Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นางสาวณัฐกานต์ ละออเอี่ยม

นางสาวณัฐกานต์ ละออเอี่ยม

Published by Bee Nattakarn, 2021-08-03 06:08:05

Description: ดนตรี

Search

Read the Text Version

สื่อการสอนออนไลน์ เรือ่ ง กิจกรรมดนตรี ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4 โดย นางสาวณฐั กานต์ ลออเอ่ียม โรงเรยี นเทศบาลแสนสุข จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. บอกประโยคเพลงอยา่ งง่ายได้ ๒. จาแนกประเภทของเคร่อื งดนตรที ใี่ ชใ้ นเพลงท่ฟี งั ได้ ๓. ระบุทิศทางการเคล่อื นทขี่ ึ้น-ลงง่ายๆ ของทานองรูปแบบจงั หวะ และ ความเร็วของจังหวะในเพลงทฟี่ ังได้ ๔. อ่าน เขยี นโนต้ ดนตรีไทยและสากลได้ ๕. ร้องเพลงโดยใชช้ ่วงเสียงที่เหมาะสมกับตนเองได้ ๖. ใชแ้ ละเกบ็ เครอื่ งดนตรอี ย่างถูกตอ้ งได้ ๗. ระบุวา่ ดนตรีสามารถใชใ้ นการส่อื เรือ่ งราวได้

บทท่ี ๑ ดนตรนี า่ รู้ ประโยคเพลง หมายถงึ ทานองเพลงกลมุ่ หน่งึ ซ่งึ ในเพลงเพลงหนง่ึ จะประกอบไปดว้ ยประโยคเพลงหลายประโยคเพลง เราสามารถสังเกตได้จากการแบง่ วรรคตอนของเพลง เพลงชา้ ง เน้อื ร้อง คุณหญิงชนิ้ ศิลปบรรเลง ทานอง พม่าเขว ช้าง ชา้ ง ช้าง ประโยคเพลงที่ ๑ หนูเคยเห็นช้างหรือเปลา่ ประโยคเพลงที่ ๒ ช้างมันตวั โตไมเ่ บา ประโยคเพลงที่ ๓ จมูกยาวๆ เรียกวา่ งวง ประโยคเพลงท่ี ๔ สองเขีย้ วใต้งวงเรยี กวา่ งา ประโยคเพลงที่ ๕ มหี ูมีตาหางยาว ประโยคเพลงท่ี ๖ โดยปกติเพลงท่ัวไปจะมีประโยคเพลงไม่เท่ากนั และทน่ี ิยมใชม้ ักจะมีจานวนประโยคเพลงเป็นแบบจานวนคู่ เช่น ๔ ประโยคเพลง ๖ ประโยคเพลง เป็นต้น

จงั หวะ อัตราความช้า-เร็วของเพลง ซึง่ แตล่ ะเพลงมคี วามชา้ -เรว็ ของจังหวะแตกต่างกัน บางเพลงมีจังหวะช้า บางเพลง มีจงั หวะเรว็ ประเภทของจงั หวะ (แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท) • จงั หวะช้า ส่วนมากมกั ใชก้ บั เพลงท่ใี ห้อารมณ์เศร้า เหงา หรอื ตอ้ งการให้เกิดอารมณ์เคลิบเคลิม้ เช่น เพลงกล่อมเด็ก เป็นต้น • จงั หวะเรว็ สว่ นมากมักใชก้ ับเพลงทใี่ หอ้ ารมณ์สนกุ สนาน เพลิดเพลิน ฮกึ เหิมหรือกระฉบั กระเฉง เช่น เพลงงามแสงเดอื น เพลงแหลมทอง เพลงระบาชาวเกาะ เปน็ ตน้

รปู แบบจงั หวะ รูปแบบจงั หวะ 42 หมายถึงแต่ละห้อง มี ๒ จงั หวะ โดยจะเน้นท่ีจังหวะท่ี ๑ และจังหวะที่ ๒ เป็นจงั หวะปกติ ๑๒๑ ๒ ๑๒ หมายเลข ๑ ใหเ้ คาะ เสยี งหนกั หมายเลข ๒ ใหเ้ คาะ เสียงเบา รูปแบบจงั หวะ 43 หมายถึง แต่ละหอ้ ง มี ๓ จังหวะ โดยจะเน้นท่จี ังหวะที่ ๑ ส่วนจังหวะที่ ๒ และ ๓ เป็นจงั หวะปกติ

รูปแบบจงั หวะ 44 หมายถึง แต่ละห้อง มี ๔ จงั หวะ โดยจะเน้นท่จี ังหวะท่ี ๑ และเน้นจังหวะท่ี ๓ เปน็ จังหวะรอง ส่วนจังหวะที่ ๒ และ ๔ เป็นจงั หวะปกติ ๑๒ ๓๔ ๑ ๒ ๓๔๑ ๒๓ ๔ หมายเลข ๑ ใหเ้ คาะ เสียงหนกั หมายเลข ๒ ใหเ้ คาะ เสยี งเบา หมายเลข ๓ ใหเ้ คาะ เสียงเบา หมายเลข ๔ ให้เคาะ เสยี งเบา

ทานอง ระดบั เสยี งสูงและเสียงต่าที่เรยี งตดิ ตอ่ กันอยา่ งสมา่ เสมอ และอาจจะมีความสั้น-ยาวของเสยี งไม่เท่ากนั ขึ้นอยู่กบั ผปู้ ระพันธจ์ ะสร้างสรรค์ข้ึนมา ส่วนมากคนเรามกั จะจาทานองเพลงไดก้ ่อนเน้อื เพลง เนื่องจากจดจาง่ายและคุ้นเคยได้เร็วกว่า หากเราอยากร้อง เพลงไดด้ เี ราจะต้องฝกึ สงั เกตและเรียนรู้ทศิ ทางการเคลื่อนทขี่ องทานองเพลงด้วยว่าเพลงทจ่ี ะรอ้ งนัน้ มีทานองเพลง เคลอื่ นท่ีอยา่ งไรและมีรปู แบบใด ทศิ ทางการเคลือ่ นทีข่ องทานอง (มี ๓ ลกั ษณะ) • การเคล่อื นทข่ี ึ้น • การเคลือ่ นที่ลง • การซ้าอยู่กับท่ี

รูปแบบการเคลื่อนท่ขี องทานอง (อาจแบ่งได้เป็น ๒ แบบ) การเคลอื่ นที่แบบขน้ั บันได โด โด ที (เสยี งโดสูง) (เสยี งโดสูง) ที ลา ลา ซอล การเคลอ่ื นที่ ซอล ฟา ข้นึ ลงแบบขั้นบนั ได ฟา มี มี เร เรเร โด (เสยี งโดต่า) (เสยี งโดต่า) โด จากแผนภูมจิ ะเหน็ วา่ เสียงจะเคลื่อนที่จากเสยี งตา่ ขึน้ ไปหาเสียงสงู และจากเสยี งสูงลงมาหาเสยี งต่าเรียงตามลาดับ ดงั นี้ โด(ตา่ ) ➜ เร ➜ มี ➜ ฟา ➜ ซอล ➜ ลา ➜ ที ➜ โด(สงู ) และ โด(สูง) ➜ ที ➜ ลา ➜ ซอล ➜ ฟา ➜ มี ➜ เร ➜ โด(ต่า)

การเคลอ่ื นท่ีแบบกระโดด โด โด ที (เสียงโดสูง) (เสียงโดสูง) ที ลา ลา ซอล การเคลอ่ื นท่ี ซอล ฟา ขึน้ ลงแบบกระโดด ฟา มี มี เร เรเร โด (เสียงโดต่า) (เสยี งโดต่า) โด จากแผนภูมจิ ะเห็นวา่ เสียงจะเคล่ือนท่จี ากเสยี งตา่ ข้นึ ไปหาเสยี งสงู และจากเสยี งสงู ลงมาหาเสยี งต่า โดยข้ามระดับเสียงไป ไม่เรยี งตามลาดับ เช่น โด(ตา่ ) ➜ ฟา ➜ ลา ➜ โด(สงู ) และ โด(สูง) ➜ ลา ➜ ฟา ➜ โด(ตา่ )

บทท่ี ๒ เครื่องดนตรี ประเภทของเครอ่ื งดนตรี ประเภทของเคร่ืองดนตรีไทย (แบง่ เปน็ ๔ ประเภท) เครอื่ งดดี เปน็ เครือ่ งดนตรีท่ใี ชน้ วิ้ ดีดหรือใชท้ ่ีดดี ดดี สายทาให้เกิดเสยี ง เช่น จะเข้ ซงึ กระจบั ปี่ พิณอีสาน เปน็ ตน้ จะเข้ กระจับป่ี

เครื่องสี เป็นเครื่องดนตรีท่ใี ช้คนั ชกั สที ่ีสายของเคร่อื งดนตรที าให้เกิดเสียง เชน่ ซออู้ ซอดว้ ง ซอสามสาย เปน็ ตน้ ซอสามสาย ซอดว้ ง ซออู้ เครือ่ งตี เปน็ เครื่องดนตรีที่ใชม้ อื ไม้ หรือเครอ่ื งดนตรดี ว้ ยกัน มาตกี ระทบกัน ซึ่งทาให้เกิดเสียง เชน่ กลองยาว ตะโพน ระนาดเอก ฉิ่ง ฉาบ ฆอ้ งวงใหญ่ เปน็ ต้น ระนาดเอก ตะโพน ฆอ้ งวงใหญ่

เครื่องเป่า เปน็ เคร่อื งดนตรีท่ีใชป้ ากเป่าทาให้เกิดเสียง เชน่ แคน ปีใ่ น ขลยุ่ เพยี งออ ขลยุ่ หลบี ขลุ่ยอู้ เป็นตน้ ขลุ่ยอู้ ขลยุ่ เพียงออ แคน

ประเภทของเครือ่ งดนตรสี ากล (แบง่ เป็น ๕ ประเภท) เครอื่ งสาย เคร่อื งดนตรีประเภทน้ีเกิดเสยี ง โดยใช้วธิ ที าให้สายสั่นสะเทอื น มีกลอ่ งเสยี งท่ีใช้ขยายเสียง ทาให้เกดิ เสยี งดังและมีลกั ษณะเสยี งท่แี ตกตา่ งกนั ไป เคร่ืองสายแบ่งเป็น ๒ จาพวก เครื่องดีด เครอ่ื งสี เป็นเครอ่ื งดนตรที ใ่ี ชน้ ้ิวมอื ดีด หรือใช้อุปกรณช์ นดิ อ่ืน เป็นเคร่ืองดนตรีท่ใี ช้การสีด้วยคนั ชกั ทาให้เกิดเสยี ง ทาให้เกดิ เสยี ง เชน่ กตี าร์ แบนโจ ฮารป์ แมนโดลนิ เช่น ไวโอลนิ วิโอลา วิโอลอนเชลโล ดับเบิลเบส เปน็ ตน้ กตี ารโ์ ปร่ง ไวโอลิน

เครอื่ งลมไม้ เคร่ืองดนตรปี ระเภทนี้ แบ่งตามกรรมวธิ ีทีท่ าให้เกดิ เสยี ง ซ่ึงแบง่ เปน็ ๒ จาพวก เครื่องเปา่ ลมผา่ นช่องลม เคร่ืองเปา่ ลมผ่านล้ิน เครือ่ งดนตรีจาพวกนม้ี หี ลายชนดิ เชน่ ริคอร์เดอร์ เครอื่ งดนตรีจาพวกนมี้ ลี ิ้นอยูท่ ี่ปากเปา่ ซง่ึ ลิ้นสามารถเปลี่ยน พกิ โคโล ฟลตู เป็นต้น ได้ เช่น คลาริเน็ต โอโบ แซก็ โซโฟน องิ ลชิ Îอรน์ บาสซูน คอนทราบาสซนู เปน็ ต้น พกิ โคโล ริคอรเ์ ดอร์ คลาริเน็ต คอนทราบาสซูน

เครือ่ งลมทองเหลือง เป็นเครอ่ื งดนตรที ่ใี ช้วธิ เี ป่าลมผา่ นริมฝีปากไปปะทะกบั ชอ่ งเป่าทาให้เกิดการสน่ั สะเทือน เช่น เฟรนชฮ์ อร์น ซูซาโฟน คอร์เนต็ ทรมั เป็ต ทรอมโบน เปน็ ต้น เฟรนช์ฮอรน์ ทรมั เปต็ เคร่ืองคีย์บอรด์ เครอ่ื งดนตรีประเภทนม้ี ลี มิ่ นวิ้ เรียงกนั อยูเ่ ปน็ แผง เพื่อใชน้ ้วิ มือกดลงล่ิมนิ้ว ทาให้เกดิ เสยี งตามต้องการ เช่น แอ็คคอร์เดยี น ออรแ์ กน เมโลเดียน คีย์บอรด์ ไฟฟา้ เปียโน เปน็ ตน้ เปยี โน แอ็คคอรเ์ ดียน

เคร่อื งกระทบ (แบ่งเป็น ๒ จาพวก) เครอื่ งกระทบทท่ี าจังหวะ เคร่อื งกระทบท่ีทาทานอง เป็นเครือ่ งกระทบท่ที าเสียงใหจ้ ังหวะเพลง เช่น ทิมพะนี ทอมบา กลองสแนร์ กลองชุด ฉาบ เป็นต้น เป็นเครอ่ื งกระทบทีท่ าเสียงเป็นทานองต่างๆ เช่น ไซโลโฟน เบลไลรา ระฆงั ราว เป็นต้น ไซโลโฟน กลองชดุ

การเก็บรกั ษาเคร่อื งดนตรี การเกบ็ รักษาเครอื่ งดนตรไี ทย จะเข้ เม่อื เล่นเสร็จแล้ว ให้ใช้ผ้านุ่มแหง้ เช็ดทาความสะอาด แล้วลดสายจะเขใ้ ห้หยอ่ นเล็กน้อยเพ่อื ลดความตงึ ของสายแล้วใช้ผา้ คลมุ คลมุ ไว้เพือ่ กันฝนุ่ จากนั้นเกบ็ ไมด้ ดี จะเข้ไว้ในกล่องหรอื เก็บใสถ่ งุ ให้เรียบรอ้ ย ระนาดเอก เมอ่ื เล่นเสร็จแล้ว ใหใ้ ชผ้ ้านุ่มแหง้ เช็ดทาความสะอาด แล้วปลดเชอื กรอ้ ยลกู ระนาดลงมาจากตะขอขา้ งใดข้างหนงึ่ และวางผนื ระนาดบนรางระนาด เพ่อื ไม่ใหเ้ ชือกทร่ี ้อยลกู ระนาดหยอ่ นเรว็ เกนิ ไป จากนน้ั เก็บไม้ตีระนาดไว้ในรางระนาดแล้วใช้ผา้ คลมุ เพ่อื กันฝุน่ ซอด้วง เมอ่ื เลน่ เสรจ็ แลว้ ให้ใช้ผา้ น่มุ แห้งเชด็ ทาความสะอาดแลว้ ลดสายซอใหห้ ย่อนเลก็ นอ้ ยเพื่อลดความตึงของสายซอ และเลอื่ นหย่องไว้บนกระบอกซอจากนั้นวางคนั ชักแนบกบั คนั ซอแล้วนาไปใส่ถงุ และนาไปเกบ็ ในต้ใู หเ้ รียบรอ้ ย กลองแขก เมือ่ เล่นเสร็จแลว้ ใหใ้ ช้ผา้ นมุ่ แหง้ เช็ดทาความสะอาด แล้วนาไปใสถ่ งุ เพื่อกนั ฝุน่ จากนน้ั นาไปเกบ็ เข้าต้เู ก็บกลองหรือวาง ใหเ้ ป็นระเบียบ

การเก็บรักษาเครอ่ื งดนตรสี ากล กีตาร์ เม่ือเลน่ เสร็จแลว้ ใหใ้ ช้ผ้านุม่ แห้งเชด็ ทาความสะอาด แล้วนาไปใสก่ ลอ่ งเกบ็ กีตาร์หรือถุงสาหรบั ใส่กตี าร์ เพื่อป้องกันการกระแทก การเกดิ รอยขดี ข่วน และกันฝุน่ จากนั้นนาไปเกบ็ ในตใู้ หเ้ รียบรอ้ ย ทรัมเปต็ เมอ่ื เล่นเสรจ็ แล้ว ให้เปา่ แรงๆ ที่กาพวดพร้อมกบั ถอดกาพวดออกมาเชด็ ทาความสะอาดเพราะอาจมีน้าลายค้างอยู่ เมื่อประกอบ กาพวดเขา้ กบั ตัวเครือ่ งเสร็จแล้ว ใหใ้ ช้ผ้าสาลชี บุ นา้ ยาขัดเงาโลหะเช็ดอกี ครัง้ จากนนั้ นาใส่กลอ่ งเกบ็ ทรมั เป็ตใหเ้ รยี บร้อยกอ่ น เกบ็ เข้าตู้ต่อไป เปยี โน เมือ่ เล่นเสรจ็ แล้ว ใหใ้ ช้ผา้ นมุ่ แห้งเชด็ ทาความสะอาดตัวเปียโน และคยี บ์ อร์ดใหใ้ ช้ผา้ ชบุ น้าที่ผสมสบ่บู ิดพอหมาดๆเช็ดทาความ สะอาด แต่ไม่ควรใช้แอลกอฮอล์ ทนิ เนอร์ หรือน้ายาเคมีเช็ด เพราะคีย์บอร์ดอาจเสยี หายได้ จากน้ันใชผ้ ้าคลมุ เพือ่ กันฝุ่น กลองชุด เมอื่ เลน่ เสรจ็ แล้ว ให้ใชผ้ ้านมุ่ แห้งเช็ดทาความสะอาด ส่วนท่ีเปน็ โครเมย่ี มใหใ้ ชผ้ ้านมุ่ ชบุ น้าที่ผสมสบบู่ ิดหมาดๆ เชด็ ทาความ สะอาดเพ่อื ขจัดคราบตา่ งๆ สาหรับฉาบใหใ้ ชผ้ า้ นุม่ ชบุ น้ายาทาความสะอาดฉาบเช็ดทาความสะอาด ควรหลีกเลย่ี งการใช้นา้ ยาขดั เงาโลหะมาขดั เพราะจะเปน็ การทาลายร่องเสยี งบนตวั ฉาบจากนน้ั ใชผ้ ้าคลุมเพื่อกนั ฝ่นุ

บทท่ี ๓ โนต้ ดนตรสี ากลและโนต้ ดนตรีไทย โน้ตดนตรสี ากลเบอื้ งต้น ๑ บรรทดั ๕ เสน้ คอื เส้นตรงแนวนอนท่ขี ีดขนานกันไปตามยาว และแตล่ ะเสน้ มีระยะหา่ งระหว่างชอ่ งเทา่ กนั ซึ่งมีทัง้ หมด ๕ เสน้ ๔ ชอ่ ง สาหรับบันทกึ ตวั โน้ตและแสดงความสูง ความตา่ ของเสียง เส้น ช่อง นอกจากบรรทัด ๕ เสน้ แลว้ ยงั มีเสน้ สน้ั ๆ ทข่ี ีดใตห้ รือขีดเหนือบรรทดั ๕ เสน้ หรือเส้นสัน้ ๆ ท่ีขดี เฉพาะตวั โน้ต ใช้เมอื่ ต้องการจะบันทกึ ตัวโน้ตท่ีมีเสยี งสงู หรือเสยี งตา่ กวา่ บรรทดั ๕ เส้น เรียกเสน้ สัน้ ๆ นีว้ า่ เส้นน้อย

๒ กญุ แจประจาหลัก สญั ลกั ษณ์หรือเครือ่ งหมายทใ่ี ช้กาหนดเสยี งของตัวโน้ตในบรรทดั ๕ เส้น ในชัน้ เรยี นนี้ นาเสนอกุญแจประจาหลกั ซอล และกุญแจประจาหลักฟาเบส กญุ แจประจาหลกั ซอล เครอื่ งหมายทกี่ าหนดเสียงตวั โน้ตทอ่ี ยู่ในบรรทัด ๕ เส้น ให้มีตาแหน่งคงท่ี โดยยดึ เสียง ซอล เปน็ หลัก กุญแจประจาหลกั ฟาเบส เครื่องหมายทกี่ าหนดเสียงตวั โนต้ ท่อี ยู่ในบรรทดั ๕ เสน้ ให้มีตาแหนง่ คงท่ี โดยยดึ เสยี ง ฟา เปน็ หลัก

๓ โน้ตและเครื่องหมายหยุด สญั ลกั ษณท์ ่ีใชบ้ นั ทึกทานองและจงั หวะเพลงในบรรทดั ๕ เส้น ตวั โน้ต สญั ลกั ษณท์ ีใ่ ชบ้ นั ทกึ แสดงความส้ัน-ยาวของเสียงดนตรี ซงึ่ อัตราความสนั้ -ยาวของตัวโนต้ ข้ึนอย่กู ับ เครอ่ื งหมายกาหนดจังหวะ ลักษณะของตัวโนต้ ทั่วไป สัญลักษณ์ ช่ือเรียก อัตราความยาวของเสียง ตัวกลม มอี ตั ราความยาวของเสยี งยาวทีส่ ุด ตัวขาว มีอัตราความยาวของเสยี งเป็นคร่งึ หนงึ่ ของตัวกลม ตวั ดา มีอตั ราความยาวของเสยี งเป็นครึง่ หนง่ึ ของตวั ขาว ตัวเขบต็ หน่ึงชัน้ มีอตั ราความยาวของเสยี งเปน็ คร่ึงหน่งึ ของตวั ดา ตัวเขบต็ สองชน้ั มอี ัตราความยาวของเสียงเป็นครงึ่ หนึ่งของตวั เขบ็ตหนึง่ ชนั้

แผนภมู ิการเปรียบเทยี บอัตราความยาวของตัวโน้ต การเขียนตวั โนต้ บนบรรทัด ๕ เส้น สามารถทาไดเ้ มือ่ เรากาหนดกุญแจประจาหลกั เช่น กาหนดใช้กญุ แจซอล ตัวโน้ตทีอ่ ยู่เส้นเดยี ว กับหัวกุญแจซอลเปน็ เสยี งซอล ถ้าตอ้ งการทราบตาแหนง่ ทส่ี งู หรือต่ากวา่ เสียงซอล สามารถดไู ด้จากตวั อย่าง ดังน้ี โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด เร มี ฟา ซอล ลา

ตัวหยุดหรือ เครอ่ื งหมายทีท่ าให้เสียงเงียบหรอื หยดุ ชว่ั คราว โดยจังหวะยงั คงดาเนินต่อไป ซ่ึงชว่ งเวลาการหยุดเสียง เครื่องหมายพกั เสยี ง จะนานเท่าใดขน้ึ อยู่กับลกั ษณะของตวั หยุด ตัวหยุดตัวกลม • อตั รายาวท่ีสดุ เทยี บเท่ากับอัตราจงั หวะของโนต้ ตวั กลม ตวั หยดุ ตัวขาว • มอี ัตราเปน็ ครึ่งหนึ่งของหยดุ ตวั กลม เทยี บเท่ากับอัตราจงั หวะของโน้ตตัวขาว ตัวหยุดตวั ดา • มอี ัตราเปน็ คร่งึ หน่ึงของหยดุ ตัวขาว เทียบเท่ากับอตั ราจงั หวะของโนต้ ตัวดา ตัวหยดุ ตัวเขบ็ตหนง่ึ ชนั้ • มอี ตั ราเปน็ คร่ึงหนงึ่ ของหยุดตัวดา เทยี บเท่ากบั อัตราจังหวะของโน้ตตัวเขบ็ตหนง่ึ ช้ัน ตัวหยุดตัวเขบ็ตสองชนั้ • มอี ัตราเปน็ ครึง่ หนงึ่ ของหยดุ ตัวเขบ็ตหนึง่ ชนั้ เทียบเทา่ กับอัตราจังหวะของโนต้ ตัวเขบต็ สองช้นั

๔ เส้นกั้นหอ้ ง เส้นก้นั หอ้ งจบเพลง เส้นทใี่ ชใ้ นการแบ่งจงั หวะเปน็ ห้อง โดยใชเ้ สน้ กั้นห้องขดี ขวางบนบรรทดั ๕ เส้น เสน้ กน้ั หอ้ ง

โนต้ ดนตรีไทยเบอ้ื งต้น ๑ การแบง่ หอ้ ง หอ้ งโน้ตเพลงไทย ใน ๑ บรรทัด นยิ มแบง่ เป็นชอ่ งจานวน ๘ ชอ่ งและในแตล่ ะชอ่ งเรยี กว่า ๑ ห้องเพลง ซ่งึ ใน ๑ หอ้ งเพลง จะบรรจตุ วั โนต้ ๔ ตัวโนต้ ๑_ ๒_ ๓_ ๔_ ๑_ ๒_ ๓_ ๔_ ๑_ ๒_ ๓_ ๔_ ๑_ ๒_ ๓_ ๔_ ๑_ ๒_ ๓_ ๔_ ๑_ ๒_ ๓_ ๔_ ๑_ ๒_ ๓_ ๔_ ๑_ ๒_ ๓_ ๔_ การบนั ทึกตัวโน้ต มีรปู แบบการบนั ทกึ ไดห้ ลายแบบ ๑ ตัวอยา่ งการบันทึกตวั โน้ตแบบ ๔ ตวั โนต้ ใน ๑ ห้องเพลง ด ร ม ฟ ซ ล ท ด ร ม ฟ ซ ล ท ด ร ม ฟ ซ ล ท ด ร ม ฟ ซ ล ท ด ร ม ฟํ ๒ ตัวอย่างการบนั ทึกตวั โน้ตแบบ ๒ ตัวโนต้ ใน ๑ หอ้ งเพลง -ด-ร -ม-ฟ -ซ-ล -ท-ด -ด-ท -ล-ซ -ฟ-ม -ร-ด ๓ ตัวอย่างการบนั ทกึ ตวั โน้ตแบบ ๑ ตัวโน้ต ใน ๑ หอ้ งเพลง ---ด --- ร ---ม --- ฟ - - -ซ ---ล ---ท ---ด

๒ การแบง่ จังหวะ เพลงไทยมีจังหวะแตกต่างกนั จงั หวะของเพลงไทยแบง่ ได้ ดังนี้ จงั หวะดนตรไี ทย จงั หวะสามชนั้ เปน็ จังหวะช้า - - - ฉ่งิ - - - ฉบั จังหวะสองชัน้ เป็นจังหวะปานกลาง - ฉงิ่ - ฉบั - ฉิ่ง - ฉับ จงั หวะชน้ั เดียว เป็นจงั หวะเร็ว ฉง่ิ ฉับ ฉ่งิ ฉับ ฉงิ่ ฉับ ฉง่ิ ฉับ • อัตราจงั หวะในเพลงไทยมกั จะใช้เสียงฉิง่ เปน็ เครอ่ื งกากบั จงั หวะ ซึง่ เราสามารถสังเกตจังหวะเพลงไดจ้ ากการฟังเสียงฉง่ิ ถ้าเสียงการ ตีฉง่ิ ชา้ และท้ิงช่วงการตนี าน จะเปน็ จังหวะช้า ถ้าเสียงการตฉี ง่ิ เรว็ และตตี อ่ เน่ืองกนั โดยไม่ท้ิงชว่ งนาน จะเป็นจงั หวะเร็ว

บทท่ี ๔ บทเพลงไพเราะ การขับรอ้ งเพลงไทย เพลงไทย เป็นเพลงที่มกี ารบรรเลงโดยใช้เคร่อื งดนตรไี ทย ใช้ทานอง เนื้อร้อง จังหวะ และเสยี งประสานที่เปน็ เอกลักษณ์เฉพาะตวั  หลักการขบั รอ้ งเพลงไทย การขบั ร้อง • รอ้ งให้ถูกต้องตามจังหวะ ทานองเพลง และร้องตามเนือ้ ร้องให้ครบถว้ นไม่ขาดตกบกพรอ่ ง • ออกเสียงรอ้ งใหถ้ ูกตอ้ งและชัดเจน โดยเฉพาะอักษร ร, ล และคาควบกลา้ • รอ้ งเพลงใหม้ เี สียงหนักเสียงเบา เพราะทาใหเ้ พลงมีชวี ิตชีวาขน้ึ เป็นการถ่ายทอดอารมณ์เพลงอยา่ งหนึง่ • ร้องเสยี งดงั สมา่ เสมอ และไมเ่ บาหรอื ดังเกนิ ไป • การรอ้ งเพลงไทยไม่ควรอา้ ปากใหก้ วา้ ง เพราะเน้นความออ่ นนมุ่ ของเสยี ง • การรอ้ งเอือ้ น ควรใหถ้ ูกต้องตามจังหวะทานอง

การหายใจ • ไม่ควรหายใจเข้า-ออกแรงจนผู้ฟังได้ยนิ ควรหายใจเบาๆ และกาหนดการหายใจให้สอดคลอ้ งกับจงั หวะเพลง ทา่ ทางการร้อง • ขณะร้องเพลง ควรนัง่ หรือยืนลาตวั ตรง ไมง่ อตัว และไมเ่ กรง็ • ขณะรอ้ งเพลง ใหแ้ สดงอารมณใ์ หส้ อดคล้องกบั เพลง เช่น ยม้ิ แยม้ แจ่มใสเมื่อรอ้ งเพลงท่ีมจี ังหวะและทานอง สนกุ สนาน เปน็ ต้น

การขบั ร้องเพลงไทยสากล เพลงไทยสากล เปน็ เพลงทม่ี จี งั หวะและทานองเปน็ แบบสากล มีเน้อื รอ้ งเป็นภาษาไทย  หลกั การขับรอ้ งเพลงไทยสากล การขับร้อง • ร้องใหถ้ ูกตอ้ งตามจงั หวะ ทานองเพลง และรอ้ งตามเนอื้ ร้องให้ครบถ้วนไม่ขาดตกบกพรอ่ ง • รอ้ งให้เตม็ เสยี ง ออกเสียงอกั ขระและพยญั ชนะให้ถูกตอ้ งชดั เจน • การร้องเพลงไทยสากล ควรอ้าปากกวา้ งเพือ่ เปล่งเสียงได้เตม็ ท่ี • รอ้ งโดยเน้นเสียงหนกั เสยี งเบาตามอารมณเ์ พลง การหายใจ • หายใจให้สอดคล้องกับจงั หวะการร้องเพลง ท่าทางการร้อง • ใหแ้ สดงอารมณ์ และทา่ ทางให้สอดคล้องกับความหมายของเนอ้ื เพลง • หากขับรอ้ งบนเวทคี วรมองไปทางผชู้ ม ไม่ควรกม้ หน้าหรอื หนั หน้าไปทางอนื่

ขอบคุณคะ่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook