Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงการ5

โครงการ5

Published by Parakit Ruk, 2019-01-28 22:18:40

Description: โครงการ5

Search

Read the Text Version

การใช้คอมพวิ เตอร์ในงานด้านการเงนิ การใช้คอมพวิ เตอร์ในด้านการเงนิ การธนาคาร ในการนาคอมพิวเตอร์มาใช้ในงานธนาคารนนั ้ แตล่ ะธนาคารอาจระบวุ ตั ถปุ ระสงค์แตกต่างกนั ออกไป เชน่ บางธนาคารนาคอมพวิ เตอร์มาใช้ เพื่อเปล่ียนทศั นคติของ ประชาชนต่อธนาคารนนั ้ จากธนาคารโบราณมาเป็นธนาคารทนั สมยั บางธนาคารนาคอมพิวเตอร์มาใช้ เพ่ือพยายามดารงความเป็นผ้นู าในด้านเทคโนโลยี บาง ธนาคารนาคอมพวิ เตอร์มาใช้ เพื่อให้สามารถขยายงานได้รวดเร็ว และควบคมุ การบริหารงานให้รัดกมุ ขนึ ้ เป็นต้น ในธุรกิจการธนาคารจะแขง่ ขนั การนาคอมพวิ เตอร์ มาใช้เพื่อให้บริการแก่ลกู ค้าได้สะดวกและรวดเร็ว โดยสรุปแล้ว อาจจะกลา่ วได้วา่ สถาบนั การเงนิ ตา่ งๆ ทงั ้ ในประเทศ และต่างประเทศ ได้แข่งขันกนั นาคอมพิวเตอร์ มาใช้ เพ่ือประโยชน์สาคญั ๓ ประการ คือ ประการท่หี น่ึง เพ่ือช่วยให้บริการลกู ค้าประจาได้สะดวกรวดเร็ว ประการท่สี อง เพ่ือให้สามารถเสนอบริการใหมๆ่ ในรูปแบบ และเวลาท่ีลกู ค้าประจาต้องการ และให้ลกู ค้าประจาสามารถเข้าใจได้โดยงา่ ย และประการท่สี าม เพ่ือช่วยให้สามารถบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์สองข้อแรก โดยไมเ่ สยี ค่าใช้จา่ ยมากเกินไป

งานสถาบนั การเงนิ การธนาคารท่ีนาคอมพิวเตอร์มาช่วยนนั้ นอกจากด้านการบญั ชี และด้านการบริหาร ซงึ่ อาจ คล้ายคลงึ กบั การใช้คอมพิวเตอร์ในหน่วยงานอ่ืนๆ แล้ว ก็มีงานโดยตรง ของสถาบนั การเงนิ และการธนาคาร เชน่ การใช้คอมพิวเตอร์ชว่ ยในการฝากถอน หรือพนกั งานรับและจ่ายเงิน (teller) ใช้คอมพิวเตอร์ในการโอนเงินแบบ อิเลก็ ทรอนิกส์ การหกั บญั ชีอตั โนมตั ิ ด้านสินเชื่อ ด้านแลกเปล่ียนเงินตรา บริการขา่ วสารการธนาคารบริการฝากถอน เงินนอกเวลา และบริการอ่ืนๆ

การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในบริการฝากถอนนนั ้ อาจรวมการฝากถอนทกุ ประเภท เชน่ เดินสะพดั เผื่อเรียก สะสม และประจา เป็นต้น โดยมเี ทอร์มนิ ลั ติดตงั ้ อย่ทู ี่โต๊ะพนกั งานฝากถอน เม่อื ลกู ค้ามาฝากหรือถอน พนกั งานก็สามารถใช้เทอร์มนิ ลั สอบถามสถานภาพบญั ชี และลงบญั ชไี ด้สะดวกรวดเร็ว การใช้คอมพวิ เตอร์ในการโอนเงินแบบอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์มีประโยชน์สาคญั ๓ ประการคือ ประการแรก เพ่ือลดต้นทนุ โดยตดั ค่าใช้จา่ ยเกี่ยวกบั กระดาษ ประการที่สอง เพื่อความปลอดภยั ในการโอนเงิน โดยป้ องกนั เช็คสญู หาย หรือการปลอมแปลงเชค็ และประการที่สาม เพื่อเพ่ิม ประสทิ ธิภาพในการให้บริการ โดยทาให้สามารถโอนเงนิ ได้ภายในเวลาเพียงไมก่ ่ีนาที แทนที่จะต้องเสียเวลานานเป็นวนั

คอมพวิ เตอร์มีบทบาทสาคัญมากในการบริการด้านสินเช่อื การใช้คอมพิวเตอร์ในการโอนเงินแบบอิเลก็ ทรอนิกส์นี ้อาจจะทาได้ทงั ้ ภายในประเทศ และระหว่างประเทศ เช่น ระบบโอนเงินข้ามประเทศ หรือระบบสวิฟต์ (swift; society for worldwide interbank financial telecommunication) มีสมาชกิ กวา่ ๑,๑๐๐ ธนาคารในกวา่ ๕๐ ประเทศ อยา่ งไรก็ตาม แม้จะมีการโอนเงนิ แบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ได้ ก็ยงั มผี ้ใู ช้การโอนเงนิ แบบกระดาษเพิม่ ขนึ ้ เป็นจานวนมาก กระดาษท่ีใช้นนั ้ อาจจะเป็นเชค็ สว่ นตวั บริษัท ธนาคารหรือดราฟต์ ต้องสง่ ทางไปรษณีย์หรือสง่ ด้วยมอื ต้องไปเข้าบญั ชี แยกประเภท แยกธนาคาร แล้วสง่ ไปหกั บญั ชีจากธนาคาร ซงึ่ เจ้าของเช็คบญั ชีไว้ เมอื่ มีเอกสาร การเงินมากๆ ก็จาเป็นต้องใช้คอมพวิ เตอร์ชว่ ยจดั แยกประเภทเอกสาร แยกธนาคาร และหกั บญั ชีให้ได้ โดยรวดเร็ว และถกู ต้อง เชน่ ระบบหกั บญั ชีอตั โนมตั ขิ ององั กฤษ ช่วยหกั บญั ชี ๔๘๐ ล้านรายการต่อปี และสามารถจะขยายให้รับงานหกั บญั ชีแบบอตั โนมตั ิได้ถึง ๒,๐๐๐ ล้านรายการตอ่ ปี การใช้คอมพวิ เตอร์ในด้านสนิ เชื่อ ช่วยให้สามารถวิเคราะห์สนิ เช่ือได้อย่างรวดเร็วว่า ควรให้ลกู ค้ารายใดก้หู รือไม่ ชว่ ยให้สามารถบริหารงานด้านสนิ เช่ือได้อยา่ งสะดวก รวดเร็ว เชน่ ชว่ ยคานวณดอกเบยี ้ ออกใบกากบั สนิ ค้า และออกใบเสร็จรับเงิน เป็นต้น การใช้คอมพวิ เตอร์ในด้านการแลกเปลยี่ นเงินตราต่างประเทศ ก็อาจจะเร่ิมด้วยการสอบถามอตั ราแลกเปลีย่ นในตา่ งประเทศ คานวณเงินจากสกลุ หน่ึงไปเป็นอีกสกลุ หนง่ึ จดั ทาบญั ชีรายการแลกเปล่ียน และบญั ชีเช็คเดนิ ทาง จนถงึ การชีแ้ นะว่า ควรจะเก็บเงินสกลุ ใดไว้มากน้อยเทา่ ใด เป็นการเก็งกาไร ถ้าสามารถวิเคราะห์แนวโน้มของอตั รา แลกเปลีย่ นได้ โดยใช้คอมพวิ เตอร์ชว่ ย การใช้คอมพวิ เตอร์ให้บริการขา่ วสารการธนาคารนนั ้ เป็นการขยายขา่ วสารการธนาคาร ด้านคอมพวิ เตอร์ เชน่ ข่าวสารเก่ียวกบั การแลกเปลีย่ นอัตราดอกเบยี ้ ขา่ วการเงนิ ข่าวเศรษฐกิจ ขา่ วตลาดการเงนิ ข่าวตลาดหลกั ทรัพย์ ขา่ วตลาดนา้ มนั และขา่ ว

เคร่ืองบริการเงนิ ด่วน (ATM) เครื่องบริการเงนิ ดว่ น (ATM) การใช้คอมพวิ เตอร์ในบริการฝากถอนเงนิ นอกเวลานนั ้ มใี ช้กนั ทงั ้ ในต่างประเทศ และในประเทศไทย ซงึ่ เรียกชื่อกนั วา่ บริการเงนิ ดว่ น หรือ บริการเอทีเอม็ (ATM) สว่ นการใช้คอมพิวเตอร์ในด้านอื่นๆ ของธนาคารก็มอี ีกหลายอยา่ ง เชน่ บริการโอนเงิน ณ จดุ ขาย บริการ ธนาคารในบ้าน และบริการธนาคารทางโทรศพั ท์ เป็นต้น

การคดิ ดอกเบยี้ เงนิ ฝากของธนาคาร การฝากเงนิ กบั ธนาคาร ผลตอบแทนที่เราจะได้รับคือดอกเบยี ้ ซง่ึ ธนาคารจะนาดอกเบยี ้ เข้าบญั ชใี ห้ปี ละสองครัง้ ในช่วงกลางปี และปลายปี โดยการคดิ ให้ ดอกเบยี ้ ของแตล่ ะธนาคารจะมีรูปแบบการคดิ ที่แตกตา่ งกนั แต่หลกั ๆแล้วการคิดดอกเบยี ้ ของธนาคารจะมี 4 วธิ ี คือ การคานวณจากยอดค้างต่าสดุ ในแตล่ ะ เดือน การคานวณแบบเข้าก่อนออกก่อน (FIFO) การคานวณแบบเข้าหลงั ออกก่อน (LIFO) และการคานวณทกุ วนั ปัจจบุ นั ธนาคารทกุ แหง่ ได้ใช้คอมพวิ เตอร์คานวณดอกเบยี ้ ให้แก่ลกู ค้าและเม่อื ครบกาหนดระยะเวลาจะนาเงินเข้าบญั ชีให้เราโดยอัตโนมตั ิ ซง่ึ ธนาคารหลาย แห่งจะใช้วธิ ีการคานวณดอกเบยี ้ เงนิ ฝากทกุ วนั โดยระบบคอมพวิ เตอร์จะคานวณดอกเบยี ้ ให้แก่ลกู ค้าทกุ ๆสนิ ้ วนั นน่ั หมายความว่า หากเราฝากเงินค้างคืน ก็ จะได้รับดอกเบยี ้ และการคิดดอกเบยี ้ สามารถคานวณได้จากสตู ร คือดอกเบยี ้ = เงินต้น*(จานวนวนั ท่ีฝาก/365)*(อตั ราดอกเบยี ้ /100) ตวั อย่างการคานวณดอกเบยี้ สมมตุ วิ ่าเราฝากเงนิ เข้าบญั ชเี งินฝากประจาจานวน 200,000 บาทโดยเริ่มฝากในวนั ท่ี 15 มกราคม ฝากจานวนสามเดือน ซง่ึ จะครบกาหนดในวนั ท่ี 15 มีนาคม และในปี เดือนกมุ ภาพนั ธ์มี 28 วนั อตั ราดอกเบยี ้ คือ 1.25 ตอ่ ปี

ดงั นนั ้ ดอกเบยี ้ = 200,000*(59/365)*(1.25/100) บาท ดอกเบยี ้ = 404.1096 บาท โดยจะคานวณถึงทศนิยมสี่หลกั แตเ่ ม่ือจะยกไปทาในขนั ้ ตอนต่อไปจะหกั หลกั ท่ีสามและส่ีออกโดยไมท่ าการปัดขนึ ้ ตามปกติ ดงั นัน้ ดอกเบยี ้ ที่จะนาไปคานวณ ภาษีคือ 404.10 บาท ภาษี 15 % คือ 404.10*(15%) = 60.6150 บาท ภาษีที่ใช้คดิ จริงคือ 60.61 บาท ดอกเบยี ้ ที่จะได้รับจริงคือ 404.10-60.61 = 343.49 บาท ดงั นัน้ หากเราฝากเงนิ ครบสามเดอื นจะได้รับดอกเบยี้ หลังหกั ภาษีคอื 343.49 บาท แตใ่ นปัจจบุ นั นีธ้ นาคารหลายแหง่ ได้ออกโปรโมชน่ั แบบขนั ้ บนั ไดและมอี ตั ราดอกเบยี ้ ในระยะเวลาสดุ ท้ายสงู ๆเชน่ 6 เดือนแรกดอกเบีย้ 1.75% 6 เดือนตอ่ มา ดอกเบยี ้ 4.5% และ 6 เดือนสดุ ท้ายดอกเบยี ้ 8% เป็นต้น ทาให้ผ้บู ริโภคอยา่ งเราสบั สนวา่ ตกลงแล้วเราจะได้ดอกเบยี ้ เทา่ ไหร่กนั แน่ ซงึ่ เราสามารถประยกุ ต์ การคานวณดอกเบยี ้ ข้างบนนีไ้ ด้โดยแยกการคานวณเป็นชว่ งเวลา และหาว่าช่วงเวลาต่างๆ เราจะได้รับดอกเบยี ้ เทา่ ไหร่ แล้วนาดอกเบีย้ ในแตล่ ะช่วงมา รวมกนั เพ่ือหาดอกเบยี ้ ที่เราจะได้รับจริงๆ ซง่ึ จะทาให้เราเปรียบเทียบในแตล่ ะธนาคารได้งา่ ยขนึ ้ ซงึ่ วิธีการคานวณจะเป็นดงั นี ้

ตวั อย่างการคานวณดอกเบยี้ ธนาคารแห่งหนึง่ ประกาศวา่ เงินฝากประจา 12 เดือน จะให้อตั ราดอกเบยี ้ สงู สดุ ท่ี 8% ต่อปี โดยในรายละเอียดนนั ้ มีการคานวณดอกเบีย้ เป็นขนั ้ บนั ไดคือ ใน เดือนที่ 1-3 ดอกเบยี ้ ร้อยละ 1.5 ตอ่ ปี เดือนที่ 4-6 ดอกเบยี ้ ร้อยละ 3.5 ต่อปี เดือนที่ 7-9 ร้อยละ 4 ต่อปี และ เดือนท่ี 10-12 ร้อยละ 8 ต่อปี ซง่ึ หากเราฝากเงนิ จานวน 200,000 บาทตงั ้ แต่วนั ที่ 1 มกราคมเราจะได้รับดอกเบยี ้ ดงั นี ้และปี นนั ้ มเี ดือนกมุ ภาพนั ธ์ 28 วนั เดือน มกราคม-มีนาคม เวลา 90 วนั จะได้รับดอกเบยี ้ ดอกเบยี ้ = 200,000*(90/365)*(1.5/100) บาท ดอกเบยี ้ = 739.7260 บาท เดือน เมษายน ? มถิ นุ ายน เวลา 91 วนั ดอกเบยี ้ = 200,000*(91/365)*(3.5/100) บาท ดอกเบยี ้ = 1,745.2055 บาท เดือน กรกฎาคม-กนั ยายน เวลา 92 วนั ดอกเบยี ้ = 200,000*(92/365)*(4/100) บาท ดอกเบยี ้ = 2,016.4384 บาท ตลุ าคม-ธนั วาคม เวลา 92 วนั ดอกเบยี ้ = 200,000*(92/365)*(8/100) บาท ดอกเบยี ้ = 4,032.8767 บาท รวม ดอกเบยี ้ รับทงั ้ หมดคือ 8,534.24 บาท หกั ภาษี 15% คือ 8,534.2466 *15% = 1,280.13 บาท คงเหลือรับ 7,254.11 บาท

ระบบสารสนเทศด้านการเงนิ (Financial Information System) ระบบสารสนเทศด้านการเงนิ จะเกี่ยวกบั สภาพคลอ่ ง (Liquidity) ในการดาเนินงาน เกี่ยวข้องกบั การจดั การเงินสดหมนุ เวียน ถ้าธุรกิจขาดเงนิ ทนุ อาจก่อให้เกิดปัญหาขนึ ้ ทงั ้ โดยตรงและอ้อม โดยท่ีการจดั การทางการเงินจะมหี น้าที่สาคญั 3 ประการ ดงั นี ้ 1. การพยากรณ์ (Forecast) คือการศกึ ษาวิเคราะห์ การคาดการณ์ การกาหนดทางเลือก และการวางแผนทางด้านการเงินของธรุ กิจ เพื่อใช้ทรัพยากรทาง การเงนิ ให้เกิดประโยชน์สงู สดุ โดยนกั การเงนิ สามารถใช้หลกั การทางสถิตแิ ละแบบจาลองทางคณิตศาสตร์มาประยกุ ต์ การพยากรณ์ทางการเงินจะอาศยั ข้อมลู ทงั ้ ภายในและภายนอกองค์การ ตลอดจนประสบการณ์ของผ้บู ริหารในการตดั สนิ ใจ 2. การจดั การด้านการเงิน (Financial Management) คือการบริหารเงินให้เกิดประโยชน์สงู สดุ เชน่ รายรับและรายจา่ ย การหาแหลง่ เงนิ ทนุ จาก ภายนอก เพ่ือที่จะเพ่ิมทนุ ขององค์การ โดยวิธีทางการเงิน เชน่ การก้ยู ืม การออกห้นุ หรือตราสารทางการเงนิ 3. การควบคมุ ทางการเงิน (Financial Control) เป็นการตดิ ตามผล ตรวจสอบ และประเมนิ ความเหมาะสมในการดาเนินงานวา่ เป็นไปตามแผนท่ี กาหนดหรือไม่ ตลอดจนวางแนวทางแก้ไขหรือปรับปรุงให้การดาเนินงานทางการเงินของธรุ กิจมปี ระสทิ ธิภาพ โดยท่ีการตรวจสอบและการควบคุมทาง การเงนิ ของธุรกิจจะจาแนกได้ 2 ประเภท คือ 3.1 การควบคมุ ภายใน (Internal Control) 3.2 การควบคมุ ภายนอก (External Control)

ระบบการชาระเงนิ แบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์(E-Payment) ในชีวิตประจาวนั ของประชาชนมีความเกี่ยวข้องกบั การชาระเงินอย่ทู กุ วนั ไมว่ า่ จะเป็นการชาระเงินเพ่ือซือ้ สนิ ค้า/บริการ การโอนเงนิ หรือการทาธุรกรรม การเงินอื่นใด การขยายตวั ของเศรษฐกิจและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยเี ป็นปัจจยั ท่ีสง่ ผลให้การบริการด้านการชาระเงนิ มีการพฒั นาอย่างต่อเน่ืองโดย รูปแบบการชาระเงนิ มีความหลากหลายและซบั ซ้อนมากขนึ ้ การให้บริการมคี วามรวดเร็วและคลอ่ งตวั มากขนึ ้ สอดคล้องกบั ความต้องการของภาคธรุ กิจและ ประชาชน และมีผ้ใู ห้บริการรายใหมๆ่ เกิดขนึ ้ รวมทงั ้ มีการนาเอากระบวนการชาระเงินเข้าไปในระบบอิเลก็ ทรอนิกส์ หรือเรียกกนั วา่ ระบบการชาระเงินแบบ อิเลก็ ทรอนิกส์ (E-Payment)

ปัจจยั แห่งความสาเร็จมี 4 ประเดน็ คือ (1) การบริการลกู ค้า เทคโนโลยีต้องเข้าถงึ ได้ง่ายและเป็นมติ รกบั ประชาชน ลดขนั ้ ตอนทางราชการท่ีย่งุ ยากซบั ซ้อน ให้สารสนเทศที่ทันสมยั และตรงกบั ความ ต้องการ (2) การออกแบบและประเมนิ ผล บริการต้องมกี ารบริหารจดั การท่ีดีและรักษาระบบให้มเี สถียรภาพแม้ในภาวะวิกฤติ กาหนดนโยบายและกระบวนการรับข้อ ร้องเรียนท่ีชดั เจน ติดตามผลและปรับปรุงระบบชว่ ยสร้างการมีสว่ นร่วมอยา่ งตอ่ เนื่อง (3) ความมน่ั คง-ปลอดภยั บริการต้องอานวยความสะดวกในการทาธรุ กรรมออนไลน์ และให้ความสาคญั สงู สดุ ตอ่ ความปลอดภยั ในข้อมลู สว่ นบคุ คล (4) การเห็นคณุ ค่าและความสาคญั บริการท่ีดีต้องถกู ให้ความสาคญั ในลาดบั สงู สดุ จากทกุ ภาคสว่ น ผ้นู าประเทศ นกั การเมอื งท้องถิ่น เจ้าหน้าท่ีระดบั สงู และพนกั งานของรัฐ ต้องให้การสนบั สนนุ กระบวนการเรียนรู้และตอบข้อสงสยั แกป่ ระชาชนผา่ นการสือ่ สารสองทางอย่างประสทิ ธิภาพ ความต้องการการรักษาความปลอดภยั (security requirements) มีองค์ประกอบ ดงั นี ้ 1.ความสามารถในการระบตุ วั ตนได้ (Anthentication) 2.ความเป็นหน่งึ เดียวของข้อมลู (Integriry) 3.ความไมส่ ามารถปฏเิ สธได้ (Non-repudiation) 4.สทิ ธิสว่ นบคุ คล (Privacy) วธิ ีการรักษาความปลอดภยั • การใช้รหสั (Encryption) • ใบรับรองทางอิเลก็ ทรอนิกส์ (Electronic certificate) • โปรโตคอล (Protocols)

คลิกที่น่ี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook