Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานกิจกรรมชุมนุมนักดาราศาสตร์รุ่นเยาว์ -64

รายงานกิจกรรมชุมนุมนักดาราศาสตร์รุ่นเยาว์ -64

Published by jukreelucha63, 2022-01-13 07:28:53

Description: รายงานกิจกรรมชุมนุมนักดาราศาสตร์รุ่นเยาว์ -64

Search

Read the Text Version

รายงานกจิ กรรมชุมนุมนกั ดาราศาสตร์รุ่นเยาว์ เรือง การศึกษาการหาขนาดของโลกในวนั ครีษมายนั ด้วยเรขาคณติ อย่างง่าย ผ้จู ดั ทาํ เดก็ ชายกฤตภาส อาํ ไธสง เดก็ ชายพรี วชิ แสนบุญศิริ เดก็ หญิงอรวรรยา เทพสุทธิ อาจารย์ทปี รึกษา นางสมันตชิดา ฦาชา โรงเรียนเมืองพลพทิ ยาคม ตาํ บลลอมคอม อาํ เภอพล จงั หวดั ขอนแก่น โทรศัพท์ 043-009861 โทรสาร 043-009616

2 คาํ นาํ วิทยาศาสตร์เป็ นความรู้ทีสําคญั ประการหนึงต่อการดาํ รงชีวิตในปัจจุบนั พวกเราเห็นว่าการไดเ้ รียนรู้ชุมนุม นกั ดาราศาสตร์รุ่นเยาวเ์ ป็ นการเพิมพูนความรู้ทีทาํ ให้เกิดกระบวนการคิด วิเคราะห์ และรู้จกั วิธีศึกษาคน้ ควา้ หาคาํ ตอบ อยา่ งเป็ นระบบแบบแผน รู้จกั การทาํ งานร่วมกนั และยอมรับฟังความคิดเห็นซึงกนั และกนั และทีสาํ คญั กิจกรรมเด่นของ พวกเราน่าจะเป็ นประโยชน์ไม่มากก็นอ้ ยสําหรับผูท้ ีสนใจในเรืองดาราศาสตร์ ในการทาํ กิจกรรมเด่นของชุมนุม ไดม้ ี การศึกษาการหาขนาดของโลกในวนั ครีษมายนั ดว้ ยเรขาคณิตอยา่ งงา่ ย ทาํ ใหค้ วามเขา้ ใจในการศึกษาการเปลียนตาํ แหน่ง เงาของวตั ถุในเวลาต่าง ๆ เทียบกบั การโคจรของดวงอาทิตยบ์ นทอ้ งฟ้า มีความความรู้และเขา้ ใจในการคาํ นวณหาขนาด ของโลก จากการสังเกตเงาทีตกระทบพืน การคาํ นวณหาขนาดของเส้นรองวงของโลก รัศมีของโลก โดยการใชเ้ รขาคณิต อยา่ งง่าย การหาค่าความคลาดเคลือนทีเกิดจากการวดั การหาระยะห่างจากจดุ สงั เกตไปยงั จุดทีอยใู่ นลองจิจดู เดียวกนั เป็ น การฝึ กใช้ Google Maps ชุมนุมนกั ดาราศาสตร์รุ่นเยาว์ โรงเรียนเมืองพลพทิ ยาคม อาํ เภอพล จงั หวดั ขอนแก่น ไดเ้ ห็นความสาํ คญั ของวชิ า ดาราศาสตร์ซึงเป็นสาขาหนึงของวทิ ยาศาสตร์ โดยหวงั วา่ การดาํ เนินกิจกรรมชุมนุมของนกั ดาราศาสตร์รุ่นเยาว์ อาจจะเป็ น จดุ เริมตน้ หรือเป็ นประโยชนก์ บั ผทู้ ีสนใจหรือเป็ นแนวทางในการตอ่ ยอดความรู้ต่อไป คณะผจู้ ดั ทาํ เดก็ ชายกฤตภาส อาํ ไธสง เด็กชายพีรวชิ แสนบุญศิริ เดก็ หญิงอรวรรยา เทพสุทธิ

3 กติ ตกิ รรมประกาศ กิจกรรมโครงงานวทิ ยาศาสตร์ เรือง การศึกษาการหาขนาดของโลกในวนั ครีษมายนั ดว้ ยเรขาคณิตอยา่ งง่าย ขอขอบพระคุณการสนบั สนุนจากท่านผอู้ าํ นวยการโรงเรียนเมืองพลพิทยาคม ท่านรองผอู้ าํ นวยการและหัวหนา้ กลุ่มสาระ การเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยที ีใหก้ ารอนุเคราะห์ในการจดั ทาํ โครงงาน ชุมนุมนกั ดาราศาสตร์รุ่นเยาว์ ขอขอบคุณ คุณครูสมนั ตชิดา ฦาชา ทีกรุณาใหค้ าํ ปรึกษา ใหค้ วามรู้และคาํ แนะนาํ ตลอดระยะเวลาทีทาํ กิจกรรมชุมนุม และเอือเฟื อสถานทีในการทาํ โครงงานรวมทงั การแกไ้ ขส่วนบกพร่องในการจดั ทาํ รูปแบบรายงานฉบบั นีใหส้ มบูรณ์ ขอขอบพระคุณ คณะครูในกลุ่มสาระการเรี ยนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทุกท่านทีได้ให้ทังความรู้ ประสบการณ์ อปุ กรณ์ในการทาํ งานพร้อมทงั คอมพวิ เตอร์ในการจดั พมิ พ์ ขอขอบคุณเพือนๆ และน้องๆในชุมนุมนักดาราศาสตร์รุ่นเยาว์ โรงเรียนเมืองพลพิทยาคม ทีเป็ นกาํ ลังใจ ช่วยเหลือ ออกแบบ และร่วมกันสร้างผลงานขึนมา ทา้ ยทีสุดขอขอบพระคุณคุณพ่อ คุณแม่ทีเป็ นกาํ ลงั ใจให้ทาํ งานจน ประสบความสาํ เร็จ คณะผจู้ ดั ทาํ เดก็ ชายกฤตภาส อาํ ไธสง เดก็ ชายพรี วชิ แสนบุญศิริ เดก็ หญงิ อรวรรยา เทพสุทธิ

สารบัญ 4 คาํ นาํ หน้า กิตตกิ รรมประกาศ 1 2 สารบญั 3 ใบกิจกรรมของนกั เรียน 4 ปฏิทนิ การปฏิบตั ิงานรายปี ชุมนุมนกั ดาราศาสตร์รุ่นเยาวป์ ระจาํ ปี 2563 7 กิจกรรมที 2* งานในอาชีพของนกั ดาราศาสตร์ 8 กิจกรรมที 3* คาํ ศพั ทท์ างดาราศาสตร์ 8 กิจกรรมที12** สร้างแอสโตรแลป 8 กิจกรรมที 18*** เงาจากดวงอาทิตย์ 9 กิจกรรมที 26** นิทานดาว 9 กิจกรรมที 27** การสงั เกตผวิ ของดวงจนั ทร์ 9 กิจกรรมที 31*** ดาวหาง 9 กิจกรรมที 33*** ปรากฎการณ์แสงโลก 10 กิจกรรมที 34*** ปรากฎการณ์จนั ทรุปราคาเตม็ ดวง 10 กิจกรรมที 37*** ผลงานของพระบิดาแห่งวทิ ยาศาสตร์ไทย 11 กิจกรรมที 38*** การใชแ้ ผนทีดาว 11 กิจกรรมเด่น เรืองการศึกษาการหาขนาดของโลกในวนั ครีษมายนั ดว้ ยเรขาคณิตอยา่ งงา่ ย 12 ประโยชน์ทีไดร้ ับจากการทาํ กิจกรรมชุมนุมนกั ดาราศาสตร์รุ่นเยาว์ 17 เอกสารอา้ งอิง 18 19 รายชือสมาชิกของชุมนุม 21 25 ภาคผนวก สาํ เนาใบสมคั ร

5

6

7

8 ปฏทิ นิ ปฏิบตั งิ านรายปี การศึกษา 2563 ชุมนุมนักดาราศาสตร์รุ่นเยาว์ วนั /เดือน / ปี กิจกรรมภาคเรียนที 1 วนั /เดือน / กิจกรรมภาคเรียนที 2 ปี 1 ก.ค. 63 2 ก.ค. 63 เปิ ดภาคเรียน 1 ธ.ค. 63 เปิ ดภาคเรียน 9 ก.ค. 63 16 ก.ค. 63 รับสมคั รกิจกรรมชุมนุม 3 ธ.ค. 63 ดาํ เนินกิจกรรมยอ่ ยเพอื สะสมดาว 23 ก.ค. 63 30 ก.ค. 63 แนะนาํ กิจกรรมชุมนุม 10 ธ.ค. 63 วนั รัฐธรรมนูญ 6 ส.ค. 63 13 ส.ค. 63 วนั ไหวค้ รู 17 ธ.ค. 63 ดาํ เนินกจิ กรรมยอ่ ยเพอื สะสมดาว 20 ส.ค. 63 27 ส.ค. 63 ดาํ เนินกิจกรรมยอ่ ยเพอื สะสมดาว 24 ธ.ค. 63 นกั เรียนสืบคน้ ขอ้ มลู เพือทาํ กิจกรรมเดน่ 3 ก.ย. 63 10 ก.ย. 63 ดาํ เนินกจิ กรรมยอ่ ยเพอื สะสมดาว 31 ธ.ค. 63 นกั เรียนสืบคน้ ขอ้ มูลเพือทาํ กิจกรรมเด่น 17 ก.ย. 63 24 ก.ย. 63 ดาํ เนินกิจกรรมยอ่ ยเพอื สะสมดาว 7 ม.ค. 64 นกั เรียนสืบคน้ ขอ้ มลู เพือทาํ กิจกรรมเด่น 1 ต.ค. 63 8 ต.ค. 63 ดาํ เนินกิจกรรมยอ่ ยเพอื สะสมดาว 14 ม.ค. 64 นกั เรียนสืบคน้ ขอ้ มลู เพือทาํ กิจกรรมเดน่ 15 ต.ค. 63 22 ต.ค. 63 ดาํ เนินกิจกรรมยอ่ ยเพอื สะสมดาว 21 ม.ค. 64 นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มนาํ เสนอเคา้ โครงกิจกรรมเดน่ 29 ต.ค. 63 ดาํ เนินกจิ กรรมยอ่ ยเพอื สะสมดาว 28 ม.ค. 64 นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ นาํ เสนอเคา้ โครงกิจกรรมเด่น 5 พ.ย. 63 สอบกลางภาค 4 ก.พ. 64 สอบกลางภาค ดาํ เนินกจิ กรรมยอ่ ยเพอื สะสมดาว 11 ก.พ. 64 นกั เรียนแต่ละกลุ่มนาํ เสนอเคา้ โครงกิจกรรมเด่น ดาํ เนินกิจกรรมยอ่ ยเพอื สะสมดาว 18 ก.พ. 64 นกั เรียนแต่ละกลมุ่ นาํ เสนอเคา้ โครงกิจกรรมเด่น ดาํ เนินกิจกรรมยอ่ ยเพอื สะสมดาว 25 ก.พ. 64 นาํ เสนอกิจกรรมเด่น ดาํ เนินกจิ กรรมยอ่ ยเพอื สะสมดาว 4 มี.ค. 64 นาํ เสนอกิจกรรมเด่น ดาํ เนินกิจกรรมยอ่ ยเพอื สะสมดาว 11 มี.ค. 64 นาํ เสนอกิจกรรมเด่น ดาํ เนินกจิ กรรมยอ่ ยเพอื สะสมดาว 18 มี.ค. 64 นาํ เสนอกิจกรรมเด่น ดาํ เนินกิจกรรมยอ่ ยเพอื สะสมดาว 25 มี.ค. 64 สรุปความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ทกั ษะกระบวนการจาก กิจกรรมเด่น ดาํ เนินกจิ กรรมยอ่ ยเพอื สะสมดาว 1 เม.ย. 64 ประเมนิ การเรียนชุมนุม สอบปลายภาค 8 เม.ย. 64 สอบปลายภาค

9 ภาพรวมกจิ กรรมชุมนุมนกั ดาราศาสตร์รุ่นเยาว์ กจิ กรรมที 2  งานในอาชีพของนกั ดาราศาสตร์ เป้าหมายของกิจกรรม : ทาํ ความรู้จกั กบั งานของดาราศาสตร์ สมาชิกในชุมนุมดาราศาสตร์ไดศ้ ึกษาเกียวกบั อาชีพของนกั ดาราศาสตร์ในประเทศไทย ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ เป็ น นกั วชิ าการ และอาจารย์ ในสถาบนั ระดบั อดุ มศึกษา หรือมหาวทิ ยาลยั โดยมีภารกิจเกียวขอ้ งดงั นี 1. บรรยาย สอน เผยแพร่ความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ ซึงเกียวกบั ดาราศาสตร์ อวกาศ สภาพอวกาศ 2. ศึกษา คน้ ควา้ วางแผนการวจิ ยั และการเตรียมการสงั เกตการณ์ระดบั ชาติ 3. จดั ประชุมสมั มนาทางดาราศาสตร์ ในเรืองการเรียนการสอน และการวจิ ยั ทางดา้ นดาราศาสตร์ 4. ใชเ้ ทคโนโลยชี นั สูงในการปรบั ปรุงสารสนเทศทางดา้ นดาราศาสตร์ 5. ประสานความร่วมมือทางดา้ นวชิ าการเกียวกบั การใชข้ อ้ มลู ทางดาราศาสตร์ร่วมกนั กบั หน่วยงานตา่ งๆ 6. จดั ทาํ หลกั สูตรหรือกิจกรรม ร่วมมือกบั หน่วยงานภาคเอกชน สมาคมดาราศาสตร์ หรือชมรมดาราศาสตร์ของ จงั หวดั ต่างๆ ทีมนี กั วิชาการหรืออาจารยส์ อนดา้ นดาราศาสตร์ประจาํ อยู่ เพอื อธิบายปรากฏการณ์ตา่ ง ๆ กจิ กรรมที 3  คาํ ศัพท์ทางดาราศาสตร์ เป้าหมายของกิจกรรม : เรียนรู้คาํ ศพั ทท์ างดาราศาสตร์ สมาชิกของชุมนุมทีสนใจในดา้ นภาษาตา่ งประเทศ ไดร้ ่วมกนั ศึกษา หาคาํ ศพั ทเ์ กียวกบั วชิ าดาราศาสตร์ และ คดั เลือกคาํ ทีตนเองสนใจ คนละ 20 คาํ และหาความหมายของคาํ ศพั ทเ์ หล่านนั จากสือและแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น หนงั สือ เรียนหอ้ งสมุดโรงเรียน และทางอินเตอร์เน็ต เพิมเตมิ เมือคน้ หาขอ้ มลู มาเรียบร้อยผจู้ ดั ทาํ และสมาชิกไดน้ าํ คาํ ศพั ทท์ ีเกียวกบั ดาราศาสตร์ มาเล่นเกมบตั รคาํ ทาย คาํ ศพั ทด์ าราศาสตร์กบั เพอื นในชุมนุม เพือแลกเปลียนความรู้อยา่ งสนุกสนาน กจิ กรรมที 12  สร้างแอสโตรแลป เป้าหมายของกิจกรรม : เสริมสร้างประสบการณ์ตรงในการสรา้ งและใชง้ านแอสโตรแลป แอสโตรเเลป คือเครืองมือทีใชว้ ดั มุมเงยและมมุ ราบ ส่วนใหญ่ใชใ้ นการวดั ตาํ แหน่งดวงดาวตา่ ง ๆ เช่น ดาวเหนือ ทาํ มมุ กบั เสน้ ขอบฟ้ากีองศา แอสโตรแลปเป็นทีประดิษฐข์ นึ เพอื บอกตาํ แหน่งวตั ถุดว้ ยคา่ 2 คา่ คือ มมุ ทิศ (Azimuth) และ มมุ เงย (Altitude) เราสามารถวดั มมุ ทิศและมุมเงยไดด้ งั นี การวดั มุมทิศ : มมุ ทิศเป็นมุมทีบอกทิศ โดยเริมวดั จากจุดทิศเหนือไปตามเสน้ ขอบฟ้าทางตะวนั ออก จนกระทงั กลบั มาทีจดุ ทิศเหนือ การวดั มมุ เงย : มุมเงยเป็นมมุ ทีวดั จากเสน้ ขอบฟ้าขึนไปตามเสน้ วงกลมดิงจนถึงจุดเหนือศีรษะ แลเเพือความเขา้ ใจในการวดั มมุ ทิศและมมุ เงย มากยงิ ขนึ ผจู้ ดั ทาํ และสมาชิกในชุมนุมศึกษาวธิ ีการสร้างแอสโตรแลปโดย สืบคน้ ขอ้ มลู การสร้างแอสโตรแลปในอนิ เทอร์เน็ต ซึงครูทีปรึกษาชุมนุมไดใ้ หค้ าํ แนะนาํ การสรา้ งและใชง้ านแอสโตรแลป เมือสร้างแอสโตรแลปเสร็จครูทีปรึกษาชุมนุมใหน้ กั เรียนฝึ กใชง้ านแอสโตรแลปโดยการสงั เกตวตั ถุทีสงั เกตไดโ้ รงเรียน พร้อมบอกตาํ แหน่งมุมทิศ และมมุ เงยทีวดั ได้

10 กจิ กรรมที 18  เงาจากดวงอาทติ ย์ เป้าหมายของกิจกรรม : ศึกษาการเคลือนทีของเงาจากไมป้ ักในเวลาต่าง ๆ เทียบกบั การโคจรของดวงอาทิตยบ์ น ทอ้ งฟ้า ผจู้ ดั ทาํ และสมาชิกในชุมนุมบางส่วน มีความสนใจเกียวกบั เงาทีปรากฏในแต่ละช่วงเวลาของวนั และไดป้ รึกษา คุณครูทีปรึกษา โดยไดร้ ับคาํ แนะนาํ ใหน้ าํ ไมจ้ ิมฟันปักลงไปบนกระดาษขาวทีมีแผน่ โฟมรองอยดู่ า้ นล่าง แลว้ ใหน้ าํ ไปวาง ไวก้ ลางแจง้ ในช่วงเวลา 09.00 น. – 15.00 น. โดยทาํ การสงั เกตทกุ ๆ 5 นาที ใชด้ ินสอ ทาํ เครืองหมายทีปลายของเงาไมจ้ ิม ฟัน แลว้ นาํ ภาพทีไดจ้ ากการสงั เกตเงานนั มานาํ เสนอตอ่ สมาชิกในชุมนุม แลว้ ร่วมกนั อภิปรายวา่ เพราะเหตใุ ด เงาทีปรากฏ และทาํ เครืองไวน้ นั จงึ ไมเ่ ป็นวงกลม กจิ กรรมที 26  นทิ านดาว เป้าหมายของกิจกรรม : สนุกกบั การเรียนรูด้ าราศาสตร์ผา่ นนิทานดาว สมาชิกในชุมนุมทีมีความสนใจเกียวกบั นิทาน ไดต้ กลงกนั ใหแ้ ตล่ ะคนไปสอบถามเรืองเลา่ เกียวกบั ดวงดาว ดวง จนั ทร์ หรือกลุ่มดาวต่างๆ จาก พอ่ แม่ หรือญาติผใู้ หญท่ ีเคารพนบั ถือคนละ 2 เรือง แลว้ นาํ มาเล่าใหเ้ พอื น ๆ ฟัง จากนนั ครู ใหน้ กั เรียนในชุมนุมวาดภาพนิทานทีไดฟ้ ังมา เพอื ใหเ้ กิดความสนุกสนานและเสริมสร้างจินตนาการจากเรืองทีไดฟ้ ัง กจิ กรรมที 27  การสังเกตผวิ ของดวงจนั ทร์ เป้าหมายของกิจกรรม สงั เกตผวิ ของดวงจนั ทร์ดว้ ยตนเอง ผจู้ ดั ทาํ และสมาชิกในชุมนุมบางส่วน มีความสนใจเกียวกบั การสงั เกตผวิ ของดวงจนั ทร์ และไดป้ รึกษาคุณครูที ปรึกษา โดยไดร้ บั คาํ แนะนาํ ใหน้ กั เรียนไปสงั เกตผวิ ดวงจนั ทร์ในคืนวนั เพญ็ ดว้ ยตาเปล่า แลว้ วาดรูปแสดงรายละเอียดผิว ดวงจนั ทร์ทีมองเหน็ ไดม้ าเล่าถึงความรู้สึกทีเกิดขึนขณะทีสังเกตผวิ ดวงจนั ทร์ ใหส้ มาชิกในชุมนุมฟัง แลว้ ร่วมกนั อภิปราย วา่ เพราะเหตใุ ด ผิวดวงจนั ทร์ทีสงั เกตไดจ้ ึงเป็ นเช่นนนั เพือใหก้ ารสงั เกตผวิ ดวงจนั ทร์สงั เกตไดช้ ดั เจนยงิ ขึน ครูทีปรึกษา นาํ ภาพแสดงผิวดวงจนั ทร์วนั พญ็ อธิบายประกอบเพอื ใหน้ กั เรียนเห็นภาพไดช้ ดั เจนยงิ ขึน กจิ กรรมที 31  ดาวหาง เป้าหมายของกิจกรรม : ศึกษาดาวหาง และองคป์ ระกอบของดาวหาง ดาวหาง บริวารขนาดเลก็ ของดวงอาทิตย์ ทีประกอบไปดว้ ยสารประกอบระเหิดงา่ ยใน สภาพเยอื กแขง็ และฝ่ ุน ทาํ ใหถ้ กู เรียกวา่ “กอ้ น นาํ แขง็ สกปรก” (Dirty snowball) เป็ นเศษซาก นาํ แขง็ ทีหลงเหลือจากการกาํ เนิดดาวเคราะห์ เมือประมาณ4.5 พนั ลา้ นปี ทีแลว้ เป็ นวตั ถุทีมา จากตาํ แหน่งทีเลยวงโคจรของดาวพลโู ต ออกไป และใชเ้ วลาหลายปี ในการโคจรรอบ ดวงอาทิตย์ เมือเขา้ มาในระบบสุริยะชนั ในจะ ปรากฎเป็ นดาวสวา่ งทีมีหางพาดผา่ นทอ้ งฟ้าใน ยามคาํ คืน

11 โครงสร้างของดาวหาง ดาวหางทีปรากฎบนทอ้ งฟ้ามีส่วนประกอบสาํ คญั คือ 1. นิวเคลียส (Nucleus) คือ ใจกลางของดาวหาง เป็ นของแขง็ ขนาดเสน้ ผ่านศูนยก์ ลางหลาย กิโลเมตร ซึงไมส่ ามารถ สงั เกตเห็นได้ แมจ้ ะสงั เกตผ่านกลอ้ งโทรทรรศนท์ ีมีขนาดใหญท่ ีสุดเนืองจาก ดาวหางสวนใหญอ่ ยไู่ กลจากดวงอาทิตย์ และโลกมาก 2. โคมา (Coma) คือ ชนั ทีห่อหุม้ นิวเคลียส ปรากฏขึนตอนทีดาวหางเคลือนทีเขา้ ใกลร้ ะบบสุริยะ โคมาซึง ประกอบดว้ ยฝ่ นุ และแก๊ส จะพงุ่ ออกมาเมือไดร้ ับรงั สีจากดวงอาทิตย์ กจิ กรรมที 33  ปรากฎการณ์แสงโลก เป้าหมายของกิจกรรม : ทาํ ความรู้จกั กบั ปรากฎการณ์แสงโลก ปรากฏการณ์แสงโลก (องั กฤษ: earthshine) เป็ น ปรากฎการณ์ทีเกิดจากแสงอาทิตยส์ ะทอ้ นกบั ผวิ โลกไปยงั ดวงจนั ทร์ และสะทอ้ นกลบั มายงั ผสู้ งั เกตบนโลกอีกต่อหนึง ทาํ ใหผ้ สู้ งั เกตบนโลกเห็นแสงจาง ๆ จากดา้ นกลางคืนของ ดวงจนั ทร์ ปรากฏการณ์นีจะสงั เกตไดด้ ีในช่วงวนั ขึน 1–3 คาํ หรือ แรม 12–14 คาํ ซึงเป็นช่วงจนั ทร์ดบั เมือสงั เกตจาก โลกจะเห็นดวงจนั ทร์มืดมิด แตห่ ากสงั เกตจากดวงจนั ทร์ จะ แสงโลกเมือมองจากกลอ้ งโทรทรรศน์ ดา้ นสวา่ งเกิดจาก เห็นวา่ โลกมีแสงสวา่ ง การเกิดแสงโลกนีจะทาํ ใหเ้ ห็นพนื ผิว แสงอาทิตยโ์ ดยตรง แต่ส่วนทีเหลือของดวงจนั ทร์เกิด ดวงจนั ทร์ไดเ้ กือบทงั หมด จากแสงอาทิตยท์ ีสะทอ้ นมาจากผวิ โลก กจิ กรรมที 34  ปรากฎการณ์จนั ทรุปราคาเตม็ ดวง เป้าหมายของกิจกรรม : ทาํ ความรู้จกั กบั ปรากฎการณ์จนั ทรุปราคาเตม็ ดวง ภาพแสดงตาํ แหน่งของดวงอาทิตย์ โลก และดวงจนั ทร์ ขณะเกิดปรากฏการณ์จนั ทรุปราคา ทีมา http://thaiastro.nectec.or.th/skyevnt/uploads/2018/media-3170-5a6fde4007aa0.png ปรากฏการณ์จนั ทรุปราคา และปรากฏการณ์สุริยปุ ราคานนั มีหลกั การเกิดคลา้ ยๆ กนั ก็คือ เกิดจากการทีดวงอาทิตย์ โลก และดวงจนั ทร์เรียงอยใู่ นแนวระนาบเดียวกนั พอดี โดยปรากฏการณ์จนั ทรุปราคานนั โลกจะอยตู่ รงกลางระหวา่ งดวง อาทิตยแ์ ละดวงจนั ทร์ ซึงปรากฏการณ์จนั ทรุปราคาจะเกิดในช่วงทีดวงจนั ทร์เตม็ ดวง โดยปรากฏการณ์จนั ทรุปราคา

12 เกิดขึนขณะทีดวงจนั ทร์เคลือนทีผา่ นเขา้ ไปในเงาของโลก และเมือดวงจนั ทร์โคจรผา่ นเขา้ ไปในเงามดื ของโลกแลว้ ดวงจนั ทร์จะค่อยๆ แหวง่ ไปทีละนอ้ ยจนมืดทงั ดวง และเริมโผลอ่ กี ครังเมือดวงจนั ทร์เคลือนทีผา่ นพน้ ออกมาจากเงา ของโลก กจิ กรรมที 37  ผลงานของพระบิดาแห่งวทิ ยาศาสตร์ไทย เป้าหมายของกิจกรรม : ศึกษาผลงานของพระบิดาแห่งวทิ ยาศาสตร์ไทยอยา่ งละเอียด พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงเป็ นนกั ดาราศาสตร์ไทย ผยู้ งิ ใหญท่ รงการคาํ นวณการเกิดสุริยปุ ราคาเตม็ ดวงไดอ้ ยา่ งแม่นยาํ ใน วนั ที 18 สิงหาคม พ.ศ. 2411 ล่วงหนา้ 2 ปี และไดเ้ สดจ็ พระราชดาํ เนิน พร้อมเซอร์ แอร์รี ออร์ด เจา้ เมอื งสิงคโปร์ คณะทูตานุทูต นกั วทิ ยาศาสตร์ ฝรังเศส แขกตา่ งประเทศอืนทีทรงเชิญมา และขา้ ราชบริพารไทย ทอดพระเนตรสุริยปุ ราคาครังนนั ปรากฏการณ์ดงั กล่าวเกิดขึนตรงตามที พระองคท์ รงคาํ นวณไวท้ ุกประการ พระอจั ฉริยภาพของพระองคเ์ ป็ นที เลืองลือ ขจรขจายปวงชนชาวไทยถวายพระราชสมญั ญานามทรง เป็ น \"พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย\" และเป็ นทีมาของการสร้างอทุ ยาน วทิ ยาศาสตร์ พระจอมเกลา้ ณ ตาํ บลหวา้ กอ จงั หวดั ประจวบคีรีขนั ธ์ เป็น พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั อนุสรณ์สถานแด่พระองค์ ในปัจจบุ นั นี ประชาคมดาราศาสตร์ในระดบั สากลทีศึกษาดา้ น สุริยปุ ราคา ยกยอ่ งพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ดว้ ยการกล่าวถึง สุริยปุ ราคาเตม็ ดวงเมอื ปี ค.ศ. 1868 วา่ เป็ น \"King of Siam's Eclipse\" กจิ กรรมที 38  การใช้แผนทดี าว เป้าหมายของกิจกรรม : ฝึ กการใชแ้ ผนทีดาว สมาชิกในชุมนุมและผจู้ ดั ทาํ ร่วมกนั ประดิษฐ์ แผนทีดาวอยา่ งงา่ ย โดยพมิ พแ์ บบจากเวบ็ ไซตใ์ นอินเตอร์เนต็ แลว้ นาํ มาตดั และประกอบแผนทีดาว แลว้ ฝึ กใชจ้ นเกิดความชาํ นาญโดยศึกษาวธิ ีใชจ้ ากอินเตอร์เนต็ และปรึกษาคุณครูที ปรึกษา แลว้ จึงไดน้ าํ แผนทีดาวไปใชป้ ระกอบการสังเกตดวงดาวจริงในทอ้ งฟ้า บนั ทึกผลทีไดจ้ ากการสงั เกตแลว้ นาํ ขอ้ มลู ทีไดม้ าร่วมกนั อภิปรายแลกเปลียนขอ้ คิดเห็นซึงกนั และนาํ ความรูไ้ ปใชใ้ นการทาํ กิจกรรมนีไปแนะนาํ นอ้ ง ๆ ชนั ประถมที อยใู่ กล้ ๆ บา้ นทาํ ใหน้ อ้ งๆ เกิดความสนุกสนาน และมีความรูใ้ หม่ ๆ ในการดูดาวบนทอ้ งฟ้า กจิ กรรมเด่นเรือง “การศึกษาการหาขนาดของโลกในวนั ครีษมายนั ด้วยเรขาคณติ อย่างง่าย” 1. ทมี าและความสําคญั ดวงอาทิตยเ์ ป็ นดาวฤกษท์ ีอยกู่ บั ที โลกทีเราอาศยั อยโู่ คจรรอบดวงอาทิตย์ ขณะทีโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตยเ์ ปรียบเหมือนเป็ นจดุ ศูนยก์ ลางทีมีรศั มเี ท่ากบั ระยะระหวา่ งโลกกบั ดวงอาทิตย์ เมือโลกโคจรไปรอบดวงอาทิตย์ โลกจะกวาดพนื ทีไปเรือยๆ เกิดเป็ นระนาบ 1 ระนาบ คือ ระนาบวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ โลกโคจรรอบดวง อาทิตยเ์ ป็ นวงรีจึงมรี ะยะห่างจากดวงอาทิตยไ์ มเ่ ท่ากนั ช่วงใกลท้ ีสุดประมาณตน้ เดือนมกราคม ( ลา้ นกิโลเมตร) และ ช่วงไกลทีสุดประมาณตน้ เดือนกรกฎาคม (ระยะห่างเฉลีย ลา้ นกิโลเมตร) เมือเปรียบเทียบความแตกตา่ งของระยะทาง ใกล-้ ไกล ในการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ ถือเป็ นอตั ราส่วนทีนอ้ ยมาก ไมม่ ีผลต่อการเกิดฤดูกาล แตก่ ารทีแกนหมุน

13 ของโลกเอียงทาํ มุม . องศากบั แนวตงั ฉากกบั ระนาบวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ พนื ทีตา่ ง ๆ ทวั โลกจึงรับ แสงอาทิตยไ์ ดใ้ นปริมาณไม่เท่ากนั ส่งผลใหม้ ีอุณภมู ิตา่ งกนั รวมถึงมีระยะเวลากลางวนั และกลางคืนทีตา่ งกนั ดว้ ย เป็นเหตุ ใหเ้ กิดฤดูกาลขึนบนโลก ในฤดูรอ้ น เวลากลางวนั จะยาวกวา่ กลางคืน ดวงอาทิตยจ์ ะขึนเร็วและตกชา้ ส่วนในฤดูหนาวเวลา กลางคืนจะยาวนานกวา่ กลางวนั ดวงอาทิตยจ์ ะขนึ ชา้ และตกเร็ว วนั ที 21 มิถนุ ายนเป็ นวนั “ครีษมายนั ” (ครีด-สะ-มา-ยนั ) (Summer Solstice) เวลากลางวนั ยาวทีสุดในรอบปี วนั ทีดวงอาทิตยโ์ คจรไปถึงจุดสุดทางเหนือ และแตล่ ะวนั ดวงอาทิตยจ์ ะ ปรากฏในตาํ แหน่งต่างกนั เปลียนตาํ แหน่งไปประมาณวนั ละ 1 องศา ตงั แต่เดือนมีนาคม ดวงอาทิตยเ์ คลือนทีไปทางเหนือ เรือยๆ และหยดุ ทีจดุ เหนือสุดในวนั ที 21 มิถุนายน จากนนั จะค่อยๆ เคลือนลงมาทางใต้ ทาํ ใหด้ วงอาทิตยข์ ึนจากขอบฟ้า ทางทิศตะวนั ออกเฉียงไปทางเหนือมากทีสุด และตกลบั ขอบฟ้าทางทิศตะวนั ตกเฉียงไปทางเหนือมากทีสุด จึงมีช่วงเวลา กลางวนั ยาวทีสุดในรอบปี นบั เป็นวนั เริมตน้ ฤดูร้อนของประเทศทางซีกโลกเหนือ และเขา้ สู่ฤดหู นาวของประเทศในซีก โลกใต้ สาํ หรับประเทศไทย วนั ดงั กล่าวดวงอาทิตยข์ ึนเวลาประมาณ 05:51 น. และจะตกลบั ขอบฟ้า เวลาประมาณ 18:47 น. รวมเวลาทีดวงอาทิตยป์ รากฏอยบู่ นทอ้ งฟ้า 12 ชวั โมง 56 นาที (เวลา ณ กรุงเทพมหานคร) ดงั นนั ชุมนุมนกั ดาราศาสตร์รุ่นเยาว์ โรงเรียนเมืองพลพิทยาคม จงึ ร่วมกนั ทาํ กิจกรรมเด่น เรือง การศึกษาการหา ขนาดของโลกในวนั ครีษมายนั ดว้ ยเรขาคณิตอยา่ งง่าย โดยทาํ การศึกษาตาํ แหน่งเงาของขาตงั ในช่วงเวลา 09.00 น. ถึง 15.00 น. สงั เกตตามแนวลองจิจดู การการหาระยะห่างจากจดุ คาํ นวณหาเสน้ รอบวงของโลก การหารัศมีของโลก และคา่ Error (%) โดยใชเ้ ราขาคณิตอยา่ งง่าย 2. การดาํ เนนิ กจิ กรรม อุปกรณ์การทดลอง 1. ปากกา 2. ดินสอ 3. ไมบ้ รรทดั 4. ไมเ้ มตร 5. เชือก 6. แผน่ ไวนิล 7. ฟิ วเจอร์บอร์ด 8. ระดบั นาํ 9. ขาตงั พร้อมฐาน การทดลอง ตอนที 1 ศึกษาการเคลือนทขี องเงาจากขาตงั ในเวลาต่าง ๆ เทยี บกบั การโคจรของดวงอาทติ ย์บนท้องฟ้า จดุ ประสงค์ 1. เพือศึกษาการเคลือนทีของเงาจากขาตงั ในเวลาตา่ ง ๆ เทียบกบั การโคจรของดวงอาทิตยบ์ นทอ้ งฟ้า 2. เพือหาความยาวของเงาขณะทีดวงอาทิตยผ์ า่ นเสน้ เมอริเดียน วธิ กี ารทดลอง 1. ใชแ้ ท่งเหลก็ ยาว พร้อมฐานตงั วางบนพนื ทีราบในระดบั เดียวกนั 2. ใชแ้ ผน่ ไวนิลปูพืนบริเวณลานเสาธงเพอื สังเกตความยาวของเงาจากแท่งเหลก็ ในเวลาตา่ ง ๆ 3. ทาํ การวดั ระดบั นาํ เพอื สมดุลของขาตงั ในระดบั และแนวดิง 4. สังเกตเงาของขาตงั ในเวลาต่าง ๆ บนั ทึกผล

14 5. หาความยาวของเงาทีสนั ทีสุดขณะทีดวงอาทิตยผ์ า่ นเสน้ เมอริเดียน 6. วดั ความยาวของเงาในช่วงเวลาตา่ ง ๆ เริมจากเวลา 09.00 น. – 11.30 น. บนั ทึกผลการทดลองทุก ๆ 10 นาที และเวลา 11.30 น. - 12.30 น. วดั ความยาวเงาทุก ๆ 5 นาที เพอื ความแมย่ าํ ในการหาขนาดของโลก และ เวลา 12.30 – 15.00 น. วดั ความยาวของเงาขาตงั ทุก ๆ 10 นาที ผลการทดลองตอนที 1 ศึกษาการเคลือนทขี องเงาจากขาตงั ในเวลาต่าง ๆ เทยี บกบั การโคจรของดวงอาทติ ย์บนท้องฟ้า ความสูงขาตงั .............62.3.................cm ลาํ ดบั ที เวลา (น.) ความยาวเงา (cm) ลาํ ดบั ที เวลา (น.) ความยาวเงา (cm) 1 09.00 63.00 23 12.05 8.65 2 09.10 55.90 24 12.10 8.50 3 09.20 51.10 25 12.15 8.60 4 09.30 48.10 26 12.20 8.70 5 09.40 45.30 27 12.25 8.75 6 09.50 41.90 28 12.30 8.80 7 10.00 38.90 29 12.40 9.90 8 10.10 34.20 30 12.50 11.90 9 10.20 31.70 31 13.00 15.40 10 10.30 28.80 32 13.10 16.90 11 10.40 25.20 33 13.20 20.00 12 10.50 23.10 34 13.30 22.90 13 11.00 19.00 35 13.40 25.40 14 11.10 18.10 36 13.50 31.30 15 11.20 15.30 37 14.00 35.60 16 11.30 13.80 38 14.10 34.80 17 11.35 12.60 39 14.20 37.60 18 11.40 11.40 40 14.30 41.40 19 11.45 10.80 41 14.40 44.90 20 11.50 10.20 42 14.50 48.40 21 11.55 9.20 43 15.00 53.20 22 12.00 8.70

15 แผนภูมิแสดงการเคลือนทีของเงาจากขาตังในเวลาต่าง ๆ เทียบกับการโคจรของดวงอาทิตย์บนท้องฟ้ า เวลา (น.) ความยาวเงา (cm) 9 63 9.1 55.9 9.2 51.1 9.3 48.1 9.4 45.3 9.5 41.9 10 38.9 10.1 34.2 10.2 31.7 10.3 28.8 10.4 25.2 10.5 23.1 11 19 11.1 18.1 11.215.3 11.133.8 111.2.365 1111..44 1101..845 110.1.25 9.211.55 8.712 8.6152.05 8.512.1 8.612.15 8.712.2 8.7152.25 8.812.3 9.912.4 1112..95 1315.4 13.116.9 13.2 20 13.3 22.9 13.4 25.4 13.5 31.3 14 35.6 14.1 34.8 14.2 37.6 14.3 41.4 14.4 44.9 14.5 48.4 15 53.2 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 สรุปผลการทดลอง จากการศึกษาการเคลือนทีของเงาจากขาตงั ในเวลาต่าง ๆ เทียบกบั การโคจรของดวงอาทิตยบ์ นทอ้ งฟ้า พบวา่ ความยาวของเงาของขาตงั ในเวลา 09.00 น. มีความยาวไดม้ ากทีสุด 63 เซนตเิ มตร จากนนั ความยาวของเงาจะลดลงอยา่ ง ต่อเนืองจนถึงช่วงเวลาทีดวงอาทิตยผ์ า่ นเสน้ เมอริเดียนในเวลา 12.10 น. วดั ความยาวได้ 8.50 เซนตเิ มตร จากนนั เงาของขา ตงั จะเพมิ ขึนอยา่ งต่อเนือง ไดก้ ราฟเป็ นแนวโคง้ รูปพาราโบลา ตอนที 2 ศึกษาขนาดของโลก จุดประสงค์ 1. เพือศึกษาวธิ ีการหาระยะทางดว้ ยเรขาคณิตอยา่ งงา่ ย 2. ทดลองหารัศมีของโลกดว้ ยเรขาคณิตอยา่ งง่าย 3. เพือหาเสน้ รอบวงของโลกดว้ ยเรขาคณิตอยา่ งง่าย วธิ ีการทดลอง 1. วดั ขนาดความสูงของขาตงั 2. คาํ นวณหามุมเงยของดวงอาทิตยโ์ ดยใชค้ วามยาวของเงาทีสนั ทีสุดทีวดั ไดใ้ นตอนที 1 3. วดั ระยะห่างจากโรงเรียนเมืองพลพทิ ยาคมทีเป็ นจดุ สงั เกต ไปยงั จุดทีปลายทางในแนวลองจิจดู เดียวกนั โดย ใช้ Google Maps 4. เลือกตาํ แหน่งมีละตจิ ดู ใกลเ้ คียงกบั 23.5o N วนั ไร้เงาของตาํ แหน่งปลายทางพอดี(วนั ครีษมายนั ) โดยใช้ Google Maps 5. นาํ มุมทีคาํ นวณไดไ้ ปเป็ นขอ้ มลู ในการหาขนาดเสน้ รอบวงของโลก 6. คาํ นวณหารัศมีของโลก

16 ผลการทดลองตอนที 2 ศึกษาขนาดของโลก - ละติจูด (Latitute) ของผสู้ งั เกต = 15.80863 - ลองจิจดู (Longitude) ของผสู้ งั เกต = 102.58828 สถานทสี ังเกต ความสูงของขาตงั (cm) ความยาวของเงา (cm) มุมเงยของดวงอาทติ ย์ บริเวณลานหนา้ เสาธงโรงเรียนเมืองพลพิทยาคม 62.3 8.50 7.74 คาํ นวณหามมุ เงยสูงสุดของดวงอาทติ ย์ ������ ณ เมอร์ริเดยี น ความสูงของขาตงั (H) = 62.3 cm ความยาวของเงาทีสนั ทีสุด (D) = 7.90 cm ������ จากสมการ tan(θ) = D ������ H ������ แทนค่า tan(θ) = 8.50 62.30 tan(θ) = 0.136 θ = 7.74 ระยะห่างระหว่างจุดสังเกตวดั โดยใช้ Google Maps ระยะห่างระหวา่ งจุดสงั เกต วดั ระยะทางได้ = 855.57 กิโลเมตร คาํ นวณหาเส้นรอบวงของโลก เสน้ รอบวงของโลก (กิโลเมตร) = ระยะห่างระหวา่ งจดุ สงั เกต(กิโลเมตร) × 360๐ θ = 855.57  360 7.74 ขนาดของเส้นรอบวงของโลก = 39,793.95 กิโลเมตร คาํ นวณหารัศมีของโลก รัศมีของโลก (กิโลเมตร) = เสน้ รอบวงของโลก 2π = 39793.95 2  3.14 = 6,336.62 รัศมีของโลก (r) = 6,336.62 กิโลเมตร สรุปผลการทดลอง จากคาํ นวณหาขนาดของมมุ เงยของดวงอาทิตย์ จากการสงั เกตเงาของแกนขาตงั ไดม้ ุมเงย เทา่ กบั 7.74 เมือนาํ มุมมาคาํ นวณหาเสน้ รอบวงของโลก จะไดข้ นาดของเสน้ รอบวงของโลกเท่ากบั 39,793.95 กิโลเมตร และรัศมีของโลก จากการคาํ นวณมีคา่ เท่ากบั 6,336.62 กิโลเมตร

17 ตอนที 3 หาค่าเปอร์เซ็นต์ความคลาดเคลือน (Error) จดุ ประสงค์ 1. คาํ นวณค่าความคลาดเคลือน Error (%) ของเสน้ รอบวงของโลก 2. คาํ นวณค่าความคลาดเคลือน Error (%) ของรศั มีของโลก 3. เพือหาค่าทีถูกตอ้ งของการวดั ขนาดของโลกดว้ ยเรขาคณิตอยา่ งงา่ ย วธิ ีการทดลอง 1. นาํ ค่าทีคาํ นวณไดใ้ นตอนที 2 หาค่าความคลาดเคลือน Error (%) ขนาดของเสน้ รอบวงของโลก เทียบกบั คา่ จริง 2. นาํ คา่ ทีคาํ นวณไดใ้ นตอนที 2 หาค่าความคลาดเคลือน Error (%) ขนาดของรศั มขี องโลก เทียบกบั คา่ จริง คาํ นวนหาค่าความคลาดเคลือนของเส้นรอบวงของโลก ขนาดเสน้ รอบวงของโลก มีคา่ เทา่ กบั ,075 km ขนาดเส้นรอบวงของโลกทีวดั ได้ มีคา่ เท่ากบั 39,793.95 km ค่าความคลาดเคลือนของเส้นรอบวงของโลก = 40,075 -39,793.95 = 281.05 km = 281.05 100 40, 075 = 0.701 % ค่าความคลาดเคลือนของรัศมขี องโลก = 6,371 - 6,336.62 = 34.38 km = 34.38100 6, 371 = 0.539 % สรุปผลการทดลอง จากการคาํ นวณค่าความคลาดเคลอื น Error (%) ของเส้นรอบวงของโลก พบวา่ ค่าความคลาดเคลือนของเสน้ รอบวงของโลกจากการทดลอง มีความคลาดเคลือนจากค่าจริง คิดเป็ น 0.701 % และค่าความคลาดเคลือนของรัศมีของ โลกจากการทดลองคลาดเคลือนไปจากค่าจริงคดิ เป็ น 0.539 % 3. สรุปผลการดาํ เนนิ กจิ กรรม จากการศึกษาการหาขนาดของโลกในวนั ครีษมายนั ดว้ ยเรขาคณิตอยา่ งง่าย พบวา่ ความยาวของเงาของขาตงั ใน เวลา 09.00 น. มีความยาวไดม้ ากทีสุด 63 เซนติเมตร จากนนั งาจะลดลงอยา่ งต่อเนืองจนถึงช่วงเวลาทีดวงอาทิตยผ์ า่ น เสน้ เมอริเดียนในเวลา 12.10 น. วดั ความยาวได้ 8.50 เซนติเมตร จากนนั เงาของขาตงั จะเพมิ ขึนอยา่ งตอ่ เนือง ไดก้ ราฟเป็นแนว โคง้ รูปพาราโบลา การศึกษาขนาดของโลกจากคาํ นวณหาขนาดของมุมเงยของดวงอาทิตย์ จากการสังเกตเงาของแกนขาตงั ไดม้ มุ เงย เท่ากบั 7.74 เมือนาํ มมุ มาคาํ นวณหาเสน้ รอบวงของโลก จะไดข้ นาดของเสน้ รอบวงของโลกเท่ากบั 39,793.95 กิโลเมตร และรศั มีของโลกจากการคาํ นวณมีค่าเท่ากบั 6,336.62 กโิ ลเมตร การหาค่าเปอร์เซ็นตค์ วามคลาดเคลือน (Error) พบวา่ ค่าความคลาดเคลือนของเสน้ รอบวงของโลกจากการทดลอง มี ความคลาดเคลือนจากค่าจริง คิดเป็ น 0.701 % และคา่ ความคลาดเคลือนของรศั มีของโลกจากการทดลองคลาดเคลือนไป จากคา่ จริงคิดเป็ น 0.539 %

18 ประโยชน์ทไี ด้รับจากการทํากจิ กรรมชุมนมุ นักดาราศาสตร์รุ่นเยาว์ เด็กชายกฤตภาส อาํ ไธสง เดก็ ชายพรี วชิ แสนบุญศิริ และเดก็ หญงิ อรวรรยา เทพสุทธิ ตวั แทนชุมนุม นกั ดาราศาสตร์รุ่นเยาว์ โรงเรียนเมอื งพลพทิ ยาคม ไดส้ รุปประโยชนท์ ีไดร้ ับจากการทาํ กิจกรรมชุมนุมนกั ดาราศาสตร์ รุ่นเยาว์ ดงั นี จาการทาํ กิจกรรมยอ่ ยในชุมนุมทาํ ใหม้ ีความรู้ความเขา้ ใจเกียวกบั ดาราศาสตร์เพมิ มาก ขึนผา่ นการทาํ กิจกรรม อยา่ งหลากหลายในเรือง เงาจากดวงอาทิตย์ สร้างแอสโตรแลป นิทานดาว การสงั เกตผิวของดวงจนั ทร์ ดาวหาง ปรากฎการณ์แสงโลก ปรากฎการณ์จนั ทรุปราคาเตม็ ดวง ผลงานของพระบิดาแห่งวทิ ยาศาสตร์ไทย การใชแ้ ผนทีดาว ซึง กิจกรรมยอ่ ยทีไดล้ งมือทาํ ส่งผลใหเ้ กิดความกระตือรือร้นทีจะคน้ ควา้ หาขอ้ มลู ทางวทิ ยาศาสตร์ เกิดทกั ษะกระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์และไดล้ งมือปฏิบตั ิดว้ ยตนเอง ไดฝ้ ึ กการออกแบบการทดลอง มีความคดิ ริเริม ออกแบบและประดิษฐอ์ ุปกรณ์ อยา่ งสร้างสรรค์ มีการคน้ หาคาํ ตอบ และหาวธิ ีการแกป้ ัญหาอยา่ ง ไดฝ้ ึ กการนาํ เสนอขอ้ มลู กลา้ คิดกลา้ แสดงออก มีความ มนั ใจในตนเองมากยงิ ขนึ หลากหลาย มีการรับฟังความคิดเห็นจากผอู้ ืน แลกเปลียนความคิดเห็นซึงกนั และกนั ฝึ กการอยู่ ร่วมกบั ผอู้ ืน และเป็นการใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชน์ จากการทาํ กิจกรรมเด่นในหวั ขอ้ โครงงาน เรืองการศึกษาการหาขนาดของโลกในวนั ครีษมายนั ดว้ ยเรขาคณิต อยา่ งง่าย ทาํ ให้มีความเขา้ ใจในการศึกษาการเปลียนตาํ แหน่งเงาของวตั ถุในเวลาต่าง ๆ เทียบกบั การโคจรของดวงอาทิตย์ บนท้องฟ้า มีความความรู้และเขา้ ใจในการคาํ นวณหาขนาดของโลก จากการสังเกตเงาทีตกระทบพืน และสามารถ คาํ นวณหาขนาดของเสน้ รองวงของโลก รัศมีของโลก โดยการใชเ้ รขาคณิตอยา่ งง่าย การหาค่าความคลาดเคลือนทีเกิดจาก การวดั ในการหาระยะห่างจากจุดสงั เกตไปยงั จดุ ทีอยใู่ นลองจิจดู เดียวกนั เป็ นการฝึ กใช้ Google Maps วดั ระยะห่างทาํ ให้ มีความรู้เขา้ ใจวธิ ีการวดั มากยงิ ขึน และยงั ทาํ เป็นการฝึ กทกั ษะ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ทกั ษะในการสงั เกต การวดั ระยะ และการแกป้ ัญหาทีเกิดขึนในการทดลอง รวมทงั การนาํ ความรู้ทีไดไ้ ปศึกษาเนือหาในระดบั ทีสูงขึนไปได้

19 เอกสารอ้างองิ ลิซา ไมลส์ และอลาสแตร์ สมิธ. 2551. ดาราศาสตร์และอวกาศ ฉบับสมบูรณ์. พิมพค์ รังที 16. นิพนธ์ ทรายเพชร, ผแู้ ปล. กรุงเทพฯ : นานมีบุ๊คส์พบั ลิเคชนั ส์ สามารถ พงศไ์ พบูลยแ์ ละคณะ. คู่มือเตรียมสอบวทิ ยาศาสตร์ ม.2 โลกดาราศาสตร์และอวกาศ. กรุงเทพ: ไฮเอด็ พบั ลิชชิงจาํ กดั สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลย.ี (2562). หนงั สือเรียนรายวชิ าเพมิ เตมิ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 3. (พมิ พค์ รังที 2). กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์ สกสค. สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลย.ี (2554). หนงั สือเรียนรายวชิ าเพมิ เตมิ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ชันมธั ยมศึกษาปี ที 4 – 6 . กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ คุรุสภาลาดพร้าว -https://th.wikipedia.org/wiki/เอราทอสเทนีส -https://www.narit.or.th -https://www.britannica.com/biography/Eratosthenes -http://www.astroeducation.com/eratosthenes-history-measure-earth-size/ -https://theprocrastinatingscientist.home.blog/2020/05/29/ancient-scientists-chapter-1-eratosthenes/ -https://mathhistorythai.wordpress.com/2020/04/21/mathhis5/ -https://astronavigationdemystified.com/eratosthenes-proved-that-the-earth-is-not-flat/

20 รายชือสมาชิกชุมนุมนักดาราศาสตร์รุ่นเยาว์ โรงเรียนเมืองพลพทิ ยาคม ลาํ ดบั ที ชือ-สกลุ ชัน 1 เดก็ ชายชยั กิตตวิ ฒั น์ จนั ทรตุ ม.2/5 2 เดก็ ชายปรินธร หมวดศรี ม.2/5 3 เด็กหญิงสุกาญดา แสนบุญ ม.2/5 4 เด็กชายกฤตภาส อาํ ไธสง ม.3/1 5 เดก็ ชายพรี วชิ แสนบุญศิริ ม.3/1 6 เด็กหญิงอรวรรยา เทพสุทธิ ม.3/1 7 เด็กชายธนเดช โคตรมณี ม.3/5 8 เดก็ ชายกฤษฎาวฒุ ิ พรมใจ ม.3/5 9 เดก็ ชายจิราพชั ร อิติบุตรตา ม.3/5 10 เด็กชายโชติพงศ์ รกั ษาเมือง ม.3/5 11 เดก็ ชายชชั ชยั เชิดพานิช ม.3/5 12 เดก็ ชายศุภกิจ โชตมิ นตช์ ิตา ม.3/5 13 เด็กหญิงกิตติญา ขาวพา ม.3/5 14 เดก็ หญิงปภาศิริ อดใจ ม.3/5 15 เด็กหญิงปราณปรียา เนียมไธสง ม.3/5 16 เดก็ หญิงพชั ราภา สิทธิวงษา ม.3/5 17 เดก็ หญิงสุชานนั ท์ อสุ ่าห์ ม.3/5 18 เด็กหญงิ สุชาวดี ปัตตะเน ม.3/5 19 เด็กหญงิ บุญประอร ช่วยศรี ม.3/5 20 เด็กหญิงชนิภรณ์ รตั นา ม.3/5 21 เด็กหญิงณฐั ธิดา ศิลา ม.3/5 22 เดก็ หญงิ เกศราภรณ์ รัตนงั ม.3/5 23 เด็กชายเกริกไกร ทบั สมบตั ิ ม.3/7 24 เดก็ ชายธนาคิม ประวะเค ม.3/7 25 เดก็ หญงิ ชฎาภรณ์ เทนอิสสระ ม.3/7 26 เด็กหญิงภชั รีย์ ลรี ตั น์ ม.3/7 27 เดก็ หญงิ วรัญญา สถาพร ม.3/7 28 เด็กหญงิ สุชานนั ท์ ระเบียบโอษฐ์ ม.3/7 29 เด็กหญงิ สุธาวี ตอสกุล ม.3/7 30 เด็กหญิงอชิรญา แสงจนั ทร์ ม.3/7 31 เด็กหญิงเอมอชั ฌา ดวงแสง ม.3/7 32 เด็กหญิงอนิ ทิรา กระยอม ม.3/13

ลาํ ดบั ที ชือ-สกลุ 21 33 เดก็ หญงิ ศศิธร โพยนอก 34 เดก็ หญงิ สุธิดา ลานาํ เทียง ชัน 35 เดก็ หญิงรินลดา เรืองโอชา ม.3/13 36 เด็กหญงิ กณิชฐกญั ญ์ กลางนอก ม.3/13 37 เดก็ หญิงนภสั นนั ท์ หรีอินทร์ ม.3/13 38 เด็กหญงิ พมิ พช์ นก แกว้ นอ้ ย ม.3/13 39 เดก็ หญิงนนั ทิชา ช่วยนา ม.3/13 40 เด็กหญงิ ศิรินยาสินี จนั ทะดวง ม.3/13 41 เด็กหญิงอรุ ัสยา หาวนั ม.3/13 42 เดก็ หญงิ ธญั ยธรณ์ เทนอิสระ ม.3/13 43 เด็กหญิงพลอยจุฑา ลุนดาพร ม.3/13 44 เดก็ หญิงพรบุณยา คูณโปก ม.3/13 45 เด็กหญงิ ชนนั ยา ห่างไธสง ม.3/13 46 เด็กหญงิ เตชินี โฆสิตานนท์ ม.3/13 47 เดก็ หญงิ ปิ ยนุช ศรีวงแกว้ ม.3/13 48 นางสาวณฐั กฤตา ทิพวงศ์ ม.3/13 49 นางสาวนาํ ฝน สมบูรณ์นอ้ ย ม.3/13 50 นางสาวภทั รธิดา ศรีวงชยั ม.4/3 51 นายณรงคเ์ ดช กองศรี ม.4/3 52 นางสาวแทนขวญั สุตะนนท์ ม.4/3 53 นางสาวพรพมิ ล ไทยลาวลั ย์ ม.4/3 54 นายธนกฤต จนั ดา ม.4/3 55 นายจาตรุ นต์ วงษผ์ าบ ม.4/1 ม.6/5 ม.6/10

22 ภาคผนวก

23 ภาพกจิ กรรมการทดลอง ภาพกจิ กรรมการหาระยะทางจาก Google Maps

24 รูปสมาชิกชุมนุมนกั ดาราศาสตร์รุ่นเยาว์ โรงเรียนเมืองพลพทิ ยาคม

25


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook