Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ 62 ม.ต้น

หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ 62 ม.ต้น

Published by krupawnp, 2020-04-06 04:23:11

Description: หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ 62 ม.ต้น

Search

Read the Text Version

หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรบั ปรุง 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พ.ศ. 2551 โรงเรียนน้าปลีกศึกษา อา้ เภอเมือง จงั หวัดอ้านาจเจริญ สา้ นักงานเขตพนื้ ที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 29 ส้านักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ

บันทกึ ข้อความ ส่วนราชการ โรงเรียนนา้ ปลกี ศึกษา อา้ เภอเมอื ง จังหวดั อา้ นาจเจรญิ ท่ี ............................ วนั ท่ี 22 พฤษภาคม 2562 เรอ่ื ง ขออนุญาตส่งหลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ระดบั ม.ต้น ปีการศึกษา 2562 เรยี น ผูอ้ ้านวยการโรงเรียนน้าปลีกศกึ ษา ด้วยกลุ่มบริหารวิชาการได้จัดท้าหลักสูตรสถานศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลาง พ.ศ.2551 (ฉบับ ปรับปรุง 2560) เพ่ือเป็นกรอบในการด้าเนินการจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษา ซ่ึงกลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ได้อ้างอิงหลักสูตรสถานศึกษา เพ่ือน้ามาจัดท้าหลักสูตรประจ้ากลุ่มสาระฯ ในการวิเคราะห์และ ออกแบบการจัดการเรียนการสอนในส่วนของรายวิชาท่ีกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รับผิดชอบจัดการเรียน การสอน ตงั แตภ่ าคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2562 เป็นต้นไป จงึ เรยี นมาเพ่อื โปรดทราบ ................................................. (นางสาวภทั ริยา โพธิ์ศรคี ณุ ) หัวหน้ากล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ความเหน็ ของผู้ช่วยผูอ้ ้านวยการกลุม่ บริหารวชิ าการ ................................................................................... ................................................................................... ลงช่ือ....................................................... (นายเถลงิ ศกั ดิ์ เถาว์โท) ความเห็นของผู้อานวยการโรงเรยี น ......................................................................................... ....................................................................................... ลงชอ่ื ............................................................ (นายสุเมธ หนอ่ แกว้ )

ก ค้าน้า ตามที่คณะกรรมการการศึกษาขันพืนฐาน ได้ด้าเนินการทบทวน หลักสูตรการศึกษาขันพืนฐาน พุทธศักราช 2551 เพ่ือน้าไปสู่ปรับปรุงมาตรฐานและตัวชีวัดมาตรฐาน ในสาระวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภูมิศาสตร์และการงานอาชีพและเทคโนโลยี หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขันพืนฐาน พุทธศักราช 2551และ โรงเรียนน้าปลีกศึกษา ได้ด้าเนินการจัดท้าหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขันพืนฐาน พุทธศักราช 2551 ใน ระดับชนั มัธยมศึกษาปีท่ี 1 และชนั มัธยมศึกษาปที ี่ 4 ในปีการศึกษา 2561 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน พืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง 2560) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ จึงได้จัดท้าหลักสูตรกลุ่มสาระฯ ในเล่มประกอบด้วย วิสัยทัศน์ หลักการ จุดหมาย สมรรถนะท่ีส้าคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชวี ดั โครงสรา้ งหลักสูตรสถานศึกษา โครงสร้างรายวชิ า คา้ อธบิ ายรายวิชา เกณฑ์การวัดประเมินผล และการ จบหลักสตู ร หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรียนน้าปลีกศึกษาเล่มนี จะเป็น กรอบและทศิ ทางในการจัดการเรียนการสอนเพ่ือพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ มีทักษะพืนฐานที่จ้าเป็นส้าหรับใช้เป็น เคร่ืองมอื ในการดา้ รงชีวิตในสงั คมท่ีมกี ารเปล่ยี นแปลงไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์

ข หนา้ ก สารบัญ ข 1 ค้าน้า 1 สารบญั 1 วิสัยทัศน์ 1 พันธกจิ 2 หลกั การ 2 จุดมุ่งหมาย 3 สมรรถนะความสา้ คัญของผเู้ รียน 14 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 15 โครงสรา้ งเวลาเรยี นหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั พนื ฐาน พ.ศ.2551 16 โครงสร้างเวลาเรยี นกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ระดบั ม.ตน้ มาตรฐานและตวั ชวี ัดกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ 38 คา้ อธบิ ายรายวชิ ากลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ระดับ ม.ตน้ บรรณานุกรม

1 วสิ ัยทัศน์ โรงเรยี นนา้ ปลีกศึกษา มุ่งพัฒนาผู้เรยี นแบบมีส่วนร่วม เช่อื มโยงชมุ ชนสู่ประชาคมอาเซียนใหม้ ี คุณธรรม จรยิ ธรรม น้าความรแู้ ละทักษะ สมรรถนะทสี่ า้ คัญ ตามหลกั สตู รกา้ หนดอยา่ งมคี ณุ ภาพ ได้ มาตรฐานการศึกษา พนั ธกจิ 1. จดั กระบวนการบรหิ ารและการจัดการศึกษาทงั ระบบให้เออื ต่อการพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา 2. บริหารจดั การแบบมสี ว่ นรว่ มเอือต่อการพฒั นาคณุ ภาพของผู้เรยี น 3. จัดกิจกรรมส่งเสริมระบบดูแลชว่ ยเหลอื นักเรยี นใหม้ ีความเข็มแข็ง 4. จัดกิจกรรมส่งเสริมคณุ ธรรม จรยิ ธรรมผ้เู รยี นใหม้ คี ุณลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ 5. สง่ เสรมิ การจดั กระบวนการเรียนร้ทู เี่ น้นผ้เู รยี นเป็นสา้ คัญ 6. จัดกจิ กรรมสง่ เสริมกระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการเชื่อมโยงบริบทและวิถชี มุ ชนสู่ ประชาคมอาเซียน 7. จดั กระบวนการเรยี นรู้พฒั นาผลสมั ฤทธท์ิ างวิชาการของผูเ้ รียน 8. จดั ระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษาทีมีประสิทธิภาพให้เกดิ ประสิทธผิ ลตอ่ การพัฒนา คุณภาพการศึกษา 9. จัดกจิ กรรมส่งเสริมความสามารถพเิ ศษของผู้เรยี น หลักการ เปน็ หลักสตู รการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติมจี ุดมุ่งหมายและมาตรฐานการเรียนรู้ เปน็ เปา้ หมาย สา้ หรบั พฒั นาเด็กและเยาวชน เปน็ หลกั สตู รการศึกษาเพ่อื ปวงชนท่ีประชาชนทุกคนมโี อกาส ได้รบั การศึกษาอยา่ งเสมอภาค และมคี ุณภาพ เปน็ หลกั สตู รการศึกษาทีส่ นองต่อการกระจายอา้ นาจ เปน็ หลกั สตู รการศึกษาที่มโี ครงสร้างยดื หยุ่น ทังดา้ นสาระการเรยี นรู้ เวลาและการจดั การ เรียนรู้ เป็นหลักสตู รการศึกษาที่เน้นผเู้ รียนเป็นส้าคัญ เป็นหลักสตู รการศึกษา ส้าหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศยั ครอบคลุม ทุกกลมุ่ เป้าหมาย สามารถเทียบโอนผลการเรียนรูแ้ ละประสบการณ์ จุดมุ่งหมาย มคี ณุ ธรรม จริยธรรม และค่านิยมทพ่ี ึงประสงค์ เห็นคณุ ค่าของตนเอง มคี วามรแู้ ละ ความสมารถในการส่ือสาร การคดิ การแกป้ ัญหา การใชเ้ ทคโนโลยี และมที ักษะชีวติ มสี ุขภาพกายและสุขภาพจติ ที่ดี มีสุขนสิ ัย และรกั การออกก้าลังกาย มคี วามรกั ชาติ มีจติ สา้ นกึ ในการเป็นพลเมืองไทยและพลโลก มีจิตสา้ นกึ ในการอนรุ ักษ์วฒั นธรรมและภมู ิปญั ญาไทย

2 สมรรถนะความส้าคัญของผู้เรยี น เปน็ สมรรถนะจา้ เป็นพนื ฐาน 5 ประการที่กลมุ่ สาระการเรียนรู้พึงมี สมรรถนะเหล่านีได้ สอดแทรกบูรณาการในมาตรฐานการเรียนรู้ตา่ งๆ ทงั 8 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ๘ ประการ ท่กี ้าหนดไว้ในหลักสตู รแกนกลาง เป็นคณุ ลักษณะท่ี ตอ้ งการใหเ้ กิดแก่ผเู้ รียนทุกคน โรงเรียนนา้ ปลกี ศกึ ษาไดก้ ้าหนดไว้ในหลักสูตรสถานศกึ ษา ได้แก่ 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ 2) ซอ่ื สตั ย์ สจุ ริต 3) มีวนิ ยั 4) ใฝเ่ รยี นรู้ 5) อย่อู ย่างพอเพยี ง 6) มงุ่ มัน่ ในการท้างาน 7) รักความเปน็ ไทย 8) มีจิตสาธารณะ คณุ สมบตั เิ หลา่ นจี ะสอดแทรก บรู ณาการในมาตรฐานและตวั ชีวัดของกลมุ่ สาระการเรยี นร้ตู ่างๆ และสามารถพฒั นาผา่ นกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น หรอื โครงการตา่ งๆ ของนกั เรียน

3 โครงสร้างเวลาเรียน หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 การศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กา้ หนดกรอบโครงสรา้ งเวลาเรยี นดงั น้ี กลมุ่ สาระการเรียนร/ู้ กิจกรรม เวลาเรยี น ระดบั ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ มธั ยมศกึ ษา ตอนปลาย ม.1 ม.2 ม.3 ม. 4-6 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ 120 ( 3นก. ) 120 ( 3นก. ) 120 ( 3นก. ) 240 ( 6 นก. ) 240 ( 6 นก. ) ภาษาไทย 120 ( 3นก. ) 120 ( 3นก. ) 120 ( 3นก. ) 240 ( 6 นก. ) 320 ( 8 นก. ) คณติ ศาสตร์ 120 ( 3นก. ) 120 ( 3นก. ) 120 ( 3นก. ) 80 ( 2 นก. ) 80 ( 2 นก. ) วิทยาศาสตร์ 160 (4 นก. ) 160 ( 4 นก. ) 160 ( 4 นก. ) 40 (1 นก .) 40 ( 1 นก .) 40 ( 1 นก .) 240 ( 6 นก. ) สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม 40 ( 1 นก.) 40 ( 1 นก.) 40 ( 1 นก.) ประวตั ศิ าสตร์ หน้าทพี ลเมือง 120 ( 3นก. ) 120 ( 3นก. ) 120 ( 3นก. ) ศาสนา ศลี ธรรม จริยธรรม วฒั นธรรมและการด้าเนินชีวิตในสงั คม เศรษฐศาสตร์ ภูมิศาสตร์ สุขศึกษาและพลศกึ ษา 80 ( 2 นก ) 80 ( 2 นก ) 80 ( 2 นก. ) 120 ( 3นก. ) ศลิ ปะ 80 ( 2 นก ) 80 ( 2 นก ) 80 ( 2 นก ) การงานอาชพี 80 ( 2 นก ) 80 ( 2 นก ) 80 ( 2 นก ) 120 ( 3นก. ) ภาษาตา่ งประเทศ 120 ( 3นก ) 120 ( 3นก ) 120 ( 3นก ) รวมเวลาเรยี นพืนฐาน 880 ( 22 นก ) 880 ( 22 นก ) 880 ( 22 นก ) 120 ( 3นก. ) กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น รายวิชา/กิจกรรมทสี่ ถานศึกษาจดั เพิ่มเตมิ 120 120 120 240 ( 6 นก. ) ตามความพร้อมและจดุ เนน้ รวมเวลาเรยี นทงั หมด ปีละไมเ่ กิน 200 ชั่วโมง 240 ( 6 นก. ) ไมเ่ กิน 1,200 ชว่ั โมง / ปี 360 ไมน่ อ้ ยกวา่ 1,600ชว่ั โมง รวม 3 ปไี ม่น้อย กวา่ 3,600 ชว่ั โมง

4 โครงสรา้ งเวลาเรียนโรงเรยี นน้าปลีกศกึ ษา หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 กา้ หนดกรอบโครงสร้างเวลาเรียนดังน้ี เวลาเรียน กลมุ่ สาระการเรยี นร/ู้ กิจกรรม ระดบั ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ มธั ยมศึกษา ตอนปลาย ม.1 ม.2 ม.3 ม. 4-6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ 120 ( 3นก. ) 120 ( 3นก. ) 120 ( 3นก. ) 240 ( 6 นก. ) 240 ( 6 นก. ) ภาษาไทย 120 ( 3นก. ) 120 ( 3นก. ) 120 ( 3นก. ) 240 ( 6 นก. ) 320 ( 8 นก. ) คณิตศาสตร์ 140 ( 4นก. ) 160 ( 4นก. ) 160 ( 4นก. ) 80 ( 2 นก. ) 80 ( 2 นก. ) วทิ ยาศาสตร์ 160 (4 นก. ) 160 ( 4 นก. ) 160 ( 4 นก. ) 40 (1 นก .) 40 ( 1 นก .) 40 ( 1 นก .) 240 ( 6 นก. ) สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม 40 ( 1 นก.) 40 ( 1 นก.) 40 ( 1 นก.) ประวัตศิ าสตร์ หน้าทีพลเมือง 120 ( 3นก. ) 120 ( 3นก. ) 120 ( 3นก. ) ศาสนา ศลี ธรรม จริยธรรม วฒั นธรรมและการดา้ เนินชีวติ ในสงั คม เศรษฐศาสตร์ ภูมศิ าสตร์ สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา 80 ( 2 นก ) 80 ( 2 นก ) 80 ( 2 นก. ) 120 ( 3นก. ) ศลิ ปะ 80 ( 2 นก ) 80 ( 2 นก ) 80 ( 2 นก ) 120 ( 3นก. ) การงานอาชีพ 40 ( 1 นก ) 40 ( 1 นก ) 40 ( 1 นก ) 120 ( 3นก. ) ภาษาต่างประเทศ 120 ( 3นก ) 120 ( 3นก ) 120 ( 3นก ) 240 ( 6 นก. ) รวมเวลาเรยี นพืนฐาน 880 ( 22 นก ) 880 ( 22 นก ) 880 ( 22 นก ) 240 ( 6 นก. ) กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น รายวชิ า/กิจกรรมทสี่ ถานศึกษาจัดเพม่ิ เตมิ 120 120 120 360 ตามความพรอ้ มและจุดเนน้ ไมน่ ้อยกวา่ รวมเวลาเรยี นทงั หมด ปีละไมเ่ กิน 200 ชวั่ โมง 1,600ชว่ั โมง ไมเ่ กิน 1,200 ช่วั โมง / ปี รวม 3 ปีไม่น้อย กว่า 3,600 ชั่วโมง

5 โครงสร้างหลกั สตู ร โรงเรียนนา้ ปลีกศกึ ษา แผนการเรยี นที่ 1 คณติ ศาสตร์ ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1/1 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนท่ี 1 ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 2 รายวิชา/กจิ กรรม เวลาเรยี น/ รายวชิ า/กิจกรรม เวลาเรยี น/ หน่วย/ชม หนว่ ย/ชม 11.0 (440) รายวชิ าสาระพนื้ ฐาน 11.0 รายวิชาสาระพ้ืนฐาน 1.5 (60) 1.5 (60) (440) 1.5 (60) 0.5 (20) ท21101 ภาษาไทย 1.5 (60) ท21102 ภาษาไทย 1.5 (60) 0.5 (20) ค21101 คณติ ศาสตร์ 1.5 (60) ค21102 คณติ ศาสตร์ 1.0 (40) ว21101 วิทยาศาสตร์ 1.5 (60) ว21102 วิทยาศาสตร์ 1.0 (40) ว21181 การออกแบบและเทคโนโลยี 0.5 (20) ว21182 วทิ ยาการคา้ นวณ 0.5 (20) 1.5 (60) ส21101 สงั คมศึกษา 1.5 (60) ส21103 สงั คมศึกษา ส21102 ประวตั ศิ าสตร์ 0.5 (20) ส21104 ประวตั ศิ าสตร์ พ21101 สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา 1.0 (40) พ21102 สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ศ21101 ศิลปะ 1.0 (40) ศ21102 ศิลปะ ง21101 การงานอาชพี (งานบา้ นพน้ื ฐาน) 0.5 (20) ง21102 การงานอาชพี (งานประดษิ ฐ)์ ภาษาองั กฤษ อ21101 ภาษาอังกฤษ 1.5 (60) อ21102 สาระเพ่มิ เติม 4.0 สาระเพมิ่ เติม 4.0 (160) (160) ค21201 คณติ ศาสตร์ 1.0 (40) ค21202 คณติ ศาสตร์ 1.0 (40) ง21201 คอมพิวเตอร์(การประมวลผลคา้ ) 1.0 (40) ง21202 คอมพวิ เตอร(์ อนิ เตอรเ์ นต็ เบือ้ งตน้ ) 1.0 (40) อ21201 ภาษาอังกฤษ 0.5 (20) อ21202 ภาษาองั กฤษ 0.5 (20) ส20231 หนา้ ทพี่ ลเมอื ง 0.5 (20) ส20232 หน้าทพี่ ลเมือง 0.5 (20) 1.0 (40) 1.0 (40) ง21203 การผลติ พนั ธไ์ ม้ ง21204 การผลติ พนั ธไ์ ม้ 20 20 กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ( 60) กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น ( 60) 20 20 กจิ กรรมแนะแนว กิจกรรมแนะแนว 20 20 กจิ กรรมนกั เรียน กจิ กรรมนักเรยี น - ลกู เสือ/เนตรนาร/ี ยุวกาชาด/ - ลกู เสอื /เนตรนาร/ี ยุวกาชาด/ ผบู้ า้ เพญ็ ประโยชน์ ผบู้ ้าเพญ็ ประโยชน์ - ชมรมชมุ นมุ - ชมรมชุมนุม กิจกรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ 20 กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ 20 620 ช่ัวโมง รวมทง้ั หมด 620 รวมทั้งหมด ชวั่ โมง หมายเหตุ 1. กิจกรรมเพอื่ สังคมและสาธารณประโยชนจ์ ดั บรู ณาการในกิจกรรมแนะแนว 2. กจิ กรรมในระดบั ม.ปลาย ข้อ3.2.1 และ 3.2.2 ผูเ้ รยี นเลอื กเพยี ง 1 กิจกรรม

6 โครงสร้างหลกั สูตร โรงเรยี นนา้ ปลกี ศกึ ษา แผนการเรียนที่ 2 วิทยาศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 1/2 ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1 ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 2 รายวชิ า/กิจกรรม เวลาเรียน/ รายวชิ า/กิจกรรม เวลาเรยี น/ หนว่ ย/ชม หนว่ ย/ชม 11.0 (440) รายวชิ าสาระพ้ืนฐาน 11.0 รายวชิ าสาระพนื้ ฐาน 1.5 (60) 1.5 (60) (440) 1.5 (60) 0.5 (20) ท21101 ภาษาไทย 1.5 (60) ท21102 ภาษาไทย 1.5 (60) 0.5 (20) ค21101 คณิตศาสตร์ 1.5 (60) ค21102 คณติ ศาสตร์ 1.0 (40) ว21101 วทิ ยาศาสตร์ 1.5 (60) ว21102 วิทยาศาสตร์ 1.0 (40) ว21181 การออกแบบและเทคโนโลยี 0.5 (20) ว21182 วทิ ยาการคา้ นวณ 0.5 (20) 1.5 (60) ส21101 สงั คมศึกษา 1.5 (60) ส21103 สังคมศกึ ษา ส21102 ประวตั ศิ าสตร์ 0.5 (20) ส21104 ประวัตศิ าสตร์ พ21101 สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา 1.0 (40) พ21102 สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ศ21101 ศิลปะ 1.0 (40) ศ21102 ศลิ ปะ ง21101 การงานอาชพี (งานบ้านพ้ืนฐาน) 0.5 (20) ง21102 การงานอาชีพ (งานประดษิ ฐ)์ อ21101 ภาษาอังกฤษ 1.5 (60) อ21102 ภาษาองั กฤษ สาระเพ่มิ เติม 4.0 (160) สาระเพิม่ เตมิ 4.0 (160) ว21201 วิทยาศาสตร์ 1.0 (40) ว21202 วิทยาศาสตร์ 1.0 (40) ง21201 คอมพิวเตอร(์ การประมวลผลคา้ ) 1.0 (40) ง21202 คอมพิวเตอร์(อินเทอรเ์ นต็ เบอื้ งต้น) 1.0 (40) อ21201 ภาษาอังกฤษ 0.5 (20) อ21202 ภาษาองั กฤษ 0.5 (20) ส20231 หนา้ ทพ่ี ลเมือง 0.5 (20) ส20232 หน้าทพี่ ลเมือง 0.5 (20) 1.0 ง21203 การผลติ พนั ธ์ไม้ 1.0 (40) ง21204 การผลติ พันธ์ไม้ (40) กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น ( 60) 20 กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี น ( 60) 20 20 กิจกรรมแนะแนว 20 กิจกรรมแนะแนว 20 กจิ กรรมนักเรียน กิจกรรมนกั เรยี น 20 - ลกู เสือ/เนตรนารี/ยวุ กาชาด/ - ลูกเสอื /เนตรนารี/ยุวกาชาด/ ผบู้ า้ เพญ็ ประโยชน์ ผ้บู า้ เพญ็ ประโยชน์ - ชมรมชมุ นุม - ชมรมชมุ นุม กิจกรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์ 20 กิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ 20 รวมท้งั หมด 620 ชว่ั โมง รวมท้งั หมด 620 ชั่วโมง หมายเหตุ 1. กจิ กรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชนจ์ ดั บูรณาการในกิจกรรมแนะแนว 2. กิจกรรมในระดับม.ปลาย ขอ้ 3.2.1 และ 3.2.2 ผเู้ รียนเลอื กเพียง 1 กิจกรรม

ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรยี นท่ี 1 7 เวลาเรยี น/ รายวชิ า/กจิ กรรม หน่วย/ชม โครงสร้างหลักสูตร โรงเรยี นนา้ ปลีกศกึ ษา 11.0 รายวชิ าสาระพ้ืนฐาน แผนการเรยี นท่ี 3 ภาษา ระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1/3 (440) 1.5 ท21101 ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 2 (60) 1.5 (60) ค21101 คณติ ศาสตร์ เวลาเรยี น/ รายวิชา/กจิ กรรม 1.5 (60) ว21101 วิทยาศาสตร์ หนว่ ย/ชม 0.5 (20) 11.0 รายวชิ าสาระพน้ื ฐาน 1.5 (60) (440) 0.5 (20) 1.0 (40) 1.5 ท21102 ภาษาไทย (60) 1.0 (40) 1.5 (60) ค21102 คณติ ศาสตร์ 0.5 (20) 1.5 (60) 1.5 (60) ว21102 วทิ ยาศาสตร์ 4.0 ว21181 การออกแบบและเทคโนโลยี 0.5 ว21182 วิทยาการคา้ นวณ (160) (20) 1.0 (40) 1.0 (40) ส21101 สังคมศึกษา 1.5 (60) ส21103 สงั คมศกึ ษา 0.5 (20) ส21102 ประวตั ศิ าสตร์ 0.5 (20) ส21104 ประวตั ศิ าสตร์ 0.5 (20) พ21101 สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา 1.0 (40) พ21102 สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา 1.0 (40) ศ21101 ศิลปะ 1.0 (40) ศ21102 ศลิ ปะ ง21101 การงานอาชพี (งานบ้านพนื้ ฐาน) 0.5 (20) ง21102 การงานอาชพี (งานประดษิ ฐ์) อ21101 ภาษาอังกฤษ 1.5 (60) อ21102 ภาษาอังกฤษ สาระเพม่ิ เตมิ 4.0 สาระเพ่มิ เติม (160) ท21201 ภาษาไทย 1.0 (40) ท21202 ภาษาไทย ง21201 คอมพิวเตอร(์ การประมวลผลค้า) 1.0 (40) ง21202 คอมพิวเตอร(์ อนิ เทอรเ์ นต็ เบ้อื งตน้ ) อ21201 ภาษาอังกฤษ 0.5 (20) อ21202 ภาษาอังกฤษ ส20231 หน้าทพี่ ลเมอื ง 0.5 (20) ส20232 หนา้ ทพ่ี ลเมือง การผลติ พนั ธ์ไม้ ง21203 การผลติ พนั ธไ์ ม้ 1.0 (40) ง21204 กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น ( 60) กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น ( 60) 20 20 กิจกรรมแนะแนว 20 กจิ กรรมแนะแนว 20 กจิ กรรมนักเรยี น กจิ กรรมนกั เรียน - ลูกเสือ/เนตรนาร/ี ยุวกาชาด/ 20 - ลูกเสอื /เนตรนาร/ี ยวุ กาชาด/ ผบู้ า้ เพญ็ ประโยชน์ - ชมรมชมุ นุม ผบู้ า้ เพญ็ ประโยชน์ 20 - ชมรมชุมนมุ กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ 20 กจิ กรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ 20 รวมทงั้ หมด 620 รวมทง้ั หมด 620 ชัว่ โมง ช่วั โมง หมายเหตุ 1. กิจกรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์จดั บรู ณาการในกิจกรรมแนะแนว 2. กิจกรรมในระดับม.ปลาย ขอ้ 3.2.1 และ 3.2.2 ผู้เรยี นเลือกเพยี ง 1 กจิ กรรม

ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 1 8 เวลาเรียน/ รายวิชา/กิจกรรม โครงสรา้ งหลกั สตู ร โรงเรยี นน้าปลกี ศึกษา หน่วย/ชม แผนการเรยี นท่ี 1 คณติ ศาสตร์ ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2/1 11.0 (440) รายวิชาสาระพ้นื ฐาน 1.5 (60) ท22101 ภาษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 2 1.5 (60) ค22101 คณติ ศาสตร์ เวลาเรยี น/ รายวชิ า/กจิ กรรม 1.5 (60) ว22101 วิทยาศาสตร์ หนว่ ย/ชม 0.5 (20) ว22181 การออกแบบและเทคโนโลยี 11.0 (440) รายวิชาสาระพน้ื ฐาน 1.5 (60) ส22101 สังคมศึกษา 1.5 (60) ท22102 ภาษาไทย 0.5 (20) ส22102 ประวัติศาสตร์ 1.5 (60) ค22102 คณติ ศาสตร์ 1.0 (40) พ22101 สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา 1.5 (60) ว22102 วิทยาศาสตร์ 1.0 (40) 0.5 (20) 0.5 (20) ว22182 วิทยาการคา้ นวณ 1.5 (60) 1.5 (60) ส22103 สงั คมศกึ ษา 0.5 (20) ส22104 ประวัตศิ าสตร์ 4.0(160) 1.0 (40) พ22102 สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา 1.0(40) 1.0 (40) ศ22101 ศลิ ปะ 1.0 (40) ศ22102 ศลิ ปะ 0.5 (20) 0.5 (20) ง22101 การงานอาชีพ(คอมพิวเตอร์พ้ืนฐาน) 0.5 (20) ง22102 การงานอาชีพ(งานเกษตร ) 1.0 (40) อ22101 ภาษาอังกฤษ 1.5 (60) อ22102 ภาษาองั กฤษ 20 รายวิชาสาระเพิ่มเตมิ 4.0 (160) รายวชิ าสาระเพ่ิมเตมิ ค22201 คณิตศาสตร์ 1.0 (40) ค22202 คณิตศาสตร์ 20 ง22201 คอมพวิ เตอร์ (การน้าเสนอขอ้ มูลเบ้อื งต้น) 1.0 (40) ง22202 คอมพวิ เตอร์(งานกราฟรกิ ) 0.5 (20) 20 อ22201 ภาษาอังกฤษ 0.5 (20) อ22202 ภาษาอังกฤษ ส20233 หน้าท่พี ลเมือง 1.0 (40) ส20234 หน้าที่พลเมือง 20 ง22203 ไม้ดอกไมป้ ระดบั ง22204 ไม้ดอกไมป้ ระดับ 620 ชว่ั โมง กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น ( 60) 20 กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน ( 60) กจิ กรรมแนะแนว กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรียน 20 กจิ กรรมนกั เรียน - ลูกเสือ/เนตรนารี/ยวุ กาชาด/ 20 - ลูกเสอื /เนตรนารี/ยวุ กาชาด/ ผูบ้ ้าเพ็ญประโยชน์ ผบู้ า้ เพ็ญประโยชน์ - ชมรมชมุ นมุ - ชมรมชมุ นุม กจิ กรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์ 20 กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ รวมท้ังหมด 620 ช่ัวโมง รวมทั้งหมด หมายเหตุ 1. กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชนจ์ ัดบรู ณาการในกิจกรรมจรยิ ธรรม 2. กิจกรรมในระดบั ม.ปลาย ขอ้ 3.2.1 และ 3.2.2 ผ้เู รียนเลอื กเพียง 1 กจิ กรรม

9 โครงสรา้ งหลักสูตร โรงเรยี นน้าปลกี ศกึ ษา แผนการเรียนท่ี 2 วิทยาศาสตร์ ระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2/2 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 ภาคเรยี นที่ 2 รายวิชา/กจิ กรรม รายวชิ าสาระพนื้ ฐาน เวลาเรยี น/หน่วย/ รายวิชา/กิจกรรม เวลาเรียน/หนว่ ย/ ท22101 ภาษาไทย ชม ค22101 คณติ ศาสตร์ ชม 11.0 (440) ว22101 วิทยาศาสตร์ 1.5 (60) ว22181 การออกแบบและเทคโนโลยี 11.0 (440) รายวิชาสาระพืน้ ฐาน 1.5 (60) ส22101 สงั คมศกึ ษา 1.5 (60) ส22102 ประวตั ศิ าสตร์ 1.5 (60) ท ภาษาไทย 0.5 (20) พ22101 สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา 1.5 (60) ศ22101 ศิลปะ 22102 0.5 (20) ง22101 คอมพิวเตอร์ 1.0 (40) อ22101 ภาษาองั กฤษ 1.5 (60) ค คณติ ศาสตร์ 1.0 (40) 0.5 (20) 22102 1.5 (60) 1.5 (60) ว วทิ ยาศาสตร์ 4.0 (160) 1.0 (40) 22102 1.0 (40) 0.5 (20) 0.5 (20) ว วทิ ยาการคา้ นวณ 0.5 (20) 1.0 (40) 22182 20 1.5 (60) ส สังคมศึกษา 20 20 22103 20 620 ชว่ั โมง 0.5 (20) ส ประวัตศิ าสตร์ 22104 1.0 (40) พ สุขศกึ ษาและพลศึกษา 22102 1.0 (40) ศ ศลิ ปะ 22102 0.5 (20) ง งานเกษตร 22102 1.5 (60) อ ภาษาอังกฤษ 22102 รายวชิ าสาระเพ่มิ เตมิ 4.0 (160) รายวชิ าสาระเพ่มิ เติม ว22201 วิทยาศาสตร์ 1.0 (40) 1.0 (40) ว วทิ ยาศาสตร์ ง22201 คอมพวิ เตอร์(การน้าเสนอขอ้ มูลเบื้องตน้ ) 0.5 (20) 22202 0.5 (20) อ22201 ภาษาองั กฤษ 1.0 (40) ง คอมพิวเตอร์ (งานกราฟรกิ ) 22202 ส20233 หน้าท่พี ลเมือง 20 20 อ ภาษาองั กฤษ ง22203 ไมด้ อกไม้ประดับ 20 22202 กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน ( 60) ส หน้าทพ่ี ลเมือง กจิ กรรมแนะแนว 20234 กจิ กรรมนกั เรยี น ง ไม้ดอกไม้ประดบั - ลูกเสอื /เนตรนารี/ยุวกาชาด/ 22204 ผบู้ ้าเพ็ญประโยชน์ กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน ( 60) - ชมรมชมุ นมุ กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนกั เรยี น - ลกู เสือ/เนตรนารี/ยุวกาชาด/ ผ้บู ้าเพญ็ ประโยชน์ - ชมรมชมุ นุม กจิ กรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์ 20 กิจกรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์ รวมท้ังหมด 620 ชั่วโมง รวมทงั้ หมด หมายเหตุ 1. กจิ กรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์จัดบูรณาการในกิจกรรมจริยธรรม 2. กิจกรรมในระดบั ม.ปลาย ขอ้ 3.2.1 และ 3.2.2 ผู้เรยี นเลือกเพยี ง 1 กิจกรรม

ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 1 10 เวลาเรยี น/ รายวชิ า/กิจกรรม โครงสรา้ งหลกั สตู ร โรงเรียนน้าปลีกศกึ ษา หน่วย/ชม แผนการเรยี นท่ี 3 ภาษา ระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2/3 11.0 (440) รายวชิ าสาระพ้ืนฐาน 1.5 (60) ท22101 ภาษาไทย ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 ภาคเรยี นท่ี 2 1.5 (60) ค22101 คณิตศาสตร์ 1.5 (60) ว22101 วิทยาศาสตร์ เวลาเรยี น/ รายวิชา/กิจกรรม 0.5 (20) ว22181 การออกแบบและเทคโนโลยี หน่วย/ชม 1.5 (60) ส22101 สงั คมศกึ ษา 0.5 (20) ส22102 ประวัตศิ าสตร์ 11.0 (440) รายวชิ าสาระพืน้ ฐาน 1.0 (40) พ22101 สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา 1.5 (60) ท22102 ภาษาไทย 1.0 (40) 1.5 (60) ค22102 คณิตศาสตร์ 1.0 (40) ศ22101 ศลิ ปะ 1.5 (60) ว22102 วิทยาศาสตร์ 1.5 (60) ง22101 คอมพวิ เตอร์ 0.5 (20) ว22182 วทิ ยาการคา้ นวณ 4.0 (160) อ22101 ภาษาองั กฤษ 1.5 (60) ส22103 สังคมศึกษา 1.0 (40) 0.5 (20) ส22104 ประวตั ิศาสตร์ 1.0 (40) 1.0 (40) พ22102 สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา 0.5 (20) 1.0 (40) ศ22102 ศลิ ปะ 0.5 (20) 1.0 (40) 1.0 (40) ง22102 งานเกษตร 1.5 (60) อ22102 ภาษาอังกฤษ 20 รายวชิ าสาระเพมิ่ เตมิ 4.0 (160) รายวิชาสาระเพิม่ เติม 20 ท22201 ภาษาไทย 1.0 (40) ท22202 ภาษาไทย ง22201 คอมพิวเตอร์(การนา้ เสนอข้อมูลเบือ้ งตน้ ) 1.0 (40) ง22202 คอมพวิ เตอร์ (งานกราฟรกิ ) 20 อ22201 ภาษาองั กฤษ 0.5 (20) อ22202 ภาษาอังกฤษ 20 0.5 (20) 620 ชว่ั โมง ส20233 หนา้ ที่พลเมือง 1.0 (40) ส20234 หน้าที่พลเมือง ง22203 ไม้ดอกไม้ประดับ 20 ง22204 ไมด้ อกไม้ประดับ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน ( 60) 20 กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน ( 60) กจิ กรรมแนะแนว 20 กจิ กรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรียน กจิ กรรมนกั เรยี น - ลูกเสอื /เนตรนารี/ยวุ กาชาด/ - ลกู เสอื /เนตรนารี/ยวุ กาชาด/ ผ้บู า้ เพญ็ ประโยชน์ ผบู้ า้ เพ็ญประโยชน์ - ชมรมชมุ นมุ - ชมรมชมุ นุม กจิ กรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์ 20 กิจกรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์ รวมทงั้ หมด 620 ช่วั โมง รวมทง้ั หมด หมายเหตุ 1. กิจกรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์จัดบูรณาการในกจิ กรรมจรยิ ธรรม 2. กิจกรรมในระดับม.ปลาย ข้อ3.2.1 และ 3.2.2 ผเู้ รยี นเลอื กเพียง 1 กิจกรรม

11 โครงสรา้ งหลักสูตร โรงเรยี นน้าปลกี ศึกษา แผนการเรยี นที่ 1 คณติ ศาสตร์ ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3/1 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 ภาคเรียนที่ 1 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 ภาคเรยี นท่ี 2 รายวิชา/กจิ กรรม เวลาเรียน/ รายวิชา/กจิ กรรม เวลาเรยี น/ หนว่ ย/ชม หนว่ ย/ชม 11.0 (440) รายวิชาสาระพื้นฐาน 11.0 รายวิชาสาระพ้นื ฐาน 1.5 (60) (440) 1.5 (60) ท ภาษาไทย 1.5 ท23102 ภาษาไทย 1.5 (60) 23101 (60) 1.5 (60) ค คณติ ศาสตร์ 1.5 (60) ค23102 คณติ ศาสตร์ 0.5 (20) 23101 1.0 (40) ว วทิ ยาศาสตร์ 1.5 (60) ว23102 วทิ ยาศาสตร์ 1.0 (40) 23101 1.0 (40) 1.5 (60) ส สงั คมศกึ ษา 1.5 (60) ส23103 สังคมศึกษา 3.5 23101 (140) 1.0 (40) ส ประวตั ศิ าสตร์ 0.5 (20) ส23104 ประวตั ศิ าสตร์ 1.0 (40) 23102 0.5 (20) พ สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา 1.0 (40) พ23102 สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา 1.0 (40) 23101 20 ศ ศิลปะ 1.0 (40) ศ23102 ศลิ ปะ 20 23101 20 ง23101 การงานอาชพี ฯ(งานช่าง) 1.0 (40) ง23102 การงานอาชพี ฯ(งานธรุ กิจ) 20 อ ภาษาองั กฤษ 1.5 (60) อ23102 ภาษาองั กฤษ 620 ช่ัวโมง 23101 รายวิชาสาระเพม่ิ เติม 3.5 (140) รายวชิ าสาระเพิ่มเตมิ ค คณติ ศาสตร์ 1.0 (40) ค23202 คณติ ศาสตร์ 23201 ง23201 คอมพิวเตอร(์ ตารางการทา้ งาน) 1.0 (40) ง23202 คอมพวิ เตอร์ (การสร้างเว็บไซต์ 0.5 (20) อ23202 เบื้องตน้ ) อ ภาษาอังกฤษ 23201 ภาษาอังกฤษ ง23203 ชา่ งไฟฟ้า กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี น ( 60) 1.0 (40) ง23204 ช่างไม้ กจิ กรรมแนะแนว 20 กิจกรรมนักเรียน 20 กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น ( 60) 20 - ลูกเสอื /เนตรนาร/ี ยุวกาชาด/ กิจกรรมแนะแนว ผบู้ ้าเพญ็ ประโยชน์ กจิ กรรมนกั เรยี น - ชมรมชมุ นุม - ลกู เสอื /เนตรนาร/ี ยวุ กาชาด/ ผบู้ ้าเพญ็ ประโยชน์ - ชมรมชุมนมุ กจิ กรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ 20 กิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ รวมทั้งหมด 620 รวมทง้ั หมด ชวั่ โมง หมายเหตุ 1. กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์จดั บูรณาการในกจิ กรรมจรยิ ธรรม 2. กิจกรรมในระดับม.ปลาย ข้อ3.2.1 และ 3.2.2 ผู้เรยี นเลอื กเพียง 1 กจิ กรรม

12 โครงสร้างหลักสตู ร โรงเรยี นน้าปลกี ศึกษา แผนการเรียนที่ 2 วทิ ยาศาสตร์ ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3/2 ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 3 ภาคเรยี นที่ 1 ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 ภาคเรียนที่ 2 รายวิชา/กจิ กรรม เวลาเรียน/ รายวิชา/กจิ กรรม เวลาเรียน/ หน่วย/ชม หน่วย/ชม 11.0 (440) รายวชิ าสาระพน้ื ฐาน 11.0 รายวชิ าสาระพนื้ ฐาน 1.5 (60) (440) 1.5 (60) ท ภาษาไทย 1.5 (60) ท ภาษาไทย 1.5 (60) 23101 23102 1.5 (60) ค คณติ ศาสตร์ 1.5 (60) ค คณติ ศาสตร์ 0.5 (20) 23101 23102 1.0 (40) ว วิทยาศาสตร์ 1.5 (60) ว วทิ ยาศาสตร์ 1.0 (40) 23101 23102 1.0 (40) 1.5 (60) ส สงั คมศึกษา 1.5 (60) ส สงั คมศึกษา 23101 23103 ส ประวตั ศิ าสตร์ 0.5 (20) ส ประวตั ศิ าสตร์ 23102 23104 พ สุขศึกษาและพลศกึ ษา 1.0 (40) พ สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา 23101 23102 ศ ศิลปะ 1.0 (40) ศ ศิลปะ 23101 23102 ง23101 การงานอาชพี ฯ(งานชา่ ง) 1.0 (40) ง23102 การงานอาชพี ฯ(งานธุรกจิ ) อ ภาษาอังกฤษ 1.5 (60) อ ภาษาองั กฤษ 23101 23102 รายวิชาสาระเพ่ิมเติม 3.5(140) รายวชิ าสาระเพ่มิ เติม 3.5(140) ว วิทยาศาสตร์ 1.0(40) ว วิทยาศาสตร์ 1.0(40) 23201 23202 ง23201 คอมพวิ เตอร์ (ตารางการทา้ งาน) 1.0 (40) ง23202 คอมพวิ เตอร์ (การสรา้ งเวบ็ ไซตเ์ บอื้ งตน้ ) 1.0 (40) 0.5 (20) 0.5 (20) อ ภาษาองั กฤษ อ ภาษาองั กฤษ 23201 1.0 (40) 23202 1.0 (40) ง23203 ชา่ งไฟฟา้ ง23204 ช่างไฟฟ้า กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น ( 60) 20 กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน ( 60) 20 กิจกรรมแนะแนว กจิ กรรมแนะแนว กิจกรรมนกั เรียน 20 กจิ กรรมนักเรยี น 20 - ลกู เสือ/เนตรนาร/ี ยวุ กาชาด/ 20 - ลกู เสอื /เนตรนาร/ี ยุวกาชาด/ 20 ผบู้ ้าเพญ็ ประโยชน์ ผบู้ ้าเพญ็ ประโยชน์ - ชมรมชมุ นุม - ชมรมชมุ นมุ กิจกรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์ 20 กจิ กรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ 20 รวมทัง้ หมด 620 ชว่ั โมง รวมท้ังหมด 620 ชวั่ โมง หมายเหตุ 1. กิจกรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์จดั บรู ณาการในกิจกรรมจริยธรรม 2. กจิ กรรมในระดับม.ปลาย ข้อ3.2.1 และ 3.2.2 ผู้เรยี นเลอื กเพยี ง 1 กิจกรรม

13 โครงสรา้ งหลกั สูตร โรงเรยี นน้าปลีกศึกษา แผนการเรยี นที่ 3 ภาษา ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3/3 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นที่ 1 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 ภาคเรียนท่ี 2 รายวิชา/กิจกรรม เวลาเรียน/ รายวชิ า/กจิ กรรม เวลาเรยี น/ หนว่ ย/ชม หน่วย/ชม 11.0 (440) รายวิชาสาระพน้ื ฐาน 11.0 รายวชิ าสาระพนื้ ฐาน 1.5 (60) (440) 1.5 (60) ท ภาษาไทย 1.5 (60) ท ภาษาไทย 1.5 (60) 23101 23102 1.5 (60) ค คณติ ศาสตร์ 1.5 (60) ค คณติ ศาสตร์ 0.5 (20) 23101 23102 1.0 (40) ว วทิ ยาศาสตร์ 1.5 (60) ว วทิ ยาศาสตร์ 1.0 (40) 23101 23102 1.0 (40) 1.5 (60) ส สงั คมศกึ ษา 1.5 (60) ส สงั คมศึกษา 23101 23103 ส ประวตั ศิ าสตร์ 0.5 (20) ส ประวตั ศิ าสตร์ 23102 23104 พ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา 1.0 (40) พ สุขศึกษาและพลศกึ ษา 23101 23102 ศ ศลิ ปะ 1.0 (40) ศ ศลิ ปะ 23101 23102 ง23101 การงานอาชพี ฯ(งานชา่ ง) 1.0 (40) ง23102 การงานอาชพี ฯ(งานธุรกิจ) อ ภาษาอังกฤษ 1.5 (60) อ ภาษาองั กฤษ 23101 23102 รายวชิ าสาระเพม่ิ เตมิ 3.5(140) รายวิชาสาระเพิ่มเตมิ 3.5(140) ท ภาษาไทย 1.0(40) ท ภาษาไทย 1.0(40) 23201 23202 ง23201 คอมพวิ เตอร์ (ตารางการท้างาน) 1.0 (40) ง23202 คอมพิวเตอร์ (การสรา้ งเว็บไซตเ์ บอ้ื งตน้ ) 1.0 (40) 0.5 (20) 0.5 (20) อ ภาษาอังกฤษ อ ภาษาอังกฤษ 23201 1.0 (40) 23202 1.0 (40) ง23203 ช่างไฟฟา้ ง23204 ชา่ งไฟฟา้ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น ( 60) 20 กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น ( 60) 20 กจิ กรรมแนะแนว กจิ กรรมแนะแนว กิจกรรมนกั เรียน 20 กิจกรรมนักเรยี น 20 - ลกู เสอื /เนตรนาร/ี ยวุ กาชาด/ 20 - ลูกเสอื /เนตรนาร/ี ยวุ กาชาด/ 20 ผบู้ า้ เพญ็ ประโยชน์ ผบู้ ้าเพญ็ ประโยชน์ - ชมรมชมุ นุม - ชมรมชมุ นมุ กจิ กรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ 20 กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ 20 620 ชั่วโมง รวมท้งั หมด 620 ช่วั โมง รวมทั้งหมด หมายเหตุ 1. กจิ กรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์จดั บูรณาการในกจิ กรรมแนะแนว 2. กิจกรรมในระดับม.ปลาย ขอ้ 3.2.1 และ 3.2.2 ผ้เู รียนเลือกเพยี ง 1 กิจกรรม

14 โครงสรา้ งกล่มุ สาระการเรยี นวิทยาศาสตร์ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ รายวชิ าพ้นื ฐาน จ้านวน 60 ชั่วโมง 1.5 หน่วยกติ ว21101 วทิ ยาศาสตร์ จ้านวน 60 ชวั่ โมง 1.5 หน่วยกิต ว21102 วทิ ยาศาสตร์ จ้านวน 20 ชว่ั โมง 0.5 หนว่ ยกิต ว21181 การออกแบบแลเทคโนโลยี จ้านวน 60 ชว่ั โมง 1.5 หนว่ ยกิต ว22101 วิทยาศาสตร์ จ้านวน 20 ชัว่ โมง 0.5 หนว่ ยกิต ว22102 วิทยาศาสตร์ จ้านวน 20 ช่ัวโมง 0.5 หนว่ ยกิต ว21182 การออกแบบแลเทคโนโลยี จา้ นวน 60 ชั่วโมง 1.5 หน่วยกิต ว23101 วทิ ยาศาสตร์ จา้ นวน 60 ชั่วโมง 1.5 หน่วยกิต ว23102 วิทยาศาสตร์ รายวชิ าเพม่ิ เติม วิทยาศาสตร์ จา้ นวน 40 ชั่วโมง 1.0 หน่วยกิต ว21201 วทิ ยาศาสตร์ จ้านวน 40 ชั่วโมง 1.0 หนว่ ยกติ ว21202 วทิ ยาศาสตร์ จ้านวน 40 ชั่วโมง 1.0 หนว่ ยกติ 22201 วิทยาศาสตร์ จ้านวน 40 ชว่ั โมง 1.0 หนว่ ยกติ ว22202 วิทยาศาสตร์ จา้ นวน 40 ช่วั โมง 1.0 หนว่ ยกติ ว23201 วิทยาศาสตร์ จา้ นวน 40 ช่ัวโมง 1.0 หนว่ ยกิต ว23202

15 สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระท่ี ๑ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๑เข้าใจความหลากหลายของระบบนเิ วศความสัมพันธร์ ะหว่างสิ่งไม่มีชวี ิตกับสงิ่ มชี ีวติ และ ความสัมพันธร์ ะหว่างส่ิงมชี ีวิตกับสิ่งมีชีวติ ต่างๆในระบบนเิ วศการถา่ ยทอดพลงั งานการเปล่ียนแปลงแทนท่ใี น ระบบนเิ วศความหมายของ ประชากรปัญหาและผลกระทบทมี่ ตี ่อทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม แนวทางใน การอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดลอ้ ม รวมทงั นา้ ความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว ๑.๒ เขา้ ใจสมบตั ิของส่งิ มีชีวิต หนว่ ยพนื ฐานของสง่ิ มชี ีวิตการล้าเลยี งสารเข้า และออกจากเซลลค์ วามสมั พันธข์ องโครงสรา้ งและหนา้ ท่ีของระบบต่างๆของสตั วแ์ ละมนุษย์ทที่ า้ งานสัมพันธก์ นั ความสัมพนั ธข์ องโครงสร้างและหนา้ ท่ีของอวยั วะตา่ งๆของพชื ท่ีทา้ งานสัมพันธ์กันรวมทังนา้ ความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว ๑.๓ เขา้ ใจกระบวนการและความสา้ คัญของการถ่ายทอดลกั ษณะทางพันธุกรรมสาร พันธุกรรมการเปลีย่ นแปลงทางพนั ธกุ รรมทีม่ ีผลต่อสงิ่ มชี ีวติ ความหลากหลาย ทางชีวภาพและววิ ัฒนาการของ สิ่งมชี วี ิตรวมทงั นา้ ความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ สาระท่ี ๒ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสารองค์ประกอบของสสารความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสมบัติของ สสารกับ โครงสรา้ งและแรงยึดเหนี่ยวระหวา่ งอนุภาคหลักและธรรมชาติของการเปล่ยี นแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลายและการเกิด ปฏกิ ิรยิ าเคมี มาตรฐาน ว ๒.๒ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องแรงในชีวิตประจ้าวัน ผลของแรงทก่ี ระทา้ ต่อวตั ถุลักษณะ การ เคล่ือนที่แบบตา่ งๆของวตั ถุ รวมทงั น้าความรู้ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว ๒.๓ เขา้ ใจความหมายของพลังงานการเปล่ยี นแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสมั พนั ธ์ระหว่างสสารและพลงั งานพลงั งานในชีวิตประจ้าวนั ธรรมชาตขิ องคลนื่ ปรากฏการณ์ท่ีเกย่ี วข้องกบั เสยี ง แสง และคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟา้ รวมทังน้าความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ สาระที่ ๓ วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๑ เข้าใจองค์ประกอบลักษณะกระบวนการเกดิ และวิวฒั นาการของเอกภพ กาแลก็ ซีดาว ฤกษ์และระบบสุรยิ ะรวมทังปฏิสัมพนั ธภ์ ายในระบบสุริยะที่ส่งผลตอ่ ส่งิ มีชีวิตและการประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยอี วกาศ มาตรฐาน มาตรฐาน ว ๓.๒ เข้าใจองค์ประกอบและความสมั พันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลย่ี นแปลง ภายใน โลกและบนผิวโลกธรณีพิบัตภิ ัยกระบวนการเปลยี่ นแปลงลมฟ้าอากาศและภูมอิ ากาศโลกรวมทังผลต่อสงิ่ มชี ีวติ และส่งิ แวดล้อม สาระท่ี ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๑ เข้าใจแนวคดิ หลักของเทคโนโลยเี พื่อการด้ารงชวี ิตในสังคมที่มีการเปล่ียนแปลง อย่าง รวดเร็วใช้ความรแู้ ละทกั ษะทางด้านวิทยาศาสตร์คณติ ศาสตร์และศาสตร์อ่ืนๆเพอื่ แกป้ ัญหาหรอื พัฒนางานอย่างมี ความคดิ สรา้ งสรรคด์ ้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม เลอื กใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม โดยคา้ นึงถึงผลกระทบต่อชีวติ สงั คม และสงิ่ แวดล้อม มาตรฐาน ว ๔.๒ เข้าใจและใช้แนวคิดเชงิ คา้ นวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวติ จรงิ อยา่ งเป็นขันตอนและ เปน็ ระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สารในการเรียนรู้ การท้างานและการแกป้ ัญหาได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพรเู้ ท่าทันและมีจริยธรรม

16 คา้ อธบิ ายรายวชิ า รายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว ๒๑๑๐๑ กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ ๑ เวลา ๖๐ชวั่ โมง/ภาคเรียน จา้ นวน ๑.๕ หน่วยกติ ภาคเรยี นที่ ๑ ************************************************************************************* ศึกษาเกี่ยวกับสารรอบตัว สมบัติของสาร การจ้าแนกสารด้วยสถานะ เนือสาร และขนาดอนุภาคของสาร การเปลี่ยนแปลงของสาร สารบริสุทธิ์และสารผสม การศึกษาชีววิทยาโดยอาศัยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ศึกษา ประเภทโครงสร้างและหน้าที่ของส่วนประกอบภายในเซลล์สิ่งมีชีวิตด้วยกล้องจุลทรรศน์ ศึกษากระบวนการ ล้าเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ด้วยวิธีการแพร่และการออสโมซิส ศึกษาการด้ารงชีวิตของพืช กระบวนการ สังเคราะหด์ ้วยแสง การลา้ เลยี งสารในพืช การเจริญเติบโตของพืช การสืบพันธุ์ของพืช และเทคโนโลยีชีวภาพของ พชื โดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ การทดลองการอภิปราย การอธิบาย และสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มี ความสามารถในการตดั สนิ ใจ สอื่ สารส่งิ ทีเ่ รยี นร้แู ละนา้ ความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ้าวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ มี คณุ ธรรม และจรยิ ธรรม ตวั ชวี้ ัด ว ๑.๒ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ม.๑/๕ ม.๑/๖ ม.๑/๗ ม.๑/๘ ม.๑/๙ ม.๑/๑๐ ม.๑/๑๑ ม.๑/๑๒ ม.๑/๑๓ ม.๑/๑๔ ม.๑/๑๕ ม.๑/๑๖ ม.๑/๑๗ ม.๑/๑๘ ว ๒.๑ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ม.๑/๕ รวม ๒๓ ตัวชว้ี ดั ตัวช้ีวดั ว 1.2 1.เปรียบเทียบรปู รา่ งและโครงสรา้ งของเซลลพ์ ชื และสตั ว์ รวมทงั บรรยายหน้าทข่ี องผนงั เซลล์ เย่อื หมุ้ เซลล์ ไซโทพลาซึม นวิ เคลียสแวควิ โอล ไมโทคอนเดรยี และ คลอโรพลาสต์ 2.ใช้กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงศึกษาเซลลแ์ ละโครงสรา้ งตา่ ง ๆ ภายในเซลล์ 3.อธิบายความสมั พนั ธร์ ะหว่างรปู รา่ งกับการทา้ หนา้ ที่ของเซลล์ 4.อธบิ ายการจัดระบบของสิง่ มีชวี ิตโดยเร่มิ จากเซลล์ เนอื เยื่อ อวยั วะ ระบบอวยั วะจนเป็นสง่ิ มชี วี ิต 5.อธิบายกระบวนการแพรแ่ ละออสโมซิส จากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ และยกตวั อย่างการแพร่และออสโมซสิ ในชีวิตประจา้ วัน 6. ระบุปัจจัยทจี่ า้ เปน็ ในการสังเคราะห์ด้วยแสงและผลผลิตท่เี กดิ ขึนจากการสังเคราะหด์ ้วยแสง โดยใชห้ ลักฐาน เชิงประจกั ษ์ 7. อธิบายความสา้ คญั ของการสังเคราะหด์ ้วยแสงของพืชต่อสง่ิ มีชีวติ และส่ิงแวดล้อม 8. ตระหนกั ในคุณค่าของพืชทม่ี ีตอ่ สิง่ มีชีวิตและสิ่งแวดลอ้ ม โดยการรว่ มกนั ปลูกและดแู ลรักษาตน้ ไม้ในโรงเรยี น

17 9. บรรยายลักษณะและหนา้ ที่ของไซเลม็ และโฟลเอ็ม 10. เขียนแผนภาพทบ่ี รรยายทศิ ทางการล้าเลยี ง สารในไซเลม็ และโฟลเอ็มของพืช 11. อธบิ ายการสบื พนั ธ์ุแบบอาศัยเพศ และไม่อาศยั เพศของพชื ดอก 12. อธิบายลักษณะโครงสร้างของดอกท่ีมีส่วนท้าให้เกิดการถ่ายเรณู รวมทังบรรยาย การปฏิสนธิของพืชดอก การ เกดิ ผลและเมล็ด การกระจายเมล็ด และการงอกของเมลด็ 13. ตระหนักถงึ ความส้าคญั ของสัตว์ ท่ีช่วยในการถา่ ยเรณูของพืชดอก โดยการไม่ท้าลายชีวิตของสตั ว์ ทีช่ ว่ ย ในการถา่ ยเรณู 14. อธิบายความส้าคญั ของธาตอุ าหารบางชนิดทีม่ ผี ลตอ่ การเจรญิ เติบโต และการดา้ รงชีวติ ของพืช 15. เลือกใช้ป๋ยุ ทมี่ ธี าตุอาหารเหมาะสมกับพืชในสถานการณ์ทีก่ า้ หนด 16. เลือกวิธกี ารขยายพนั ธุพ์ ชื ให้เหมาะสมกับความตอ้ งการของมนษุ ย์ โดยใช้ความรู้เกยี่ วกบั การสืบพนั ธ์ขุ องพืช 17. อธบิ ายความส้าคัญของเทคโนโลยี การเพาะเลียงเนอื เยือ่ พชื ในการใชป้ ระโยชน์ด้านต่าง ๆ 18. ตระหนกั ถึงประโยชน์ของการขยายพนั ธพ์ุ ชื โดยการน้าความรไู้ ปใช้ในชวี ิตประจ้าวนั ตัวชีว้ ดั ว 2.1 1. อธบิ ายสมบัติทางกายภาพบางประการของธาตโุ ลหะ อโลหะ และก่ึงโลหะ โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ที่ ไดจ้ ากการสงั เกต และการทดสอบ และใชส้ ารสนเทศทีไ่ ดจ้ ากแหล่งข้อมลู ตา่ ง ๆ รวมทังจดั กลุ่มธาตเุ ปน็ โลหะ อโลหะ และกึง่ โลหะ 2. วิเคราะห์ผลจากการใชธ้ าตโุ ลหะ อโลหะ กง่ึ โลหะ และธาตุกัมมันตรังสีทีม่ ตี ่อสงิ่ มีชีวิต สิง่ แวดล้อม เศรษฐกิจ และสงั คม จากข้อมลู ท่ีรวบรวมได้ 3. ตระหนักถงึ คณุ คา่ ของการใชธ้ าตุโลหะ อโลหะ กึง่ โลหะ ธาตุกัมมนั ตรงั สี โดยเสนอแนวทางการใชธ้ าตุอย่าง ปลอดภัย คมุ้ คา่ 4. เปรยี บเทียบจุดเดือด จุดหลอมเหลวของสารบริสทุ ธ์ิและสารผสม โดยการวัดอุณหภมู ิ เขยี นกราฟ แปล ความหมายข้อมูลจากกราฟ หรือสารสนเทศ 5. อธิบายและเปรียบเทียบความหนาแนน่ ของสารบรสิ ทุ ธิแ์ ละสารผสม

18 ค้าอธิบายรายวิชาพน้ื ฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 เวลา 20 ชัว่ โมง ภาคเรียนท่ี 1 --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา อธิบายความหมายของเทคโนโลยี วเิ คราะห์สาเหตุหรือปัจจัยที่ส่งผลตอ่ การเปลีย่ นแปลง ของเทคโนโลยี การท้างานของระบบทางเทคโนโลยี ประยกุ ต์ใชค้ วามรู้ ทกั ษะ และทรัพยากร โดย วเิ คราะหเ์ ปรยี บเทยี บและเลือกขอ้ มลู ที่จา้ เปน็ เพ่ือออกแบบวธิ ีการแกป้ ญั หาในชีวติ ประจ้าวันในด้าน การเกษตรและอาหาร และสร้างชินงานหรือพัฒนาวธิ ีการโดยใชก้ ระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รวมทงั เลือกใชว้ สั ดอุ ปุ กรณ์ เคร่อื งมือในการแก้ปัญหาได้อย่างถกู ต้อง เหมาะสม และปลอดภยั ตัวชว้ี ดั ว 4.1 เทคโนโลยี(การออกแบบและเทคโนโลย)ี 1. อธบิ ายแนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยใี นชีวติ ประจา้ วันและวิเคราะห์สาเหตหุ รอื ปจั จัยท่สี ่งผลต่อการ เปล่ียนแปลงของเทคโนโลยี 2. ระบุปญั หาหรอื ความต้องการในชวี ิตประจ้าวนั รวบรวม วิเคราะหข์ ้อมูลและแนวคิดท่ีเกีย่ วขอ้ งกบั ปัญหา 3. ออกแบบวิธกี ารแกป้ ัญหา โดยวิเคราะห์เปรยี บเทยี บ และตดั สินใจเลอื กข้อมูลท่จี ้าเป็น นา้ เสนอ แนวทางการแกป้ ัญหาใหผ้ ู้อนื่ เขา้ ใจ วางแผนและดา้ เนนิ การแก้ปัญหา 4. ทดสอบ ประเมินผล และระบขุ ้อบกพรอ่ งทเ่ี กิดขึน พร้อมทังหาแนวทางการปรับปรงุ แกไ้ ข และ นา้ เสนอผลการแก้ปัญหา 5. ใช้ความรแู้ ละทักษะเก่ียวกับวัสดุ อปุ กรณ์ เครื่องมือ กลไก ไฟฟ้า หรอื อิเล็กทรอนิกส์เพ่อื แก้ปญั หาได้ อยา่ งถูกต้อง เหมาะสมและปลอดภยั รวมทั้งหมด 5 ตวั ชีว้ ดั

19 ค้าอธบิ ายรายวชิ า รายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว ๒๑๑๐๒ กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ เวลา ๖๐ช่ัวโมง/ภาคเรียน จ้านวน ๑.๕ หนว่ ยกติ ภาคเรียนที่ ๒ ************************************************************************************* ศึกษาเก่ียวกับสมบัติของสารบริสุทธ์ิและสารผสม การใช้ความรู้ทางเคมีให้เป็นประโยชน์ต่อการเลือกใช้ สารเคมีในชีวิตประจ้าวันได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย ศึกษาเกี่ยวกับอุณหภูมิและการวัด ผลของความร้อนท่ีมี ผลต่อการเปล่ียนแปลงของสาร การถ่ายโอนความร้อน การดูดกลืนและคายความร้อน สมดุลความร้อน องค์ประกอบของบรรยากาศ การแบ่งชันบรรยากาศ ผลของรังสีจากดวงอาทิตย์ต่อบรรยากาศ องค์ประกอบของ บรรยากาศ ไดแ้ ก่ อุณหภูมอิ ากาศ ความดันอากาศ ความชืนอากาศ ลม เมฆและฝน พายุฟ้าคะนอง พายุหมุนเขต ร้อน มรสุม การพยากรณอ์ ากาศ และการเปล่ียนแปลงภูมิอากาศของโลก โดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ การทดลองการอภิปราย การอธิบาย และสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มี ความสามารถในการตัดสินใจ สอื่ สารสิ่งที่เรยี นรแู้ ละน้าความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ้าวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ มี คณุ ธรรม และจรยิ ธรรม ตวั ชว้ี ดั ว ๒.๑ ม.๑/๖ ม.๑/๗ ม.๑/๘ ม.๑/๙ ม.๑/๑๐ ว ๒.๒ ม.๑/๑ ว ๒.๓ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ม.๑/๕ ม.๑/๖ ม.๑/๗ ว ๓.๒ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ม.๑/๕ ม.๑/๖ ม.๑/๗ รวม ๒๐ ตัวชี้วดั มาตรฐาน ว 2.1 1. ใช้เครือ่ งมือเพอื่ วดั มวลและปรมิ าตรของสารบริสทุ ธแ์ิ ละสารผสม 2. อธบิ ายเกี่ยวกบั ความสัมพนั ธ์ระหว่างอะตอม ธาตุและสารประกอบ โดยใชแ้ บบจา้ ลอง และสารสนเทศ 3. อธิบายโครงสร้างอะตอมทป่ี ระกอบด้วยโปรตอน นวิ ตรอน และอเิ ล็กตรอน โดยใชแ้ บบจา้ ลอง 4. อธิบายและเปรยี บเทียบการจัดเรียงอนภุ าค แรงยดึ เหนยี่ วระหว่างอนุภาค และการเคล่อื นทข่ี องอนภุ าค ของสสารชนดิ เดียวกันในสถานะของแข็ง ของเหลว และแก๊ส โดยใช้แบบจ้าลอง 5. อธิบายความสัมพันธ์ระหวา่ งพลังงานความร้อนกบั การเปลี่ยนสถานะของสสาร โดยใชห้ ลกั ฐานเชิง ประจกั ษ์และแบบจา้ ลอง มาตรฐาน ว ๒.๒ 1.สร้างแบบจา้ ลองที่อธิบายความสมั พันธร์ ะหวา่ งความดนั อากาศกับความสงู จากพนื โลก

20 มาตรฐาน ว ๒.๓ 1. วเิ คราะห์ แปลความหมายขอ้ มูล และคา้ นวณปริมาณความร้อนที่ทา้ ให้สสารเปลย่ี นอุณหภมู ิและเปลยี่ นสถานะ โดยใช้สมการ Q = mc∆t และ Q = mL 2. ใชเ้ ทอร์มอมิเตอรใ์ นการวัดอณุ หภมู ขิ องสสาร 3. สร้างแบบจา้ ลองท่อี ธบิ าย การขยายตัว หรือหดตวั ของสสารเน่ืองจากได้รบั หรือสูญเสีย ความรอ้ น 4. ตระหนกั ถงึ ประโยชนข์ องความรู้ของการหดและขยายตัวของสสารเนอ่ื งจากความรอ้ น โดยวิเคราะห์ สถานการณป์ ัญหา และเสนอแนะวธิ ีการนา้ ความรู้มาแก้ปัญหา ในชวี ิตประจา้ วนั 5. วเิ คราะห์สถานการณ์การถ่ายโอนความรอ้ น และค้านวณปริมาณความร้อนที่ถา่ ยโอนระหวา่ งสสารจนเกดิ สมดลุ ความรอ้ นโดยใชส้ มการ Qสญู เสยี = Qได้รับ 6. สร้างแบบจ้าลองทีอ่ ธิบายการถา่ ยโอนความร้อนโดยการนา้ ความรอ้ น การพาความร้อน การแผร่ ังสี ความร้อน 7. ออกแบบ เลือกใช้ และสร้างอปุ กรณ์เพื่อแก้ปัญหาในชวี ติ ประจา้ วนั โดยใชค้ วามรู้เกีย่ วกบั การถ่ายโอนความร้อน มาตรฐาน ว ๓.๒ 1.สร้างแบบจา้ ลองท่ีอธบิ ายการแบง่ ชันบรรยากาศ และเปรยี บเทยี บประโยชน์ของบรรยากาศแต่ละชัน 2.อธิบายปจั จยั ที่มผี ลตอ่ การเปลีย่ นแปลงองค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ จากข้อมลู ทร่ี วบรวมได้ 3.เปรียบเทยี บกระบวนการเกิดพายุฝนฟ้าคะนองและพายุหมนุ เขตรอ้ น และผลที่มีต่อสงิ่ มีชีวติ และสงิ่ แวดล้อม รวมทังน้าเสนอแนวทางการปฏิบตั ิตนใหเ้ หมาะสมและปลอดภยั 4. อธบิ ายการพยากรณ์อากาศ และพยากรณ์อากาศอยา่ งง่ายจากข้อมลู ทรี่ วบรวมได้ 5.ตระหนักถงึ คณุ ค่าของการพยากรณอ์ ากาศโดยนา้ เสนอแนวทางการปฏบิ ตั ิตน และการใช้ประโยชน์จากค้า พยากรณอ์ ากาศ 6. อธบิ ายสถานการณ์และผลกระทบการเปล่ยี นแปลงภูมิอากาศโลกจากข้อมูลทรี่ วบรวมได้ 7. ตระหนักถงึ ผลกระทบของการเปล่ยี นแปลงภมู อิ ากาศโลกโดยนา้ เสนอแนวทางการปฏิบตั ติ นภายใตก้ าร เปล่ยี นแปลงภูมิอากาศโลก

21 คา้ อธบิ ายรายวิชาพ้นื ฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคา้ นวณ) กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 เวลา 20 ชัว่ โมง ภาคเรยี นที่ 2 --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ศกึ ษาแนวคดิ เชงิ ค้านวณ การแกป้ ญั หาโดยใชแ้ นวคิดเชิงคา้ นวณ การเขยี นโปรแกรมทมี่ ีการใช้ตรรกะและ ฟงั ก์ชัน องค์ประกอบและหลักการทา้ งานของระบบคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสือ่ สาร แนวทางการปฏบิ ตั ิเม่อื พบ เนอื หาที่ไม่เหมาะสม การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างมคี วามรบั ผดิ ชอบ วธิ กี ารสรา้ งและกา้ หนดสทิ ธิความเป็น เจา้ ของผลงานนา้ แนวคิดเชงิ ค้านวณไปประยุกตใ์ ช้ในการเขียนโปรแกรมหรือการแกป้ ัญหาในชวี ติ จริง สร้างและ กา้ หนดสิทธก์ิ ารใช้ข้อมลู ตระหนกั ถงึ ผลกระทบในการเผยแพรข่ ้อมูล ตัวช้วี ัด ว. 4.2 เทคโนโลยี (วทิ ยาการคา้ นวณ) 1. ออกแบบอลั กอรทิ ึมทใ่ี ช้แนวคิดเชงิ ค้านวณในการแก้ปัญหา หรอื การท างานท่ีพบในชวี ิตจรงิ 2. ออกแบบและเขยี นโปรแกรมท่ีใช้ตรรกะและฟังก์ชันในการ แก้ปญั หา 3. อภิปรายองค์ประกอบและหลกั การท้างานของระบบคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยกี ารสือ่ สาร เพื่อ ประยกุ ตใ์ ช้ งานหรือแกป้ ัญหาเบืองต้น 4. ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย มคี วามรบั ผิดชอบ สรา้ งและแสดงสิทธใิ์ นการเผยแพร่ผลงาน รวมทั้งหมด 4 ตวั ชี้วัด

22 ค้าอธิบายรายวิชา รหัสวิชา ว ๒2๑๐๑ รายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ จ้านวน ๑.๕ หนว่ ยกิต เวลา ๖๐ชว่ั โมง/ภาคเรียน ภาคเรยี นท่ี ๑ ศึกษาเก่ียวกับระบบร่างกายมนุษย์ ระบบหายใจ โครงสร้างและหน้าท่ีของอวัยวะในระบบหายใจ การ หายใจ การดูแลรกั ษาอวัยวะในระบบหายใจ โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบขับถ่าย กลไกการก้าจัดของ เสีย การดูแลรักษาอวัยวะในระบบขับถ่าย ระบบหมุนเวียนเลือด โครงสร้างและหน้าท่ีของอวัยวะในระบบ หมุนเวียนเลือด การท้างานของระบบหมุนเวียนเลือด การดูแลรักษาอวัยวะในระบบหมุนเวียนเลือด ระบบ ประสาท โครงสร้างและหน้าท่ีของอวัยวะในระบบประสาท การทา้ งานของระบบประสาท การดูแลรักษาอวัยวะใน ระบบประสาท ระบบสบื พันธ์ุ โครงสรา้ งและหน้าทีข่ องอวัยวะในระบบสืบพันธุ์เพศชายและเพศหญิง ฮอร์โมนเพศ การปฏสิ นธิและการตังครรภ์ การคมุ ก้าเนดิ ศึกษาเก่ยี วกับการแยกสารผสม การระเหยแห้ง การตกผลึก การกล่ัน โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ การสกัดด้วยตัวท้าละลาย การน้าวิธีการแยกสารไปใช้ แก้ปัญหาในชีวิตประจ้าวัน ศึกษาเก่ียวกับสารละลาย สภาพละลายได้ของสาร ความเข้มข้นของสารละลาย การใช้สารละลายในชีวิต ศึกษา เก่ยี วกบั แรงและการเคลื่อนท่ี แรง แรงดนั ในของเหลว แรงพยงุ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การ วิเคราะห์ การทดลอง การอภิปราย การอภิปราย การอธิบายและการสรุปเพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มคี วามสามารในการตัดสนิ ใจ สอ่ื สารสิง่ ทเี่ รียนรแู้ ละนา้ ความร้ไู ปใช้ในชีวิตของตนเอง มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และคา่ นยิ ม ตัวชีว้ ัด ม.2/๑ ม.2/๒ ม.2/๓ ม.2/๔ ม.2/๕ ม.2/๖ ม.2/๗ ม.2/๘ ม.2/๙ ว ๑.๒ ม.2/๑๐ ม.2/๑๑ ม.2/๑๒ ม.2/๑๓ ม.2/๑๔ ม.2/๑๕ ม.2/๑๖ ม.2/๑๗ ม.2/๑ ม.2/๒ ม.2/๓ ม.2/๔ ม.2/๕ ม. 2/6 ว ๒.๑ ม.2/๑ ม.2/๒ ม.2/๓ ม.2/๔ ม.2/๕ ว ๒.2 รวม ๒8 ตัวชีว้ ัด มาตรฐาน ว ๑.๒ 1. ระบุอวยั วะและบรรยายหน้าที่ของอวยั วะ ที่เกย่ี วขอ้ งในระบบหายใจ 2. อธิบายกลไกการหายใจเข้าและออกโดยใช้ แบบจา้ ลอง รวมทงั อธิบายกระบวนการ แลกเปลี่ยนแกส๊ 3. ตระหนกั ถึงความสา้ คญั ของระบบหายใจ โดยการบอกแนวทางในการดูแลรักษา อวัยวะในระบบหายใจให้ ท้างานเปน็ ปกติ 4. ระบุอวยวั ะและบรรยายหนา้ ที่ของอวัยวะ ในระบบขบั ถา่ ยในการกา้ จัดของเสียทาง ไต 5. ตระหนกั ถงึ ความส้าคญั ของระบบขบั ถ่าย ในการก้าจัดของเสียทางไต โดยการบอก แนวทางในการปฏิบัติตนท่ี ช่วยใหร้ ะบบ ขบั ถ่ายทา้ หนา้ ทไ่ี ด้อย่างปกติ

23 6. บรรยายโครงสร้างและหน้าท่ขี องหัวใจ หลอดเลอื ด และเลอื ด 7. อธบิ ายการท้างานของระบบหมุนเวยี น เลอื ดโดยใช้แบบจา้ ลอง 8. ออกแบบการทดลองและทดลองในการ เปรียบเทยี บอตั ราการเต้นของหวั ใจ ขณะปกติและหลังท้ากจิ กรรม 9. ตระหนกั ถงึ ความส้าคัญของระบบ หมุนเวยี นเลือด โดยการบอกแนวทางใน การดูแลรักษาอวัยวะในระบบ หมนุ เวียน เลือดให้ทา้ งานเป็นปกติ 10. ระบอุ วยั วะและบรรยายหน้าท่ีของอวัยวะ ในระบบประสาทส่วนกลางในการควบคุม การท้างานต่าง ๆ ของ ร่างกาย 11. ตระหนักถึงความสา้ คญั ของระบบประสาท โดยการบอกแนวทางในการดูแลรกั ษา รวมถึงการป้องกนั กระทบกระเทอื นและ อนั ตรายต่อสมองและไขสันหลงั 12. ระบุอวัยวะและบรรยายหน้าทขี่ องอวัยวะ ในระบบสบื พนั ธข์ุ องเพศชายและเพศหญงิ โดยใชแ้ บบจ้าลอง 13. อธิบายผลของฮอร์โมนเพศชายและเพศ หญิงทีค่ วบคมุ การเปลยี่ นแปลงของ ร่างกายเมื่อเขา้ สู่วยั หนมุ่ สาว 14. ตระหนักถงึ การเปลย่ี นแปลงของรา่ งกาย เม่ือเข้าสู่วยั หนุ่มสาว โดยการดูแลรกั ษา ร่างกายและจิตใจของ ตนเองในช่วงทมี่ ีการ เปลย่ี นแปลง 15. อธบิ ายการตกไข่ การมีประจ้าเดอื น การ ปฏิสนธิ และการพัฒนาของไซโกต จน คลอดเปน็ ทารก 16. เลือกวธิ กี ารคุมกา้ เนิดทเ่ี หมาะสมกบั สถานการณท์ ่กี ้าหนด 17. ตระหนักถงึ ผลกระทบของการตังครรภ์ ก่อนวยั อนั ควร โดยการประพฤตติ นให้ เหมาะสม มาตรฐาน ว ๒.๑ 1. อธบิ ายการแยกสารผสมโดยการระเหยแห้ง การตกผลึก การกลั่นอย่างง่าย โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ การ สกัดดว้ ยตวั ทา้ ละลาย โดยใช้หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ 2. แยกสารโดยการระเหยแห้ง การตกผลึก การกลั่นอย่างง่าย โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ การสกัดด้วยตัวท้า ละลาย 3. น้าวิธีการแยกสารไปใช้แก้ปัญหาใน ชีวิตประจ้าวัน โดยบูรณาการวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และ วิศวกรรมศาสตร์ 4. ออกแบบการทดลองและทดลองในการ อธิบายผลของชนิดตัวละลาย ชนิดตัว ท้าละลาย อุณหภูมิที่มีต่อ สภาพละลายได้ ของสาร รวมทงั อธบิ ายผลของความดนั ที่มี ต่อสภาพละลายได้ของสาร โดยใช้ สารสนเทศ 5. ระบุปริมาณตัวละลายในสารละลายใน หน่วยความเข้มข้นเป็นร้อยละ ปริมาตรต่อ ปริมาตรมวลต่อมวล และ มวลต่อปรมิ าตร 6. ตระหนักถึงความสา้ คัญของการน้าความรู้ เร่ืองความเข้มข้นของสารไปใช้ โดย ยกตัวอยา่ งการใช้สารละลายใน ชวี ิตประจ้าวนั อย่างถูกต้อง และปลอดภัย มาตรฐาน ว ๒.2 1. พยากรณ์การเคลื่อนที่ของวัตถุท่ีเป็นผล ของแรงลัพธ์ท่ีเกิดจากแรงหลายแรงท่ี กระท้าต่อวัตถุในแนวเดียวกัน จากหลักฐาน เชิงประจกั ษ์ 2. เขียนแผนภาพแสดงแรงและแรงลัพธท์ ่ีเกดิ จากแรงหลายแรงทก่ี ระท้าต่อวตั ถุในแนว เดยี วกัน 3. ออกแบบการทดลองและทดลองดว้ ยวธิ ที ่ี เหมาะสมในการอธบิ ายปัจจัยที่มี ผลต่อ ความดนั ของของเหลว 4. วิเคราะห์แรงพยุงและการจม การลอยของ วตั ถุในของเหลวจากหลักฐานเชิงประจักษ์ 5. เขียนแผนภาพแสดงแรงที่กระท าต่อวัตถุใน ของเหลว

24 ค้าอธบิ ายรายวชิ า เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี รายวิชาพืนฐาน กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ชันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 เวลา 20 ชัว่ โมง ศกึ ษาสาเหตุหรือปจั จยั ที่สง่ ผลตอ่ การเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยี ผลกระทบจากการเปล่ียนแปลง เทคโนโลยตี ่อมนษุ ย์และสังคม ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยตี ่อเศรษฐกิจ ผลกระทบจากการ เปล่ียนแปลงเทคโนโลยตี ่อสิง่ แวดล้อม ประเภทของวสั ดอุ ุปกรณ์ เพื่อใหส้ ามารถสร้างชินงานไดต้ รงกบั ความ ตอ้ งการ มคี วามปลอดภยั และใช้ทรพั ยากรไดอ้ ยา่ งคุ้มค่า เครื่องกลในการสร้างชนิ งาน ได้แก่ รอก คาน ล้อและ เพลา พนื เอยี ง ลิม่ สกรู เครื่องมือในการสรา้ งชนิ งาน เครื่องมอื วัด เครื่องมือตัด เคร่ืองมือยดึ ตดิ เครื่องมือเจาะ เสียงและอุปกรณ์ท่ีทา้ ใหเ้ กิดเสยี ง อปุ กรณ์ทท่ี ้าใหเ้ กดิ เสยี ง ไฟฟ้าและอปุ กรณท์ ่ีทา้ ใหเ้ กิดแสง วงจรไฟฟ้าและการ ตอ่ ตวั ตา้ นทาน ประเภทและการต่อวงจรไฟฟ้า ความสมั พันธ์ของกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และ วศิ วกรรมศาสตร์ แนวคดิ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ระบบเทคโนโลยี การ คดิ เชงิ ออกแบบ แนวคดิ หลกั ของการคิดเชิงออกแบบ กระบวนการคิดเชิงออกแบบ ความคดิ เชิงออกแบบของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช โดยอาศยั กระบวนการเรยี นรโู้ ดยใชป้ ัญหาเป็นฐาน (Problem – based Learning) และการเรียนร้แู บบใช้ โครงงานเป็นฐาน (Project – based Learning) เน้นใหผ้ ้เู รยี นไดล้ งมือปฏิบัติ ฝกึ ทักษะการคิด เผชญิ สถานการณ์ การแก้ปัญหาวางแผนการเรียนรู้ และน้าเสนอผ่านการทา้ กิจกรรมโครงงาน เพื่อให้ผู้เรยี นมีความรู้ ความเขา้ ใจ ความสมั พันธ์ของความร้วู ทิ ยาศาสตรท์ ม่ี ผี ลต่อการพัฒนาเทคโนโลยี ประเภทต่าง ๆ และการพฒั นาเทคโนโลยีทสี่ ่งผลใหม้ กี ารคิดคน้ ความรูท้ างวทิ ยาศาสตร์ทีก่ า้ วหนา้ ผลของ เทคโนโลยีต่อชวี ติ สงั คม และส่งิ แวดลอ้ ม ตลอดจนนา้ ความรคู้ วามเขา้ ใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยไี ปใช้ ให้เกดิ ประโยชนต์ ่อสงั คม และการดา้ รงชวี ิต จนสามารถพัฒนากระบวนการคดิ และจนิ ตนาการ ความสามารถใน การแก้ปัญหาและการจัดการทกั ษะในการสอื่ สาร ความสามารถในการตดั สินใจ เป็นผู้ที่มจี ิตวิทยาศาสตร์ มี คุณธรรม จริยธรรม ค่านยิ มในการใชว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีอย่างสรา้ งสรรค์ ตัวช้วี ัด ว. 4.1 ม.2/1 คาดการณ์แนวโนม้ เทคโนโลยีท่จี ะเกิดขนึ โดยพิจารณาจากสาเหตุหรอื ปจั จัยท่ีสง่ ผลตอ่ การ เปล่ียนแปลงของเทคโนโลยี และวเิ คราะหเ์ ปรยี บเทียบ ตัดสินใจเลอื กใชเ้ ทคโนโลยี โดยค้านงึ ถงึ ผลกระทบทีเ่ กดิ ขึนต่อชวี ิต สงั คม และส่ิงแวดล้อม ว. 4.1 ม.2/2 ระบุปญั หาหรอื ความต้องการในชุมชนหรือท้องถิ่น สรปุ กรอบของปัญหา รวบรวม วิเคราะห์ ข้อมูล และแนวคิดที่เกีย่ วข้องกับปญั หา ว. 4.1 ม.2/3 ออกแบบวิธีการแกป้ ัญหา โดยวเิ คราะห์ เปรยี บเทียบ และตัดสนิ ใจเลอื กข้อมูลทจ่ี า้ เปน็ ภายใต้ เง่อื นไขและทรัพยากรท่ีมอี ยู่ นา้ เสนอแนวทางการแกป้ ัญหาให้ผอู้ ่นื เข้าใจ วางแผนขนั ตอนการ ทา้ งานและดา้ เนนิ การแกป้ ัญหาอย่างเป็นขันตอน ว. 4.1 ม.2/4 ทดสอบ ประเมินผล และอธบิ ายปัญหาหรือข้อบกพร่องที่เกิดขนึ ภายใต้กรอบเงื่อนไขพร้อมทังหา แนวทางการปรับปรุงแก้ไข และนา้ เสนอผลการแกป้ ัญหา ว. 4.1 ม.2/5 ใชค้ วามรู้ และทักษะเกี่ยวกบั วัสดุ อปุ กรณเ์ คร่ืองมือ กลไก ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกส์ เพ่ือ แกป้ ญั หาหรือพฒั นางานได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภยั รวม 5 ตัวชี้วดั

25 ค้าอธบิ ายรายวชิ า รหัสวิชา ว ๒2๑๐2 รายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ จ้านวน ๑.๕ หนว่ ยกิต เวลา ๖๐ชวั่ โมง/ภาคเรยี น ภาคเรียนที่ 2 ศึกษาเกี่ยวกับแรงเสียดทาน โมเมนต์ของแรง แรงในธรรมชาติ การเคล่ือนที่ระยะทางและการกระจัด อตั ราเร็ว ความเร็ว ความเรว็ ศึกษาเกี่ยวกับงานและพลังงาน งาน ก้าลัง เคร่ืองกล พลังงาน ประเภทของพลังงาน กฎการอนรุ ักษ์ กฎการอนุรักษ์พลงั งาน ศึกษาเก่ยี วกับโลกและการเปล่ียนแปลง เชือเพลิงซากดึกด้าบรรพ์ ถ่านหิน หนิ น้ามัน ปโิ ตเลีย่ ม พลังงานทดแทน โครงสร้างของโลก การเปลี่ยนแปลงของโลก ทรัพยากรดิน กระบวนการเกิด ดนิ หนา้ ตดั ข้างของดนิ ปัจจัยในการเกิดดิน สมบัติของดิน การปรับปรุงคุณภาพของดิน แหล่งน้า น้าบนดิน น้าใต้ ดนิ การใชป้ ระโยชน์จากแหลง่ น้า ภัยพิบตั ทิ เ่ี กิดจากนา้ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การ วเิ คราะห์ การทดลอง การอภิปราย การอภปิ ราย การอธิบายและการสรุปเพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มีความสามารในการตดั สินใจ สอื่ สารสงิ่ ท่ีเรียนรแู้ ละน้าความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านยิ ม ตวั ชีว้ ัด ว 2.๒ ม.2/๖ ม.2/๗ ม.2/๘ ม.2/๙ ม.2/๑๐ ม.2/๑๑ ม.2/๑๒ ม.2/๑๓ ม.2/๑๔ ม.2/๑๕ ว ๒.3 ม.2/๑ ม.2/๒ ม.2/๓ ม.2/๔ ม.2/๕ ม. 2/6 ว 3.2 ม.2/๑ ม.2/๒ ม.2/๓ ม.2/๔ ม.2/๕ ม.2/๖ ม.2/๗ ม.2/๘ ม.2/๙ ม.2/10 รวม ๒6 ตัวชีว้ ัด มาตรฐาน ว 2.๒ 6. อธบิ ายแรงเสยี ดทานสถตแิ ละแรงเสยี ดทานจลน์จากหลกั ฐานเชิงประจักษ์ 7. ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีที่ เหมาะสมในการอธิบายปัจจยั ทม่ี ีผลตอ่ ขนาดของแรงเสยี ด ทาน 8. เขยี นแผนภาพแสดงแรงเสยี ดทานและ แรงอนื่ ๆ ท่ีกระท าต่อวตั ถุ 9. ตระหนกั ถึงประโยชน์ของความรเู้ รอื่ งแรง เสียดทาน โดยวเิ คราะหส์ ถานการณ์ ปญั หาและเสนอแนะ วธิ ีการลดหรอื เพ่มิ แรงเสียดทานทีเ่ ปน็ ประโยชน์ตอ่ การทา้ กจิ กรรมในชีวิตประจ้าวนั 10.ออกแบบการทดลองและทดลองดว้ ยวธิ ที ี่ เหมาะสมในการอธบิ ายโมเมนต์ของแรง เมื่อวัตถุอยใู่ นสภาพ สมดลุ ตอ่ การหมนุ และค้านวณการใชส้ มการ M = Fl

26 11. เปรยี บเทียบแหล่งของสนามแมเ่ หล็ก สนามไฟฟา้ และสนามโนม้ ถว่ ง และทศิ ทาง ของแรงทก่ี ระทา้ ต่อ วตั ถุทีอ่ ยใู่ นแต่ละ สนาม จากขอ้ มูลท่รี วบรวมได้ 12. เขยี นแผนภาพแสดงแรงแมเ่ หล็ก แรงไฟฟา้ และแรงโนม้ ถ่วงทกี่ ระท้าต่อวัตถุ 13. วเิ คราะห์ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งขนาดของ แรงแมเ่ หล็ก แรงไฟฟ้า และแรงโน้มถว่ งท่ี กระท้าตอ่ วตั ถุท่ีอยู่ใน สนามนัน ๆ กับ ระยะหา่ งจากแหลง่ ของสนามถงึ วตั ถุจาก ข้อมลู ทร่ี วบรวมได้ 14. อธิบายและคา้ นวณอตั ราเรว็ และความเร็ว ของการเคล่อื นท่ขี องวตั ถุ โดยใชส้ มการ = และ = จากหลกั ฐานเชิงประจักษ์ 15. เขียนแผนภาพแสดงการกระจัดและ ความเร็ว มาตรฐาน ว ๒.3 1. วเิ คราะห์สถานการณ์และค้านวณเก่ียวกบั งาน และก้าลงั ท่ีเกดิ จากแรงที่กระทา้ ต่อ วตั ถโุ ดยใช้สมการ W =Fs และ P = จากข้อมูลทีร่ วบรวมได้ 2. วิเคราะห์หลักการท างานของเครื่องกล อยา่ งง่าย จากข้อมลู ท่รี วบรวมได้ 3. ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้ของ เครื่องกลอยา่ งง่าย โดยบอกประโยชนแ์ ละ การประยกุ ต์ใชใ้ น ชีวติ ประจา้ วนั 4. ออกแบบและทดลองดว้ ยวิธีที่เหมาะสมในการอธิบายปัจจัยทีม่ ีผลต่อพลังงานจลน์ และพลังงานศกั ยโ์ นม้ ถ่วง 5. แปลความหมายขอ้ มลู และอธบิ ายการเปลยี่ นพลังงานระหว่างพลังงานศักย์ - โน้มถ่วงและพลงั งานจลนข์ องวตั ถุ โดย พลังงานกลของวตั ถุมคี า่ คงตวั จากข้อมูลทร่ี วบรวมได้ 6. วเิ คราะห์สถานการณ์และอธิบายการ เปลยี่ น และการถ่ายโอนพลังงานโดยใช้ กฎการอนุรักษ์พลังงาน มาตรฐาน ว 3.๒. 1.เปรียบเทียบกระบวนการเกิด และการใช้ ประโยชน์ รวมทังอธบิ ายผลกระทบจาก การใช้เชอื เพลิงซากดึก ด้าบรรพ์จากขอ้ มลู ทร่ี วบรวมได้ 2.แสดงความตระหนักถึงผลจากการใช้ เชือเพลงิ ซากดกึ ด้าบรรพ์ โดยนา้ เสนอ แนวทางการใช้เชอื เพลิงซากดึก ด้าบรรพ์ 3.เปรยี บเทยี บข้อดีและข้อจ้ากัดของพลงั งาน ทดแทนแต่ละประเภทจากการรวบรวม ข้อมูล และน้าเสนอแนว ทางการใช้พลังงาน ทดแทนท่ีเหมาะสมในท้องถิ่น 4.สร้างแบบจา้ ลองที่อธิบายโครงสรา้ งภายใน โลกตามองค์ประกอบทางเคมจี ากข้อมูลท่ี รวบรวมได้ 5. อธบิ ายกระบวนการผพุ ังอยูก่ ับที่ การ กร่อน และการสะสมตัวของตะกอนจาก แบบจ้าลอง รวมทงั ยกตัวอย่าง ผลของ กระบวนการดงั กลา่ วทท่ี ้าใหผ้ ิวโลกเกิดการ เปลี่ยนแปลง 6. อธบิ ายลกั ษณะของชนั หน้าตัดดนิ และ กระบวนการเกิดดินจากแบบจ้าลอง รวมทงั ระบุปัจจยั ท่ที ้าใหด้ ินมี ลกั ษณะและ สมบัตแิ ตกตา่ งกัน 7. ตรวจวดั สมบตั บิ างประการของดนิ โดยใช้ เครื่องมือที่เหมาะสม และน้าเสนอแนว ทางการใชป้ ระโยชนด์ ินจาก ขอ้ มลู สมบตั ิ ของดนิ 8. อธบิ ายปัจจยั และกระบวนการเกิดแหล่ง น้ าผวิ ดิน และแหล่งน้าใต้ดนิ จาก แบบจ้าลอง 9. สรา้ งแบบจ้าลองทอ่ี ธบิ ายการใช้นา้ และ นา้ เสนอแนวทางการใช้น้าอย่างยัง่ ยืนใน ท้องถ่นิ ของตนเอง 10.สรา้ งแบบจ้าลองทอ่ี ธิบายกระบวนการ เกดิ และผลกระทบของนา้ ท่วม การกดั เซาะชายฝัง่ ดนิ ถลม่ หลุมยบุ แผ่นดินทรดุ

27 คา้ อธิบายรายวิชาพ้นื ฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการค้านวณ) กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 2 เวลา 20 ช่วั โมง ภาคเรยี นที่ 2 --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ศกึ ษาแนวคดิ เชงิ ค้านวณ การแกป้ ญั หาโดยใช้แนวคดิ เชิงคา้ นวณ การเขยี นโปรแกรมทม่ี ีการใช้ตรรกะและ ฟงั กช์ ัน องค์ประกอบและหลักการทา้ งานของระบบคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยสี ่ือสาร แนวทางการปฏิบตั ิเมื่อพบ เนอื หา ท่ไี ม่เหมาะสม การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างมีความรบั ผิดชอบ วธิ ีการสร้างและกา้ หนดสิทธิความเป็นเจ้าของ ผลงาน น้าแนวคดิ เชงิ ค้านวณไปประยุกตใ์ ช้ในการเขียนโปรแกรมหรือการแก้ปัญหาในชวี ิตจริง สร้างและก้าหนด สทิ ธิ์ การใชข้ อ้ มลู ตระหนักถึงผลกระทบในการเผยแพร่ข้อมูล ตัวช้วี ัด ว. 4.2 เทคโนโลยี (วทิ ยาการคา้ นวณ) 1. ออกแบบอัลกอริทมึ ที่ใชแ้ นวคิดเชงิ ค้านวณในการแก้ปัญหา หรือการท างานท่ีพบในชวี ติ จรงิ 2. ออกแบบและเขยี นโปรแกรมทีใ่ ชต้ รรกะและฟงั กช์ ันในการ แกป้ ญั หา 3. อภิปรายองค์ประกอบและหลกั การท้างานของระบบคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยกี ารสอื่ สาร เพอ่ื ประยกุ ตใ์ ช้ งานหรอื แกป้ ญั หาเบืองตน้ 4. ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย มีความรบั ผดิ ชอบ สร้างและแสดงสิทธิใ์ นการเผยแพร่ผลงาน รวมท้ังหมด 4 ตัวชว้ี ดั

รหสั วิชา ว๒๓๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ 28 ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๓ ค้าอธบิ ายรายวชิ า วิทยาศาสตร์ จ้านวน ๑.๕ หนว่ ยกิต กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ เวลา ๖๐ ช่วั โมง / ภาคเรยี น ภาคเรยี นที่ ๑ คา้ อธิบายรายวชิ า ศึกษาวิเคราะห์ ส้ารวจ และอธิบาย เก่ียวกับโครโมโซม ยีน สารพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอ กระบวนการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม โรคทางพันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพท่ีมีต่อมนุษย์ สัตว์ และพืชเทคโนโลยีชีวภาพ ระบบนิเวศ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ส่วนประกอบของระบบสรุ ยิ ะ กลมุ่ ดาวฤกษ์ กาแลก็ ซี เอกภพ เทคโนโลยอี วกาศ ดาวเทยี ม และยานอวกาศ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การส้ารวจตรวจสอบ การสืบค้น ข้อมลู บันทึก จัดกลุ่มขอ้ มูล และการอภิปราย เพ่อื ใหเ้ กดิ ความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ สามารถน้าเสนอส่ือสารสิ่ง ที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ เห็นคุณค่าของการน้าความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ้าวัน มีจิต วิทยาศาสตร์ คณุ ธรรมจริยธรรม และค่านยิ มทีเ่ หมาะสม รหัสตวั ช้ีวัด ว ๑.๒ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ ม.๓/๕ ม.๓/๖ ว ๒.๑ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ ว ๒.๒ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ ม.๓/๕ ม.๓/๖ ว ๗.๑ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ว ๗.๒ ม. ๓/๑ ว ๘.๑ ม.๓/๑ ม.๓/๙ รวม ๒๓ ตัวชีว้ ัด มาตรฐาน ว ๑.๒ 1.สงั เกตและอธิบายลักษณะของโครโมโซมที่มหี นว่ ยพนั ธกุ รรมหรือยนี ในนิวเคลียส 2.อธิบายความส้าคญั ของสารพนั ธกุ รรมหรือดเี อ็นเอ และกระบวนการถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรม 3.อภิปรายโรคทางพนั ธุกรรมทเ่ี กดิ จากความผดิ ปกติของยีนและโครโมโซมและน้าความรไู้ ปใช้ประโยชน์ 4.สา้ รวจและอธบิ ายความหลากหลายทางชีวภาพในทอ้ งถ่ินที่ท้าใหส้ ง่ิ มีชวี ติ ด้ารงชีวิตอยู่ได้อยา่ งสมดุล 5.อธบิ ายผลของความหลากหลายทางชวี ภาพทมี่ ตี ่อมนุษย์ สัตว์ พชื และสิ่งแวดล้อม ๖.อภปิ รายผลของเทคโนโลยชี วี ภาพต่อการด้ารงชีวิตของมนุษย์และสงิ่ แวดล้อม มาตรฐาน ว ๒. ๑ ๑. ส้ารวจระบบนเิ วศต่าง ๆในท้องถิ่นและอธิบายความสมั พนั ธข์ ององค์ประกอบภายในระบบนิเวศ ๒. วิเคราะหแ์ ละอธิบายความสัมพนั ธข์ องการถ่ายทอดพลังงานของส่งิ มชี ีวิตในรูปของโซ่อาหารและสายใย อาหาร ๓. อธบิ ายวฏั จักรน้า วัฏจักรคารบ์ อน และความสา้ คญั ท่มี ีต่อระบบนิเวศ ๔. อธบิ ายปจั จยั ท่มี ผี ลต่อการเปล่ยี นแปลงขนาดของประชากรในระบบนเิ วศ

29 มาตรฐาน ว ๒.๒ ๑.วิเคราะหส์ ภาพปัญหาส่งิ แวดล้อมทรัพยากร ธรรมชาตใิ นท้อง ถิ่น และเสนอแนวทางในการแกไ้ ขปญั หา ๒. อธิบายแนวทางการรักษาสมดลุ ของระบบนเิ วศ ๓.อภปิ รายการใชท้ รัพยากรธรรมชาติ อย่างย่ังยืน ๔. วิเคราะห์และอธิบายการใชท้ รพั ยากรธรรมชาติ ตามปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๕ อภปิ รายปญั หาสิ่งแวดลอ้ มและเสนอแนะแนวทางการแกป้ ัญหา ๖. อภิปรายและมีส่วนรว่ มในการดแู ลและอนรุ ักษ์สิง่ แวดล้อมในท้องถ่ินอยา่ งยัง่ ยืน มาตรฐาน ว ๗. ๑ ๑.สืบคน้ และอธบิ ายความสัมพนั ธร์ ะหว่างดวงอาทิตย์ โลก ดวงจนั ทร์และดาวเคราะห์อน่ื ๆ และผลที่เกิดขึนต่อ ส่ิงแวดลอ้ มและสิง่ มชี วี ิตบนโลก ๒.สบื คน้ และอธิบายองคป์ ระกอบของเอกภพ กาแล็กซี และระบบสุรยิ ะ ๓.ระบุตา้ แหน่งของกลุ่มดาวและน้าความรู้ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว ๗.๒ ๑. สบื คน้ และอภปิ รายความก้าวหน้าของเทคโนโลยอี วกาศท่ีใชส้ า้ รวจอวกาศ วัตถุท้องฟ้า สภาวะอากาศ ทรัพยากรธรรมชาติ การเกษตร และการสื่อสาร มาตรฐาน ว ๘. ๑ ๑. ตังค้าถามที่ก้าหนดประเดน็ หรอื ตวั แปรทสี่ ้าคัญในการส้ารวจตรวจสอบ หรอื ศกึ ษาค้นควา้ เรือ่ งทสี่ นใจได้อยา่ ง ครอบคลุมและเช่ือถือได้ ๒. สร้างสมมตฐิ านท่ีสามารถตรวจสอบได้และวางแผนการสา้ รวจตรวจสอบหลาย ๆ วธิ ี ๓. เลือกเทคนิควธิ ีการสา้ รวจตรวจสอบทังเชิงปรมิ าณและเชงิ คุณภาพท่ีไดผ้ ลเท่ยี งตรงและปลอดภัย โดยใช้วัสดุ และเครื่องมือที่เหมาะสม ๔. รวบรวมขอ้ มลู จัดกระทา้ ข้อมูลเชิงปรมิ าณและคณุ ภาพ ๕. วิเคราะห์และประเมนิ ความสอดคล้องของประจักษ์พยานกับขอ้ สรุป ทังทีส่ นับสนนุ หรือขัดแย้งกบั สมมตฐิ าน และความผิดปกตขิ องข้อมลู จากการส้ารวจตรวจสอบ ๖. สรา้ งแบบจา้ ลอง หรือรูปแบบ ทีอ่ ธิบายผลหรือแสดงผลของการสา้ รวจตรวจสอบ ๗. สร้างคา้ ถามท่นี า้ ไปสกู่ ารส้ารวจตรวจสอบ ในเรอ่ื งทีเ่ กี่ยวข้อง และน้าความรู้ท่ีได้ไปใชใ้ นสถานการณ์ใหมห่ รือ อธิบายเกย่ี วกับแนวคิด กระบวนการ และผลของโครงงานหรือชินงานใหผ้ อู้ นื่ เข้าใจ ๘. บนั ทึกและอธบิ ายผลการสังเกต การสา้ รวจ ตรวจสอบ ค้นควา้ เพิม่ เตมิ จากแหลง่ ความรู้ต่างๆให้ได้ข้อมลู ท่ี เชอื่ ถือไดแ้ ละยอมรับการปลีย่ นแปลงความรูท้ ี่คน้ พบเมอ่ื มีข้อมลู และประจักษ์พยานใหมเ่ พม่ิ ขนึ หรือโต้แยง้ จากเดิม ๙.จัดแสดงผลงาน เขยี นรายงาน และ/หรอื อธิบายเกี่ยวกับแนวคดิ กระบวนการ และผลของโครงงานหรอื ชนิ งาน ให้ผ้อู ืน่ เขา้ ใจ

30 คา้ อธิบายรายวชิ า รหัสวชิ า ว๒๓๑๐๒ วิทยาศาสตรพ์ นื้ ฐาน กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๓ เวลา ๖๐ ช่ัวโมง / ภาคเรยี น จา้ นวน ๑.๕ หน่วยกติ ภาคเรียนที่ ๒ ศึกษาวิเคราะห์ อธิบายและทดลองเก่ียวกับความเร่งและผลของแรงลัพธ์ ท่ีกระท้าต่อวัตถุ แรง กิริยา แรงปฏกิ ริ ิยาระหว่างวัตถุ แรงพยงุ ของของเหลวทีก่ ระท้าต่อวัตถุ แรงเสียดทานสถิต แรงเสียดทานจลน์ การ เคลื่อนที่ของวัตถุที่เป็นแนวตรงและแนวโค้ง พลังงานจลน์ พลังงานศักย์โน้มถ่วง กฎการอนุรักษ์พลังงาน ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งปริมาณทางไฟฟ้า การต่อวงจรไฟฟา้ ชนิ สว่ นอิเลก็ ทรอนิกส์ วงจรอิเล็กทรอนกิ สเ์ บืองต้น โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การส้ารวจตรวจสอบ การสืบค้น ขอ้ มูล บนั ทึก จดั กลมุ่ ข้อมลู และการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สามารถน้าเสนอสื่อสารสิ่ง ท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ เห็นคุณค่าของการน้าความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ้าวัน มีจิต วทิ ยาศาสตร์ คุณธรรมจรยิ ธรรม และคา่ นิยมท่ีเหมาะสม รหัสตัวชี้วดั ว ๔.๑ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ว ๔.๒ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ว ๕.๑ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ ม.๓/๕ ว ๘.๑ ม.๓.๑ - ม.๓/๙ รวมทั้งหมด ๒๐ ตัวช้วี ดั มาตรฐาน ว ๔. ๑ ๒. ทดลองและอธบิ ายแรงกิริยาและแรงปฏกิ ิริยาระหว่างวัตถุ และน้าความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ๓. ทดลองและอธิบายแรงพยุงของของเหลวที่กระทา้ ต่อวัตถุ 1.ทดลองและอธิบายความแตกต่างระหว่างแรงเสยี ดทานสถติ กับแรงเสยี ดทานจลน์และน้าความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2.ทดลองและวิเคราะห์โมเมนตข์ องแรงและน้าความรู้ไปใช้ประโยชน์ ๓.สังเกตและอธิบายการเคลอ่ื นทีข่ องวัตถุทเี่ ปน็ แนวตรงและแนวโคง้ มาตรฐาน ว ๕. ๑ ๑. อธบิ ายพลังงานจลน์ พลังงานศกั ยโ์ น้มถ่วงกฎการอนรุ ักษ์พลังงาน และความสัมพันธร์ ะหว่างปริมาณเหลา่ นี รวมทังนา้ ความรู้ไปใช้ประโยชน์ ๒. ทดลองและอธบิ ายความสัมพันธร์ ะหว่างความต่างศกั ย์ กระแสไฟฟ้า ความต้านทาน และนา้ ความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ๓. ค้านวณพลงั งานไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้า และนา้ ความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ๔. สงั เกตและอภิปรายการต่อวงจรไฟฟ้าในบ้านอย่างถกู ต้องปลอดภยั และประหยดั ๕.อธิบายตวั ตา้ นทาน ไดโอด ทรานซสิ เตอร์ และทดลองตอ่ วงจรอเิ ลก็ ทรอนิกส์เบืองต้นที่มีทรานซิสเตอร์

31 มาตรฐาน ว ๘. ๑ ใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละจิตวิทยาศาสตรใ์ นการสบื เสาะหาความรู้ การ แก้ปญั หา ร้วู ่าปรากฏการณท์ างธรรมชาติท่เี กดิ ขน้ึ ส่วนใหญม่ ีรูปแบบที่แนน่ อน สามารถอธบิ ายและตรวจสอบ ได้ ภายใตข้ ้อมูลและเคร่ืองมือท่ีมอี ย่ใู นช่วงเวลานั้นๆ เขา้ ใจว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สงั คม และ สง่ิ แวดล้อม มคี วามเกยี่ วข้องสัมพันธ์กนั ๑. ตงั ค้าถามท่ีก้าหนดประเดน็ หรอื ตัวแปรที่สา้ คัญในการส้ารวจตรวจสอบ หรือศึกษาคน้ ควา้ เรอ่ื งท่สี นใจได้อย่าง ครอบคลุมและเช่ือถือได้ ๒. สรา้ งสมมติฐานที่สามารถตรวจสอบไดแ้ ละวางแผนการส้ารวจตรวจสอบหลาย ๆ วธิ ี ๓. เลอื กเทคนคิ วธิ กี ารสา้ รวจตรวจสอบทงั เชงิ ปรมิ าณและเชิงคุณภาพท่ีไดผ้ ลเท่ยี งตรงและปลอดภัย โดยใช้วสั ดุ และเครื่องมือท่ีเหมาะสม ๔. รวบรวมขอ้ มูล จดั กระทา้ ขอ้ มูลเชงิ ปริมาณและคณุ ภาพ ๕. วเิ คราะหแ์ ละประเมนิ ความสอดคล้องของประจกั ษ์พยานกับขอ้ สรปุ ทงั ที่สนับสนุนหรือขัดแยง้ กับสมมติฐาน และความผิดปกตขิ องข้อมูลจากการสา้ รวจตรวจสอบ ๖. สร้างแบบจ้าลอง หรอื รูปแบบ ทอ่ี ธิบายผลหรือแสดงผลของการส้ารวจตรวจสอบ ๗. สร้างคา้ ถามที่น้าไปสกู่ ารส้ารวจตรวจสอบ ในเร่ืองทเี่ ก่ยี วข้อง และนา้ ความรู้ท่ไี ด้ไปใช้ในสถานการณ์ใหม่หรอื อธบิ ายเกี่ยวกับแนวคิด กระบวนการ และผลของโครงงานหรือชินงานให้ผู้อ่ืนเข้าใจ ๘. บันทึกและอธิบายผลการสังเกต การสา้ รวจ ตรวจสอบ ค้นควา้ เพิ่มเตมิ จากแหลง่ ความรตู้ ่าง ๆ ให้ไดข้ ้อมลู ท่ี เช่อื ถือได้ และยอมรบั การเปลี่ยนแปลงความรทู้ ี่ค้นพบเม่อื มีข้อมลู และประจักษ์พยานใหม่เพม่ิ ขึนหรือโต้แยง้ จากเดมิ ๙.จดั แสดงผลงาน เขยี นรายงาน และ/หรอื อธิบายเกี่ยวกับแนวคิด กระบวนการ และผลของโครงงานหรือชนิ งาน ใหผ้ ู้อื่นเข้าใจ

32 ค้าอธิบายรายวิชา รายวิชาวิทยาศาสตร์เพ่มิ เติม รหัสวิชา ว๒๑๒๗๑ (วิทยาศาสตร์กับความงาม) กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศกึ ษาตอนตน้ เวลา ๔๐ ชั่วโมง/ภาคเรยี น จา้ นวน ๑.๐ หนว่ ยกิต ภาคเรยี นที่ ๑ ********************************************************************************** ศึกษา วเิ คราะห์ ตรวจสอบ และอธิบาย ความงามท่ีสมวัยและปจั จัยท่มี ีผลตอ่ ความงาม การดูแลความ งามและการเลือกใชเ้ คร่ืองสา้ อาง เครอื่ งส้าอางในชีวติ ประจ้าวนั การใชส้ มุนไพรในท้องถิ่นเพือ่ ความงามและ สุขภาพ เทคโนโลยีเพื่อความงามและสขุ ภาพ โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสิ่งทีร่ ู้ มีความสามารถในการตัดสนิ ใจ นา้ ความรไู้ ปใชใ้ นชีวิตประจ้าวัน มจี ิต วิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรมและคา่ นยิ มท่เี หมาะสม ผลการเรียนรู้ ๑.อธิบายส่วนต่างๆ ของรา่ งกายท่ีเกย่ี วข้องกบั ความงาม และแนวทางในการดแู ลอย่างถูกต้องและเหมาะสม ๒.สบื ค้นข้อมูล สา้ รวจตรวจสอบและอธิบายผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยเี กยี่ วกับความงามประเภทต่างๆ ๓.สบื ค้นข้อมลู และสา้ รวจตรวจสอบภมู ปิ ัญญาไทยท่ีเกยี่ วกับความงาม ๔.นา้ ความรู้ไปใชใ้ นการเลอื กใช้ผลติ ภณั ฑแ์ ละเทคโนโลยีเกย่ี วกบั ความงามได้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสม ๕.ส่ือสารสง่ิ ทเี่ รยี นรู้ และสร้างสรรค์ผลงานเก่ยี วกับความงามอยา่ งมีคุณธรรมและจรยิ ธรรม รวมทั้งหมด ๕ ผลการเรยี นรู้

33 ค้าอธิบายรายวชิ า รายวิชาวิทยาศาสตรเ์ พิ่มเติม รหัสวชิ า ว๒๑๒๐๒ (ของเล่นเชงิ วทิ ยาศาสตร)์ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศกึ ษาตอนต้น เวลา ๔๐ ช่ัวโมง/ภาคเรยี น จา้ นวน ๑.๐ หน่วยกิต ภาคเรียนท่ี ๒ ***************************************************************************************************** ………….ศึกษา วิเคราะห์ ออกแบบ สรา้ งของเลน่ อย่างง่ายตามแบบที่ก้าหนดให้ ดดั แปลงหรอื ประดิษฐข์ องเล่นท่ี ใช้เครื่องกลอย่างงา่ ยหรอื หลกั การทางไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกสอ์ ยา่ งง่าย และอธบิ ายการท้างานของของเลน่ ดว้ ย หลกั การทางวทิ ยาศาสตร์ สามารถใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ การแก้ปัญหา สามารถ สอื่ สารส่งิ ทีเ่ รยี นรู้ สามารถตัดสนิ ใจ นา้ ความรไู้ ปใช้ในชวี ิตประจา้ วนั มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรมและ ค่านยิ มที่เหมาะสม ผลการเรียนรู้ ๑.ตงั คา้ ถามเกยี่ วกับหลกั การทางวทิ ยาศาสตร์ทีส่ ังเกตได้จากการเลน่ ของเล่น ๒.สังเกตและอธิบายหลักการทา้ งานของเครื่องกลอยา่ งง่าย วงจรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อย่างงา่ ยทป่ี ระกอบขนึ ในของเลน่ ๓.ตรวจสอบและแก้ไขข้อบกพรอ่ งของเคร่ืองกลอยา่ งงา่ ย วงจรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อยา่ งงา่ ยทปี่ ระกอบขนึ ใน ของเลน่ ที่กา้ หนด ๔.ออกแบบและประดิษฐ์ของเลน่ โดยใชเ้ ครื่องกลอยา่ งง่าย และไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อยา่ งง่าย ๕.มีเจตคติที่ดีต่อหลกั การทางวทิ ยาศาสตรใ์ นของเล่น รวมทั้งหมด ๕ ผลการเรียนรู้

34 ค้าอธบิ ายรายวิชา รายวชิ าวิทยาศาสตรเ์ พิ่มเติม รหัสวิชา ว22201 (เชอ้ื เพลิงเพ่ือการคมนาคม) กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ชน้ั มัธยมศึกษาตอนตน้ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง/ภาคเรยี น จา้ นวน ๑.๐ หน่วยกติ ภาคเรียนที่ - ************************************************************************** …………..ศึกษา วิเคราะห์ ทดลอง องค์ประกอบและประเภทของปิโตรเลียม หินต้นก้าเนิดและแหล่งกักเก็บ ปิโตรเลยี ม การสา้ รวจและแหลง่ ปิโตรเลียม ผลกระทบและแนวทางแก้ไขท่ีเกิดจากการส้ารวจและการผลิต ปโิ ตรเลียม การแยกกา๊ ซธรรมชาติ การกล่นั นา้ มันดิบ ผลติ ภัณฑจ์ ากก๊าซธรรมชาตแิ ละจากการกลั่นน้ามันดบิ และการใช้ประโยชน์ ผลกระทบจากกระบวนการผลิต ผลิตภณั ฑ์จากปโิ ตรเลยี มและแนวทางแก้ไข สถานการณ์ พลงั งานของโลกและของประเทศไทย การใช้พลงั งานด้านการคมนาคมของประเทศไทย การก้าหนดราคานา้ มนั เชือเพลิง ผลกระทบและแนวทางการแกไ้ ขผลจากการใช้เชอื เพลงิ เพื่อการคมนาคม เชอื เพลิงทีเ่ ปน็ พลงั งาน ทดแทน โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สามารถสอื่ สารสง่ิ ที่รู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา้ ความรไู้ ปใช้ในชวี ติ ประจ้าวนั มีจติ วทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรมและคา่ นิยม ทเี่ หมาะสม ผลการเรยี นรู้ ๑. อธิบายความส้าคญั และการกา้ เนดิ ของปิโตรเลยี ม กา๊ ซธรรมชาติ ถา่ นหิน และหินนา้ มนั ๒. อธบิ ายแหล่ง การสา้ รวจ และปรมิ าณส้ารองของปโิ ตรเลียม และ แก๊สธรรมชาติ ๓. อธบิ ายผลิตภณั ฑป์ ิโตรเลยี มและการนา้ ไปใชป้ ระโยชน์ ๔. อธิบายโครงสรา้ งราคาและวเิ คราะหส์ ถานการณ์การใช้นา้ มนั เชือเพลงิ เพ่ือการคมนาคม ๕. อธิบายประเภทและการใช้ประโยชน์ จากเชอื เพลิงทเี่ ป็นพลงั งานทดแทน ๖. นา้ เสนอแนวทางการใชป้ โิ ตรเลยี ม และแก๊สธรรมชาติ อยา่ งประหยดั และถกู วธิ ี รวมท้ังหมด ๖ ผลการเรียนรู้

35 คา้ อธบิ ายรายวชิ า รายวิชาวิทยาศาสตรเ์ พมิ่ เติม รหัสวิชา ว22202 (พลังงานทดแทนกับการใช้ประโยชน)์ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาตอนตน้ เวลา ๔๐ ชัว่ โมง/ภาคเรยี น จ้านวน ๑.๐ หนว่ ยกิต ภาคเรยี นที่ 2 ************************************************************************************************ ศกึ ษา วเิ คราะห์ ทดลอง ตรวจสอบ เกี่ยวกับพลังงานแสงอาทติ ย์ พลังงานลม พลังงานน้า พลังงานชีวมวล และพลงั งานนวิ เคลยี ร์ เพื่อให้มคี วามรู้ความเข้าใจในหลักการทางวทิ ยาศาสตร์ของพลังงานดงั กล่าว และการ น้ามาใช้เป็นพลังงานทดแทน และตระหนักในบทบาทและผลกระทบของพลงั งานเหล่านันท่มี ีต่อมนษุ ย์และ สงิ่ แวดล้อม โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สามารถส่ือสารส่ิงท่ี เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสนิ ใจ น้าความรู้ไปใชใ้ นชีวติ ประจ้าวนั มีจติ วทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรมและ คา่ นยิ มท่เี หมาะสม ผลการเรยี นรู้ ๑.อธบิ ายความส้าคญั ของพลังงานทดแทน ๒.อธบิ ายหลกั การทางวิทยาศาสตร์ ในการนา้ พลงั งานแสงอาทติ ย์ พลังงานลม พลังงานน้า พลงั งานชีวมวลและ พลงั งานนวิ เคลียร์ ไปใช้ประโยชน์ ๓.อธบิ ายการใชป้ ระโยชน์ พลังงานแสงอาทิตย์ พลงั งานลม พลังงานนา้ พลังงานชีวมวลและพลังงานนวิ เคลียร์ ใน ประเทศไทย ๔.อธบิ ายขอ้ ดีและข้อจ้ากดั เก่ียวกบั การใช้ประโยชน์และแนวทางการพฒั นา ของพลังงานแสงอาทติ ย์ พลงั งานลม พลงั งานนา้ พลังงานชีวมวลและพลังงานนิวเคลียร์ รวมท้งั หมด ๔ ผลการเรียนรู้

36 ค้าอธิบายรายวิชา รายวชิ าวิทยาศาสตร์เพ่มิ เติม รหสั วชิ า ว23201 (เร่ิมต้นกบั โครงงานวิทยาศาสตร์) กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ ชัน้ มัธยมศกึ ษาตอนต้น เวลา ๔๐ ชว่ั โมง/ภาคเรยี น จา้ นวน ๑.๐ หนว่ ยกติ ภาคเรียนท่ี 1 *************************************************************************************** ศกึ ษาวเิ คราะห์การท้างานของนกั วิทยาศาสตร์ ปัญหา หรือ สถานการณ์ ท่ีสังเกตพบในชวี ติ ประจ้าวัน ตงั สมมตฐิ านจากปัญหา หรอื สถานการณ์ ท่ีสังเกตพบ ออกแบบการทดลอง เพอ่ื ตรวจสอบ สมมติฐาน ก้าหนด ตัวแปร กา้ หนดนยิ ามเชิงปฏิบัตกิ าร เลือกใช้อุปกรณแ์ ละวิธกี ารทดลอง อย่างเหมาะสม บันทึกขอ้ มูล จดั กระทา้ ข้อมูล น้าเสนอข้อมูล วเิ คราะห์ และสรปุ ผลการทดลอง ไดส้ อดคล้องกับจดุ ประสงค์ มคี วามคิดริเรมิ่ สรา้ งสรรคใ์ นการออกแบบการทดลอง หรอื ดัดแปลงอปุ กรณ์ ในการแก้ปัญหาท่ีเกิดขนึ โดยใชก้ ระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ การสืบค้นข้อมูล การอภิปราย การวเิ คราะห์ การเปรียบเทยี บ การส้ารวจตรวจสอบ การท้านาย และการทดลองเพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สามารถสอื่ สารส่ิงทเี่ รยี นรู้ มีความสามารถในการ ตดั สนิ ใจ นา้ ความรไู้ ปใช้ในชีวิตประจ้าวนั มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และคา่ นิยมท่ีเหมาะสม โดย การวัดและประเมินผลด้วยแบบทดสอบ แบบประเมินจากสภาพจริง แบบประเมนิ ทักษะกระบวนการ แบบ ประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ทางวิทยาศาสตร์ แบบประเมินด้านเจตคตใิ นการท้างานกลุ่ม แบบประเมนิ ความสามารถในการแกป้ ญั หา แบบทดสอบความคิดสร้างสรรค์ ผลการเรยี นรู้ ๑. สบื คน้ อธิบาย และอภิปราย ถึงการท้างานของนักวทิ ยาศาสตร์ ๒. สืบค้น อธบิ าย และอภิปราย ถงึ ปัญหา หรอื สถานการณ์ ที่สังเกตพบในชีวติ ประจ้าวัน ๓. อธบิ าย และอภิปรายการตังสมมติฐานจากปัญหา หรอื สถานการณ์ ท่ีสงั เกตพบได้ อย่างเหมาะสม ๔. ออกแบบการทดลอง เพื่อตรวจสอบสมมตฐิ าน ก้าหนดตวั แปร ก้าหนดนยิ ามเชงิ ปฏิบตั กิ าร เลอื กใช้อุปกรณ์ และวิธกี ารทดลอง อย่างเหมาะสม ๕. บนั ทกึ ข้อมลู จัดกระท้าข้อมูล และนา้ เสนอข้อมลู ท่เี หมาะสม สอดคล้องกบั จดุ ประสงค์ ๖. วเิ คราะห์ และสรุปผลการทดลอง ได้สอดคล้องกบั จดุ ประสงค์ ๗. มีความคดิ รเิ ร่ิมสร้างสรรค์ในการออกแบบการทดลอง หรือดัดแปลงอปุ กรณ์ ในการแกป้ ัญหาท่ีเกิดขนึ ขณะทา้ การทดลอง ๘. มีเจตคติ จรยิ ธรรม คุณธรรม และคา่ นยิ มที่ดี ตอ่ วทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยีและสงิ่ แวดล้อม รวมทั้งหมด ๘ ผลการเรยี นรู้

37 คา้ อธิบายรายวชิ า รายวชิ าวิทยาศาสตร์เพ่ิมเติม รหัสวิชา ว23202 (โครงงานวิทยาศาสตร์) กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศึกษาตอนต้น เวลา ๔๐ ช่วั โมง/ภาคเรียน จา้ นวน ๑.๐ หนว่ ยกิต ภาคเรยี นที่ 2 ********************************************************************************************* ศึกษาวิเคราะห์ ความหมาย ประเภท ขันตอนการทา้ โครงงานวทิ ยาศาสตร์ คิดหัวเรื่อง เลอื กเรอื่ งที่ จะทา้ โครงงานวิทยาศาสตร์ ทา้ การทดลองเบืองตน้ ดูความเปน็ ไปได้ จดั ท้าเคา้ โครงของเรื่องทเี่ ลือกท้า ลงมอื ท้า โครงงานวทิ ยาศาสตร์ อย่างน้อย 1 เร่อื ง โดยใชว้ ิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ ในการรวบรวมข้อมูลหลาย ๆ ครงั น้าเสนอข้อมลู อย่างเป็นระบบ แกป้ ัญหาทเ่ี กดิ ขนึ โดยวธิ กี ารทางวิทยาศาสตร์ และพัฒนาชนิ งานให้เหมาะสม วิเคราะห์ผลการทดลอง สรปุ ผลการทดลอง ท้ารายงานผลการทดลอง และนา้ เสนอโครงงาน ดว้ ยปากเปล่า อย่างถูกต้อง และมนั่ ใจ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบคน้ ข้อมลู การอภิปราย การวเิ คราะห์ การเปรยี บเทียบ การสา้ รวจตรวจสอบ การทา้ นาย และการทดลองเพื่อให้เกดิ ความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถส่ือสารสิ่งทีเ่ รยี นรู้ มีความสามารถในการตดั สินใจ น้าความรู้ไปใชใ้ นชีวติ ประจา้ วนั มีจิตวิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และคา่ นยิ มทีเ่ หมาะสม โดยการวดั และประเมนิ ผลด้วยแบบทดสอบ แบบประเมินจาก สภาพจริง แบบประเมินทักษะกระบวนการ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงคท์ างวทิ ยาศาสตร์ แบบ ประเมินด้านเจตคตใิ นการทา้ งานกลุม่ แบบประเมนิ ความสามารถในการแกป้ ัญหา แบบทดสอบความคิด สร้างสรรค์ ผลการเรยี นรู้ ๑. สืบคน้ ขอ้ มลู อธิบาย และอภปิ รายความหมายและประเภทของโครงงานวิทยาศาสตร์ ๒. ศึกษา และอธิบายขนั ตอนการท้าโครงงานวทิ ยาศาสตร์ และคิดหัวเรื่องโครงงาน ๓. สืบค้นข้อมูล เกย่ี วกับเร่ืองทเ่ี ลอื กทา้ โครงงานทา้ การทดลองเบืองต้นดูความเปน็ ไปได้และจัดทา้ เคา้ โครงของ เร่อื ง ๔. ท้าโครงงานวทิ ยาศาสตร์ อยา่ งน้อย 1 เรือ่ ง โดยใช้วิธกี ารทางวทิ ยาศาสตร์ ในการรวบรวมข้อมลู หลาย ๆ ครัง น้าเสนอข้อมูลอย่างเปน็ ระบบ แก้ปญั หาที่เกดิ ขนึ โดยวิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ และพัฒนาชินงานใหเ้ หมาะสม ๕. วิเคราะห์ผลการทดลอง สรปุ ผลการทดลอง และทา้ รายงานผลการทดลอง ๖. นา้ เสนอโครงงานวิทยาศาสตร์ ด้วยปากเปลา่ อยา่ งถูกตอ้ ง และม่นั ใจ ๗. มีเจตคติ จริยธรรม คุณธรรม และค่านิยมที่ดี ตอ่ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และสงิ่ แวดล้อม รวมทั้งหมด ๗ ผลการเรยี นรู้

ภาคผนวก

ตวั ชี้วัดและสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง วิทยาศาสตร์ * ม.1 สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสงิ่ มชี วี ิต หน่วยพืนฐานของสงิ่ มีชวี ติ การล้าเลยี งสารผา่ นเซลล์ ความสมั พนั ธ์ของโครงสรา้ ง และหนา้ ท่ขี องระบบตา่ ง ๆ ของสตั ว์และมนษุ ย์ที่ท้างานสัมพันธ์กัน ความสัมพนั ธ์ของโครงสรา้ งและหนา้ ทข่ี องอวัยวะตา่ ง ๆ ของพชื ท่ีทา้ งานสัมพนั ธก์ ัน รวมทังน้า ความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ชนั้ ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ม.1 1.เปรยี บเทยี บรูปรา่ งและโครงสร้าง  เซลล์เป็นหน่วยพืนฐานของส่ิงมีชีวิต สิ่งมีชีวิตบางชนิดมีเซลล์ ของเซลล์พืชและสัตว์ รวมทัง เพียงเซลล์เดียว เช่น อะมีบา พารามีเซียม ยีสต์ บางชนิดมี บรรยายหน้าที่ของผนังเซลล์ เย่ือ หลายเซลล์ เช่น พืช สัตว์ หุ้มเซลล์ ไซโทพลาซึม นิวเคลียส  โครงสร้างพืนฐานท่ีพบทังในเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ และ แวคิวโอล ไมโทคอนเดรีย และ สามารถสังเกตไดด้ ้วยกลอ้ งจลุ ทรรศน์ใช้แสง ได้แก่ เย่ือหุ้มเซลล์ คลอโรพลาสต์ ไซโทพลาซมึ และนิวเคลยี ส โครงสร้างท่ีพบในเซลล์พืชแต่ไม่พบ 2.ใช้กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงศึกษา ในเซลล์สตั ว์ ไดแ้ ก่ ผนังเซลล์ และคลอโรพลาสต์ เซ ล ล์ แ ล ะ โ ค รง ส ร้ า ง ต่ า ง ๆ  โครงสรา้ งต่าง ๆ ของเซลลม์ ีหน้าทแ่ี ตกต่างกัน ภายในเซลล์ - ผนังเซลล์ ทา้ หนา้ ที่ใหค้ วามแข็งแรงแก่เซลล์ - เยื่อหุ้มเซลล์ ท้าหน้าท่ีห่อหุ้มเซลล์ และควบคุมการล้าเลียง สารเข้าและออกจากเซลล์ - นิวเคลยี ส ท้าหนา้ ทีค่ วบคุมการท้างานของเซลล์ - ไซโทพลาซมึ มีออร์แกเนลลท์ ที่ า้ หนา้ ทแี่ ตกตา่ งกัน - แวควิ โอล ท้าหน้าทเ่ี กบ็ น้าและสารต่าง ๆ - ไมโทคอนเดรีย ท้าหน้าท่ีสลายสารอาหารเพื่อให้ได้พลังงาน แก่เซลล์ - คลอโรพลาสต์ เปน็ แหลง่ ท่เี กิดการสังเคราะหด์ ้วยแสง 3.อธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง  เซลล์ของส่ิงมีชีวิตมีรูปร่างลักษณะที่หลากหลาย และมี รูปร่างกบั การท้าหน้าท่ีของเซลล์ ความเหมาะสมกับหนา้ ทีข่ องเซลล์นนั เช่น เซลล์ประสาทส่วนใหญ่ มเี ส้นใยประสาทเปน็ แขนงยาว น้ากระแสประสาทไปยังเซลล์อื่น ๆ ที่อยูไ่ กลออกไป เซลลข์ นรากเป็นเซลลผ์ วิ ของรากทม่ี ีผนังเซลล์และ เย่ือหุ้มเซลล์ย่ืนยาวออกมา ลักษณะคล้ายขนเส้นเล็ก ๆ เพื่อเพิ่ม พนื ท่ีผวิ ในการดดู น้าและแรธ่ าตุ 4.อธิบายการจัดระบบของสิ่งมีชีวิต  พืชและสัตว์เป็นสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์มีการจัดระบบ โดยเริ่มจาก โดยเรม่ิ จากเซลล์ เนือเยื่อ อวัยวะ เซลล์ไปเป็นเนือเยื่อ อวัยวะ ระบบอวัยวะ และส่ิงมีชีวิต ระบบอวัยวะจนเปน็ ส่ิงมชี วี ิต ตามล้าดับ เซลล์หลายเซลล์มารวมกันเป็นเนือเย่ือ เนือเยื่อหลาย ชนิดมารวมกัน และท้างานร่วมกันเป็นอวัยวะ อวัยวะต่าง ๆ ท้างานร่วมกันเป็นส่ิงมีชีวิต นอกจากนีในกระดูก ฟัน และ กล้ามเนอื จะมธี าตุเป็นองค์ประกอบดว้ ย

ช้นั ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง 5. อธบิ ายกระบวนการแพร่และออสโม  เซลล์มกี ารนา้ สารเข้าสู่เซลล์เพ่ือใช้ในกระบวนการต่าง ๆ ของ ซสิ จากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ และ เซลล์ และมีการขจัดสารบางอย่างท่ีเซลล์ไม่ต้องการออกนอกเซลล์ ยกตัวอย่างการแพร่และออสโมซิส การน้าสารเข้าและออกจากเซลล์ มีหลายวิธี เช่น การแพร่เป็นการ เคล่อื นท่ีของสารจากบริเวณท่ีมีความเข้มข้นของสารสูง ไปสู่บริเวณท่ี ในชวี ติ ประจา้ วัน มีความเขม้ ข้นของสารตา้่ สว่ นออสโมซิสเป็นการแพร่ของนา้ ผา่ นเยือ่ หมุ้ เซลล์จากด้านท่ีมีความเข้มข้นของสารละลายต่้าไปยังด้านที่มีความ เขม้ ข้นของสารละลายสูงกว่า 6.ร ะ บุ ปั จ จั ย ที่ จ้ า เ ป็ น ใ น ก า ร  กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพชื ทเ่ี กดิ ขนึ ในคลอโร สังเคราะห์ด้วยแสงและผลผลิตท่ี พลาสต์ จ้าเป็นต้องใช้แสง แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ คลอโรฟิลล์ และ เกิดขึนจากการสังเคราะห์ด้วย น้า ผลผลิตที่ได้จากการสังเคราะห์ด้วยแสง ได้แก่ น้าตาลและแก๊ส แสง โดยใชห้ ลกั ฐานเชิงประจักษ์ ออกซิเจน 7. อธิบายความส้าคัญของการ  การสังเคราะห์ด้วยแสงเป็นกระบวนการท่ีส้าคัญต่อสิ่งมีชีวิต สังเคราะห์ด้วยแสงของพืชต่อ เพราะเป็นกระบวนการเดียวที่สามารถน้าพลังงานแสงมาเปล่ียนเป็น สง่ิ มชี ีวติ และส่ิงแวดล้อม พลังงานในรูปสารประกอบอินทรีย์และเก็บสะสมในรูปแบบต่าง ๆ ใน 8. ตระหนักในคุณค่าของพืชที่มีต่อ โครงสร้างของพืช พืชจึงเป็นแหล่งอาหารและพลังงานท่ีส้าคัญของ สิ่งมีชวี ิตและส่ิงแวดล้อม โดยการ ส่ิงมีชีวิตอ่ืน นอกจากนีกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงยังเป็น ร่วมกันปลูกและดูแลรักษาต้นไม้ กระบวนการหลักในการสร้างแก๊สออกซิเจนให้กับบรรยากาศเพ่ือให้ ส่งิ มีชวี ติ อ่นื ใชใ้ นกระบวนการหายใจ ในโรงเรียน 9. บรรยายลกั ษณะและหน้าท่ีของ  พืชมีไซเล็มและโฟลเอ็ม ซ่ึงเป็นเนือเยื่อมีลักษณะคล้ายท่อ ไซเลม็ และโฟลเอ็ม เรียงตัวกันเป็นกลุ่มเฉพาะที่ โดยไซเล็มท้าหน้าที่ล้าเลียงน้าและธาตุ 10. เขียนแผนภาพที่บรรยายทิศ อาหาร มีทิศทางลา้ เลียงจากรากไปสู่ล้าต้น ใบ และส่วนต่าง ๆ ของพืช ทางการล้าเลียง สารในไซเล็ม เพื่อใชใ้ นการสงั เคราะห์ด้วยแสง รวมถึงกระบวนการอน่ื ๆ ส่วนโฟลเอ็ม ท้าหน้าที่ล้าเลียงอาหารที่ได้จากการสังเคราะห์ด้วยแสง มีทิศทาง และโฟลเอม็ ของพืช ล้าเลยี งจากบรเิ วณที่มกี ารสังเคราะหด์ ว้ ยแสงไปสสู่ ่วนต่าง ๆ ของพืช 11. อธิบายการสืบพันธ์ุแบบอาศัย  พชื ดอกทกุ ชนิดสามารถสบื พันธ์ุแบบอาศยั เพศได้ และบาง เพศ และไมอ่ าศยั เพศของพชื ดอก ชนดิ สามารถสบื พันธแุ์ บบไม่อาศัยเพศได้ 12. อธิบายลักษณะโครงสร้างของ  การสบื พันธุ์แบบอาศัยเพศเป็นการสืบพันธุ์ท่ีมีการผสมกัน ดอกที่มีส่วนท้าให้เกิดการถ่ายเรณู ของสเปิร์มกับเซลล์ไข่ การสืบพันธ์ุแบบอาศัยเพศของพืชดอก รวมทังบรรยาย การปฏิสนธิของพืช เกิดขึนท่ีดอก โดยภายในอับเรณูของส่วนเกสรเพศผู้มีเรณู ซึ่งท้า ดอก การเกิดผลและเมล็ด การ หน้าที่สร้างสเปิร์ม ภายในออวุลของส่วนเกสรเพศเมีย มีถุง กระจายเมล็ด และการงอกของเมลด็ เอ็มบรโิ อ ท้าหน้าทีส่ รา้ งเซลล์ไข่ 13. ตระหนักถึงความส้าคัญของ สตั ว์ ท่ชี ว่ ยในการถา่ ยเรณูของ  การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ เป็นการสืบพันธ์ุท่ีพืชต้นใหม่ พืชดอก โดยการไม่ท้าลายชีวิต ไม่ได้เกิดจากการปฏิสนธิระหว่างสเปิร์มกับเซลล์ไข่ แต่เกิดจากส่วน ของสัตว์ ท่ีช่วยในการถ่าย ต่าง ๆ ของพืช เช่น ราก ล้าต้น ใบ มีการเจริญเติบโตและพัฒนาขึน มาเปน็ ต้นใหม่ได้

ช้นั ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง เรณู  การถ่ายเรณู คือ การเคล่ือนย้ายของเรณูจากอับเรณูไปยัง ยอดเกสรเพศเมีย ซ่ึงเกี่ยวข้องกับลักษณะและโครงสร้างของดอก เชน่ สขี องกลบี ดอก ตา้ แหน่งของเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมีย โดย มีสง่ิ ท่ีช่วย ในการถา่ ยเรณู เชน่ แมลง ลม  การถ่ายเรณูจะน้าไปสู่การปฏิสนธิ ซึ่งจะเกิดขึนที่ถุงเอ็มบริโอ ภายในออวุล หลังการปฏิสนธิจะได้ไซโกตและเอนโดสเปิร์ม ไซโกต จะ พฒั นาตอ่ ไปเป็นเอม็ บริโอ ออวุลพัฒนาไปเป็นเมล็ด และรังไข่พัฒนาไป เปน็ ผล  ผลและเมลด็ มีการกระจายออกจากต้นเดิม โดยวิธีการต่าง ๆ เมื่อเมล็ดไปตกในสภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสมจะเกิดการงอกของ เมล็ด โดยเอ็มบริโอภายในเมล็ดจะเจริญออกมา โดยระยะแรกจะ อาศัยอาหารที่สะสมภายในเมล็ด จนกระทั่งใบแท้พัฒนา จน สามารถสังเคราะห์ด้วยแสงได้เต็มที่และสร้างอาหารได้เอง ตามปกติ 14.อธบิ ายความสา้ คญั ของธาตุ  พืชต้องการธาตุอาหารท่ีจ้าเป็นหลายชนิดในการเจริญเติบโต และ อาหารบางชนดิ ท่มี ีผลต่อการ การดา้ รงชวี ิต เจรญิ เติบโต และการดา้ รงชวี ิต  พืชต้องการธาตุอาหารบางชนิดในปริมาณมาก ได้แก่ ไนโตรเจน ของพชื ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม และก้ามะถัน ซ่ึง ใน 15. เลือกใช้ปุ๋ยท่มี ีธาตอุ าหาร ดินอาจมีไม่เพียงพอส้าหรับการเจริญเติบโตของพืช จึงต้องมี การให้ เหมาะสมกบั พืชในสถานการณ์ ธาตุอาหารในรูปของปยุ๋ กบั พืชอย่างเหมาะสม ที่ก้าหนด 16. เลือกวิธีการขยายพันธุ์พืชให้  มนุษย์สามารถน้าความรู้เรื่องการสืบพันธ์ุแบบอาศัยเพศและไม่ เหมาะสมกับความต้องการของ อาศัยเพศ มาใช้ขยายพันธ์ุเพ่ือเพิ่มจ้านวนพืช เช่น การใช้เมล็ดที่ได้จาก มนุษย์ โดยใช้ความรู้เก่ียวกับการ การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศมาเพาะเลียง วิธีการนีจะได้พืชในปริมาณมาก แตอ่ าจมลี กั ษณะท่ีแตกต่างไปจากพ่อแม่ ส่วนการตอนกิ่ง การปักช้า การ สืบพันธข์ุ องพชื ต่อกิ่ง การติดตา การทาบกิ่ง การเพาะเลียงเนือเยื่อ เป็นการ น้า 17. อธบิ ายความสา้ คัญของ เทคโนโลยี การเพาะเลยี งเนือเย่ือ ความรู้เร่ือง การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของพืชมาใช้ในการขยายพันธุ์ เพื่อให้ได้พืชท่ีมีลักษณะเหมือนต้นเดิม ซึ่งการขยายพันธ์ุแต่ละวิธี มี พืชในการใชป้ ระโยชน์ดา้ นต่าง ๆ ขนั ตอนแตกต่างกัน จึงควรเลือกให้เหมาะสมกับความต้องการของมนุษย์ 18. ตระหนักถึงประโยชน์ของการ โดยตอ้ งคา้ นงึ ถงึ ชนดิ ของพชื และลกั ษณะการสืบพนั ธุข์ องพชื ขยายพันธ์ุพืช โดยการน้าความรู้  เทคโนโลยีการเพาะเลียงเนือเยื่อพืช เป็นการน้าความรู้เกี่ยวกับ ไปใชใ้ นชวี ติ ประจ้าวัน ปัจจัยท่ีจ้าเป็นตอ่ การเจริญเตบิ โตของพืชมาใช้ในการเพิ่มจ้านวนพืช และ ท้าให้พืชสามารถเจริญเติบโตได้ในหลอดทดลอง ซ่ึงจะได้พืชจ้านวนมาก ในระยะเวลาสัน และสามารถน้าเทคโนโลยีการเพาะเลียงเนือเยื่อมา ประยุกต์เพื่อการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช ปรับปรุงพันธุ์พืชท่ีมีความส้าคัญ ทางเศรษฐกจิ การผลติ ยา และสาระส้าคญั ในพืชและอ่ืน ๆ

สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับ โครงสรา้ งและแรงยึดเหน่ยี วระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของ สสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี ชน้ั ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ม.1 1. อธิบายสมบัติทางกายภาพบาง  ธาตุแต่ละชนิดมีสมบัติเฉพาะตัว และมีสมบัติทาง ประการของธาตุโลหะ อโลหะ และกึ่ง กายภาพ บางประการเหมือนกันและบางประการ โลหะ โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ท่ีได้ ต่างกัน ซึ่งสามารถน้ามาจัดกลุ่มธาตุเป็นโลหะ อโลหะ จากการสังเกต และการทดสอบ และใช้ และกึง่ โลหะ ธาตโุ ลหะมีจุดเดือด จุดหลอมเหลวสูง มีผิว สารสนเทศท่ีได้จากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ มันวาว น้าความร้อน น้าไฟฟ้า ดึงเป็นเสน้ หรอื ตีเป็นแผ่น รวมทังจัดกลุ่มธาตุเป็นโลหะ อโลหะ บางๆ ได้ และมีความหนาแน่นทังสูงและต่้า ธาตุอโลหะ และกงึ่ โลหะ มีจุดเดือด จุดหลอมเหลวต้่า มีผิวไม่ มันวาว ไม่น้า ความร้อน ไม่น้าไฟฟ้า เปราะแตกหักง่าย และ มี ความหนาแน่นต่้า ธาตุก่ึงโลหะมีสมบัติบางประการ เหมือนโลหะ และสมบัติบางประการเหมอื นอโลหะ 2. วิเคราะห์ผลจากการใช้ธาตุโลหะ  ธาตุโลหะ อโลหะ และก่ึงโลหะ ท่ีสามารถแผ่รังสีได้ อโลหะ ก่ึงโลหะ และธาตุกัมมันตรังสี จัดเป็นธาตกุ มั มนั ตรังสี ทีม่ ีตอ่ สง่ิ มีชวี ติ สิง่ แวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม จากข้อมูลท่ีรวบรวมได้ 3. ตระหนักถึงคุณค่าของการใช้ธาตุโลหะ  ธาตุมีทังประโยชน์และโทษ การใช้ธาตุโลหะ อโลหะ กึ่ง อโลหะ ก่ึงโลหะ ธาตุกัมมันตรังสี โดยเสนอ โลหะ ธาตุกัมมันตรังสี ควรค้านึงถึงผลกระทบต่อ แนวทางการใช้ธาตอุ ย่างปลอดภยั ค้มุ คา่ สิง่ มชี ีวติ สิ่งแวดล้อม เศรษฐกจิ และสงั คม 4. เปรียบเทียบจุดเดือด จุดหลอมเหลว  สารบริสุทธิ์ประกอบด้วยสารเพียงชนิดเดียว ส่วน ของสารบริสุทธิ์และสารผสม โดยการวัด สารผสมประกอบด้วยสารตังแต่ 2 ชนิดขึนไป สารบริสุทธิ์ อุณหภูมิ เขียนกราฟ แปลความหมาย แต่ละชนิดมีสมบัติบางประการท่ีเป็นค่าเฉพาะตัว เช่น จุด ข้อมูลจากกราฟ หรอื สารสนเทศ เดือดและจุดหลอมเหลวคงท่ี แต่สารผสมมีจุดเดือดและจุด หลอมเหลวไม่คงท่ี ขนึ อยูก่ ับชนดิ และสัดส่วนของสารที่ผสม อยู่ด้วยกัน 5. อธิบายและเปรียบเทียบความ  สารบริสุทธ์ิแต่ละชนิดมีความหนาแน่น หรือมวล หนาแน่นของสารบริสุทธิ์และสารผสม ต่อหน่ึงหน่วยปริมาตรคงที่ เป็นค่าเฉพาะของสารนัน ณ 6. ใช้เครื่องมือเพ่ือวัดมวลและปริมาตร สถานะ และอุณหภูมิหน่ึง แต่สารผสมมีความหนาแน่นไม่ ของสารบริสุทธ์ิและสารผสม คงที่ ขนึ อย่กู ับชนิดและสดั ส่วนของสารท่ีผสมอยู่ดว้ ยกัน 7. อธิบายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง  สารบรสิ ุทธแ์ิ บ่งออกเป็นธาตุและสารประกอบ อะตอม ธาตุและสารประกอบ โดยใช้  ธาตุประกอบด้วยอนุภาคที่เล็กที่สุดท่ียังแสดงสมบัติ แบบจา้ ลอง และสารสนเทศ ของธาตุนัน เรียกว่า อะตอม ธาตุแต่ละชนิดประกอบด้วย อะตอมเพียงชนิดเดียว และไม่สามารถแยกสลายเป็นสารอื่นได้ ด้วยวิธีทางเคมี ธาตุเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ธาตุ สารประกอบ

ช้นั ตัวช้ีวัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง เกิดจากอะตอมของธาตุตังแต่ 2 ชนิดขึนไปรวมตัวกันทางเคมี ในอัตราส่วนคงที่ มีสมบัติแตกต่างจากธาตุท่ีเป็นองค์ประกอบ สามารถแยกเป็นธาตุได้ด้วยวิธีทางเคมี ธาตุและสารประกอบ สามารถเขียนแทนไดด้ ว้ ยสตู รเคมี 8. อธบิ ายโครงสรา้ งอะตอมท่ี  อะตอมประกอบด้วยโปรตอน นิวตรอน และ ประกอบดว้ ย โปรตอน นวิ ตรอน และ อิเล็กตรอน โปรตอน มีประจุไฟฟ้าบวก ธาตุชนิดเดียวกันมี อเิ ลก็ ตรอน โดยใชแ้ บบจา้ ลอง จา้ นวนโปรตอนเทา่ กัน และเป็นค่าเฉพาะของธาตุนัน นิวตรอน เป็นกลางทางไฟฟ้า ส่วนอิเล็กตรอนมีประจุไฟฟ้าลบ เมื่อ อะตอมมจี า้ นวนโปรตอนเท่ากับจ้านวนอิเล็กตรอนจะเป็นกลาง ทางไฟฟ้า โปรตอนและนิวตรอนรวมกันตรงกลางอะตอม เรียกว่า นิวเคลียส ส่วนอิเล็กตรอนเคล่ือนที่อยู่ในท่ีว่างรอบ นวิ เคลยี ส 9. อธิบายและเปรยี บเทียบการจัดเรยี ง  สสารทุกชนิดประกอบด้วยอนุภาค โดยสารชนิด อนุภาค แรงยึดเหนย่ี วระหวา่ ง เดียวกันที่มีสถานะของแข็ง ของเหลว แก๊ส จะมีการจัดเรียง อนภุ าค และการเคล่ือนท่ขี องอนุภาค อนุภาค แรงยดึ เหน่ยี วระหวา่ งอนุภาค การเคลื่อนท่ีของอนุภาค ของสสารชนิดเดียวกนั ในสถานะ แตกต่างกนั ซง่ึ มีผลต่อรูปรา่ งและปรมิ าตรของสสาร ของแขง็ ของเหลว และแก๊ส โดยใช้  อนุภาคของของแข็งเรียงชิดกัน มีแรงยึดเหนี่ยว ระหวา่ งอนภุ าคมากท่ีสดุ อนภุ าคส่ันอยู่กับที่ ท้าให้มีรูปร่างและ แบบจ้าลอง ปริมาตรคงท่ี  อนุภาคของของเหลวอยู่ใกล้กัน มีแรงยึดเหน่ียว ระหว่างอนุภาคน้อยกว่าของแข็ง แต่มากกว่าแก๊ส อนุภาค เคล่ือนท่ีได้แต่ไม่เป็นอิสระเท่าแก๊ส ท้าให้มีรูปร่างไม่คงที่ แต่ ปรมิ าตรคงท่ี  อนุภาคของแก๊สอยู่ห่างกันมาก มีแรงยึดเหน่ียว ระหว่างอนุภาคน้อยที่สุด อนุภาคเคล่ือนที่ได้อย่างอิสระทุก ทศิ ทาง ท้าใหม้ รี ปู ร่างและปรมิ าตรไม่คงที่ 10. อธบิ ายความสมั พันธร์ ะหวา่ ง  ความร้อนมีผลต่อการเปลี่ยนสถานะของสสาร เม่ือให้ พลังงานความร้อนกับการเปลี่ยน ความร้อนแก่ของแข็ง อนุภาคของของแข็ง จะมีพลังงานและ สถานะของสสาร โดยใชห้ ลักฐาน อุณหภูมิเพ่ิมขึนจนถึงระดับหน่ึง ซึ่งของแข็งจะใช้ความร้อน ในการเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว เรียกความร้อนท่ีใช้ในการ เชงิ ประจกั ษ์และแบบจ้าลอง เปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นของเหลวว่า ความร้อนแฝงของ การหลอมเหลว และอุณหภูมิขณะเปล่ียนสถานะจะคงที่ เรียก อณุ หภูมินีวา่ จดุ หลอมเหลว  เมื่อให้ความร้อนแก่ของเหลว อนุภาคของของเหลวจะ มีพลังงานและอุณหภูมิเพ่ิมขึนจนถึงระดับหนึ่ง ซ่ึงของเหลวจะ ใช้ความร้อนในการเปลี่ยนสถานะเป็นแก๊ส เรียกความร้อนท่ีใช้ ในการเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นแก๊สว่า ความร้อนแฝง

ชนั้ ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ของการกลายเป็นไอ และอุณหภูมิขณะเปล่ียนสถานะจะคงที่ เรยี กอณุ หภูมนิ ีว่า จุดเดือด  เม่ือท้าให้อุณหภูมิของแก๊สลดลงจนถึงระดับหนึ่งแก๊สจะ เปล่ียนสถานะเป็นของเหลว เรียกอณุ หภมู ินวี ่า จดุ ควบแน่น ซงึ่ มอี ุณหภมู ิเดียวกับจุดเดือดของของเหลวนนั  เม่ือท้าให้อุณหภูมิของของเหลวลดลงจนถึงระดับหนึ่ง ของเหลวจะเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็ง เรียกอุณหภูมินีว่า จุดเยือกแข็ง ซ่ึงมีอุณหภูมิเดียวกับ จุดหลอมเหลวของ ของแขง็ นนั มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชวี ติ ประจ้าวนั ผลของแรงทกี่ ระทา้ ต่อวตั ถุ ลกั ษณะการ เคลอ่ื นท่ีแบบตา่ ง ๆ ของวัตถุ รวมทังน้าความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม.1 1.สร้างแบบจ้าลองท่ีอธิบาย  เม่ือวัตถุอยู่ในอากาศจะมีแรงที่อากาศกระท้าต่อวัตถุในทุก ความสัมพันธ์ระหว่างความ ทิศทาง แรงท่ีอากาศกระท้าต่อวัตถุขึนอยู่กับขนาดพืนท่ีของ ดนั อากาศกับความสูงจากพืน วัตถุนัน แรงที่อากาศกระท้าตังฉากกับผิววัตถุต่อหนึ่ง โลก หน่วยพืนท่ี เรียกว่า ความดันอากาศ ความดันอากาศมี ความสัมพันธ์กับความสูงจาก พืนโลก โดยบริเวณท่ีสูง จากพืนโลกขึนไป อากาศเบาบางลง มวลอากาศ น้อยลง ความดนั อากาศกจ็ ะลดลง มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปล่ียนแปลง และการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏสิ มั พันธ์ระหว่าง สสาร และพลงั งาน พลังงานในชีวติ ประจ้าวนั ธรรมชาตขิ องคล่ืน ปรากฏการณ์ท่เี กี่ยวข้องกับ เสยี ง แสง และ คล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า รวมทงั น้าความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ช้นั ตัวชี้วดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ม. 1. วิเคราะห์ แปลความหมายข้อมูล  เมื่อสสารได้รับหรือสูญเสียความร้อนอาจท้าให้สสารเปลี่ยน 1 และค้านวณปริมาณความร้อนท่ีท้า อณุ หภมู ิ เปล่ียนสถานะ หรือเปลี่ยนรปู รา่ ง ให้สสารเปล่ยี นอุณหภูมิและเปลี่ยน  ปรมิ าณความร้อนท่ีทา้ ให้สสารเปลี่ยนอุณหภูมิขึนกับมวล ความ สถานะ โดยใช้สมการ Q = mc∆t ร้อนจ้าเพาะ และอณุ หภูมิทเี่ ปลี่ยนไป และ Q = mL  ปริมาณความร้อนที่ท้าให้สสารเปล่ียนสถานะขึนกับมวลและ 2. ใช้เทอร์มอมิเตอร์ในการวัด ความร้อนแฝงจ้าเพาะ โดยขณะที่สสารเปล่ียนสถานะ อุณหภูมิ อุณหภมู ิของสสาร จะไมเ่ ปลีย่ นแปลง 3 . ส ร้ า ง แ บ บ จ้ า ล อ ง ท่ี อ ธิ บ า ย  ความร้อนท้าให้สสารขยายตัวหรือหดตัวได้ เน่ืองจากเม่ือสสาร การขยายตัว หรือหดตัวของสสาร ได้รับความร้อนจะท้าให้อนุภาคเคล่ือนที่เร็วขึน ท้าให้เกิดการ

ช้นั ตัวชว้ี ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง เน่ืองจากได้รับ หรือสูญเสีย ขยายตัว แตเ่ มอ่ื สสารคายความร้อน จะท้าให้อนุภาคเคลื่อนที่ ความรอ้ น ช้าลง ทา้ ใหเ้ กดิ การหดตัว 4. ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้  ความรู้เร่ืองการหดและขยายตัวของสสารเน่ืองจากความร้อน ของการหดและขยายตัวของสสาร น้าไปใช้ประโยชน์ ในด้านต่าง ๆ เช่น การสร้างถนน การสร้าง เนื่องจากความร้อน โดยวิเคราะห์ รางรถไฟ การท้าเทอร์มอมิเตอร์ สถานการณ์ปัญหา และเสนอแนะ วิ ธี ก า ร น้ า ค ว า ม รู้ ม า แ ก้ ปั ญ ห า ในชวี ติ ประจ้าวนั 5. วิเคราะห์สถานการณ์การถ่ายโอน  ความร้อนถ่ายโอนจากสสารที่มีอุณหภูมิสูงกว่าไปยังสสารท่ีมี ความร้อน และค้านวณปริมาณ อุณหภูมิต้่ากว่าจนกระทั่งอุณหภูมิของสสารทังสองเท่ากัน ความร้อนที่ถ่ายโอนระหว่างสสาร สภาพท่สี สารทงั สองมีอุณหภมู เิ ทา่ กัน เรยี กว่า สมดลุ ความร้อน จนเกิดสมดุลความร้อนโดยใช้  เม่อื มีการถ่ายโอนความร้อนจากสสารท่ีมีอุณหภูมิต่างกันจนเกิด สมการ Qสูญเสยี = Qได้รับ สมดุลความร้อน ความร้อนที่เพิ่มขึนของสสารหน่ึงจะเท่ากับ ความร้อนท่ีลดลงของอีกสสารหนึ่ง ซึ่งเป็นไปตามกฎการ อนุรกั ษ์พลงั งาน 6. สร้างแบบจ้าลองท่ีอธิบายการถ่าย  การถ่ายโอนความร้อนมี 3 แบบ คือ การน้าความร้อน การพา- โอนความร้อนโดยการน้าความร้อน ความร้อน และการแผ่รังสีความร้อน การน้าความร้อนเป็น การพาความร้อน การแผ่รังสี การถ่ายโอนความร้อนที่อาศัยตัวกลาง โดยท่ีตัวกลางไม่ ความรอ้ น เคล่ือนท่ี การพาความร้อนเป็นการถ่ายโอนความร้อนที่ อาศัยตัวกลาง โดยที่ตัวกลางเคล่ือนที่ไปด้วย ส่วนการแผ่รังสี ความรอ้ นเปน็ การถ่ายโอนความรอ้ นที่ไม่ต้องอาศยั ตัวกลาง 7. ออกแบบ เลือกใช้ และสร้างอุปกรณ์  ความรเู้ กยี่ วกบั การถา่ ยโอนความรอ้ นสามารถน้าไปใช้ประโยชน์ เพ่ือแก้ปัญหาในชีวิตประจ้าวันโดยใช้ ในชีวิตประจ้าวันได้ เช่น การเลือกใช้วัสดุเพ่ือน้ามาท้าภาชนะ ความรูเ้ กี่ยวกบั การถ่ายโอนความร้อน บรรจุอาหารเพ่ือเก็บความร้อน หรือการออกแบบระบบระบาย ความร้อนในอาคาร

สาระท่ี 3 วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ มาตรฐาน ว 3.2 เขา้ ใจองคป์ ระกอบ และความสมั พันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลย่ี นแปลงภายในโลกและ บนผิวโลก ธรณพี บิ ัติภยั กระบวนการเปลย่ี นแปลงลมฟ้าอากาศและภมู ิอากาศโลกรวมทงั ผลต่อสิง่ มชี ีวติ แล ส่งิ แวดลอ้ ม ชนั้ ตวั ช้ีวดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ม.1 1. สร้างแบบจ้าลองท่ีอธิบายการ  โลกมบี รรยากาศหอ่ หุ้ม นักวิทยาศาสตร์ใช้สมบัติและ แ บ่ ง ชั น บ ร ร ย า ก า ศ แ ล ะ องค์ประกอบของบรรยากาศในการแบ่งบรรยากาศของโลก เปรียบเทียบประโยชน์ของ ออกเป็นชัน ซ่ึงแบ่งได้หลายรูปแบบตามเกณฑ์ท่ีแตกต่างกัน บรรยากาศแต่ละชนั โดยท่ัวไปนักวิทยาศาสตร์ใช้เกณฑ์การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ ตามความสูง แบ่งบรรยากาศได้เป็น 5 ชัน ได้แก่ ชันโทรโพส เฟียร์, ชันสตราโตสเฟียร์, ชันมีโซสเฟียร์, ชันเทอร์โมสเฟียร์ และชนั เอกโซสเฟยี ร์  บรรยากาศแต่ละชันมีประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตแตกต่าง กนั โดย ชันโทรโพสเฟียร์มีปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศท่ีส้าคัญ ต่อการด้ารงชีวิตของส่ิงมีชีวิต ชันสตราโตสเฟียร์ ช่วยดูดกลืน รังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ไม่ให้มายังโลกมากเกินไป ชันมีโซสเฟียร์ช่วยชะลอวัตถุนอกโลกที่ผ่านเข้ามาให้เกิดการ เผาไหม้กลายเป็นวัตถุขนาดเล็ก ลดโอกาสที่จะท้าความ เสยี หายแกส่ ง่ิ มชี วี ิตบนโลก ชันเทอรโ์ มส-เฟยี ร์สามารถสะท้อน คล่ืนวิทยุ และชันเอกโซสเฟียร์เหมาะส้าหรับ การโคจรของ ดาวเทยี มรอบโลกในระดับตา่้ 2.อธิบายปัจจัยท่ีมีผลต่อการ  ลมฟ้าอากาศเป็นสภาวะของอากาศในเวลาหน่ึงของ เปล่ียนแปลงองค์ประกอบของ พืนที่หน่ึงที่มี การเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาขึนอยู่กับ ลมฟ้าอากาศ จากข้อมูลท่ี องค์ประกอบลมฟ้าอากาศ ได้แก่ อุณหภูมิอากาศ ความกด รวบรวมได้ อากาศ ลม ความชืน เมฆ และหยาดน้าฟ้า โดยหยาดน้าฟ้าท่ี พบบ่อย ในประเทศไทย ได้แก่ ฝน องค์ประกอบลมฟ้าอากาศ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาขึนอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ปริมาณ รังสีจากดวงอาทิตย์และลักษณะพืนผิวโลกส่งผลต่ออุณหภูมิ อากาศ อุณหภูมิอากาศ และปริมาณไอน้าส่งผลต่อความชืน ความกดอากาศสง่ ผลตอ่ ลม ความชนื และลมสง่ ผลต่อเมฆ 3. เปรียบเทียบกระบวนการเกิด  พายุฝนฟ้าคะนอง เกิดจากการท่ีอากาศท่ีมีอุณหภูมิ พายุฝนฟ้าคะนองและพายุ และความชืนสูงเคล่ือนที่ขึนสู่ระดับความสูงท่ีมีอุณหภูมิต่้าลง หมุนเขตร้อน และผลท่ีมีต่อ จนกระทัง่ ไอน้าในอากาศเกิดการควบแน่นเป็นละอองน้า และ สิ่ ง มี ชี วิ ต แ ล ะ ส่ิ ง แ ว ด ล้ อ ม เกิดต่อเนื่องเป็นเมฆขนาดใหญ่ พายุฝนฟ้าคะนอง ท้าให้เกิด รวมทังน้าเสนอแนวทางการ ฝนตกหนัก ลมกรรโชกแรง ฟ้าแลบฟ้าผ่า ซ่ึงอาจก่อให้เกิด ปฏิบัติตนให้เหมาะสมและ อันตรายตอ่ ชีวิตและทรพั ย์สิน ปลอดภัย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook