การศกึ ษาพฤติกรรม เรอ่ื งการไมส่ ่งงานของนักศกึ ษาช้ันมัธยมศึกษาตอนปลาย กลมุ่ บ้านหนองหลวง กศน.ตำบลโคกงาม อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย สงั กดั ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อำเภอด่านซ้าย รายงานการวจิ ยั นายไพบรู ณ์ ไชยวงค์ รายงานการวิจยั การศกึ ษาพฤตกิ รรมเรือ่ งการไมส่ ง่ งานของนักศึกษาช้ันมัธยมศกึ ษา ตอนปลาย กลมุ่ บา้ นหนองหลวง กศน.ตำบลโคกงาม อำเภอด่านซา้ ย จงั หวดั เลย สงั กดั ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอดา่ นซา้ ย สำนกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จังหวัดเลย สำนักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั สำนกั งานปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ กระทรวงศกึ ษาธิการ
กิตตกิ รรมประกาศ รายงานการวิจัยฉบับนี้สำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี ด้วยความกรุณาและความช่วยเหลือ จากผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศักดินาภรณ์ นันที และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ บางวิเศษ วิทยากรที่ ปรึกษา ที่ได้ให้ปรึกษาแนะนำเพื่อใหร้ ายงานการวิจัยมีความสมบรู ณ์ยิ่งข้ึน ผู้วิจัยรู้สกึ ซาบซึ้งในพระคณุ เปน็ อยา่ งยิ่ง จงึ ขอกราบขอบพระคณุ เปน็ อยา่ งสูง ขอขอบพระคณุ ทา่ น ผอ.ประกอบ โพธร์ิ าม ผ้อู ำนวยสำนกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวัดเลย ท่าน ผอ.กิตติพงษ์ โกษาจันทร์ ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอด่านซ้าย ครูธนาวัฒน์ อนุกูล ครูผู้ช่วย กศน.อำเภอด่านซ้าย ที่เปน็ ผเู้ ช่ียวชาญชว่ ยตรวจสอบเครอื่ งมอื ในรายงานการวจิ ยั ครงั้ นี้ ขอขอบพระคุณคณะครู กศน.อำเภอด่านซ้าย ทุกท่าน ผู้ร่วมวิจัย ที่ให้ความช่วยเหลือและ อำนวยความสะดวกในการศึกษา และขอขอบใจนักศึกษากล่มุ เป้าหมายทุกคนทใ่ี ห้ความร่วมมือเสยี สละเวลา ในรายงานการวจิ ัย ครัง้ น้ี ขอขอบพระคุณเพื่อนครูท่ีให้คำปรกึ ษาแนะนำช่วยเหลือ และใหค้ ำปรึกษาเสนอแนะ และให้ กำลังใจดว้ ยดตี ลอดมา คุณค่าและประโยชน์จากรายงานการวิจัยฉบับนี้ ผู้วิจัยขออุทิศเพ่ือบูชาคุณบิดา มารดาและ บรู พาจารย์ท่ใี หก้ ารศกึ ษาอบรมส่งั สอน ให้สติปญั ญา เพ่อื ชน้ี ำใหร้ ายงานการวจิ ยั สำเร็จด้วยดี นายไพบรู ณ์ ไชยวงค์
ช่ืองานวจิ ัย การศึกษาพฤตกิ รรมเรื่องการไม่ส่งงานของนักศึกษาชนั้ มัธยมศกึ ษาศกึ ษาตอนปลาย กลุ่มบา้ นหนองหลวง กศน.ตำบลโคกงาม อำเภอดา่ นซ้าย จงั หวัดเลย สงั กดั ศนู ยก์ ารศกึ ษา นอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อำเภอดา่ นซา้ ย ชอื่ ผู้วิจยั นายไพบรู ณ์ ไชยยวงค์ บทคดั ย่อ การศกึ ษาวิจัยคร้ังน้ี มีวตั ถปุ ระสงค์เพื่อศึกษาพฤตกิ รรมของนักศึกษาในระดับช้ันมัธยมศึกษา ตอนปลาย กลุ่มบ้านหนองหลวง กศน.ตำบลโคกงาม อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ผู้วิจัยได้จัดทำ แบบสอบถามเพือ่ ศึกษาสาเหตุของการไมส่ ่งงานของนักศึกษาจำนวน 15 ข้อ โดยให้นักศึกษาเรียงลำดับ สาเหตกุ ารไม่ส่งงานตามลำดับ ทมี่ ากทส่ี ุดจนถงึ น้อยท่สี ุดจากลำดบั 1 – 15 และไดท้ ำการนำผลของแต่ละ สาเหตุมาหาคา่ ร้อยละ แลว้ นำข้อมลู มาวิเคราะหแ์ ละหาข้อสรุปพร้อมท้ังนำเสนอในรูปของตารางประกอบ คำบรรยายเพือ่ ศึกษาพฤตกิ รรมของนกั ศกึ ษาในเรอ่ื งการไม่สง่ งาน ผลการศึกษาปรากฏว่า จากการศึกษาและวิเคราะห์แบบสอบถามเพื่อศึกษาพฤติกรรม เรื่อง การไม่ส่งงานของนักศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย กลุ่มบ้านหนองหลวง กศน.ตำบลโคกงาม อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย แสดงให้เห็นว่าสาเหตุของการไม่ส่งงาน ลำดับที่ 1 คือ การให้การบ้าน มากเกินไป และครอู ธิบายเร็วเกินไป โดยคิดจากนักศึกษา 20 คน ทเ่ี ลอื กเปน็ สาเหตอุ ันดับที่ 1 จำนวน 16 คน คิดเป็น ร้อยละ 80.00
สารบญั หนา้ 1 เรอ่ื ง 1 บทที่ 1 บทนำ 2 2 ความเป็นมา และความสำคัญของปญั หา 2 สมมตฐิ านการวิจัย 2 วตั ถุประสงคข์ องการวิจยั 3 ประโยชนท์ ่ีคาดวา่ จะได้รบั 3 ตัวแปรท่ศี ึกษา 4 นยิ ามศัพทเ์ ฉพาะ 4 ขอบเขตของการวจิ ัย 4 บทท่ี 2 เอกสาร และงานวจิ ยั ทเ่ี กยี่ วข้อง 5 พฤติกรรม ( Behavior ) 6 พฤตกิ รรมภายนอก ( Overt Behavior ) 7 พฤติกรรมภายใน ( Covert Behavior ) 8 ความหมายของการบ้าน 9 แนวคดิ ทฤษฏีท่เี ก่ียวข้องกบั การบ้าน 9 ประเภทของการบา้ น 10 ลกั ษณะของการบ้าน 11 หลกั การสำคัญในการมอบหมายการบ้าน 12 ประโยชน์ของการบา้ น ข้อควรคำนึงในการมอบหมายการบา้ น 13 ข้อเสนอแนะในการให้ทำแบบฝึกหดั หรือการใหท้ ำการบ้าน 13 บทที่ 3 วิธีการดำเนินการวิจัย 13 13 ประชากร 15 เครื่องมอื การวจิ ัย 15 ขนั้ ตอนการดำเนินการ บทท่ี 4 ผลการศึกษาวิจยั ผลการศกึ ษาวิจัย
สารบญั (ต่อ) เรื่อง หนา้ บทที่ 5 สรปุ ผล อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ 17 สรปุ ผลการศึกษาวจิ ัย 17 อภิปรายผลการศึกษาวจิ ัย 17 ข้อเสนอแนะ 17 บรรณานุกรม 18 ภาคผนวก 19 ภาคผนวก ก แบบสอบถามเพ่อื ศึกษาพฤติกรรมเรอ่ื งการไมส่ ง่ งานของนักศกึ ษาชัน้ มธั ยมศกึ ษา ตอนปลาย กลุม่ บา้ นหนองหลวง กศน.ตำบลโคกงาม อำเภอดา่ นซ้าย จังหวดั เลย 20 ภาคผนวก ข ประวัตผิ ู้ศึกษาคน้ ควา้ 23
สารบญั ตาราง เร่ือง หนา้ ตาราง 1 ผลการประเมนิ แบบสอบถามของนกั ศึกษาถงึ สาเหตทุ ผ่ี เู้ รียนไม่สง่ งานตามกำหนด 15
บทท่ี 1 บทนำ ความเป็นมา และความสำคญั ของปัญหา ในสภาพสังคมปัจจุบันมกี ารเปลีย่ นแปลงอย่างรวดเรว็ เป็นสังคมที่ไรพ้ รมแดน มีการสื่อสาร ความรู้ ข้อมูลข่าวสารอย่างไร้ขีดจำกัด มีการแข่งขันในด้านการพัฒนาอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี รวมทง้ั แขง่ ขนั ทางดา้ นการค้า ทำใหค้ นไทยมีลักษณะค้านิยมสูงมาก เกิดการเอารัดเอาเปรียบ ซึ่งกันและกัน มุ่งแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเอง และพรรคพวกมากกว่าส่วนรวม ขาดการ พัฒนา คุณธรรมจริยธรรมอย่างจรงิ จังและต่อเนื่อง ทำให้เกิดสภาวะการขาดสมดลุ ทั้งทางด้านจิตใจ และด้านส่ิง ตา่ งๆ ซึ่งส่งิ เหล่านีไ้ ดส้ ่งผลทำให้คนไทยมปี ัญหาสลับซับซ้อนกันมากข้ึน ซง่ึ สง่ ผลตอ่ ชวี ิต ความเป็นอยู่ของ ประชาชน ก่อให้เกิดการแย่งชิงดีชิงเด่นกัน ทำให้สังคมขาดระเบียบวินัย ขาดความ รับผิดชอบ เกิดมีการทุจริตคอรัปชั่นทุกวงการ เกิดปัญหาอาชญากรรมมากขึ้น และรวมไปถึงการติดยา เสพติด (กรมวชิ าการ. 2545 : 1) การเรียนการสอนในปัจจุบันจะแบ่งคะแนนออกเป็นสองส่วน คือ คะแนนเก็บก่อนสอบ ปลายภาค ซึ่งคิดเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ของคะแนนทั้งหมด โดยใน 60 เปอร์เซ็นต์นั้นผู้วิจัยได้เก็บคะแนน โดยการทำแบบบันทึกการเรียนรู้ รายงาน/รายงานเชิงปฏิบัติการ/แบบฝึกหัด โครงงาน/ผลงาน และแบบทดสอบยอ่ ย ดังนั้นการทำใบงานและการส่งงานของนกั ศกึ ษาจึงเป็นเร่อื งทส่ี ำคัญมากในการเรียน การสอนเพราะนอกจากจะมีคะแนนในส่วนของใบงานแล้ว ยังมีผลต่อการเรียนในชั่วโมงถัดไปด้วย เนอ่ื งจากใบงานจะเป็นการประเมินความรู้ความ เขา้ ใจในบทเรียนของนักศกึ ษาว่ามีมากน้อยเพียงใดอีกท้ัง ยังเป็นการวัดพฤติกรรมความรับผิดชอบของนักศึกษาได้อีกทางหนึ่ง ถ้าหากนักศึกษาไม่ได้ทำใบงาน ที่ครูแจกให้นักศึกษาก็จะขาดคะแนนเก็บในส่วนนั้นและครูก็ไม่สามารถประเมินความรู้ความเข้าใจ ของนกั ศกึ ษาได้ ในช่วงแรกของการสอน ครูได้ใช้ใบงานและใบความรู้แจกให้กับนักศกึ ษาทกุ คนประกอบการ สอนในแต่ละช่วั โมง โดยทใี่ บงานและใบความร้ทู ่แี จกให้นกั ศึกษาเก็บเปน็ ของตนเอง แต่ใบงานบาง เร่อื งตอ้ ง นำมาเรียนต่อในคาบต่อไป ซึ่งเมื่อถึงช่ัวโมงเรียนในชั่วโมงต่อไปแล้วนักศึกษาไม่ได้นำมา เมื่อครูถามถึง สาเหตุ นกั ศกึ ษาตอบว่า อยบู่ า้ น ลืมเอามา หรือทำหายไปแลว้ ก็มี ครจู ึงบอกให้นักศึกษาที่ ไมไ่ ด้นำใบงานมา ในชั่วโมงนี้ นำมาให้ครูดูในชั่วโมงถัดไป ซึงปรากฏว่ามีนักศึกษาเพียงไม่กี่คนที่นำใบ งานมาให้ครูดู เมื่อทำการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนผ่านไปช่วงหนึ่ง ครูสังเกตได้ว่า นักศึกษาที่ไม่ทำงานส่งน้ัน มีค่อนขา้ งมาก อาจเปน็ เพราะการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนในชว่ งแรกครใู ห้นักศึกษา ทำงานทกุ คร้งั และ
-2- ให้ทำการเก็บเป็นคะแนนเกบ็ ทุกคร้งั นักศกึ ษาที่ขาดเรียนในชั่วโมงใดช่ัวโมงหนึ่งไปกม็ กั จะตามเพื่อนไม่ทัน แล้วก็นำไปสู่การไม่ส่งงานในที่สุดหรือนักศึกษาบางคนมาพบกลุ่มแต่ไม่เคยทำงานส่งเลย ซึ่งสังเกต ได้จากการส่งงานของนักศึกษา ครูจึงตั้งข้อสังเกตได้ว่าใบงานใดที่แจกให้นักศึกษาทำแล้วส่งท้ายชั่วโมง จำนวนนักศึกษาที่ส่งงานในครั้งนั้นก็จะมีมาก แต่หากให้เป็นการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) ก็จะมีนักศึกษา ทไี่ มส่ ง่ งานหรือส่งงานไม่ตรงตามกำหนดคอ่ นขา้ งมาก จากการที่ผู้สอนได้สอนในรายวิชา เรียนรู้กับภูมิปัญญาท้องถิ่น ของนักศึกษาในระดับ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย พบว่านกั ศกึ ษาสว่ นใหญม่ กั จะส่งงานไม่ตรงเวลาท่ีครผู ู้สอนกำหนด หรือบางคนก็ ไม่ส่งงานเลย ซึ่งทำให้ครูผู้สอนไม่สามารถวัดความรู้ หรือติดตามความก้าวหน้าของ นักศึกษาได้ ซึ่งในบางรายวิชาอาจมีผลต่อคะแนนเก็บของนักศึกษาด้วย ดังนั้นผู้วิจัยซึ่งในฐานะที่เป็นครูผู้สอน เห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงได้ทำการวิจัยเพื่อศึกษาพฤติกรรมของ นักศึกษาในระดับ ช้นั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย เพอ่ื นำมาเปน็ ขอ้ มูลในการแก้ปัญหาของนกั ศึกษาในเรือ่ งการไม่สง่ งานต่อไป สมมตฐิ านการวิจัย จัดทำแบบสอบถามเพื่อศึกษาพฤติกรรมเรื่องการไม่ส่งงานของ นักศึกษาชั้นมัธยมศึ ก ษา ตอนปลาย กลุ่มบ้านหนองหลวง กศน.ตำบลโคกงาม ตำบลโคกงาม อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย เพ่ือนำผลจากการวจิ ัยมาเก็บเป็นข้อมลู เพื่อนำไปแกไ้ ขปัญหาในการไม่สง่ งาน วตั ถุประสงค์ของการวจิ ัย 1. เพื่อศึกษาสาเหตุของการไม่ส่งงานของ นักศึกษา ชั้นมัธยมศึกษา ตอนปลาย กลมุ่ บา้ นหนองหลวง กศน.ตำบลโคกงาม ตำบลโคกงาม อำเภอด่านซ้าย จังหวดั เลย 2. เพอื่ รวบรวมข้อมูลสำหรับการแก้ปัญหาการไมส่ ่งงานของนักศกึ ษา ประโยชนท์ ค่ี าดว่าจะได้รบั 1. ทราบถึงพฤตกิ รรมและสาเหตุของการไม่ส่งงานของนกั ศึกษาระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาตอนปลาย กลุ่มบ้านหนองหลวง กศน.ตำบลโคกงาม ตำบลโคกงาม อำเภอด่านซา้ ย จงั หวดั เลย 2. ไดแ้ นวทางในการแกป้ ัญหาการเรยี นการสอน ตัวแปรทศ่ี ึกษา 1. แบบสอบถามเพื่อศกึ ษาพฤติกรรมเรื่องการไมส่ ่งงานของนักศกึ ษาช้ันมัธยมศึกษาตอนปลาย กลมุ่ บ้านหนองหลวง กศน.ตำบลโคกงาม ตำบลโคกงาม อำเภอด่านซา้ ย จงั หวัดเลย
-3- 2. ระดับคะแนนเฉลี่ยของแบบสอบถาม นิยามศัพท์เฉพาะ 1. งาน หมายถึง แบบฝึกหัดที่ครูให้ในชั่วโมงเรียน แบบฝึกหัดที่ครูให้เป็นการบ้าน ใบงาน รวมถึงการทำงานเป็นกล่มุ และชน้ิ งาน 2. ใบงาน หมายถึง แบบฝกึ หดั ทคี่ รูใหท้ ำในชว่ั โมงเรียนหรือใหเ้ ป็นการบ้าน 3. ใบความรู้ หมายถึง เนอ้ื หาในบทเรยี นแยกเป็นบท โดยครมู าแจกเม่ือเข้าสเู่ น้ือหาในบทเรียนน้ัน ขอบเขตของการวจิ ยั 1. ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้เป็นการสร้างแบบสอบถามเพื่อศึกษาพฤติกรรมเร่ืองการไม่ส่งงาน ของนักศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย กลุ่มบ้านหนองหลวง กศน.ตำบลโคกงาม ตำบลโคกงาม อำเภอ ด่านซา้ ย จงั หวัดเลย โดยใช้ข้อความทค่ี าดว่าจะเป็นสาเหตขุ องการไมส่ ่งงาน จำนวน 15 ข้อ และไดก้ ำหนด ขอบเขตของการวิจยั ไว้ดังน้ี 1. ประชากร ประชากรที่ใช้ในการศึกษา คือ นักศึกษา กศน.ตำบลโคกงาม กล่มุ บา้ นหนองหลวง จำนวนหอ้ งเรียน 1 กลุม่ จำนวนนักศกึ ษา 20 คน 2. แบบสอบถามทใี่ ชใ้ นการศึกษา เปน็ เปน็ แบบสอบถามเพื่อศึกษาพฤตกิ รรมของนกั ศึกษา ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย กลุ่มบ้านหนองหลวง กศน.ตำบลโคกงาม ในเรื่องการไม่ส่งงาน จำนวน 15 ข้อ
-4- บทท่ี 2 เอกสาร และงานวิจยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง เพื่อเป็นพื้นฐานในงานวิจัยเรื่องการศึกษาพฤติกรรมการไม่ส่งงานตามกำหนดของ นักศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย กลุ่มบ้านหนองหลวง กศน.ตำบลโคกงาม ตำบลโคกงาม อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย กลุ่มบ้านหนองหลวง กศน.ตำบลโคกงาม ตำบลโคกงาม อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ผวู้ ิจยั จงึ ศึกษาเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องโดยเสนอตามลำดบั หัวข้อดงั น้ี 1. ความหมายของพฤตกิ รรม 2. ความหมายของการบา้ น 3. แนวคดิ ทฤษฏีท่ีเกีย่ วข้องกับการบา้ น 4. วธิ กี ารเรียนทีด่ หี รอื พฤติกรรมเรยี นรู้ท่สี ง่ เสรมิ ผลสัมฤทธใ์ิ นการเรยี น 5. งานวจิ ัยทเ่ี กี่ยวข้อง พฤตกิ รรม ( Behavior ) พฤติกรรม หมายถึง ปฏิกิริยาหรือกิจกรรมทุกชนิดของสิ่งมีชีวิตแม้ว่าจะสังเกตได้หรือไม่ก็ ตาม เช่น คน สตั ว์ มนี กั พฤติกรรมศาสตรบ์ างคนได้ให้ความหมายไว้ว่า พฤตกิ รรมมีความหมาย กวา้ งขาวง ครอบคลุมไปถึงพฤติกรรมของสิง่ ที่ไม่มีชวี ิตด้วย เช่น การไหลของน้ำ คลื่นของน้ำทะเล กระแสลมท่ีพัด การปลิวของฝนุ่ ละออง การเดอื ดของนำ้ เปน็ ต้น สง่ิ ทกี่ ลา่ วมาเป็นการเคลือ่ นไหว ของสิ่งไม่มชี ีวติ แต่มีการ เปลยี่ นแปลงจากลักษณะหนึ่งไปยังอีกลักษณะหนึ่ง เลยถือว่าคล้าย ๆ กับ เปน็ ปฏิกิรยิ าหรอื เป็นกิจกรรมที่ ปรากฏออกมาจากสิ่งนั้นจงึ นับว่าเป็นกิจกรรมด้วย การศึกษาเรื่องพฤติกรรมส่วนใหญ่จะมุ่งศึกษาเฉพาะ พฤติกรรมของคนส่วนพฤติกรรมของสัตว์ กระทำเป็นบางครั้ง เพื่อนำมาเป็นส่วนประกอบให้เข้าใจใน พฤตกิ รรมของคนได้ดียงิ่ ขน้ึ พฤติกรรมภายนอก ( Overt Behavior ) พฤติกรรมภายนอก หมายถึง ปฏิกิริยาของบุคคลหรือกิจกรรมของบุคคลที่ปรากฏออกมาให้ บุคคลอื่นได้เห็น ทั้งทางวาจาและการกระทำท่าทางอืน่ ๆ ที่ปรากฏออกมาให้เห็นได้ พฤติกรรมท่ี ปรากฎ ออกมาให้เหน็ ภายนอกน้ันเป็นสิง่ ที่คนมองเห็นตลอดเวลา เป็นปฏกิ ิยาทีค่ นเราได้แสดงออกมา ตลอดเวลา ของการมชี วี ิต ถ้าลำดับตัง้ แต่ตืน่ นอนจนกระทัง่ นอนหลบั จะเหน็ ว่าไดแ้ สดงพฤติกรรม ออกมาตลอดเวลา
-5- พฤตกิ รรมภายนอกที่แสดงออกมามีความสำคัญมาก โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งถา้ สงั คมใดท่ีประเมิน คุณภาพของคนว่าเป็นคนดี มีระเบียบวินัย สุภาพ ซื่อสัตย์ ทารุณ เป็นต้น ล้วนแต่ประเมิน คุณภาพ ของพฤตกิ รรมภายนอกทง้ั สิน ถ้าไม่แสดงออกมาสงั คมก็ไมท่ ราบวา่ บุคคลนน้ั เป็นคนอยา่ งไร พฤติกรรมท ี่ ค นแ ส ดง อ อก มาใ ห้ เห ็ นภ าย นอก จ ึง นับ ว่ าเ ป็ นอ ง ค์ ปร ะก อ บท ี่ สำ ค ัญ เก ี่ ย ว กั บ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในสังคม สังคมชอบตัดสินคนด้วยพฤติกรรมภายนอก ดังนั้นพฤติกรรมที่ เราเห็นได้ทราบอาจไม่ใช่พฤติกรรมที่แท้จริงของเขา และไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง คือการกระทำไม่ตรง กับความคิดความรู้สึก บางคนอาจสวมหน้ากากเข้าหากัน หรือแสดงไปตามบทบาทที่เขาเป็นบางครั้ง จึงกำหนดไม่ไดว้ ่าเปน็ เร่อื งจรงิ เพราะไมไ่ ด้สะทอ้ นความเปน็ จรงิ ออกมาท้ังหมด พฤติกรรมภายใน ( Covert Behavior ) พฤติกรรมภายใน หมายถึง กิจกรรมภายในที่เกิดขึน้ ในตัวบุคคล ซึ่งสมองทำหน้าที่รวบรวม สะสมและสั่งการ ซึ่งเป็นผลจากการกระทำของระบบประสาทและกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางด้ าน ชวี เคมขี องร่างกาย พฤติกรรมภายในมที ง้ั รูปธรรมและนามธรรม ทีเ่ ป็นรูปธรรมคนอน่ื จะสงั เกตเห็น ไม่ไดแ้ ต่ จะใช้เครื่องมือทางการแพทย์ทดสอบได้ สัมผัสได้ เช่น การเต้นของหัวใจการหดและการ ขยายตัว ของกล้ามเนื้อ การบีบของลำไส้ การสูบฉดี โลหิตไปเลีย้ งร่างกาย เป็นต้น ที่เป็นนามธรรม ได้แก่ ความคดิ ความรู้สึก เจตคติ ความเชื่อ ค่านิยม ซึ่งจะอยู่ในสมองของคน บุคคลภายนอกไม่ สามรถจะมองเห็นได้ หรือสัมผัสได้เพราะไม่มีตัวตน และจะทราบว่าเขาคิดอย่างไรก็ต่อเมื่อเขาแสดง ออกมา เช่น การแสดง อาฆาตมาดร้าย ใชค้ ำพูดข่มขู่หรือระทำดังทีค่ ิดไว้ พฤตกิ รรมภายในจะมี เหมอื นกันหมดทกุ วัยไม่ว่าเด็กหรือ ผใู้ หญ่ เพศชาย เพศหญงิ หรือตา่ งเช้ือชาติ ส่วนทีจ่ ะแตกต่างกนั จะอยทู่ ่ีจำนวน ปริมาณหรอื คณุ ภาพเทา่ น้ัน พฤติกรรมภายในมคี วามสำคัญต่อคน เปน็ คณุ สมบตั ิท่ีทำให้คนเหนือกว่าสัตว์ คนมีแนวคิดท่ีมี ระบบและคาดการณ์ในสิ่งต่างๆ ในอนาคตได้ พฤติกรรมภายในของคนมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรม ภายนอกที่แสดงออกมา บางสถานการณ์ก็ไม่อาจสอดคล้องกันได้ เช่น บางครั้งไม่พอใจในการกระทำ ของผู้อื่นก็อาจจะทำเฉยเพราะไม่กล้าต่อว่าหรือทำรา้ ยเขา เพราะถ้ากระทำอะไรลงไปอาจทำให้เกดิ การ ทะเลาะวิวาทกันขน้ึ ได้ มนุษย์จะแสดงพฤติกรรมภายในและพฤติกรรมภายนอกตั้งแต่เกดจนตาย พฤติกรรม ที่แสดง ออกมาอาจเปน็ ผลสืบเน่อื งมาจากการเลย้ี งดแู ละอบรมจากครอบครัวหรือในทางตรงกันข้ามอาจสืบ เนื่องมาจากการขาดการเลี้ยงดูและอบรมจากครอบครัวหรือในทางตรงกันข้ามอาจสืบเนื่องมาจากการ ขาดการเลย้ี งดูอบรมจากครอบครัว จงึ ทำใหม้ ปี ัญหาอยู่มาก
-6- ในแต่ละช่วงของชวี ิตจะมพี ัฒนาการปรับเปลย่ี นหรือเปล่ยี นแปลงพฤติกรรมไปบ้างโดยเฉพาะ อย่างยิ่งต้องปรับพฤติกรรมให้เข้ากับขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของชุมชนนั้นๆ รวมท้ัง การเปลี่ยนแปลงของสังคมในทุกๆด้าน เมื่อขนบธรรมเนียมประเพณีเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมของคน จึงทำใหต้ นเปลี่ยนพฤติกรรมได้ยาก เชน่ บางชมุ ชนมีพฤติกรรมการรับประทานอาหารสุก ๆ ดบิ ๆ เปน็ ตน้ ความหมายของการบา้ น ก๊ดู ( Good , 1973 : 224 ) กลา่ ววา่ การบา้ น หมายถึง งานที่ครมู อบหมายให้นกั ศึกษา กลบั ไป ทำท่ีบา้ น เพ่อื ทบทวนความร้ทู ี่เรียนไปแลว้ และเปน็ การฝึกทักษะ การใช้กฎ หรือสูตรต่างๆท่ี เรียนไปแลว้ ไพโรจน์ โตเทศ ( 2529 : 9 - 12 ) กล่าวถึงการบ้านไว้ว่า การบ้านเป็นงานที่ครูผู้สอน มอบหมายให้นักศึกษาไปทำท่ีบ้าน เพื่อเป็นการทบทวนความรูท้ ี่นักศึกษาได้เรยี นไปแลว้ จากการพบกล่มุ ประการหนึ่ง อีกประหนึ่ง เป็นการให้งานที่มุ่งวางพื้นฐานในการเรียนต่อไป เพื่อความเข้าใจตรงกัน หรอื ความง่ายตอ่ การสอนในเน้อื หาวชิ าตอ่ ไป จินตนา ใบกาซูยี ( 2531 : 40 ) กล่าวถึงการบ้านไว้ว่า หมายถึง สิ่งจำเป็นที่เด็กทุกชั้น จะต้องปฏิบัติ ทำให้เด็กรูจ้ ักวนิ ัย รู้จักควบคุมตนเอง มีความรับผิดชอบต่อตนเอง แบ่งเวลาเป็น และรู้จัก เรยี นดว้ ยตนเอง จันทนา คุณกิตติ ( 2532 : 14 ) กล่าวถึงการบ้านไว้ว่า หมายถึง งานหรือกิจกรรมที่ครู มอบหมายให้นักศึกษาทำนอกเวลาเรยี นปกติตามข้อกำหนดทีต่ กลงร่วมกนั ระหว่างครูกบั นักศึกษาเพื่อให้ นักศึกษาได้คิด ค้นคว้า ทบทวนความรู้ที่เรียนไปแล้ว เพื่อฝึกทักษะหรือเตียมสู่ทเรียนใหม่ตลอดจน เพ่ือส่งเสริมผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นของนกั ศึกษา ยอว์นี ( Yvonne ) กล่าวถึงการบ้านไวว้ ่า หมายถึง งานที่มอบหมายให้นักศึกษาทำนอกเวลา เรีย น Yvonne . 1984 . Developing Homework Policies. ( ออนไลน์ ) สืบค้นได้ จาก : www. Eg.gov./databases/ERIC Digests/ed256473.html [20 พฤศจิการยน 2544 ] บัทเลอร์ ( Butler ) กล่าวถึงการบ้านไว้ว่า หมายถึง การให้นักศึกษาใช้เวลานอกชัน้ เรียนใน การทำกรรมกิจกรรมจากแบบฝกึ หดั เปน็ การเสรมิ แรงหรือประยกุ ต์ทักษะหรอื ความรใู้ หม่และเรยี นรู้ ทักษะ ขั้นพื้นฐานด้วย ตนเองอย ่างอิสระ Butler. 1987. Homework. ( ออนไลน์) สืบค้นได้ จาก : www.bigchalk.com [ 5 กมุ ภาพนั ธ์ 2541 ] กระทรวงศึกษาธิการ ( 2539 : 2 ) กล่าวถึงการบ้านไว้ว่า การบ้าน หมายถึง กิจกรรมที่ ครูมอบหมายให้นักศึกษาทำนอกเวลาเรียน ตามข้อกำหนดที่ตกลงร่วมกันระหว่างครูกับนักศึกษาหรือ อาจเป็นกิจกรรมท่ีนักศกึ ษาคดิ ขึ้นเองโดยความเห็นชอบของครู
-7- จากความหมายข้างต้น พอสรุปได้ว่า การบ้านหมายถึง งานหรือกิจกรรมที่ครูมอบหมาย ให้ นกั ศึกษาไดท้ ำนอกเวลาเรยี นเพ่ือเปน็ การฝึกทกั ษะ คนั คว้าหาความรเู้ พิ่มเตมิ และใช้ว่างให้เกิดประโยชน์ แนวคดิ ทฤษฏที เ่ี กี่ยวขอ้ งกบั การบ้าน วัตถปุ ระสงคข์ องการบ้าน สแตรง ( Strang , 1960 อ้างถึงใน สุขดี ตั้งทรงสวัสดิ์. 2533 : 9 ) กล่าวถึงวัตถุประสงค์ ของการมอบหมายการบา้ นไวด้ ังนี้ 1. เพื่อช่วยกระตุ้นให้นักศึกษามีความพยายาม ความคิดริเริ่ม ความเป็นอิสระ มีโอกาส ใชค้ วามคิดของตนเอง 2. สง่ เสรมิ ให้นกั ศกึ ษาใชเ้ วลาว่างจากการเรยี นในโรงเรยี นใหเ้ ป็นประโยชน์ 3. เพอื่ เพิม่ พูนประสบการณท์ ี่ไดร้ บั จากโรงเรียนโดยทำกจิ กรรม 4. สนบั สนุนการเรียนรโู้ ดยมกี ารเตรยี มตวั ฝกึ ปฏิบตั ิ กระทรวงศกึ ษาธิการ ( 2539 : 3 ) ไดก้ ล่าวถึงวตั ถุประสงคข์ องการบ้านไว้ดงั น้ี 1. เพ่อื เพมิ่ ทกั ษะและประสบการณจ์ ากสิ่งทไี่ ด้เรยี นรูม้ าแลว้ 2. เพอ่ื ให้รู้จักศึกษาค้นควา้ ด้วยตนเอง 3. เพ่อื ใหร้ จู้ ักตนเองเกี่ยวกบั ความถนัด ความสามารถ ความสนใจและข้อบกพร่องในการ เรียนวิชานั้น ๆ 4. เพอื่ ใหเ้ กิดความเช่ือม่นั ในส่ิงทเ่ี รยี นรู้และทำให้กล้าตดั สนิ ใจ 5. เพื่อพัฒนาความคดิ สร้างสรรค์ 6. เพอื่ ให้มวี ินัยรกั การทำงาน มคี วามรับผิดชอบและร้จู กั ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กดิ ประโยชน์ 7. เพอื่ ปลกู ฝังคณุ ธรรม รจู้ ักเสยี สละ ช่วยเหลอื สงั คมและทำงานเป็นหมู่คณะได้ 8. เพื่อให้ครูและผู้ปกครองสามารถสนับสนุน และช่วยเหลือในข้อบกพร่องต่างๆ ของนกั ศึกษาทเ่ี กิดจากการเรียนการสอนได้ บัทเลอร์ ( Butler ) ได้ให้วัตถุประสงค์ของการบ้านไว้ Butler. 1987 . Homework. ( ออนไลน์ ) สืบคน้ ไดจ้ าก : www.bigchalk.com [ 5 กุมภาพันธ์ 2545] 1. การบ้านควรจะเป็นการเสรมิ ทักษะท่ถี กู แนะนำในหอ้ งเรียน 2. เพือ่ บรรลผุ ลในความเช่ียวชาญต่อบทเรียนพื้นฐาน เชน่ กฎทางคณิตศาสตร์ เปน็ ต้น 3. สนบั สนนุ ให้เลือกหัวขอ้ ทีจ่ ะศกึ ษาได้อย่างอสิ ระ
-8- 4. ให้โอกาสในการทำกจิ กรรมที่มีคณุ คา่ อย่างอสิ ระ 5. สนบั สนุนใหใ้ ช้เวลาอย่างฉลาดและเปน็ ระเบยี บ ประเภทของการบา้ น สำอาง สีหาพงษ์ ( 2531 : 43 - 47) แบ่งการบา้ นออกเป็น 3 ประเภท คอื 1. ภาคความรู้ คือ การบ้านที่เป็นเรื่องทักษะ ความรู้ ความคิด เช่น การศึกษาค้นคว้าทำ รายงาน การหาข่าว ทำแบบฝึกหดั การตอบคำถาม การเตมิ คำ การอ่านหนงั สือเพิม่ เติม 2. ภาคปฏบิ ัติ คอื การบา้ นท่ที ำดว้ ยมือเพอื่ ก่อให้เกิดความชำนาญและประสบการณ์ เช่น การทำกระบวยตักนำ้ การจดั นิทรรศการ การตอนกิ่งไม้ การทดลองต่างๆ เปน็ ตน้ 3. ประเภทให้ประโยชน์สาธารณะ เช่น การช่วยงานโรงเรียน การเข้าร่วมกิจกรรมชุมนุม และการเข้ารว่ มกจิ กรรมสาธารณะประโยชน์ เปน็ ตน้ กระทรวงศึกษาธิการ ( 2539 : 4 ) ไดแ้ บง่ ประเภทของการบา้ นไวด้ งั นี้ 1. ประเภทเสริมความรู้ เช่น การศึกษาค้นคว้า การศึกษานอกสถานที่ การทำรายงาน และการทำแบบฝกึ หดั เปน็ ตน้ 2. ประเภทเสรมิ การปฏบิ ัติ เช่น การทำชน้ิ งาน การฝกึ งาน การจัดนิทรรศการ และการ จัดป้าย นเิ ทศ เปน็ ตน้ 3. ประเภทให้ประโยชน์สาธารณะ เช่น การชว่ ยงานโรงเรียน การเขา้ รว่ มกจิ กรรมชมุ ชน และ การเขา้ ร่วมกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ เป็นตน้ ซลั ลิแวน และซีควิ รา ( Sullivan and sequeira ) ไดเ้ สนอรูปแบบการบา้ นไว้ 4 ประเภท ดงั น้ี Sullivan and sequeira. 1996. Homework tips for Teacher. [ 5 กมุ ภาพนั ธ์ 2545 ] 1. ประเภทแบบฝึกหัด ( Practice ) เป็นการทำซ้ำและเป็นการฝึกฝนซึ่งจะเป็นการ เสริมแรงให้กับการเรียนรู้ต่อเนื้อหาวิชา ตลอดจนเป็นการเพิ่มความเร็วและความเชี่ยวชาญของทักษะ เฉพาะดา้ น 2. ประเภทเตรยี มความพรอ้ ม ( Preparation ) มผี ลการเรียนรขู้ องการทำงานและกระตุ้น ให้นักศึกษารวบรวมข้อมลู ของบทเรียน ซึ่งเขาจำเป็นจะต้องเตรียมพร้อมในช้ันเรยี นต่อไป 3. ประเภทเสริมบทเรยี น ( Extension ) อนญุ าตให้นักศกึ ษาได้ขยายความรู้ที่มีต่อเน้ือหา หรือประยกุ ตท์ กั ษะการเรียนในการทำงานใหม่
-9- 4. งานประดิษฐ์ ( Creative ) อนุญาตให้นักศึกษารวมกลุ่มเพือ่ สรา้ งความคิดดั้งเดิมหรือ คิดงานใหม่ ลักษณะของการบา้ น การบ้านเปน็ สว่ นหนง่ึ ของกจิ กรรมการเรยี นการสอน ซ่ึงจะมอี ทิ ธิพลตอ่ การเรียนรู้และทัศนคติ ของผเู้ รยี นเป็นอย่างยิ่ง ดังนัน้ จงึ เปน็ หนา้ ทีข่ องครใู นการจัดการบ้านท่ีดใี หแ้ ก่นักศึกษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ( 2539 : 5 – 6 ) ไดก้ ล่าวถึงคุณลกั ษณะทด่ี ีของการบา้ นไวด้ ังน้ี 1. ตรงตามหลักการ จุดหมาย และจุดประสงค์ของหลักสตู ร 2. สมั พันธแ์ ละสอดคล้องกับจุดประสงค์รายวิชา และแผนการเรยี นการสอน 3. ชัดเจน ไมม่ ากและยากเกนิ ไป สอดคล้องกบั สภาพชวี ิตและความเปน็ อยู่ของนกั ศึกษา 4. ย่วั ยแุ ละท้าทายความถนดั ความสามารถ และความสนใจของนกั ศกึ ษา 5. ส่งเสรมิ และพัฒนาการ ดา้ นความรู้ ทกั ษะ และประสบการณ์ของนกั ศกึ ษา 6. ใช้เวลาพอเหมาะกบั วัยและความสามารถของนักศกึ ษา หลักการสำคัญในการมอบหมายการบ้าน ฟิลิปและแดเนยี ล ( Philip and Daniel, 1972 : 55 - 57 ) ไดเ้ สนอหลักการมอบหมายการบา้ น ไว้ดังน้ี 1. ควรใหก้ ารบา้ นเปน็ ประจำ ไม่ใช่ให้บางครง้ั บางคราว และควรกำหนดสง่ ตามเวลา 2. ควรให้เหมาะสมกับความแตกต่างระหว่างบุคคลวัตถุประสงค์ของหลักสูตรและ จุดมุ่งหมาย ของครู นักศึกษาเก่งควรให้การบ้านประเภทศึกษาสารานุกรม แลว้ นำมาสนทนาในห้องเรียน นักศกึ ษา อ่อนควรให้การบ้านท่ีเปน็ การฝกึ ฝนและเพ่ิมพูนเนอื้ หาความรใู้ นบทเรยี น 3. ควรใหก้ ารบ้านท่สี ่งเสรมิ สัมพนั ธภาพที่ดีระหวา่ งบา้ นกับโรงเรยี น 4. ไมค่ วรเปน็ งานซับซ้อนหรอื เป็นงานที่ครยู ัดเยยี ดให้นกั ศกึ ษา เพราะอาจจะทำในสิ่งที่ตน ไม่เข้าใจ ซ่ึงมีผลเสียอย่างมากสำหรับนักศกึ ษาทอ่ี ่อน ออ้ ม ประนอม ( 2529 อา้ งถงึ ใน สุขดี ตงั้ ทรงสวัสดิ์ , 2533 : 13 ) ไดเ้ สนอหลักการในการ มอบหมายการบา้ นดังนี้ 1. ครใู ห้การบ้านเม่ือนักศึกษาเขา้ ใจบทเรียนดแี ล้ว 2. แบบฝึกหดั ท่ีให้การบ้านน้นั ควรมีความยากงา่ ยเหมาะสมกับความสามารถของนักศึกษา และเหมาะสมกับเวลาทที่ ำ
- 10 - 3. การบ้านตอ้ งให้สมำ่ เสมอและติดตามผอย่างใกล้ชิด 4. ครูควรมีสมดุ บันทึกการบ้านเปน็ การตระเตรยี มบทเรยี นที่จะใหก้ ารบา้ นทเ่ี หมาะสมยงิ่ ขน้ึ หลักในการให้การบ้านได้ประมวลจากแนวคิดของนักการศึกษาหลายท่านที่มีความ สอดคล้องกนั กรทรวงศกึ ษาธกิ าร ( 2539 : 6 ) สรุปไดด้ ังนี้ 1. ต้องจัดให้สมั พันธ์สอดคลอ้ งกับราบวิชา กลมุ่ วิชา และแผนการเรียนการสอน 2. ตอ้ งเปิดโอกาสให้นกั ศกึ ษาได้ศกึ ษาค้นคว้าและแสวงหาความร้ดู ว้ ยตนเอง 3. ตอ้ งจดั ใหส้ อดคล้องกบั ความแตกตา่ งของนักศกึ ษาแต่ละคน มคี วามยากง่ายและปรมิ าณ พอเหมาะกับความสามารถและเวลาของนักศึกษา 4. ตอ้ งไม่เพม่ิ ภาระให้ผปู้ กครองมากเกินไป 5. ต้องเปน็ การสรา้ งความร่วมมือและความเข้าใจอนั ดีระหวา่ งโรงเรียนกบั บา้ น 6. ตอ้ งสอดคลอ้ งกับสภาพการดำเนนิ ชีวิตของนกั ศึกษาและชุมชน 7. ควรสอนความสามารถเบอ้ื งต้นทเ่ี ด็กจำเปน็ ต้องใช้ในการทำการบ้าน เพราะเมอื่ นักศกึ ษา ทำการบา้ นถูกจะกอ่ ใหเ้ กิดความช่ืนชมตนเอง ครจู งึ ควรใหก้ ารบ้านท่ีชว่ ยให้กำลังใจแก่นกั ศึกษา มากกว่า เปน็ การฉดุ รัง้ ให้เกิดความล้มเหลวในการเรยี น 8. ควรให้อย่างสม่ำเสมอ ให้แต่น้อยๆ และบ่อยๆ อย่างต่อเนื่อง การทำทุกครั้งให้เด็ก ประสบความสำเรจ็ เสมอ คือทำแล้วไดเ้ ครอ่ื งหมายถูกมากกว่าผิด เพราะถอื ว่าการฝกึ ฝนในปรมิ าณท่ี พอดี กับเวลากอ่ ใหเ้ กิดผลดี การฝึกมากเกนิ ไปจะให้ผลเสยี มากกว่า เพราะจะทำให้นักศกึ ษาเบอ่ื หน่าย หลกี เลี่ยง หรอื ทำแบบขอไปที 9. ให้การบ้านหลายๆ แบบ เพราะคนเราชอบความแปลกใหม่ จึงไมค่ วรให้การบา้ นลักษณะ เดียวกนั ตลอดปี 10. เมื่อใหก้ ารบ้านแลว้ ครูตอ้ งกำหนดวันสง่ พร้อมทั้งจะตอ้ งตรวจการบ้านและติดตามผล อย่างใกล้ชดิ ว่านกั ศึกษายังบกพร่องในเรือ่ งใด ตรงไหนควรชว่ ยเหลอื เป็นรายบุคคลหรอื ชว่ ยเป็นกลมุ่ ประโยชนข์ องการบา้ น การบา้ นมปี ระโยชน์หลายประการดังน้คี อื ( กระทรวงศึกษาธิการ , 2539 : 9 ) ก. ต่อนักศกึ ษา 1. ได้พัฒนาแนวคิดอยา่ งต่อเนอ่ื งและสม่ำเสมอ 2. ไดศ้ กึ ษาค้นคว้าดว้ ยตนเอง ซงึ่ เป็นปัจจยั สำคัญทชี่ ว่ ยใหเ้ ดก็ เชอื่ มน่ั ในความสามารถ ของตนเอง ปลูกนิสัยใหร้ กั เด็กและพยายามค้นควา้ หาความรู้ และความกา้ วหนา้ มาสู่ตนเอง
- 11 - 3. ได้สำรวจและพฒั นาตนเองในด้านความรู้ ความถนดั ความสามารถ และความสนใจ 4. ใชเ้ วลาใหเ้ กดิ ประโยชน์ ซง่ึ เปน็ การสรา้ งนิสยั ที่ดใี หก้ ับนกั ศึกษา 5. ปลกู ฝงั ความมรี ะเบียบ ความรับผิดชอบและความเสยี สละ ร้จู ักแบง่ เวลาเพ่ือพัฒนา ตนเอง รวู้ ่าเวลาไหนควรทำอะไร ลำดบั กิจกรรมกอ่ นหลัง วางแผนงานเปน็ ไปในแตล่ ะวัน ข. ตอ่ ผปู้ กครอง 1. ลดความวติ กกังวลในเร่อื งความประพฤตขิ องบตุ รหลาน 2. ทราบพัฒนาการและขอ้ บกพร่องทางการเรียนของบุตรหลาน 3. เกิดความสัมพันธ์ทด่ี ีระหวา่ งผปู้ กครอง ครู และนกั ศกึ ษา ค. ต่อครผู ู้สอน 1. ชว่ ยเสรมิ ให้แผนการสอนของครเู ปน็ ระบบและครบถ้วน 2. เป็นเครื่องมือช่วยจำแนกความแตกต่างของนักศึกษาเพื่อกำหนดวิธีสอนให้ เหมาะสมกบั นกั ศกึ ษา 3. ทราบผลการเรียนรู้ของนักศกึ ษาไดอ้ ยา่ งต่อเนือ่ ง ข้อควรคำนึงในการมอบหมายการบ้าน กระทรวงศึกษาธิการ ( 2539 : 13 ) ได้กล่าวว่า ในการมอบหมายการบ้าน อาจจะประสบ ปัญหาต่างๆ เช่น ขาดการประสานงานระหว่างครู การบ้านยาก มากหรือน้อยเกินไป นักศึกษาเกิด ความวิตกกังวล เบื่อหน่ายการเรยี นและหนีเรียน ทำให้ผูป้ กครองเดือดร้อน และขาดแหลง่ ศกึ ษา ค้นคว้า เป็นต้น เพื่อไม่ใหเ้ กิดปัญหาดังกล่าว ในการมอบหมายการบ้าน โรงเรียนและครูควรคำนึงถึง แนวปฏิบัติ ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. ควรหลกี เลย่ี งการใชก้ ารบา้ นเปน็ เคร่อื งมือแสวงหาผลประโยชนส์ ่วนตน 2. ควรกำหนดปรมิ าณ ความยากงา่ ยให้พอเหมาะกับสภาพและพน้ ฐานของนกั ศกึ ษาโดย ไม่ จำเป็นตอ้ งใหเ้ ท่ากนั ทุกคนและตอ้ งชดั เจน 3. ควรหลีกเลี่ยงการใชก้ ารบ้านเป็นเคร่อื งมอื ในการแก้ปญั หากาสอนไมจ่ บหลักสูตร 4. ควรอำนวยความสะดวกและเตรยี มการลว่ งหนา้ สำหรับการบ้านท่ีตอ้ งใชว้ ัสดอุ ุปกรณ์ 5. ควรจงู ใจให้นกั ศึกษาเหน็ ประโยชนแ์ ละคุณค่าของกาบา้ น 6. ควรสร้างเสริมการบ้านให้มีลักษณะยั่วยุ และท้าท้ายความถนัดความสามารถและ ความ สนใจของนักศึกษา 7. ควรมอบหมายการบา้ นหลายรูปแบบและไมซ่ ้ำซาก
- 12 - 8. ควรเปิดโอกาสให้นักศกึ ษาได้มีส่วนรว่ มในการทำการบ้าน 9. ควรหลกี เลี่ยงการใช้การบา้ นเปน็ เครื่องมอื ในการลงโทษนักศึกษา ทศั นีย์ ศุภเมธี ( 2532 : 113 ) กลา่ ววา่ การให้แบบฝึกหดั ของการใหท้ ำการบ้านเป็น กิจกรรม การเรียนรดู้ ว้ ยตนเองของนักศกึ ษา ผลงานจากาทำแบบฝึกหดั จะบอกใหค้ รูทราบวา่ นกั ศึกษา เข้าใจบทเรยี น ที่เยนไปหรอื ไม่ ถ้านกั ศกึ ษาทำแบบฝกึ หัดหรือการบ้านไม่ค่อยได้ ก็แสดงใหเ้ หน็ ว่า ครู ต้องสอนซ่อมเสริม หรืออาจจะต้องทบทวนบทเรยี นใหม่ ขอ้ เสนอแนะในการใหท้ ำแบบฝึกหัดหรอื การใหท้ ำการบ้าน 1. ควรจะให้ทันทีหลังจากสอนจบบทเรยี น 2. ควรใหใ้ นปรมิ าณพอสมควรและเหมาะสมกับความสามารถของนกั ศึกษา 3. ครูควรจะร่วมมือกับผปู้ กรองในการเอาใจใส่ดูแลการทำการบ้านของนักศึกษา 4. การให้การบา้ นหรือแบบฝึกหดั แต่ละครั้งครูตอ้ งแน่ใจว่านักศึกษาเข้าใจคำสั่งในงานที่ ได้รบั มอบหมาย 5. ให้นักศึกษาเขา้ ใจจุดหมายและปะโยชนข์ องการทำแบบฝึกหัดและการบ้าน 6. การใหก้ ารบ้านของครูไม่ควรเน้นท่ีงานหนังสืออยา่ งเดียว ครคู วรให้การบ้านที่นักศึกษา จะลงปฏิบตั ดิ ว้ ยตนเองดว้ ย เช่น ให้ตัดเลบ็ ให้ส้นั ทกุ วันศุกร์ ปลกู ต้นไมก้ ระถาง ใหใ้ สป่ ยุ๋ ต้นไม้ 7 วันต่อคร้งั คูเปอร์ ( Cooper ) ได้ศึกษาถึงข้อควรคำนึงในการให้การบ้านดังนี้ Cooper.1999. Homewort : Time To Turn It In ? ( ออนไลน์ ) สบคน้ ไดจ้ าก : www.bigchalk.com [ 21 มีนาคม 2545 ] 1. ไม่ควรให้การบ้านเปน็ การลงโทษ 2. หลกี เล่ยี งการบ้านที่เปน็ งานซึ่งเดก็ สามารถทำไดด้ อี ย่แู ลว้ 3. การให้การบ้านควรจะมีปริมาณไม่มาก และไม่ยากเกินไป และควรเป็นการบ้านที่ นา่ สนใจซึง่ เดก็ สามารถจะทำไดด้ ้วยตนเอง 4. ควรจะใหก้ ารบ้านทเ่ี หมาะสมกบั ระดับการศกึ ษาของเด็ก
- 13 - บทที่ 3 วิธีดำเนินการวิจัย การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยศึกษาพฤติกรรมการไม่ส่งงานตามกำหนดของ นักศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย กลุ่มบ้านหนองหลวง กศน.ตำบลโคกงาม อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย โดยใช้แบบสอบถามเพื่อหาสาเหตุของการไม่ส่งงานตามกำหนด ผู้วิจัยได้วางแผนการดำเนินการศึกษา สร้างแบบสอบถาม โดยใช้ข้อความที่คาดวา่ จะเป็นสาเหตุของการมาส่งงานตามกำหนด และได้ดำเนินการ ซงึ่ มรี ายละเอียดเปน็ ข้นั ตอน ดังน้ี ประชากร ประชากรทีใ่ ชใ้ นการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักศึกษาชัน้ มัธยมศึกษาตอนปลาย กลุ่มบ้านหนองหลวง กศน.ตำบลโคกงาม อำเภอดา่ นซ้าย จงั หวัดเลย จำนวน 20 คน เคร่อื งมือทีใ่ ช้ในการวจิ ยั แบบสอบถาม ขนั้ ตอนการดำเนินการ ในการดำเนนิ การศึกษาวจิ ยั ครัง้ นีม้ ีวตั ถุประสงค์เพ่ือ 1.ขัน้ วเิ คราะห์ ( Analysis) 1.1 วิเคราะห์ขอ้ มลู พน้ื ฐานของผเู้ รยี น การวิเคราะหผ์ ูเ้ รียนไดก้ ำหนดไว้ดงั น้ี ประชากร คอื นักศึกษาชั้นมัธยมศกึ ษาตอนปลาย กลุ่มบ้านหนองหลวง กศน.ตำบลโคกงาม อำเภอด่านซา้ ย จังหวัดเลย ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564 จำนวน 20 คน 1.2 วเิ คราะหส์ าเหตุของการไม่ส่งงานของนกั ศึกษาโดยการหาค่าร้อยละ 2. ขัน้ ออกแบบ (Design) ผู้วิจัยดำเนินการสร้างแบบสอบถามเพื่อวัดพฤติกรรมการไม่ส่งงานตามกำหนด โดยมลี ำดบั ขั้นตอนการสร้างดงั น้ี ศกึ ษาเทคนิคการสร้างแบบสอบถามจากเอกสารต่างๆ สร้างแบบสอบถามเพื่อ วัดพฤติกรรมของนักศกึ ษาเพื่อหาสาเหตุในการไม่ส่งงานตามกำหนดของนกั ศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษา ตอนปลาย กลุ่มบ้านหนองหลวง กศน.ตำบลโคกงาม อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย จำนวน 15 ข้อ
- 14 - โดยให้นักศึกษาใส่หมายเลข ลำดับสาเหตุของการไม่ส่งงานจากลำดับมากที่สุด ( 1 ) ไปจนถึงลำดับ น้อยท่ีสุด ( 15 ) 3. ขนั้ ดำเนนิ การ ในการวจิ ัยครั้งนผี้ วู้ ิจัยไดม้ ีการดำเนินการดงั น้ี 3.1 นำแบบสอบถามเพื่อศึกษาพฤติกรรมการไม่ส่งงานตามกำหนด ของนักศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย กลุ่มบ้านหนองหลวง กศน.ตำบลโคกงาม อำเภอด่านซ้าย จงั หวัดเลย จำนวน 20 คน เพ่ือหาสาเหตุของการไม่ส่งงานตามกำหนด และทำการบนั ทึกคะแนน 3.2 ดำเนนิ การหาค่ารอ้ ยละของแตล่ ะขอ้ สาเหตุ 4. ขน้ั วเิ คราะห์ข้อมูล 4.1 วเิ คราะหข์ อ้ มูล - วิเคราะห์ผลจากคะแนนที่ได้จากการทำแบบสอบถามเพื่อศึกษา พฤตกิ รรม 4.2 สถติ ทิ ใี่ ชใ้ นการวิเคราะห์ข้อมูล 4.2.1 การหาคา่ ร้อยละ คา่ รอ้ ยละ = ������������100 ������ เมื่อ X = คะแนนทไี่ ด้ N = จำนวนนกั ศกึ ษาทงั้ หมด
- 15 - บทท่ี 4 ผลการศกึ ษาวจิ ยั จากการศึกษาวิจัยในชั้นเรียนครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการไม่ส่งงาน ตามกำหนดของนักศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย กลุ่มบ้านหนองหลวง กศน.ตำบลโคกงาม อำเภอ ดา่ นซ้าย จังหวัดเลย เพื่อนำผลการวิจัยมาเก็บเป็นข้อมลู เพ่ือหาสาเหตุ และนำไปแกไ้ ขปัญหาในการเรียน การสอนและเพื่อให้นักศึกษาเห็นความสำคัญของการส่งงาน โดยใช้แบบสอบถามเพื่อศึกษาพฤติกรรม จำนวน 15 ขอ้ โดยกลุ่มตวั อย่างซ่ึงเปน็ นกั ศึกษาชน้ั มัธยมศึกษาตอนปลาย กลมุ่ บา้ นหนองหลวง กศน.ตำบลโคกงาม อำเภอดา่ นซา้ ย จังหวดั เลย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 20 คน โดยสามารถวิเคราะห์ผลได้ดงั น้ี ผลการประเมินแบบสอบถามของนักศึกษาในเรื่องการไม่สง่ งานตามกำหนด เกี่ยวกับการหา สาเหตุที่ไม่ส่งงานของนักศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย กลุ่มบ้านหนองหลวง กศน.ตำบลโคกงาม อำเภอดา่ นซ้าย จงั หวัดเลย ตาราง 1 ผลการประเมินแบบสอบถามของนกั ศกึ ษาถึงสาเหตทุ ผ่ี เู้ รยี นไม่สง่ งานตามกำหนด สาเหตุการไม่สง่ งาน ลำดับท่ี ร้อยละ 1. การบ้านมากเกนิ ไป 7 50.00 2. แบบฝกึ หัดยาก ทำไม่ได้ 1 80.00 3. ไมน่ ่าสนใจ 15 25.00 4. ให้เวลาน้อยเกินไป 3 65.00 5. ครอู ธิบายเรว็ เกินไป 2 80.00 6. ไม่เข้าใจคำสัง่ 10 40.00 7. ใบงานหาย 5 55.00 8. เบือ่ หนา่ ยไม่อยากทำ 11 40.00 9. ไมค่ อ่ ยมคี นให้คำปรึกษา 14 30.00 10. ใบความรู้/ส่อื หาย 6 55.00 11. ลืมทำ 13 35.00 12. ช่วยเหลอื งานผู้ปกครอง 9 50.00 13. เตรยี มตวั สอบเกบ็ คะแนนวชิ าอืน่ 4 60.00 14. ตดิ เกมส์ 8 50.00
- 16 - สาเหตุการไมส่ ง่ งาน ลำดบั ที่ ร้อยละ 15. ทำกจิ กรรมอืน่ 12 40.00 จากตารางที่ 1 แสดงให้เห็นวา่ การตอบแบบสอบถามของนักศกึ ษาในเร่อื งสาเหตุของการไม่ส่ง งานตามกำหนด โดยทำการเรียงลำดับจากสาเหตุท่ีนักศึกษาที่นักศึกษาคิดว่าเป็นสาเหตุที่สำคัญ ที่สดุ จนถงึ สาเหตทุ ีน่ อ้ ยที่สุด ตามลำดบั 1-15 ดงั ตอ่ ไปน้ี แบบฝึกหดั ยากทำไมไ่ ด้ อยใู่ นลำดับที่ 1 คิดเปน็ รอ้ ยละ 80.00 ( 16 คน ) ครอู ธิบายเรว็ เกนิ ไป อย่ใู นลำดบั ท่ี 2 คดิ เป็นรอ้ ยละ 80.00 ( 16 คน ) ให้เวลานอ้ ยเกนิ ไป อยูใ่ นลำดบั ที่ 3 คิดเปน็ รอ้ ยละ 65.00 ( 13 คน ) เตรียมตัวสอบเกบ็ คะแนนวชิ าอน่ื อยใู่ นลำดับที่ 4 คิดเปน็ ร้อยละ 60.00 ( 12 คน ) ใบงานหาย อยใู่ นลำดับที่ 5 คิดเปน็ รอ้ ยละ 55.00 ( 11 คน ) ใบความรู/้ ส่ือหาย อยใู่ นลำดบั ที่ 6 คดิ เป็นร้อยละ 55.00 ( 11 คน ) การบา้ นมากเกินไป อย่ใู นลำดบั ท่ี 7 คิดเป็นร้อยละ 50.00 ( 10 คน ) ตดิ เกมส์ อยู่ในลำดับที่ 8 คดิ เปน็ ร้อยละ 50.00 (10 คน ) ชว่ ยเหลือผ้ปู กครอง อยใู่ นลำดบั ที่ 9 คิดเป็นรอ้ ยละ 50.00 (10 คน ) ไม่เข้าใจคำส่งั อยู่ในลำดับที่ 10 คดิ เป็นร้อยละ 40.00 ( 8 คน ) เบ่ือหนา่ ย ไม่อยากทำ อยู่ในลำดับท่ี 11 คิดเป็นรอ้ ยละ 40.00 ( 8 คน ) ทำกจิ กรรมอ่ืนๆ อยู่ในลำดบั ที่ 12 คิดเป็นร้อยละ 40.00 ( 8 คน ) ลมื ทำ อยู่ในลำดับท่ี 13 คิดเป็นรอ้ ยละ 35.00 ( 7 คน ) ไม่ค่อยมีคนใหค้ ำปรึกษา อยู่ในลำดบั ที่ 14 คิดเป็นรอ้ ยละ 30.00 ( 6 คน ) ไมน่ า่ สนใจ อยู่ในลำดบั ท่ี 15 คิดเป็นร้อยละ 25.00 ( 5 คน )
- 17 - บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ สรุปผลการศกึ ษาวิจยั จากการศึกษาและวิเคราะห์แบบสอบถามเพื่อศึกษาพฤติกรรมการไม่ส่งงานตามกำหนด ของนักศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย กลุ่มบ้านหนองหลวง กศน.ตำบลโคกงาม อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย แสดงให้เหน็ ว่า สาเหตขุ องการไมส่ ่งงานตามกำหนด ลำดับที่ 1 คอื แบบฝกึ หดั ยากทำไม่ได้นักศึกษาเลือก 16 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 80.00 อนั ดับที่ 2 ครอู ธิบายเร็วเกนิ ไป นกั ศกึ ษาเลือก 16 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 80.00 อนั ดับที่ 3 ให้เวลานอ้ ยเกินไป นกั ศกึ ษาเลือก 13 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 65.00 โดยคิดจากนักศึกษา 20 คน อภปิ รายผลการศึกษาวิจัย จากการสร้างแบบสอบถามเพื่อศึกษาพฤติกรรมการไม่ส่งงา นตามกำหนดของนักศึกษา ช้นั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย กลมุ่ บ้านหนองหลวง กศน.ตำบลโคกงาม อำเภอดา่ นซ้าย จังหวดั เลย ในครัง้ น้ีสามารถ อภิปรายผลได้ดังน้ี พบว่าแบบสอบถามเพื่อศึกษาพฤติกรรมของนักศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย กลุ่มบ้านหนองหลวง กศน.ตำบลโคกงาม อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ในเรื่องการไม่ส่งงานตามกำหนด ได้ทำให้ทราบถึงสาเหตุที่สำคัญมากที่สุด จนถึงสาเหตุที่น้อยที่สุด ในการไม่ ส่งงานตามกำหนด คือ แบบฝึกหัดยากทำไม่ได้ ครูอธิบายเร็วเกินไป ให้เวลาน้อยเกินไป เตรียมตัวสอบเก็บคะแนนวิชาอ่ืน ใบงานหาย ใบความรู/้ สอ่ื หาย การบา้ นมากเกินไป ติดเกมส์ ชว่ ยเหลอื ผูป้ กครอง ไม่เขา้ ใจคำสั่ง เบื่อหน่าย ไม่อยากทำ ทำกจิ กรรมอืน่ ๆ ลืมทำ ไม่ค่อยมคี นใหค้ ำปรึกษา ไมน่ ่าสนใจ ขอ้ เสนอแนะ 1. ในการสร้างแบบสอบถามเพื่อศึกษาพฤติกรรมการไม่ส่งงานตามกำหนด อาจจัดทำกับ นักศึกษาทัง้ ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย กลุ่มบา้ นหนองหลวง กศน.ตำบลโคกงาม อำเภอดา่ นซ้าย จงั หวดั เลย เพือ่ เป็นการศึกษาในภาพรวม เพราะการวจิ ัย ครัง้ นีก้ ลุม่ ตวั อย่างเปน็ เพยี งนักศึกษาในระดับช้ันมัธยมศึกษา ตอนปลาย กลุ่มบา้ นหนองหลวง กศน.ตำบลโคกงาม อำเภอด่านซ้าย จังหวดั เลยเทา่ นั้น ซึง่ อาจจะได้ผลการวิจัย ท่ี แตกต่างกันก็ได้ 2. ในการวิจัยครั้งต่อไปอาจเจาะจงทำการวิจัยกลุ่มนักศึกษาในระดับชั้นอื่นๆ ต่อไป และอาจแยกหวั ข้อเป็นรายวชิ าตา่ งๆ เพอื่ ให้ไดข้ อ้ มูลทล่ี ะเอียดขึ้น ซ่ึงจะไดน้ ำผลการทดลองท่ีได้ไปแก้ไข ปญั หาในการไม่สง่ งานตามกำหนดของนกั ศกึ ษาตอ่ ไป
- 18 - บรรณานกุ รม กรมวิชาการ . คู่มือการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระสังคมศึกษาศาสนาและวฒั นธรรม. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ องคก์ ารรับสง่ สินคา้ และพัสดภุ ณั ฑ์,2545 ทัศนีย์ กิติวินิต . 2540 . ปัจจัยที่ที่มีอิทธิพลต่อความรับผิดชอบในการทำงานของพนักงาน. กรุงเทพมหานคร: บณั ฑติ วทิ ยาลัย มหาวิทยาลยั ธรุ กจิ บัณฑติ ย์. พรพมิ ล พสิ ทุ ธ์พนั ธ์พงศ์ . 2538 . ความสมั พันธร์ ะหวา่ งการอบรมเลย้ี งดูกบั ความพร้อมทาง สติปัญญาของนักศึกษา ชั้นอนุบาลปีที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่ : บัณฑิตวิทย าลัย มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ . พวงทอง ปอ้ งภยั . 2540. พฤตกิ รรมศาสตรเ์ บอ้ื งต้น, ภาควชิ าพลศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ วทิ ยาเขตปตั ตานี . ศิริวัฒน์ สงวนหมู่. 2533 . พฤติกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ในการเรียนฟิสิกส์ตามการ เรียนรู้ของนักศึกษามัธยมศึกษาตอนปลาย . กรุงเทพ : บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหา วทิ ยาลัย . Bulping . 1987 . Homework .( ออนไลน์ ) สืบค้นจาก : www.bigchalk . com [ 5 กมุ ภาพนั ธ์ 2545] Cooper . 1999 . Homework : Time To Turn It In ( ออนไลน์ ) สืบค้นจาก : www. Bigchalk .com [ 21 มีนาคม 2545 ] Sullivan and Sequeira . 1996 . Homework Tips for Teacher . ( ออนไลน์ ) สืบค้นจาก : www. Bigchalk . com [ 5 กมุ ภาพนั ธ์ ] Yvone . 1984 . Developing Home Policies . ( ออนไลน์ ) สืบคน้ ได้จาก : www. eq . gov . / databases / ERIC Digests / ed 256473 . html [ 20 พฤศจิกายน 2544 ]
- 19 - ภาคผนวก
- 20 - ภาคผนวก ก แบบสอบถามเพอ่ื ศกึ ษาพฤตกิ รรม เรื่องการไม่สง่ งานของนกั ศึกษาช้ันมัธยมศกึ ษาตอนปลาย กล่มุ บ้านหนองหลวง กศน.ตำบลโคกงาม อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย
- 21 - แบบสอบถามเพอ่ื ศกึ ษาพฤติกรรมเรอ่ื งการไม่สง่ งานของนกั ศกึ ษาช้ันมธั ยมศกึ ษา ตอนปลาย กลุ่มบา้ นหนองหลวง กศน.ตำบลโคกงาม อำเภอดา่ นซา้ ย จงั หวดั เลย คำชแ้ี จง : 1. แบบสอบถามฉบบั นีส้ รา้ งข้ึนเพ่อื ใหท้ ราบถึงสาเหตุทผี่ เู้ รยี นไม่สง่ งาน 2. แบบสอบถามฉบบั นี้ มี 2 ตอน ตอนที่ 1 ข้อมูลเกีย่ วกบั ผตู้ อบ ตอนท่ี 2 ข้อมลู เกยี่ วกบั สาเหตุทีไ่ ม่สง่ งานของนกั ศกึ ษา ตอนท่ี 1 ขอ้ มูลทัว่ ไปของผ้ตู อบ เพศ ……………อายุ ………….ปี ……….. ผลการเรยี นภาคเรียนที่ 1 ……………………. ตอนที่ 2 ความคดิ เหน็ ของผู้ตอบทม่ี ีตอ่ การไมส่ ง่ งาน คำชแ้ี จง : แบบสอบถามนี้ จัดทำขน้ึ เพ่ือสอบถามสาเหตุของการไมส่ ง่ งานของนักศึกษา โปรดอา่ นข้อความ ดว้ ยความรอบคอบและใส่หมายเลขตามหัวข้อที่นกั ศกึ ษาคิดวา่ เป็นสาเหตุของการไมส่ ่งงาน โดยเรียงลำดับ จากสาเหตทุ ่สี ำคัญทส่ี ุดจนถงึ สาเหตุทนี่ ้อยม่สี ดุ ตามลำดับ 1 – 15 สาเหตุของการไม่ส่งงาน ลำดบั ท่ี 1. การบ้านมากเกนิ ไป 2. แบบฝกึ หัดยาก ทำไมไ่ ด้ 3. ไม่นา่ สนใจ 4. ใหเ้ วลาน้อยเกินไป 5. ครูอธิบายเรว็ เกินไป 6. ไมเ่ ขา้ ใจคำสั่ง 7. ใบงานหาย 8. เบื่อหน่ายไม่อยากทำ 9. ไมค่ ่อยมีคนให้คำปรกึ ษา 10. ใบความรู้/สือ่ หาย 11. ลมื ทำ 12. ช่วยเหลืองานผู้ปกครอง 13. เตรยี มตัวสอบเกบ็ คะแนนวชิ าอืน่
- 22 - สาเหตุของการไม่ส่งงาน ลำดับที่ 14. ตดิ เกมส์ 15. ทำกิจกรรมอื่น ข้อเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………......…………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………................................... ขอบคณุ ท่ีใหค้ วามร่วมมือ (นายไพบรู ณ์ ไชยวงค์)
- 23 - ภาคผนวก ข ประวตั ผิ ู้ศกึ ษาค้นคว้า
- 24 - ประวัติยอ่ ของผู้ศกึ ษาคน้ ควา้ ชื่อ นายไพบูรณ์ ไชยวงค์ วันเกดิ วนั ท่ี 22 มีนาคม พ.ศ.2529 สถานทเี่ กิด จงั หวดั เลย สถานทีอ่ ย่ปู ัจจบุ นั บ้านเลขที่ 11/7 หมู่ 1 ตำบลดา่ นซ้าย อำเภอดา่ นซา้ ย จงั หวัดเลย 42120 ทอี่ ย่ทู ่ีสามารถตดิ ตอ่ ได้ บ้านเลขที่ 205 หมู่ 2 ตำบลศรสี องรกั อำเภอเมอื งเลย จงั หวัดเลย 42100 เบอร์โทรศพั ท์ 061-1124397 , 093-4351944 ประวตั กิ ารศกึ ษา พ.ศ. 2545 มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 โรงเรียนนาอ้อวทิ ยา จังหวัดเลย พ.ศ. 2548 มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 โรงเรียนนาอ้อวิทยา จงั หวดั เลย พ.ศ. 2552 ระดบั ปริญญาตรี สาขาวิชาวทิ ยาการคอมพวิ เตอร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั เลย
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: