Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การอนุบาลลูกปลากระดี่มุกวัยอ่อน

การอนุบาลลูกปลากระดี่มุกวัยอ่อน

Published by Bangbo District Public Library, 2019-06-26 23:41:19

Description: การอนุบาลลูกปลากระดี่มุกวัยอ่อน

Search

Read the Text Version

เอกสารวชิ าการฉบบั ท่ี ๘/๒๕๕๗ Technical Paper No. 8/2014 การอนบุ าลลูกปลากระด่ีมกุ วัยออ่ นท่ีความหนาแน่น 3 ระดบั Nursing of Pearl Gourami, Trichogaster leerii (Bleeker, 1852) Larvae at 3 Stocking Densities นภสร จันทกานนท์ Napasorn Chantaganond อาคม เลก็ นอ้ ย Arkhom Leknoi สํานักวจิ ยั และพัฒนาประมงนา้ํ จืด Inland Fisheries Research and Development Bureau กรมประมง Department of Fisheries กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ Ministry of Agriculture and Cooperatives

เอกสารวชิ าการฉบบั ที่ ๘/๒๕๕๗ Technical Paper No. 8/2014 การอนบุ าลลกู ปลากระดีม่ กุ วัยอ่อนท่ีความหนาแน่น 3 ระดับ Nursing of Pearl Gourami, Trichogaster leerii (Bleeker, 1852) Larvae at 3 Stocking Densities นภสร จนั ทกานนท์ Napasorn Chantaganond อาคม เลก็ นอ้ ย Arkhom Leknoi ศูนยว์ จิ ยั และพฒั นาประมงนา้ํ จืดสมุทรปราการ Samutprakarn Inland Fisheries Research and Development Center สาํ นกั วจิ ัยและพัฒนาประมงนา้ํ จดื Inland Fisheries Research and Development Bureau กรมประมง Department of Fisheries ๒๕๕๗ 2014 รหสั ทะเบียนวิจยั 54-0558-54093

i หน้า 1 สารบาญ 2 3 บทคัดย่อ 3 Abstract 4 คํานํา 4 วัตถปุ ระสงค์ 4 วธิ ดี าํ เนนิ การ 4 7 1. การวางแผนการทดลอง 14 2. วสั ดุอปุ กรณ์ 16 3. วธิ ีการทดลอง 19 ผลการศกึ ษา สรุปและวจิ ารณ์ผล เอกสารอ้างองิ ภาคผนวก

ii สารบาญตาราง ตารางที่ หนา้ 1 ผลของการเจรญิ เตบิ โตและอัตรารอดของลกู ปลากระด่ีมุกที่อนบุ าลดว้ ยความหนาแนน่ ต่างกัน 9 เป็นระยะเวลา 30 วัน 2 อัตราการตายสะสมเฉลีย่ (เปอร์เซ็นต์) ของปลากระดี่มุกในแตล่ ะวนั 10 3 การกระจายขนาดของปลากระดี่มกุ (เปอรเ์ ซ็นต์) หลงั การอนบุ าลเป็นเวลา 30 วนั 11 4 ต้นทนุ และผลตอบแทนในการอนบุ าลลูกปลากระด่มี กุ ในถงั พลาสติกขนาดความจุ 25 ลิตร 13 5 คณุ สมบัติของน้ําระหว่างการทดลองเปน็ เวลา 30 วัน 14 ตารางผนวกที่ 19 1 นํา้ หนัก (มลิ ลิกรมั ) ความยาว (เซนตเิ มตร) และอัตรารอด (เปอร์เซ็นต)์ ของปลากระดี่มกุ เม่ือเร่มิ ตน้ และสิ้นสดุ การอนบุ าล

iii หน้า 4 สารบาญภาพ 12 ภาพที่ 20 1 ลูกปลากระดีม่ กุ อายุ 6 วนั (กําลงั ขยาย 20 เท่า) 2 การกระจายขนาดของปลากระดี่มุกหลังการอนุบาลเป็นเวลา 30 วนั ภาพผนวกที่ 1 ลกู ปลากระดมี่ ุกหลงั การทดลองเป็นเวลา 30 วนั (อายุ 36 วัน)

การอนุบาลลูกปลากระด่มี กุ วัยอ่อนทค่ี วามหนาแนน่ 3 ระดับ นภสร จันทกานนท์๑* และ อาคม เล็กนอ้ ย๒ ๑ศูนยพ์ ฒั นาระบบและรับรองมาตรฐานฟาร์มเพาะเล้ยี งสัตว์นํ้า ๒ศูนย์วจิ ยั และพฒั นาประมงนา้ํ จดื สมุทรปราการ บทคดั ย่อ การทดลองอนุบาลลูกปลากระด่ีมุกอายุ 6 วัน ท่ีความหนาแน่น 10, 20 และ 30 ตัว/ลิตร ในถังพลาสติกภายใต้สภาพในโรงเพาะฟักท่ีศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ําจืดสมุทรปราการ ระหว่างเดือน มิถุนายนถึงกรกฎาคม พ.ศ. 2554 โดยให้อาร์ทีเมียวัยอ่อนและไรแดงเป็นอาหารวันละ 3 มื้อ เป็นเวลา 30 วัน ผลปรากฏว่าลูกปลามีนํ้าหนักเฉลี่ยเพิ่มจาก 1.65±0.07 มิลลิกรัมเป็น 209.29±63.41, 183.58±34.38 และ 190.01±13.13 มิลลิกรัม ตามลําดับ ความยาวเฉล่ียเพ่ิมขึ้นจาก 0.52±0.03 เซนติเมตร เป็น 2.52±0.22, 2.29±0.12 และ 2.38±0.08 เซนติเมตร ตามลําดับ อัตราการเจริญเติบโตจําเพาะ (Specific growth rate) 16.11±1.11, 15.76±0.63 และ 15.91±0.24 เปอร์เซ็นต์/วัน ตามลําดับ การเจริญเติบโตสัมพัทธ์ (Relative growth) 129.62±39.60, 113.53±21.53 และ 117.59±8.23 เท่าของนํ้าหนักเริ่มต้น ตามลําดับ น้ําหนักเพิ่ม ต่อวัน (Daily weight gain) 6.92±2.11, 6.06±1.09 และ 6.27±0.38 มิลลิกรัม/วัน ตามลําดับ เปอร์เซ็นต์ น้ําหนักเพิ่ม (Percent weight gain) 12,962±3,959, 11,353±2,153 และ 11,759±823 เปอร์เซ็นต์ ตามลําดับ สัมประสิทธิ์ความสมบูรณ์ของปลา (Condition factor; CF) 1.27±0.12, 1.51±0.16 และ 1.41±0.07 ตามลําดับ ดัชนี Normalized biomass (Normalized biomass index; NBI) 0.042±0.009, 0.037±0.003 และ 0.031±0.003 ตามลําดับ ซึ่งไม่แตกต่างกันทางสถิติ (P>0.05) และมีอัตรารอด 26.87±3.75, 13.75±1.53 และ 7.70±0.72 เปอร์เซ็นต์ ตามลําดับ ซึ่งแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทุกระดับ ความหนาแน่น (P<0.05) ต้นทุนการผลิต 3.20, 3.36 และ 4.28 บาท/ตัว ตามลําดับ กําไรสุทธิ 1.64, 1.20 และ 0.47 บาท/ตัว ตามลําดับ เม่ือพิจารณาต้นทุนและผลตอบแทนแล้วพบว่า การอนุบาลลูกปลากระด่ีมุก ที่ความหนาแนน่ 10 ตัว/ลติ ร ไดก้ าํ ไรสงู สุด คําสาํ คัญ : ปลากระด่มี ุก การอนบุ าล ความหนาแนน่ *ผู้รับผดิ ชอบ : ๑๔๒ หมู่ ๘ ต. บางบอ่ อ. บางบอ่ จ. สมุทรปราการ ๑o๕๖o. e-mail : [email protected]

2 Nursing of Pearl Gourami, Trichogaster leerii (Bleeker, 1852) Larvae at 3 Stocking Densities Napasorn Chantaganond1* and Arkhom Leknoi2 1Aquaculture Development and Certification Center 2Samutprakarn Inland Fisheries Research and Development Center Abstract Nursing of 6 days-old Pearl Gourami, Trichogaster leerii (Bleeker, 1852) at stocking density of 10, 20 and 30 larvae per liter were conducted in plastic buckets under hatchery condition at Samutprakarn Inland Fisheries Research and Development Center during June-July 2011. The larvae were fed 3 times a day with artemia larvae and water flea (Moina macocopa) for 30 days. The results showed that weights increased from 1.65±0.07 mg to 209.29±63.41, 183.58±34.38 and 190.01±13.13 mg, respectively. Total lengths increased from 0.52±0.03 cm to 2.52±0.22, 2.29±0.12 and 2.38±0.08 cm, respectively. Specific growth rates were 16.11±1.11, 15.76±0.63 and 15.91±0.24 %/day, respectively. Relative growths were 129.62±39.60, 113.53±21.53 and 117.59±8.23 times of initial weight, respectively. Daily weight gains were 6.92±2.11, 6.06±1.09 and 6.27±0.38 mg/day, respectively. Percent weight gains were 12,962±3,959, 11,353±2,153 and 11,759±823 %, respectively. Condition factors were 1.27±0.12, 1.51±0.16 and 1.41±0.07, respectively. Normalized biomass indexs were 0.042±0.009, 0.037±0.003 and 0.031±0.003, respectively. All growth parameters were no significant difference (P>0.05). Survival rates were 26.87±3.75, 13.75±1.53 and 7.70±0.72 % which were significant difference at all stocking densities (P<0.05). The individual production costs were 3.20, 3.36 and 4.28 Baht, respectively. The individual net incomes were 1.64, 1.20 and 0.47 Baht, respectively. In conclusion, this study indicated that the optimum stocking density was 10 larvae per liter when considered survival rate and profit. Key words : Pearl gourami, Trichogaster leerii (Bleeker, 1852), nursing, stocking density *Corresponding author : 142 Moo 8 Bangbo District, Samutprakarn Province 10560 e-mail : [email protected]

3 คาํ นาํ ปลากระด่ีมุก (Pearl gourami) และมีช่ือวิทยาศาสตร์ ว่า Trichogaster leerii (Bleeker, 1852) จัดอยูใ่ น Order Perciformes Suborder Anabantoidei Family Anabantidae (คณะประมง, มปป) เป็นปลานํ้าจืดพื้นเมืองของประเทศไทยชนิดหน่ึงท่ีค่อนข้างหายากในธรรมชาติ ปัจจุบันมีรายงานว่า พบในภาคใต้ของประเทศไทย โดยเฉพาะในพรุโต๊ะแดง จังหวัดนราธิวาส (ชไมพร และคณะ, 2552) แต่ก็มี แนวโน้มลดลงจนอยู่ในสภาวะใกล้สูญพันธุ์ (ชวลิต, 2545) ปลากระดี่มุกมีรูปร่างแบนข้างคล้ายปลาสลิด แต่มี ขนาดเล็กกว่าและมีสีสันสวยงาม โดยเฉพาะเพศผู้จะมีสีส้มแดงที่ส่วนคอและท้อง มีจุดสีขาวกลมๆคล้ายไข่มุก กระจายทั่วไป มีแถบสีดําจากส่วนปากไปตามแนวเส้นข้างลําตัวจนถึงโคนหาง ปัจจุบันจึงมีผู้นิยมนํามาเลี้ยง เป็นปลาสวยงามขายในประเทศและส่งออกตลาดต่างประเทศ แต่ในปัจจุบันยังมีงานวิจัยในเร่ืองการเพาะและ อนุบาลปลากระด่ีมุกน้อยมาก โดยมีรายงานว่าการทดลองอนุบาลลูกปลากระด่ีมุกวัยอ่อนเป็นเวลา 30 วัน โดยใช้โรติเฟอร์ ไข่แดง ไรแดงและลูกน้ํา เป็นอาหารพบว่าลูกปลามีอัตรารอดเพียง 10-20 เปอร์เซ็นต์ (วิทยา, 2540) ซึ่งยงั คอ่ นขา้ งตํ่าเมอื่ เทยี บกับปลาชนิดอน่ื เช่นปลาสลดิ มีอตั รารอดประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์ (เฉิดฉัน และคณะ, 2538) แต่เนื่องจากปัจจัยท่ีมีผลต่ออัตรารอดของปลามีหลายอย่างเช่น ชนิดและขนาดอาหาร ที่เหมาะสมตลอดจนความหนาแน่นที่ใช้ ซ่ึงการทดลองครั้งนี้ต้องการศึกษาวิธีการเพิ่มอัตรารอดในการอนุบาล ปลากระด่ีมุกโดยเปรียบเทียบความหนาแน่นว่ามีอิทธิพลต่ออัตรารอดมากน้อยเพียงใด เนื่องจากอัตรารอด มักจะเป็นสัดส่วนผกผันกับความหนาแน่น (Hepher, 1967) ดังนั้นการใช้ความหนาแน่นมากเกินไปอาจจะไม่ คุ้มค่าเพราะทําให้สูญเสียลูกปลาโดยไม่จําเป็นโดยเฉพาะปลาที่มีราคาแพงและมีไข่น้อย นอกจากนี้การอนุบาล โดยใช้ความหนาแน่นสูงจะทําให้ปลาเจริญเติบโตช้าลง (อุทัยรัตน์, 2538) ทําให้ไม่ได้ขนาดที่ต้องการ ในระยะเวลาท่ีกําหนด ซึ่งการท่ีต้องใช้เวลาอนุบาลนานข้ึนจะทําให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ดังนั้นการศึกษาความ หนาแน่นท่เี หมาะสมโดยพิจารณา อัตรารอด การเจริญเติบโต และ Normalized Biomass Index ซึ่งเป็นค่าที่ แสดงมวลชวี ภาพท่ีเพิม่ ข้นึ ของปลา (บษุ กร, 2543) เพือ่ ดวู า่ อัตราความหนาแน่นใดให้ผลดีที่สุด จึงเป็นแนวทาง ในการลดต้นทุนการผลิตปลากระดี่มุกได้อีกวิธีหน่ึง ซ่ึงข้อมูลที่ได้ในการทดลองคร้ังนี้สามารถนําไปใช้ส่งเสริม เกษตรกรให้หันมาเพาะเล้ียงปลาชนิดนี้ให้แพร่หลายมากข้ึน และยังเป็นการอนุรักษ์ปลากระด่ีมุกไม่ให้สูญพันธุ์ ไปจากธรรมชาติอกี ดว้ ย วัตถุประสงค์ 1. เพ่อื ทราบขอ้ มลู การเจริญเตบิ โต และอัตราการรอดตายของลกู ปลากระดีม่ กุ ทอี่ นบุ าลดว้ ยความหนาแนน่ ตา่ งกัน 2. เพื่อทราบต้นทุนและผลตอบแทนในการอนบุ าลลกู ปลากระดมี่ กุ ด้วยความหนาแนน่ ตา่ งกนั จนมีอายุ 36 วัน

4 วิธดี าํ เนนิ การ 1. การวางแผนการทดลอง วางแผนการทดลองแบบสุ่มตลอด (completely randomized design, CRD) แบ่งการทดลอง เป็น 3 ชุดการทดลอง (treatment) ชุดการทดลองละ 4 ซํ้า (replication) โดยนําลูกปลากระดี่มุกอายุ 6 วัน (หลังจากฟักเปน็ ตวั ) อนุบาลในถังทดลองดว้ ยความหนาแน่นแตกตา่ งกัน ดังน้ี ชุดการทดลองท่ี 1 ความหนาแน่น 10 ตัว/ลติ ร (80 ตวั /ถัง) ชุดการทดลองท่ี 2 ความหนาแน่น 20 ตัว/ลติ ร (160 ตัว/ถงั ) ชดุ การทดลองที่ 3 ความหนาแนน่ 30 ตวั /ลติ ร (240 ตวั /ถงั ) 2. วัสดอุ ุปกรณ์ ใช้ถังพลาสติกขนาดความจุ 25 ลิตร จํานวน 12 ถัง บรรจุนํ้า 8 ลิตร ทุกถังมีหัวทรายขนาดเล็ก ใหอ้ ากาศ 1 หัว ใหอ้ ากาศเบาๆ เพอ่ื รักษาระดับออกซิเจนท่ีละลายน้ําไม่ให้ตาํ่ กวา่ 5 มิลลิกรมั /ลติ ร 3. วธิ กี ารทดลอง 3.1 การเตรียมลูกปลาทดลอง ลูกปลากระดี่มุกที่ใช้ทดลอง เป็นลูกปลารุ่นเดียวกันอายุ 6 วัน ซึ่งได้จากการเพาะพันธ์ุโดยวิธี ธรรมชาติ โดยมีนํา้ หนักเฉลยี่ 1.65±0.07 มลิ ลิกรัม และความยาวเฉลย่ี 0.52±0.03 เซนตเิ มตร (ภาพที่ 1) ภาพท่ี 1 ลกู ปลากระด่มี ุกอายุ 6 วนั (กําลงั ขยาย 20 เท่า)

5 3.2 อาหารและการให้อาหาร อนุบาลลูกปลาด้วยอาหารมีชีวิตคืออาร์ทีเมียแรกฟักและไรแดงโดยเมื่อปลามีอายุ 6-20 วัน ใหอ้ าร์ทีเมยี แรกฟกั ท่ีมีขนาด 225±23 ไมครอน ในปริมาณความหนาแน่น 12,200 ตัว/มลิ ลิลิตร ครัง้ ละ 24 มิลลิลิตร เมื่อลูกปลาอายุ 14 วัน ให้ไรแดงซึ่งมีขนาด 362±61 ไมครอน (กรองผ่านผ้ากรองขนาดประมาณ 500 ไมครอน) ในปริมาณความหนาแน่น 1,000 ตัว/มิลลิลิตร คร้ังละ 24 มิลลิลิตร ร่วมกับการให้อาร์ทีเมีย ในปริมาณที่เพ่ิมเป็น 2 เท่าจนลูกปลามีอายุ 25 วัน หลังจากนั้นจึงให้ไรแดงที่ไม่ผ่านการกรองซ่ึงมีขนาด 652±121 ไมครอนคร้ังละ 0.7-1 กรัม โดยให้อาหารวันละ 3 คร้ัง เวลา 09.00 น., 13.00 น. และ 16.00 น. จนลูกปลามอี ายุ 36 วนั 3.3 การจดั การระหว่างทดลอง - เปลี่ยนถา่ ยนํา้ 50 เปอร์เซน็ ต์ สัปดาห์ละคร้งั - ดูดตะกอนที่พืน้ ถงั ทดลองและเติมนํา้ ใหเ้ ท่าเดิมทุกวนั กอ่ นใหอ้ าหารม้อื แรก - ให้อากาศดว้ ยหัวทรายขนาดเลก็ ถงั ละ 1 หวั ตลอดเวลาโดยเปิดเบา ๆ 3.4 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู - น้ําหนักและความยาวของลูกปลากอ่ นและหลังทดลองเป็นเวลา 30 วนั - จาํ นวนลกู ปลาทเี่ หลือรอด - ขนาดปากของลกู ปลาเริ่มต้นทดลอง (อายุ 6 วัน) - คา่ ใชจ้ ่ายในการอนุบาล - คณุ สมบัตขิ องนํา้ กอ่ นเปลี่ยนถ่ายน้ําทกุ 7 วนั ดังน้ี อณุ หภมู นิ ้าํ (องศาเซลเซยี ส) วดั ทกุ วันโดยเทอร์โมมเิ ตอรแ์ บบปรอท ออกซเิ จนท่ลี ะลายน้าํ (DO) วเิ คราะหส์ ัปดาหล์ ะครัง้ โดยวธิ ไี ตเตรท ความเปน็ กรด-ดา่ ง (pH) วเิ คราะหส์ ัปดาหล์ ะครงั้ โดยใช้ pH meter แอมโมเนียรวม (Total ammonia nitrogen) วิเคราะห์สัปดาห์ละคร้ัง โดย HACH DR-2800 ความกระด้าง (Hardness) วเิ คราะห์สัปดาหล์ ะคร้ังโดยวธิ ีไตเตรท ความเป็นดา่ ง (Alkalinity) วเิ คราะหส์ ปั ดาหล์ ะครั้งโดยวิธีไตเตรท 3.5 การวเิ คราะห์ขอ้ มูล 3.5.1 น้าํ หนกั (มลิ ลิกรมั ) และความยาว (เซนตเิ มตร) สุดท้ายเมือ่ สนิ้ สุดการทดลอง 3.5.2 อัตราการเจริญเติบโตจําเพาะ (Specific Growth Rate, เปอร์เซ็นต์/วัน) ตามวธิ ีทอี่ ้างถงึ โดย Hopkins (1992) SGR = 100 (Ln W2 – LnW1) / T 3.5.3 การเจรญิ เตบิ โตสัมพทั ธ์ (Relative Growth, เท่าของน้าํ หนักเร่ิมต้น) ตามวธิ ีท่ี อา้ งถึงโดยสงา่ และคณะ (2546) และ Chiu (1989) RG = (W2 – W1) / W1

6 3.5.4 น้ําหนักเพิ่มต่อวัน (Daily Weight Gain, มิลลิกรัม/วัน) ตามวิธีท่ีอ้างถึงโดย นงคเ์ ยาว์ และสมพร (2549) DWG = (W2 – W1) / T 3.5.5 เปอรเ์ ซ็นต์นํา้ หนักเพิ่ม (Percent Weight Gain, เปอรเ์ ซน็ ต์) ตามวธิ ที ่ีอา้ งถึง โดยสง่า และคณะ (2546) PWG = 100 (W2 – W1) / W1 หมายเหตุ W1 = นํ้าหนักเฉลีย่ กอ่ นทดลอง (มิลลิกรมั ) W2 = น้ําหนักเฉลีย่ หลังทดลอง (มิลลกิ รมั ) T = ระยะเวลาทดลอง (วัน) 3.5.6 สมั ประสิทธคิ์ วามสมบรู ณข์ องปลา (Condition Factor; CF) ซึง่ แสดงความ สมบูรณข์ องปลาตามวธิ ีท่อี า้ งถงึ โดย Pauly (1983) โดยปลาทีไ่ ดร้ บั อาหารในปรมิ าณ เพยี งพอ จะมคี า่ CF มากกวา่ 1 CF = 100W/L3 W = น้าํ หนกั ของปลา (กรัม) L = ความยาวของปลา (เซนตเิ มตร) 3.5.7 ดชั นี Normalized Biomass (Normalized Biomass Index; NBI) ตามวธิ ีที่ อา้ งถงึ โดย อมรรัตน์ และคณะ (2542) NBI = [(W2N2) – (W1N1)]/100 W1 = นา้ํ หนักเฉลีย่ เริม่ ตน้ ทดลอง (กรัม) W2 = นํา้ หนักเฉล่ียเมอื่ สนิ้ สุดการทดลอง (กรมั ) N1 = จํานวนปลาเริม่ ตน้ ทดลอง (ตัว) N2 = จาํ นวนปลาเมื่อส้นิ สุดการทดลอง (ตัว) 3.5.8 อตั รารอด (เปอร์เซน็ ต์) ตามวธิ ีทอ่ี า้ งถึงโดยสงา่ และคณะ (2546) อตั รารอด = 100 (จํานวนปลาเม่อื ส้ินสุดการทดลอง)/จาํ นวนปลาเริ่มตน้ ทดลอง 3.5.9 อัตราการตายสะสม (Cumulative Mortality Rate) ในแต่ละวัน (เปอร์เซ็นต์) นําข้อมูลดังกล่าวมาวิเคราะห์ความแปรปรวน ด้วยวิธี One–way Analysis of Variance (ANOVA) โดยแปลงค่าอัตราการเจริญเติบโตจําเพาะ เปอร์เซ็นต์น้ําหนักเพ่ิมและอัตรารอด ด้วยวิธี Arcsine transformation ส่วนข้อมูลอ่ืนนําไปวิเคราะห์ Analysis of Variance (ANOVA) โดยตรงแล้ว เปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยด้วยวิธี Duncan, s New Multiple Range Test ( DMRT) ท่ีระดับ ความเช่ือมั่น 95 เปอรเ์ ซน็ ต์ 3.5.10 การกระจายขนาดของปลา 3.5.11 ตน้ ทุนและผลตอบแทน โดยคํานวณ ดังนี้ ตน้ ทนุ คงที่ = ค่าเสยี โอกาสเงนิ ลงทุนคิดจากอตั ราดอกเบี้ยเงินกู้ 10 เปอร์เซน็ ต+์ คา่ เส่อื มราคาอุปกรณ์ + คา่ แรงงานจา้ งเหมารายเดอื น

7 ตน้ ทนุ ผันแปร = คา่ พนั ธ์ปุ ลา + ค่าอาหารปลา + คา่ เสยี โอกาสเงินลงทุนคิดจาก อตั ราดอกเบี้ยเงนิ กู้ 10 เปอรเ์ ซ็นต์ ต้นทุนรวม = ตน้ ทนุ คงท่ี+ต้นทุนผันแปร ผลตอบแทน = รายได้ – ตน้ ทุนรวม หมายเหตุ รายไดค้ าํ นวณจากราคาลกู ปลากระด่ีมกุ ทีซ่ ้ือขายจากฟารม์ เลี้ยงปลา ดังน้ี ปลากระด่ีมกุ ขนาด 3.1–4.0 ซม. ราคาตวั ละ 7 บาท ปลากระดมี่ ุก ขนาด 2.1–3.0 ซม. ราคาตัวละ 5 บาท ปลากระดี่มุก ขนาด 2.0 ซม. หรือเล็กกวา่ ราคาตัวละ 3 บาท ผลการศึกษา 1. น้ําหนักเมอื่ สนิ้ สุดการทดลอง จากการอนุบาลลูกปลากระด่ีมุกอายุ 6 วันท่ีความหนาแน่น 10, 20 และ 30 ตัว/ลิตร เป็นเวลา 30 วัน พบว่าลูกปลามีนํ้าหนักเฉล่ีย 209.29±63.41, 183.58±34.38 และ 190.01±13.13 มิลลิกรัม ตามลําดบั ซ่งึ ไมแ่ ตกตา่ งกนั ทางสถติ ิ (P>0.05) (ตารางที่ 1) 2. ความยาวเมื่อสน้ิ สุดการทดลอง จากการอนุบาลลูกปลากระดี่มุกอายุ 6 วันท่ีความหนาแน่น 10, 20 และ 30 ตัว/ลิตร เป็นเวลา 30 วัน พบว่าลูกปลามีความยาวเฉล่ีย 2.52±0.22, 2.29±0.12 และ 2.38±0.08 เซนติเมตร ตามลําดับ ซ่ึงไมแ่ ตกต่างกนั ทางสถติ ิ (P>0.05) (ตารางที่ 1) 3. อัตราการเจริญเติบโตจําเพาะ (Specific Growth Rate; SGR) จากการอนุบาลลูกปลากระด่ีมุกอายุ 6 วันที่ความหนาแน่น 10, 20 และ 30 ตัว/ลิตร เป็นเวลา 30 วัน พบว่าลูกปลามี SGR 16.11±1.11, 15.76±0.63 และ 15.91±0.24 เปอร์เซ็นต์/วัน ตามลําดับ ซึ่งไม่ แตกตา่ งกนั ทางสถติ ิ (P>0.05) (ตารางที่ 1) 4. การเจรญิ เติบโตสัมพัทธ์ (Relative Growth; RG) จากการอนุบาลลูกปลากระดี่มุกอายุ 6 วันท่ีความหนาแน่น 10, 20 และ 30 ตัว/ลิตร เป็นเวลา 30 วัน พบว่าลูกปลามี RG 129.62±39.60, 113.53±21.53 และ 117.59±8.23 เท่าของนํ้าหนักเร่ิมต้น ตามลาํ ดบั ซง่ึ ไม่แตกต่างกันทางสถิติ (P>0.05) (ตารางที่ 1)

8 5. นํา้ หนักเพมิ่ ต่อวัน (Daily Weight Gain; DWG) จากการอนุบาลลูกปลากระด่ีมุกอายุ 6 วันท่ีความหนาแน่น 10, 20 และ 30 ตัว/ลิตร เป็นเวลา 30 วนั พบวา่ ลกู ปลามี DWG 6.92±2.11, 6.06±1.09 และ 6.27±0.38 มิลลิกรัม/วนั ตามลาํ ดบั ซึ่งไมแ่ ตกต่าง กนั ทางสถิติ (P>0.05) (ตารางท่ี 1) 6. เปอรเ์ ซน็ ต์น้าํ หนกั เพิ่ม (Percent Weight Gain; PWG) จากการอนุบาลลูกปลากระด่ีมุกอายุ 6 วันท่ีความหนาแน่น 10, 20 และ 30 ตัว/ลิตร เป็นเวลา 30 วัน พบว่าลูกปลามี PWG 12,962±3,959, 11,353±2,153 และ 11,759±823 เปอร์เซ็นต์ ตามลําดับ ซ่ึง ไมแ่ ตกตา่ งกันทางสถติ ิ (P>0.05) (ตารางท่ี 1) 7. สัมประสทิ ธ์ิความสมบูรณ์ของปลา (Condition Factor; CF) การอนุบาลลูกปลากระด่ีมุกอายุ 6 วันที่ความหนาแน่น 10, 20 และ 30 ตัว/ลิตร เป็นเวลา 30 วัน พบว่าลูกปลามี CF 1.27±0.12, 1.51±0.16 และ 1.41±0.07 ตามลําดับ ซึ่งไม่แตกต่างกันทางสถิติ (P>0.05) (ตารางท่ี 1) 8. ดัชนี Normalized Biomass (Normalized Biomass Index; NBI) จากการอนุบาลลูกปลากระด่ีมุกอายุ 6 วันท่ีความหนาแน่น 10, 20 และ 30 ตัว/ลิตร เป็นเวลา 30 วัน พบว่าลูกปลามี NBI 0.042±0.009, 0.037±0.003 และ 0.031±0.003 ตามลาํ ดบั ซึง่ ไม่แตกต่างกันทาง สถติ ิ (P>0.05) (ตารางที่ 1) 9. อตั รารอด (Survival Rate) จากการอนุบาลลูกปลากระดี่มุกอายุ 6 วันที่ความหนาแน่น 10, 20 และ 30 ตัว/ลิตร เป็นเวลา 30 วัน พบว่าลูกปลามี อัตรารอด 26.87±3.75, 13.75±1.53 และ 7.70±0.72 เปอร์เซ็นต์ ตามลําดับ ซึ่งแตกต่างกันอยา่ งมีนยั สาํ คัญทางสถติ ิทุกระดบั ความหนาแนน่ (P<0.05) (ตารางท่ี 1)

9 ตารางท่ี 1 ผลของการเจริญเติบโตและอัตรารอดของลูกปลากระดี่มุกที่อนุบาลด้วยความหนาแน่นต่างกันเป็น ระยะเวลา 30 วัน รายการ ความหนาแนน่ (ตัว/ลิตร) 10 20 30 1. นํา้ หนักเริ่มตน้ (มลิ ลิกรมั ) 1.65±0.07 1.65±0.07 1.65±0.07 2. ความยาวเริม่ ตน้ (เซนติเมตร) 0.52±0.03 0.52±0.03 0.52±0.03 3. นาํ้ หนกั เฉลยี่ เมือ่ ส้ินสดุ การ 209.29±63.41a 183.58±34.38a 190.01±13.13a ทดลอง (มิลลกิ รมั ) 4. ความยาวเฉลยี่ เมอ่ื ส้นิ สดุ การ 2.52±0.22a 2.29±0.12a 2.38±0.08a ทดลอง (เซนตเิ มตร) 5. อตั ราการเจริญเตบิ โตจาํ เพาะ 16.11±1.11a 15.76±0.63a 15.91±0.24a (เปอรเ์ ซน็ ต์/วนั ) 6. การเจรญิ เติบโตสัมพัทธ์ 129.62±39.60a 113.53±21.53a 117.59±8.23a (เทา่ ของนาํ้ หนกั เร่มิ ต้น) 7. นํ้าหนกั เพมิ่ ตอ่ วนั 6.92±2.11a 6.06±1.09a 6.27±0.38a (มลิ ลกิ รมั /วนั ) 8. เปอร์เซ็นตน์ าํ้ หนกั เพิ่ม 12,962±3,959a 11,353±2,153a 11,759±823a (เปอรเ์ ซ็นต์) 1.27±0.12a 1.51±0.16a 1.41±0.07a 9. สมั ประสทิ ธ์ิความสมบรู ณ์ ของปลา 0.042±0.009a 0.037±0.003a 0.031±0.003a 10. ดัชนี Normalized Biomass 11. อตั รารอด (เปอรเ์ ซ็นต)์ 26.87±3.75a 13.75±1.53b 7.70±0.72c หมายเหตุ คา่ เฉลย่ี ในแนวนอนทีก่ าํ กบั ด้วยตัวอกั ษรภาษาองั กฤษต่างกันแสดงว่าแตกต่างกนั ทางสถิติ (P<0.05)

10 10. อัตราการตายสะสม (Cumulative Mortality Rate) ของปลาในแตล่ ะวนั จากการอนุบาลลูกปลากระดี่มุกอายุ 6 วันท่ีความหนาแน่น 10, 20 และ 30 ตัว/ลิตร เป็นเวลา 30 วัน พบวา่ ลกู ปลาทุกชดุ การทดลองเริ่มมีการตายเกิดข้ึนหลังจากทดลองประมาณ 5 วัน โดยมีอัตราการตาย สะสมสดุ ท้ายเฉล่ยี 73.13±3.75, 86.25±1.53 และ 92.28±0.72 เปอร์เซน็ ต์ ตามลําดบั (ตารางท่ี 2) ตารางท่ี 2 อตั ราการตายสะสมเฉลยี่ (เปอร์เซน็ ต)์ ของปลากระด่ีมุกในแตล่ ะวนั วนั ที่ อตั ราการตายสะสมเฉลยี่ (เปอรเ์ ซน็ ต์) 10 ตัว/ลติ ร 20 ตวั /ลติ ร 30 ตัว/ลติ ร 1 --- 2 --- 3 --- 4 --- 5 2.81±0.63 4.69±1.08 3.96±0.42 6 8.75±1.02 11.72±2.36 10.00±1.13 7 23.75±1.02 24.85±3.99 25.11±1.87 8 35.62±0.72 39.85±4.82 39.59±2.20 9 47.81±4.72 52.35±5.26 53.44±2.21 10 57.50±5.10 60.78±3.36 66.56±2.19 11 64.37±5.15 69.22±3.69 76.56±1.61 12 69.69±4.00 77.19±1.94 82.81±1.71 13 73.13±3.75 82.82±1.49 86.56±1.09 14 - 85.32±1.80 90.00±1.94 15 - 86.10±1.29 92.09±1.88 16 - 86.25±1.53 92.28±0.72 17 - - - 18 - - - 19 - - -

11 11. การกระจายขนาดของปลากระดี่มุก จากการอนุบาลลูกปลากระด่ีมุกอายุ 6 วันที่ความหนาแน่น 10, 20 และ 30 ตัว/ลิตร เป็นเวลา 30 วัน พบว่ามีปลาขนาดต่ํากว่า 2.0 เซนติเมตร มีจํานวน 27.12±17.21, 37.59±10.04 และ 31.17±2.76 เปอร์เซ็นต์ ตามลําดับ ปลาขนาด 2.1-3.0 เซนติเมตร มีจํานวน 52.50±17.08, 45.86±13.89 และ 49.78±6.09 เปอร์เซ็นต์ ตามลําดับ และปลาขนาด 3.1-4.0 เซนติเมตร มีจํานวน 20.38±6.35, 16.55±7.86 และ 19.04±3.62 เปอร์เซ็นต์ ตามลําดับ ซ่ึงไม่แตกต่างกันทางสถิติ (P>0.05) (ตารางที่ 3 และภาพที่ 2) ตารางท่ี 3 การกระจายขนาดของปลากระด่มี ุก (เปอร์เซ็นต์) หลังการอนบุ าลเปน็ เวลา 30 วนั ความหนาแน่น ซํา้ ท่ี การกระจายขนาดของปลา (เปอรเ์ ซ็นต์) (ตวั /ลติ ร) 10 1 ≤ 2.0 ซม. 2.1-3.0 ซม. 3.1-4.0 ซม. 2 3 10.00 70.00 20.00 4 เฉลยี่ 38.46 50.00 11.54 15.00 60.00 25.00 45.00 30.00 25.00 27.12±17.21a 52.50±17.08a 20.38±6.35a 20 1 23.81 57.14 19.05 2 47.37 26.31 26.31 3 41.67 45.83 12.50 4 37.50 54.17 8.33 เฉลีย่ 37.59±10.04a 45.86±13.89a 16.55±7.86a 30 1 29.41 52.94 17.65 2 30.00 50.00 20.00 3 30.00 55.00 15.00 4 35.29 41.17 23.53 เฉลี่ย 31.17±2.76a 49.78±6.09a 19.04±3.62a หมายเหตุ คา่ เฉลีย่ ในแนวตง้ั ที่กาํ กบั ดว้ ยตัวอักษรภาษาอังกฤษเหมอื นกนั แสดงวา่ ไมแ่ ตกต่างกันทางสถิติ (P>0.05)

12 12. การศึกษาขนาดปากของลูกปลา จากการศึกษาขนาดปากของลูกปลากระดมี่ ุกอายุ 6 วันจํานวน 4 ตวั โดยวิธีของ Shirota (1970) ภายใต้กล้องจุลทรรศน์กําลังขยายต่ํา โดยวัดความยาวของขากรรไกรบน แล้วคํานวณความกว้างของปากจาก สูตร D = 2 AB (D = ความกว้างของปากลูกปลาจากขากรรไกรบนถึงขากรรไกรล่าง, AB = ความยาวของ ขากรรไกรบน) ผลปรากฏว่าลูกปลากระด่ีมุกมีความกว้างของปาก 459–530 ไมครอนโดยมีค่าเฉล่ีย 495±29 ไมครอน 13. ตน้ ทุนและผลตอบแทน หลังจากอนุบาลลูกปลากระด่ีมุกด้วยความหนาแน่น 10, 20 และ 30 ตัว/ลิตร เป็นเวลา 30 วัน พบว่า ท่ีความหนาแน่น 10, 20 และ 30 ตัว/ลิตร ได้กําไรเฉล่ียสุทธิ 35.25, 26.51 และ 8.77 บาท/ถัง ตามลาํ ดับ หรือเทา่ กับ 1.64, 1.20 และ 0.47 บาท/ตัว ตามลําดบั (ตารางที่ 4)

13 ตารางที่ 4 ต้นทนุ และผลตอบแทนในการอนุบาลลูกปลากระด่มี กุ ในถงั พลาสติกขนาดความจุ 25 ลติ ร รายการ ความหนาแน่น (ตัว/ลิตร) 1. ต้นทุนผนั แปร (บาท/ถงั ) 10 20 30 - ค่าพนั ธป์ุ ลา - คา่ อาหาร (อารท์ ีเมยี และไรแดง) 7.43 12.67 17.91 - ค่าเสียโอกาสเงินลงทุน 1.76 3.52 5.28 2. ตน้ ทนุ คงท่ี (บาท/ถัง) - คา่ เสียโอกาสเงินลงทนุ 5 8 11 - คา่ เส่ือมราคาอปุ กรณ์ - ค่าแรงงานจ้างเหมารายเดือน 0.67 1.15 1.63 3. จาํ นวนลูกปลาที่เหลอื (ตวั /ถงั ) 61.32 61.32 61.32 4. ตน้ ทนุ รวม (บาท/ถัง) 5. ตน้ ทนุ รวม (บาท/ตวั ) 5.57 5.57 5.57 6. รายไดเ้ ฉลย่ี (บาท/ถัง) 7. รายได้เฉลี่ย (บาท/ตวั ) 8.88 8.88 8.88 8. กําไรสุทธิ (บาท/ถงั ) 9. กําไรสุทธิ (บาท/ตัว) 46.87 46.87 46.87 21.5 22.0 18.5 68.75 73.99 79.23 3.20 3.36 4.28 104.00±9.79 100.50±9.11 88.00±8.12 4.86±0.39 4.58±0.23 4.82±0.09 35.25 26.51 8.77 1.64 1.20 0.47 หมายเหตุ - ค่าลกู ปลาท่ไี ดจ้ ากการเพาะพันธ์ุท่ี ศนู ยว์ จิ ยั และพฒั นาประมงนํ้าจืดสมทุ รปราการ เฉลี่ย 0.022 บาท/ตวั - ถังพลาสตกิ ขนาด 25 ลติ รใบละ 80 บาทใชง้ าน 3 ปี แต่ละปีเพาะพนั ธุ์ 3 คร้ัง (8.88 บาท/ ครัง้ ) - ค่าจ้างแรงงาน 1 คน สําหรับให้อาหารปลาและดูดตะกอนถ่ายน้ํา เงินเดือน 6,000 บาท เวลา ทํางาน 8 ชั่วโมง/วัน (8.30-16.30 น.) ใช้เวลาดูแล 1 ช่ัวโมง/วัน จํานวนถังทดลอง 16 ถัง (46.87 บาท/ถงั /30 วัน) 14. คุณสมบตั ขิ องนา้ํ ระหวา่ งทดลอง คณุ สมบตั ิของน้าํ ระหวา่ งการทดลองอนุบาลลูกปลากระดมี่ ุกด้วยความหนาแน่น 10, 20 และ 30 ตัว/ลิตร มีดังนี้ ออกซิเจนท่ีละลายนํ้า (DO) มีค่าระหว่าง 7.4-8.8 มิลลิกรัม/ลิตร ความเป็นกรดเป็นด่าง (pH) มีค่าระหว่าง 8.0-8.3 ความเป็นด่าง (Alkalinity) มีค่าระหว่าง 66-78 มิลลิกรัม/ลิตร ในรูป CaCO3 ความ ก ร ะ ด้ า ง ( Hardness) มี ค่ า ร ะ ห ว่ า ง 1 0 1 -1 1 5 มิ ล ลิ ก รั ม /ลิ ต ร ใ น รู ป CaCO3 แ อ ม โ ม เ นี ย ร ว ม (Total ammonia nitrogen) มีค่าระหว่าง 0.14-0.40 มิลลิกรัม/ลิตร ในรูป NH3–N อุณหภูมิน้ํา (วัดในช่วง เวลา 09.00–10.00 น.) มีค่าระหว่าง 28-29 องศาเซลเซียส (ตารางที่ 5)

14 ตารางที่ 5 คุณสมบัติของนาํ้ ระหวา่ งการทดลองเปน็ เวลา 30 วนั คณุ สมบัตขิ องนํ้า 10 ตวั /ลติ ร พิสยั 30 ตัว/ลติ ร 7.4-8.8 20 ตัว/ลิตร 7.5-8.5 ออกซเิ จนที่ละลายน้าํ (มิลลกิ รมั /ลิตร) 8.1-8.3 8.0-8.3 ความเปน็ กรดเปน็ ดา่ ง 68-76 7.5-8.5 72-78 ความเป็นด่าง (มิลลกิ รมั /ลติ ร) 101-115 8.0-8.3 106-115 ความกระด้าง มิลลกิ รมั /ลิตร) 0.15-0.38 66-75 0.15-0.40 แอมโมเนียรวม (มลิ ลิกรมั /ลติ ร) 28-29 104-115 28-29 อณุ หภูมนิ ํ้า (องศาเซลเซียส) 0.14-0.38 28-29 สรุปและวจิ ารณ์ผล ผลการทดลองพบว่า การเจริญเตบิ โตของปลากระดี่มุกทีอ่ นุบาลด้วยความหนาแน่น 10, 20 และ 30 ตัว/ลิตร ไม่แตกต่างกัน โดยมีค่าน้ําหนักเฉลี่ยเม่ือส้ินสุดการทดลองอยู่ในช่วง 183-209 มิลลิกรัม และ ความยาวเฉล่ียเม่ือสิ้นสุดการทดลองอยู่ในช่วง 2.29-2.52 เซนติเมตร (ภาพผนวกที่ 1) นอกจากนี้อัตรา การเจรญิ เตบิ โตจาํ เพาะ (SGR) การเจรญิ เตบิ โตสมั พัทธ์ (RG) นา้ํ หนักเพมิ่ ต่อวนั (DWG) เปอร์เซน็ ตน์ ํา้ หนักเพิ่ม (PWG) สัมประสทิ ธ์คิ วามสมบูรณ์ของปลา (CF) และ ดัชนี Normalized Biomass (NBI) ก็ไม่แตกต่างกัน ท้ังน้ี สาเหตุสําคัญน่าจะเป็นเพราะจํานวนลูกปลาท่ีเหลือรอดในแต่ละระดับความหนาแน่นใกล้เคียงกัน โดยพบว่า อตั ราความหนาแน่น 10, 20 และ 30 ตัว/ลิตร มีลูกปลาเหลือรอดเฉลี่ย 21.5±3.0, 22.0±2.4 และ 18.5±1.7 ตัว/ถัง ตามลําดับ (ตารางที่ 3) และเมื่อวิเคราะห์เปอร์เซ็นต์อัตรารอดแล้วพบว่า ทุกระดับความหนาแน่นมี อิทธิพลต่ออัตรารอดในการอนุบาลลูกปลากระดี่มุก โดยความหนาแน่นน้อยมีอัตรารอดสูงกว่าความหนาแน่น มาก ซึ่งสอดคล้องกับการทดลองของสุภาพ (2546), การุณ และไพรัตน์ (2547), ยงยุทธ และคณะ (2547), ณรงค์ และนพดล (2551), จิราพร (2551), พงษ์พันธ์ และคณะ (2551) และองอาจ และคณะ (2551) ท่ี รายงานว่าอัตราความหนาแน่นมีผลต่ออัตรารอดของลูกปลาท่ีอนุบาล โดย Hepher (1967) รายงานว่าอัตรา รอดมักจะเป็นสัดส่วนผกผันกับอัตราความหนาแน่น เน่ืองจากความหนาแน่นมีผลต่อการแข่งขันในการกิน อาหาร การกินกันเอง หรือทําร้ายกันเอง การขับถ่ายของเสีย ทําให้ลูกปลาเกิดความเครียด และมีผลทําให้การ เจรญิ เติบโตช้าลง อ่อนแอ และมคี วามต้านทานโรคลดลง อย่างไรก็ตามในกรณีของปลากระด่ีมุกจากการสังเกต พบว่าสาเหตุประการหน่ึงท่ีน่าจะทําให้อัตรารอดลดลงคือเม่ืออนุบาลไปได้ประมาณ 1 สัปดาห์ขึ้นไป ลูกปลาจะเร่ิมมีขนาดแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ลูกปลาที่มีขนาดใหญ่มักจะทําร้ายลูกปลาขนาดเล็ก และแย่ง อาหารลกู ปลาขนาดเล็ก ทําให้ลูกปลาที่อ่อนแอกว่ามักจะตายภายในช่วง 7-13 วันแรก (ตารางท่ี 2) จนกระทั่ง เมื่อลูกปลามีความหนาแน่นลดลง การแก่งแย่งอาหารและการทําร้ายกันก็จะลดลงตามไปด้วย ซึ่งสอดคล้องกับ Backiel and Le Cren (1978) ท่ีรายงานว่าความหนาแน่นและอัตราการตายของปลามีความสัมพันธ์กันอย่าง ชัดเจนในปลาขนาดเล็ก หรือปลาวัยอ่อนมากกว่าปลาท่ีโตเต็มวัย ทั้งน้ีอาจเป็นผลมาจากปลาที่เริ่มกินอาหาร ใหม่ๆ จะมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าว (aggressive behavior) นอกจากนี้จากการศึกษาขนาดปากของลูกปลา กระด่ี

15 มุกอายุ 6 วันพบว่ามีขนาดเฉลี่ย 495 ไมครอน ซึ่งใหญ่กว่าขนาดของอาร์ทีเมียแรกฟักท่ีมีขนาด เฉลี่ย 225 ไมครอน แสดงว่าลูกปลาสามารถกินอาร์ทีเมียแรกฟักเป็นอาหารได้ และเม่ือเปรียบเทียบขนาดปาก ของปลากระด่ีมุกอายุ 6 วันกับปลาชนิดอื่นพบว่ามีขนาดเล็กกว่าขนาดปากของลูกปลาไน (Cyprinus carpio) ระยะเริ่มกินอาหารซ่ึงมีขนาด 570 ไมครอน แต่ใหญ่กว่าขนาดปากปลาทอง (Carassius auratus) ระยะเริ่ม กินอาหารซึ่งมีขนาด 400 ไมครอน (บุษกร, 2543) สําหรับการกระจายของขนาดของลูกปลาหลังจากทดลอง เป็นเวลา 30 วัน พบว่าเปอร์เซ็นต์การกระจายของขนาดลูกปลาในแต่ละขนาดท้ัง 3 ระดับความหนาแน่น ไม่แตกต่างกันโดยมีลักษณะเป็นรูประฆังคว่ําซึ่งเป็นการกระจายแบบปกติ (normal distribution) นอกจากนี้ ยังพบว่าความหนาแน่นยังไม่มีอิทธิพลต่อสีของลําตัวปลาเน่ืองจากลูกปลายังมีขนาดเล็กและยังไม่มีสีบริเวณ ลําตวั ชดั เจนเหมอื นปลาทีโ่ ตเต็มวยั โดยปลากระด่มี ุกจะเร่ิมมสี สี ันชัดเจนเมื่อมีความยาวประมาณ 4 เซนติเมตร ขึ้นไป ส่วนในปลาขนาดใหญ่อาจได้รับผลกระทบจากความหนาแน่นเนื่องจาก ความหนาแน่นสูงอาจทําให้ปลา เกิดความเครียดซ่ึงส่งผลต่อการผลิตฮอร์โมนของเซลล์ที่ทําหน้าท่ีผลิตเม็ดสี (chromatophore) ทําให้การผลิต เม็ดสี (pigment) ของปลาลดลงได้ (Zeng et al., 2010) สําหรับคุณภาพนํ้า พบว่าอยู่ในเกณฑ์ท่ีเหมาะสม โดยออกซิเจนที่ละลายนํ้า (DO) มีค่าเกิน 5 มิลลิกรัม/ลิตร (Boyd, 1982) ความเป็นกรดเป็นด่าง (pH) มีค่าอยู่ระหว่าง 6.5–9 (Swingle, 1969) ความ เป็นด่าง (Alkalinity) และ ความกระด้าง (Hardness) มีค่าระหว่าง 120–400 มิลลิกรัม/ลิตรในรูป CaCO3 (Piper et al., 1982) แอมโมเนียรวม (Total ammonia nitrogen) มีค่า 0.15–0.40 มิลลิกรัม/ลิตร ในรูป NH3–N ซึ่งเมื่อคํานวณให้อยู่ในรูป Unionized ammonia (NH3) พบว่ามีค่าระหว่าง 0.01–0.05 มิลลกิ รัม/ลติ ร ถือวา่ อยใู่ นระดบั ท่ไี ม่ทาํ ใหส้ ตั ว์น้าํ ตายแบบเฉยี บพลนั แตอ่ าจสง่ ผลกระทบกับปลาได้ถ้าสัมผัสกับ ความเขม้ ข้นทีส่ ูงกวา่ 0.02 มลิ ลิกรัม/ลติ ร ในระยะยาว (Boyd, 1990) เมื่อพิจารณาต้นทุนและผลตอบแทนพบว่า การอนุบาลลูกปลากระดี่มุกท่ีความหนาแน่น 10 ตัว/ลิตร ให้กําไรสูงสุด เนื่องจากมีอัตรารอดสูงกว่าความหนาแน่น 20 และ 30 ตัว/ลิตร ในขณะที่การ เจริญเตบิ โตไม่แตกต่างกัน

16 เอกสารอา้ งอิง การุณ อไุ รประสทิ ธิ์ และ ไพรัตน์ แมล่ ่มิ . 2547. การอนบุ าลปลาสลดิ ในกระชงั ดว้ ยอตั ราการปลอ่ ยตา่ งกัน. เอกสารวิชาการฉบับท่ี 1/2547. ศนู ย์วจิ ัยและพฒั นาประมงนา้ํ จดื ปตั ตานี, กรมประมง. 14 หนา้ . คณะประมง. มปป. ค่มู ือวิเคราะห์พรรณปลา. คณะประมง, มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร,์ กรุงเทพมหานคร. 273 หน้า. จิราพร พรหมประเสริฐ. 2551. การเลี้ยงปลาสงั กะวาดเหลอื งในกระชังที่ระดบั ความหนาแน่นตา่ งกัน. เอกสารวิชาการฉบบั ท่ี 48/2551. สํานักวจิ ัยและพัฒนาประมงน้าํ จืด, กรมประมง. 19 หน้า. เฉิดฉัน อมาตยกุล, นิพนธ์ ศริ ิพันธ์, ธงชยั ธรรมเสฐยี ร, สุรางค์ สมุ โนจติ ราภรณ์, ประดิษฐ์ ศรีภทั รประสทิ ธ์,ิ ไพบูลย์ วรสายัณห,์ ชาํ นาญ สขุ พันธ,์ เรณู ปติ ิพรชัย, ชลธิศักด์ิ ชาวปากน้ํา และ อาคม ชมุ่ ธ.ิ 2538. ปลาสลิด. กรมประมง, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. 67 หนา้ . ชวลิต วทิ ยานนท.์ 2545. พรรณปลาในพืน้ ทพ่ี รุของประเทศไทย. สาํ นักงานนโยบายและแผนสงิ่ แวดลอ้ ม. กรงุ เทพฯ. 136 หน้า. ชไมพร แกว้ ศรีทอง, สุวิมล สี่หิรัญวงศ์, จีรนันท์ อุไรประสิทธ์ิ และ วรกิต ขั้วแก้ว. 2552 ชีววิทยาบางประการ ของปลากระดี่มุกในพรุโต๊ะแดงจังหวัดนราธิวาส. เอกสารวิชาการฉบับท่ี 8/2552. ศูนย์วิจัยและ พัฒนาประมงนํา้ จดื ปตั ตาน,ี กรมประมง 39 หน้า. ณรงค์ เลยี่ นยงค์ และ นพดล จินดาพนั ธ์. 2551. การอนบุ าลลกู ปลาแขยงนวลวยั อ่อนท่รี ะดบั ความหนาแนน่ ต่างกัน. เอกสารวิชาการฉบับท่ี 16/2551. ศูนยว์ จิ ัยและพฒั นาประมงนาํ้ จืดสรุ าษฎรธ์ านี, กรมประมง. 25 หน้า. นงค์เยาว์ มณี และ สมพร โกศล. 2549. การอนบุ าลปลากระแหในบอ่ ดนิ โดยความหนาแนน่ ตา่ งกัน. เอกสาร วิชาการฉบับท่ี 3/2549. ศูนย์วจิ ัยและพฒั นาประมงนา้ํ จืดยโสธร, กรมประมง. 16 หนา้ . บษุ กร บํารงุ ธรรม. 2543. การศกึ ษาอาหารสาํ เรจ็ รูปท่ีเหมาะสมเพ่อื ทดแทนอาหารมีชีวติ ในการอนุบาล ลูกปลาหางนกยูง. วทิ ยานพิ นธ์วทิ ยาศาสตรม์ หาบัณฑติ . มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร,์ กรุงเทพมหานคร. 92 หนา้ . พงษพ์ นั ธ์ สุนทรวิภาต, เมธา คชาภิชาต,ิ สริ ฉิ ัตร สทุ รวภิ าต, ไชยวฒั น์ รตั นดาดาษ และ อภชิ าต เตมิ วิชากร. 2551. การเพาะและอนุบาลปลาตะเพียนทราย. เอกสารวชิ าการฉบับที่ 31/2551. ศนู ยว์ ิจยั และ พฒั นาประมงนํ้าจดื พะเยา, กรมประมง. 32 หนา้ . ยงยทุ ธ ล่มิ พานิช, ไชยวัฒน์ รัตนดาดาษ และ อาํ ไพพรรณ คงทอง. 2547. การอนบุ าลลูกปลากระแหในอัตรา ความหนาแน่นตา่ งกัน. เอกสารวิชาการฉบับที่ 97/2547. ศูนยว์ จิ ยั และพฒั นาประมงน้ําจดื พทั ลุง, กรมประมง. 15 หน้า. วทิ ยา หวังเจริญพร. 2540. ชวี วทิ ยาและการเพาะขยายพนั ธ์ปุ ลากระดี่มกุ . เอกสารวชิ าการฉบบั ที่ 1/2540. สถาบนั พฒั นาปลาสวยงามและพรรณไมน้ า้ํ , กรมประมง. 15 หน้า. สง่า ลีสงา่ , จรภี รณ์ ศรยี ศ และ นพดล จินดาพันธ์. 2546. เปรียบเทยี บการเจรญิ เตบิ โตของปลากดเหลอื ง สามแหล่งทีพ่ บในประเทศไทย. เอกสารวชิ าการฉบบั ท่ี 7/2546. ศนู ย์วิจัยและพฒั นาประมงนํ้าจืด สรุ าษฎร์ธาน,ี กรมประมง. 16 หนา้ .

17 สภุ าพ แกว้ ละเอียด. 2546. การอนบุ าลลกู ปลาแกม้ ช้ําในความหนาแนน่ ตา่ งกัน. เอกสารวิชาการฉบับท่ี 17/2546. ศนู ยว์ ิจยั และพัฒนาประมงน้ําจืดตาก, กรมประมง. 11 หนา้ . องอาจ คาํ ประเสริฐ, อนพุ งษ์ สนิทชน, อรรณพ อิม่ ศลิ ป์ และ สมบตั ิ สงิ หส์ ี. 2551. อทิ ธิพลของอตั ราปล่อย ตอ่ การอนุบาลลูกปลาโมง. เอกสารวิชาการฉบบั ที่ 89/2551. สถานีประมงน้ําจดื จงั หวดั นครพนม, กรมประมง. 23 หนา้ . อทุ ยั รัตน์ ณ นคร. 2538. การเพาะขยายพันธ์ุปลา. ภาควิชาเพาะเลีย้ งสัตวน์ า้ํ , คณะประมง, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. กรุงเทพฯ. 231 หนา้ . อมรรัตน์ เสริมวัฒนากลุ , บุษกร บํารงุ ธรรม และ วจิ ารณ์ ทองมเี อียด. 2542. ระยะเวลาท่เี หมาะสมในการ อนุบาลลกู ปลาหางนกยงู ด้วยอาหารสําเรจ็ รูปเพอ่ื ทดแทนอาหารมชี ีวติ . ใน: รายงานการสัมนา วชิ าการประจําปี 2542 กรมประมง. วันท่ี 16-17 กันยายน 2542 ณ หอ้ งประชุมกรมประมง. หน้า 216-221. Backiel, T. and E. D. Le Cren. 1978. Some density relationships for fish populations parameters In: Shelby, D.G. (ed). Ecology of Freshwater Fish Production. Blackwell Scientific Publications, London. pp. 279–302. Boyd, C.E. 1982. Water Quality Management for Pond Fish Culture. Elsevier Scientific Publishing Company, Amsterdam. 318 pp. Boyd, C.E. 1990. Water Quality in Ponds for Aquaculture. Alabama Agricultural Experiment Station, Auburn University, Alabama. 482 pp. Chiu, Y. N. 1989. Considerations for feeding experiments to quantify dietary requirements of essential nutrients in fish. In: De silva, S. S. (ed). Fish Nutrition Research in Asia. Proceedings of the Third Asian Fish Nutrition Network Meeting. Asian Fish Soc. Manila, Philippines. pp. 46-57. Hepher, B. 1967. Some biological aspects of warm-water fish pond management In: Shelby, D. G. (ed). The Biological Basis of Freshwater Fish Production. Blackwell Scientific Publications. Oxford and Edinburgh. pp. 417- 428. Hopkins, K. D. 1992. Reporting fish growth : A review of the basics. J. World Aquac. Soc. 23(3) : 173-179. Pauly, D. 1983. Some simple methods for the assessment of tropical fish stocks. FAO Fish Tech. Pap. 234, Rome. 52 pp. Piper, R.G., I. B. McElwain, L. E. Orme, J. P. McCraren, L. G. Fowler and J. R. Leonard. 1982. Fish Hatchery Management. United States Department of the Interior, Fish and Wildlife Service, Washington, D.C. 517 pp. Shirota, A. 1970. Studies on the mouth size of fish larvae. Bull. Jap. Soc. Sci. Fish. 36(4): 353-368.

18 Swingle, H. S. 1969. Methods of Analysis for Water, Organic Matter, and Pond Bottom Soil Used in Fisheries Research. Auburn University, Auburn, Alabama. 119 pp. Zeng, W., Z. Li, S. Ye, S. Xie, J. Lui, T. Zhang and M. Duan. 2010. Effects of stocking density on growth and skin color of juvenile darkbarbel catfish Pelteobagrus vachelli (Richardson). J. Appl. Ichthyol. 26:925-929.

19 ภาคผนวก ตารางผนวกที่ 1 นํ้าหนัก (มลิ ลิกรมั ) ความยาว (เซนติเมตร) และอัตรารอด (เปอร์เซน็ ต์) ของปลากระดม่ี กุ เมื่อ เร่มิ ต้นและส้นิ สดุ การอนุบาล ความหนาแน่น ซํา้ ท่ี นาํ้ หนกั (มิลลกิ รัม) ความยาว (เซนติเมตร) อตั รารอด (ตวั /ลิตร) ก่อนทดลอง หลังทดลอง ก่อนทดลอง หลงั ทดลอง (เปอรเ์ ซน็ ต์) 10 1 เฉล่ีย 2 1.6 233 0.5 2.66 25.00 20 3 1.6 128 0.5 2.25 32.50 เฉล่ยี 4 1.6 278 0.5 2.74 25.00 30 1.6 197 0.5 2.42 25.00 เฉลี่ย 1 26.87±3.75 2 209.29±63.41 2.52±0.22 13.13 3 1.6 217 0.5 2.45 11.88 4 1.6 208 0.5 2.28 15.00 1.6 147 0.5 2.17 15.00 1 1.6 161 0.5 2.25 13.75±1.53 2 7.08 3 183.58±34.38 2.29±0.12 8.33 4 1.6 196 0.5 2.46 8.33 1.6 197 0.5 2.36 7.08 1.6 170 0.5 2.28 7.70±0.72 1.6 196 0.5 2.41 190.01±13.13 2.38±0.08

20 ภาพผนวกที่ 1 ลกู ปลากระดม่ี กุ หลงั การทดลองเป็นเวลา 30 วนั (อายุ 36 วนั )


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook