Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กลุ่มที่5

กลุ่มที่5

Published by Thipchanok Phanhun, 2021-07-08 07:33:14

Description: กลุ่มที่5

Search

Read the Text Version

อารยธรรมตะวันตก มีแหล่งกาเนิดในดินแดนเมโสโปเตเมีย ในภาษากรีก หมายถงึ ดนิ แดนระหว่างแมน่ า้ 2 สาย) หรือแถบ ล่มุ แม่นา้ ไทกริสและยเู ฟรทีส ในตะวนั ออกใกล้ (ปัจจบุ นั คือ ประเทศอริ ัก) และล่มุ แมน่ า้ ไนล์ ใน ประเทศอียปิ ต์ ซงึ่ ตงั้ อยทู่ างตอนเหนือของทวีปแอฟริกา ปัจจบุ นั ดนิ แดนทงั้ สองแห่งนีจ้ ดั อยใู่ นภมู ภิ าค ตะวนั ออกกลาง หลกั ฐานทางโบราณคดีบ่งชีว้ า่ อาณาจกั รซเู มอร์หรือชีนาร์ ท่ีปรากฏช่ือในพระคมั ภีร์ไบเบิล เป็นอขู่ อง อารยธรรมที่มีความเก่าแก่กว่าอียปิ ต์ กาเนดิ เม่ือประมาณ 3,500 ปี ก่อนคริสต์ศกั ราช รวมทงั้ เป็น จดุ เริ่มต้นของสมยั ประวตั ศิ าสตร์ ดงั ความเห็นของนกั ประวตั ศิ าสตร์ว่า “ประวตั ิศาสตร์เร่ิมขนึ ้ ที่ซู เมอร์” เน่ืองจากชาวซเู มเรีย เป็นชนชาตแิ รกท่ีประดษิ ฐ์ตวั อกั ษรเพ่อื บนั ทกึ เร่ืองราวต่างๆ ซงึ่ ถือวา่ เป็น “หลกั ฐาน” สาคญั หรือหวั ใจในการศกึ ษาวชิ าประวตั ศิ าสตร์ และการแบ่งเส้นเวลาออกเป็น “สมยั ก่อน ประวตั ิศาสตร์” และ “สมยั ประวตั ศิ าสตร์

อารยธรรมสมัยกลาง ในสมยั กลาง สงั คมตะวนั ตกตกอยภู่ ายใต้อทิ ธิพลของสถาบนั คริสต์ศาสนาและการปกครองระบบ ฟิวดลั กล่าวคือ คริสต์ศาสนาสามารถสร้างศรัทธาให้แก่ชาวตะวนั ตกจนสามารถเป็นผ้ชู ีน้ าสงั คมทงั้ ด้านความเช่ือ จริยธรรม การดาเนินชีวิต การปกครอง ศิลปวฒั นธรรม และอื่นๆ ส่วนระบบฟิวดลั ท่ีเกิด จากความอ่อนแอของอานาจส่วนกลางก็ทาให้บรรดาขนุ นางสามารถก้าวขนึ ้ มาเป็นผ้นู าในการกาหนด ฐานะและสิทธิตา่ งๆ ของปัจเจกชนที่ส่วนใหญ่มีฐานะเป็นข้าติดท่ีดินได้ ดงั นนั้ จงึ เหน็ ได้วา่ อารยธรรม ในสมยั กลางเกิดจากการสง่ เสริมและทานบุ ารุงของพระและขนุ นางเป็นส่วนใหญ่ จงึ สะท้อนให้เห็นถงึ เร่ืองราวและอิทธิพลของคริสต์ศาสนาและขนุ นางในสงั คมสมยั กลาง

ในสมยั กลางมีผลงานด้านสถาปัตยกรรมที่สาคญั อยู่ 2 แบบ คือ แบบโรมาเนสก์ และ แบบกอทกิ ซงึ่ เกี่ยวข้องโดยตรงต่อการสร้างวดั และมหาวิหารในคริสต์ศาสนา ศลิ ปะแบบโรมาเนสก์เป็นศลิ ปะท่ี เจริญรุ่งเรืองก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 11 เกิดจากการสืบทอดของศลิ ปะโรมนั วดั หรืออาคารประกอบด้วย ประตหู น้าต่างโค้งกลมแบบสถาปัยกรรมโรมนั กาแพงหนา กระเบือ้ งปพู นื ้ ขนาดใหญ่ บานหน้าตา่ งเล็ก และเรียวยาว บรรยากาศภายในทมึ และมืดครึม้ มองภายนอกเหมือนป้ อมปราการ และอาจใช้เป็นท่ี หลบภยั ของประชาชนเมื่อเกิดอนั ตรายจากศตั รูได้ มีภาพหินโมเสกประดบั ศิลปะแบบโรมาเนสก์นีจ้ ะ ให้ความรู้สกึ ท่ีแข็งแกร่งและห้าวหาญแก่ผ้ทู ี่พบเห็น และนบั เป็นศิลปะท่ีเป็นแบบอย่างของการก่อสร้าง โดยทวั่ ไปในระหว่างสมยั กลางตอนต้น

วรรณกรรม วรรณกรรมในสมยั กลางนอกจากจะเน้นเรื่องราวความเช่ือในคริสต์ศาสนา แล้วยงั มีวรรณกรรม ทางโลกด้วย แต่งเป็นภาษาละตินซง่ึ ถือกนั วา่ เป็นภาษาหนงั สือที่เป็นสากล และเป็นภาษาสาคญั ทาง ศาสนา วรรณกรรมทางศาสนาที่มีอทิ ธิพลต่อแนวความคิดของคริสต์ศาสนิกชนในสมยั กลางมากที่สดุ เล่มหนงึ่ ได้แก่ เทวนคร เขียนโดยนกั บญุ ออกสั ตนิ ในสมยั ปลายจกั รวรรดโิ รมนั งานเขียนอีกชนิ ้ หนง่ึ ท่ี ความสาคญั ทดั เทียมกนั คือ มหาเทววทิ ยา โดยนกั บญุ ทอมสั อะไควนสั ซงึ่ ใช้สอนในวชิ าเทววทิ ยาใน มหาวิทยาลยั เป็นเร่ืองเก่ียวกบั ความเช่ือและศรัทธาในคริสต์ศาสนาอย่างมีเหตผุ ล มหากาพย์ ในฝร่ังเศสเรียกวา่ ชองซองเดอเจสต์เป็นเรื่องราวของการสร้างวีรกรรมของวีรบรุ ุษในอดีตนยิ ม ประพนั ธ์ด้วยโคลงกลอน แพร่หลายในคริสต์ศตวรรษท่ี 11-12 วรรณกรรมประเภทนีท้ ่ีสาคญั

นิยายวีรคตหิ รือนิยายโรมานซ์ ประพนั ธ์เป็นคากลอน เกิดในยโุ รปตะวนั ตกในคริสต์ศตวรรษที่ 11-12 ตอ่ มาได้เจริญแพร่หลาย ในฝร่ังเศส องั กฤษและเยอรมนั นยิ ายวีรคติเป็นเร่ืองราวความจงรักภกั ดีของอศั วนิ ต่อเจ้าและขนุ นาง และความรักแบบเทดิ ทนู ท่ีอศั วินมีต่อสตรี นิยายวีรคตคิ ล้ายกบั มหากาพย์ ตา่ งกนั ตรงท่ีมหากาพย์มี ความยาวมากกวา่ และไมม่ ีเรื่องของความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง นยิ ายวีรคตทิ ่ีรู้จกั กนั เท่าไป คีตกานท์ เป็นบทร้อยกรองท่ีกล่าวถึงความในใจ เกิดในฝรั่งเศสภายใต้เม่ือกลางคริสต์ศตวรรษที่ 12 โดย นกั ร้องเร่ที่เรียกตวั เองว่า ตรูบาดรู ์แตง่ เพอื่ ขบั ร้องคลอเสียงพณิ นิยมร้องและบรรเลงในปราสาทของขนุ นางและราชสานกั เป็นเรื่องเกี่ยวกบั ความรักแบบเทิดทนู ตอ่ สตรีสงู ศกั ดิ์ ซง่ึ ได้รับอทิ ธิพลมาจากราช สานกั ของพวกมสุ ลิม การเทดิ ทนู สตรีท่ีสงู ศกั ดิ์ดงั กลา่ วนีก้ ่อให้เกิดระเบียบวิธีปฏิบตั ทิ ี่บรุ ุษควรมีตอ่ สตรีเพศ

นิทานอุทาหรณ์ เป็นนิทานร้อยแก้วหรือร้อยกรองในลกั ษณะของนิทานอีสปที่มีชื่อเสยี งท่ีสดุ คือ นิทานชดุ โรมานซ์ออ ฟรีนาร์ดเริ่มแตง่ ในฝร่ังเศสในคริสต์ศตวรรษท่ี 12 และมีผ้แู ตง่ ตอ่ ๆกนั มาจนถงึ คริสต์ศตวรรษท่ี 14 เป็น เรื่องราวของสนุ ขั จิง้ จอกชื่อรีนาร์ด เนือ้ หาล้อเลยี นเสยี ดสสี งั คมฝร่ังเศสในสมยั กลาง เรื่องสนุ ขั จิง้ จอกรีนาร์ด ที่แตง่ ในระยะหลงั ประณามระบบฟิ วดลั กระบวนการยตุ ธิ รรม และวงการศาสนาอยา่ งรุนแรง เมืองท่ีเกดิ จากการค้า ในราวคริสต์ศตวรรษที่ 11 การค้าของโลกตะวนั ตกได้ฟื น้ ตวั อีกครัง้ หลงั จากชะงกั งนั เป็นเวลาหลาย ร้อยปี อนั เนื่องมาจากการรุกรานของพวกอนารยชน และการเข้ายดึ ครองทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของพวก มสุ ลมิ ที่ทาให้การค้าทางทะเลของตะวนั ตกและตะวนั ออกต้องสนิ ้ สดุ ลง การฟื น้ ตวั ของการค้าดงั กลา่ วนีย้ งั ก่อให้เกิดการฟื น้ ตวั ของบรรดาเมืองเกา่ ทเ่ี คยรุ่งเรืองในสมยั จกั รวรรดโิ รมนั และการเกิดของเมืองใหมๆ่ ใน คาบสมทุ รอิตาลจี นถงึ คาบสมทุ รสแกนดิเนเวยี ตลอดจนดินแดนยโุ รปตะวนั ออกอกี ด้วย เมืองกลายเป็น ศนู ย์กลางการค้าและวฒั นธรรมของยโุ รป เกิดสมาคมอาชีพ ท่ีควบคมุ การดาเนินงานและการจดั สวสั ดกิ าร ของคนกลมุ่ อาชีพเดยี วกนั เกิดระบบการเกบ็ ภาษีอากร การปกครองแบบท้องถ่ินที่เรียกวา่ เทศบาล ตลาด นดั งานแสดงสนิ ค้า ธนาคาร ฯลฯ ที่เป็นพืน้ ฐานของวฒั นธรรมเองในปัจจุบนั โดยเฉพาะการทาสญั ญา และ การก้ยู ืมเงินของบรรดาพ่อค้าตอ่ กนั ก่อให้เกิดความจาเป็นในการกาหนดวนั เริ่มต้นและวนั สนิ ้ สดุ ของปีท่ี แน่นอน พวกพ่อค้าได้กาหนดให้วนั ที่ 1 มกราคมเป็นวนั เริ่มต้นของปีใหม่ ซง่ึ สอดคล้องกบั วนั เฉลมิ ฉลองปี ใหม่ของชาวโรมนั ท่ีเคยปฏบิ ตั มิ า

มหาวทิ ยาลัยตะวันตก มหาวทิ ยาลยั นบั เป็นมรดกที่สาคญั ของยโุ รปในสมยั กลาง และเป็นผลติ ผลโดยตรงของสงั คมเมือง มหาวิทยาลยั ในระยะแรกเกดิ จากการรวมตวั ของอาจารย์และนกั ศกึ ษา และมีลกั ษณะเป็นสมาคมอาชีพ เช่นเดียวกบั สมาคมอาชีพอื่นๆ ที่รวมคนอาชีพเดียวกนั ไว้ด้วยกนั สมาคมอาชีพของอาจารย์และนกั ศกึ ษา ดงั กลา่ วนีเ้รียกวา่ ยนู ิเวอร์ซิตี ในคริสต์ศตวรรษท่ี 11-12 มหาวิทยาลยั เกดิ ขนึ ้ จากการขยายตวั และพฒั นาการของโรงเรียนวดั ซง่ึ เป็นสถานที่อบรมสง่ั สอนพระหรือนกั บวช และโรงเรียนมหาวิหาร ซงึ่ เป็นสถานท่ีให้การอบรมสง่ั สอนทงั้ นกั บวชและประชาชนทวั่ ไปโดยมีมหาวทิ ยาลยั ปารีสเป็นผ้นู าทางภาคเหนือ และมหาวิทยาลยั โบโลญญา เป็นผ้นู ายโุ รปทางใต้ นกั ศกึ ษาสว่ นใหญ่เป็นพระหรือลกู หลานของขนุ นางและพ่อค้า มหาวิทยาลยั เจริญเติบโตในเวลาอนั รวดเร็ว อนั เน่ืองมาจากการขยายตวั ทางเศรษฐกิจของเมือง สงครามครูเสด และการ รับความรู้ใหม่ๆ จากทางยโุ รปตะวนั ออกและเอเชียไมเนอร์ เชน่ วิชาปรัชญา คณิตศาสตร์ แพทย์ศาสตร์ นิตศิ าสตร์ ซง่ึ เป็นศาสตร์ท่ีสญู หายไปจากยโุ รปตะวนั ตกตงั้ แตก่ ารลม่ สลายของจกั รวรรดโิ รมนั มหาวิทยาลยั ในระยะแรกเริ่มมีหลกั สตู รที่แนน่ อน และนาเอาระบบสมาคมอาชีพมาใช้ในการฝึกหดั นกั ศกึ ษา การศกึ ษาใน ระดบั มหาวิทยาลยั ในสมยั กลางเจริญแพร่หลายอยา่ งกว้างขวาง เมื่อสนิ ้ สมยั กลางปรากฏวา่ มีมหาวทิ ยาลยั ในยโุ รปทงั้ สนิ ้ กวา่ 80 แห่ง มหาวิทยาลยั หลายแหง่ ในยโุ รปที่ตงั้ ในสมยั กลาง เชน่ มหาวทิ ยาลยั ปารีส โบโลญญา ปาดวั ออกซ์ ฟอร์ด และเคมบริดจ์ ยงั คงเป็นมหาวิทยาท่ีมีเชื่อเสยี งตราบเทา่ ทกุ วนั นี ้

อารธรรมตะวันตกสมัยใหม่ อารยธรรมสมยั ใหม่ เป็นอารยธรรมตะวนั ตก ตอ่ จากยคุ สมยั กลาง ไปจนถงึ สิน้ สดุ สงครามโลกครัง้ ท่ี 2 ในปี ค.ศ. 1945 ซง่ึ ครอบคลมุ ชว่ งเวลาที่ชาวตะวนั ตกออกเดินเรือเพอื่ แสวงหาโลกใหม่ โลกตะวนั ตก และตะวนั ออก จงึ มาบรรจบกนั หากมองจากมมุ ด้านความก้าวหน้าทางวทิ ยาการ สามารถมองยคุ สมยั ใหม่ได้วา่ เป็นการต่ืนขนึ ้ จากการหลบั ใหลทางปัญญาในยคุ มืด ยคุ สมยั ใหมม่ ีเหตกุ ารณ์สาคญั ตา่ งๆ มากมายที่สง่ ผลกระทบมาถงึ เหตกุ ารณ์ในโลกยคุ ปัจจบุ นั อาทิ การฟืน้ ฟศู ิลปะวิทยาการ การ ปฏริ ูปศาสนาคริสต์ การเดนิ ทางสารวจโลก (ยคุ แหง่ การสารวจ) การปฏวิ ตั ิวงการวทิ ยาศาสตร์ การ ปฏิวตั ิอตุ สาหกรรม และสงครามโลก

การฟืน้ ฟศู ลิ ปะวิทยาการ หรือยคุ แห่งการเกิดใหม่ มีการฟืน้ ฟอู ารยธรรมกรีก และโรมนั โบราณขนึ ้ มาใหม่ ไมว่ ่าจะเป็น วรรณคดี ศลิ ปะ ตลอดจนวฒั นธรรมด้านอื่นๆ ที่เสื่อมสลายไปในช่วงยคุ กลาง โดยการประดิษฐ์เครื่องพมิ พ์ของ โยฮนั น์ กเู ทน็ เบริ ์ก ชาวเยอรมนี ถือเป็นกญุ แจสาคญั ที่ส่งผลให้เกิดการขยายตวั ของความคดิ วิทยาการ และวรรณคดี ให้แพร่หลายออกไปเป็นวงกว้าง การปฏิรูปศาสนาคริสต์ เกิดขนึ ้ ในชว่ งคริสต์ศตวรรษที่ 16 มีการแยกตวั ออกจากศาสนจกั รโรมนั คาทอลกิ ท่ีมีศนู ย์กลางท่ีนคร วาติกนั ไปตงั้ เป็นนกิ ายใหม่ คือ โปรเตสแตนท์ เป็นผลมาจากการท่ี มาร์ติน ลเู ธอร์ โจมตีศาสนจกั ร โรมนั คาทอลิกที่ชกั ชวนผ้คู นให้ซอื ้ บตั รไถ่บาป

การเดินทางสารวจโลกของชาวยโุ รป ทาให้เกิด “ยคุ แหง่ การสารวจ” ซงึ่ เร่ิมขนึ ้ ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 14 เป็นสมยั ที่มีการเดินเรือเพือ่ สารวจดินแดนใหม่ๆ โดยการล่าอาณานคิ ม เพื่อกอบโกยทรัพยากรจากโลกใหม่ เพื่อเปิดเส้นทาง การค้าทางทะเลใหม่ๆ เพือ่ การเผยแพร่ศาสนาคริสต์ รวมทงั้ เพื่อการศกึ ษา นกั เดนิ เรือที่มีช่ือเสียงโดง่ ดงั ได้แก่ คริสโตเฟอร์ โคลมั บสั เฟอร์ดนิ านด์ แมกเจลแลน การปฏิวตั วิ งการวทิ ยาศาสตร์ เกิดการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการหาความรู้เก่ียวกบั โลก เกิดเป็นวิทยาศาสตร์สมยั ใหม่ที่เน้นการ สงั เกต และการทดลอง ความรู้ต้องผ่านการพสิ จู น์ให้เป็นท่ีประจกั ษ์ มีนกั วทิ ยาศาสตร์คนสาคญั เชน่ นิ โคลสั โคเปอร์นคิ สั กาลิเลโอ กาลเิ ลอิ ไอแซค นิวชาร์ล ดาวนิ เกรเกอร์ เมนเดล หลยุ ส์ ปาสเตอร์ อลั เบิร์ต ไอน์ชไตน์

นาย ก้องภพ ทองเทศ เลขที่7 นาย อภธิ าร เซียวสรุ ัตน์ เลขที่11 นาย เดชาวัต แกว้ ประเพณี เลขท่ี 12 นาย ธนกร บญุ ปะสทิ ธ์ิ เลขท่ี24 นาย ภูบดนิ ทร์ เซี่ยงใช่ เลขท่ี 28 ช้นั 6/11


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook