หน่วยท่ี 1การสอื่ สารข้อมลู และเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ เบ้ืองตน้ จัดทาโดย นายศุภกิตติ์ วะชงั เงนิ ปวส.2 คอมพิวเตอรธ์ ุรกิจ(ม.6) เลขท่ี 14 เสนอ ครู เพียรวิทย์ ขามณี
ความร้เู บ้ืองต้นเกย่ี วกบั เครือข่าย การประดิษฐ์คอมพิวเตอร์ในสมัยแรกมีจดุ ประสงค์ เพอื่ จะใหค้ อมพวิ เตอรท์ างานบางอยา่ งแทนมนุษย์ เช่น การคานวณเลข เพราะคอมพวิ เตอรส์ ามารถคานวณไดเ้ รว็ กวา่ อีกทั้งยงั มีความแมน่ ยาและมคี วามผิดพลาดนอ้ ยกวา่ มนุษย์ การทางานนัน้ ถา้ จะให้มปี ระสิทธภิ าพสงู จะตอ้ งทาเปน็ หมู่คณะ หรอื ทีมเวริ ์ค (Teamwork) คอมพวิ เตอร์ก็เชน่ กนั หากทาการเช่ือมตอ่กันเปน็ เครอื ขา่ ย ก็ย่อมมีประสิทธิภาพมากกวา่ การทางานแบบเดย่ี ว ๆ การทางานเป็นกล่มุ ของคอมพวิ เตอร์นจ้ี ะเรียกว่า“เครือข่าย” (Network)
ความหมายของเครอื ข่ายและการสื่อสารการสื่อสาร(communication) หมายถงึ กระบวนการถา่ ยทอดหรือแลกเปลย่ี นสารหรอื สอื่ ระหว่างผู้สง่ กบั ผู้รบั โดยส่งผา่ นชอ่ งทางนาสารหรอื ส่ือเพ่อื ให้เกดิ ความเข้าใจซึ่งกันและกันการสอื่ สารข้อมลู (datacommunication) หมายถงึกระบวนการหรอื วิธีถ่ายทอดข้อมูลระหวา่ งผใู้ ชก้ ับคอมพวิ เตอร์ท่ีมกั จะอยูห่ า่ งไกลกัน และจาเปน็ ตอ้ งอาศัยระบบการส่อื สารโทรคมนาคม (telecommunication) เป็นส่อื กลางในการรับสง่ ขอ้ มลูเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ (computer network) หมายถึง การเชือ่ มโยงระหวา่ งเคร่ืองคอมพิวเตอรต์ ง้ั แต่ 2 เคร่อื งข้ึนไปเพอ่ื ใหส้ ามารถส่อื สารและแลกเปลยี่ นข้อมูล รวมท้งั สามารถใช้อปุ กรณ์คอมพวิ เตอรภ์ ายในเครือขา่ ยร่วมกนั ได้ เช่น ฮาร์ดดสิ ก์เครื่องพมิ พ์ เปน็ ตน้
ส่วนประกอบของระบบส่อื สารข้อมูล 1. ผู้ส่ง (Sender) เป็นอุปกรณท์ ี่ใช้ในการสง่ ข่าวสาร (Message) เปน็ ต้นทางของการสื่อสารขอ้ มลู มีหน้าทีเ่ ตรียมสร้างขอ้ มลู เชน่ ผพู้ ูด โทรทัศน์ กล้องวิดโี อ เป็นตน้ 2. ผ้รู บั (Receiver) เป็นปลายทางการส่ือสาร มีหนา้ ท่รี ับข้อมลู ทสี่ ง่ มาให้ เชน่ ผ้ฟู ังเครือ่ งรับโทรทศั น์ เครื่องพิมพ์ เป็นต้น 3. สื่อกลาง (Medium) หรอื ตัวกลาง เปน็ เสน้ ทางการสื่อสารเพื่อนาข้อมูลจากตน้ ทางไปยงั ปลายทาง สื่อสง่ ขอ้ มูลอาจเป็นสายคู่บิดเกลียว สายโคแอกเชียล สายใยแก้วนาแสงหรือคลื่นทส่ี ง่ ผ่านทาง 4. ข้อมลู ข่าวสาร (Message) คอื สญั ญาณอิเลก็ ทรอนิกส์ที่ส่งผา่ นไปในระบบสอื่ สาร ซึ่งอาจถูกเรียกว่า สารสนเทศ (Information) โดยแบ่งเปน็ 5รูปแบบ ดังน้ี 4.1 ขอ้ ความ (Text) ใช้แทนตวั อักขระต่าง ๆ ซง่ึ จะแทนด้วยรหสั ตา่ ง ๆ เชน่ รหัสแอสกี เปน็ ต้น 4.2 ตัวเลข (Number) ใชแ้ ทนตวั เลขต่าง ๆ ซึง่ ตัวเลขไมไ่ ดถ้ กู แทนด้วยรหัสแอสกีแตจ่ ะถกู แปลงเป็นเลขฐานสองโดยตรง 4.3 รูปภาพ (Images) ขอ้ มูลของรปู ภาพจะแทนดว้ ยจดุ สีเรียงกันไปตามขนาดของรปู ภาพ 4.4 เสียง (Audio) ขอ้ มูลเสียงจะแตกตา่ งจากข้อความ ตวั เลข และรปู ภาพเพราะข้อมูลเสียงจะเป็นสญั ญาณตอ่ เน่ืองกันไป 4.5 วิดโี อ (Video) ใช้แสดงภาพเคล่อื นไหว ซงึ่ เกดิ จากการรวมกนั ของรูปภาพหลายๆ รปู 5. โปรโตคอล (Protocol) คอื วธิ ีการหรอื กฎระเบียบทีใ่ ช้ในการสื่อสารข้อมูลเพ่อื ให้ผู้รบั และผู้สง่ สามารถเขา้ ใจกันหรอื คยุ กันร้เู รื่อง โดยทัง้ สองฝง่ั ทั้งผู้รับและผูส้ ง่ ได้ตกลงกนั ไว้กอ่ นลว่ งหนา้ แล้ว
การใช้เทคโนโลยีการส่อื สารขอ้ มูล ในปจั จบุ นั ความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยกี ารสอ่ื สาร ทาให้เราหันมาให้ความสาคัญต่อการติดต่อส่ือสารผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ทาให้เราสามารถติดต่อเชื่อมโยงข้อมูลถึงกันได้ท่ัวโลก ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของอินเทอร์เน็ต หรือด้านการติดต่อสื่อสารโทรคมนาคมในระยะไกลต่าง ๆก่อให้เกิดการนาเทคโนโลยีการส่ือสารข้อมูลมาใช้ในวงการธุรกิจต่าง ๆเป็นการนาความรู้จากข้อมูลข่าวสารที่ได้รับมาสร้างทางเลือกในการตัดสินใจในการดาเนินธุรกิจต่าง ๆ ส่งผลให้เราสามารถลดต้นทุน ลดเวลาในการติดต่อสื่อสารส่งเสริมให้เกิดการใช้งานทรัพยากรร่วมกัน ซึ่งเหมาะกับสภาพขององค์กรในปัจจุบันท่ีต้องการการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง จากจุดเรมิ่ แรกทาให้มีการใช้บริการด้านการส่ือสารโทรคมนาคมเพ่ิมมากข้ึน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และเว็บไซต์เพ่ือการพาณิชย์ต่าง ๆ ส่งผลให้เกิดแรงผลักดันในการพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่เพิ่มข้ึนอย่างรวดเร็ว เห็นได้ง่าย ๆ จากการเปลี่ยนแปลงจากการส่ือสารแบบอนาล็อกเป็นเทคโนโลยีเครือข่ายดิจิทัล ทาให้มีความเร็วในการส่งข้อมูลสูงขึ้น และส่งข้อมูลได้เป็นจานวนมาก ลดความผิดพลาดในการส่งข้อมูลซ่ึงสามารถส่งสารสนเทศท้ังที่เป็นข้อมูลประเภท เสียง และวิดีโอ ไปพร้อมๆ กัน อีกทั้งการใช้ดาวเทียมส่ือสารทาให้สามารถส่งข้อมูลภาพและเสียงข้ามซีกโลกได้อย่างรวดเร็ว รวมท้ังการใช้เซลลูลาห์หรือเครือข่ายไร้สายอ่ืนๆ
ประโยชนข์ องเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์1. ความสะดวกในการจดั เก็บข้อมูล การจดั เกบ็ ขอ้ มลู ซึ่งอยู่ในรูปของสญั ญาณอิเล็กทรอนิกสส์ ามารถจัดเก็บไวใ้ นแผ่นบันทกึ ท่ีมคี วามหนาแนน่ สงู ได้2. ความถกู ต้องของขอ้ มูล โดยปกตมิ กี ารส่งขอ้ มลู ด้วยสัญญาณอิเลก็ ทรอนกิ ส์จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหน่งึ ด้วยระบบดจิ ิทลั3. ความเรว็ ของการทางาน สญั ญาณทางไฟฟ้าจะเดนิ ทางดว้ ยความเรว็ เท่าความเรว็ แสงทาใหก้ ารใชค้ อมพวิ เตอรส์ ่งขอ้ มลู จากซกี โลกหนึง่ ไปยงั อีกซกี โลกหน่งึ4. ประหยดั ต้นทุนในการส่ือสารขอ้ มลู การเชอื่ มต่อคอมพวิ เตอร์กนั เปน็ เครือขา่ ยเพ่ือสง่ หรอื สาเนาข้อมลู ไม่สงู นกั เมอื่ เทยี บกับการจัดสง่ แบบวิธีอืน่5. สามารถเกบ็ ขอ้ มูลเปน็ ศูนย์กลาง สามารถมีขอ้ มลู เพยี งชุดเดียวในระบบเครอื ขา่ ยซ่งึ ถอื เปน็ ขอ้ มลู ส่วนกลาง โดยในแตล่ ะแผนกในบรษิ ัทสามารถดงึ ไปใช้ได้จากท่ีเดยี วกนั6. การใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ในระบบเครอื ขา่ ยน้นั จะทาให้สามารถใช้อปุ กรณ์คอมพิวเตอรร์ ว่ มกันได้ โดยทอ่ี ุปกรณต์ วั นน้ั อาจต่ออยู่กับเครอ่ื งใดเครอ่ื งหนึ่งในเครือขา่ ย7. การทางานแบบกล่มุ สามารถใช้ระบบเครอื ขา่ ยในการทางานในแผนกหรือกลุ่มงานเดียวกนั ไดเ้ ป็นอยา่ งดี
การสอ่ื สารโทรคมนาคม การสื่อสารโทรคมนาคม (Telecommunication) หมายถึง การตดิ ตอ่ สื่อสารดว้ ยการรบั ส่งขอ้ มลู ข่าวสารระหว่างตวั ประมวลผล โดยผา่ นสอื่ กลางทเ่ี ชื่อมตน้ ทางและปลายทางทห่ี ่างกัน โดยใช้อปุ กรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายรปู แบบ ตามกฎเกณฑ์หรอื ระเบียบวธิ กี ารทกี่ าหนดขนึ้ ในแต่ละอุปกรณ์ เครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ (Computer Network) หมายถึง การเชอ่ื มต่อเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ตั้งแต่สองเครอ่ื งขนึ้ ไป เพ่ือขยายขดี ความสามารถทม่ี จี ากัด ทาให้เกิดการแลกเปล่ียนขอ้ มูล หรอื แบ่งปนั ทรพั ยากรใหม้ ีการใชง้ านรว่ มกัน โปรโตคอล (Protocol) หมายถึง ระเบยี บวิธกี าร มาตรฐาน หรอื กฎเกณฑ์ในการตดิ ตอ่ ส่ือสาร ระหวา่ งกันของเครอื่ งมอื อปุ กรณค์ อมพวิ เตอรต์ า่ ง ๆ หรือ วธิ ีทถ่ี ูกกาหนดข้นึ เพื่อการสือ่ สารขอ้ มลู ซึง่ ผู้ส่งขอ้ มูลจะตอ้ งส่งขอ้ มูลในรปู แบบตามวิธกี ารสอ่ื สารท่ตี กลงไวก้ บั ผู้รบั ข้อมลู จึงจะสามารถสอ่ื สารขอ้ มูลกันได้ อินเทอรเ์ น็ต (Internet) หมายถึง การเชอื่ มโยงเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์เข้าดว้ ยกัน ตามโครงการของอาร์ป้าเนต็ (ARPAnet = Advanced ResearchProjects Agency Network) เปน็ หนว่ ยงานสงั กัดกระทรวงกลาโหมของสหรัฐ(U.S.Department of Defense - DoD) ถกู ก่อตง้ั เมื่อประมาณ ปคี .ศ.1960(พ.ศ.2503) และได้ถูกพฒั นาเร่อื ยมา
ความน่าเช่อื และมาตรฐานเครือขา่ ยความนา่ เชอื่ ถือของระบบเครอื ขา่ ย สามารถประเมนิ ได้จากความถี่ของความลม้ เหลวเครือขา่ ยทกุ ระบบมีโอกาสลม่ ไดเ้ สมอ อยา่ งไรก็ตามเครอื ข่ายทไ่ี ดร้ ับการออกแบบท่ีดี หากเครอื ขา่ ยเกิดขอ้ ขัดข้องหรอื ล้มเหลวดว้ ยประการใดก็ตาม ควรสง่ ผลกระทบต่อผใู้ ชง้ านใหน้ อ้ ยทสี่ ุดเท่าที่เป็นไปได้และหากเครอื ขา่ ยมคี วามถี่ในการลม้ เหลวอยู่บอ่ ยคร้งั นนั่ หมายถงึ เครือขา่ ยนนั่ มคี วามนา่ เช่อื ถอื ตา่ระยะเวลาในการกู้คนืระยะเวลาในการกู้คนื ระบบ กรณเี ครอื ข่ายล่มหรอื เกิดข้อขัดข้องใด ๆ หากการกู้คืนระบบสามารถแกไ้ ขได้ด้วยระยะเวลาอันสัน้ ยอ่ มดกี วา่ การกคู้ นื ระบบที่ตอ้ งใช้ระยะเวลายาวนาน โดยการก้คู ืนหมายถงึ การกู้ระบบใหก้ ลับคนื สภาพเดิมที่สามารถใช้งานได้ รวมถึงการกู้คนื ข้อมลู กรณที ข่ี ้อมูลเกิดความสูญเสียความคงทนต่อขอ้ ผิดพลาดเครือขา่ ยทด่ี จี ะต้องมรี ะบบป้องกันภยั ตา่ ง ๆ ทอ่ี าจเกดิ ขนึ้ จากเหตุการณใ์ ด ๆ ท่ีไม่คาดคดิ ไดเ้ สมอไมว่ า่ จะเปน็ ระบบไฟฟ้า รวมถึงภัยธรรมชาติท่ีไมส่ ามารถคาดการณล์ ่วงหน้าได้ ดังนนั้ ระบบเครือขา่ ยทด่ี ีจงึ ต้องไดร้ บั การออกแบบใหม้ ีระบบสารองข้อมลู ทน่ี า่ เชอ่ื ถอื รวมถึงอุปกรณส์ าคญั ของระบบ หากทางานขดั ข้อง อุปกรณ์ตัวแทนสารถทางานแทนได้ทนั ที เปน็ ตน้
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: