ประวตั ิความเป็นมาของตารวจภธู รจงั หวดั ลาปาง ตารวจภูธรเมืองลาปาง เร่ิมในสมยั ท่ีนครลาปางยงั มีเจา้ ผคู้ รองนคร ข้ึนตรงต่อกรุงเทพฯ เหตุการณ์สาคญั ท่ีตอ้ งมีการปรับปรุงกิจการตารวจ คือ ประมาณปี พ.ศ. 2445พวกเง้ียวก่อการจลาจลข้ึนในภาคเหนือหลายจงั หวดั จึงไดป้ ราบปราม แต่ไม่สงบเพราะกาลงั คนและอาวธุ เหนือกวา่ จึงไดข้ อกาลงั ทหารและตารวจส่วนกลางมาช่วยเหลือ โดยมี ร.อ. ฮนั ส์ มาร์ควอร์ด เจนเซน (Hans Markward Jensen ) (ขณะน้นัตารวจภูธรใชย้ ศแบบทหาร) ซ่ึงเป็นตารวจหลวงชาวเดนมาร์ค (2421-2445 ) ครูฝึกตารวจ ผบู้ งั คบั หน่วยกาลงั ของตารวจภูธรจงั หวดั ลาปาง ไดน้ ากาลงั ตารวจภูธรเขา้ ต่อสู้กบั กองโจรเง้ียวที่เขา้ มาบุกนครลาปาง จนกองโจรบาดเจบ็ ลม้ ตายลงเป็นจานวนมากและไดล้ ่าถอยกลบั ไปทางจงั หวดั พะเยา ร.อ.ฮนั ส์ ฯ ไดท้ าการออกไล่ล่าติดตามกองโจรไปอยา่ งกระช้นั ชิด และไดถ้ กู กองโจรยงิ จนเสียชีวติ ในเขตทอ้ งท่ีบา้ นแม่กา ต.แม่กา อ.เมืองจ.พะเยา ในปัจจุบนั น้ี เพอ่ื ราลึกถึงความเสียสละและวรี กรรมอนั หา้ วหาญของท่านในการต่อสูเ้ พอื่ปกป้องหวั เมืองทางเหนือ เช่น จงั หวดั แพร่ จงั หวดั ลาปาง จงั หวดั พะเยา ทางราชการจึงไดส้ ร้างอนุสาวรียไ์ วต้ รงบริเวณที่ท่านไดเ้ สียชีวติ ลง ท่ีบริเวณบา้ นแม่กา อ.เมือง จ.พะเยา ซ่ึงผคู้ นที่เดินทางผา่ นไปมาบนถนนสายน้ีกจ็ ะพบเห็นไดโ้ ดยง่าย กรณีที่ฝังศพของท่านน้นั ในหนงั สือบางเล่มกล่าวไวว้ า่ ทางการไดน้ าศพมาฝังไวท้ ี่ขา้ งโบสถ์คริสตจ์ กั ร ท่ีโรงเรียนวชิ านารี จ.ลาปาง ต่อมาไดท้ าการยา้ ยศพไปฝังไวท้ ี่สุสานคริสตจ์ กั รท่ี อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ดา้ นการปราบปรามกลุ่มกองโจรเง้ียว ทางราชการไดท้ าการปราบปรามอยา่ งต่อเน่ืองอยหู่ ลายปี จนเมื่อเหตุการณ์สงบลงได้ ด้านประวตั ิของตารวจภูธรเมืองลาปางน้ัน คาดวา่ มีการต้งั ข้ึนเม่ือพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลที่ ๕ ทรงกาหนดนโยบายใหก้ ่อต้งัตารวจภูธรข้ึนตามมณฑลต่าง ๆ ซ่ึงตารวจภูธรมณฑลพายพั เร่ิมก่อต้งั ในปี พ.ศ.๒๔๔๒ซ่ึงคาดวา่ ตารวจภูธรเมืองลาปาง คงเริ่มตน้ ในปี น้นั หรือหลงั จากน้นั เลก็ นอ้ ย
แต่จากเอกสารที่มีการบนั ทึกและสืบคน้ ได้ ดงั ป้ายตาแหน่งหวั หนา้ สถานีตารวจภูธรเมืองลาปาง บนั ทึกวา่ เร่ิมตน้ ในปี พ.ศ.2457 หวั หนา้ สถานีตารวจคนแรก คือร.ต.อ.มคั ทาย มสุ ิกลกั ษณ์ (พระสทา้ นไตรภพ นกั เรียนนายร้อยตารวจปี พ.ศ.2446จงั หวดั นครราชสีมา จากทาเนียบรุ่นนายร้อยตารวจ ) ที่ดินท่ีสร้างสถานีตารวจไดร้ ับการบริจาคจากเจา้ บุญวาทยฯ์ เจา้ ผคู้ รองนครลาปางในขณะน้นั ท้งั น้ีเจา้ บุญวาทยฯ์ ไดบ้ ริจาคที่ดินสาหรับสร้างสถานีตารวจ สร้างที่ทาการอาเภอเมืองลาปางดว้ ย ส่วนคุม้ ของเจา้ บุญวาทยฯ์ อยฝู่ ่ังตรงกนั ขา้ มกบั สถานีตารวจ ซ่ึงต่อมาสร้างเป็นศาลากลางจงั หวดั (หลงั เก่า) อาคารท่ีต้งั ของสถานีตารวจภูธรจงั หวดั ลาปาง(คร้ังน้นั ยงั ไม่มีกองกากบั ตารวจ)ต้งั อยตู่ ิดกบั วดั บุญวาทย์ เป็นอาคารไมช้ ้นั เดียวยกสูง หนั หนา้ ออกขนานกบั ถนน ต่อมาเม่ือมีการปรับปรุงหน่วยงานตารวจภูธร แยกเป็นกองกากบั การในปี พ.ศ.๒๔๗๙ ตามป้ายบนั ทึกตาแหน่งผกู้ ากบั การ ตารวจภูธรจงั หวดั ลาปาง โดยใชอ้ าคารอีกหลงั หน่ึงซ่ึงเจา้ บุญวาทยไ์ ดบ้ ริจาคไว้ ซ่ึงเป็นอาคารไม้ 2 ช้นั อยตู่ ิดกนั และมี ผกู้ ากบั การคนแรก คือร.ต.อ.หยง จุลเกษียร (ในประวตั ิตามแผน่ ป้ายทาเนียบผบู้ งั คบั บญั ชา ของ สภ.อ.เมืองระบุวา่ เป็นผบู้ งั คบั กองคนที่ 7 ระหวา่ ง พ.ศ. 2478-2481 เขา้ ใจไดว้ า่ คงจะควบตาแหน่งท้งั ผบู้ งั คบั กองเมืองลาปางและผกู้ ากบั ตารวจภูธรจงั หวดั ลาปาง ไปพร้อมกนั ) เนื่องจากสภาพอาคารท้งั สองหน่วยงานอยใู่ นสภาพเก่าและทรุดโทรมไปตามกาลเวลาจึงมีการร้ือถอนเพือ่ ทาการก่อสร้างอาคารใหม่ ดงั น้นั ท้งั หน่วยงานสถานีตารวจภูธรอาเภอเมืองลาปางและกองกากบั ตาราวภูธรจงั หวดั ลาปาง จึงไดย้ า้ ยออกไปอยู่ท่ีอาคารตึก 3 ช้นั ขา้ งๆกองบงั คบั การตารวจภูธรเขต 5 ในสมยั น้นั (อาคารตึก 3 ช้นัดงั กล่าวต่อมาใชเ้ ป็นอาคารท่ีทาการของ บก.ภ.7 และ กองวทิ ยาการภาค 3 ในปัจจุบนั น้ี )และใชอ้ าคารน้ีเป็นที่ทาการร่วมกนั อยปู่ ระมาณปี กวา่ จึงไดย้ า้ ยไปอยู่ ณ อาคารตึก 3 ช้นั(ปัจจุบนั เป็นท่ีต้งั ของ สภ.เมืองลาปาง) โดย สภ.อ.เมืองลาปางอยชู่ ้นั ล่างและกองกากบัการตารวจภูธรจงั หวดั ลาปางอยใู่ นช้นั ท่ี2-3 ประมาณปี พ.ศ.2537 มีการปรับเปล่ียนโครงสร้างกรมตารวจคร้ังใหญ่ มีการยบุ เลิกหน่วยงานต่างๆ เช่น กองบญั ชาการตารวจภูธรภาค 3 ซ่ึงรับผดิ ชอบ 17จงั หวดั ภาคเหนือนบั จากจงั หวดั อทุ ยั ธานีข้ึนมา ยบุ เลิกกองบงั คบั การตารวจภูธรเขต 7และต้งั กองบญั ชาการตารวจภูธรภาค 5 ข้ึนมาแทนรับผดิ ชอบ 8 จงั หวดั ภาคเหนือตอนบนเท่าน้นั
ในช่วงก่อนท่ีจะมีการปรับเปล่ียนโครงสร้างจากกองบญั ชาการตารวจภูธรภาค 3 มาเป็นตารวจภูธรภาค 5 น้นั มีการยา้ ยท่ีทาการจากจงั หวดั ลาปางมาต้งั อยทู่ ี่ตาบลหนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ อาคาร บช.ภ.3 เดิมท่ีลาปางจึงวา่ งลงทางกรมตารวจจึงไดอ้ นุมตั ิใหก้ องกากบั การตารวจภูธรจงั หวดั ลาปางใชเ้ ป็นอาคารที่ทาการจนถึงปัจจุบนั
Search
Read the Text Version
- 1 - 3
Pages: