป็นอัณฑะ (testis) จะมีขนาดใหญก่ ว่ารงั ไข่ (Ovary) ซง่ึ อาจจะใชเ้ ปน็ เครื่องแยกเพศแมลงหวต่ี ง้ั แต่ยังเป็นตวั หนอนได้ ดักแด้ (pupa) หนอนท่แี ก่เต็มทจ่ี ะคลานขนึ้ ไปหาที่แหง้ ๆ เพื่อเขา้ ดกั แก้ สขี องดักแด้ ระยะแรกมสี จี างจะคอ่ ยเข้ม ข้ึนตามลาดบั จนเปน็ สนี ้าตาล เมอื่ เปน็ สภาพตวั แก่ทส่ี มบรู ณแ์ ล้ว กจ็ ะทาลายผนังดักแด้ออกมา แมลงหว่ีทอี่ อกจาก ดกั แด้ใหม่ ๆ จะมสี ซี ดี ลาตวั ยาวและปีกยัง ไม่กาง ในระยะเพียงไม่กช่ี ่ัวโมงปกี จะกางออก ลาตัวหดสั้นเป็นปกติสี จะเข็มข้ึน

วงจรชีวิตแมลงหว่ี 1. ระยะไข่ แมลงตวั เมยี จะเริ่มวางไข่หลังออกจากดักแด้ 2 วันซึง่ สามารถวางไขจ่ านวนสงู สุดถึง 400-500 ฟอง ในชว่ ง ระยะเวลา 10 วนั 2. ระยะตัวอ่อน ไข่ปฏิสนธแิ ลว้ จะพัฒนาไปเป็นตวั หนอนใช้เวลา 1 วนั ตัวหนอนมสี ีขาว ลาตัวเปน็ ปล้อง มสี ว่ นปากเปน็ สดี า ผิวหนงั ประกอบด้วยชั้นของคิวตนิ จึงยืดหย่นุ ไม่ได้ ตัวหนอนจะออกจากไข่ ในระยะทเ่ี ปน็ ตัวหนอน และมีการลอก คราบ 2 คร้งั เพอ่ื ขยายขนาด แบ่งเปน็ 3 ชว่ ง คือ – หนอนระยะที่ 1 ตั้งแต่ออกจากไขจ่ นลอกคราบคร้ังที่ 1 – หนอนระยะที่ 2 ตงั้ แตต่ วั หนอนออกจากคราบครงั้ ท่ี 1 จนถงึ ตวั หนอนลอกคราบครง้ั ที่ 2 – หนอนระยะที่ 3 ต้ังแตต่ ัวหนอนออกจากคราบคร้ังท่ี 2 จนกระทั้งเข้าดักแด้ ใช้เวลาท้ังหมด 4 วัน 3. ระยะดักแด้ เม่อื ตวั หนอนจะเข้าดักแด้ ตัวหนอนจะคลานไปอยู่ทแี่ ห้งๆ รูปรา่ งของตวั หนอนจะหดส้นั ลง ผนังลาตวั จะแข็งขน้ึ กลายเป็นดกั แด้ จากน้ันจะมีการพัฒนาอวัยวะต่างๆ อาทิ ตา ปกี ขา ใช้เวลาในการเขา้ ดกั แด้อีก 4 วนั จึงเจริญเปน็ ตวั เตม็ วัย 4. ระยะตัวเต็มวัย เมื่ออวัยวะต่างๆ พัฒนาจนสมบรู ณ์แล้ว แมลงกจ็ ะออกมาจากคราบดักแดท้ างปลายด้านหนา้ แมลงที่ออกมาใหม่ๆ ลาตัวจะมสี ีอ่อน ปกี ยังไมแ่ ผ่ และสว่ นท้องคอ่ นข้างยาว เม่ือโตเต็มทล่ี าตัวจะมสี นี า้ ตาลหรอื สดี า ปกี ใส ส่วนท้องมี ลายคาดสดี า ตามสี แี ดงส้ม แมลงหว่ีสามารถพร้อมผสมพนั ธ์ุหลงั ออกจากดักแดแ้ ล้ว 10 ชวั่ โมง แมลงหวีต่ ัวเมยี จะ วางไขห่ ลังจากออกจากดักแด้ 2 วัน โดยตัวเมียสามารถวางไขไ่ ด้ 700 ใบ ในชว่ งอายขุ ัย แมลงหว่ีมีอายุขยั ประมาณ 4 สปั ดาห์ แมลงตัวเมียสามารถผสมพันธก์ุ บั ตวั ผูไ้ ด้มากกว่า 1 ตวั และสามารถเกบ็ น้าเชอ้ื ทไี่ ดจ้ ากการผสมหลายๆ คร้ังได้ โทษของแมลงหวี่ 1. เปน็ พาหะนาโรคตาแดง แมลงหวชี่ อบกินหนองตามบาดแผล ตามดวงตา หากมคี นเปน็ ตาแดงจะมขี ้ตี า ซงึ่ แมลงหวช่ี อบตอมมาก และหนองจะติดตามขาของมัน หากแมลงหวี่เหลา่ น้ีไปตอมดวงตาอีกคน กจ็ ะติดโรคตาแดง ชนดิ ตาอกั เสบ หรอื ริดสดี วงตาได้งา่ ย เปน็ การระบาดไดร้ วดเร็วมาก 2. อาจทาให้เกดิ โรคกับวัว ควาย ไดใ้ นตา่ งประเทศ ในประเทศไทยยงั ไม่มรี ายงานถงึ ความสาคัญของแมลงตัว น้ี 3. เป็นตัวนาโรคแผลปากหมู โรคแผลปากหมูเกดิ จากแบคทเี รีย โครนี แบคทเี รียมไพโอจีเนส (Corynebacterium pyogenes) จากการสารวจพบว่ามแี มลงหวีจ่ านวนมากตอมแผลแม้ว่าจะไมส่ ามารถแยกเช้ือ ชนดิ เดยี วกนั จากแมลงหวี่ได้ เพราะมกี ารปนเป้ือนมาก. แต่กเ็ ปน็ ไปไดว้ า่ แมลงหวี่อาจเป็นพาหะในการนาเช้ือจาก คนหนึ่ง ไปสู่อีกคนหนงึ่ ได้

4.เป็นพาหะนาโรคโรคติดตอ่ ทางอาหารและน้า ได้แก่โรคอจุ จาระรว่ ง อาหารเปน็ พิษ บิด อหิวาตกโรค และไข้ รากสาดน้อยซึ่งมกั จะระบาดในฤดูรอ้ น 5.สร้างความราคาญและรบกวนมนษุ ย์ วิธกี ารทาสเปรยด์ อกดาวเรือง  นาดอกดาวเรอื งมาแชใ่ นน้าสะอาด  แชด่ อกดาวเรืองท้ิงไว้ 1 คนื  นานา้ ดอกดาวเรอื งท่ไี ด้ กรองแยกดอกดาวเรอื งใหเ้ หลอื แค่นา้ ดอกดาวเรอื ง  บรรจใุ สข่ วดสเปรย์ ความสาคัญของดอกดาวเรือง ผูจ้ ดั ทาไดเ้ ลือกใชด้ อกดาวเรืองมาใชใ้ นการทดลองโครงงานนเ้ี น่ืองจากเปน็ ไมด้ อกที่คนไทยรู้จักกนั ดีชนิด หนึง่ เนือ่ งจากปลูกง่ายโตเร็ว คงทนต่อสภาพแวดล้อม มีสีสัน สดใสสะดุดตา ดอกมลี กั ษณะกลมสวยงาม กลีบดอก จัดเรียงเป็นระเบียบ กลีบดอกดงึ แน่นกับฐานดอกไม่ หลุดงา่ ยอายุการใช้งานนานประมาณ 7-10 วัน นอกจากนี้ ดาวเรอื งยังเปน็ พืชที่มีอายุการเกบ็ เกี่ยวส้นั ประมาณ 60-70 วัน กส็ ามารถตัดจาหน่ายไดร้ วมทงั้ ดาวเรอื งยังเปน็ พืช ท่ขี ึน้ ได้ดที กุ สภาพพื้นท่ีและทุกฤดกู าลของประเทศและเปน็ ไมด้ อกสามารถทารายไดใ้ ห้กับผปู้ ลกู สูง องค์ประกอบของดอกดาวเรือง -ใบดาวเรือง ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ปลายใบค่ี ออกเรียงตรงข้ามกัน มีใบย่อยประมาณ 11-17 ใบ ลกั ษณะของใบย่อยเป็นรปู รี ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ส่วนขอบใบจักเปน็ ซี่ฟัน ใบมีขนาดกว้างประมาณ 0.5-1.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 2.5-5 เซนติเมตร เนื้อใบนมิ่ -ผลดาวเรือง ผลเป็นผลแหง้ สีดาไม่แตก ดอกจะแห้งตดิ กับผลโคนกว้างเรียวสอบไปยังปลายซึ่งปลายผลนน้ั จะมน -ดอกดาวเรือง ออกดอกเปน็ ดอกเดี่ยวตามปลายยอด ดอกเป็นสเี หลืองสด หรอื สีเหลอื งปนส้ม กลบดอกมี ขนาดใหญเ่ รยี งซ้อนกนั หลายชั้นเป็นวงกลม มขี นาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลางดอกประมาณ 5-10 เซนตเิ มตร และยาว ประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร ปลายกลีบดอกเป็นฟันเล่ือย มเี กสรเพศผู้ 5 อันโดยดอกจะแบง่ ออกเปน็ 2 ลักษณะ คอื ดอกวงนอกมีลักษณะคลา้ ยลิน้ หรือเป็นรปู รางนา้ ซ้อนกันแนน่ บานแผอ่ อกปลายม้วนลง มีจานวนมาก เปน็ ดอก ท่ีไมส่ มบรู ณเ์ พศ โคนกลีบดอกเป็นหลอดเลก็ ส่วนดอกวงในเปน็ หลอดเล็กอยู่ตรงกลางช่อดอก มีจานวนมากและ เปน็ ดอกแบบสมบรู ณเ์ พศ สว่ นกลีบเล้ยี งดอกเป็นสเี ขียวเชื่อมตดิ กนั หมุ้ โคนชอ่ ดอก กา้ นชดู อกยาว องคป์ ระกอบของแมลงหีวี 1. สว่ นหัว (Head) ประกอบไปด้วยหนวดทาหน้าท่ีรบั สัมผสั ตารวมทาหนา้ ที่รบั ภาพ ดา้ นหนา้ สว่ นลา่ ง ปากใชส้ าหรับจับและกนิ อาหาร โดยทัว่ ไปปากของแมลงหว่จี ะเปน็ ปากชนิดดดู กนิ และเลีย 2. สว่ นอก (Thorax) ประกอบดว้ ยปล้อง 8 ปล้อง และมขี า 3 คู่ ซึง่ เป็นลักษณะเด่น เฉพาะตัวของแมลง หว่ี ขาของแมลงหวีใ่ ช้ส าหรับคลานหรอื เดินไปมา 3. สว่ นทอ้ ง (Abdomen) แมลงหว่ีเพศเมยี จะมปี ล้องจานวน 8 ปลอ้ ง ส่วนแมลงหวเี่ พศผู้จะ มีปล้อง จานวน 6-7 ปลอ้ งทมี่ ลี กั ษณะเหมอื นกนั (รปู ท่ี 1-4) และด้านขา้ งของส่วนท้องมรี ูหายใจ (spiracle) ปล้องละ1 คู่

งานวจิ ยั ที่เก่ียวข้อง งานวิจยั ในประเทศ http://lpsci.nfe.go.th/lpsci/attachments/184_project07.pdf.การศึกษาพชื สมนุ ไพรท่ใี ชไ้ ลแ่ มลงหว่ี http://www.krusarawut.net/wp/?p=20891.โครงงานวิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง สมุนไพรกาจดั ศตั รพู ชื

บทที่ 3 วิธีดาเนนิ การศกึ ษาค้นควา้ ในการศึกษาคร้ังน้ี ผศู้ กึ ษาได้ทาการศึกษา Marigoldสเปรยไ์ ล่แมลงหว่ี ซงึ่ มีวิธกี ารดังนี้ 1. ระเบียบวธิ ีทใ่ี ช้ในการศึกษา ในการศึกษาใช้รูปแบบการสืบคน้ ขอ้ มลู จากหนงั สือและอินเตอร์เน็ต และการทดลอง 2. ประชากร/กลุ่มตัวอยา่ ง 2.2 กลมุ่ ตัวอย่าง กลุ่มตวั อย่างที่ใชใ้ นการศึกษาครง้ั นไ้ี ด้แกแ่ มลงหวท่ี ่อี าศัยอยู่บรเิ วณโดมเขียว 2.1 ระยะเวลาทใ่ี ชใ้ นการศึกษา ระยะเวลาทใ่ี ชใ้ นการศึกษา 29 กรกฎาคม ถงึ 25 สิงหาคม ในปีการศึกษา 2562 3. วิธดี าเนนิ การศึกษา ผู้ศกึ ษาไดด้ าเนินการตามขั้นตอนดงั นี้ 3.1 กาหนดเรอ่ื งท่ีจะศึกษา โดยสมาชิกทง้ั 4 คน ประชุมร่วมกัน และร่วมกนั คิดและวางแผน ว่าจะศึกษา เรอ่ื งการไลแ่ มลงหวี่ 3.2 สารวจปัญหาทพี่ บในโรงเรยี น คอื มีแมลงหว่จี านวนมากอยตู่ ามสถานที่ต่าง ๆ ในโรงเรยี น โดยเฉพาะ โดมเขยี ว 3.3 เลอื กเรื่องท่จี ะศึกษา โดยเลอื กเรื่องทสี่ มาชิกมีความสนใจมากท่สี ดุ คือ สมนุ ไพรท่ีสามารถไล่แมลงหว่ี ได้ 3.4 ศกึ ษาแนวคิดในการแก้ปัญหา ( ในขอ้ นยี้ ังไม่สามารถดาเนินการไดเ้ นื่องจาก การเรยี นรายวชิ า IS1 เวลามีจากัด ผู้ศึกษาจึงทาไดเ้ ฉพาะการสารวจความคิดเหน็ และสรา้ งเคร่ืองมือ (แบบสอบถาม) ศกึ ษาเพยี งเพ่ือให้มี ความรู้ ความเข้าใจ เร่อื งกระบวนการวิจยั เทา่ นัน้ 3.5 ต้งั ช่ือเร่ือง Marigoldสเปรย์ไล่แมลงหวี่ 3.6 สมาชกิ ทง้ั 4 คนของกลมุ่ พบครผู ู้สอนเพื่อปรึกษา วางแผนและรับฟงั ความคดิ เห็น ปรับปรุงแก้ไข 3.7 เขยี นความสาคัญความเป็นมาของปญั หา วัตถปุ ระสงค์ สมมตุ ิฐาน ขอบเขตการวจิ ัยและประโยชน์ท่ี คาดว่าจะไดร้ ับ โดยศึกษาข้อมลู จากหนังสอื วิทยานิพนธ์และสืบคน้ ข้อมูลจากอินเตอร์เนต็ และจดบนั ทกึ ใน โครงร่างรายงานเชงิ วิชาการ (ตามใบงาน)

3.8 เตรยี มเครื่องมือ ทเี่ ปน็ แบบของการทดลอง จานวน 5 ขอ้ 3.9 นาเครื่องมอื ทปี่ รบั ปรงุ แล้วไปใช้กบั กลมุ่ ตวั อยา่ ง 3.10 รวบรวมข้อมลู 3.11 วเิ คราะห์ข้อมลู 3.12 สรปุ การศึกษา 4. เครื่องมือทีใ่ ชใ้ นการศกึ ษา เครอื่ งมือท่ีใช้ในการศกึ ษาครงั้ น้ี คือ สเปรย์ดอกดาวเรอื ง โดยมีอปุ กรณ์ดังน้ี 4.1 นา้ สะอาด 500 ml 4.2 ดอกดาวเรือง 25 ดอก 4.3 ขวดสเปรย์ ขนาด 50 ml 1 ขวด 4.4 ชาม 1 ใบ 4.5 กรวยกรองนา้ 1 อนั 5. การเก็บรวบรวมข้อมลู การศึกษาครง้ั นี้ไดด้ าเนินการโดยการนับฝูงแมลงหวท่ี ่ีอยใู่ นบรเิ วณโดมเขยี ว นาสเปรย์ไปฉีดตามบริเวณ โต๊ะ และรอบบริเวณโดมเขยี ว และเก็บข้อมูลของจานวนฝูงแมลงหวีท่ เี่ หลืออยู่จากตอนแรก เพ่ือเปน็ การทดสอบ ประสทิ ธิภาพของสเปรยด์ อกดาวเรอื ง 6. การวิเคราะหข์ ้อมูล ในการวเิ คราะห์ข้อมูล ผศู้ ึกษาไดว้ ิเคราะห์ข้อมลู ดงั น้ี 6.1 นาผลรวมของฝูงแมลงหว่ีท่ีเหลอื จากตอนแรกเปรียบเทียบกับจานวนของฝงู แมลงหว่ีตอนแรก 7. สถิตทิ ีใ่ ชใ้ นการศึกษา สถติ ิทใี่ ช้ในการศึกษาครงั้ นี้ คือ การเปรยี บเทยี บจานวนแมลงหวี่

บทที่ 4 ผลการศกึ ษา จากการศึกษาสเปรย์ดอกดาวเรอื งไล่แมลงหว่ี ตามระยะเวลาที่แตกต่างกนั ไดผ้ ลการทดลองดังนี้ ชนดิ พืช จานวนแมลงหว่ที ีล่ ดลง 5 นาที 10 นาที 15 นาที ดอกดาวเรือง แมลงหว่ีลดลงรอ้ ยละ30 แมลงหวล่ี ดลงร้อยละ50 แมลงหว่ลี ดลงร้อยละ70 ของจานวนแมลงหว่ีเดมิ ของจานวนแมลงหวีเ่ ดมิ ของจานวนแมลงหวีเ่ ดิม จากตาราง ผลการทดลองฉีดสเปรยด์ อกดาวเรืองในระยะเวลาที่แตกตา่ งกนั จะมผี ลต่อจานวนของแมลงหวี่ ใน ระยะเวลา 5นาที แมลงหวี่ลดลงร้อยละ 30 ของจานวนแมลงหวเี่ ดมิ ระยะเวลา 10 นาที แมลงหวลี่ ดลงร้อยละ 50 ของจานวนแมลงหว่ีเดิม และระยะเวลา 15 นาที แมลงหว่ลี ดลงรอ้ ยละ 70 ของจานวนแมลงหว่เี ดิม สรปุ ได้ ว่า สเปรย์ดอกดาวเรืองมปี ระสทิ ธิภาพในการไลแ่ มลงหวไี่ ด้

บทท่ี 5 สรปุ ผล อภปิ รายผลการทดลอง และข้อเสนอแนะ 5.1 สรปุ ผลและอภิปรายผลการทดลอง จากการทดลองสเปรยด์ อกดาวเรืองไล่แมลงหวีผ่ ลปรากฏว่า นา้ ทไ่ี ดจ้ ากดอกดาวเรืองมีประสทิ ธิภาพในการ ไลแ่ มลงหวี่ สังเกตจากการบนิ ออกจากโดมเขยี วเพื่อที่จะหนี บางตวั มอี าการ มนึ งงและบางตัวมอี าการเกือบถึงตาย มีผลการทดลองเป็นระยะดงั น้ี ระยะเวลา 5 นาทีพบวา่ แมลงหวี่ลดลงร้อยละ30ของจานวนแมลงหว่เี ดิม ระยะเวลา 10 นาทีพบว่า แมลงหว่ลี ดลงร้อยละ50ของจานวนแมลงหว่เี ดมิ ระยะเวลา 15 นาทีพบวา่ แมลงหวี่ลดลงร้อยละ70ของจานวนแมลงหวี่เดิม 5.2 การอภปิ รายผล จากการทดลอง สเปรย์ดอกดาวเรืองไล่แมลงหวี่ พบว่าสเปรยด์ อกดาวเรอื งมีประสิทธภิ าพในการไล่แมลงหว่ี ได้ดีมากเพราะดอกดาวเรืองมีกลน่ิ ฉุนส่งผลให้แมลงหวี่หนีไปหรืออาจถงึ ตายได้ 5.3 ข้อเสนอแนะ 1) สามารถเลือกใชด้ อกดาวเรอื งชนดิ ใดก็ได้ในการไลแ่ มลงหวี่ เพ่อื ศึกษาความแตกต่างของประสิทธิภาพในการไล่ แมลงหวี่ 2) น้าดอกดาวเรอื งสามารถใช้กาจดั แมลงศตั รูพชื ได้ 3) นา้ ดอกดาวเรืองสามารถใช้เปน็ ปุ๋ยชีวภาพได้ 4) สามารถลดตน้ ทุนการผลติ

บรรณานุกรม กรรณิกา แป้นจนั ทร์ และคณะ. (2553). การศกึ ษาพชื สมุนไพรทีใ่ ช้ไลแ่ มลงหวี่. [ออนไลน]์ .เขา้ ถงึ ไดจ้ าก :http://lpsci.nfe.go.th/lpsci/attachments/184_project07.pdf (วนั ทีค่ ้นข้อมูล:27 ก.ค. 2562) กองบรรณาธิการ HONESTDOCS. (2562). เรือ่ งของแมลงหวี่ พานะนาโรคตาแดงมาสคู่ น. [ออนไลน]์ . เข้าถงึ ได้จาก :https://www.honestdocs.co/whiteflies-and-pink-eye (วนั ทค่ี น้ ข้อมูล:29 ก.ค. 2562) ปาริฉัตร กรวยนก และคณะ. (2560). ดาวเรือง. [ออนไลน]์ .เขา้ ถงึ ได้จาก :http://science.sut.ac.th/gradbio/stupresent/2548/gr3/dounreng.htm (วันท่ีคน้ ขอ้ มลู :29 ก.ค. 2562) ปศสุ ตั ว์.คอม. (2562). แมลงหวสี่ ดี า (Drosophila melanogaster). [ออนไลน]์ .เขา้ ถงึ ได้จาก :https://pasusat.com/%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%AB% E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B9%88/ (วันท่ีค้นข้อมลู :27 ก.ค. 2562) sanook. (2561). วธิ ีกาจดั แมลงหวแี่ บบง่าย ๆ ไมพ่ ึ่งสารเคมี. [ออนไลน์].เข้าถึงไดจ้ าก :https://www.sanook.com/home/16981/ (วนั ที่คน้ ขอ้ มูล:22 ก.ค. 2562)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook