คั ม ภี ร์ ฉั น ท ศ า ส ต ร์ แ พ ท ย์ ศ า ส ต ร์ ส ง เ ค ร า ะ ห์ ชั้นมัธยมศ กษาปีที่ ๕
ผู้แต่ง พระยาพิศณุประสาทเวช (คง ถาวรเวช)
ประวัติผู้แต่ง พระยาพิศณุประสาทเวช (คง ถาวรเวช) พระยาพิศณุประสาทเวช (คง ถาวรเวช) เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๖ หรือที่เรียกกันว่า “หมอคง” เคยเป็นศิษย์ของพระยาประเสริฐศาสตร์ธำรง (หนู วรกิจพิศาล) หมอคงเป็น หมอที่มีชื่อเสียงและเป็นหมอประจำโรงพยาบาลศิริราชตั้งแต่แรกก่อตั้ง เมื่อกิจการโรง พยาบาลศิริราชได้รับความนิยามมากขึ้น กรมพยาบาลจึงจัดตั้งโรงพยาบาลขึ้นมาตรง หน้ าวังบูรพาภิรมย์ เป็นโรงพยาบาลสามัญ เรียกว่า “โรงพยาบาลบูรพา” หมอคงจึงย้าย ไปประจำอยู่ที่นั่น ต่อมาได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น “ขุนประสารเวชสิทธ์” ทำหน้ าที่เป็น หมอหลวง หมอประจำโรงพยาบาล
ความเป็นมา ในปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ แห่งราชวงศ์จักรี เจริญพระชนมายุ ๒ พรรษา รัฐบาลจึงได้จัดงานเฉลิมพระเกียรติเพื่อ ถวายเป็นราชสักการะ และได้จัดพิมพ์หนังสือที่เป็นที่ระลึกในนามของรัฐบาล แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ ภูมิปัญญาทางการแพทย์และมรดกทางวรรณกรรมของชาติ เป็นหนึ่งในหนังสือเหล่านั้น ซึ่งแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ ภูมิปัญญาทางการแพทย์และ มรดกทางวรรณกรรมของชาติฉบับเฉลิมพระเกียรตินี้ ได้นำต้นฉบับแพทย์ศาสตร์ สงเคราะห์ของพระยาพิศณุประสาทเวช เล่มที่ ๒ พิมพ์ครั้งที่ ๒ ร.ศ.๑๒๘ และเล่มที่ ๒ พิมพ์ครั้งที่ ๑ ร.ศ.๑๒๖ โดยจัดพิมพ์ใหม่ โดยจัดทำอธิบายส่วนๆต่างเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น เหมาะสมแก่ยุคสมัยและเผยแพร่ความรู้แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ความเป็นมา หนังสือแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ฉบับหลวง รวบรวมและพิมพ์โดยพระยาพิศณุ ประสาทเวช โดยได้รับพระอนุญาตจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรง ราชานุภาพ ประกอบด้วยองค์ความรู้ด้านแพทย์ภูมิปัญญาตะวันออกและภูมิปัญญา ไทยด้านเวชกรรมและเภสัชกรรม อีกทั้งยังแฝงไปด้วยปรัชญาที่ทรงคุณค่า รวมถึง วิธีคิด ความเชื่อ พิธีกรรมและวิธีรักษาแบบโบราณ
ลักษณะคำประพันธ์ ตอนเปิดเรื่องใช้กาพย์ยานี ๑๑ ตอนที่อธิบายลักษณะของทับ ๘ ประการ ใช้คำประพันธ์แบบร่าย
เ นื้ อ เ รื่ อ ง ย่ อ แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ ตอนคัมภีร์ฉันทศาสตร์ เปิดเรื่องด้วยบทไหว้ครู ซึ่งมีการไหว้พระรัตนตรัยไหว้เทพเจ้าของพราหมณ์ ได้แก่ พระอิศวร พระ พรหม ไหว้หมอชีวกโกมารภัจและไหว้ครูแพทย์โดยทั่วไป จากนั้นกล่าวถึง คัมภีร์ฉันทศาสตร์ที่ครูเคยสั่งสอนเปรียบเสมือนแสงสว่างแก่สรรพสัตว์ทั้ปวง รวมถึงสิ่งที่แพทย์ควรมีและสิ่งที่ไม่ควรกระทำ โดยทั่วไปจะมีความประมาท ความอวดดี ความริษยา ความโลภ ความเห็นแก่ตัว ความหลงตัว และความ ไม่เสมอภาคในการรักษาคนรวยและคนจน
เ นื้ อ เ รื่ อ ง ย่ อ อีกจะกล่าวเปรียบเทียบร่างกายเหมือนกับบ้านเมือง โดยให้ความสำคัญ กับดวงจิต ด้วยการเปรียบดวงจิตเป็นกษัตริย์ และเปรียบโรคภัยเป็นข้าศึก เปรียบแพทย์เป็นทหารที่มีความชำนาญ คอยดูแลปกป้ องรักษาไม่ให้ร่างกาย มีโรคภัย อีกทั้งดวงใจก็พยายามอย่าโกรธเพื่อไม่ให้โรคภัยคุกคามเร็วเกินไป ความรู้ความเชี่ยวชาญในการรักษาบำบัดรักษาโรค มีความสำคัญอย่างยิ่ง เมื่อ ใดเกิดอาการเจ็บป่วย แพทย์ต้องรักษาโรคให้ทันท่วงที และรักษาให้ถูกโรค
เ นื้ อ เ รื่ อ ง ย่ อ เนื่ องจากอาการเจ็บป่ วยอาจลุกลามจนรักษาไม่หายและควรรอบรู้ในการ รักษาทั้งคัมภีร์พุทธไสย์อย่างรอบด้าน เพื่อให้สามารถวินิจฉัยและถ่ายทอด ความรู้แก่ผู้อื่นได้ กล่าวถึงอาการของโรคทับ ๘ ประการ ทับ คือ อาการของโรคอย่างหนึ่ง ซึ่งเกิดแทรกซ้อนโรคหนึ่งที่เป็นอยู่ก่อน ทำให้มีอาการรุนแรงมากขึ้นใคัมภีร์ ฉันทศาสตร์กล่าวถึงทับ ๘ ประการ ซึ่งเป็นอาการที่เกิดกับเด็กมีชื่อต่าง ๆ โดยระบุอาการ
คุณค่าที่ได้รับ
คุณค่าด้าน เนื้อหา รูปแบบการแต่งคัมภีร์ฉันทศาสตร์แพทยศาสตร์สงเคราะห์ เป็ น หนั งสือที่รวบรวมความรู้จากตำราอื่ นๆเกี่ยวกับแพทยศาสตร์ซึ่งผู้แต่งเลือก ใช้คำประพันธ์ประเภทกาพย์ยานี ๑๑เริ่มต้นด้วยบทไหว้ครูและจรรยาบรรณ ของแพทย์ กับข้อควรปฏิบัติ ส่วนเนื้อหาที่ใช้ศึกษา ในระดับชั้มัธยมศึกษา ปี ที่ ๕ ว่าด้วยเรื่องลักษณะทับ ๘ ประการ ผู้แต่งใช้คำประพันธ์ประเภทร่าย ให้ความรู้เกี่ยวกับการรักษาโรคของแพทย์แผนไทย
คุณค่าด้าน เนื้อหา สาระสำคัญของเรื่อง คือ ความสำคัญของแพทย์และคุณสมบัติที่แพทย์พึง มีซึ่งจะช่วยรักษาโรคได้ผลมากกว่ารู้เรื่ องนาอย่างเดียวโครงเรื่ องมีการลำดับ ความเริ่มต้นด้วยบทไหว้ครูเป็ นการไหว้พระรัตนตรัยไหว้เทพเจ้าขอพราหมณ์ ไหว้หมอชีวกโกมารภัจและไหว้ครูแพทย์โดทั่วไปต่อด้วยความสำคัญขอแพทย์ จรรยาบรรณแพทย์ซึ่งเป็ นคุณสมบัติที่แพทย์พึงมี และตอนท้ายกล่าวถึงทับ ๘ ประการ คืออาการของโรคชนิดหนึ่งที่แทรกซ้อนกับโรคอื่น
๑.การสรรคำ คุณค่าด้าน วรรณศิลป์ ๑.๑ การใช้ถ้อยคำที่เหมาะสมแก่เนื้อเรื่อง ทำให้เข้าใจความหมายตรงไปตรงมา เช่น
บางหมอก็กล่าวคำ มุสาซ้ำกระหน่ำความ ยกตนว่าตนงาม ประเสริฐยิ่งในการรักษา บางหมอก็เกียจกัน ที่พวกอันแพทย์รักษา บ้างกล่าวเป็นมารยา เขาเจ็บน้อยว่ามากครัน บ้างกล่าวอุบายให้ แก่คนไข้นั้นหลายพัน หวังลาภจะเกิดพลัน ด้วยเชื่อถ้อยอาตมา
๒. การใช้โวหาร ทำให้ผู้อ่านเข้าใจความหมายและเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น อนึ่งจะกล่าวสอน กายนครมีมากหลา ประเทียบเปรียบในกาย ทุกหญิงชายในโลกา ดวงจิตคือกระษัตริย์ ผ่านสมบัติอันโอฬาร์ ข้าศึกคือโรคา เกิดเข่นฆ่าในกายเรา เปรียบแพทย์คือทหาร ข้าศึกมาอย่างใจเบา อันชำนานรู้ลำเนา ห้อมล้อมรอบทุกทิศา
๑. สะท้อนให้เห็นความ คุณค่า เชื่อของสังคมไทย ด้านสังคม ฉันทศาสตร์มีความหมายว่า ตำรา (ศาสตร์)ที่แต่งเป็ นสูตร(ฉันท์)ตามอย่างตำรา การแพทย์ในคัมภีร์อาถรรพ์เวทตำราอาถรรพ์ เวท เป็ นพระเวทหนึ่งในศาสนาพราหมณ์ จึง มีเรื่ องเกี่ยวกับไสยศาสตร์ด้วยจึงมักพบคำว่า “คัมภีร์ไสย์”ปรากฏอยู่ในคำประพันธ์ดัง ตัวอย่าง
ดังตัวอย่าง เรียนรู้ให้ชัดเจน จบจังหวัดคัมภีร์ไส ตั้งต้นปฐมใน ฉันทศาสตร์ดังพรรณนา
๒. สะท้อนให้เห็นคุณค่า คุณค่า เรื่องแพทย์แผนไทย ด้านสังคม ถ้าพิจารณาในส่วนที่กล่าวถึงทับ ๘ ประการ จะเป็ นได้ว่าแพทย์แผนไทยเป็ นวิธีการรักษา โรคอีกวิธีหนึ่งเป็ นแพทย์ทางเลือกที่มีความ จำเป็ นในการรักษาโรค เราจะคิดว่าเป็ นเรื่อง ที่ล้าสมัยไม่ได้เพราะเวชกรรมแผนโบราณ เป็ นที่ยอมรับเชื่อถือมาช้านานก่อนที่จะรับ เอาวิทยาการแพทย์แผนใหม่มาจากชาติ ตะวันตกมาใช้
๓. ให้ข้อคิดสำหรับการนำ คุณค่า ไปใช้ในชีวิตประจำวัน ด้านสังคม สามารถนำข้อคิดที่ได้จากการศึกษาคัมภีร์ฉันท ศาสตร์ไปใช้ได้ทุกสาขาอาชีพ เพราะไม่ว่าจะเป็ น บุคคลในอาชีพใดถ้าไม่มีความประมาทความ อวดดีความริษยาความโลภความเห็นแก่ตัว ความหลงตัวเองและการมีศีลธรรมประจำใจ ย่อมได้รับการยกย่องจากบุคคลต่างๆ
คุณค่า ด้านสังคม ๔. ให้ความรู้เรื่องศัพท์ เช่น คำว่า “ธาตุพิการ”ธาตุทั้งสี่ (ดิน น้ำ ลม และ ทางการแพทย์แผนโบราณ ไฟ) ในร่างกายไม่ปกติ ทำให้เกิดโรคต่างๆ ขึ้นตาม กองธาตุเหล่านั้น คำว่า“กำเดา” หมายถึงอาการไข้ อย่างหนึ่ งเกิดจากหวัดเรียกว่า“ไข้กำเดา”อาการ ของโรคจะมีเลือดไหลออกทางจมูกเรียกว่าเลือด กำเดาคำว่า“ปวดมวน” หมายถึงการปั่ นป่ วนในท้อง
คั ม ภี ร์ ฉั น ท ศ า ส ต ร์ แ พ ท ย์ ศ า ส ต ร์ ส ง เ ค ร า ะ ห์
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: