Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คอมพิวเตอร์เบื้องต้น

คอมพิวเตอร์เบื้องต้น

Description: คอมพิวเตอร์.pdf

Keywords: คอมพิวเตอร์

Search

Read the Text Version

คอมพิวเตอร์เบื้องต้นการใช้คอมพิวเตอร์เบือ้ งต้น (Microsoft Windows) เนอ้ื หาจะเปน็ การแนะนา การใช้คอมพิวเตอรเ์ บื้องตน้ ตา่ ง ๆ ทจี่ าเปน็ ตั้งแต่การเปดิ เครื่องคอมพวิ เตอร์ การจบั เมาส์ การกดปมุ บนเมาส์ ตลอดจนการเปดิ โปรแกรมต่าง ๆ ขึน้ มา การปิดโปรแกรมตา่ ง ๆเมื่อไม่ใชง้ าน การแก้ไขเคร่ืองในกรณีเครื่องเกิดอาการ Hang การปดิ เคร่ืองคอมพวิ เตอรท์ ่ีถกู ต้องการเปดิ เครอ่ื งคอมพิวเตอร์1. ตรวจสอบปล๊กั เสยี ก่อนว่า เสียบเรยี บร้อยดีหรือไม่2. ทีจ่ อภาพ กดสวทิ ซ์ เพ่อื เปิดจอภาพ3. ท่ี CPU. ด้านหนา้ จะมีสวทิ ซ์ เพื่อเปดิ เครื่อง (กดเบา ๆ )4. เมอ่ื เปดิ เครื่องแลว้ รอสักครู่ ทจ่ี อภาพจะมีข้อความเพื่อตรวจสอบระบบต่าง ๆ5. จากนนั้ จะมีเสยี ง 1 คร้ัง6. ทหี่ นา้ จอภาพจะขึ้นคาว่า Windows เป็นการเริ่มต้นการใชเ้ ครื่อง เพราะเครอ่ื งจะต้องเรยี กโปรแกรมควบคุมเคร่ืองที่ชือ่ ว่า Windows เสียก่อน (จะใช้เวลาประมาณ 3 นาที)7. จากน้นั หน้าจอภาพจะมีโปรแกรมต่าง ๆ อยูด่ า้ นซ้าย และด้านลา่ งจะมแี ถบ Task Bar ให้เราทางานได้การเลิกใช้เคร่อื งคอมพิวเตอร์1. คลกิ ที่ปมุ Start2. เลอื่ นมาคลกิ ท่ีคาสงั่ Shut Down3. คลกิ ปุม Ok4. รอสักครเู่ ครื่องจะเรมิ่ ทาการปิดระบบตา่ ง ๆ ของคอมพิวเตอร์5. จากนั้นเครือ่ งจะดับเอง6. ยกเว้น จอภาพ ใหก้ ดสวิทซ์ ปิดจอดว้ ยสว่ นประกอบของหนา้ จอภาพเม่อื เข้าสู่วินโดวส์เรยี บร้อยแล้ว1. ส่วนท่ีเปน็ ภาพฉากหลงั เราเรียกว่า สว่ นพืน้ จอภาพ (Desk Top)2. ด้านซ้ายของจอภาพ ส่วนที่เป็นรปู ภาพ และมคี าบอกวา่ เป็นโปรแกรมอะไร เรียกว่า (Icon) ลักษณะจะเปน็ โปรแกรมตา่ ง ๆ ท่ีวนิ โดวส์ จะนามาไวท้ ี่จอภาพ สว่ นใหญจ่ ะเป็นโปรแกรมที่ถูกเรยี กใช้บอ่ ย ๆ3. ด้านลา่ งของจอภาพทเี่ ป็นแถบสีเทา เราเรยี กว่า (Task Bar) เป็นส่วนบอกสถานะต่าง ๆ โดยทีด่ ้านขวาของทาสบาร์ จะบอกเวลาปจั จุบัน สถานะของแปูนพมิ พว์ ่า ภาษาไทย หรือ องั กฤษ โปรแกรมที่ถูกฝงั ตวั อยู่ ส่วนแถบตรงกลางจะใชบ้ อกวา่ ขณะนเ้ี ราเปดิ โปรแกรมอะไรใช้งานอยู่บ้าง ด้านซ้ายของจอภาพ จะมปี ุม Start ใช้ในการเร่มิ เข้าสู่โปรแกรมตา่ ง ๆศูนยค์ อมพวิ เตอร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั มหาสารคาม

คอมพิวเตอรเ์ บื้องต้นการกดปุมบนเมาส์ (Mouse) เมาส์ในปัจจบุ นั จะมี 2 ปมุ ซา้ ย และขวา สว่ นถ้าเป็นแบบล่าสุด จะมปี ุมคล้าย ๆล้ออยูต่ รงกลางเพ่อื ใช้ในการเล่อื น ขึน้ และ ลง บนหนา้ จอภาพ (Scroll Bar) ในการกดปุมบนเมา้ ส์นน้ั จะมีวิธีกดป่มุ บนเมาส์อยทู่ ้ังหมด 4 วิธีคือ 1. คลิก (Click) คือการใช้น้ิวชี้กดปุม ซา้ ย ของเมาส์ 1 คร้งั ใช้ในการเลือกส่งิ ตา่ ง ๆ บน จอภาพ2. ดบั เบล้ิ คลิก (Double Click) คือการใช้นิว้ ชกี้ ดปุม ซา้ ย ของเมาส์ 2 คร้ัง ตดิ กนั อยา่ งเร็ว ใช้ในการเปิดโปรแกรมที่อย่ดู า้ นซา้ ยของจอภาพ3. แดรก๊ (Drag) คือการกดปุม ซา้ ย ของเมาส์ คา้ งไว้ แลว้ ลากเมาส์ ใชใ้ นการย้ายสง่ิ ตา่ ง ๆ4. คลิกขวา (Right – Click) คือการใช้นิว้ กลาง กดปุม ขวา ของเมาส์ 1 คร้งั ใชใ้ นการเข้าเมนลู ดั ของโปรแกรม(Context Menu)การเปดิ โปรแกรมขึ้นมาใชง้ าน เช่น ต้องการเปิดโปรแกรมเครอื่ งคดิ เลข (Calculator) 1. คลิกทีป่ ุม Start ตรงแถบทาสบาร์ดา้ นลา่ งซา้ ยมือ 2. เล่อื นเมาส์เพื่อให้ลูกศรทจ่ี อภาพ ช้ที ี่คาวา่ All Program ตรงน้ีช้ไี ว้เฉย ๆ ครับ ไม่ต้องคลิกเมาส์ 3. เลอื่ นเมาส์ไปทางขวา ในแนวนอนก่อน แล้วเลือ่ นข้นึ ไปทคี่ าวา่ Accessories ไม่ต้องคลิกเมาส์4. เล่ือนเมาส์ไปทางขวา ในแนวนอนอีก แล้วเลอื่ นลงมาที่คาว่า Calculator5. จากนน้ั จับเมาส์ให้ น่งิ ๆ คลิกเมาส์ 1 ที (คือการกดปุม ซ้าย ของเมาส์ 1 ครง้ั )6. กรอบตา่ ง ๆ จะหายไป แล้วเครื่องจะเปดิ หน้าตา่ ง เครือ่ งคดิ เลขข้ึนมา ถือว่าเสรจ็ ข้นึ ตอนการเปิดโปรแกรมเคร่ืองคดิ เลข ขนึ้ มาใชง้ าน ครับการปดิ โปรแกรม เคร่อื งคดิ เลข1. ท่ีหนา้ ต่างเคร่ืองคดิ เลข (Calculator) ตรงด้านบน ขวา มือจะมปี ุมอยู่ 3 ปุม2. ให้เลื่อนเมาส์ ไปท่ีปุมท่ี 3 ทางขวามือ (ปุมจะเป็นรูป กากบาท X ) เมอื่ เลื่อนเมาส์ไปวางจะมีคาว่า Close3. คลกิ 1 คร้งั เคร่ืองกจ็ ะปิดหน้าตา่ งโปรแกรมเคร่อื งคดิ เลขไปการขยายหน้าตา่ งของโปรแกรมใหเ้ ต็มจอภาพ (Maximize)1. ที่หน้าต่าง ด้านบน ขวามือ ให้คลกิ ปมุ ท่ีสอง เคร่ืองจะมีข้อความขนึ้ มาว่า Maximize (แต่ถา้ หน้าต่าง ถูกขยายขนึ้ มาอยแู่ ล้ว คาจะเปลี่ยนเป็น Restore ถ้าคลิกลงไปจะกลายเป็นหนา้ ต่าง ขนาดปกตคิ รับ)2. จากนั้นเคร่อื งจะขยายหนา้ ต่างให้เตม็ จอ สว่ นใหญเ่ ราจะขยายหน้าต่างให้เต็มจอเพ่ือให้เห็นรายละเอียดในหน้าต่างมากขนึ้ ศนู ยค์ อมพิวเตอร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั มหาสารคาม

คอมพิวเตอร์เบื้องต้นการลดขนาดหนา้ ตา่ งเป็น Icon ลงใน ทาสบาร์ หรอื การซ่อนหนา้ ต่าง (Minimize)1. ที่หนา้ ต่าง ด้านบน ขวามือ ให้คลกิ ปมุ ทีเ่ ป็นขดี ลบ ถ้าเลื่อนเมาส์ไปวางจะข้นึ คาวา่ Minimize2. คลกิ ลงไป 1 ครง้ั เคร่อื งก็จะซอ่ นหน้าตา่ ง ลงไปไว้ด้านล่างตรงทาสบาร์ 3. ทที่ าสบารจ์ ะมีคาเปน็ ลักษณะปุมเขยี นวา่ ซอ่ นโปรแกรมอะไรไว้4. แต่ ถา้ อยากเรียกขน้ึ มาใชง้ านตามเดิม ให้คลกิ ทีป่ ุมด้านล่างทที่ าสบารท์ ่เี ราซอ่ นเอาไว้ เครือ่ งก็จะเปดิหนา้ ตา่ งโปรแกรมที่เราซอ่ นเอาไว้ ขนึ้ มาใชง้ านไดต้ ามเดิม การปิดโปรแกรมท่ีทาให้เครอ่ื งเกิดอาการแฮงค์ (Hang) อาการแฮงค์ คืออาการที่เราอาจจะเปดิโปรแกรมขึ้นมาหลายโปรแกรม แล้วทาให้เคร่ืองคอมพิวเตอร์ทางานไม่ทนั หรอื เราอาจจะคลกิ เมาส์หลายครั้งในขณะท่ีเคร่ืองกาลงั ประมวลผลอยู่ จนเคร่อื งทางานไมท่ ัน เลยเกิดอาการแฮงค์ ซ่ึงอาการแฮงค์น้ีจะทาให้เราไม่สามารถคลิกอะไรทจี่ อภาพไดเ้ ลย วิธีการแกไ้ ขเบ้ืองตน้ คือ1. ทีแ่ ปนู พิมพ์ ให้เรากดปุม Ctrl + Alt คา้ งไว้ แลว้ อีกมือหนึ่ง กดปมุ Delete แล้วปลอ่ ย2. เครือ่ งจะขึ้นหนา้ ตา่ ง Task Manager ข้นึ มา3. จากน้นั เราคลิกท่ีโปรแกรมที่เราคิดวา่ ทาให้เคร่ืองแฮงค์4. ด้านล่าง คลิกทป่ี ุม End Task เคร่อื งจะปิดโปรแกรมน้นั ทิ้งไป5. ถา้ ไม่มีการปิดโปรแกรมอื่นอกี ก็ให้เลือกปมุ Cancel ออกมาคอมพิวเตอร์คอื อะไร คอมพวิ เตอรเ์ ขา้ มามบี ทบาททสี่ าคญั ย่งิ ต่อสงั คมของมนุษย์เราในปัจจุบนั แทบทุก วงการลว้ นนาคอมพิวเตอรเ์ ข้าไปเก่ียวข้องกบั การใช้งาน จนกล่าวได้ว่าคอมพิวเตอรเ์ ป็น ปจั จยั ทส่ี าคัญอย่างยิ่งต่อการดาเนนิ ชวี ติ และการทางานในชีวติ ประจาวัน ฉะนัน้ การเรยี นรู้เพ่ือทาความรู้จักกบั คอมพวิ เตอร์จงึ ถือเปน็ ส่ิงท่ีมคี วามจาเป็นเป็นอยา่ งย่ิง คอมพวิ เตอร์มาจากภาษาละตินวา่ Computare ซงึ่ หมายถึง การนับ หรอื การคานวณ พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายของคอมพิวเตอร์ไว้ว่า \"เครอ่ื งอเิ ล็กทรอนกิ ส์แบบอัตโนมัติทาหน้าที่เหมือนสมองกล ใชส้ าหรับแก้ปญั หาตา่ งๆ ทง่ี า่ ยและซับซอ้ นโดยวิธีทางคณติ ศาสตร์\"ความหมายของคอมพิวเตอร์ คอมพวิ เตอร์จึงเป็นเครื่องจกั รอเิ ล็กทรอนกิ สท์ ี่ถูกสรา้ งข้ึนเพ่ือใช้ทางานแทนมนุษย์ ในดา้ นการคดิคานวณและสามารถจาขอ้ มูล ทัง้ ตัวเลขและตวั อักษรได้เพื่อการเรยี กใชง้ านในคร้ังต่อไป นอกจากน้ี ยังสามารถจัดการกับสัญลกั ษณ์ได้ด้วยความเร็วสูง โดยปฏิบตั ติ ามขัน้ ตอนของโปรแกรม คอมพวิ เตอร์ยังมี ศูนย์คอมพวิ เตอร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏมหาสารคาม

คอมพวิ เตอร์เบอื้ งตน้ความสามารถในดา้ นตา่ งๆ อีกมาก อาทเิ ช่น การเปรียบเทียบทางตรรกศาสตร์ การรับส่งข้อมลู การจดั เก็บข้อมลู ในตวั เครอ่ื งและสามารถประมวลผลจากข้อมลู ต่างๆ ได้ คอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะเปน็ ประเภทใดกต็ าม จะมลี ักษณะการทางานของส่วนต่างๆ ทม่ี คี วามสมั พนั ธ์กันเป็นกระบวนการ โดยมีองคป์ ระกอบพน้ื ฐานหลักคือ Input Process และ output ซง่ึ มีขั้นตอนการทางานดงั น้ีขัน้ ตอนท่ี 1 : รับขอ้ มูลเข้า (Input) เริ่มต้นด้วยการนาข้อมลู เข้าเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ ซง่ึ สามารถผา่ นทางอปุ กรณช์ นดิ ตา่ งๆ แลว้ แตช่ นดิของข้อมูลท่ีจะปูอนเข้าไป เช่น ถา้ เปน็ การพิมพ์ข้อมลู จะใช้แผงแปูนพมิ พ์ (Keyboard) เพือ่ พิมพข์ ้อความหรือโปรแกรมเข้าเครื่อง ถา้ เป็นการเขียนภาพจะใชเ้ คร่ืองอ่านพิกัดภาพกราฟิค (Graphics Tablet) โดยมีปากกาชนดิ พิเศษสาหรบั เขยี นภาพ หรือถา้ เป็นการเลน่ เกมกจ็ ะมีก้านควบคุม (Joystick) สาหรับเคล่อื นตาแหนง่ ของการเล่นบนจอภาพ เปน็ ต้นขั้นตอนที่ 2 : ประมวลผลขอ้ มลู (Process) เมื่อนาขอ้ มูลเข้ามาแลว้ เคร่ืองจะดาเนนิ การกบั ขอ้ มูลตามคาสัง่ ท่ไี ด้รับมาเพ่ือให้ได้ผลลัพธ์ตามท่ีตอ้ งการ การประมวลผลอาจจะมีไดห้ ลายอย่าง เช่น นาข้อมลู มาหาผลรวม นาขอ้ มลู มาจัดกลุ่มนาขอ้ มลู มาหาค่ามากทส่ี ดุ หรอื นอ้ ยทสี่ ดุ เปน็ ตน้ขน้ั ตอนที่ 3 : แสดงผลลัพธ์ (Output) เปน็ การนาผลลัพธจ์ ากการประมวลผลมาแสดงให้ทราบทางอปุ กรณ์ท่กี าหนดไว้ โดยทั่วไปจะแสดงผา่ นทางจอภาพ หรือเรียกกันโดยทวั่ ไปวา่ \"จอมอนิเตอร\"์ (Monitor) หรือจะพมิ พข์ ้อมลู ออกทางกระดาษโดยใชเ้ คร่ืองพิมพ์ก็ได้ ศนู ยค์ อมพวิ เตอร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏมหาสารคาม

คอมพวิ เตอร์เบ้อื งต้นลกั ษณะเด่นของคอมพวิ เตอร์ เคร่ืองคอมพวิ เตอรถ์ ูกสรา้ งข้ึนมาเพื่อใหม้ ีจดุ เด่น 4 ประการ เพอ่ื ทดแทนข้อจากดั ของมนุษย์เรียกว่า 4 S special ดงั น้ี1. หนว่ ยเกบ็ (Storage)หมายถงึ ความสามารถในการเกบ็ ข้อมูลจานวนมากและเป็นเวลานาน นับเป็นจุดเด่นทางโครงสร้างและเปน็ หวั ใจของการทางานแบบอัตโนมัติของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ทั้งเปน็ ตัวบง่ ชี้ ประสิทธภิ าพของคอมพิวเตอรแ์ ตล่ ะเครื่องด้วย 2. ความเรว็ (Speed) หมายถงึ ความสามารถในการประมวลผลขอ้ มลู (Processing Speed) โดยใช้เวลาน้อย เปน็ จุดเดน่ ทางโครงสร้างทีผ่ ูใ้ ชท้ ัว่ ไปมสี ่วนเกี่ยวขอ้ งน้อยท่สี ุดเป็นตวั บ่งชปี้ ระสิทธภิ าพของเคร่อื งคอมพิวเตอร์ท่ีสาคัญส่วนหนึง่ เชน่ กนั3. ความเปน็ อัตโนมตั ิ (Self Acting)หมายถงึ ความสามารถในการประมวลผลขอ้ มูลตามลาดบั ขั้นตอนได้อย่างถกู ต้องและต่อเนอื่ งอย่างอัตโนมัติโดยมนษุ ย์มสี ่วนเก่ยี วข้องเฉพาะในขน้ั ตอนการกาหนดโปรแกรมคาส่งั และข้อมูลก่อนการประมวลผลเทา่ นั้น4. ความน่าเช่ือถือ (Sure)หมายถงึ ความสามารถในการประมวลผลใหเ้ กิดผลลพั ธท์ ถ่ี ูกตอ้ ง ความน่าเชือ่ ถือนับเป็นส่ิงสาคญั ที่สุดในการทางานของเครื่องคอมพิวเตอร์ ความสามารถนี้เกี่ยวข้องกับโปรแกรมคาสง่ั และข้อมูลที่มนุษย์กาหนดใหก้ ับเคร่ืองคอมพวิ เตอร์โดยตรง กลา่ วคอื หากมนุษย์ปอู นขอ้ มลู ที่ไม่ถกู ต้องให้กบั เครื่องคอมพิวเตอรก์ ็ยอ่ มได้ผลลัพธท์ ี่ไมถ่ ูกต้องด้วยเช่นกันประโยชนข์ องคอมพิวเตอร์ จากการท่ีคอมพวิ เตอรม์ ีลกั ษณะเด่นหลายประการ ทาให้ถูกนามาใชป้ ระโยชนต์ อ่ การดาเนินชีวิตประจาวนั ในสงั คมเป็นอย่างมาก ท่พี บเห็นไดบ้ ่อยท่ีสดุ กค็ ือ การใชใ้ นการพิมพ์เอกสารตา่ งๆ เช่น พมิ พ์จดหมาย รายงาน เอกสารต่างๆ ซงึ่ เรียกว่างานประมวลผล ( Word processing) นอกจากนี้ยงั มีการประยุกตใ์ ช้คอมพิวเตอร์ในด้านตา่ งๆ อีกหลายดา้ น ดังต่อไปนี้งานธรุ กิจ เชน่ บริษัท รา้ นคา้ ห้างสรรพสนิ คา้ ตลอดจนโรงงานตา่ งๆ ใช้คอมพวิ เตอรใ์ นการทาบญั ชี งานประมวลคา และติดต่อกับหน่วยงานภายนอกผา่ นระบบโทรคมนาคม นอกจากน้งี านอตุ สาหกรรม ส่วนใหญ่ก็ใชค้ อมพิวเตอร์มาช่วยในการควบคุมการผลติ และการประกอบชิน้ ส่วนของอุปกรณ์ต่างๆ เช่น โรงงานประกอบรถยนต์ ซงึ่ ทาให้การผลติ มคี ณุ ภาพดีข้นึ บรษิ ัทยงั สามารถรับ หรืองานธนาคาร ที่ใหบ้ รกิ ารถอนเงิน ศูนย์คอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั มหาสารคาม

คอมพวิ เตอร์เบอื้ งต้นผ่านตู้ฝากถอนเงนิ อัตโนมัติ ( ATM) และใช้คอมพิวเตอรค์ ิดดอกเบย้ี ใหก้ ับผ้ฝู ากเงิน และการโอนเงนิ ระหว่างบญั ชี เช่ือมโยงกนั เป็นระบบเครอื ขา่ ย งานวิทยาศาสตร์ การแพทย์ และงานสาธารณสขุ สามารถนาคอมพิวเตอรม์ าใชใ้ นนามาใช้ในส่วนของการคานวณที่ค่อนข้างซับซอ้ น เช่น งานศกึ ษาโมเลกลุ สารเคมี วถิ กี ารโคจรของการสง่ จรวดไปสอู่ วกาศ หรืองานทะเบียน การเงนิ สถติ ิ และเปน็ อปุ กรณส์ าหรบั การตรวจรกั ษาโรคได้ ซึง่ จะให้ผลทแ่ี ม่นยากว่าการตรวจด้วยวิธีเคมแี บบเดมิ และให้การรักษาไดร้ วดเรว็ ข้ึน งานคมนาคมและสือ่ สาร ในส่วนทีเ่ ก่ียวกบั การเดินทาง จะใชค้ อมพิวเตอรใ์ นการจองวนั เวลา ที่น่งั ซึ่งมกี ารเชอ่ื มโยงไปยังทกุ สถานีหรือทกุ สายการบินได้ ทาให้สะดวกต่อผ้เู ดนิ ทางทไี่ มต่ ้องเสียเวลารอ อกี ท้ังยังใช้ในการควบคุมระบบการจราจร เชน่ ไฟสัญญาณจราจร และ การจราจรทางอากาศ หรือในการสือ่ สารกใ็ ช้ควบคุมวงโคจรของดาวเทียมเพอ่ื ให้อยู่ในวงโคจร ซงึ่ จะชว่ ยส่งผลตอ่ การสง่ สัญญาณให้ระบบการสอ่ื สารมีความชดั เจน งานวศิ วกรรมและสถาปตั ยกรรม สถาปนกิ และวิศวกรสามารถใชค้ อมพิวเตอร์ในการออกแบบ หรอืจาลองสภาวการณ์ ต่างๆ เชน่ การรบั แรงส่นั สะเทือนของอาคารเม่ือเกดิ แผ่นดนิ ไหว โดยคอมพวิ เตอรจ์ ะคานวณและแสดงภาพสถานการณ์ใกลเ้ คียงความจริง รวมท้ังการใชค้ วบคุมและติดตามความก้าวหน้าของโครงการต่างๆ เชน่ คนงาน เคร่ืองมือ ผลการทางาน งานราชการ เป็นหนว่ ยงานท่ีมกี ารใชค้ อมพิวเตอร์มากทส่ี ดุ โดยมกี ารใช้หลายรปู แบบ ท้ังนขี้ น้ึ อยู่กบับทบาทและหน้าท่ีของหน่วยงานนนั้ ๆ เชน่ กระทรวงศึกษาธิการ มีการใชร้ ะบบประชมุ ทางไกลผ่านคอมพวิ เตอร์ , กระทรวงวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ไดจ้ ดั ระบบเครือขา่ ยอินเทอรเ์ น็ตเพือ่ เช่ือมโยงไปยังสถาบนั ต่างๆ, กรมสรรพากร ใชจ้ ัดในการจดั เก็บภาษี บนั ทึกการเสียภาษี เปน็ ต้นการศึกษา ไดแ้ ก่ การใชค้ อมพิวเตอร์ทางด้านการเรยี นการสอน ซึ่งมีการนาคอมพิวเตอร์มาช่วยการสอนในลกั ษณะบทเรียน CAI หรืองานด้านทะเบียน ซ่ึงทาให้สะดวกต่อการค้นหาข้อมูลนกั เรยี น การเก็บข้อมูลยืมและการส่งคนื หนังสือห้องสมุดประวัตคิ วามเป็นมาของคอมพวิ เตอร์ คอมพวิ เตอร์ทีเ่ ราใชก้ ันอย่ทู ุกวนั นี้เป็นผลมาจากการประดิษฐ์คดิ คน้ เครอื่ งมอื ในการคานวณซึง่ มีววิ ัฒนาการนานมาแลว้ เริ่มจากเครื่องมือในการคานวณเครอ่ื งแรกคอื \"ลูกคิด\" (Abacus) ทีส่ รา้ งขน้ึ ในประเทศจีน เมือ่ ประมาณ 2,000-3,000 ปมี าแล้ว จนกระทง่ั ในปี พ.ศ. 2376 นกั คณิตศาสตร์ชาวองั กฤษ ชือ่ ชารล์ แบบเบจ (Charles Babbage) ได้ประดิษฐเ์ ครื่องวเิ คราะห์ (Analytical Engine) สามารถคานวณคา่ ของตรีโกณมติ ิ ฟงั ก์ช่ันตา่ งๆ ทางคณิตศาสตร์ การทางานของเคร่ืองนี้แบ่งเปน็ 3 ส่วน คอื ส่วนเก็บขอ้ มลู สว่ นคานวณ และสว่ นควบคุม ใช้ระบบพลังเครือ่ งยนตไ์ อนา้ หมุนฟันเฟือง มีขอ้ มูลอยู่ในบัตรเจาะรู คานวณได้โดยอตั โนมตั ิ และเก็บขอ้ มูลในหน่วยความจา กอ่ นจะพิมพ์ออกมาทางกระดาษ ศูนยค์ อมพวิ เตอร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั มหาสารคาม

คอมพวิ เตอรเ์ บื้องตน้ หลักการของแบบเบจนีเ้ องที่ไดน้ ามาพฒั นาสรา้ งเครื่องคอมพิวเตอรส์ มยั ใหม่ เราจึงยกย่องให้แบบเบจเปน็ บิดาแหง่ เครื่องคอมพิวเตอร์ หลังจากนน้ั เป็นต้นมา ได้มผี ู้ประดิษฐเ์ คร่ืองคอมพวิ เตอร์ขึ้นมามากมายหลายขนาด ทาให้เปน็ การเร่มิยคุ ของคอมพวิ เตอร์อยา่ งแทจ้ ริง โดยสามารถจัดแบ่งคอมพิวเตอร์ออกได้เป็น 5 ยคุยคุ ทห่ี นง่ึ (First Generation Computer) พ.ศ. 2489-2501ยคุ ท่ีสอง (Second Generation Computer) พ.ศ. 2502-2506ยคุ ทีส่ าม (Third Generation Computer) พ.ศ. 2507-2512ยุคที่สี่ (Fourth Generation Computer) พ.ศ. 2513-2532ยคุ ทห่ี า้ (Fifth Generation Computer) พ.ศ. 2533 จนถึงปจั จุบนัยคุ ทห่ี น่ึง (First Generation Computer) พ.ศ. 2489-2501เปน็ การประดิษฐเ์ ครื่องคอมพิวเตอรท์ มี่ ใิ ชเ่ คร่ืองคานวณ โดยเมาชล์ ีและเอ็กเคอรต์ (Mauchly and Eckert)ได้นาแนวความคิดนั้นมาประดษิ ฐ์เป็นเคร่อื งคอมพิวเตอร์ที่มปี ระสิทธภิ าพมากเครอื่ งหน่ึงเรยี กวา่ ENIAC (Electronic Numericial Integrator and Calculator) ซงึ่ ต่อมาได้ทาการปรบั ปรุงการทางานของเคร่ืองคอมพิวเตอรใ์ ห้มีประสิทธภิ าพดยี ิ่งข้ึน และได้ประดิษฐเ์ ครอ่ื ง UNIVAC (UniversalAutomatic Computer) ข้นึ เพื่อใชใ้ นการสารวจสามะโนประชากรประจาปีจงึ นับไดว้ า่ UNIVAC เปน็ เคร่ืองคอมพิวเตอร์เคร่ืองแรกของโลกที่ถูกใชง้ านในเชิงธรุ กิจ ซึ่งนบั เปน็ การเริม่ ของเครอ่ื งคอมพวิ เตอรใ์ นยคุ แรกอยา่ งแท้จรงิ เคร่อื งคอมพวิ เตอรใ์ นยคุ น้ีใช้หลอดสญุ ญากาศในการควบคุมการทางานของเคร่ือง ซึ่งทางานไดอ้ ย่างรวดเรว็ แตม่ ีขนาดใหญ่มากและราคาแพง ยุคแรกของคอมพิวเตอร์ส้ินสดุเม่อื มีผูป้ ระดษิ ฐท์ รานซสิ เตอร์มาใชแ้ ทนหลอดสุญญากาศลกั ษณะเฉพาะของเครอื่ งคอมพิวเตอรย์ ุคท่ี 1 ใชอ้ ุปกรณ์ หลอดสญุ ญากาศ (Vacuum Tube) เปน็ สว่ นประกอบหลัก ทาให้ตัวเคร่ืองมีขนาดใหญ่ ใช้พลังงานไฟฟูามาก และเกดิ ความร้อนสูงทางานดว้ ยภาษาเคร่ือง (Machine Language) เท่าน้นัเรม่ิ มีการพฒั นาภาษาสัญลักษณ์ (Assembly / Symbolic Language) ขน้ึ ใช้งานยุคท่ีสอง (Second Generation Computer) พ.ศ. 2502-2506 มกี ารนาทรานซสิ เตอร์ มาใชใ้ นเครื่องคอมพวิ เตอรจ์ ึงทาให้เครอ่ื งมีขนาดเล็กลง และสามารถเพ่มิประสทิ ธภิ าพในการทางานให้มีความรวดเรว็ และแม่นยามากยิ่งขน้ึ นอกจากน้ี ในยคุ นยี้ งั ได้มกี ารคดิ ภาษาเพื่อใชก้ บั เครื่องคอมพวิ เตอรเ์ ชน่ ภาษาฟอร์แทน (FORTRAN) จงึ ทาใหง้ า่ ยต่อการเขยี นโปรแกรมสาหรบั ใชก้ ับเคร่อื ง ศูนย์คอมพวิ เตอร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั มหาสารคาม

คอมพิวเตอร์เบอื้ งตน้ลักษณะเฉพาะของเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ยุคที่ 2 ใชอ้ ุปกรณ์ ทรานซิสเตอร์ (Transistor) ซงึ่ สรา้ งจากสารก่ึงตวั นา (Semi-Conductor) เป็นอุปกรณ์หลัก แทนหลอดสญุ ญากาศ เนื่องจากทรานซสิ เตอรเ์ พยี งตัวเดยี ว มีประสิทธภิ าพในการทางานเทยี บเทา่ หลอดสุญญากาศได้นบั ร้อยหลอด ทาให้เคร่อื งคอมพวิ เตอรใ์ นยุคนี้มีขนาดเล็ก ใช้พลังงานไฟฟูาน้อย ความร้อนต่าทางานเร็ว และไดร้ บั ความนา่ เช่อื ถือมากยงิ่ ขึน้ เก็บข้อมูลได้ โดยใช้ส่วนความจาวงแหวนแม่เหลก็ (MagneticCore) มีความเรว็ ในการประมวลผลในหนงึ่ คาส่ัง ประมาณหนึ่งในพนั ของวินาที (Millisecond: mS)ส่ังงานไดส้ ะดวกมากขนึ้ เนื่องจากทางานด้วยภาษาสญั ลกั ษณ์ (Assembly Language)เร่ิมพฒั นาภาษาระดับสงู (High Level Language) ขึ้นใชง้ านในยุคน้ียคุ ทส่ี าม (Third Generation Computer) พ.ศ. 2507-2512 คอมพิวเตอร์ในยคุ นเ้ี ริ่มต้นภายหลังจากการใช้ทรานซสิ เตอรไ์ ดเ้ พียง 5 ปี เนอื่ งจากได้มีการประดษิ ฐ์คิดค้นเกีย่ วกับวงจรรวม (Integrated-Circuit) หรอื เรียกกนั ย่อๆ วา่ \"ไอซี\" (IC) ซ่งึ ไอซนี ท้ี าใหส้ ่วนประกอบและวงจรต่างๆ สามารถวางลงไดบ้ นแผน่ ชิป (chip) เลก็ ๆ เพยี งแผน่ เดยี ว จึงมีการนาเอาแผน่ ชิปมาใช้แทนทรานซิสเตอร์ทาใหป้ ระหยัดเน้ือทไ่ี ด้มากนอกจากนยี้ งั เริม่ มกี ารใช้งานระบบจัดการฐานข้อมูล (Data Base Management Systems : DBMS) และมีการพัฒนาเครือ่ งคอมพวิ เตอร์ให้สามารถทางานร่วมกนั ได้หลายๆ งานในเวลาเดยี วกัน และมีระบบทผ่ี ู้ใช้สามารถโตต้ อบกับเคร่ืองได้หลายๆ คน พร้อมๆ กัน (Time Sharing)ใชอ้ ปุ กรณ์ วงจรรวม (Integrated Circuit: IC) หรือ ไอซี และวงจรรวมสเกลขนาดใหญ่ (Large ScaleIntegration: LSI) เป็นอปุ กรณห์ ลกั ความเร็วในการประมวลผลในหนึ่งคาสัง่ ประมาณหนงึ่ ในล้านของวนิ าที(Microsecond: mS) (สงู กว่าเครือ่ งคอมพวิ เตอรใ์ นยคุ ท่ี 1 ประมาณ 1,000 เทา่ ) ทางานได้ดว้ ยภาษาระดับสงูท่ัวไปยคุ ที่สี่ (Fourth Generation Computer) พ.ศ. 2513-2532 เปน็ ยุคที่นาสารกึ่งตวั นามาสร้างเปน็ วงจรรวมความจสุ งู มาก (Very Large Scale Integrated: VLSI)ซ่งึ สามารถย่อสว่ นไอซีธรรมดาหลายๆ วงจรเข้ามาในวงจรเดียวกนั และมีการประดิษฐ์ ไมโครโพรเซสเซอร์ (Microprocessor) ขึ้น ทาใหเ้ คร่ืองมขี นาดเล็ก ราคาถูกลง และมีความสามารถในการทางานสูงและรวดเรว็ มาก จงึ ทาใหม้ คี อมพวิ เตอร์สว่ นบุคคล (Personal Computer) ถือกาเนิดขึน้ มาในยคุ น้ีลักษณะเฉพาะของเครอื่ งคอมพิวเตอรย์ คุ ที่ 4 ใช้อปุ กรณ์ วงจรรวมสเกลขนาดใหญ่ (Large Scale Integration: LSI) และ วงจรรวมสเกลขนาดใหญ่มาก (Very Large Scale Integration: VLSI) เปน็ อปุ กรณ์หลกัมคี วามเร็วในการประมวลผลแตล่ ะคาสัง่ ประมาณหนง่ึ ในพนั ลา้ นวนิ าที (Nanosecond: nS) และพฒั นาต่อมาจนมคี วามเรว็ ในการประมวลผลแต่ละคาสั่ง ประมาณหน่งึ ในล้านล้านของวนิ าที (Pico second: pS) ศูนยค์ อมพวิ เตอร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั มหาสารคาม

คอมพิวเตอร์เบื้องตน้ยคุ ทหี่ า้ (Fifth Generation Computer) พ.ศ. 2533 จนถึงปัจจบุ นั ในยุคน้ี ไดม้ ุ่งเนน้ การพฒั นา ความสามารถในการทางานของระบบคอมพวิ เตอร์ และ ความสะดวกสบายในการใชง้ านเครื่องคอมพิวเตอร์ อยา่ งชดั เจน มีการพัฒนาสร้างเคร่ืองคอมพวิ เตอรแ์ บบพกพาขนาดเล็กขนาดเลก็ (Portable Computer) ขน้ึ ใชง้ านในยุคน้ีโครงการพัฒนาอุปกรณ์ VLSI ให้ใชง้ านงา่ ย และมีความสามารถสูงขึ้น รวมทั้งโครงการวิจยั และพัฒนาเกี่ยวกบั ปญั ญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) เป็นหัวใจของการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ในยุคน้ีโดยหวงั ใหร้ ะบบคอมพิวเตอร์มีความรู้ สามารถวิเคราะหป์ ัญหาด้วยเหตุผลองค์ประกอบของระบบปญั ญาประดิษฐ์ ประกอบด้วย 4 หัวข้อ ไดแ้ ก่ 1. ระบบหุ่นยนต์ หรอื แขนกล (Robotics or Robot arm System)คอื ห่นุ จาลองรา่ งกายมนษุ ย์ที่ควบคมุ การทางานดว้ ยเครอื่ งคอมพิวเตอร์ มจี ุดประสงคเ์ พื่อใหท้ างานแทนมนษุ ย์ในงานท่ีต้องการความเร็ว หรอื เสีย่ งอนั ตราย เชน่ แขนกลในโรงงานอุตสาหกรรม หรือหุ่นยนตก์ รู้ ะเบิด เป็นต้น 2. ระบบประมวลภาษาพูด (Natural Language Processing System)คือ การพฒั นาให้ระบบคอมพิวเตอรส์ ามารถสงั เคราะห์เสยี งท่ีมีอยู่ในธรรมชาติ (Synthesize) เพ่ือส่อืความหมายกบั มนษุ ย์ เชน่ เครอื่ งคิดเลขพดู ได้ (Talking Calculator) หรือนาฬิกาปลกุ พดู ได้ (Talking Clock)เป็นต้น 3. การรจู้ าเสียงพูด (Speech Recognition System)คอื การพฒั นาใหร้ ะบบคอมพิวเตอร์เข้าใจภาษามนุษย์ และสามารถจดจาคาพูดของมนษุ ย์ได้อย่างตอ่ เนื่องกลา่ วคือเป็นการพฒั นาใหเ้ คร่ืองคอมพิวเตอร์ทางานไดด้ ้วยภาษาพูด เช่น งานระบบรักษาความปลอดภยั งานพมิ พ์เอกสารสาหรบั ผู้พกิ าร เป็นต้น 4. ระบบผู้เชย่ี วชาญ (Expert System)คือ การพฒั นาให้ระบบคอมพิวเตอรม์ ีความรู้ รู้จกั ใชเ้ หตุผลในการวเิ คราะหป์ ัญหา โดยใชค้ วามรู้ทีม่ ี หรือจากประสบการณ์ในการแกป้ ญั หาหน่ึง ไปแก้ไขปัญหาอ่ืนอย่างมเี หตุผล ระบบนีจ้ าเป็นต้องอาศยั ฐานขอ้ มลู(Database) ซึ่งมนษุ ยผ์ ู้มีความรู้ความสามารถเป็นผู้กาหนดองค์ความรู้ไว้ในฐานข้อมูลดังกลา่ ว เพอ่ื ให้ระบบคอมพิวเตอร์สามารถวเิ คราะห์ปญั หาตา่ งๆ ไดจ้ ากฐานความรนู้ นั้ เชน่ เครอื่ งคอมพวิ เตอร์วเิ คราะหโ์ รค หรือเครอ่ื งคอมพิวเตอรท์ านายโชคชะตา เปน็ ตน้ประเภทของคอมพิวเตอร์แบ่งตามหลักการประมวลผลจาแนกได้เปน็ 3 ประเภท คือ 1. คอมพิวเตอรแ์ บบแอนะลอ็ ก (Analog Computer) หมายถงึ เคร่ืองมือประมวลผลข้อมูลที่อาศยั หลักการวดั (Measuring Principle) ทางานโดยใชข้ อ้ มูลท่มี ีการเปลี่ยนแปลงแบบต่อเนอ่ื ง (Continuous Data) แสดงออกมาในลักษณะสญั ญาณท่เี รยี กวา่ AnalogSignal เคร่ืองคอมพิวเตอรป์ ระเภทนม้ี ักแสดงผลดว้ ยสเกลหน้าปทั ม์ และเขม็ ช้ี เช่น การวัดคา่ ความยาว โดย ศนู ยค์ อมพวิ เตอร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั มหาสารคาม

คอมพวิ เตอรเ์ บ้ืองตน้เปรยี บเทียบกบั สเกลบนไม้บรรทดั การวดั ค่าความรอ้ นจากการขยายตัวของปรอทเปรยี บเทียบกบั สเกลข้างหลอดแก้ว นอกจากน้ียงั มีตัวอยา่ งของ Analog Computer ที่ใช้การประมวลผลแบบเปน็ ข้ันตอน เช่น เคร่ืองวดัปริมาณการใชน้ ้าด้วยมาตรวดั น้า ทเ่ี ปลยี่ นการไหลของนา้ ให้เป็นตวั เลขแสดงปรมิ าณ อปุ กรณ์วดั ความเรว็ ของรถยนตใ์ นลักษณะเข็มช้ี หรอื เครอ่ื งตรวจคล่ืนสมองท่ีแสดงผลเปน็ รปู กราฟ เปน็ ต้น 2. คอมพิวเตอร์แบบดิจิทัล (Digital Computer) ซ่งึ ก็คือคอมพวิ เตอร์ทใ่ี ช้ในการทางานท่วั ๆ ไปนัน่ เอง เป็นเครื่องมือประมวลผลขอ้ มลู ที่อาศัยหลกั การนบั ทางานกับข้อมูลท่มี ลี ักษณะการเปลย่ี นแปลงแบบไม่ต่อเนอื่ ง (Discrete Data) ในลักษณะของสัญญาณไฟฟูา หรอื Digital Signal อาศยั การนบั สัญญาณขอ้ มลู ท่ีเปน็ จังหวะดว้ ยตัวนับ (Counter) ภายใต้ระบบฐานเวลา (Clock Time) มาตรฐาน ทาใหผ้ ลลัพธ์เป็นที่น่าเช่ือถือ ท้ังสามารถนบั ข้อมลู ใหค้ า่ ความละเอยี ดสูง เช่นแสดงผลลัพธ์เปน็ ทศนยิ มได้หลายตาแหนง่ เป็นตน้เนื่องจาก Digital Computer ต้องอาศยั ข้อมูลท่เี ป็นสัญญาณไฟฟาู (มนุษย์สมั ผัสไมไ่ ด้) ทาใหไ้ ม่สามารถรบัขอ้ มลู จากแหล่งข้อมูลตน้ ทางได้โดยตรง จึงจาเป็นต้องเปล่ียนข้อมลู ตน้ ทางทร่ี บั เขา้ (Analog Signal) เป็นสญั ญาณไฟฟูา (Digital Signal) เสยี ก่อน เม่ือประมวลผลเรียบรอ้ ยแลว้ จงึ เปลี่ยนสญั ญาณไฟฟูากลับไปเป็นAnalog Signal เพอื่ ส่ือความหมายกบั มนุษย์ต่อไปโดยสว่ นประกอบสาคัญทเ่ี รยี กวา่ ตวั เปล่ยี นสญั ญาณข้อมลู (Converter) คอยทาหนา้ ที่ในการเปลี่ยนรปู แบบของสญั ญาณข้อมูล ระหวา่ ง Digital Signal กบั Analog Signal 3. คอมพิวเตอรแ์ บบลูกผสม (Hybrid Computer) เคร่ืองประมวลผลขอ้ มลู ทอ่ี าศัยเทคนิคการทางานแบบผสมผสาน ระหว่าง Analog Computer และDigital Computer โดยทั่วไปมักใช้ในงานเฉพาะกิจ โดยเฉพาะงานด้านวทิ ยาศาสตร์ เชน่ เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ในยานอวกาศ ทใ่ี ช้ Analog Computer ควบคุมการหมนุ ของตวั ยาน และใช้ Digital Computer ในการคานวณระยะทาง เปน็ ต้นการทางานแบบผสมผสานของคอมพวิ เตอรช์ นดิ นี้ ยังคงจาเปน็ ต้องอาศยั ตวั เปลี่ยนสัญญาณ (Converter)เช่นเดมิ ศูนย์คอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั มหาสารคาม

คอมพิวเตอร์เบ้อื งตน้ประเภทของคอมพิวเตอร์แบ่งตามวตั ถุประสงค์ของการใชง้ านจาแนกได้เปน็ 2 ประเภท คือ 1. เครอ่ื งคอมพิวเตอรเ์ พ่ืองานเฉพาะกิจ (Special Purpose Computer) หมายถงึ เคร่ืองประมวลผลขอ้ มลู ทีถ่ ูกออกแบบตวั เครื่องและโปรแกรมควบคมุ ใหท้ างานอยา่ งใดอย่างหนึ่งเป็นการเฉพาะ (Inflexible) โดยท่วั ไปมักใช้ในงานควบคมุ หรืองานอตุ สาหกรรมที่เนน้ การประมวลผลแบบรวดเรว็ เช่นเคร่อื งคอมพวิ เตอรค์ วบคมุ สัญญาณไฟจราจร คอมพิวเตอร์ควบคมุ ลฟิ ท์ หรอืคอมพิวเตอร์ควบคุมระบบอตั โนมัตใิ นรถยนต์ เปน็ ต้น 2. เครอ่ื งคอมพิวเตอร์เพื่องานอเนกประสงค์ (General Purpose Computer)หมายถึง เครื่องประมวลผลข้อมลู ที่มีความยืดหยนุ่ ในการทางาน (Flexible) โดยได้รบั การออกแบบให้สามารถประยกุ ต์ใชใ้ นงานประเภทตา่ งๆ ไดโ้ ดยสะดวก โดยระบบจะทางานตามคาส่งั ในโปรแกรมทีเ่ ขียนข้ึนมา และเม่อื ผู้ใชต้ อ้ งการใหเ้ คร่อื งคอมพวิ เตอร์ทางานอะไร กเ็ พยี งแต่ออกคาส่งั เรียกโปรแกรมที่เหมาะสมเขา้ มาใช้งานโดยเราสามารถเกบ็ โปรแกรมไวห้ ลายโปรแกรมในเครื่องเดียวกนั ได้ เช่น ในขณะหนง่ึ เราอาจใชเ้ ครื่องนี้ในงานประมวลผลเก่ยี วกับระบบบัญชี และในขณะหนึง่ กส็ ามารถใชใ้ นการออกเช็คเงนิ เดือนได้ประเภทของคอมพิวเตอร์แบ่งตามความสามารถของระบบจาแนกออกได้เปน็ 4 ชนิด โดยพจิ ารณาจาก ความสามารถในการเก็บขอ้ มลู และ ความเร็วในการประมวลผลเป็นหลัก ดังน้ี 1. ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ (Super Computer)หมายถึง เคร่ืองประมวลผลข้อมลู ทม่ี ีความสามารถในการประมวลผลสูงทีส่ ุด โดยทัว่ ไปสรา้ งขน้ึ เปน็ การเฉพาะเพือ่ งานด้านวิทยาศาสตรท์ ่ตี ้องการการประมวลผลซบั ซ้อน และต้องการความเรว็ สูง เช่น งานวจิ ัยขปี นาวุธงานโครงการอวกาศสหรฐั (NASA) งานส่ือสารดาวเทียม หรืองานพยากรณ์อากาศ เปน็ ต้น 2. เมนเฟรมคอมพวิ เตอร์ (Mainframe Computer)หมายถึง เครื่องประมวลผลขอ้ มลู ท่มี สี ว่ นความจาและความเรว็ น้อยลง สามารถใช้ข้อมลู และคาสง่ั ของเครื่องรุ่นอื่นในตระกลู (Family) เดยี วกนั ได้ โดยไมต่ ้องดัดแปลงแก้ไขใดๆ นอกจากน้ันยังสามารถทางานในระบบเครือข่าย (Network) ไดเ้ ป็นอยา่ งดี โดยสามารถเชื่อมต่อไปยังอุปกรณ์ที่เรยี กว่า เคร่ืองปลายทาง (Terminal)จานวนมากได้ สามารถทางานได้พร้อมกนั หลายงาน (Multi Tasking) และใชง้ านได้พร้อมกนั หลายคน (MultiUser) ปกติเครอ่ื งชนดิ น้ีนยิ มใชใ้ นธุรกจิ ขนาดใหญ่ มีราคาตั้งแตส่ บิ ล้านบาทไปจนถึงหลายร้อยลา้ นบาทตวั อย่างของเครื่องเมนเฟรมท่ีใช้กันแพร่หลายกค็ ือ คอมพิวเตอร์ของธนาคารท่เี ชือ่ มต่อไปยังตู้ ATM และสาขาของธนาคารท่วั ประเทศนนั่ เอง 3. มนิ ิคอมพิวเตอร์ (Mini Computer)ธรุ กิจและหน่วยงานที่มีขนาดเลก็ ไม่จาเปน็ ต้องใช้คอมพิวเตอร์ขนาดเมนเฟรมซึ่งมรี าคาแพง ผู้ผลิตคอมพวิ เตอรจ์ งึ พฒั นาคอมพวิ เตอร์ใหม้ ีขนาดเล็กและมรี าคาถกู ลง เรียกว่า เคร่ืองมินิคอมพวิ เตอร์ โดยมี ศนู ย์คอมพวิ เตอร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏมหาสารคาม

คอมพิวเตอรเ์ บือ้ งต้นลักษณะพเิ ศษในการทางานร่วมกับอปุ กรณ์ประกอบรอบข้างท่มี ีความเรว็ สูงได้ มีการใช้แผ่นจานแมเ่ หล็กความจุสงู ชนดิ แข็ง (Hard disk) ในการเกบ็ รักษาข้อมลู สามารถอา่ นเขยี นข้อมลู ได้อยา่ งรวดเร็ว หน่วยงานและบรษิ ทั ท่ีใช้คอมพิวเตอร์ขนาดนี้ ไดแ้ ก่ กรม กอง มหาวิทยาลัย ห้างสรรพสนิ ค้า โรงแรม โรงพยาบาล และโรงงานอุตสาหกรรมตา่ งๆ 4. ไมโครคอมพวิ เตอร์ (Micro Computer)หมายถึง เครื่องประมวลผลขอ้ มูลขนาดเล็ก มีส่วนของหนว่ ยความจาและความเร็วในการประมวลผลน้อยทส่ี ดุสามารถใช้งานไดด้ ้วยคนเดียว จงึ มกั ถูกเรียกว่า คอมพิวเตอร์สว่ นบุคคล (Personal Computer : PC)ปัจจบุ นั ไมโครคอมพวิ เตอร์มีประสทิ ธภิ าพสงู กว่าในสมยั ก่อนมาก อาจเท่ากบั หรือมากกว่าเครอื่ งเมนเฟรมในยุคกอ่ น นอกจากน้นั ยังราคาถูกลงมาก ดังน้นั จึงเป็นทนี่ ิยมใช้มาก ทัง้ ตามหน่วยงานและบริษัทห้างร้านตลอดจนตามโรงเรียน สถานศกึ ษา และบา้ นเรือน บรษิ ัทที่ผลติ ไมโครคอมพิวเตอร์ออกจาหน่ายจนประสบความสาเรจ็ เปน็ บริษทั แรก คือ บรษิ ทั แอปเปิลคอมพวิ เตอร์เครื่องไมโครคอมพวิ เตอร์ จาแนกออกได้เปน็ 2 ประเภทใหญๆ่ คือแบบติดต้ังใชง้ านอย่กู ับที่บนโตะ๊ ทางาน (Desktop Computer)แบบเคล่อื นยา้ ยได้ (Portable Computer) สามารถพกพาตดิ ตัว อาศยั พลงั งานไฟฟาู จากแบตเตอรีจ่ ากภายนอก สว่ นใหญม่ ักเรียกตามลักษณะของการใช้งานวา่ Laptop Computer หรือ Notebook Computerองค์ประกอบของคอมพวิ เตอร์ ในความเปน็ จรงิ แล้ว ตวั เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ท่เี ราเหน็ ๆ กันอยู่น้เี ป็นเพยี งองคป์ ระกอบสว่ นหนง่ึ ของระบบคอมพวิ เตอร์เทา่ น้นั แต่ถ้าตอ้ งการให้เคร่ืองคอมพวิ เตอร์แต่ละเครื่องสามารถทางานได้อย่างมีประสทิ ธิภาพตามท่ีเราต้องการนั้น จาเป็นต้องอาศัยองค์ประกอบพ้นื ฐาน 4 ประการมาทางานประสานงานรว่ มกนั ซ่งึองคป์ ระกอบพน้ื ฐานของระบบคอมพิวเตอรป์ ระกอบไปด้วย 1. ฮาร์ดแวร์ (Hardware) 2. ซอฟตแ์ วร์ (Software 3. บคุ ลากร (People ware) 4. ข้อมลู (Data)ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หมายถึง อปุ กรณ์ต่างๆ ท่ปี ระกอบขึ้นเป็นเครื่องคอมพวิ เตอร์ มลี ักษณะเปน็ โครงรา่ งสามารถมองเหน็ด้วยตาและสัมผสั ได้ (รูปธรรม) เช่น จอภาพ คยี บ์ อร์ด เครื่องพิมพ์ เมาส์ เป็นตน้ ซึง่ สามารถแบ่งออกเป็นส่วนตา่ งๆ ตามลักษณะการทางาน ได้ 4 หน่วย คือ หนว่ ยรบั ข้อมลู (Input Unit) หน่วยประมวลผลกลาง(Central Processing Unit : CPU) หน่วยแสดงผล (Output Unit) หนว่ ยเก็บข้อมูลสารอง (SecondaryStorage) โดยอุปกรณ์แต่ละหนว่ ยมีหน้าทก่ี ารทางานแตกต่างกนั ศนู ย์คอมพวิ เตอร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั มหาสารคาม

คอมพวิ เตอร์เบ้อื งตน้ซอฟต์แวร์ (Software หมายถงึ ส่วนทม่ี นษุ ย์สัมผสั ไม่ได้โดยตรง (นามธรรม) เป็นโปรแกรมหรอื ชดุ คาสง่ั ท่ีถกู เขียนขนึ้ เพ่ือส่ังใหเ้ คร่อื งคอมพวิ เตอร์ทางาน ซอฟตแ์ วร์จงึ เป็นเหมือนตวั เชอ่ื มระหว่างผู้ใชเ้ ครื่องคอมพวิ เตอรแ์ ละเคร่อื งคอมพิวเตอร์ ถา้ ไม่มซี อฟต์แวรเ์ รากไ็ ม่สามารถใชเ้ คร่ืองคอมพิวเตอร์ทาอะไรได้เลย ซอฟตแ์ วรส์ าหรบั เครือ่ งคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งออกไดเ้ ปน็1. ซอฟตแ์ วร์สาหรบั ระบบ (System Software) คือ ชุดของคาสง่ั ทเี่ ขยี นไว้เปน็ คาส่งั สาเร็จรูป ซึง่ จะทางานใกล้ชดิ กับคอมพวิ เตอร์มากท่ีสุด เพื่อคอยควบคุมการทางานของฮาร์ดแวร์ทกุ อยา่ ง และอานวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ในการใช้งาน ซอฟต์แวรห์ รือโปรแกรมระบบทร่ี ู้จักกันดีก็คือ DOS, Windows, Unix, Linux รวมทั้งโปรแกรมแปลคาสัง่ ทเ่ี ขียนในภาษาระดับสงู เชน่ ภาษา Basic, Fortran, Pascal, Cobol, C เปน็ ตน้ นอกจากนีโ้ ปรแกรมทใ่ี ช้ในการตรวจสอบระบบเช่น Norton’s Utilities ก็นับเปน็ โปรแกรมสาหรบั ระบบด้วยเช่นกัน2. ซอฟต์แวรป์ ระยกุ ต์ (Application Software) คอื ซอฟต์แวร์หรอื โปรแกรมทม่ี าใหค้ อมพิวเตอร์ทางานตา่ งๆ ตามทผ่ี ้ใู ช้ต้องการ ไม่วา่ จะด้านเอกสารบัญชี การจัดเก็บข้อมูล เปน็ ต้น ซอฟต์แวร์ประยกุ ตส์ ามารถจาแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ 2.1 ซอฟต์แวรส์ าหรบั งานเฉพาะด้าน คือ โปรแกรมซ่ึงเขยี นข้ึนเพื่อการทางานเฉพาะอย่างท่เี ราต้องการ บางที่เรียกว่า User’s Program เชน่ โปรแกรมการทาบัญชีจ่ายเงินเดือน โปรแกรมระบบเชา่ ซื้อโปรแกรมการทาสินคา้ คงคลงั เป็นตน้ ซง่ึ แตล่ ะโปรแกรมก็มักจะมีเงื่อนไข หรือแบบฟอร์มแตกตา่ งกันออกไปตามความต้องการ หรอื กฎเกณฑ์ของแต่ละหน่วยงานทใี่ ช้ ซึ่งสามารถดัดแปลงแก้ไขเพ่มิ เตมิ (Modifications)ในบางส่วนของโปรแกรมได้ เพื่อให้ตรงกบั ความต้องการของผใู้ ช้ และซอฟต์แวรป์ ระยุกต์ท่ีเขยี นขึ้นนีโ้ ดยส่วนใหญม่ ักใช้ภาษาระดับสงู เปน็ ตัวพฒั นา 2.2 ซอฟต์แวรส์ าหรับงานทว่ั ไป เปน็ โปรแกรมประยุกต์ที่มีผจู้ ัดทาไว้ เพื่อใชใ้ นการทางานประเภทต่างๆ ทวั่ ไป โดยผู้ใช้คนอืน่ ๆ สามารถนาโปรแกรมนีไ้ ปประยุกตใ์ ช้กบั ข้อมูลของตนได้ แต่จะไม่สามารถทาการดัดแปลง หรือแก้ไขโปรแกรมได้ ผใู้ ชไ้ ม่จาเป็นต้องเขยี นโปรแกรมเอง ซง่ึ เป็นการประหยัดเวลา แรงงาน และคา่ ใช้จ่ายในการเขยี นโปรแกรม นอกจากนี้ ยังไม่ตอ้ งเวลามากในการฝึกและปฏิบัติ ซึ่งโปรแกรมสาเรจ็ รปู น้ีมักจะมีการใช้งานในหนว่ ยงานมราขาดบุคลากรที่มีความชานาญเป็นพเิ ศษในการเขียนโปรแกรม ดงั นนั้ การใช้โปรแกรมสาเร็จรูปจึงเปน็ สงิ่ ท่ีอานวยความสะดวกและเป็นประโยชน์อย่างย่ิง ตวั อยา่ งโปรแกรมสาเรจ็ รูปที่นยิ มใช้ไดแ้ ก่ MS-Office, Lotus, Adobe Photoshop, SPSS, Internet Explorer และ เกมสต์ ่างๆ เป็นตน้ ศนู ยค์ อมพวิ เตอร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั มหาสารคาม

คอมพิวเตอรเ์ บื้องต้นบุคลากร (People ware) หมายถงึ บุคลากรในงานด้านคอมพิวเตอร์ ซึ่งมคี วามรเู้ กยี่ วกบั คอมพิวเตอร์ สามารถใช้งาน สง่ั งานเพอ่ื ใหค้ อมพวิ เตอรท์ างานตามท่ตี อ้ งการ แบง่ ออกได้ 4 ระดบั ดงั น้ี1. ผู้จัดการระบบ (System Manager) คือ ผูว้ างนโยบายการใช้คอมพิวเตอร์ใหเ้ ป็นไปตามเปูาหมายของหนว่ ยงาน2. นักวิเคราะหร์ ะบบ (System Analyst) คอื ผ้ทู ่ีศึกษาระบบงานเดมิ หรืองานใหม่และทาการวเิ คราะห์ความเหมาะสม ความเปน็ ไปไดใ้ นการใช้คอมพิวเตอร์กับระบบงาน เพื่อใหโ้ ปรแกรมเมอร์เปน็ ผเู่ ขยี นโปรแกรมให้กับระบบงาน3. โปรแกรมเมอร์ (Programmer) คือ ผู้เขียนโปรแกรมสัง่ งานเคร่ืองคอมพิวเตอร์เพื่อให้ทางานตามความต้องการของผใู้ ช้ โดยเขยี นตามแผนผังท่ีนกั วเิ คราะห์ระบบได้เขียนไว้4. ผใู้ ช้ (User) คอื ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทว่ั ไป ซง่ึ ต้องเรยี นรวู้ ธิ ีการใช้เคร่ือง และวธิ กี ารใชง้ านโปรแกรม เพอ่ื ให้โปรแกรมที่มีอย่สู ามารถทางานไดต้ ามท่ตี อ้ งการเนื่องจากเป็นผกู้ าหนดโปรแกรมและใชง้ านเครือ่ งคอมพวิ เตอร์ มนษุ ย์จงึ เป็นตวั แปรสาคัญในอันที่จะทาให้ผลลัพธ์มคี วามน่าเช่อื ถือ เนื่องจากคาสงั่ และข้อมูลท่ีใช้ในการประมวลผลไดร้ ับจากการกาหนดของมนุษย์(People ware) ท้ังส้ิน ศูนยค์ อมพวิ เตอร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏมหาสารคาม

คอมพิวเตอรเ์ บื้องต้นข้อมูล (Data) ข้อมลู เป็นองคป์ ระกอบทีส่ าคญั อย่างหนึ่งในระบบคอมพวิ เตอร์ เปน็ สง่ิ ทต่ี ้องปูอนเขา้ ไปในคอมพวิ เตอร์พร้อมกับโปรแกรมทน่ี กั คอมพวิ เตอรเ์ ขยี นข้นึ เพือ่ ผลิตผลลพั ธท์ ี่ต้องการออกมา ข้อมูลท่ีสามารถนามาใช้กับคอมพิวเตอร์ได้ มี 5 ประเภท คอื ข้อมูลตัวเลข (Numeric Data) ข้อมลู ตัวอักษร (Text Data) ข้อมูลเสียง(Audio Data) ข้อมูลภาพ (Images Data) และข้อมูลภาพเคลื่อนไหว (Video Data)ในการนาข้อมลู ไปใช้นน้ั เรามีระดับโครงสรา้ งของข้อมูลดังนี้ ศนู ย์คอมพิวเตอร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั มหาสารคาม

คอมพวิ เตอรเ์ บ้ืองต้นทําความรูจ้ ักกบั Windows 7 ในปจั จุบัน ทกุ คนล้วนมีคอมพิวเตอรก์ ันทุกคนอยู่แลว้ ถา้ พดู ถงึ สิง่ สาํ คญั ในคอมพิวเตอรข์ องเราที่ขาดไมไ่ ด้ ทุกๆคนคงตอบเหมือนกัน คือ เกม เอย้ ไมใ่ ช่ !!! มันคอื ระบบ ปฏิบัตกิ าร หรือทเ่ี ราชอบเรียกย่อๆวา่ OS โดย OS ที่คนสว่ นใหญน่ ยิ มใช้กันในปัจจบุ นั คือ Windows ของคา่ ยไมโครซอฟท์ ปจั จบุ นั สว่ นใหญม่ ักใช้ Windows XP และ Vista (ทีห่ ลายคนมักบน่ วา่ มปี ัญหา) ซ่ึง ตอนน้ีทางไมโครซอฟท์ ออก Windows เวอร์ชน่ั ใหม่มาแล้วนะครบั ใช้ชอ่ื วา่ Windows 7นอ้ งๆ บางคนคงได้ดาวนโหลดมาลองใชบ้ า้ งแลว้ แต่คิดวา่ คงมีอีกหลายคนเลย ที่ยังไม่เคยลองใช้ โดยสว่ นใหญอ่ ยากรู้วา่ มนั ดีอย่างไร ตา่ งจากตวั ก่อนมากไหม แตไ่ ม่กล้าที่จะลอง ระบบปฏบิ ัตกิ ารรนุ่ ต่อไปที่ไมโครซอฟท์ได้พฒั นาข้นึ มา ดเู หมอื นว่าจะเป็นการต่อยอดจากWindows Vista เสยี มากกว่า เพราะแทบจะไม่มคี วามแตกต่างทีช่ ัดเจนมากนัก ผ้ใู ช้หลายคนลงความเหน็ ว่ามันเปน็ Vista Minor Change เท่าน้นั เอง Windows 7 นั้น ถูกออกแบบมาเพ่ือใช้กบั โน้ตบุ๊กและพซี ีโดยเฉพาะ ส่วนใครจะเอาไปตดิ ตั้งลงเคร่ืองแมคก็ไม่ใชเ่ รื่องท่ผี ิดแต่อย่างใด ศนู ยค์ อมพิวเตอร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั มหาสารคาม

คอมพิวเตอร์เบือ้ งตน้ มีอะไรใหมใ่ น Windows 7 นับตงั้ แต่ Windows 95 ท่ีทาํ ให้คนทัว่ โลกรู้จักกบั Windows มาจนถงึ Windows XP ทมี่ าพร้อมกบั หน้าตาท่ีสวยงาม และเปน็ ระบบปฏิบัติการท่ีมผี ใู้ ช้มากที่สุดในปัจจบุ ัน และขณะนี้กถ็ งึ เวลาของ Windows7 ทจ่ี ะมาพร้อมกบั การยกเครื่องคร้ังใหญ่ของ Windows โดยส่ิงท่ีสงั เกตเหน็ ไดช้ ัดที่สดุ คือ หนา้ ตาที่ทนั สมยัเปล่ยี นไปจาก Windows ร่นุ กอ่ นๆ อย่างมาก โปรแกรมต่างๆ ที่มาพร้อมกบั ตวั Windows ท่ดี จู ะมีประโยชน์มากกวา่ Windows รุน่ ทีผ่ า่ นๆ มา ดา้ นประสทิ ธภิ าพ และความสเถียรในการใชง้ านสงู กวา่ Windows รนุ่ก่อนๆ มาก รวมถงึ ความสามารถใหม่ๆ อย่าง Windows XP Mode, Aero Peek, Aero Snap และอื่นๆ อีกมากมายทถ่ี ูกเพ่ิมเขา้ มาใน Windows 7 ท่ีเมอ่ื ใชแ้ ลว้ รูส้ กึ ได้ถงึ ความสะดวก และเป็นมติ รต่อผใู้ ช้อย่างมากครับ สําหรบั ตอนนคี้ งจะไมอ่ ธบิ ายรายละเอียดมากนัก ไว้ตอนต่อๆ ไปจะพดู ถงึ เร่ืองฟีเจอรต์ า่ งๆ ท่ีเพิ่มเขา้ มาแบบละเอยี ดอีกครัง้ ในแต่ละห้อข้อครับ ภาพ หนา้ ตา Windows 7 ศนู ยค์ อมพวิ เตอร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏมหาสารคาม

คอมพวิ เตอรเ์ บอ้ื งตน้องคป์ ระกอบพ้ืนฐานของ Windows 7  Desktop Desktop คือ หน้าแรกสดุ ท่เี ราพบมื่อเราเปดิ เคร่อื งคอมพิวเตอร์ขึน้ มา โดยหน้า Desktop ของ Windows 7 นน้ั ได้ถูกออกแบบใหด้ ูสวยงามมากขน้ึ เม่ือเปรียบเทียบกับ Windows รุน่ อ่นื ๆ ท่ที าง ไมโครซอฟต์ได้ผลิตออกมา ในหนา้ Desktop จะประกอบด้วยเคร่อื งมืออํานวยความสะดวกตา่ งๆ สําหรับผ้ใู ชง้ าน ได้แก่ ไอคอนของระบบ เช่นRecycle Bin, Computer (ถา้ ในระบบปฏบิ ัติการ Windows XP จะเป็น My Computer)เปน็ ต้นShortcut ของโปรแกรมต่าง เช่น Microsoft Word, Microsoft Excel เป็นต้น ภาพ Desktop ใน Windows 7 Taskbar ศูนยค์ อมพิวเตอร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั มหาสารคาม

คอมพิวเตอรเ์ บือ้ งต้น ทาสก์บาร์ของ Windows 7 ได้ถกู ปรับปรงุ ใหท้ าํ งานได้ลงตัวมากขึน้ โดยตดั เอา QuickLaunch แบบเกา่ ออกไป แต่จะสามารถปักหมุด (pin) โปรแกรมต่างๆ ไวบ้ นทาสก์บาร์ได้ โดยไอคอนของโปรแกรมที่ถูกปักหมดุ จะแสดงสถานะการทาํ งานของโปรแกรมด้วย โปรแกรมท่ีกาํ ลังทาํ งานอยู่จะมีลักษณะเปน็ กรอบสี่เหลี่ยมลอ้ มรอบไว้ ส่วนโปรแกรมที่ปดิ อยกู่ จ็ ะเป็นไอคอนปกติ ข้อดีของทาสก์บารแ์ บบใหม่คือประหยดั พื้นที่ รวมถงึ ความสวยงามด้วย ภาพ Taskbar ใน Windows 7 สําหรบั การคลกิ ขวาบนไอคอน จากเดมิ ท่ีสามารถเลอื กไดเ้ พียง ย่อ ขยาย ยา้ ย หรอื ปิดหนา้ ตา่ งของโปรแกรมนน้ั ๆ Windows 7 มีการปรับปรงุ เมนูนีใ้ หม่ เม่ือคลกิ ขวาผู้ใช้จะพบกบัJumplistซง่ึ มีประโยชน์มากกวา่ เดิม เชน่ Jumplistของ Windows Live Messenger ผ้ใู ชจ้ ะพบกบัเมนเู ปลยี่ นสถานะ ซึ่งแตล่ ะโปรแกรมจะมี Jumplistท่แี ตกต่างกนั ภาพ คลิกขวาที่ Taskbar Start Menu ศนู ย์คอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏมหาสารคาม

คอมพิวเตอร์เบือ้ งตน้ Start Menu ของ Windows 7 จะมใี ห้ใชแ้ บบเดียวเทา่ นั้น โดยเมนแู บบ Classic ซึ่งอยู่ใน Wndowsมานานได้ถูกตัดออกไป หนา้ ตาไม่ได้เปลย่ี นจาก Windows Vista มากนัก ผมชอบปุ่มชตั ดาวน์ (ที่นา่ จะทําแบบนตี้ ัง้ แต่ Vista แล้ว) ทค่ี ลกิ ครงั้ เดียวก็สามารถปดิ เครื่องได้ ภาพ Start Menu ของ Windows 7 นอกจากนอ้ี ีกหน่ึงจดุ เด่นของ Start Menu ใน Windows 7 คือ เราสามารถคน้ หาโปรแกรมและไฟล์ต่าง ๆ ไดด้ ้วยวธิ ีการพิมพช์ ื่อโปรแกรมหรือช่ือไฟลล์ งไปในช่อง Search programs and files ศูนยค์ อมพิวเตอร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั มหาสารคาม

คอมพิวเตอร์เบ้ืองตน้  Gadgets Gadgets คอื โปรแกรมขนาดเลก็ ทส่ี ามารถสงั่ แสดงบนหนา้ Desktop ของ Windows ซึ่งมมี า ตงั้ แต่ Windows Vista แล้ว สําหรบั Gadgets นอ้ี าจเป็นได้ท้ังโปรแกรมแสดง นาฬิกา ปฏบิ ัติ เครอ่ื ง คดิ เลข ภูมิอากาส ภาพสไลดโ์ ชว์ ฟังเพลง ฟังวิทยุออนไลน หรอื แมแ้ ต่เล่นเกมส์ เปน็ ตน้ ส่งิ ท่ีแตกต่าง ระหวา่ ง Gadgets ทอ่ี ยบู่ น Windows Vista กับ Windows 7 ก็เห็นจะเป็นส่วนของ Gadgets Bar ทีป่ รากฎอยใู่ น Windows Vista แตถ่ ูกตัดทงิ้ ไปใน Windows 7 โดยที่ใน Windows 7 นน้ั เราจะ สามารถวาง Gadgets ได้อยา่ งอิสระบนหน้า Desktop ซง่ึ โดยส่วนตัวแลว้ ผมเห็นวา่ Gadgets บน Windows 7 ดนู า่ ใช้งานกว่าใน Windows Vista มากพอสมควร ภาพ Gadgets ของ Windows 7 Pin โปรแกรมเพื่อการเรียกใชท้ ีส่ ะดวกขนึ้ อีกหน่งึ ความสามารถใหมข่ อง Windows 7 ท่ีผมเหน็ แล้วต้องบอกว่าดมี าก ๆ แล้วกอ็ ยากนาํ มาบอกต่อในวนั น้ีนัน่ กค็ อื Pin (แลว้ Pin น้มี นั คืออะไรหว่า -*-) Pin ก็คือ การปักโปรแกรมเอาไว้เพ่ือให้สามารถเรยี กใช้งานได้งา่ ยขน้ึ ในคราวถัดไป โดยใน Windows 7 น้ันการ Pin โปรแกรมจะทําได้อยู่ 2 ตาํ แหน่ง คือ Pinโปรแกรมไวท้ ี่ Taskbar และ Pin โปรแกรมไว้ท่ี Start Menuเดีย๋ วเราจะอธบิ ายทีละสว่ นเลยแล้วกันนะครับเร่มิ จากการ Pin โปรแกรมไว้ที่ Taskbar ศนู ย์คอมพวิ เตอร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั มหาสารคาม

คอมพวิ เตอร์เบ้อื งต้นการ Pin โปรแกรมไว้ที่ Taskbar 1. เมอ่ื เปดิ โปรแกรมท่ีเราต้องการ Pin ขึ้นมา จะปรากฎไอคอนของโปรแกรมที่ Taskbar โดย อตั โนมัติ ในตวั อย่างจะเปิดโปรแกรม Notepad 2. จากนัน้ ให้ทําการคลิกขวาที่ไอคอนบน Taskbarก็จะปรากฎเมนตู ่าง ๆ ขึน้ มา ดังรปู ศนู ยค์ อมพวิ เตอร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั มหาสารคาม

คอมพวิ เตอร์เบอ้ื งต้น3. นาํ เมาสไ์ ปคลิกเลอื กที่ Pin this program to taskbarเพื่อทําการ Pin โปรแกรมเอาไวท้ ่ี Taskbar4. จากน้นั ให้ทาํ การปิดโปรแกรม ในทน่ี คี้ ือ Notapadจะพบวา่ ไอคอนของโปรแกรม Notepad จะปรากฎบน Taskbar ตลอดเวลา ศูนยค์ อมพวิ เตอร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏมหาสารคาม

คอมพวิ เตอรเ์ บอ้ื งตน้การ Pin โปรแกรมไวท้ ่ี Taskbar 1. คลกิ ทีป่ ุม่ Start เพ่ือเปิด Start Menu2. เลอื กโปรแกรมทต่ี ้องการ Pin ไว้ที่ Start Menu ศูนยค์ อมพวิ เตอร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั มหาสารคาม

คอมพวิ เตอรเ์ บ้อื งต้น3. คลิกขวาทีโ่ ปรแกรมท่ตี ้องการ Pin ไว้ที่ Start Menu 4. เลือกที่ Pin to Start Menu เพ่ือทําการ Pin โปรแกรมไว้ท่ี Start Menu (ในกรณีที่ต้องการ Pin โปรแกรมไว้ท่ี Taskbar ใหเ้ ลือก Pin to Taskbar) 5. จะพบว่าโปรแกรมท่เี ราได้ Pin เอาไว้จะปรากฎอยูบ่ น Start Menu ตลอดเวลา Pin เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติดี ๆ ที่ถูกเพ่ิมเติมลงใน Windows 7 ท่ีจะช่วยให้ผู้ใช้งานอย่างเราๆ สามารถใช้งาน Windows 7 ไดส้ ะดวกมากยิง่ ข้นึ ศูนยค์ อมพิวเตอร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏมหาสารคาม

คอมพิวเตอรเ์ บ้ืองตน้ ยอ่ หน้าตา่ งโปรแกรมอย่างรวดเรว็ ในกรณีท่ีเราเปิดโปรแกรมหลายโปรแกรม มีหน้าต่างของโปรแกรมอยู่มากมาย แล้วเราต้องการไปยังหน้า Desktop ของ Windows 7 คงจะใช้เวลาไม่น้อยหากเราจะค่อย ๆ ย่อหน้าต่างของโปรแกรมแต่ละโปรแกรมไปยัง Taskbar ทีละอัน แต่ปัญหาที่ว่ามาน้ีจะหมดไปเม่ือคุณเลือกใช้งาน Windows 7 เพราะWindows 7 ไดท้ าํ ปมุ่ สําหรับการย่อโปรแกรมเพื่อไปยัง Desktop อย่างรวดเร็วไว้แล้ว เรามาดูข้ันตอนการใช้งานคณุ สมบัตนิ ้กี ันเลยดีกว่า 1. ตาํ แหน่งของปุ่ม Show Desktop ใน Windows 7 จะอยบู่ น Taskbar โดยจะปรากฎอยู่ทางขวามือ สดุ ของ Taskbarติดกับ วันท่แี ละเวลาบน Taskbar 2. นําเมาส์ไปคลิกท่ี ป่มุ Show Desktop โปรแกรมทง้ั หมดท่ีเราเปิดก็จะถูกย่อไว้ท่ี Taskbar การแสดงตัวอยา่ งเดสก์ท็อปชว่ั คราวโดยใช้ Peek ศนู ย์คอมพิวเตอร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏมหาสารคาม

คอมพวิ เตอรเ์ บื้องตน้ คุณสามารถดูเดสก์ท็อปช่ัวคราวได้โดยใช้ Peek การดําเนินการน้ีจะมีประโยชน์สําหรับการดูโปรแกรมเบ็ดเตลด็ และโฟลเดอร์บนเดสกท์ อ็ ปอยา่ งรวดเรว็ หรือเมือ่ คณุ ไม่ตอ้ งการยอ่ หน้าต่างท่ีเปิดอยู่ทั้งหมดให้เล็กสุดซึง่ ทําใหค้ ุณไม่จําเป็นต้องคืนค่าหน้าต่างเหล่านน้ั ในภายหลงั 1. ช้ไี ปที่ปมุ่ แสดงเดสก์ท็อป (Show Desktop) ทตี่ ําแหน่งท้ายสดุ ของแถบงาน 2. หน้าต่างท่เี ปิดอยู่จะเลือนหายไปเพื่อแสดงใหเ้ ห็นเดสก์ท็อป 3. เมือ่ ต้องการให้หนา้ ต่างปรากฏขนึ้ อกี ครง้ั ให้เลอ่ื นตวั ชอ้ี อกจากป่มุ แสดงเดสก์ท็อป การแสดงตัวอย่างหน้าต่างทเ่ี ปดิ อยูบ่ นเดสกท์ อ็ ปโดยใช้ Peek เม่ือคุณเปิดหน้าต่างหลายบานบนเดสก์ท็อป บางครั้งการดูหน้าต่างแยกต่างหากหรือการสลับไปมาระหว่างหนา้ ตา่ งอาจเปน็ เรือ่ งทา้ ทายอยา่ งหน่ึงได้ ศนู ย์คอมพวิ เตอร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏมหาสารคาม

คอมพวิ เตอร์เบือ้ งตน้ คุณสามารถใช้ Peek เพอ่ื ดูหน้าต่างอื่นๆ ที่เปิดอยู่อย่างคร่าวๆ ได้ โดยไม่ต้องเปลี่ยนจากหน้าต่างที่คุณกําลงั ทาํ งานอย่ไู ปยงั หน้าตา่ งเหลา่ นั้น Peek ช่วยให้คุณสามารถแสดงตัวอย่างเน้ือหาในหน้าต่างท่ีเปิดอยู่ และสลับไปยังหนา้ ต่างที่คณุ ตอ้ งการไดอ้ ย่างง่ายดาย 1. ชี้ไปทปี่ ุ่มโปรแกรมบนแถบงานท่มี แี ฟ้มทีเ่ ปิดอยู่ 2. ชไี้ ปทรี่ ปู ขนาดย่อ หน้าตา่ งอน่ื ๆ ทเ่ี ปิดอยู่ท้ังหมดจะเลือนหายไปชั่วคราวเพ่ือแสดงหน้าต่างที่เลือก เมื่อต้องการแสดงตัวอย่างหน้าต่างอ่ืน ให้ช้ีไปท่ีรูปขนาดย่อรูปอื่น เม่ือต้องการคืนค่ามุมมองเดสก์ท็อปของคุณ ให้เล่ือนตวั ชีอ้ อกจากรปู ขนาดย่อ ศนู ยค์ อมพวิ เตอร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั มหาสารคาม

คอมพิวเตอรเ์ บ้ืองตน้ Shake เคยอยากจัดการเดสก์ท็อปท่ีไม่เป็นระเบียบและมุ่งความสนใจไปท่ีหน้าต่างเดียวอย่างรวดเร็วหรือไม่เพียงคลิกที่ดา้ นบนสดุ ของบานหนา้ ต่างและเขยา่ เมาส์ของคุณ ดูสิ หน้าต่างท่ีเปิดอยู่ทั้งหมดยกเว้นหน้าต่างน้ันจะหายไปทนั ที เขย่าอีกคร้ัง หน้าต่างเหล่านน้ั กจ็ ะกลบั มา (ใครบอกวา่ เมาส์เก่าไม่สามารถเรียนรู้ลูกเล่นใหม่ได้)ข้ันตอนการใชง้ านคุณสมบตั ิ Shake ของ Windows 7 1. เริ่มต้นจากหนา้ จอท่เี ต็มไปดว้ ยหน้าต่างของโปรแกรม 2. จากนน้ั ให้นําเมาส์ไปคลิกท่ีดา้ นบนสุดของบานหน้าต่างค้างเอาไว้ แลว้ เขยา่ เมาส์ไปมา ศนู ยค์ อมพิวเตอร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏมหาสารคาม

คอมพวิ เตอรเ์ บอื้ งตน้3. ผลลัพธ์ท่ีดจะปรากฏเฉพาะหน้าต่างโปรแกรมที่เราเขย่าเท่าน้ัน ส่วนโปรแกรมอ่ืน ๆ ที่เปิด เอาไว้จะถกู ยอ่ ลงไปไว้ที่ Taskbar ศนู ย์คอมพวิ เตอร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั มหาสารคาม

คอมพิวเตอรเ์ บือ้ งตน้จดั ตําแหนง่ ของหนา้ ต่างโปรแกรมดว้ ย Snap Snap คือ วิธีการใหม่ท่ีรวดเร็ว (และสนุกสนาน) ในการปรับขนาดหน้าต่างท่ีเปิดอยู่ ด้วยการลากหนา้ ตา่ งเหลา่ นน้ั ไปที่ขอบของหนา้ จอ คุณสามารถขยายในแนวตั้ง ขยายเต็มพ้ืนท่ีหน้าจอ หรือทําให้แสดงขึ้นคู่กับอีกหน้าต่างหนึ่งก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าคุณลากหน้าต่างไปท่ีตําแหน่งใด Snap ช่วยให้การอ่าน การจัดระเบียบ และการเปรียบเทียบหน้าต่างเป็นเรื่องง่าย คุณคงพอเห็นภาพแล้ว ต่อไปเรามาเร่ิมเรียนรู้การใช้งานคุณสมบัติ Snap บน Windows 7 กันดกี วา่ 1. ปรับขนาดของหนา้ ตา่ งโปรแกรมใหม้ ขี นาดเล็กลง ศนู ย์คอมพวิ เตอร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั มหาสารคาม

คอมพิวเตอรเ์ บ้อื งต้น2. จากน้นั ใหน้ าํ เมาส์ไปคลิกทีด่ ้านบนสดุ ของบานหน้าต่างค้างเอาไว้ จากนนั้ ลากหน้าตา่ งของ โปรแกรมไปยงั ขอบบนของหน้าจอ3. ผลลพั ธ์ที่ได้คือ หนา้ ต่างของโปรแกรมจะขยายออกจนเต็มหน้าจอ ศูนย์คอมพวิ เตอร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั มหาสารคาม

คอมพิวเตอร์เบอ้ื งตน้4. กรณีท่ีราต้องการจัดให้หน้าต่างโปรแกรมให้อยู่ชิดหน้าจอฝ่ังซ้ายมือ ก็สามารถจัดการได้ด้วย Snap โดยเริ่มต้นจากนําเมาส์ไปคลิกที่ด้านบนสุดของบานหน้าต่างค้างเอาไว้ จากน้ันลาก หนา้ ต่างของโปรแกรมไปยังขอบดา้ นซ้ายมือของหนา้ จอ5. ผลลัพธ์ท่ีไดค้ ือ หน้าต่างของโปรแกรมจะขยายออกจนเตม็ หน้าจอในแนวตง้ั และหน้าต่าง โปรแกรมจะอยู่ชดิ ขอบขวาของโปรแกรม ศนู ย์คอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏมหาสารคาม

คอมพิวเตอร์เบื้องต้น6. ในทางตรงกนั ข้าม หากต้องการให้หน้าต่างของโปรแกรมอยู่ชิดทางด้านขวามือของหน้าจอก็ให้ ทําตามข้ันตอนที่ 4 และข้ันตอนท่ื 5 แต่ให้เปลี่ยนจากการเล่ือนไปชิดขอบซ้ายเป็นเล่ือนไปชิด ขอบขวา ศูนยค์ อมพิวเตอร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏมหาสารคาม

คอมพวิ เตอร์เบอ้ื งต้นจดบนั ทกึ แบบงา่ ย ๆ ด้วย Stick Note Stick Noteนอกจากจะจาํ เปน็ พอๆ กับดินสอและคลิปหนีบกระดาษแล้ว ยังมีประโยชน์มากกว่าน้ัน ในWindows 7 คุณสามารถจัดรูปแบบข้อความของบันทึกย่อ เปล่ียนสีของบันทึกย่อด้วยการคลิก รวมท้ังปรับขนาด ยบุ และพลกิ ดบู ันทกึ ย่อไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ถ้าคุณมีแท็บเล็ตพีซีหรือหน้าจอสัมผัส Stick Noteของ Windows 7 จะสนับสนุนปากกาและการป้อนข้อมูลด้วยการสัมผัสด้วย คุณยังสามารถสลับระหว่างวิธีการป้อนข้อมูลแบบต่างๆ ภายในพื้นที่ของบันทึกย่อหน่ึงๆ สําหรับการใชง้ าน Stick Note นั้นมีขั้นตอนดังต่อไปนี้ 1. คลิกทปี่ ุม่ Start เพ่ือเปิด Start Menu ให้พิมพ์คําวา่ “Stick Note” ในช่องคน้ หาบน StartMenu 2. ใหเ้ ลอื กโปรแกรม Stick Note ท่ีปรากฎขึน้ มา 3. ที่หนา้ Desktop จะปรากฎโปรแกรม Stick Note ท่มี หี น้าตาคลา้ ยกับกระดาษโน้ต ศนู ย์คอมพวิ เตอร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั มหาสารคาม

คอมพวิ เตอรเ์ บอื้ งตน้4. เราสามารถพิมพ์ขอ้ ความตา่ ง ๆ ท่ีต้องการเตือนความจาํ เอาไวไ้ ด้ ศูนยค์ อมพวิ เตอร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั มหาสารคาม

คอมพวิ เตอรเ์ บ้อื งต้น5. นอกจากนเี้ รายงั สามารถเปลี่ยนสีของกระดาษได้ดว้ ย เรม่ิ ต้นจากการคลกิ ขวาในบรเิ วณพ้นื ที่ ของกระดาษ6. เลอื กสที ่เี ราต้องการ กจ็ ะได้ผลลพั ธด์ ังรูป ศูนย์คอมพิวเตอร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั มหาสารคาม

คอมพิวเตอร์เบอ้ื งต้นการใชง้ าน Keyboard Shortcut บน Windows 7 คําสง่ั Keyboard Shortcut หรอื คาํ สั่งลดั ท่ีใช้ส่งั การแทนการใชเ้ ม้าส์ หรือคลิกท่ีคําสั่งนนั้ ๆ ซง่ึ หลายๆคาํ สั่งต้องผา่ นการคลิกหลายคร้งั แต่ Keyboard Shortcut สามารถช่วยใหก้ ารทาํ งานสะดวก และง่ายดายมากย่ิงขนึ้ แถมเวลาใชง้ าน ยังทําให้ดเู หมือนเปน้ มืออาชพี มากขน้ึ ด้วย สนใจหรือเปล่าครบั .. :) เรามาดูกนั ซวิ ่าบน Windows 7 จะมี Keyboard Shortcut อะไรบ้างที่นา่ สนใจและทจี่ ะสามารถชว่ ยอํานวยความสะดวกใหเ้ ราได้ ทําความเข้าใจกนั ก่อนนิกนงึ นะครบั Winkeyหรอื Windows Logo จะเปน็ คยี ์สาํ คัญของเรา มนั มกั จะอยูร่ ะหว่างปุ่ม Ctrl และปมุ่ Alt บนคียบ์ อรด์ และอกี อยา่ งทส่ี าํ คญั คือ สัญลักษณ์ “+” ซ่ึงจะมคี วามหมายท่ีเข้าใจตรงกนั ว่า เป็นการกดคียท์ ั้ง 2 คา้ งไว้ ในเวลาเดยี วกนั Keyboard Shortcuts Classic ก็คือ Keyboard Shortcuts ทม่ี อี ยู่แล้วตง้ั แต่ระบบปฏบิ ตั กิ าร Windows รุ่นก่อนหน้าน้ี Ctrl + c :การใชค้ าํ ส่งั Copyหรอื การคัดลอกข้อมูล Ctrl + x :การใชค้ ําส่งั Cut หรือ การตดั / ยา้ ยข้อมูล Ctrl + v :การใชค้ ําสง่ั Paste หรือ การวางข้อมลู Alt + Tab :การสลับระหวา่ งหน้าต่างทเี่ ปิดใชง้ าน Ctrl + Shift+Esc :เรียกใชง้ าน Windows Task Manager Winkey + Pause/Break :เรยี กใช้งาน System Properties ศูนย์คอมพวิ เตอร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏมหาสารคาม

คอมพิวเตอรเ์ บ้ืองตน้ Keyboard Shortcuts Windows 7 Winkey + T :โฟกสั ไปท่ีโปรแกรมท่ีปักหมุด บนทาสก์บาร์ สามารถกดซํ้าเพื่อเลื่อนไปที่โปรแกรมถัดไปหรอื อาจใชล้ กู ศรซ้ายขวาเล่ือนไปก็ได้ Winkey + B :โฟกสั ไปที่โปรแกรมบน System Tray Winkey + number(1-9) : เปิดโปรแกรมทป่ี ักหมุด อยูบ่ นทาสก์บาร์นบั เรียงจากซ้ายไปขวา Shift + Winkey + Number(1-9) : เปิดโปรแกรมทป่ี กั หมุด บนทาสก์บารใ์ นหน้าใหม่ Alt + Winkey + number(1-9) : เปิดเมนู Jumplistของโปรแกรมทป่ี ักหมดุ บนทาสกบ์ าร์ Ctrl + Winkey + number(1-9) : สวิตช์ไปยังโปรแกรมท่ีปักหมุด บนทาสก์บาร์หรืออาจจะใช้เมาส์รว่ มกับคีย์บอร์ด เพือ่ ความสะดวกย่ิงขึ้นก็ได้ Shift + Click บน taskbar button :เปิดโปรแกรมที่ปักหมุด บนทาสก์บาร์ในหน้าใหม่ (กรณีท่ีโปรแกรมน้นั กาํ ลงั ทาํ งานอยู)่ Ctrl + Shift + Click บน taskbar button :เปิดโปรแกรมโดยใช้สิทธ์ิของผู้ดูแลระบบ(Administrator) Winkey + Home :ใช้ Aero shake จะทําให้หน้าต่างที่เหลือถูกย่อไปทั้งหมด ยกเว้นหน้าต่างที่เราใช้งานอยู่ (หากใชเ้ มาสก์ ็สามารถทาํ ได้โดยการคลกิ แล้วเขย่าหน้าตา่ งนน่ั ) Winkey + Tab :เปดิ ใช้งานคุณลกั ษณะท่ีเรียกวา่ Aero Flip 3D Winkey + Spacebar :หนา้ ต่างทงั้ หมดที่เปดิ ไวจ้ ะใสทงั้ หมดทําใหเ้ รามองเหน็ desktop ได้ง่ายยิง่ ขนึ้ Winkey + D :โชวเ์ ดสกท์ อป (เหมือนเรากดปมุ่ show desktop) Winkey + X :เปิด Windows Mobility Center เหมาะกับการใช้เครื่องโน๊ตบุ๊คนอกสถานท่ีเป็นอย่างยงิ่ Winkey + ซ้ายหรือขวา : ย้ายหน้าตา่ งไปตดิ ดา้ นขวา ซา้ ย หรือตรงกลาง Winkey + ขนึ้ หรอื ลง : ย่อ/ขยายหนา้ ต่างทเ่ี ปดิ อยู่ ศูนยค์ อมพวิ เตอร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั มหาสารคาม

คอมพวิ เตอร์เบือ้ งตน้ศูนย์คอมพวิ เตอร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏมหาสารคาม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook