Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การเลียงปลานิล - มหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร

การเลียงปลานิล - มหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร

Published by Bangbo District Public Library, 2019-06-24 04:23:25

Description: การเลียงปลานิล - มหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร

Search

Read the Text Version

ปัญหาพเิ ศษ เรือง ความหนาแน่นของปลานิลทเี หมาะสมในการอนุบาลเมอื แปลงเพศด้วยนําแช่ใบมงั คุด OPTIMUM DENSITY OF NILE TILAPIA (Oreochromis niloticus, Linn) NURSING ON SEX-REVERSAL FROM MANGOSTEEN LEAVES IMMERSE SOLUTION จดั ทาํ โดย นายภกั ดี มากช่วย รหัส 5307101006 สาขาวชิ าการประมง มหาวทิ ยาลยั แม่โจ้-ชุมพร มหาวทิ ยาลยั แม่โจ้ ปี การศึกษา 2556

ความหนาแน่นของปลานิลทเี หมาะสมในการอนุบาลเมือแปลงเพศด้วยนําแช่ใบมงั คุด OPTIMUM DENSITY OF NILE TILAPIA (Oreochromis niloticus, Linn) NURSING ON SEX-REVERSAL FROM MANGOSTEEN LEAVES IMMERSE SOLUTION ได้พจิ ารณาเห็นชอบโดย อาจารยท์ ีปรึกษาปัญหาพเิ ศษ วนั ที...….เดือน…………พ.ศ……… …………………………………… (อาจารยก์ มลวรรณ ศุภวิญ )ู อาจารยท์ ีปรึกษาปัญหาพิเศษร่วม วนั ที...….เดือน…………พ.ศ……… …………………………………… (อาจารยย์ ทุ ธนา สวา่ งอารมย)์

ชือเรือง: ความหนาแน่นของปลานิลทีเหมาะสมในการอนุบาลเมือแปลงเพศดว้ ย นาํ แช่ใบมงั คุด ชือผเู้ ขียน : OPTIMUM DENSITY OF NILE TILAPIA (Oreochromis ชือปริญญา : niloticus, Linn) NURSING ON SEX-REVERSAL FROM อาจารยท์ ีปรึกษา : MANGOSTEEN LEAVES IMMERSE SOLUTION นายภกั ดี มากช่วย วิทยาศาสตรบณั ฑิต สาขาวิชาการประมง อาจารยก์ มลวรรณ ศุภวิญ ู บทคดั ย่อ การศึกษาระดบั ความหนาแน่นของปลานิลทีเหมาะสมในการอนุบาลเมือแปลงเพศดว้ ยนาํ แช่ใบมงั คุด โดยนาํ ไข่ปลานิลระยะที 4 Yolk sac fry มาอนุบาลในนาํ ทีแช่ใบมงั คุดทีมีความเขม้ ขน้ 2.5 กรัมของนาํ หนกั ใบมงั คุดอบแหง้ /นาํ 1 ลิตร เป็นระยะเวลา 6 ชวั โมง หลงั จากนนั ทาํ การอนุบาล ต่อไปเป็นระยะเวลา 3 เดือน แบ่งการทดลองออกเป็น 2 ชุดการทดลองๆ ละ 3 ซาํ ผลการทดลอง พบวา่ อตั ราการรอดของการอนุบาลปลานิลทีแปลงเพศดว้ ยนาํ แช่ใบมงั คุด ในการทดลองครังที 1 ทาํ การแช่ไข่ปลานิลระยะที 3 ในความเขม้ ขน้ ของนาํ แช่ใบมงั คุด 2.5 กรัมของนาํ หนกั ใบมงั คุด อบแหง้ /นาํ 1 ลิตร เป็นระยะเวลา 6 ชวั โมง พบวา่ มีอตั ราการรอดตายเท่ากบั 0% จึงไดท้ าํ การทดลอง ครังที 2 โดยมีการเปลียนแปลงระยะไขป่ ลานิลจากเดิมใชไ้ ข่ปลานิลระยะที 3 เป็นไข่ปลานิลระยะที 4 พบวา่ ชุดการทดลองที 1 ปลานิลทีเลียงทีระดบั ความหนาแน่น 100 ตวั /ตู้ มีอตั ราการรอดตายเฉลีย เท่ากบั 60.67 12.50% และชุดการทดลองที 2 ปลานิลทีเลียงทีระดบั ความหนาแน่น 200 ตวั /ตู้ มี อตั ราการรอดตายเฉลียเท่ากบั 68.00 10.64% อตั ราการรอดตายของปลานิลทงั สองชุดการทดลอง ไม่มีความแตกต่างอยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติ (P>0.05) ส่วนผลการหาเปอร์เซ็นตก์ ารเปลียนเพศปลา นิลพบว่า ชุดการทดลองที 1 ปลานิลทีเลียงทีระดบั ความหนาแน่น 100 ตวั /ตู้ เป็ นเพศผูเ้ ท่ากับ 92.00 7.21% และชุดการทดลองที 2 ปลานิลทีเลียงทีระดบั ความหนาแน่น 200 ตวั /ตู้ เป็ นเพศผู้ เท่ากบั 80.67 3.06 % เปอร์เซ็นตเ์ พศผขู้ องปลานิลทงั สองชุดการทดลองไม่มีความแตกต่างอยา่ งมี นยั สาํ คญั ทางสถิติ (P>0.05)

ก กติ ตกิ รรมประกาศ ขา้ พเจา้ ขอขอบพระคุณ อาจารยก์ มลวรรณ ศุภวิญ ู อาจารยท์ ีปรึกษาปัญหาพิเศษ และ อาจารยย์ ทุ ธนา สว่างอารมย์ อาจารยท์ ีปรึกษาปัญหาพิเศษร่วม ซึงไดก้ รุณาให้คาํ แนะนาํ ในการวาง แผนการดาํ เนินงาน ตลอดจนช่วยสนบั สนุนวสั ดุอุปกรณ์ในการทดลอง จนกระทงั งานทดลองใน ครังนีสาํ เร็จลุล่วงไปดว้ ยดี และช่วยตรวจสอบแกไ้ ขจนกระทงั สาํ เร็จออกมาเป็นรูปเล่มปัญหาพิเศษ อยา่ งสมบูรณ์ ขา้ พเจา้ จึงขอกราบขอบพระคุณเป็นอยา่ งสูงมา ณ โอกาสนี ขอขอบพระคุณ คุณณิชาพล บวั ทอง นกั วิทยาศาสตร์ประจาํ ห้องปฏิบตั ิการวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร ทีให้ความอนุเคราะห์ในการใช้อุปกรณ์ห้องวิทยาศาสตร์ และให้ คาํ ปรึกษาเกียวกบั การทดลองในครังนี นอกจากนีขา้ พเจา้ ยงั ไดร้ ับความช่วยเหลือ และกาํ ลงั ใจจาก ทุกๆ คนในครอบครัวของขา้ พเจา้ รวมถึงเพือนๆ และบุคคลต่างๆ ทีให้ความช่วยเหลืออีกมากที ขา้ พเจ้าไม่สามารถกล่าวนามได้ทังหมดในทีนี ขา้ พเจ้ารู้สึกซาบซึงในความกรุณา และความ ปรารถนาดีของทุกท่านเป็นอยา่ งยงิ ขา้ พเจา้ จึงขอขอบพระคุณไว้ ณ โอกาสนี ภกั ดี มากช่วย กนั ยายน 2556

สารบัญ ข เรือง หน้า บทคดั ยอ่ (ก) กิตติกรรมประกาศ (ข) สารบญั (ค) สารบญั ภาพ (ง) สารบญั ตาราง บทที 1 บทนาํ 1 2 บทนาํ วตั ถุประสงค์ 3 บทที 2 การตรวจเอกสาร 14 ปลานิล 15 สารกลุ่มสเตอรอยดท์ ีพบในพืช 19 กลไกการออกฤทธิของสเตียรอยดฮ์ อร์โมน มงั คุด 22 บทที 3 วธิ ีการวิจยั 22 สถานทีดาํ เนินการวจิ ยั 23 อุปกรณ์ วิธีการวิจยั 26 บทที 4 ผลและวจิ ารณ์ผลการทดลอง 28 อตั ราการรอด 30 การเปลียนเพศ 31 บทที 5 สรุปผลการทดลอง บรรณานุกรม 33 ภาคผนวก 39 ภาคผนวก (ก) ภาพกิจกรรมการดาํ เนินงาน 42 ภาคผนวก (ข) ตารางขอ้ มูล ภาคผนวก (ค) ประวตั ิผวู้ จิ ยั

ค สารบัญภาพ หน้า ภาพที 7 7 1 ลกั ษณะทวั ไปของไขป่ ลานิลระยะที 1 8 2 ลกั ษณะทวั ไปของไขป่ ลานิลระยะที 2 8 3 ลกั ษณะทวั ไปของไขป่ ลานิลระยะที 3 9 4 ลกั ษณะทวั ไปของไขป่ ลานิลระยะที 4 17 5 ลกั ษณะทวั ไปของไข่ปลานิลระยะที 5 25 6 กลไกการออกฤทธิของสเตียรอยดฮ์ อร์โมน 28 7 แผนผงั ตูป้ ลาสาํ หรับใชใ้ นการอนุบาลลูกปลานิล 29 8 อตั ราการรอดตาย (%) ของปลานิลทีอนุบาลดว้ ยความหนาแน่นแตกต่างกนั 9 เพศปลานิล (%) ทีอนุบาลดว้ ยความหนาแน่นแตกต่างกนั หน้า ภาพผนวกที 34 34 1 ใบมงั คุดอบแหง้ ฉีกเป็นชินเลก็ ๆ 35 2 ไขป่ ลานิลระยะที 4 pre-hatched 35 3 การอนุบาลปลานิล 36 4 ปลานิลทีใชส้ าํ หรับทดลอง 36 5 อุปกรณ์สาํ หรับผา่ ปลานิล 37 6 การผา่ ปลานิล 37 7 ยอ้ มสีเซลลส์ ืบพนั ธุ์ดว้ ยสียอ้ มอะซีโตคาร์มีน 38 8 ส่องดูเซลลส์ ืบพนั ธุป์ ลานิลดว้ ยกลอ้ งจุลทรรศน์ 38 9 ลกั ษณะเซลลส์ ืบพนั ธุเ์ พศผู้ 10 ลกั ษณะเซลลส์ ืบพนั ธุเ์ พศเมีย

ง สารบญั ตาราง หน้า ตารางที 27 29 1 อตั ราการรอดตาย (%) ของปลานิลทีอนุบาลดว้ ยความหนาแน่นแตกต่างกนั 2 เพศปลานิล (%) ทีอนุบาลดว้ ยความหนาแน่นแตกต่างกนั หน้า ตารางผนวกที 40 41 1 การเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลียดว้ ยวิธี Independent Sample T-test 2 คา่ เฉลียต่างๆ ของขอ้ มูลทีทาํ การทดลอง

บทที 1 บทนํา “ปลานิล” เป็ นปลานําจืดทีเลียงง่าย และเติบโตเร็ว อีกทงั ตลาดยงั มีความตอ้ งการสูง เนืองจากมีรสชาติดี กา้ งนอ้ ย และไม่คาว ทาํ ใหส้ ามารถนาํ มาประกอบอาหารไดอ้ ยา่ งหลากหลาย จึง เป็ นทีนิยมเลียงของเกษตรกรโดยทวั ไป สาํ หรับการเลียงปลานิลของไทย แมว้ ่าเพิงมีพฒั นาการมา เพียง 40 กว่าปี แต่ก็มีผลผลิตทีตอบสนองความตอ้ งการของตลาดในประเทศไดด้ ี พร้อมทงั ยงั สามารถส่งออกไปตลาดต่างประเทศไดอ้ ีกดว้ ย สําหรับการเพาะเลียงปลานิลในประเทศไทยนัน ส่วนใหญ่เป็ นการเลียงเพือการบริโภคภายในประเทศ แต่ไดม้ ีความพยายามปรับปรุงสายพนั ธุ์และ พฒั นาเทคนิคการเลียง เพือให้ไดผ้ ลผลิตทีมีลกั ษณะและคุณภาพตรงกบั ความตอ้ งการของตลาด ต่างประเทศ อาทิ ปลานิลแปลงเพศ ซึงเป็นปลาทีจะนาํ มาทาํ การแปลงเพศใหเ้ ป็นเพศผทู้ งั หมด เพือ การเติบโตทีเร็วขึน มีขนาดใหญ่ และมีปริมาณเนือมาก ปัจจุบนั การใชฮ้ อร์โมนในการแปลงเพศปลา หรือในการผลิตปลาเพศใดเพศหนึงกาํ ลงั ไดร้ ับความสนใจเป็นอยา่ งมาก ทงั นีเพราะการใชฮ้ อร์โมนสามารถควบคุมเพศปลาตามทีตอ้ งการได้ ตามประเภทของฮอร์โมน แต่ฮอร์โมนก็ยงั มีขอ้ จาํ กดั การใชอ้ ยมู่ ากทงั ในดา้ นราคา และการใชอ้ ยา่ ง ถกู วธิ ี เนืองจากเกษตรกรส่วนใหญ่มีพืนความรู้ทางดา้ นการใชฮ้ อร์โมนนอ้ ยอยู่ ดงั นนั ในการใชง้ าน อาจไดป้ ลาทีไม่ตรงกบั ความตอ้ งการได้ รวมถึงการใชฮ้ อร์โมนกย็ งั ตอ้ งมีการสังซือจากต่างประเทศ ทาํ ใหเ้ กิดการเสียดุลการคา้ ถา้ ในประเทศไทยสามารถพฒั นาพืชสมุนไพรเพือเปลียนเพศปลาได้ ก็ จะเกิดประโยชน์ต่อผปู้ ระกอบอาชีพทางดา้ นนี จากงานวิจยั ของ อุไรวรรณ และวฒั นา (2544) ใน การศึกษาผลของสารสกดั จากใบมงั คุดต่อการเปลียนลกั ษณะเพศในปลากดั โดยนาํ ใบมงั คุดมาสกดั เป็นนาํ ชาสาํ หรับเลียงลูกปลากดั ตงั แต่แรกเกิดเป็นเวลา 30 วนั พบว่าใบมงั คุดมีสารทีสามารถชกั นาํ ใหเ้ กิดการเปลียนเพศได้ แต่ยงั ไม่ทราบถึงความหนาแน่นทีเหมาะสมต่ออตั ราการรอดตาย และการ เปลียนลกั ษณะเพศภายในของปลานิลทีเลียงในนาํ แช่ใบมงั คุด ดังนันการศึกษาครังนี ผูว้ ิจัยมีแนวคิดทีจะทาํ การวิจัยเพือศึกษาเกียวกับระดับความ หนาแน่นทีเหมาะสมต่ออตั ราการรอดตาย และการเปลียนลกั ษณะเพศภายในของปลานิลทีแช่ในนาํ แช่ใบมงั คุด เพือเป็นแนวทางในการนาํ ฮอร์โมนจากธรรมชาติมาใชท้ ดแทนฮอร์โมนสังเคราะห์ใน การเปลียนเพศปลา และมีเปอร์เซ็นตก์ ารรอดตายสูงสุด สามารถนาํ ไปใชส้ ่งเสริมอุตสาหกรรมการ เพาะเลียงปลานิลต่อไปได้

-2- วตั ถุประสงค์ 1. เพอื ศึกษาระดบั ความหนาแน่นทีเหมาะสมต่ออตั ราการรอดตาย ของปลานิลทีแปลงเพศ ดว้ ยนาํ แช่ใบมงั คุด 2. เพอื ศึกษาระดบั ความหนาแน่นทีเหมาะสมต่อการเปลียนเพศของปลานิลทีแช่ดว้ ยนาํ แช่ ใบมงั คุด

บทที 2 การตรวจเอกสาร ปลานิล 1. ชีววทิ ยาของปลานิล 1.1 ประวตั ิและความเป็นมา ปลานิล Oreochromis noloticus (Linn.) จดั อยใู่ นวงศ์ Cichlidae ซึงมีหลายสกุล ทงั นีปลา นิลจดั อยใู่ นสกุล Oreochromis spp. และมีชือสามญั คือ Nile Tilapia (Nelson, 1994) ลาํ ดบั อนุกรมวิธานของปลานิลถูกจดั อนั ดบั ทางอนุกรมวิธานไวด้ งั นี Knindom Animalia Phylum Vertebrata Subphylum Vertebrara Superclass Gnathosmata Class Actinopterygii Order Perciformes Suborder Labbroidei Family Cichlidae Genus Oreochromis Species Oreochromis niloticus 1.2 รูปร่างลกั ษณะทวั ไป ปลานิลมีลกั ษณะคลา้ ยปลาหมอเทศ ริมฝี ปากบนและล่างเสมอกนั มีฟันบริเวณขากรรไกร และคอหอยหลายขนาด ตงั แต่ค่อนขา้ งหยาบจนถึงละเอียด บริเวณกระดูกเหงือก (gill arch) มีซี กรอง 15-27 อนั บริเวณแกม้ มีเกลด็ ทงั หมด 4 แถว โดยเกลด็ 3 แถวแรกอยบู่ ริเวณแกม้ และอีกหนึง แถวอยเู่ หนือเสน้ ขา้ งลาํ ตวั เลก็ นอ้ ย ลาํ ตวั มีสีนาํ ตาลมีลายพาดขวาง 9-10 แถบ ครีบหลงั ครีบกน้ และ ครีบหางมีจุดขาวและเสน้ สีดาํ ตดั ขวาง ครีบหลงั มีอนั เดียวประกอบดว้ ยกา้ นครีบกน้ 13 เกลด็ ลาํ ตวั มีสีเขียวปนนาํ ตาลตรงกลางมีเกลด็ สีเขม้ ทีกระดูกแกม้ มีจุดสีเขม้ หนึงจุด (มานพ และคณะ, 2536)

-4- ความแตกต่างระหวา่ งเพศปลาอาจสังเกตไดจ้ ากลกั ษณะสีใตค้ าง ในกรณีทีเป็นปลาเพศผจู้ ะมีสีแดง หรือชมพู ส่วนในปลาเพศเมียใตค้ างจะมีสีเหลืองแต่ลกั ษณะสีใตค้ างทีปรากฏนีไม่สามารถแยกเพศ ไดช้ ดั เจน ส่วนการสังเกตจากลกั ษณะติงเพศสามารถจาํ แนกเพศปลาไดแ้ ม่นยาํ กว่า โดยปลาเพศผู้ ลกั ษณะติงเพศจะยาวเรียว ปลายแหลม และมีช่องเปิ ดทีปลายติงเพียงช่องเดียว ซึงเป็นทางออกของ ปัสสาวะและนาํ เชือ ส่วนปลาเพศเมียติงเพศจะมีลกั ษณะปลายมนช่องเปิ ดบนติงเพศมีสองช่องคือ ช่องเปิ ดทีปลายติงเป็นทางออกของปัสสาวะ ส่วนช่องเปิ ดตามขวางบริเวณกึงกลางของติงเป็นช่อง ออกของไข่ ซึงจะสงั เกตเห็นไดช้ ดั ในปลาทีมีความยาวตงั แต่ 10 เซนติเมตรขึนไป (อุทยั รัตน,์ 2529) 1.3 อุปนิสยั และคุณสมบตั ิบางประการ ปลานิลชอบอยรู่ วมกนั เป็นฝงู (ยกเวน้ เวลาสืบพนั ธุ์) อาศยั อยใู่ นแหล่งนาํ จืด นาํ กร่อย หรือ แมแ้ ต่บริเวณชายทะเลทีมีความเค็ม 20 ส่วนในพนั ส่วน ยกเวน้ เวลาสืบพนั ธุ์ ปลานิลมีคุณสมบตั ิ พิเศษสามารถทนทานต่อสภาพแวดลอ้ มไดด้ ี ทนอยใู่ นสภาพนาํ ทีมีออกซิเจนทีละลายในนาํ ตาํ ไดด้ ี ตงั แต่ 0.4-1 มิลลิกรัมต่อลิตร และสามารถอยู่ในช่วงการเปลียนแปลงของอุณหภูมิกวา้ งมาก ระหว่าง 11-42 องศาเซลเซียส เจริญเติบโตดีทีสุดช่วงอุณหภูมิ 19-30 องศาเซลเซียส แต่ถา้ อุณหภูมิ ตาํ กว่า 16 องศาเซลเซียส จะไม่กินอาหาร และจะตายทีอุณหภูมิของนาํ ตาํ กว่า 4.5 องศาเซลเซียส เพราะถินกาํ เนิดเดิมของปลาชนิดนีอยใู่ นเขตร้อน ส่วนความเป็นกรด-ด่าง (pH) ทีเหมาะสมต่อการ เจริญเติบโตอยรู่ ะหว่าง 6.5-8.3 ซึงปลานิลจะเริมตายในนาํ ทีมีความเป็ นกรด-ด่าง 5.5-6.5 และตาย หมดทีค่าความเป็ นกรดและด่าง 3.5-4.5 (ทศั นีย,์ 2524; มานพ และคณะ, 2536) พ่อพนั ธุ์ปลานิล เจริญเติบโตเร็วกวา่ แม่พนั ธุป์ ลานิล 2-5 เท่า จึงทาํ ใหม้ ีการเลียงปลานิลกนั อยา่ งแพร่หลายในปัจจุบนั 1.4 ความแตกต่างระหวา่ งเพศ ปกติรูปร่างลักษณะภายนอกของปลานิลตัวผูแ้ ละตัวเมียจะมีลกั ษณะรูปร่างภายนอก คลา้ ยคลึงกนั มาก แต่จะมีลกั ษณะแตกต่างกนั เมือเขา้ สู่วยั เจริญพนั ธุ์ และอวยั วะทีใชจ้ าํ แนกความ แตกต่างของปลานิลตวั ผแู้ ละตวั เมีย คืออวยั วะเพศพ่อพนั ธุ์ปลานิลมกั จะมีขนาดใหญ่กวา่ และในฤดู ผสมพนั ธุ์จะมีสีสดใสกว่าเพศเมีย พ่อพนั ธุ์ปลานิลมีอวยั วะเพศ หรือติงเพศ (genital papilla) ลกั ษณะเรียวยาวค่อนขา้ งแหลม ปลาเพศผจู้ ะมีรูเปิ ด 2 รู คือรูกน้ (anus) และรูเปิ ดรวมของนาํ อสุจิ และท่อปัสสาวะ (urogenital pore) สีของตวั ปลาเขม้ สดใส แถบขวางขา้ งลาํ ตวั เห็นไม่ชดั เจน ครีบ จะมีสีชมพเู ขม้ ออกแดง และใตค้ างจะมีสีแดง ส่วนในแม่พนั ธุ์ปลานิล อวยั วะเพศจะมีลกั ษณะเป็นรู ค่อนขา้ งใหญ่และกลม ปลาเพศเมียจะมีรูเปิ ด 3 รู คือ รูกน้ รูนาํ ไข่ (genital pore) และรูท่อปัสสาวะ (urinary pore) อวยั วะเพศมีลกั ษณะกลมใหญ่ และมีช่องเปิ ดเป็นขีดขวางตรงกลางของอวยั วะเพศ สี

-5- ของตวั ปลาจะซีดกว่าปลาเพศผู้ มองเห็นแถบขวางขา้ งลาํ ตวั ไดช้ ดั เจน ใตค้ างมีสีเหลือง และขนาด ตวั โดยทวั ไปจะเลก็ กว่าปลาเพศผู้ (สถาบนั วิจยั การเพาะเลียงสัตวน์ าํ จืด, 2536) ปลานิลตวั ผจู้ ะทาํ หนา้ ทีขบั ถ่ายปัสสาวะ และนาํ เชือ ส่วนปลานิลตวั เมียจะมีอวยั วะเพศยืนยาวออกมาสันกว่า และ ใหญ่กว่าตวั ผู้ ในปลาทีมีความยาวตงั แต่ 10 เซนติเมตรขึนไป บนอวยั วะจะมีช่องเปิ ด 2 ช่อง ช่อง แรกอยตู่ รงส่วนปลายทาํ หนา้ ทีขบั ถ่ายปัสสาวะ อีกช่องอยถู่ ดั ไปทางส่วนหนา้ ตรงบริเวณกลาง ซึงมี ขนาดใหญ่ซึงมีสีชมพเู รือๆ หรือสีเนือทาํ หนา้ ทีเป็นช่องปล่อยไข่ นอกจากนีขอ้ แตกต่างระหวา่ งปลา ตวั ผแู้ ละตวั เมียคือ สีบนลาํ ตวั และใตค้ างของตวั ผจู้ ะเขม้ กว่าปลาตวั เมีย โดยเฉพาะในฤดูผสมพนั ธุ์ (คีรี, 2542) 2. ชีววทิ ยาการสืบพนั ธ์ุ การพฒั นาของระบบสืบพนั ธุ์ของปลาแต่ละชนิดจะแตกต่างกนั ออกไปตามสภาพแวดลอ้ ม เช่น อุณหภูมิ ช่วงแสง ฤดูกาล เป็ นตน้ ในภาวะปกติปลานิลทีมีอายุประมาณ 4 เดือน ความยาว ประมาณ 11 เซนติเมตร ก็มีรังไข่และพร้อมทีจะวางไข่ แต่อายทุ ีเหมาะสมทีพร้อมเจริญพนั ธุ์ อย่ทู ี ประมาณ 6 เดือน การผสมพนั ธุ์และวางไข่ของปลานิลสามารถผสมพนั ธุ์ไดต้ ลอดทงั ปี การวางไข่ แต่ละครังมีช่วงเวลาห่างกนั ประมาณ 2-3 เดือน แต่ถา้ อาหารเพียงพอและเหมาะสมระยะเวลา 1 ปี สามารถผสมได้ 5-6 ครัง ทงั นีขึนอยู่กบั ขนาด อายุ และช่วงการสืบพนั ธุ์ ซึงแตกต่างกนั ไปตาม สภาพแวดลอ้ ม และสภาพทางสรีรวิทยาของปลา การวิวฒั นาการของรังไข่ และถุงนาํ เชือของปลา นิลพบว่าปลานิลจะมีไข่และนาํ เชือเมือความยาวประมาณ 6.5 เซนติเมตร โดยปกติปลานิลทียงั โต ไม่ไดข้ นาดผสมพนั ธุห์ รือสภาพแวดลอ้ มไม่เหมาะสมเพอื การวางไข่ ปลาจะอาศยั รวมกนั เป็นฝงู แต่ ภายหลงั ทีปลานิลมีขนาดพอทีจะสืบพนั ธุ์ได้ ปลาเพศผจู้ ะแยกออกจากฝงู แลว้ เริมสร้างรัง โดยเลือก เอาบริเวณเชิงลาดหรือกน้ บ่อทีมีระดบั ความลึกระหว่าง 0.5-1 เมตร วิธีการสร้างรัง ปลาจะปักหวั ลง โดยตวั มนั อย่ใู นระดบั ตงั ฉากกบั ดิน แลว้ ใชป้ ากพร้อมกนั การเคลือนไหวลาํ ตวั เพือเขียดินตะกอน ออก จากนนั จะอมดินตะกอน งบั เศษสิงของต่างๆ ออกไปทิงนอกรัง ทาํ เช่นนีจนไดร้ ังทีมีขนาดเส้น ผ่านศูนยก์ ลางประมาณ 35 เซนติเมตร ลึกประมาณ 3 เซนติเมตร ความกวา้ งและความลึกของรัง ขึนอยกู่ บั ขนาดของพอ่ ปลา หลงั จากทีสร้างรังเสร็จ ปลาเพศผพู้ ยายามจะไล่ปลาตวั อืนๆ ใหอ้ อกไป นอกรัศมีของรังประมาณ 2-3 เมตร เมือมีปลาเพศเมียว่ายนาํ อยู่ใกลๆ้ รัง ปลาเพศผจู้ ะแผ่ครีบหาง และอา้ ปากกวา้ ง เมือเลือกปลาเพศเมียไดแ้ ลว้ จะแสดงอาการจบั คู่โดยการว่ายนาํ เคลา้ คู่กนั ใชห้ าง ดีดและกดั เบาๆ การเคลา้ เคลียดงั กล่าวใชเ้ วลาไม่นาน ปลาเพศผกู้ จ็ ะใชบ้ ริเวณหนา้ ผากดุนทีใตท้ อ้ ง ของเพศเมีย เพือเป็ นการกระตุน้ เร่งเร้าให้เพศเมียวางไข่ ปลาเพศเมียจะวางไข่ครังละ 10-15 ฟอง

-6- โดยเฉลียแลว้ แม่ปลาตวั หนึงจะสามารถวางไข่ไดป้ ระมาณ 500-600 ฟอง ขึนอยู่กบั ขนาดของแม่ ปลา เมือปลาเพศเมียวางไข่ ปลาเพศผูจ้ ะว่ายนาํ ไปเหนือไข่พร้อมกบั ปล่อยนาํ เชือลงไป และทาํ เช่นนีจนกวา่ การผสมพนั ธุเ์ สร็จสิน ใชเ้ วลาประมาณ 1-2 ชวั โมง ปลาเพศเมียเกบ็ ไข่ทีไดร้ ับการผสม แลว้ อมไวใ้ นปาก (oral incubation) และว่ายออกจากรังส่วนปลาเพศผกู้ จ็ ะคอยหาโอกาสเคลา้ เคลีย กบั ปลาเพศเมียอืนต่อไป การฟักไข่ ไข่ทีอมไวใ้ นปากปลาตวั เมียจะวิวฒั นาการขึนตามลาํ ดบั แม่ ปลาจะขยบั ปากใหน้ าํ ไหลเขา้ ออกในช่องปากอยเู่ สมอ เพือช่วยใหไ้ ขไ่ ดร้ ับนาํ ทีสะอาด และเป็นการ ป้ องกนั ศตั รูทีจะมากินไข่ ระยะเวลาในการฟักไข่ของปลาตวั เมียจะแตกต่างกนั ตามอุณหภูมิของนาํ สาํ หรับนาํ ทีอุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส ไขจ่ ะฟักเป็นตวั ภายในปากของแม่ปลาใชเ้ วลาประมาณ 7-8 วนั ซึงถุงอาหารยงั ไม่ยุบ และจะยุบเมือลูกปลามีอายุครบ 13-14 วนั นับจากวนั ทีแม่ปลาวางไข่ ในช่วงระยะเวลาทีลูกปลาฟักออกเป็ นตวั ใหม่ๆ ลูกปลานิลวยั อ่อนจะเกาะรวมตวั กนั เป็ นกลุ่ม โดย ว่ายวนเวียนอย่บู ริเวณหัวของแม่ปลาและเขา้ ไปหลบซ่อนอยู่ในช่องปากเมือมีภยั หรือถูกรบกวน โดยปลานิลดว้ ยกนั เอง เมือถุงอาหารยบุ ลง ลูกปลานิลจะเริมกินอาหารจาํ พวกพืชและไรนาํ ขนาด เลก็ หลกั จากนนั ประมาณ 3 สปั ดาห์ ลูกปลาก็จะกระจายแตกฝงู ออกหากินเลียงตวั เองไดโ้ ดยลาํ พงั (กองส่งเสริมการประมง, 2544; กฤษณา และภีระ, 2545) ปลานิลเริมมีไข่และถุงนาํ เชือเมือมีอายปุ ระมาณ 110 วนั พฒั นาการจากการทีรังไข่ และถุง นาํ เชือเริมก่อตวั จนกระทงั รังไข่และถุงนาํ เชือแก่ใชเ้ วลาประมาณ 62 วนั (ทศั นีย,์ 2524) ปลานิลมีรัง ไข่ 2 ฝัก ฝักไข่อ่อนมีรูปร่างเป็ นทรงกระบอกยาวกลมสีครีมเมือมีฝักไข่แก่มากขึน จะขยายขนาด ใหญ่มากขึน สีเหลืองสด ขนาดเม็ดไม่ทีเจริญเติบโตเต็มทีมีเส้นผ่าศูนยก์ ลางประมาณ 2.00-3.00 มิลลิเมตร รังไข่แก่จะถูกห่อหุ้มดว้ ย tunica allbuginea ซึงเป็ นเนือเยอื เกียวกนั แม่พนั ธุ์ปลานิลทีมี ขนาดความยาว 11 เซนติเมตร มีไข่ประมาณ 142 ฟอง ขนาด 13-17 เซนติเมตร ให้ไข่ระหว่าง 64- 655 ฟอง และปลาทีมีความยาวประมาณ 27 เซนติเมตร มีไขป่ ระมาณ 1,440 ฟอง ปริมาณไข่หรือลูก ปลาทีเกิดการวางไข่ครังแรกของแม่ปลาขนาด 13 เซนติเมตร วางไข่เฉลีย 89 ฟอง พ่อ-แม่ปลานิลที ใหล้ กู มากทีสุดมีความยาวระหวา่ ง 19.5-34.4 เซนติเมตร (ทศั นีย,์ 2524; มานพ และคณะ, 2536) 2.1 การพฒั นาของไขแ่ ละลกู ปลานิลวยั อ่อน การพฒั นาของไขป่ ลานิลและลูกปลานิลวยั อ่อน มีขนั ตอนการพฒั นาตามลกั ษณะการเจริญ ของไข่ อาจจาํ แนกได้ 5 ระยะ Little (1989) ดงั นี ระยะที 1 ไข่ยงั ไม่ปรากฏการพฒั นาใดๆ ใหเ้ ห็น ไข่มีสีเหลืองตลอดทงั ฟอง ไม่ปรากฏจุด สีดาํ ซึงเป็นจุดทีพฒั นาเป็นตา

-7- ภาพที 1 ลกั ษณะทวั ไปของไขป่ ลานิลระยะที 1 (นวลมณี, 2553) ระยะที 2 ไข่มีการพฒั นาจนสังเกตเห็นจุดสีดาํ ๆ บริเวณรอบๆ ไข่ และสังเกตเห็นการ พฒั นาของตา (Eyed) เป็นจุดสีดาํ ๆ 2 จุดชดั เจน สีของไขเ่ ป็นสีเหลือง หรือเรียกวา่ ระยะ Eyed egg ภาพที 2 ลกั ษณะทวั ไปของไข่ปลานิลระยะที 2 (นวลมณี, 2553)

-8- ระยะที 3 ไข่มีการพฒั นาจนสังเกตส่วนตาและหางชดั เจน สีของไข่เป็ นสีนาํ ตาล (ขยบั ตวั ไม่ได)้ หรือเรียกวา่ ระยะ Pre-hatched หรือ Head-tail egg ภาพที 3 ลกั ษณะทวั ไปของไข่ปลานิลระยะที 3 (นวลมณี, 2553) ระยะที 4 ลูกปลาทีฟักออกเป็ นตวั แลว้ แต่ถุงไข่แดงยงั ยุบไม่หมด (เริมขยบั ตวั ได)้ หรือ เรียกวา่ Hatched fry หรือ Yolk sac fry ภาพที 4 ลกั ษณะทวั ไปของไข่ปลานิลระยะที 4 (นวลมณี, 2553)

-9- ระยะที 5 ลูกปลาทีฟักออกมาเป็ นตวั จนถึงไข่แดงยุบแลว้ และสามารถว่ายนาํ ได้ หรือเรียกวา่ Swim-up fry ภาพที 5 ลกั ษณะทวั ไปของไขป่ ลานิลระยะที 5 (นวลมณี, 2553) 2.2 รูปแบบการเพาะพนั ธุป์ ลานิล การเพาะพนั ธุ์ปลานิลให้ได้ผลดีและมีประสิทธิภาพ ตอ้ งไดร้ ับการเอาใจใส่และมีการ ปฏิบตั ิในดา้ นต่างๆ เช่น การเตรียมบ่อ การเลียงพ่อแม่พนั ธุ์ การตรวจสอบลูกปลา และการอนุบาล ลูกปลา สําหรับการเพาะปลานิลทาํ ไดท้ งั ในบ่อดินและบ่อปูนซีเมนต์ และกระชงั ไนล่อนตาถี ดงั วิธีการต่อไปนี 2.2.1 การเตรียมบ่อเพาะพนั ธุ์ 1) บ่อดิน บ่อเพาะปลานิลควรเป็นบ่อรูปสีเหลียมผนื ผา้ มีเนือทีตงั แต่ 50- 1,600 ตารางเมตร สามารถเก็บกกั นาํ ไดร้ ะดบั สูง 1 เมตร บ่อควรมีเชิงลาดตามความเหมาะสม เพือ ป้ องกนั ดินพงั ทลาย และมีชานบ่อกวา้ ง 1-2 เมตร ถา้ เป็ นบ่อเก่าก็ควรวิดนาํ และสาดเลนขึนตกแต่ง ภายในบ่อให้แน่น ใส่โล่ตินกาํ จดั ศตั รูของปลาอตั ราส่วนใชโ้ ล่ตินแห้ง 1 กก./ปริมาตรของนาํ 100 ลูกบาศกเ์ มตร โรยปูนขาวใหท้ วั บ่อ 1 กก./พืนทีบ่อ 10 ตรม. ใส่ป๋ ุยคอกแหง้ 300 กก./ไร่ ตากบ่อทิง ไวป้ ระมาณ 2-3 วนั จึงเปิ ดหรือสูบนาํ เขา้ บ่อผา่ นผา้ กรองหรือตะแกรงตาถีใหม้ ีระดบั สูงประมาณ 1 เมตร การใชบ้ ่อดินเพาะปลานิลจะมีประสิทธิภาพดีกว่าวิธีอืน เพราะเป็ นบ่อทีมีลกั ษณะคลา้ ยคลึง ตามธรรมชาติ และการผลิตลกู ปลานิลจากบ่อดินจะไดผ้ ลผลิตสูง ตน้ ทุนตาํ กวา่ วธิ ีอืน

- 10 - 2) บ่อปูนซีเมนต์ ก็สามารถใชผ้ ลิตลูกปลานิลได้ รูปร่างของบ่อจะเป็ น สีเหลียมผนื ผา้ หรือวงกลมกไ็ ด้ มีความลึกประมาณ 1 เมตร พืนทีผิวนาํ ตงั แต่ 10 ตารางเมตรขึนไป ทาํ ความสะอาดบ่อและเติมนาํ ทีกรองดว้ ยผา้ ไนล่อนหรือมุง้ ลวดตาถี ให้มีระดบั นาํ สูงประมาณ 80 เซนติเมตร ถา้ ใชเ้ ครืองเป่ าลมช่วยเพิมออกซิเจนในนาํ จะทาํ ใหก้ ารเพาะปลานิลดว้ ยวิธีนีไดผ้ ลมาก ขึน อนึงการเพาะปลานิลดว้ ยบ่อซีเมนต์ ถา้ จะให้ไดล้ ูกปลามากก็ตอ้ งใชบ้ ่อขนาดใหญ่ ซึงตอ้ งเสีย คา่ ใชจ้ ่ายในการลงทุนสูง 3) กระชงั ไนล่อนตาถี ขนาดของกระชงั ทีใชป้ ระมาณ 5 x 8 x 2 เมตร วาง กระชงั ในบ่อดิน หรือในหนอง บึง อ่างเกบ็ นาํ ใหพ้ ืนกระชงั อยตู่ าํ กว่าระดบั นาํ ประมาณ 1 เมตร ใช้ หลกั ไม้ 4 หลกั ผกู ตรงมุมยดึ ปากและพืนกระชงั ใหแ้ น่น เพือใหก้ ระชงั ขึงตึง การเพาะปลานิลดว้ ย วิธีนีมีความเหมาะสมทีจะใชผ้ ลิตลูกปลาในกรณีซึงเกษตรกรไม่มีพืนทีดิน กส็ ามารถจะเลียงปลาได้ เช่น เลียงในอ่างเกบ็ นาํ หนอง บึง และลาํ นาํ ต่างๆ เป็นตน้ 2.2.2 การคดั เลือกพอ่ แม่พนั ธุ์ การคดั เลือกพ่อแม่พนั ธุ์ปลานิล จากการสังเกตจากลกั ษณะภายนอกของ ปลาทีสมบูรณ์ปราศจากเชือโรค และบาดแผล สาํ หรับพอ่ แม่ปลาทีพร้อมจะวางไข่นนั สังเกตไดจ้ าก อวยั วะเพศ ถา้ เป็ นปลาตวั เมียจะมีสีชมพูแดงเรือง ส่วนปลาตวั ผกู้ ็สังเกตไดจ้ ากสีของตวั ปลาทีเขม้ สดใส โดยเปรียบเทียบกบั ปลานิลตวั ผอู้ ืนๆ ทีจบั ขึนมาขนาดของปลาตวั ผแู้ ละตวั เมียควรมีขนาด ไล่เลียกนั คือ มีความยาวตงั แต่ 15-25 เซนติเมตร นาํ หนกั ตงั แต่ 150-200 กรัม 2.2.3 ปริมาณพอ่ แม่พนั ธุป์ ลาทีจะนาํ ไปปล่อยในบ่อเพาะ ปริมาณพ่อแม่พนั ธุ์ปลาทีจะนาํ ไปปล่อยในบ่อเพาะ 1 ตวั / 4 ตารางเมตร หรือไร่ละจาํ นวน 400 ตวั ควรปล่อยในอตั ราส่วนพอ่ พนั ธุ์ปลา 2 ตวั / แม่พนั ธุป์ ลา 3 ตวั เนืองจากได้ สงั เกตจากพฤติกรรมในการผสมพนั ธุ์ของปลาชนิดนี ปลาตวั ผมู้ ีสมรรถภาพทีจะผสมพนั ธุ์กบั ปลา ตวั เมียอืนๆ ไดอ้ ีก ดงั นนั การเพิมอตั ราส่วนของปลาตวั เมียใหม้ ากขึนคาดว่าจะไดล้ ูกปลานิลเพิมขึน ส่วนการเพาะปลานิลในกระชงั ใชอ้ ตั ราส่วนของปลา 6 ตวั /ตารางเมตร โดยใชต้ วั ผู้ 1 ตวั /ตวั เมีย 3-5 ตวั การเพาะปลานิลแต่ละรุ่นจะใชเ้ วลาประมาณ 2 เดือน จึงเปลียนพอ่ แม่พนั ธุ์รุ่นใหม่ต่อไป 2.2.4 การใหอ้ าหารและป๋ ุยในบ่อเพาะพนั ธุ์ การเลียงปลานิลมีความจาํ เป็ นทีจะตอ้ งให้อาหารสมทบ หรืออาหารผสม ไดแ้ ก่ ปลายขา้ ว สาหร่าย รําละเอียด ในอตั ราส่วน 1 : 2 : 3 โดยให้อาหารดงั กล่าวแก่พอ่ แม่พนั ธุ์

- 11 - ปลานิลประมาณ 2% ของนาํ หนกั ตวั ทงั นีเพือใหป้ ลานิลใชเ้ ป็นพลงั งาน ซึงตอ้ งใชม้ ากกวา่ ในช่วง การผสมพนั ธุ์ ส่วนป๋ ุยคอกแห้งก็ตอ้ งใส่ในอตั ราส่วนประมาณ 100-200 กก./ไร่/เดือน ทงั นีเพือ เพิมพูนอาหารธรรมชาติในบ่อ ไดแ้ ก่ พืชนาํ ขนาดเลก็ ๆ ไรนาํ และตวั อ่อน อนั จะเป็นประโยชน์ต่อ ลูกปลานิลวยั อ่อนทีหลักจากถุงอาหารยุบตัวลง และจะต้องดาํ รงชีวิตอยู่ในบ่อเพาะดังกล่าว ประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนทีจะยา้ ยไปเลียงในบ่ออนุบาล ถา้ ในบ่อขาดอาหารธรรมชาติดังกล่าว ผลผลิตลูกปลานิลจะไดน้ อ้ ยเพราะขาดอาหารทีจาํ เป็นเบืองตน้ หลงั จากถุงอาหารไดย้ บุ ตวั ลงใหม่ๆ ก่อนทีลูกปลานิลจะสามารถกินอาหารสมทบอืนๆ ได้ อาหารสมทบทีหาไดง้ ่ายคือ รําขา้ ว ซึงควร ปรับปรุงคุณภาพให้ดียิงขึนโดยใชป้ ลาป่ น กากถวั และวิตามินเป็ นส่วนผสม นอกจากนีแหนเป็ ด และสาหร่ายหลายชนิดกส็ ามารถจะใชเ้ ป็นอาหารเสริมแก่พ่อแม่พนั ธุ์ปลานิลไดเ้ ป็นอยา่ งดี ในกรณี ทีใชก้ ระชงั ไนล่อนตาถีเพาะพนั ธุ์ปลานิลกค็ วรใหอ้ าหารสมทบแก่พอ่ แม่พนั ธุ์ปลาอยา่ งเดียว 3. การอนุบาลลกู ปลานิล 3.1 บ่อดิน บ่อดินควรมีขนาด 200 ตารางเมตร ถา้ เป็ นบ่อรูปสีเหลียมผืนผา้ จะสะดวกใน การจบั ยา้ ยลูกปลา นาํ ในบ่อควรมีระดบั ความลึกประมาณ 1 เมตร บ่ออนุบาลควรเตรียมไวใ้ ห้มี จาํ นวนมากพอเพือให้เลียงลูกปลาขนาดเดียวกนั ทียา้ ยมาจากบ่อเพาะ การเตรียมบ่ออนุบาลควร จดั การล่วงหนา้ ประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนทีจะนาํ ลูกปลามาเลียง การเตรียมบ่ออนุบาลนนั ปฏิบตั ิวิธี เดียวกนั กบั การเตรียมบ่อทีใชเ้ พาะปลานิล บ่อขนาดดงั กล่าวนีจะใชอ้ นุบาลลูกปลานิลขนาด 1-2 เซนติเมตร ได้ครังละประมาณ 50,000 ตัว การอนุบาลลูกปลานิลนอกจากใช้ป๋ ุยเพาะอาหาร ธรรมชาติแลว้ จาํ เป็ นตอ้ งใชอ้ าหารสมทบ เช่น รําละเอียด กากถวั อีกวนั ละ 2 ครัง พร้อมทงั สังเกต ความอุดมสมบูรณ์ของอาหารธรรมชาติจากสีของนาํ ซึงมีสีอ่อน หรือจะใช้ถุงลากแพลงก์ตอน ตรวจดูปริมาณของไรนําก็ได้ ถา้ มีปริมาณน้อยก็ควรเติมป๋ ุยคอกลงเสริมในช่วงระยะเวลา 5-6 สัปดาห์ ลูกปลาจะโตมีขนาด 3-5 เซนติเมตร ซึงเป็ นขนาดทีเหมาะสมจะนาํ ไปเลียงเป็ นปลาขนาด ใหญ่ 3.2 บ่อปูนซีเมนต์ บ่ออนุบาลลูกปลานิลและบ่อเพาะปลานิลจะใชข้ นาดเดียวกนั ก็ได้ ซึง จะสามารถใชบ้ ่ออนุบาลลกู ปลาวยั อ่อนไดต้ ารางเมตรละประมาณ 300 ตวั ในเวลา 4-6 สัปดาห์ โดย ใชเ้ ครืองเป่ าลมช่วย และเปลียนถ่ายนาํ ประมาณครึงบ่อสัปดาห์ละครัง ให้อาหารสมทบวนั ละ 3 เวลา เมือลกู ปลาทีเลียงโตขึนมีขนาด 3-5 เซนติเมตร 3.3 กระชงั ในล่อนตาถี ขนาด 3 x 3 x 2 เมตร ซึงสามารถจะใชอ้ นุบาลลูกปลาวยั อ่อนได้ จาํ นวนครังละ 3,000-5,000 ตวั โดยให้ไข่แดงตม้ บดให้ละเอียด วนั ละ 3-4 ครัง หลกั จากถุงอาหาร

- 12 - ของลูกปลายบุ ตวั ลงใหม่ๆ เป็ นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ หลกั จากนนั จึงให้รําละเอียด 3 ส่วน ผสม กบั ปลาป่ นบดให้ละเอียดอตั รา 1 ส่วนติดต่อกนั เป็ นระยะเวลาประมาณ 4-5 สัปดาห์ ลูกปลาจะโต ขึนมีขนาด 3-5 เซนติเมตร ซึงสามารถนาํ ไปเลียงใหเ้ ป็นปลาขนาดใหญ่หรือจาํ หน่ายได้ 4. การเลยี งปลานิล ปลานิลเป็ นปลาทีประชาชนนิยมเลียงกนั มากชนิดหนึง ทงั ในรูปแบบการคา้ และการเลียง ไวบ้ ริโภคในครัวเรือน ทงั นีเนืองจากปลานิลเป็ นปลาทีเลียงง่าย กินอาหารไดแ้ ทบทุกชนิด เนือมี รสชาติดีตลาดมีความตอ้ งการสูง ส่วนในเรืองของราคาทีจาํ หน่ายนนั ค่อนขา้ งตาํ เมือเปรียบเทียบ กบั ปลาชนิดอืนๆ เช่น ปลาตะเพียนขาว ปลาสวาย ฯลฯ ดงั นนั การเลียงปลาชนิดนีเพือผลิตจาํ หน่าย จึงมีความจาํ เป็ นทีจะตอ้ งพิจารณาในดา้ นอาหารปลาทีจะนาํ มาใชเ้ ลียงเป็ นหลกั กล่าวคือ ตอ้ งเป็ น อาหารทีหาไดง้ ่าย ราคาตาํ เพือลดตน้ ทุนการผลิตให้มากทีสุด นอกจากนันการเลียงปลาชนิดนีมี ความจาํ เป็นในดา้ นการจดั การฟาร์มทีเหมาะสม เพราะปลานิลเป็ นปลาทีออกลูกดก ถา้ เป็นในบ่อมี ความหนาแน่นมากก็จะไม่เจริญเติบโต ดงั นนั การเลียงทีจะให้ไดผ้ ลดีเป็ นทีน่าพอใจ ก็จาํ เป็ นตอ้ ง ปฏิบตั ิใหถ้ กู ตอ้ งตามหลกั วิชาการ ตามประเภทของการเลียงและขนั ตอนต่อไปนี 4.1 บ่อดิน บ่อทีเลียงปลานิลควรเป็ นรูปสีเหลียมผืนผา้ เพือสะดวกในการจบั เนือทีตงั แต่ 200 ตาราง เมตรขึนไป ใชเ้ ศษอาหารเลียงจากโรงครัว ป๋ ุยคอก อาหารสมทบอืนๆ ทีหาไดง้ ่าย เช่น แหนเป็ ด สาหร่าย เศษพืชผกั ต่างๆ ปริมาณปลาทีผลิตไดก้ ็เพียงพอสาํ หรับบริโภคในครัวเรือน ส่วนการเลียง ปลานิลเพือการคา้ ควรใชบ้ ่อขนาดใหญ่ตงั แต่ 0.5-30. ไร่ ควรจะมีหลายบ่อเพือทยอยจบั ปลาเป็ น รายวนั รายสัปดาห์ และรายเดือน เพือใหไ้ ดเ้ งินสดมาใชจ้ ่ายเป็นเงินทุนหมุนเวียนสาํ หรับค่าอาหาร ปลา เงินเดือนคนงาน และค่าใชจ้ ่ายอืนๆ ซึงปัจจุบนั การเลียงปลานิลในบ่อดินแบ่งได้ 4 ประเภท ตามลกั ษณะของการเลียงดงั นี 1) การเลียงปลานิลแบบเดียว โดยปล่อยลูกปลาขนาดเท่ากนั ลงเลียงพร้อมกนั ใช้ เวลาเลียง 6-12 เดือน แลว้ จบั หมดทงั บ่อ 2) การเลียงปลานิลหลายรุ่นในบ่อเดียวกนั โดยใชอ้ วนจบั ปลาขนาดใหญ่เฉพาะ ขนาดปลาทีตลาดตอ้ งการจาํ หน่าย ปล่อยใหป้ ลาขนาดเลก็ เจริญเติบโต 3) การเลียงปลานิลร่วมกบั ปลาชนิดอืน เช่น ปลาสวาย ปลาตะเพียน ปลาจีน ฯลฯ เพอื ใชป้ ระโยชน์จากอาหารหรือเลียงร่วมกบั ปลากินเนือเพอื กาํ จดั ลกู ปลาทีไม่ตอ้ งการ ขณะเดียวกนั

- 13 - จะไดป้ ลากินเนือเป็ นผลพลอยได้ เช่น การเลียงปลานิลร่วมกบั ปลากราย และการเลียงปลานิล ร่วมกบั ปลาช่อน เป็นตน้ 4) การเลียงปลานิลแบบแยกเพศโดยวิธีแยกเพศปลา หรือเปลียนเพศปลาเป็นเพศ เดียวกนั เพอื ป้ องกนั การแพร่พนั ธุ์ในบ่อ ส่วนมากนิยมเลียงเฉพาะปลาเพศผซู้ ึงมีการเจริญเติบโตเร็ว กวา่ เพศเมีย การขดุ บ่อเลียงปลาในปัจจุบนั นิยมใชเ้ ครืองจกั รกล เช่น รถแทรกเตอร์ รถตกั ขดุ ดิน เพราะ เสียค่าใชจ้ ่ายตาํ กว่าใชแ้ รงงานจากคนขุดเป็ นอนั มาก นอกจากนียงั ปฏิบตั ิงานไดร้ วดเร็วตลอดจน การสร้างคนั ดินก็สามารถอัดให้แน่นป้ องกันการรัวซึมของนําได้เป็ นอย่างดี ความลึกของบ่อ ประมาณ 1 เมตร มีเชิงลาดประมาณ 45 องศา เพือป้ องกนั การพงั ทลายของดิน และมีชายบ่อกวา้ ง ประมาณ 1-2 เมตร ตามขนาดความกวา้ งยาวของบ่อทีเหมาะสม ถา้ เป็นอยใู่ นแหล่งนาํ เช่น คู คลอง แม่นาํ หรือในเขตชลประทาน ควรสร้างท่อระบายนาํ ทิงทีพืนบ่ออีกดา้ นหนึง โดยจดั ระบบนาํ เขา้ ออกคนละทาง เป็นการลดคา่ ใชจ้ ่ายในการสูบนาํ แต่ถา้ บ่อนนั ไม่สามารถจะทาํ ท่อชกั นาํ และระบาย นาํ ไดจ้ าํ เป็นตอ้ งใชเ้ ครืองสูบนาํ สารกล่มุ สเตอรอยด์ทพี บในพชื สเตอรอยดท์ ีพบในพืช เรียกวา่ ไฟโตสเตอรอล (phytosterol) โดยส่วนใหญ่ไฟโตสเตอรอล ทีพบในพชื มีอยู่ 2 ชนิดคือ 1. ไฟโตเอสโตรเจน (phytoestrogen) มีฤทธิคลา้ ยฮอร์โมนเพศหญิง ทีเรียกว่าเอสโตรเจน (estrogen) ซึงเป็นฮอร์โมนสาํ คญั ทีควบคุมลกั ษณะทางเพศหญิง และการทาํ งานของอวยั วะสืบพนั ธุ์ ในเพศหญิง ไฟโตเอสโตรเจนออกฤทธิไดท้ งั เสริมและตา้ นเอสโตรเจน เมือร่างกายมีสารเอสโต รเจนในปริมาณมากเกิน ไฟโตเอสโตรเจนจะไปจบั กบั ตวั รับของเซลล์ (receptor) ของเอสโตรเจน เกิดการยบั ยงั การทาํ งานของเอสโตรเจน มีสารประกอบเคมีหลายชนิดทีเป็นไฟโตเอสโตรเจน เช่น 1.1 สารกลุ่มฟลาโวนอยด์ ไดแ้ ก่ ไอโซฟลาโวน (isoflavone) สารกลุ่มนีจะมีฤทธิ คลา้ ยฮอร์โมนเพศหญิงมาก เนืองจากโครงสร้างคลา้ ยกบั เอสโตรเจน เช่น genistein ทีพบในถวั เหลือง ถวั เขียว หญา้ แพรก coumestrol พบในพืชตระกลู ถวั และหญา้ อลั ฟัลฟา นอกจากนีพบวา่ ใน หญา้ พืนเมืองของทวีฟอฟั ริกา 3 ชนิด ไดแ้ ก่ Hyparrhenia filipendula, Setaria ciliolata, Cynodon

- 14 - dactylon มีสารทีมีสมบตั ิทางเคมีคลา้ ยเอสโตรเจนปริมาณมากและแปรผนั ตามระยะการเติบโต สาร ทีสกดั ไดค้ ือ genistein, diadzein, biochania A และ formononetin 1.2 สารกลุ่ม terpenes สารกลุ่มนีแสดงฤทธิเป็ น estrogenic activity ไดแ้ ก่สาร กลุ่ม triterpene saponin เช่น asiaticoside ในใบบวั บก emarginatoside B และ C จากผลมะคาํ ดีควาย 1.3 สารกลุ่ม alkaloids ไดแ้ ก่ colchicine จากตน้ ตองตึง enterodiol จากระยอ่ ม coronaridine จากพดุ ซอ้ น ergocryptine จากเชือราชนิด Claviceps purpurea 1.4 สารกลุ่ม lignan สารกลุ่มนีออกฤทธิคลา้ ยฮอร์โมนเพศ คือ enterolactone และ enterodiol พบในผกั ผลไม้ ถวั และเมลด็ ขา้ ว แต่พบมากใน linseed oil 1.5 สารกลุ่ม quinone โดยเฉพาะ benzoquinone ทาํ ใหน้ าํ หนกั ของอวยั วะเพศของ หนูเลก็ ลง อีกตวั หนึงไดแ้ ก่ naphthaquinone เป็ นสารทีออกฤทธิทาํ ใหม้ ดลูกบีบตวั รุนแรงเป็ นเหตุ ใหไ้ ข่ทีผสมไม่สามารถฝังตวั ได้ 2. ไฟโตแอนโดรเจน (phytoandrogen) ซึงมีฤทธิคลา้ ยฮอร์โมนเพศชายทีเรียกวา่ แอนโดร เจน (androgen) ทีควบคุมลกั ษณะเพศชาย และการสร้างอสุจิ 3. ฟลาโวนอยด์ เป็ นกลุ่มสารทีให้สีสันแก่พืช รวมถึงสีสันสวยงามของกลีบดอกไม้ สาร กลุ่มนีสามารถดูดซบั รังสีอุลตร้าไวโอเลตไดด้ ี และเปล่งออกมาเป็ นแสงสีต่างๆ ของดอกไม้ เราจะ พบสารกลุ่มนีไดเ้ ฉพาะในพืชทีอยบู่ นดิน หรือพืชทีอยเู่ หนือนี แต่จะไม่พบในพืชทีอยใู่ นทะเลลึก เขา้ ใจกนั วา่ ในระหวา่ งการวิวฒั นาการขึนมาบนบก พชื ไดพ้ ฒั นากระบวนการสร้างฟลาโวนอยดข์ ึน เพอื ป้ องกนั อนั ตรายจากรังสีอุลตร้าไวโอเลต 3.1 โครงสร้างของฟลาโวนอยด์ ประกอบดว้ ยคาร์บอน 15 ตวั จดั เรียงเป็น 3 ring เรียกเป็น ring A, B และ C โดย ring A และ B เป็น phenly ring ส่วน ring C เป็น lactone ring การ เปลียนแปลงโครงสร้างที ring C ทาํ ใหม้ ีการแยกฟลาโวนอยด์ ออกเป็นกลุ่มยอ่ ยไดต้ ่างๆ กนั และ การเกิด hydroxylation ที ring A และ B ทาํ ใหเ้ กิดอนุพนั ธข์ องฟลาโวนอยดช์ นิดนนั ๆ 3.2 ตวั อยา่ งของสารประกอบฟลาโวนอยดท์ ีมีอยใู่ นธรรมชาติ เช่น 3.2.1 ฟลาโวนอล (flavonols) เป็ นสารทีไม่มีสี แต่สามารถดูดกลืนรังสี ในช่วง near UB ซึงเป็นช่วงคลืนทีแมลงสามารถมองเห็นได้ ดงั นนั ฟลาโวนอลจึงมีบทบาทสาํ คญั ในการล่อแมลงเพือการผสมเกสรฟลาโวนอลทีพบมากในพืชชันสูงไดแ้ ก่ kaempferol และ quercetin และทีพบไดบ้ า้ งไดแ้ ก่ myricetin และ galangin 3.2.2 ฟลาโวน (flavones) มกั พบฟลาโวนในส่วนของเปลือกตน้ แก่น ผล และราก ฟลาโวนทีพบในเปลือกตน้ ของพืชพวกขนุน (Artocarpus) และ หม่อน (Morus) วงศ์ Moraceae จะมีลกั ษณะเฉพาะคือ มี isoprenoid unit ในโมเลกลุ

- 15 - กลไกการออกฤทธิของสเตียรอยด์ฮอร์โมน สเตียรอยดฮ์ อร์โมนส่วนใหญ่ไหลเวียนในกระแสเลือด โดยจบั กบั โกลบูลินพิเศษหรือจบั หลวมๆ กบั อลั บูมิน แต่เฉพาะฮอร์โมนอิสระเท่านันทีแพร่ผ่านเยือเซลล์ได้ ฮอร์โมนออกฤทธิที เซลล์เป้ าหมายทีมีตวั รับสัญญาณจาํ เพาะสําหรับฮอร์โมนเท่านัน โดยมีความสามารถในการจบั ฮอร์โมน (Kd = 10-10 โมลาร์) สูงกวา่ โกลบูลินอยา่ งนอ้ ย 10 เท่า สาํ หรับเซลลท์ ีไม่ใช่เซลลเ์ ป้ าหมาย ฮอร์โมนแพร่เขา้ ออกเซลลไ์ ดโ้ ดยไม่มีผลอะไรต่อเซลล์ สเตียรอยด์ฮอร์โมนออกฤทธิทีนิวเคลียส โดยกระตุน้ ให้เกิดการถอดรหัส (transcription) ยนี บางตวั ใน DNA แปลให้เป็ นอาร์เอน็ เอส่งข่าว (mRNA) ผลกค็ ือเซลลผ์ ลิตโปรตีนพิเศษซึงอาจเป็นส่วนประกอบทางเซลล์ หรือสารเร่งปฏิกิริยาอนั จะนาํ ไปสู่การตอบสนองต่อฮอร์โมน คุณสมบัตขิ องตัวรับสัญญาณสําหรับสเตยี รอยด์ฮอร์โมน แต่ก่อนเชือว่าตวั รับสัญญาณสําหรับสเตียรอยด์ฮอร์โมนมีอยู่ในของเหลวภายในเซลล์ เท่านัน และจะเคลือนเขา้ ไปในนิวเคลียสก็ต่อเมือจบั กับฮอร์โมนและเปลียนแปลงโครงสร้าง เ สี ย ก่ อ น แ ต่ จ า ก ก า ร วิ จัย โ ด ย ใ ช้แ อ น ติ บ อ ดี ต่ อ ตัว รั บ สั ญ ญ า ณ แ ล ะ เ ท ค นิ ค พิ เ ศ ษ (immunocytochemistry) พบว่าตวั รับสัญญาณทียงั ไม่ไดจ้ บั กบั ฮอร์โมนหรือตวั รับสัญญาณอิสระมี อยู่ทงั ในของเหลวภายในเซลล์และในนิวเคลียส เช่น ตวั รับสัญญาณสําหรับกลูโคคอร์ทิคอยด์ (glucocorticoids) ตวั รับสัญญาณอิสระในนิวเคลียสจะจบั อย่างหลวมๆ กบั บางส่วนของนิวเคลียส ส่วนตวั รับสญั ญาณทีจบั กบั ฮอร์โมนแลว้ หรือตวั รับสญั ญาณผกู มดั ส่วนใหญ่พบในนิวเคลียสและมี ความสามารถในการจบั กบั ส่วนของนิวเคลียสสูง ตวั รับสัญญาณสาํ หรับสเตียรอยดฮ์ อร์โมนในเซลลเ์ ป้ าหมายมีอยจู่ าํ นวนค่อนขา้ งนอ้ ย เช่น ตวั รับสัญญาณสาํ หรับอลั ดอสเตอโรน มีอยเู่ พียง 0.001% และสาํ หรับโพรเจสเตอโรน มีอยเู่ พียง 0.1% ของโปรตีนทงั หมดทีละลายอย่ใู นเซลล์ (soluble protein) ไม่นบั โปรตีนทีเป็ นโครงสร้าง (structural protein) ของเซลล์ ไม่ว่าจะเป็ นตวั รับสัญญาณของสเตียรอยด์ฮอร์โมนชนิดใดจะมี คุณสมบตั ิหลกั ดงั ต่อไปนีคือ (1) ประกอบดว้ ยส่วนทีใชจ้ บั กบั ฮอร์โมน (2) ส่วนทีใชจ้ บั กบั DNA ส่วนนีของตวั รับสัญญาณต่างๆ จะมีส่วนประกอบคลา้ ยๆ กนั (3) มีแนวโน้มทีจะจบั ตวั กนั เป็ นคู่ หรือ 3 โมเลกลุ ในสารละลายทีมีความเขม้ ขน้ ตาํ และ (4) เมือจบั กบั ฮอร์โมนแลว้ จะมีความสามารถ ทีจะจบั กบั DNA ในนิวเคลียสสูง ส่วนใหญ่โมเลกุลของตวั รับสญั ญาณมีรูปร่างยาวรีและมีนาํ หนกั โมเลกลุ ระหว่าง 80,000 ถึง 100,000 ดาลตนั จะจบั กบั ฮอร์โมนในอตั ราส่วน 1:1 เมือจบั กบั ยนี มกั

- 16 - อยใู่ นรูปของตวั รับสญั ญาณ 2 โมเลกลุ ติดกนั และไม่มีส่วนประกอบของโมเลกลุ เป็นคาร์โบไฮเดรต หรือกรดนิวคลิค (nucleic acid) จากการศึกษาการทาํ งานของตวั รับสญั ญาณสาํ หรับกลูโคคอร์ทิคอยดพ์ บวา่ ตวั รับสัญญาณ เป็ นฟอสฟอโปรตีน นาํ หนักโมเลกุล 98,000 เมืออยู่ในเซลลจ์ ะจบั กบั ฟอสฟอโปรตีนอีกชนิด เรียกว่าฮีทช็อคโปรตีน (heat shock protein หรือ hsp 90) จาํ นวน 2 โมเลกลุ hsp 90 มีนาํ หนกั โมเลกุลประมาณ 90,000 ดาลตนั เชือวา่ hsp 90 ช่วยทาํ ใหโ้ มเลกลุ ของตวั รับสญั ญาณมว้ นตวั อยใู่ น โครงร่างทีสามารถจบั กบั ฮอร์โมนได้ แต่จะจบั กบั DNA ไม่ได้ การจบั กบั ฮอร์โมนทาํ ใหโ้ มเลกุล เปลียนแปลงรูปร่างเปิ ดส่วนทีจะจบั กบั DNA ออกมา ในปัจจุบนั พบ hsp 90 อยกู่ บั ตวั รับสัญญาณ สาํ หรับโพรเจสเตอโรน อีสโตรเจน แอนโดรเจน และมินเนอรัลโลคอร์ทิคอยด์ ส่วนตวั รับสัญญาณ สาํ หรับวิตามินดีฮอร์โมนและไทรอยดฮ์ อร์โมนไม่มี hsp 90 จบั อยู่ ฮอร์โมนนีสามารถจบั กบั DNA ไดถ้ ึงแมจ้ ะยงั ไม่ไดจ้ บั กบั ฮอร์โมนก็ตาม ทาํ ให้เราค่อนขา้ งแน่ใจว่า hsp 90 มีหนา้ ทียบั ยงั ไม่ให้ ตวั รับสญั ญาณอิสระจบั กบั DNA การควบคุมการถอดรหัสยนี โดยสเตยี รอยด์ฮอร์โมน หนา้ ทีหลกั ของสเตียรอยฮ์ อร์โมนคือควบคุมการสร้างโปรตีนชนิดพิเศษ โดยเลือกกระตุน้ การถอดรหสั ยนี เพือให้มีการแปลรหสั ออกมาเป็น mRNA จาํ เพาะ (ภาพที 6) รีเซพเตอร์-ฮอร์โมน คอมเพลก็ ซ์ 1 คู่จะจบั กบั DNA ส่วนของ DNA สาํ หรับจบั กบั รีเซพเตอร์-ฮอร์โมนคอมเพลก็ ซ์นี (hormone responsive elements หรือ HRE) แบ่งไดเ้ ป็น 3 ประเภทขึนอยกู่ บั ชนิดของฮอร์โมนทีจบั ดว้ ย คือรอยด์ฮอร์โมนทีควบคุมนาํ ตาล (glucocorticoids) และเกลือแร่ (mineralocorticoids) และ ฮอร์โมนเพศชาย (androgen) HRE ประเภทที 2 จบั กบั อีสโตรเจน และประเภทที 3 จบั กบั ไทรอยด์ ฮอร์โมน และวิตามินดีฮอร์โมน

- 17 - ภาพที 6 กลไกการออกฤทธิของสเตียรอยด์ฮอร์โมน สเตียรอยดฮ์ อร์โมน (H) อิสระทีไม่ไดจ้ บั กบั โปรตีนขนส่ง (P) เขา้ ไปจบั กบั รีเซพเตอร์ภายในเซลลเ์ ป้ าหมายเป็ นคู่ๆ ทงั ในไซโตพลาสซึมและ นิวเคลียส ฮอร์โมนรีเซพเตอร์คอมเพลก็ ซก์ ระตุน้ ใหย้ นี จาํ เพาะใน DNA ถอดรหสั และผลิต mRNA ซึงออกไปสงั เคราะห์โปรตีนจาํ เพาะในไซโตพลาสซึม โปรตีนนีใหผ้ ลเป็นการตอบสนองของเซลล์ เป้ าหมายต่อฮอร์โมน นอกจากนันยงั พบว่า ตวั รับสัญญาณของสเตียรอยด์ฮอร์โมนจบั กันไดม้ ากกว่า 1 คู่ (heterodimers) แสดงว่าอาจทาํ ปฏิกิริยากับยีนตวั อืนทีไม่ใช่ตวั ทาํ ปฏิกิริยากับตวั รับสัญญาณคู่ (dimmer) ซึงกเ็ ป็นวิธีเพิมความหลากหลายในกลไกการออกฤทธิทีเซลลเ์ ป้ าหมาย ตัวแปรทมี อี ทิ ธิพลต่อการออกฤทธิของสเตยี รอยด์ฮอร์โมน การจับกับโปรตีนในเลือดและเมตาบอลิซึม สเตียรอยดฮ์ อร์โมนไหลเวียนในเลือดโดยจบั กบั โปรตีนขนส่ง การจบั และปล่อยฮอร์โมนเกิดขึนตลอดเวลา ดงั นนั จึงมีฮอร์โมนอิสระเท่านนั ที สามารถแพร่เขา้ ไปออกฤทธิในเซลล์ได้ ดงั นันปริมาณหรือความเขม้ ขน้ ของโปรตีนขนส่งและ ความสามารถในการจบั ฮอร์โมนยอ่ มมีผลต่อการออกฤทธิของฮอร์โมนนนั ๆ ฮอร์โมนชนิดหนึงอาจ มีอิทธิพลต่อการออกฤทธิของอีกฮอร์โมนโดยมีผลเพิมปริมาณของโปรตีนขนส่งในเลือดทาํ ให้ จาํ นวนฮอร์โมนอิสระลดลง

- 18 - นอกจากนัน การออกฤทธิของฮอร์โมนทีเซลล์เป้ าหมายยงั ขึนอยู่กับความสามารถของ ตวั รับสญั ญาณภายในเซลลท์ ีจะจบั ฮอร์โมน และอตั ราการกาํ จดั หรือทาํ ลายฮอร์โมนดว้ ย บางครังเม ตาบอลิซึมของฮอร์โมนไม่ใช่การทาํ ลายเสมอไป แต่กลบั เป็นการเปลียนโครงสร้างของโมเลกลุ ทาํ ให้ฮอร์โมนอยใู่ นรูปแบบพร้อมทีจะออกฤทธิหรือจบั กบั ตวั รับสัญญาณได้ ตวั อยา่ งเช่น ฮอร์โมน เพศชายเทสทอสเตอโรน (testosterone) เมือเขา้ ไปในเซลลเ์ ป้ าหมายจะถูกเปลียนเป็ น 5α – ได ไฮโดรเทสทอสเตอโรน (5α –dihydrotestosterone หรือ 5α –DHT) ซึงเป็ นตวั ออกฤทธิทาํ ให้ ร่างกายแสดงลกั ษณะของเพศชาย ความเข้มข้นของตัวรับสัญญาณในเซลล์เป้ าหมาย ความเขม้ ขน้ ของตวั รับสญั ญาณภายในเซลลเ์ ป็นตวั แปรทีสาํ คญั ทีมีผลต่อการออกฤทธิของ ฮอร์โมน ความเขม้ ขน้ นีเปลียนแปลงได้ เช่น ฮอร์โมน-รีเซพเตอร์คอมเพลก็ ซ์มีผลกระตุน้ ใหเ้ ซลล์ สร้างตวั รับสัญญาณใหม่เพิมขึน หรือตวั รับสัญญาณทีจบั กบั ฮอร์โมนแลว้ อาจถูกนาํ มาใชอ้ ีกครัง หรือถูกเปลียนตามขนั ตอนมาเป็นตวั รับสญั ญาณใหม่ ในทางตรงขา้ มเซลลส์ ามารถลดจาํ นวนตวั รับ สญั ญาณลงได้ โดยนาํ ฮอร์โมนรีเซพเตอร์คอมเพลก็ ซม์ าทาํ ลาย ฮอร์โมนหนึงอาจมีผลต่อการสร้างตวั รับสัญญาณ สาํ หรับฮอร์โมนอีกชนิด เช่น มดลูกจะ ตอบสนองต่อโพรเจสเตอโรนไม่ค่อยดีนักถา้ ไม่มีอีสโตรเจนมาออกฤทธิก่อน ทงั นีเพราะอีสโต รเจน มีผลกระตุน้ ให้เซลลเ์ พิมจาํ นวนตวั รับสัญญาณสําหรับโพรเจสเตอโรน ในทางตรงขา้ มโพ รเจสเตอโรนมีผลลดจาํ นวนตวั รับสัญญาณสาํ หรับอีสโตรเจนทาํ ให้เซลลม์ ดลูกมีความไวต่อการ กระตุน้ ของอีสโตรเจนลดลง ข้อสรุปการออกฤทธิของฮอร์โมน การออกฤทธิของฮอร์โมนจะขึนอยกู่ บั ตวั แปลหลายประการ เช่น 1. ความเขม้ ขน้ ของฮอร์โมนโดยเฉพาะฮอร์โมนอิสระในของเหลวนอกเซลล์ 2. จาํ นวนตวั รับสญั ญาณทีเยอื เซลล์ หรือภายในเซลลเ์ ป้ าหมาย 3. คุณสมบัติของตัวรับสัญญาณ โดยเฉพาะความจําเพาะเจาะจง (specificity) และ ความสามารถในการจบั กบั ฮอร์โมน (affinity) 4. กลไกของฮอร์โมน-รีเซพเตอร์-คอมเพลก็ ซ์ ในการกระตุน้ การตอบสนองของเซลล์ ไม่ วา่ จะผา่ นทางตวั สือสญั ญาณที 2 หรือผลโดยตรงต่อนิวเคลียส 5. ขนั ตอนการขยายสัญญาณภายในเซลลแ์ ละความสามารถในการตอบสนองของเซลล์ เอง

- 19 - มังคุด มงั คุดมีชือสามญั วา่ Mongosteen และมีชือวิทยาศาสตร์ว่า Garcinia mangostana, L. เป็น ไมป้ ่ าในหมู่เกาะซนั ดา (Sunda Island) ซึงเป็ นหมู่เกาะเล็กๆ แถบมลายู (Malay archipelago) แต่ ปัจจุบนั มีการนาํ มาปลูกทวั ไปในหมู่เกาะอินเดียตะวนั ออก ฟิ ลิปปิ นส์ตอนใต้ พม่า มาเลเซีย ไทย อินเดียตะวนั ตกเฉียงใต้ และศรีลงั กา นอกจากนียงั มีการปลูกกนั บา้ งในแถบศูนยส์ ูตรของอเมริกา มงั คุดจะนาํ มาปลูกในประเทศไทยเมือไรไม่ปรากฏ มีมาก่อนกรุงรัตนโกสินทร์ เพราะฝังธนบุรีแถบ ทีตงั โรงพยาบาลศิริราชในบดั นี เดิมเรียกว่า วงั สวนมงั คุด สมยั เริมตงั กรุงรัตนโกสินทร์ เป็ นผลไม้ ตงั แต่ครังกรุงศรีอยุธยา เพราะปรากฏในจดหมายเหตุของทูตศรีลงั กา ทีมาขอพระสงฆ์ไทยไป อุปสมบท เมือประมาณ 212 ปี มาแลว้ เมือคณะทูตมาถึงธนบุรี ขา้ ราชการหลายแผนกไดน้ าํ ทุเรียน มงั คุด มะพร้าว และผลไมอ้ ืนๆ ใหค้ ณะทูต แลว้ จึงเดินทางต่อไปยงั กรุงศรีอยธุ ยา มงั คุดจึงเป็นผลไม้ ชนิดหนึงทีมีการปลูกและบริโภคกนั อยา่ งแพร่หลายในขณะนี ลกั ษณะประจําทางพฤกษศาสตร์ ราก มงั คุดเป็นไมย้ นื ตน้ ซึงมีระบบรากเป็นรากแกว้ เกิดจากเมลด็ จะหยงั ลึกลงไปในดิน เป็นแนวดิงต่อจากลาํ ตน้ รากแกว้ จะชอนไชไปในดินไดล้ ึก จะงอและขดไดง้ ่าย เมือเลียงไวใ้ นวสั ดุ เพาะชาํ เป็ นเวลานานโดยไม่ไดย้ า้ ยปลูกลงดิน แต่เมือตดั ส่วนทีขดงอออกจะมีรากใหม่เกิดขึนมา แทนทีได้ โดยแตกออกเป็ นหลายรากแลว้ เจริญคู่กนั ไปกบั รากเดิมดูเหมือนกบั รากแกว้ จะมีบา้ ง เพียง 1-2 รากทีเป็ นรากเลก็ และสันคลา้ ยรากฝอย มงั คุดนบั วา่ มีการพฒั นาของระบบรากทีจะเจริญ แผไ่ ปในทางแนวราบในพืนดินไดน้ อ้ ยกว่าไมผ้ ลอืนๆ แต่อยา่ งไรก็ตามมงั คุดมีความสามารถพิเศษ ทีจะสร้างรากแขนงให้เจริญจากโคนตน้ ชิดกบั พืนดินได้ ในตน้ ทีปลูกจนโต และเริมเป็ นพุ่มแลว้ รากแขนงทีเกิดใหม่นีสามารถมองเห็นไดช้ ดั เจน เป็นรากทีคอ่ นขา้ งอวบ สีขาวอมเหลือง จะเจริญแผ่ ออกจากโคนตน้ และค่อยๆ แทงลึกลงไปในดิน เพือช่วยยดึ ลาํ ตน้ ให้แขง็ แรงไม่โค่นลม้ ทงั ยงั ช่วย หาอาหารเพมิ เติมเพอื ใหเ้ กิดความสมดุลกบั ส่วนทรงพมุ่ ทีเจริญขึน ต้น มงั คุดเป็นไมย้ นื ตน้ ตน้ โตเตม็ ทีจะสูงประมาณ 10-25 เมตร เส้นผา่ ศูนยก์ ลางตน้ 25-30 เซนติเมตร เปลือกสีดาํ มียางเหนียวขน้ สีเหลืองอมเขียว ทรงพมุ่ แบบ Pyramidal crown หรือ conical shape ตน้ เรียบ ทรงตน้ งามเป็นระเบียบ กิงใบหนา ทาํ มุมฉากกบั ลาํ ตน้ ใบ ใบมงั คุดเป็นใบเดียว (Simple leaf) เกิดแบบตรงขา้ มกนั เป็นคู่ๆ หรือแบบ ternate กา้ น ใบสนั ใบเป็นแบบ Ovate-elliptic-oblong ฐานใบเป็นแบบ acute, obtuse หรือ rounded ปลายใบเป็น แบบ obtuse และ acuminate ขอบใบเรียบ ใบหนา ดา้ นหลงั ใบสีเขียวเขม้ หรือเขียวแกมเหลือง และ

- 20 - เป็ นมนั ส่วนใตใ้ บเป็นสีเขียวแกมเหลืองไม่เป็นมนั ผวิ ใบเรียบ ยาว 12-23 เซนติเมตร กวา้ ง 4.5-10 เซนติเมตร เส้นใบแบบ pinnate เส้นกลางใบเห็นชดั เจน กลมนูนทางดา้ นหลงั ใบ และเป็ นสัน ทางดา้ นใตใ้ บ เส้นใบออกจากเส้นกลางใบแลว้ ค่อยๆ ลู่เขา้ หาขอบใบมีประมาณ 35-50 คู่ กา้ นใบ สน้ มองเห็นเป็นชนั ๆ ยาวประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร มีตาขา้ ง (axillary bud) อยทู่ ีโคนกา้ นใบทุกใบ ส่วนตายอด (terminal bud) อยทู่ ีโคนกา้ นใบคูส่ ุดทา้ ย ดอก เป็น unisexual-dioecious หรือ polygamous พบดอกตวั เมีย (female flower) เฉพาะใน เกาะชวา ประเทศอินโดนีเซียเท่านนั ดอกตวั ผู้ (male flower) เกิดทีปลายกิงเป็นกลุ่มดอก มีประมาณ 3-9 ดอก กา้ นดอกค่อนขา้ งยาว กลีบเลียง (sepal) เป็ นรูปถว้ ย และมีขนาดกวา้ ง กลีบดอกมี 4 กลีบ ดา้ นในสีแดงแกมเหลือง ดา้ นนอกสีค่อนขา้ งเขียว และมีประสีแดง เกสรตวั ผมู้ ีมากมายอยบู่ นกลีบ ดอก ดา้ นล่างติดกบั ส่วนโคนของรังไข่ (rudimentary ovary) กา้ นเกสรตวั ผสู้ นั อบั ละอองเกสรแบบ Ovoid-oblong และโคง้ กลบั ส่วน rudimentary ovary หนา ลกั ษณะ obconial และยาวกวา่ อบั ละออง เกสรเลก็ นอ้ ย ดอกตวั เมีย (female flower) หรืออกสมบูรณ์เพศ (hermaphrodite flower) มกั เกิดที ปลายกิง ลกั ษณะของกลีบเลียง และกลีบดอกคลา้ ยคลึงกบั ดอกตวั ผู้ เกิดเป็ นดอกเดียว (Solitary) มี เส้นผ่าศูนยก์ ลาง 5-6.2 เซนติเมตร กา้ นดอกสัน หนา เป็ นรูปเหลียม มีความยาว 1.8-2 เซนติเมตร หนา 0.7-0.9 เซนติเมตร กลีบเลียง (sepal) มี 4 กลีบซ้อนกนั 2 ชนั (biserite) ชนั ใน 1 คู่ หุ้มปิ ดไว้ และถูกหุม้ ดว้ ยชนั นอกอีก 1 คู่ ซึงมีความยาวประมาณ 2 เซนติเมตร สีเขียวแกมเหลืองเป็ นรูปเกือบ ครึงวงกลม มน ชนั ในมีขนาดเลก็ กว่า และมีขอบกลีบสีแดง กลีบดอก (petal) มี 4 กลีบ รูป obovate มีขนาดกวา้ งมาก กลมมน อวบหนา สีเขียวแกมเหลือง ขอบกลีบสีแดง หรือเกือบจะเป็นสีแดงตลอด ทงั กลีบ ขนาดประมาณ 2.5-3 เซนติเมตร เกสรตวั ผเู้ ป็นหมนั (staminode) อยรู่ วมกนั เป็นกลุ่ม อาจมี มากหรือนอ้ ยกว่า 1-3 อนั อาจยึดติดหรือไม่ยึดกบั ส่วนโคนของรังไข่ ยาว 0.5-0.6 เซนติเมตร อบั ละอองเกสรมีขนาดเล็กและเป็ นหมนั รังไข่ไม่มีกา้ น (sessile) แอ่งเกสรตวั เมีย (stigma) แบ่งเป็ น แฉกประมาณ 4-8 แฉก เท่ากบั จาํ นวนช่องในรังไข่ ผล เป็นแบบ berry เสน้ ผา่ ศูนยก์ ลางผลประมาณ 3.5-7 เซนติเมตร หรือมากกว่าเมือสุกจะมี สีม่วงเขม้ หรือม่วงแกมนาํ ตาล เปลือกหนาประมาณ 0.8-1 เซนติเมตร มีรสฝาด และมียางสีเหลือง ผลจดั เป็ นแบบ aril fruit เนือเกิดจาก integument ภายในผลแบ่งเป็ น 4-8 ช่อง แต่ละช่องมีเมล็ด ภายในหุม้ ดว้ ยเนือสีขาวใสอ่อนนุ่มคลา้ ยวุน้ มีเส้น Vain สีชมพูติดอยู่ เนือมีสีนาํ ตาลประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ประกอบดว้ ย Sacharase, dextrose และ levulose มีกรดและสารอืนๆ ประกอบทาํ ให้มี กลินและรสน่ารับประทาน การเรียงตวั ของกลีบคลา้ ยกบั การรวมตวั ของกลีบส้ม ในแต่ละผลจะมี เมลด็ ทีเจริญสมบูรณ์ 1-3 เมลด็ เท่านนั ทีเหลือมกั ลีบไป ค่าเฉลียเมลด็ ทีสมบูรณ์ของมงั คุดประมาณ 1.6 เมล็ด สําหรับผลมีนําหนัก 54.9-79.5 กรัม หรือมากกว่าผลหนึงๆ มีเนือประมาณ 25-30

- 21 - เปอร์เซ็นต์ มงั คุดตน้ หนึงๆ จะออกผลอย่างนอ้ ย 100 ผล และมากกว่า 500-600 ผล ในประเทศศรี ลงั กา มงั คุดสุกปี ละ 2 ครัง ครังแรกเดือนมกราคม ครังหลงั ในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม เมล็ด รูปร่างคลา้ ยเปลือกหอยมี 2 ฝา เปลือกหุ้มเมลด็ มีสีนาํ ตาลบางใส ผิวเมล็ดขรุขระ มี ร่องเริมจาก Hilum มาจนสุดเมลด็ แตกไดง้ ่าย มีอายกุ ารเกบ็ สนั และความแขง็ แรงของเมลด็ ที Hume กล่าวว่า การกระจายของมงั คุดไปยงั ถินต่างๆ ถูกจาํ กดั เนืองจากอายขุ องเมลด็ สันมาก เมลด็ ทีอยใู่ น ผลจะมีอายไุ ด้ 3-5 สปั ดาห์ แต่ถา้ อยนู่ อกผลโดยไม่เก็บไวใ้ นทีชืนจะมีอายไุ ดเ้ พียง 2-3 วนั เท่านนั ที จริงแลว้ เมลด็ มงั คุดไม่ใช่เมลด็ ทีแทจ้ ริง เป็นเพียงส่วนทีเจริญมาจากเนือเยอื เพศเมีย (female tissue) เท่านนั ดงั นนั จึงไม่มีทงั embryo และ cotyledous เชือกนั ว่ามงั คุดมีพนั ธุ์เดียวแต่อาจมีการผนั แปร บา้ ง เช่นพนั ธุ์ทีใหผ้ ลสุกชา้ กว่าทวั ไป ซึงเป็ นรายงานจากพม่า และอีกพนั ธุ์หนึงมีกรดมากกว่าปกติ ซึงเป็ นรายงานของชวา แต่การผนั แปรเช่นนีมีน้อยมาก ทงั นีเพราะเมล็ดทีใชใ้ นการขยายพนั ธุ์นัน เป็นส่วนทีเจริญ โดยไม่มีการผสมและเป็น polyembryony ตน้ กลา้ ทีไดซ้ ึงไม่ไดม้ าจาก Zygote แต่ เป็ น nucellar seedling ซึงตรงตามพนั ธุ์ของตน้ แม่ในประเทศไทย นิวฒั น์ พน้ ชวั เกษตรกรสวน มงั คุดกล่าวว่า จากการทีไดศ้ ึกษาอย่างใกลช้ ิดแลว้ สามารถแบ่งมงั คุดเป็ น 2 พวก คือ มงั คุดเมือง นนท์ และมงั คุดปักษใ์ ต้ ซึงมีลกั ษณะแตกต่างกนั คือ มงั คุดเมืองนนท์ ใบมีลกั ษณะเรียว ผลเลก็ ขวั ผลเลก็ และยาว เปลือกบาง กลีบทีปลายขวั มีสีแดง ผลสุกมีสีม่วงดาํ และมงั คุดปักษใ์ ต้ ใบลกั ษณะ อว้ นป้ อม ผลใหญ่ ขวั ผลสนั เปลือกหนา กลีบทีปลายขวั สีเขียวเขม้ ผลสุกมีสีแดงอมชมพู และผลจะ เปลียนเป็นสีม่วงไดช้ า้ กวา่ มงั คุดเมืองนนท์

บทที 3 วธิ ีการวจิ ัย สถานทดี ําเนินการวจิ ัย เวลา เริมดาํ เนินการ เดือนมีนาคม 2555 สถานที เสร็จสิน เดือนพฤษภาคม 2555 ทาํ การทดลอง มหาวิทยาลยั แม่โจ-้ ชุมพร เขียนรายงาน มหาวิทยาลยั แม่โจ-้ ชุมพร อปุ กรณ์ 1. ไข่ปลานิลระยะที 4 Yolk sac fry ลูกปลาทีฟักออกเป็นตวั แลว้ แต่ถุงไขแ่ ดงยงั ยบุ ไม่หมด (เริมขยบั ตวั ได)้ 2. ใบมงั คุดสด 3. กล่องพลาสติก จาํ นวน 6 กล่อง 4. ตูป้ ลา ขนาด 18 x 36 x 18 นิว มีปริมาตร 191.14 ลิตร จาํ นวน 6 ตู้ 5. อาหารปลาสาํ เร็จรูปชนิดผง ยหี อ้ เคที 020 6. อาหารปลาสาํ เร็จรูปเมด็ เลก็ ชนิดลอยนาํ ยหี อ้ นิวทรีน่า อิคอ็ นฟี ช 8888 7. ตอู้ บความร้อน (Hot Air Oven) 8. เครืองชงั 9. อุปกรณ์ใหอ้ ากาศ 10. เขม็ เขียเชือ 11. แผน่ สไลต์ 12. กระจกปิ ดสไลต์ 13. อุปกรณ์ผา่ ตดั (มีดผา่ ตดั , กรรไกรผา่ ตดั ) 14. ถงั พลาสติก 15. สียอ้ มอะซีโตคาร์มีน 16. หลอดหยด 17. กลอ้ งจุลทรรศน์

- 23 - วธิ ีการวจิ ัย การศึกษาความหนาแน่นของปลานิลทีเหมาะสมในการอนุบาลเมือแปลงเพศดว้ ยนาํ แช่ใบ มงั คุด แบ่งวธิ ีดาํ เนินการวจิ ยั ออกเป็นขนั ตอนดงั ต่อไปนี 1. การเตรียมปลาทดลอง ในการทดลองจะนาํ ไข่ปลานิลระยะที 4 pre-hatched ลูกปลาทีฟักออกเป็นตวั แลว้ แต่ถุงไข่ แดงยงั ยบุ ไม่หมด (เริมขยบั ตวั ได)้ ซึงไดร้ ับความอนุเคราะห์จากศูนยว์ จิ ยั และพฒั นาพนั ธุกรรมพนั ธุ์ สตั วน์ าํ ชุมพร นาํ มาเลียงในกล่องพลาสติกทีใส่นาํ ทีมีนาํ แช่ใบมงั คุดทีมีความเขม้ ขน้ 2.5 กรัมของ นาํ หนกั ใบมงั คุดอบแหง้ /นาํ 1 ลิตร เป็ นเวลา 6 ชวั โมง หลงั จากนนั นาํ ไปอนุบาลในตูป้ ลา ขนาด 18 x 36 x 18 นิว ปริมาตรนาํ 191.14 ลิตร โดยแบ่งเป็นจาํ นวน 6 ตู้ แลว้ ทาํ การเติมนาํ เปล่าประมาณ 3 ส่วนใน 4 ส่วนของตู้ ปริมาตรนาํ 143 ลิตร แบ่งการทดลองออกเป็น 2 ชุดการทดลองๆ ละ 3 ซาํ ชุดการทดลองที 1 อนุบาลลูกปลานิลจาํ นวน 100 ตวั /ตู้ โดยลูกปลานิล 1 ตวั ใชน้ าํ ปริมาตร 1.43 ลิตร และชุดการทดลองที 2 อนุบาลลกู ปลานิลจาํ นวน 200 ตวั /ตู้ โดยลูกปลานิล 1 ตวั ใชน้ าํ ปริมาตร 0.72 ลิตร อนุบาลจนลูกปลามีอายไุ ด้ 1-2 วนั จึงใหอ้ าหารเมด็ สาํ เร็จรูป วนั ละ 2 ครัง (เชา้ -เยน็ ) เป็น ระยะเวลา 3 เดือน 2. การเตรียมนาํ แช่ใบมงั คุด รวบรวมใบมงั คุดมาลา้ งทาํ ความสะอาดและเช็ดใหแ้ หง้ ชงั นาํ หนกั ใบมงั คุด (ใบมงั คุดสด) ให้ได้ตามตอ้ งการ แลว้ นําใบมงั คุดมาอบแห้งด้วยตูอ้ บความร้อนทีอุณหภูมิ 40 0C เป็ นเวลา 6 ชวั โมง หลงั จากนนั นาํ ใบมงั คุดทีผ่านการอบแห้งแลว้ มาชงั นาํ หนกั และฉีกใบมงั คุดเป็ นชินเล็กๆ แช่นาํ เป็นเวลา 3 วนั แลว้ จึงกรองดว้ ยผา้ ขาวบางและกระดาษกรองจะไดน้ าํ แช่ใบมงั คุดอบแหง้ เป็น นาํ สีชา ทีมีความเขม้ ขน้ 2.5 กรัมของนาํ หนกั ใบมงั คุดอบแหง้ /นาํ 1 ลิตร 3. วธิ ีการทดลอง การทดลองในครังนีเป็ นการศึกษาความหนาแน่นของปลานิลทีเหมาะสมในการอนุบาลเมือ แปลงเพศดว้ ยนาํ แช่ใบมงั คุด วางแผนการทดลองแบบสุ่มตลอด (Completely Randomize Design : CRD) ประกอบดว้ ย 2 ชุดการทดลองๆ ละ 3 ซาํ ดงั นี ชุดการทดลองที 1 อนุบาลลกู ปลานิล (ไข่ระยะที 4) ทีแช่ดว้ ยนาํ แช่ใบมงั คุดอบแหง้ ทีความ หนาแน่น 100 ตวั /ตู้

- 24 - ชุดการทดลองที 2 อนุบาลลกู ปลานิล (ไข่ระยะที 4) ทีแช่ดว้ ยนาํ แช่ใบมงั คุดอบแหง้ ทีความ หนาแน่น 200 ตวั /ตู้ 4. การใหอ้ าหาร ทาํ การอนุบาลลูกปลานิล เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยใหอ้ าหารปลาสาํ เร็จรูปชนิดผง วนั ละ 2 ครัง (เชา้ -เยน็ ) เป็ นระยะเวลา 3 สัปดาห์ หลงั จากนนั ให้อาหารปลาสาํ เร็จรูปเมด็ เลก็ ชนิดลอยนาํ อนุบาลต่อไป 5. วธิ ีเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู เก็บรวบรวมขอ้ มูลการใชน้ าํ แช่ใบมงั คุดในการแปลงเพศปลานิลทีความหนาแน่นต่างกนั ตรวจเช็คอตั ราการรอดตงั แต่ลูกปลานิลเป็ นไข่ในระยะที 4 อนุบาลลูกปลานิลจนกระทงั มีอายุ 3 เดือน หลงั จากนนั ทาํ การตรวจเช็คเพศของปลานิล โดยการสุ่มตวั อยา่ งลูกปลานิลอายุ 3 เดือน มาทาํ การผ่าตดั เอาเนือบริเวณช่องทอ้ งออก จากนนั ใชก้ รรไกรตดั เอาเซลลส์ ืบพนั ธุ์มาวางบนสไลตแ์ กว้ แลว้ หยดสียอ้ มอะซีโตคาร์มีน ปิ ดทบั ดว้ ยกระจกปิ ดสไลต์ ส่องดูเซลล์สืบพนั ธุ์ของปลานิลดว้ ย กลอ้ งจุลทรรศน์เพือทาํ การแยกเพศ นบั จาํ นวนของปลาทงั หมดทีสุ่มมา แยกสัดส่วนระหว่างเพศผู้ และเพศเมีย 6. การวเิ คราะห์ขอ้ มลู วิเคราะห์ความแตกต่างของขอ้ มูลจากการทดลองในแต่ละชุดการทดลองโดยนาํ ขอ้ มูลทีได้ ไปวิเคราะห์ความแปรปรวน Analysis of variance (ANOVA) และเปรียบเทียบความแตกต่าง คา่ เฉลียแต่ละชุดการทดลองโดยวธิ ี Independent Sample T-test ทีระดบั ความเชือมนั 95 เปอร์เซ็นต์

- 25 - T1R1 T2R2 T1R3 ชุดที 1 ซาํ ที 1 ชุดที 2 ซาํ ที 2 ชุดที 1 ซาํ ที 3 T2R1 T1R2 T2R3 ชุดที 2 ซาํ ที 3 ชุดที 2 ซาํ ที 1 ชุดที 1 ซาํ ที 2 ภาพที 7 แผนผงั ตูป้ ลาสาํ หรับใชใ้ นการอนุบาลลูกปลานิล

บทที 4 ผลและวจิ ารณ์ผลการทดลอง ในการอนุบาลลูกปลานิลแปลงเพศดว้ ยนาํ แช่ใบมงั คุด ทีมีความเขม้ ขน้ 2.5 กรัมของ นาํ หนกั ใบมงั คุดอบแหง้ /นาํ 1 ลิตร เป็นระยะเวลา 6 ชวั โมง จากนนั นาํ ไปอนุบาลต่อทีระดบั ความ หนาแน่น 100 และ 200 ตวั /ตู้ โดยทาํ การทดลองทงั หมด 2 ครัง พบวา่ อตั ราการรอด การทดลองครังที 1 อตั ราการรอดของการแช่ลูกปลานิลวยั อ่อนระยะที 3 ดว้ ยนาํ แช่ใบ มงั คุด ทีมีความเขม้ ขน้ 2.5 กรัมของนาํ หนกั ใบมงั คุดอบแหง้ /นาํ 1 ลิตร เป็นระยะเวลา 6 ชวั โมง พบว่ามีอตั ราการรอดตายเท่ากบั 0% เนืองจากการใชไ้ ข่ปลานิลระยะที 3 เป็นระยะทีไข่ปลานิลมี อายนุ อ้ ยเกินไป ไม่สามารถทนต่อการเปลียนแปลงของสภาพแวดลอ้ มได้ คือ การแช่ไข่ปลานิลใน นาํ แช่ใบมงั คุดทีระดบั ความเขม้ ขน้ 2.5 กรัมของนาํ หนกั ใบมงั คุดอบแหง้ /นาํ 1 ลิตร ทาํ ใหเ้ กิดการ ตายอย่างรวดเร็ว งานวิจยั ของสุทิพย์ และคณะ (2554) รายงานว่าการอนุบาลลูกปลานิลอายุ 2 วนั หลงั ถุงไข่แดงยบุ ในนาํ แช่ใบมงั คุด ทีระดบั ความเขม้ ขน้ 0.0, 1.0, 2.0, และ 3.0 กรัม/ลิตร ระยะเวลา 28 วนั พบว่าไข่ปลาไม่สามารถฟักเป็ นตวั ได้ในนําแช่ใบมงั คุดเขม้ ขน้ 5.0 กรัม/ลิตร และการ อนุบาลลูกปลาในนาํ ทีความเขม้ ขน้ 3 กรัม/ลิตร ลูกปลาไม่สามารถดาํ รงชีวิตอยไู่ ด้ หลงั จากนนั จึง ไดท้ าํ การทดลองใหม่ โดยการอนุบาลลูกปลานิลวยั อ่อนระยะที 4 โดยแช่ไข่ปลานิลวยั อ่อนในนาํ แช่ใบมงั คุดทีมีความเขม้ ขน้ 2.5 กรัมของนาํ หนกั ใบมงั คุดอบแห้ง/นาํ 1 ลิตร เป็ นระยะเวลา 6 ชวั โมง จากนนั นาํ ไปอนุบาลต่อทีระดบั ความหนาแน่น 100 และ 200 ตวั /ตู้ การทดลองครังที 2 อตั ราการรอดของการแช่ลูกปลานิลวยั อ่อนระยะที 4 ในนาํ แช่ ใบมงั คุด ทีมีความเขม้ ขน้ 2.5 กรัมของนาํ หนกั ใบมงั คุดอบแหง้ /นาํ 1 ลิตร เป็นระยะเวลา 6 ชวั โมง จากนนั นาํ ไปอนุบาลต่อเป็นระยะเวลา 3 เดือน พบว่าอตั ราการรอดตายของปลานิลทงั สองชุดการ ทดลองไม่มีความแตกต่างอยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติ (P>0.05) ดงั ในตารางที 1 และภาพที 2 โดยใน แต่ละชุดการทดลองมีอตั ราการรอดตายดงั นี ชุดการทดลองที 1 ปลานิลทีอนุบาลทีระดบั ความ หนาแน่น 100 ตวั /ตู้ มีค่าเฉลียเท่ากบั 60.67 12.50% และชุดการทดลองที 2 ปลานิลทีอนุบาลที ระดบั ความหนาแน่น 200 ตวั /ตู้ มีค่าเฉลียเท่ากบั 68.00 10.64% ซึงสาเหตุการตายส่วนใหญ่จะมา จากแรกฟัก เพราะว่าลูกปลาบางตวั ไม่สามารถพฒั นาเป็ นปลานิลวยั อ่อนได้ โดยปกติการใชน้ าํ แช่

- 27 - ใบมงั คุดเพือแปลงเพศปลานิล มกั ไม่ส่งผลต่ออตั ราการรอด ดงั การศึกษาของอภิชญา (2555) เรือง ประสิทธิภาพการใชส้ ารสกดั จากใบมงั คุดต่อการแปลงเพศปลานิลวยั อ่อน ระยะที 4 ดว้ ยเครืองเขยา่ พบวา่ ชุดการทดลองที 1 ปลานิลทีไม่ไดแ้ ช่สารสกดั ใบมงั คุด (ชุดควบคุม) มีอตั ราการรอดตายเฉลีย เท่ากบั 39.33 9.29% และชุดการทดลองที 2 ปลานิลทีแช่ดว้ ยสารสกดั ใบมงั คุดทีความเขม้ ขน้ 30 ppm เป็ นระยะเวลา 3 ชวั โมง มีอตั ราการรอดตายเฉลียเท่ากบั 51.00 11.30% ทงั สองชุดการ ทดลองไม่มีความแตกต่างอยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติ (p>0.05) การศึกษาของ ศราวฒุ ิ (2556) เรืองการ แปลงเพศปลานิลจากไขร่ ะยะที 4 ดว้ ยสารสกดั ใบมงั คุดโดยการแช่ เป็นระยะเวลา 24 ชวั โมง พบวา่ ชุดการทดลองที 1 ไม่มีการแปลงเพศปลานิล (ชุดควบคุม) มีอตั ราการรอดตาย 91.33% และชุดการ ทดลองที 2 ไข่ปลานิลระยะที 4 แช่ดว้ ยสารสกดั ใบมงั คุดทีระดบั ความเขม้ ขน้ 0.03 กรัม/ลิตร เป็ น ระยะเวลา 24 ชวั โมง มีอตั ราการรอดตาย 89.33% อตั ราการรอดตายของปลานิลทงั 2 ชุดการทดลอง ไม่มีความแตกต่างอยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติ (p>0.05) และการศึกษาของ สายฤทยั และเสาวลกั ษณ์ (2555) เรืองศึกษาผลของอาหารผสมสารสกดั ใบมงั คุดในระดบั ความเขม้ ขน้ แตกต่างกนั ต่อการ เจริญเติบโต และลกั ษณะเพศของปลานิล พบว่า การใชส้ ารสกดั ใบมงั คุดฉีดพน่ ในอาหารสาํ เร็จรูป ระดบั ความเขม้ ขน้ ต่างกนั คือ 0, 200, 400 และ 600 มิลลิกรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม นาํ ไปเลียงปลา ขนาดเริมตน้ 2.5 กรัม ในตกู้ ระจก ปริมาตรนาํ 120 ลิตร ในระบบปิ ดเป็นระยะเวลา 10 สปั ดาห์ ปลา ในทุกชุดการทดลองมีอตั ราการรอดตายสูง อยใู่ นช่วง 93.33 7.64% ถึง 98.33 1.44% โดยไม่มี ความแตกต่างกนั ทางสถิติ (p>0.05) แสดงใหเ้ ห็นว่าการใชส้ ารสกดั ใบมงั คุดในการแปลงเพศปลา นิลระยะทีถุงไข่แดงยงั ยุบไม่หมด โดยการใชส้ ารสกดั ใบมงั คุดในปริมาณทีเหมาะสม จะไม่ส่งผล ต่ออตั ราการรอดตายของปลานิล ตารางที 1 อตั ราการรอดตาย (%) ของปลานิลทีอนุบาลดว้ ยความหนาแน่นแตกต่างกนั ชุดการทดลอง อตั ราการรอดตาย (%) 1 60.67 12.50a 2 68.00 10.64 a 0.483 P-value หมายเหตุ อกั ษร a ทีเหมือนกนั ในแนวตงั หมายถึง ไม่มีความแตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติ (P>0.05)

- 28 - ภาพที 8 อตั ราการรอดตาย (%) ของปลานิลทีอนุบาลดว้ ยความหนาแน่นแตกต่างกนั การเปลยี นเพศ จากการศึกษาผลจากนาํ แช่ใบมงั คุดต่อการเปลียนเพศไข่ปลานิลระยะที 4 โดย อนุบาลทีระดบั ความหนาแน่นต่างกนั พบว่าชุดการทดลองที 1 ปลานิลทีอนุบาลทีระดบั ความ หนาแน่น 100 ตวั /ตู้ เป็ นเพศผเู้ ท่ากบั 92.00 7.21% และเป็ นเพศเมียเท่ากบั 8.00 7.21% และชุด การทดลองที 2 ปลานิลทีอนุบาลทีระดบั ความหนาแน่น 200 ตวั /ตู้ เป็ นเพศผเู้ ท่ากบั 80.67 3.06% และเป็ นเพศเมียเท่ากบั 19.33 3.06% ดงั การศึกษาของอภิชญา (2555) เรืองประสิทธิภาพการใช้ สารสกดั จากใบมงั คุดต่อการแปลงเพศปลานิลวยั อ่อน ระยะที 4 ดว้ ยเครืองเขย่า พบว่าชุดการ ทดลองที 2 มีเปอร์เซ็นตเ์ พศผนู้ อ้ ยกวา่ ชุดการทดลองที 1 ดงั นี ชุดการทดลองที 1 ปลานิลทีไม่ไดแ้ ช่ สารสกัดใบมังคุด (ชุดควบคุม) เป็ นเพศผู้เท่ากับ 85.32 8.66% และเป็ นเพศเมียเท่ากับ 14.68 8.66% และชุดการทดลองที 2 ปลานิลทีแช่ดว้ ยสารสกดั ใบมงั คุดทีความเขม้ ขน้ 30 ppm เป็นระยะเวลา 3 ชวั โมง เป็นเพศผเู้ ท่ากบั 79.95 3.92% และเป็นเพศเมียเท่ากบั 20.06 3.92% และ เมือนาํ เปอร์เซ็นตเ์ พศมาเปรียบเทียบทางสถิติ พบว่าเปอร์เซ็นตเ์ พศผขู้ องทงั สองชุดการทดลองไม่มี ความแตกต่างอย่างมีนยั สําคญั ทางสถิติ (p>0.05) การศึกษาของศราวุฒิ (2556) เรืองการแปลงเพศ ปลานิลจากไข่ระยะที 4 ดว้ ยสารสกดั ใบมงั คุดโดยการแช่ เป็นระยะเวลา 24 ชวั โมง พบวา่ ชุดการ ทดลองที 1 ไม่มีการแปลงเพศปลานิล (ชุดควบคุม) พบปลาเพศผู้ 42.67% และปลาเพศเมีย 57.33% และชุดการทดลองที 2 ไข่ปลานิลระยะที 4 แช่ดว้ ยสารสกดั ใบมงั คุดทีระดบั ความเขม้ ขน้ 0.03

- 29 - กรัม/ลิตร เป็นระยะเวลา 24 ชวั โมง พบวา่ เป็นปลาเพศผู้ 85.332.31% และปลาเพศเมีย 14.672.31% เมือนาํ เปอร์เซ็นตเ์ พศผรู้ ะหวา่ งชุดการทดลองที 1 และชุดการทดลองที 2 มาเปรียบเทียบทางสถิติ พบว่า มีความแตกต่างกนั อย่างมีนัยสําคญั ทางสถิติ (p>0.05) และการศึกษาของสายฤทยั และ เสาวลกั ษณ์ (2555) เรืองศึกษาผลของอาหารผสมสารสกดั ใบมงั คุดในระดบั ความเขม้ ขน้ แตกต่าง กนั ต่อการเจริญเติบโต และลกั ษณะเพศของปลานิล พบวา่ การใชส้ ารสกดั ใบมงั คุดฉีดพ่นในอาหาร สาํ เร็จรูปทีระดบั ความเขม้ ขน้ แตกต่างกนั คือ 0, 200, 400 และ 600 มิลลิกรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม มี ค่าเปอร์เซ็นตเ์ พศอย่ใู นช่วง 66.65 4.55% ถึง 71.60 11.91% แสดงใหเ้ ห็นว่าใบมงั คุด (ฮอร์โมน จากธรรมชาติ) สามารถใชเ้ ปลียนเพศปลานิลใหเ้ ป็นเพศผไู้ ด้ ตารางที 2 เพศปลานิล (%) ทีอนุบาลดว้ ยความหนาแน่นแตกต่างกนั ชุดการทดลอง เพศปลานิล (%) เพศผู้ เพศเมีย 1 92.00 7.21 a 8.00 7.21 a 2 80.67 3.06 a 19.33 3.06 a P-value 0.097 0.097 หมายเหตุ อกั ษร a ทีเหมือนกนั ในแนวตงั หมายถึง ไม่มีความแตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติ (P>0.05) 100 เพศผู้ 80 เพศเมีย 60 40 ชุดการทดลองที2 20 0 ชุดการทดลองที1 ภาพที 9 เพศปลานิล (%) ทีอนุบาลดว้ ยความหนาแน่นแตกต่างกนั

บทที 5 สรุปผลการทดลอง จากการศึกษาระดับความหนาแน่นทีเหมาะสมต่ออตั ราการรอดตาย และการเปลียน ลกั ษณะเพศภายในของปลานิลทีแช่ในนาํ แช่ใบมงั คุด ทีระดบั ความเขม้ ขน้ 2.5 กรัมของนาํ หนกั ใบ มงั คุดอบแหง้ /นาํ 1 ลิตร เป็ นเวลา 6 ชวั โมง และนาํ ไปอนุบาลต่อเป็ นระยะเวลา 3 เดือน โดยการ อนุบาลทีอตั ราความหนาแน่น 100 ตวั และ 200 ตวั /ตู้ มีอตั ราการรอดตายเท่ากบั ร้อยละ 60.67 และ 68.00 และเกิดเพศผรู้ ้อยละ 92.00 และ 80.67 ตามลาํ ดบั แสดงให้เห็นว่าความเขม้ ขน้ ของนาํ แช่ใบ มงั คุดทีใชใ้ นการทดลองมีความเหมาะสมในการแปลงเพศปลานิลให้เป็ นเพศผู้ และอตั ราความ หนาแน่นทีใชใ้ นการทดลองไม่มีผลกระทบใหเ้ กิดความแตกต่างของอตั ราการรอดตายและการเกิด เพศผู้

บรรณานุกรม กรมประมง. 2550. สถิตกิ ารประมงแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2548. กลุ่มวจิ ยั และวเิ คราะห์สถิติการ ประมง ศูนยส์ ารสนเทศกรมประมง. กรมประมง. 2551. การเลยี งปลานิล. [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก http://www.fisheries.go.th สืบคน้ วนั ที 15 มกราคม 2556. กรมศุลกากร. 2549. สถติ กิ ารนําเขาและส่งออกปลานิล. [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก URL:http://www.customs.go.th/Statistic/StatisticResult.jsp สืบคน้ วนั ที 15 มกราคม 2556. กฤษณา แกว้ ชอุ่ม และภีระ ไกรศรีแสง. 2545. การเพาะเลยี งปลานิลแปลงเพศ. สาํ นกั พิมพ์ เวริ ์คออฟเซ็ท. กรุงเทพฯ. 56 หนา้ . กองส่งเสริมการประมง. 2544. การเลยี งปลานิลเอกสารคาํ แนะนํา, กรมประมง, กระทรวงเกษตร และสหกรณ์. กรุงเทพฯ. 31 หนา้ . คีรี กอนนั ตกลุ . 2542. การเพาะเลยี งปลานิล. กองประมงนาํ จืด. กรมประมง. แจ่มจนั ทร์ เพชรศิริ, เกษม ตนั สุวรรณ และกฤษณะ เรืองคลา้ ย. 2549. ผลของสารฟลาโวนอยด์จาก ใบมงั คุดทมี ตี ่อการแปลงเพศปลานิล. รายงานการวจิ ยั คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ทกั ษิณ. ฐาปนพนั ธ์ สุรจิต. 2552. การศึกษาเปรียบเทยี บระบบการเพาะพนั ธ์ปลานิล (Oreochromis miloticus, Linn) ในบ่อดนิ บ่อซีเมนต์ และกระชังแขวนลอยในบ่อดนิ เพอื ผลติ ลกู ปลานิล เชิงพาณชิ ย์. วิทยานิพนธ์บณั ฑิตวิทยาลยั สาขาเพาะเลียงสตั วน์ าํ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. ทศั นีย์ ภูมิพิพศั น์. 2524. ชีวประวตั ขิ องปลานิล. เอกสารวชิ าการ. ฉบบั ที 7/2524. กองประมงนาํ - จืด, กรมประมง. กรุงเทพฯ. 34 หนา้ . นทีทิพย์ กฤษณามระ. 2538. ฮอร์โมน กลไกและการออกฤทธิร่วม. บริษทั โรงพมิ พ์ ไทยวฒั นาพานิช จาํ กดั . กรุงเทพฯ. 321 หนา้ . นวลมณี พงศธ์ นา. 2553. ปัจจัยการเพาะเลยี งปลานิลและปลานิลแดงให้ประสบผลสําเร็จ. เอกสาร เผยแพร่. ฉบบั ที 2. ศนู ยว์ จิ ยั และทดสอบพนั ธุส์ ตั วน์ าํ ปทุมธานี สถาบนั วจิ ยั และพฒั นา พนั ธุกรรมสตั วน์ าํ . 37 หนา้ . มานพ ตงั ตรงไพโรจน,์ ภาณุ เทวรัตนม์ ณีกลุ , พรรณศรี จริโมภาส, สุจินต์ หนูขวญั , กาํ ชยั ลาวณั ยวฒุ ิ และวิมล จนั ทรโรทยั . 2536. การพฒั นาการเพาะเลยี งปลานิล. เอกสาร เผยแพร่ ฉบบั ที 23. สถาบนั การเพาะเลียงสตั วน์ าํ จืด. กรมประมง. กรุงเทพฯ. 96 หนา้ .

- 32 - ศราวฒุ ิ เวยี งนนท.์ 2556. การแปลงเพศปลานิลจากไข่ระยะที 4 ด้วยสารสกดั ใบมังคุดโดยการแช่ เป็ นระยะเวลา 24 ชัวโมง. ปัญหาพิเศษสาขาวิชาการประมง มหาวทิ ยาลยั แม่โจ-้ ชุมพร มหาวทิ ยาลยั แม่โจ.้ ศนู ยว์ จิ ยั กสิกรไทย. 2550. ปลานิลไทย : ตลาดขยายตัวทงั ในประเทศและส่งออก. [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก http://www.positioningmag.com/prnews/printprnews.aspx?id=62988, สืบคน้ วนั ที 15 มกราคม 2556. สถาบนั การวจิ ยั การเพาะเลียงสตั วน์ าํ จืด. 2536. การพฒั นาการเพาะเลยี งปลานําจืด. กรมประมง. กรุงเทพฯ. อภิชญา สีใส. 2555. ประสิทธิภาพการใช้สารสกดั จากใบมงั คุดต่อการแปลงเพศปลานิลวยั อ่อน ระยะที 4 ด้วยเครืองเขย่า. ปัญหาพเิ ศษสาขาวชิ าการประมง มหาวิทยาลยั แม่โจ-้ ชุมพร มหาวิทยาลยั แม่โจ.้ อุไรวรรณ ไพชาํ นาญ และวฒั นา วฒั นกลุ . 2544. ผลของสารสกดั ใบมงั คุดต่อการเปลยี นลกั ษณะ เพศในปลากดั . รายงานการวิจยั คณะวทิ ยาศาสตร์การประมง สถาบนั ราชมงคลตรัง. Little, D.C. 1989. An evaluation of strategies for production of Nile tilapia (Oreochromis niloticus) fry suitable for hormone treatment. PhD thesis, University of stirling, Scotland. Nelson, J.S. 1994. Fishes of the World. 3rd ed. John Wiley and Sons. Inc., New York.

ภาคผนวก (ก)

- 34 - ภาพผนวกที 1 ใบมงั คุดอบแหง้ ฉีกเป็นชินเลก็ ๆ ภาพผนวกที 2 ไขป่ ลานิลระยะที 4 pre-hatched

- 35 - ภาพผนวกที 3 การอนุบาลปลานิล ภาพผนวกที 4 ปลานิลทีใชส้ าํ หรับทดลอง

- 36 - ภาพผนวกที 5 อุปกรณ์สาํ หรับผา่ ปลานิล ภาพผนวกที 6 การผา่ ปลานิล

- 37 - ภาพผนวกที 7 ยอ้ มสีเซลลส์ ืบพนั ธุ์ดว้ ยสียอ้ มอะซีโตคาร์มีน ภาพผนวกที 8 ส่องดูเซลลส์ ืบพนั ธุป์ ลานิลดว้ ยกลอ้ งจุลทรรศน์

- 38 - ภาพผนวกที 9 ลกั ษณะเซลลส์ ืบพนั ธุ์เพศผู้ ภาพผนวกที 10 ลกั ษณะเซลลส์ ืบพนั ธุเ์ พศเมีย

ภาคผนวก (ข)

- 40 - ตารางผนวกที 1 การเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลียดว้ ยวิธี Independent Sample T-test Group Statistics Treatment N Mean Std. Deviation Std. Error Mean Survival 1.00 3 60.6667 12.50333 7.21880 2.00 Male 1.00 3 68.0000 10.64190 6.14410 2.00 3 92.0000 7.21110 4.16333 Female 1.00 3 80.6667 3.05505 1.76383 2.00 3 8.0000 7.21110 4.16333 3 19.3333 3.05505 1.76383

ตารางผนวกที 2 คา่ เฉลียต่างๆ ของขอ้ มูลทีทาํ การทดลอง Independ Levene’s Test for Equality of Variances Survival Equal variances F Sig. t Male assumed .241 .649 -.774 Female Equal variances not -.774 assumed 2.579 .184 Equal variances 2.579 .184 2.507 assumed 2.507 Equal variances not -2.507 assumed -2.507 Equal variances assumed Equal variances not assumed

dent Samples Test t-test for Equality of Means 95% Confidence Interval of the Difference df Sig. (2-tailed) Mean Std. Error Lower Upper 4 .482 Difference Difference -33.65267 18.98601 -7.3333 9.47951 3.900 .483 -7.3333 9.47951 -33.91991 19.25325 4 .066 11.3333 4.52155 -1.22051 23.88718 2.696 .097 11.3333 4.52155 -4.02089 26.68756 .066 -11.3333 4.52155 -23.88718 4 .097 -11.3333 4.52155 -26.68756 1.22051 2.696 4.02089

ภาคผนวก (ค)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook