การงานอาชพี เรอ่ื ง งานเกษตร โดย คณุ ครนู ิทศั น์ ศุภดล โรงเรยี นเทศบาลแสนสขุ
งานเกษตร เปา้ หมายการเรียนรู้ • อภปิ รายแนวทางในการปลูกไมด้ อกไมป้ ระดับ ปลกู ผกั หรอื เลี้ยงปลาสวยงาม และปรับปรงุ การทางานแตล่ ะข้นั ตอน (มฐ. ง 1.1 ป.6/1) • ใชท้ กั ษะการจัดการในการทางาน และมที ักษะการทางานร่วมกนั (มฐ. ง 1.1 ป.6/2) • ปฏิบัติตนอยา่ งมมี ารยาทในการทางานกบั ครอบครวั และผู้อน่ื (มฐ. ง 1.1 ป.6/3)
11 1 1 2 12 2 2 ปุ๋ย แสงแดด เนอื้ สัตว์ ผักผลไม้ ดนิ น้า หนอน 1 ชว่ ยกนั จดั กลุ่มวา่ สิง่ ใดบา้ ง ชว่ ยใหพ้ ชื และสัตวเ์ จรญิ เตบิ โต พืช โดยคลิกท่รี ูปดา้ นบนเพอื่ เฉลย 2 สัตว์
• พืชสวน ประเภทของงานเกษตร • ป่าทดแทน การเพาะปลกู พชื • พืชไร่ กลว้ ยไม้ เฟือ่ งฟา้ ขา้ ว อ้อย กวางตุ้ง มะเขอื มันสาปะหลัง โหระพา
ประเภทของงานเกษตร การเลี้ยงสัตว์ การประมง การเกษตรแบบผสมผสาน ไก่ เป็ด กุง้ หอย วัว มา้ เชน่ การเลี้ยงหมแู ละปลูกผัก ควาย โดยนามูลหมูมาทาปุ๋ยเพื่อปลกู ผัก ปู ปลา และนาเศษผกั มาเป็นอาหารหมู อกี ทอดหน่งึ
ไม้ดอก ประเภทของพันธพ์ุ ชื มีดอกสวยงาม เชน่ ไม้ประดับ มีล้าตน้ และใบสวยงาม เช่น กหุ ลาบ ทิวลปิ รกั เร่ สาวน้อยประแปง้ เศรษฐีเรือนนอก พลดู า่ ง ชบา พดุ ตาน ดาวเรือง เดหลี เฟริ ์น ลนิ้ มังกร
ประเภทของพันธุพ์ ืช พืชผักสวนครัว ใชร้ ับประทาน เช่น ตน้ หอม ผักชี พรกิ ชี้ฟา้ ผักบุง้ มะกรูด แตงกวา ความรเู้ สริม ไม้ดอกบางชนิดสามารถนามารับประทานและใช้แตง่ กลน่ิ สขี องอาหารไดอ้ ีกด้วย เช่น อัญชนั โสน มะลิ อัญชนั โสน มะลิ
การคดั เลอื กพันธพุ์ ชื เป็นการคัดตน้ พืชมาใช้ในการปรบั ปรงุ พนั ธุ์ หรอื ขยายพนั ธุ์ มหี ลกั การ ดังนี้ ให้ผลผลติ สูง ทนตอ่ โรคและศตั รพู ืช ตรงกับความตอ้ งการของตลาด เชน่ ผลมรี สอร่อย เหมาะสมกบั สภาพอากาศแต่ละท้องถน่ิ ดูแลรักษางา่ ย เพอ่ื ให้พืชเจริญงอกงาม และใหผ้ ลผลติ ท่ดี ี
การขยายพันธ์พุ ชื เปน็ การเพ่ิมจานวนพืช รกั ษา ควบคมุ ลกั ษณะ และคุณภาพของพชื ท่ีดี ใหค้ งไว้ตามเดิม หรือพัฒนาพนั ธ์พุ ืชให้ดีย่งิ ขน้ึ การขยายพันธ์พุ ืชมหี ลายวธิ ี ดงั น้ี 1 การขยายพันธจ์ุ ากเมล็ดของพชื 2 การขยายพันธ์ุจากก่งิ ของพชื เมลด็ การตอ่ ก่งิ การทาบกิง่ การตอนก่งิ
การขยายพันธ์ุพืช 3 การขยายพันธ์จุ ากหวั หนอ่ ตา หรือล้าตน้ ของพชื การแยกหวั หรือหน่อ การปกั ชา การตดิ ตา
ดินและป๋ยุ ดนิ ประกอบด้วยแรธ่ าตุต่าง ๆ หิน ทราย ซากพืชและซากสตั ว์ ทตี่ ายทับถมกนั มานาน ทาให้เกดิ เป็นดินทม่ี ีลกั ษณะแตกต่างกนั ไป ดงั น้ี ดนิ เหนียว ดินร่วน ดนิ ทราย ดนิ รว่ นปนทราย เหมาะสาหรับปลูกพชื เหมาะสาหรบั ปลกู พืชหลายชนดิ เหมาะสาหรบั ปลูกพืชที่ตอ้ งการน้าน้อย เหมาะสาหรบั ปลกู ไมย้ ืนต้น เช่น สกั ท่ีตอ้ งการน้ามาก เพราะน้าซมึ ได้สะดวก เชน่ ตะบองเพชร มะพรา้ ว ยูคาลิปตัส หรือพืชคลมุ ดิน เชน่ เชน่ ขา้ ว บวั เช่น ฟกั ทอง คะนา้ ถว่ั ฝกั ยาว มะละกอ ส้ม เงาะ คาโลโปโกเนียม เพอร์ราเรีย และพืชชนดิ อืน่ ๆ เช่น ผักหวานป่า สับปะรด มนั สาปะหลงั
ดินและปุ๋ย ปุ๋ย เปน็ สารอนิ ทรยี ์ท่ใี ช้เป็นอาหารของพืช เพ่อื บารงุ พืชให้เจรญิ งอกงาม ปุ๋ยแบ่งออกเปน็ 2 ประเภท ดังน้ี ปุ๋ยอินทรยี ์ ปยุ๋ อนินทรีย์ 1 ปุย๋ คอก 2 ปุย๋ พชื สด 1 ปยุ๋ เด่ยี ว 2 ปุ๋ยผสม 3 ปุ๋ยหมัก 4 น้าหมกั ชวี ภาพ
ตัวอย่างการขยายพนั ธพุ์ ืช การตดิ ตากหุ ลาบ วสั ดแุ ละอุปกรณ์ 1234 ตน้ ตอกหุ ลาบป่า กหุ ลาบพนั ธดุ์ ี เทปใส คัตเตอร์ ท่ีจะนา้ ไปตดิ ตา
ตวั อยา่ งการขยายพนั ธพ์ุ ืช การติดตากหุ ลาบ วิธกี ารขยายพนั ธุ์ 123 ลดิ ใบออกจากก่งิ กุหลาบพันธุ์ดี กรดี สว่ นตา โดยกรีดจากโคนไปยอด จะได้ตาท่จี ะนา้ ไปติด ท่ีจะใชเ้ ปน็ ตา 5 ความรูเ้ สรมิ 4 ตาทจ่ี ะนามาติดควรเปน็ ตา 3 นิว้ เตรยี มต้นตอ โดยตัดส่วนยอด ต้าแหนง่ ท่ีจะตดิ ตา จากกงิ่ ท่ีมีใบ 3 ใบ เพราะเปน็ ตาที่พรอ้ ม กหุ ลาบปา่ ออก จะเจริญเติบโตได้ดีกว่าตาแหน่งอ่ืน เลือกตา้ แหน่งทีจ่ ะติดตา โดยใหต้ ่า้ กวา่ ตา้ แหน่งทต่ี ัดออก ประมาณ 3 น้วิ
ตัวอย่างการขยายพนั ธพ์ุ ชื การตดิ ตากหุ ลาบ วธิ ีการขยายพนั ธ์ุ 678 ตัดหนามและใบของต้นตอออกให้หมด ตดั บางๆ ทีต่ น้ ตอ กรดี เปดิ ตาดา้ นบน ให้ได้ขนาดพอดีกับตาทีเ่ ตรยี มไว้ 9 10 11 3 1 สอดตาเข้าไปที่ต้นตออย่างระมดั ระวัง 2 การติดตาเสรจ็ สมบรู ณ์ พันตาเข้ากับตน้ ตอดว้ ยเทปใส ประมาณ 3 รอบ
ตัวอยา่ งการขยายพันธพุ์ ชื การตดิ ตากุหลาบ วธิ กี ารขยายพันธ์ุ 12 13 14 ท้งิ ไว้ 20 วัน ในทที่ ี่แสงแดดส่องถึง ประมาณ 7 วนั หลงั จากแกะเทป จากนน้ั ประมาณ 1-2 เดอื น จากนัน้ แกะเทปออก กุหลาบจะแตกยอดออกมา กุหลาบจะออกดอกท่ีสวยงาม จากบริเวณทตี่ ิดตา และแขง็ แรง
ตัวอยา่ งการขยายพนั ธพุ์ ืช 3 การปลกู พริก ขยุ มะพร้าว 1 วสั ดแุ ละอปุ กรณ์ 6 2 ดินส้าเรจ็ รูป กาบมะพร้าวสบั (ร่อนให้ได้ดินละเอียดก่อนปลกู ) 5 4 ป๋ยุ คอก เมล็ดพรกิ แห้ง กระถางพลาสตกิ ขนาด 6 นิว้ และ 15 นิว้
ตวั อย่างการขยายพนั ธพ์ุ ืช การปลกู พรกิ วัสดุและอุปกรณ์ 789 มีดปลายแหลม ชอ้ นปลูก ตะแกรงรอ่ นดนิ 10 11 ฟอกกี้ ฝกั บวั
ตัวอย่างการขยายพันธพุ์ ชื 1 การปลูกพรกิ 3 วิธีเพาะตน้ กลา้ พรกิ ผสมดนิ กาบมะพร้าวสับ 2 น้าดินท่ีผสมแลว้ ใสล่ งกระถาง และปุย๋ คอกใหเ้ ขา้ กัน แล้วเกล่ยี หนา้ ดินให้เทา่ กนั ใส่กาบมะพรา้ วสับรองกน้ กระถางเล็กน้อย 4 เพื่อใหน้ ้าไหลซมึ ผา่ นได้สะดวก 5 นา้ ดนิ ละเอยี ดโรยท่หี นา้ ดนิ เพ่อื ให้เมล็ด โรยเมล็ดพริกใหท้ ่ัวกระถาง พริกงอกข้ึนมาได้ง่าย แล้วเกลี่ยหนา้ ดนิ
ตัวอย่างการขยายพนั ธพ์ุ ชื การปลกู พรกิ 6 7 วธิ เี พาะตน้ กลา้ พริก 8 โรยขุยมะพรา้ วปิดทบั หนา้ ดินใหท้ วั่ น้าฟอกกมี้ าฉีดน้าให้ทว่ั ดนิ ตั้งไว้ในทีร่ ่ม ประมาณ 5-6 วัน เพ่ือเก็บรักษาความชื้นของดิน เมล็ดพริกจะเรมิ่ งอกเปน็ ต้นกล้า 10 9 11 ประมาณ 7-8 วนั ต้นพรกิ จะเร่ิมมี ประมาณ 14 วัน เมอ่ื ตน้ กล้าแข็งแรงและมใี บใหญ่ขึ้น ใบอ่อนกางออกมาเพ่อื รบั แสงแดด ให้นา้ มาตากแดดอ่อนๆ จะสามารถแยกต้นกล้าลงกระถางได้
ตัวอย่างการขยายพนั ธพุ์ ชื 1 การปลกู พรกิ 3 เตรียมดนิ ผสมปุ๋ยคอก วิธีปลกู พรกิ 4 2 ใชม้ ดี ปลายแหลมแซะตน้ พริก ออกมาจากกระถางเพาะตน้ กล้า นา้ ดนิ ท่ผี สมไว้ ใสล่ งในกระถางขนาด 6 นิ้ว ครงึ่ กระถาง โดยใหม้ ีดนิ ติดมาดว้ ย 5 วางตน้ กลา้ ในกระถาง ทา้ ลักษณะเดิมจนครบตามจ้านวนกระถาง แล้วกลบดินใหเ้ ต็มกระถาง ท่ีตอ้ งการ
ตัวอย่างการขยายพันธพ์ุ ืช 6 การปลกู พรกิ 8 7 วิธีปลูกพรกิ รดนา้ ด้วยฝกั บัวใหท้ วั่ ปยุ๋ คอก วางตน้ พรกิ ให้รบั แสงอ่อน ๆ 9 ประมาณ 2 สปั ดาห์ แล้วใสป่ ยุ๋ ประมาณ 2 สัปดาห์ ยา้ ยพรกิ ลง ในกระถางท่ีมีขนาดใหญ่ขน้ึ 10 โดยรองกน้ กระถางดว้ ยปุ๋ยคอก ความรู้เสรมิ ประมาณ 60 วนั ต้นพรกิ จะออกดอก ควรใหป้ ยุ๋ ในปริมาณที่พอเหมาะกบั ขนาด และผล ซ่งึ ควรรดน้าในปรมิ าณมาก ของลาต้น เพอ่ื ไม่ใหต้ ้นพริกเกดิ อาการ ช็อกปุ๋ย ซึง่ อาจทาให้ตายได้ เก็บเก่ยี วพริกไดเ้ มอื่ มอี ายปุ ระมาณ 90-100 วนั
เลย้ี งไวด้ เู ล่น การเลยี้ งสัตว์ เลยี้ งไว้ใช้งาน การเลีย้ งสัตว์แบ่งออกเปน็ 3 ประเภท ได้แก่ เลย้ี งไว้เพ่อื การบริโภค แมว สุนขั ววั เปด็ มา้ ปลา ไก่ วัว ควาย นก กระตา่ ย หมู ผง้ึ
การคดั เลือกพันธุส์ ัตว์ 1. เลือกพนั ธุท์ ต่ี รงกบั จุดประสงคข์ องความตอ้ งการ 2. สังเกตจากลักษณะภายนอกของสตั ว์ ซึ่งแสดงถึงความอดุ มสมบูรณ์ ของสตั ว์ เชน่ ลักษณะรูปร่าง ลักษณะการเคล่อื นไหว 3. สังเกตจากผลผลิตของสตั ว์ เช่น หากต้องการเลยี้ งไก่เพื่อนา้ ไข่ ไปขาย ควรเลือกไกพ่ ันธไ์ุ ขด่ กทมี่ ีลักษณะดี 4. ศึกษาประวตั คิ วามเป็นมาของสายพันธุ์สตั ว์เลยี้ ง 5. เลอื กพนั ธ์ใุ หเ้ หมาะสมกบั สภาพทอ้ งถ่ิน 6. เลือกพันธุท์ ม่ี คี วามตา้ นทานโรคสงู และทนตอ่ สภาพภูมิอากาศ
การขยายพันธ์ุสตั ว์ การผสมพันธุโ์ ดยวิธีธรรมชาติ เปน็ การนาสตั วต์ ัวผแู้ ละสตั วต์ ัวเมยี มาผสมพันธุ์กัน จะเป็นสตั ว์พนั ธุเ์ ดยี วกนั หรือตา่ งสายพนั ธ์กุ ็ได้ จาแนกได้ออกเป็น 2 ประเภท คือ การปฏิสนธภิ ายนอก และการปฏสิ นธิภายใน ภายนอก ภายใน • ไข่ + สเปริ ม์ ผสมกนั ภายนอกร่างกายของเพศเมยี • ไข่ + สเปิร์ม ผสมกนั ภายในร่างกายของเพศเมยี • ออกลูกเป็นไข่ เชน่ ปลา สัตวค์ รงึ่ บกครง่ึ นา้ • สว่ นใหญอ่ อกลกู เป็นตัว เช่น วัว หมู ปลาหาง- นกยูง แต่มีสตั ว์บางชนดิ ออกลูกเป็นไขท่ ี่มเี ปลอื ก หุ้มออกมา แล้วไขต่ อ้ งฟักออกมาเปน็ ตวั เช่น นก ขอ้ ดี ข้อเสีย 1. สัตว์ได้ผสมพันธุ์กนั ดว้ ยสัญชาตญาณ สัตว์บางชนดิ เชน่ ปลา ก้งุ ต้องรอใหถ้ งึ ตามธรรมชาติ ฤดผู สมพนั ธุ์ ผลผลติ จึงไม่เพียงพอ ต่อผูเ้ ลี้ยงและผ้บู ริโภค 2. วิธกี ารไม่ยุง่ ยาก ลดต้นทุนในการใช้ ผเู้ ชยี่ วชาญมาดแู ลในการผสมเทยี ม
การขยายพันธ์ุสัตว์ การผสมพนั ธุโ์ ดยวิธผี สมเทียม คือการผสมพันธ์สุ ตั ว์โดยไม่ตอ้ งมกี ารรว่ มเพศตามธรรมชาติ ใช้ไดท้ ัง้ สตั ว์ที่มีการปฏสิ นธิภายนอก เชน่ ปลา และสัตวท์ ี่มกี ารปฏสิ นธภิ ายใน เช่น ววั หมู การผสมเทียมววั เกบ็ น้าเชือ้ น้านา้ เช้ือ ฉีดเขา้ แม่พันธุ์ ทีอ่ ยูใ่ นช่วง “ติดสดั ” พอ่ พันธ์ุ แม่พันธ์ุ ข้อดี ข้อเสีย 1. ประหยัดคา่ ขนส่งพ่อพนั ธุ์ 1. หากนา้ เช้อื ของพ่อพนั ธุม์ ีลกั ษณะไม่ดี 2. สามารถเกบ็ รกั ษานา้ เช้อื ไว้จนถึงเวลา จะแพรก่ ระจายลักษณะไม่ดนี น้ั ได้ อยา่ งรวดเร็ว ท่ีแมพ่ นั ธพุ์ รอ้ มท่จี ะผสมพนั ธุ์ 2. หากผูท้ าการผสมเทียมขาดความรู้ และความชานาญ อาจทาอวยั วะ สืบพนั ธ์ขุ องแม่วัวเกิดการติดเชอื้ หรอื บาดเจบ็ ได้
1 คดั เลือกพนั ธุ์กระตา่ ย ตัวอยา่ งการเล้ียงสตั ว์เลย้ี ง การเลย้ี งกระต่าย 2 เตรียมอปุ กรณ์ในการเล้ยี ง • รา่ งกายสมสว่ น • กรงขนาดประมาณ 45 X 70 X 45 ซม. • ขนไม่หลดุ ร่วง (สาหรบั กระต่าย 1 ตัว) ไม่ผอมหรือพงุ โรเกินไป • หญ้าแห้งหรอื ฟาง • ไม่เป็นแผล ดวงตาแจม่ ใส จมูกไม่มีของเหลว • ที่ใสน่ ้าและที่ใสอ่ าหารเมด็ ตาไมแ่ ฉะ หไู ม่มีไรหรอื ขห้ี ูเป็นแผน่ หนา ความรูเ้ สรมิ • ควรมีอายหุ นึ่งเดือนคร่ึงขนึ้ ไป ทตี่ ้ังกรงควรมอี ากาศถา่ ยเทไดส้ ะดวก เพราะกระตา่ ยจะหยา่ นมและกินอาหารปกตไิ ด้ มหี ลงั คาบงั แดดและฝน
ตวั อย่างการเลยี้ งสัตวเ์ ลยี้ ง 3 วธิ ีการเลี้ยงกระต่าย การเล้ยี งกระตา่ ย • เตรียมกรงใหม้ ขี นาดพอเหมาะกบั กระต่าย • นาหญา้ แหง้ หรอื ฟางรองทพ่ี ื้นกรง วางท่ีใส่น้าและที่ใสอ่ าหารเม็ดในกรง • สรา้ งความคนุ้ เคย เรยี กชื่อ ลบู คลาตัวกระต่ายอย่างนุ่มนวล • ปลอ่ ยกระตา่ ยใหว้ งิ่ ออกกาลงั กายอย่างสม่าเสมอ เพ่อื ไมใ่ หอ้ ว้ นเกินไปจนเปน็ อันตราย • ลา้ งภาชนะที่ใสน่ า้ ทุกวัน และทาความสะอาดกรงอยา่ งน้อยสัปดาห์ละ 1-2 คร้งั • อาบนา้ ใหก้ ระต่าย 1 ครง้ั ตอ่ 1-4 เดอื น และหา้ มอาบนา้ ใหก้ ระต่ายทอ่ี ายุไมถ่ งึ 3 เดอื น เพราะอาจจะเป็นหวดั หรอื ปอดบวมได้ ความรูเ้ สรมิ • หากเลี้ยงรวมกันหลายตวั แลว้ พบว่ามกี ระต่ายป่วย ควรอ้มุ กระต่ายโดยใช้มอื จับทส่ี ันหลงั และใชอ้ ีกมอื ประคอง ควรแยกตวั ทปี่ ว่ ยออกเพือ่ รักษา และควรพบแพทย์ปีละ 1 คร้ัง สะโพกกระต่ายเพ่ือไม่ใหห้ ลดุ จากมอื และหา้ มยกหสู องข้างของ กระตา่ ยเพราะเป็นการอุม้ ท่ีผิดวิธี อาจทาใหก้ ระตา่ ยบาดเจบ็ ได้
Search
Read the Text Version
- 1 - 29
Pages: