แรงและสมดลุ ของแรง 1/2009 แรงและอันตรกริ ิยา ขอบเขต (Outlines) แรง (force) คือ การผลัก (push) หรือ การดงึ (pull) แรงทุกประเภท (forces) นิยามของแรง สมดุลของแรง (Force Equilibrium) • อันตรกริ ิยาระหวางวัตถุสองชิ้น หรือ ระหวางวตั ถุกบั สง่ิ แวดลอ ม กฎการเคล่ือนที่ (Laws of Motion) • เปน ปรมิ าณเวกเตอร (ขนาด+ทิศทาง) • เปนสาเหตุที่ทําใหเ กดิ การเคลอ่ื นท่ี 1 2 ประเภทของแรง• แรงสัมผสั (contact forces) – แรงเสียดทาน – แรงตงึ เชือก – แรงฉุด – แรงคืนตัว – แรงลอยตวั• แรงสนาม (field forces) หรือ แรงพสิ ัยไกล – แรงดึงดดู ระหวา งมวล (gravity force) – แรงไฟฟา (electromagnetic force) – แรงนวิ เคลยี ร (nuclear force) 3 4 แรงเปนปรมิ าณเวกเตอร หลกั การซอ นทับของแรงตอ งบรรยายทั้งทศิ ท่ีแรงกระทาํ และขนาดของแรง มหี นวยในระบบ นิวตัน y(newton: N) F 10 N F2 R x 30º F1 10 N 5 30º Fy Fx Fx = Fcos Fy = Fsin F = Fx+ Fy 6
สมดุลของแรง (Force equilibrium) ตัวอยา งสมดุลของแรง• วัตถุหยุดนิ่งหรือเคลื่อนที่ดวยความเร็วคงที่ เรียกวา วัตถุอยู การเคลอ่ื นทดี่ ว ยความเรว็ คงทข่ี องเคร่อื งบนิ F1 = F2 ในสมดลุ F1 แรงยกตัว F3 = F4• สมดุลของวัตถุที่แทจริง คือ แรงลัพธของแรงท่ีกระทําจาก ภายนอกเปน ศูนย (zero) Fแรงท่ีอากาศตาน แรงเคล่ือนไปขา งหนา 4• แรงลัพทเปนศูนย หมายถึง แรงที่เปนเวกเตอร (ขนาดและ F3 ทิศทาง)Fx = 0 Fy = 0 F2 แรงโนมถว ง Fnet = 0 วัตถุสมดุล 7 8ตวั อยา งสมดลุ ของแรง T1 y T2 ลกั ษณะการเคลอ่ื นทข่ี องวตั ถุ เรยี กวา จลศาสตร (statics) สามารถตอบคําถามไดว า เคล่ือนที่ ทไี่ หนแขวนลกู บอลไวบนเพดาน x เมือ่ ไหร เรว็ แคไ หน ไกลแคไหน ใชเวลาเทา ไร แต. .. การศกึ ษาความสัมพันธร ะหวา งการเคลอ่ื นทก่ี บั แรงทที่ าํ ใหเกดิ การเคลือ่ นท่ี พรอ มทง้ั อธิบายถงึ สาเหตขุ องการT1 T2 mg เคลื่อนท่ี เรยี กวา พลศาสตร (mechanics) เชน สามารถ บอกไดวา อะไรทาํ ใหความเรว็ เปล่ยี นแปลง เปน ตน y T1 T1sin T2sin T2 10m T1cos T2sin x แกน x: T1sin+T2sin = mg แกน y: T1cos = T2sin mg 9กฎการเคลอ่ื นที่ (Laws of Motion) กฏการเคล่ือนทขี่ องนิวตนั (Newton’s Laws of Motion)เซอรไอแซค นิวตัน (Sir Isaac Newton) เปน เซอรไ อแซค นิวตนัผูเขียนกฎการเคลื่อนท่ีออกมาอยางชัดเจนเปนคน กฏขอ ท่ี 1 กฎของความเฉื่อยแรกโดยตีพิมพลงในหนังสือช่ือ Philosophiae 11Naturalis Principia Mathematica จึงเรียกกฎการ F = 0 , a = 0เคลื่อนที่เหลานี้วา “กฎการเคล่ือนที่ของนิว กฏขอ ที่ 2 กฎของการเคลอ่ื นท่ีตัน” (Newton’s Laws of Motion) อยางไรก็ F = maตาม มีนักวิทยาศาสตรกอนหนานิวตันหลายคนมี กฏขอ ที่ 3 แรงคกู รยิ า ปฏิกรยิ าสวนในการวางรากฐานกฎเหลาน้ี ซึ่งเขาก็ไดพูดไว Action = Reactionวา “ถาขาพเจามองเห็นไปไดไกลกวาคนอ่ืน ก็เปนเพราะขา พเจาไดย ืนอยบู นไหลข องยักษท ้งั หลาย” 12
กฎการเคลือ่ นท่ีขอท่ี 1 ของนวิ ตัน ตวั อยา งกฏการเคล่ือนท่ีขอที่ 1 ของนิวตนั กฎของความเฉอื่ ย• วัตถุที่หยุดน่ิงจะรักษาสภาพหยุดน่ิงตอไป หรือ วัตถุที่เคล่ือนที่ดวย ฟกทองในหอ งเก็บของ ดวงจันทรห มนุ รอบตัวเอง ความเร็วคงท่ี ก็จะรักษาสภาพเคล่ือนท่ีตอไป ถาแรงลัพธท่ีกระทํากับ วัตถมุ ีคาเปน ศนู ย• วัตถุพยายามรักษาสภาพเดิมของวัตถุอยูเสมอ เรียกสภาพนี้วา “ความ เฉ่อื ยของวตั ถุ” (inertia) F = 0 a = 0 F = ผลรวมของแรงภายนอกท่ีกระทําตอ วตั ถุ 13 14ตัวอยา งกฏการเคลื่อนทข่ี อ ที่ 1 ของนวิ ตัน กฎการเคล่ือนท่ีขอท่ี 2 ของนวิ ตัน กฎของการเคลื่อนท่ีQ: คุณขับรถ Porsche ดวยความเร็วคงตัว 150 กิโลเมตร/ช่ัวโมง ผานรถ • ถาแรงลัพธมีคาไมเปนศูนยมากระทําวัตถุ วัตถุจะเคล่ือนท่ีดวยVolkswagen ที่แลนดวยความเร็ว 75 กิโลเมตร/ช่ัวโมง รถคันใดมีแรง ความเรงในทศิ ทางเดียวกับทแ่ี รงลัพธม ากระทาํสทุ ธิกระทาํ ตอรถมากกวากนั • โดยมขี นาดของความเรงเปนสัดสวนโดยตรงกับขนาดของแรงลัพธและ เปนสดั สวนผกผันกบั มวลของวัตถุA: มีแรงสุทธิกระทําเทากัน คือเปนศูนย เนื่องจากรถทั้งสองเคล่ือนที่ดวยความเรว็ คงตวั จงึ อยูในภาวะสมดลุ F = 0 N Fx = 0Fแรงตานอากาศ 3แรงเสียดทาน F1+F2+F3 = 0 a mF F = ma F2 แรงขบั เคล่อื นไปขางหนา ดว ยความเร็วคงที่ F1 Fy = 0 16 N + mg = 015 mgตวั อยา งกฏการเคลือ่ นท่ีขอ ที่ 2 ของนิวตัน ตวั อยางกฏการเคลอื่ นทข่ี อท่ี 2 ของนิวตัน Q: ชายคนหนึ่งออกแรงลากกลองใบหนึ่งมวล 40 กิโลกรัมดวยแรงคงตัว 20 นิวตันมาตามพื้นท่ีมีแรงเสียดทานนอยมาก จงหาความเรงของ กลอ ง A: เม่อื ออกแรงลากกลอ งจะเกดิ ความเรง a N ตีเทนนสิ Fx = ma , Fy = 0 ตกี อลฟ 20 N = (40 kg) x a ปน จักรย1า7น a = 20 kg. m/s2 20 N 40 kg a = 0.5 m/s2 กลอ งมคี วามเรง 0.5 m/s2 40 kgการเคลื่อนทขี่ องลกู ตมุ 18
กฎการเคลือ่ นที่ขอที่ 3 ของนวิ ตัน ตัวอยา งกฏการเคล่อื นทข่ี อที่ 3 ของนิวตัน แรงคูก ริ ยิ า ปฏิกริ ยิ า• เมื่อแรงกิริยากระทําตอวัตถุหน่ึง ยอมมีแรงปฏิกิริยาจากวัตถุน้ันกระทํา กลบั ในทศิ ทางตรงกนั ขาม แตขนาดเทา กับแรงท่กี ระทาํ ตอวัตถุน้ัน• แรงกริ ิยาและแรงปฏิกริ ยิ าจะกระทํากับวตั ถคุ นละกอน1 F12 = F21 F12 + F21 = 0 F12 F21 2 20 19 สรปุ กฎการเคล่ือนท่ีของนิวตันตัวอยา งกฏการเคลอื่ นทีข่ อ ท่ี 3 ของนิวตัน ขอ ที่ 1 ขอท่ี 3Q: รถ Porsche ของคุณบังเอิญนํ้ามันหมดในระหวางเดินทาง คุณตอง ออกแรงเข็นดวยอัตราเร็วคงตัวไปยังปมนํ้ามันท่ีใกลที่สุด จะมีแรงอะไร เกดิ ขนึ้ บางจงอธบิ ายพรอมเปรยี บเทยี บA: แรงที่เกิดขึ้นมี 2 แรง คือ แรงที่คุณกระทําตอรถ และ แรงท่ีรถ กระทําตอ คณุ เปนแรงท่ีมีขนาดเทากันแตมีทิศทางตรงกันขาม ซึ่งไมวา คณุ จะออกแรงดันรถมากเทาไร รถกด็ ันคุณกลบั มาเทานั้นดวย F = 0 ขอท่ี 2 Action = Reaction F = ma 22 แรงอื่นๆ 21 แรงโนม ถวง หรอื แรงดงึ ดดู 23แรงโนมถวง เปนแรงท่ีเกิดข้ึนเน่ืองจากวัตถุกอนหน่ึงอยูภายใตความโนมถวงของวัตถุอีกกอนหนึ่งแรงดงึ ดูดระหวางมวล โดยแรงโนมถวงนี้เปนแรงดึงดูดวัตถุกอนอื่นเขาสูวัตถุกอนท่ีใหความโนมถวง อาจแรงตงึ กลาววาเปน สนามโนมถวง เชนเดียวกับสนามไฟฟา เชน แรงโนมถวงของโลกท่ีแรงปฏกิ รยิ าตั้งฉาก กระทําตอวัตถตุ า งๆ หรอื แรงโนมถว งทด่ี วงอาทิตยก ระทาํ กบั ดาวเคราะหตางๆแรงเสยี ดทานแรงลอยตัว แรงดึงดูดของดวง อาทติ ยท ดี่ งึ ดดู ตอดาว เคราะหดวงอน่ื ทาํ ใหม ี การโคจรเปน วง 24
แรงโนมถว งของโลก แรงดึงดูดระหวา งมวล (gravitational force)• แรงโนมถวงท่ีโลกดึงดูดวัตถุบนผิวโลก คือ น้ําหนัก (weight: w) ของวัตถุกอนนั้น เปนเวกเตอรท่ีมีทิศช้ีเขาหาโลก และมีคาข้ึนอยู “วัตถุทุกๆ กอนตางดึงดูดซ่ึงกันและกัน โดยขนาดของแรงจะแปรผัน กบั ทตี่ ง้ั โดยตรงกับมวลของวัตถุแตละกอน และแปรผกผันกับระยะทางระหวาง วัตถุยกกาํ ลงั สอง” นํา้ หนัก = มวล x ความเรงเนอื่ งจากความโนม ถวงของโลก ณ ผวิ โลก F G m1m2 m2 w = mg r2 m1 r• ความเรง เนอ่ื งจากความโนม ถว งของโลก (g) = 9.80 m/s2 G = คา นจิ โนม ถว งสากล (Universal gravitational constant) 26 25 = 6.673 x 10-11 N m2/kg2ตัวอยา งแรงดงึ ดูดระหวา งมวล จงหาแรงดึงดูดท่ีโลกกระทําตอวัตถุมวล แรงตึง m ที่วางอยูบนผิวโลก โดยโลกมีมวล M (Tension) m และรัศมี r • แรงตึงหรือแรงตึงเชือก (T) จะพิจารณาในเชือกเบามาก โดยไม r โดย M = 6 x 1024 kg คาํ นงึ ถึงมวลของเชอื กในการคาํ นวณ r = 6.4 x 106 m • เม่อื เชือกตงึ แรงตงึ จะเทากันทุกจุดบนเสน เชือก แรงดึงดดู ระหวางมวลหาไดจากสูตร • เชือกเปนผูกระทําออกแรงดึงวัตถุ ดังน้ัน ทิศทางของแรงจึงพุงออก F = G m1m2 จากวัตถุท่พี ิจารณาเสมอ r2 = (6.673 x 10-11)(6 x 1024) m2 a (6.4 x 106 )2 F = (9.8) m2 m1 T1 T2 m2 T3 F = m g = weight 28 27 แรงปฏิกริ ยิ าต้ังฉาก แรงเสียดทาน (Normal force) (Force of friction)• เปนแรงทพ่ี ้ืนผวิ ที่วัตถสุ มั ผสั กระทาํ กบั วตั ถุในทศิ ต้งั ฉากเสมอ • เมื่อวัตถุเคลื่อนท่ีบนผิวหรือในของไหลจะมแี รงตานการเคล่ือนทเ่ี กดิ ข้นึ• ใชสัญลกั ษณเปน N หรอื n • การเสียดสีระหวางพื้นผิวกับวัตถุเปนอัตรกิริยาระหวาวัตถุกับ• ไมจ ําเปน ตองมขี นาดเทากบั วตั ถุ สิง่ แวดลอ ม เรียกแรงดังกวาววา แรงเสียดทาน (f) N • แรงเสียดทานจะมีทิศตรงขามกับการเคล่ือนท่ี และสัมประสิทธิ์แรง N เสยี ดทาน () ขึ้นกบั พน้ื ผวิ ทส่ี มั ผสั F 29 F f f 30
ประเภทของแรงเสียดทาน• แรงเสียดทานสถติ ย (fS) คือ แรงตานเพื่อรกั ษาสภาพหยดุ นงิ่ ของวตั ถุ จะมคี า มากเมอื่ วตั ถเุ รมิ่ เคลอื่ นทแี่ ละแปรผนั ตรงกับขนาดของแรงปฎิกริ ิยาตงั้ ฉากที่กระทําตอ วตั ถุ fS = SN (S= สมั ประสิทธ์แิ รงเสยี ดทานสถิตย)• คือ แรงตานในขณะท่ีวัตถุเคลอ่ื นท่ีดว ย แรงเสยี ดทานจลน (fk) ความเรว็ คงท่ี มคี า นอ ยกวา แรงเสยี ดทานสถิตยและแปรผันตรงกับขนาดของแรงปฎิกิรยิ าตงั้ ฉากที่กระทาํ ตอ วัตถุ fk = kN 31 32 (k= สัมประสิทธ์แิ รงเสยี ดทานจลน) แรงลอยตวั เมื่อวตั ถอุ ยใู นของเหลวทนี่ ่ิง Fnet = Fg + Fb (Buoyancy force: Fb) Fb Fg = mog• เกิดขน้ึ เมอื่ วัตถอุ ยใู นของเหลว เปนแรงทพ่ี ยงุ วัตถใุ นทิศตรงขามกบั แรง mo Fb = - (mlg) เนือ่ งจากน้าํ หนกั (Fg) ml Fg Fnet = mog – mlg• มคี าเทากบั นาํ้ หนกั ของของไหลท่ีถกู แทนทดี่ วยวตั ถทุ ี่มีปรมิ าตรเทา กัน น้ํามวล ml มคี วามหนาแนน l = (mo – ml)g• แรงตานจากของเหลว คือ ความหนืดของของเหลว (F) วัตถุมวล mo มคี วามหนาแนน o จาก m = V, F Fb Fnet = (oVo - lVl)g Fg 33 Vl คอื ปริมาตรของเหลวทีถ่ ูกวัตถแุ ทนท่ี34 การประยุกตใ ชกฎของนวิ ตนั ตัวอยา ง• กําหนดให ชายสองคนเข็นรถยนตคันหนึ่งดวยแรง 275 N และ 395 N โดยมีแรงเสียดทาน วัตถมุ ีลกั ษณะเปน จดุ ของอนุภาค ไมเ กิดการหมุน และสนใจเฉพาะแรงท่กี ระทํา จากพ้ืนเทา กบั 560 N ตอ วตั ถุเทานั้น สามารถเขียนแผนภาพเสรไี ดด งั น้ี• ข้ันตอน – แยกวัตถุที่จะวิเคราะหอ อกจากสิง่ แวดลอม อาจเปนกอนเดยี ว หรอื เปนชุด y หลายกอน – แยกส่ิงแวดลอ มทอี่ อกแรงกระทาํ กับวัตถุ เชน พน้ื หรอื วัตถกุ อนอ่นื 560 N 275 N x – ใสแ กนอา งอิง x, y แลวแยกองคประกอบใหอ ยูใ นแกน x, y 395 N – เขยี นแผนภาพอิสระ (free body diagram) โดยเขยี นแรงทก่ี ระทําตอวตั ถุ ทงั้ หมด สําหรบั วตั ถุแตล ะกอนโดยเขยี นแยกกัน Fx = 560 N – (395 N + 275 N) – เขยี นสมการรวมในแตล ะแนวแกน และใชก ฎของนิวตนั ท่เี หมาะสม 36 35
ตวั อยาง ตวั อยา ง T3 = w Fy = 0; N + Tsin + (-mg) = 0 y T Fx = 0; T1cos37˚ - T2cos53˚ = 0 N + Tsin = mg f N x 0.8T1 – 0.6T2 = 0 38 Fy = 0; T1sin37˚ + T2cos53˚ - T3 = 0 mg 0.6T1 – 0.8T2 – T3 = 037 Fx = ma; Tcos + (-f ) = maxตวั อยาง ตวั อยา ง y Fy = 0 mg cos = N N a x Fx = ma mg sin - f = ma m 40 mg sin พิจารณา m1, พิจารณา m2, mg cos f F = m1a F = m2a mg T-m1g = m1a m2g - T = m2a 39ตวั อยาง ตัวอยา ง a แรงปฎกิ ิรยิ าจากวัตถุ m2 แรงปฎิกริ ยิ าจากวตั ถุ m1 Fx = ma จากกฎขอ 3; m2g sin - T = m2a action = reaction Fy = 0 m2g cos = n P = P Fy = ma 41 Fy = 0 Fy = 0 T – m1g = m1a n1 = w1 n2 = w2 Fx = ma Fx = ma F – P = m1a P = m1a 42
ตัวอยาง พิจารณาน้ําหนักของปลาเมอ่ื ลิฟตเ คล่อื นทข่ี ้ึนและลง ขอบเขตของการประยุกตใ ชกฎของนิวตนั ลฟิ ตเ คล่ือนทีข่ ้ึน ลิฟตเคลื่อนท่ีลง การเคลือ่ นที่ของกลอ ง แรงตงึ เชือก F = ma F = ma 43 พ้ืนเอยี ง 44 T – mg = ma mg - T = ma เครือ่ งกลอยา งงาย T = m(g+a) T = m(g-a) (เชน รอก, ลอและเพลา)ตวั อยาง: กลอง วธิ ีทาํ Fnet ma นักศึกษาคนหน่ึงออกแรงผลักกลอ ง 3 ใบดวยแรงขนาด 7.5 N บนพ้ืนท่ีไมมี 7.5 N แรงเสยี ดทาน จงหา (a) ความเรง ของกลองทั้ง 3 ใบ 1.3kg F (m1 m2 m3)a a (b) แรงกระทาํ ระหวางกลอ งแตล ะใบ a 7.5N 0.8m / s2 x 9.4kg #ans (a)กําหนดให : ในการแกโจทยปญหาตองมีการวาดแผนภาพ FBD F2 on 1 พิจารณา F = 7.5 N กลอ ง 1 Fnet mam1 = 1.3 kg 45m2 = 3.2 kg 7.5N F2 on 1 ( 1.3kg )( 0.8m / s2 )m3 = 4.9 kga =? F2 on 1 7.5N 1.04N #6a.4ns6(Nb) ในการแกโจทยปญหา สาํ หรบั ขอ (a) พจิ ารณาใหกลอ งทั้ง 3 เปน ระบบท่ีสนใจ เพอื่ ทจี่ ะ หาคา ความเรง a ออกมา สําหรับขอ (b) นนั้ จะตองพจิ ารณาแตล ะกลอ งแยกกนั 46วธิ ีทาํ (ตอ) ตรวจคําตอบพิจารณา F1 on 2 x F3 on 2 F2 on 3 F2 on 3 3.9Nกลอ ง 2 Fnet ma F3 on 2F1 on 2 F3 on 2 ( 3.2kg )( 0.8m / s2 ) 3.2kg x F2 on 3 4.9kg F2 on 1 F1 on 2 a a3 3.9N 0.8m / s26.46 N F3 on 2 2.56 N 4.9kg a F3 on 2 2.56 6.46 N a3 a 0.8m / s2 F3 on 2 3.9N #ans (b) F2 on 3 4.9kgพิจารณา F3on2 F2on3 ในการตรวจเช็คคําตอบ ไดวา ความเรงของกลองใบที่ 3 น้ันมีคากลอ ง 3 F2on3 3.9 N #ans (b) a เทากับ 0.8m/s2 ซ่ึงตรงกับท่ีคาท่ีไดคํานวณไวกอนแลว สําหรับ ปญหาขอน้ี ถาไมมีกฎขอที่ 3 ของนิวตันที่นํามาใชรวมกับกฎขอที่ 2คาํ ตอบท่ีติดคาลบ แสดงวาแรงนั้นมที ศิ ทางสวนทิศกับแกนอางอิงทกี่ ําหนด47ไว แลวจะไมส ามารถแกปญหาไดเ ลย 48
ตัวอยาง: กลอง ก. เขยี น FDB ของมวลทง้ั สองกอนมวล 2.0 kg วางอยบู นมวล 5 กิโลกรัม และสัมประสิทธ์ิความเสียดทานระหวาง มวลกอนบน มวลกอนลางมวล 5.0 กิโลกรมั กับพืน้ เปน 0.20 ( g 9.8 m / s2 ) ข. คํานวณหาแรงทท่ี าํ ใหม วลทั้งสองเคลือ่ นไปทางขวาดว ยความเรง 3.0 m/s2 ก.เขยี น FBD ของมวลทงั้ สองกอ น ข.คํานวณหาแรงท่ที ําใหม วลทัง้ สองเคล่ือนไปทางขวาดวยความเรง 3.0 m/s2 ค.หาสัมประสทิ ธค์ิ วามเสียดทานสถิตระหวางกลองทั้งสองท่ไี มท ําใหกลองมวล 2 kg ไถลตกลงมาภายใตค วามเรง 3.0 m/s2 a สาํ หรับมวลทงั้ สองกอ น F m1+m2 f2 49 50ค. หาสัมประสิทธคิ์ วามเสยี ดทานสถติ ระหวา งกลอ งทั้งสองทไ่ี มท าํ ใหก ลองมวล 2 kg T1 ตัวอยาง: แรงตึงเชือกไถลตกลงมาภายใตค วามเรง 3.0 m/s2 m1 วัตถุสองกอนมีมวลกอนละ 10 กิโลกรัม ติดกับ F m1a T2 ลิฟทตัวหน่ึงซึ่งเคลื่อนที่ดวยความเรง 2 เมตร/ fs m1a m2 วนิ าที2 จงหาคาความตงึ เชือก T1 และ T2 sn1 m1a ที่ m1 ท่ี m2 s( 19.6 ) ( 2 )( 3 ) T1 T2 s 0.306 a = 2 m/s2 m2g 51 T2 F ma m1g F ma T1 (T2 m1g ) m1a T2 m2g m2a T1 T2 m1g m1a T2 m2a m2g T1 m1a T2 m1g T2 10( 2 )(10 )(9.8 ) T1 10( 2 ) T2 10( 9.8 ) 1 52 2 ตวั อยาง: แรงตงึ เชือก ตวั อยาง: แรงตงึ เชือก และ พ้ืนเอยี ง เมอ่ื ลากระบบขึ้นไปตามพ้ืนเอียงทีล่ น่ื และไมม แี รงเสยี ดทานจงหาคาแรงตงึ เชือก T1 และความเรง (a) ของระบบในรปู จงหาคา แรงตึงเชอื ก T1 และความเรง (a) ของระบบในรปู เมอื่ T2 = 1000 Nเมอ่ื T2 = 1000 N และ พน้ื ไมมแี รงเสียดทาน a=? a=? T2 M1 T1 M2 T2 M2 5410 kg 1000 kg 1000 kg T1F ma F ma 2 53 1M01kgT1 M 1a T2 T1 M 2aT1 ( 10 )a 1 1000 T1 ( 1000 )a
a=? T2 N T2 ตวั อยาง: แรงตงึ เชือก และ พืน้ เอียง เมื่อลากระบบข้นึ ไปตามพ้ืนเอยี งที่มแี รงเสยี ดทาน f1 และ f2 M2 kg M2 จงหาคาแรงตงึ เชอื ก T1 และความเรง (a) ของระบบในรูป เม่ือ T2 = 1000 N 1000 T1 T1 M 2g.sin M 2g.cos M1 10 kg N T1 M2g M1 Fx ma a=? T2M 1g.sin T2 T1 M 2 g sin M 2a M2 kg f2 M 1g.cos Fy 0 1000 Fx ma N M 2 g cos T1 56 M1g T1 M 1g sin M 1a 1M01kg f1 Fy 0 N M1g cos 55 a=? T2 N T2 ตัวอยาง: กลอ ง และ แรงตงึ เชือก มวล 5 กิโลกรัม วางอยูดานบนมวล 10 กิโลกรัม ดังรูป มีแรงขนาด 45 นิวตัน ดึง M2 kg f2 มวล 10 กิโลกรัม และ มวล 5 กิโลกรัม ถูก 1000 M2 ผูกติดกับผนัง ถาสัมประสิทธ์ิความเสียด T1 f2 T1 ทานของทุกผิวเทากับ 0.20 จงหาขนาดของ f1 M 2g.sin แรงดึงในเสนเชือก และหาความเรงของมวล 1M01kg 10 kg ( g 9 .8 m / s 2 ) M g.cos 2N T1 M2g M1 Fx ma f1M 1g.sin M 1g.cos T2 T1 M 2 g sin f2 M 2a Fy 0 Fx ma N M 2 g cos TM1g M1g sin f1 M 1a วาด FBD ของแตละมวล 1 Fy 0 57 58 N M1g cosสามารถหาขนาดของแรงดงึ ในเสนเชอื ก และหาความเรง ของมวล 10 kg ไดดังนี้ ตวั อยาง: พ้ืนเอยี ง 0, กลอ งมวล m = 2.0 kg หยุดนง่ิ ทีบ่ นพ้นื เอียงล่ืนสงู h = 0.5 m พ้ืนเอยี งทํามมุ 30 องศากับโตะ ดงั แสดงในรูป และอยูบนโตะสงู 2 m ( g 9.8 m ) s2 ก. หาความเรง ของกลอ งทไ่ี ถลบนพนื้ เอียง ข. หาความเรว็ ของกลองขณะทห่ี ลุด ออกจากพนื้ เอียง ค. กลอ งจะตกกระทบพ้นื ทร่ี ะยะหาง จากโตะ เทา ใด ง. ตอ งใชเวลานานเทาใดตงั้ แตม วลเรม่ิ เคลอื่ นท่จี นตกกระทบพ้นื 59 60
ก. หาความเรงของกลองท่ีไถลบนพน้ื เอียง เมอ่ื ทราบ Vf = 3.13 m/s สามารถ - หาเวลาที่เคลือ่ นทบ่ี นพื้นเอยี งไดเปน t1 เขียน FDB ของกลอง x ; Fx ma mgsin ma n x v f vi y ; Fy 0 mgcos n v0 cos30 2 t1 mg sin a mg sin g sin v0 ? 1.0 ( 3.13 0 ) t1 mg m v0 sin30 2 mg cos a 9.8sin 30 4.9m / s2 t1 0.639s - หาเวลาท่กี ลอ งตกถึงพื้นข. หาความเร็วของกลองขณะที่หลดุ ออกจากพื้นเอยี ง s=h/sin=(0.5)/sin30 v 2 vi2 2as y vyot 1 at 2 f 2h=0.5 m vf ? ค. กลอ งจะตกกระทบพื้นทีร่ ะยะหา งจากโตะ เทา ใด 0 24.9( 0.5 / sin 30 ) x vxt H ( v0 sin 30 )t2 1 at22 9.8 ( 3.13 )(cos 30 )( 0.499 ) 2 v f 3.13m / s x 1.35m 2 ( 3.13 )( 0.5 )t 2 1 ( 9.8 )t 2 2 2 61 t2 0.499s 62 การประยกุ ตเรอื่ งแรงและสมดุล ของแรงในทางชวี ภาพ v0 cos30 v0 ? v0 sin30 ง. ตองใชเวลานานเทา ใดตง้ั แตม วลเรมิ่ เคลอ่ื นที่จนตกกระทบพื้น t t1 t2 t 0.639s 0.499s 1.138s 63 64ตัวอยาง: ฟน พิจารณากรณีการดดั ฟน ซห่ี นา ซงึ่ ยน่ื ออกมาผิดปกติ ทนั ตแพทยจ ะใชล วด ตัวอยาง: หัวเขา พจิ ารณาเอ็น (quadricap tendon) ที่บริเวณกระดูกสะบา ผกู ติดกับฟนกราม 2 ซี่ แลว คลอ งกับฟน ซหี่ นา ดังรูป ถาแรงตงึ ในเสน ลวด (patella) ถาแรงดึง T ในเสนเอน็ มขี นาด 1335 N จงหา แตละขา งเปน 1 N จงหาขนาดและทิศทางของแรง F ท่ีกระทําตอฟน ซห่ี นา T ขนาดและทศิ ทางของแรง F ทีก่ ระทาํ ตอ หัวเขา โดยกระดกู โคนขา (femur) y 37oเสน ลวด กระดกู สะบา F o 30º 30º Ncos60º Ncos60º x F 80o เพอื่ ใหแ รงลพั ทเ ปนศนู ย แรง F จะตอ งมที ิศทางดงั รูป 60º 60º รจะากบนบน้ั สทมาํ ดกลุารแตกFแรงใ0นแนวแกน x และ แกน y T Nsin60º Fx 0 and Fy 0 N แกน x F cos T cos80 T cos 37 N แกน y F sin T sin 37 T sin 80 F sin T sin 80 T sin 37 Nsin60º F F F 0 T 30º 30º F N sin 60 N sin 60 o T sin 80 T sin 37 37o T cos 80 T cos 37NN 2 N sin 60 80o / tan 2( 1 )( 3 ) 21.48 2 65 F 1395 N 66 F 1 .732 N T
หลักการทํางานของเครือ่ งมือจดั ฟน หลกั การของเคลอื่ นทฟี่ น กเ็ ปนหลกั ของนิวตนั กริ ิยา = ปฏกิ ิริยา ลวดและแบร็กเกต็ จะกระจายแรงผลกั เลก็ ๆ สฟู น ดว ย ทศิ ทางทกี่ าํ หนด เมอ่ื มแี รงผลกั กระดกู ท่ีรองรับฟน กจ็ ะ ละลายตัว ทาํ ใหฟ น เคลอ่ื นทไี่ ดแตก ารออกแรงเคลื่อนที่ฟนก็มีขอ จาํ กัด ไมใ ชวาทําไดทุก ในขณะทอ่ี กี ฝง หนงึ่ ก็ปฏกิ ิรยิ าสะทอ นกลบั กระตนุ ใหกรณี เชน กระดกู มกี ารเสรมิ สรา งขนึ้ มารองรบั ฟน เมอื่ มกี ารละลายตวั- แรงทมี่ ากเกินไป นอกจากทําใหก ระดกู ละลายตามทิศของ และเสรมิ สราง ฟน จึงเคลอ่ื นท่ีไปได เพราะฉะนนั้ อยากจะแรง ก็อาจทําใหรากฟนละลายซะเอง เคลอ่ื นทฟ่ี น ไปทางไหนก็ปรบั ลวด ปรับทศิ แบรค็ เกต็ ให- ฟน กรามซง่ึ ซ่ใี หญ กไ็ มส ามารถผลกั ใหเ คล่ือนทไี่ ดมากนัก สอดคลอ งกส็ ามารถเคลอ่ื นทฟ่ี น ไดฉะน้นั คนทถ่ี ูกถอนฟนกรามแลวหวังจะให หมอจัดฟนใหชดิกนั จึงทําไดยากหรือไมไ ดเลย นอกจากนี้ยังมเี ร่ืองจดุ หมุน จดุ ศูนยกลางมวล- ความหนาของกระดูก บางคนกระดกู แข็ง หรอื เม่ืออายุมาก มาเก่ียวขอ งดวยขน้ึ กระดูกจะแข็งขนึ้ กท็ ําใหเคล่ือนทฟ่ี นไดยากหรือชากวา 67 อางองิ จาก www.thaiclinic.com
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: