คํานาํ ปลาบึก (Mekong giant catfish) Pangasianodon gigas Chevey,1931 เปนปลานํ้าจืดไมมเี กล็ดท่มี ี ขนาดใหญท ส่ี ุดในโลก ซึ่งจัดเปน ปลาท่ีอยูในกลุมสตั วหายากและใกลจ ะสญู พันธุ (เสนห และภาณ,ุ 2540) ในดา น อนุสญั ญาวา ดว ยการคา ระหวา งประเทศในการอนุรกั ษสัตวป า และพืชปา ที่ใกลจ ะสูญพันธุ ( CITES) ในบัญชี หมายเลข 1 (Appendix I) ปลาบึกจดั อยูใน Order Siluriformes และ Family Pangasiidae เปน สัตวน าํ้ ท่ีใกลสูญพันธุ (www.cites.org/eng/resouces/species.html) เปนสินคาที่ตองขออนุญาตในการสงออกไปนอกราชอาณาจักรตาม ประกาศกระทรวงพาณิชยวาดวยการสงสินคาออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ 58) พ.ศ.2534 (สถานีประมงน้ําจืด จงั หวดั พะเยา, 2544) แหลงอาศัยของปลาบึกตามธรรมชาติจะพบเฉพาะในแมน้ําโขง และในแมน้ําสาขา เชน แมน้ํา สงคราม แมน้ํางึม โดยพบแพรกระจายตั้งแตประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน จนถึงสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (ววิ ฒั น และคณะ, 2549) ในประเทศไทยสามารถเพาะพันธุปลาบึกโดยใชพอแมพันธุปลาบึกจากแมน้ําโขงไดสําเร็จครั้งแรก เมอื่ ป พ.ศ. 2526 โดยกรมประมง แตไดลูกปลาไมมากนัก ตอมาในป พ.ศ.2527 ไดดําเนนิ การเพาะพันธอุ กี ครัง้ ไดลูก ปลาเปนจาํ นวนมาก โดยไดสง ไปทดลองเล้ยี งในบอ ดิน เพอื่ เลีย้ งไวเ ปน พอแมพ นั ธใุ นศนู ยว จิ ัยและพัฒนาประมงนํา้ จืดและสถานีประมงน้ําจืดของกรมประมงทั่วประเทศ (ศูนยพัฒนาประมงน้ําจืดเชียงใหม, 2544) จนในป 2544 กรม ประมงสามารถผสมเทยี มโดยใชพ อ แมพ ันธปุ ลาบกึ ในบอ ดินสําเร็จเปนครง้ั แรกทีศ่ ูนยว ิจัยและพัฒนาประมงนํ้าจดื พะเยา ซึ่งเปนปลาบกึ รนุ ลกู (F1) ทาํ ใหไดลกู ปลารุน หลาน (F2) เปนครั้งแรก และกรมประมงไดกระจายลูกปลาบึกที่ ไดไป 4 ภาคทั่วประเทศ เพื่อปลอยแหลงน้ําและจําหนายใหประชาชนนําไปเลี้ยง (สถานปี ระมงนาํ้ จดื จงั หวดั พะเยา, 2544) ในปจจบุ นั กรมประมง โดยสํานักวจิ ัยและพฒั นาประมงนํ้าจดื ไดใหห นวยงานศนู ยว จิ ยั และพฒั นา ประมงนาํ้ จืดและสถานีประมงนํ้าจดื เลย้ี งพอแมพันธุปลาบกึ ไว เพ่อื ศกึ ษาพฒั นาการเพาะพันธผุ สมเทียมปลาบกึ ทั้ง ในบอดนิ และบอ ซเี มนต จนไดลกู ปลาบึกในแตล ะปเปน จาํ นวนมาก เพือ่ ใหปลาบกึ ไมสูญพนั ธไุ ปจากธรรมชาติ กรมประมงไดปลอยพันธุปลาบึกคืนแมน้ําโขงและแหลงน้ําภายในประเทศ โดยผลการปลอยพันธุปลาบึก 3 ป ยอนหลัง ดังนี้ ปงบประมาณ 2551 จาํ นวน 252,180 ตัว ปงบประมาณ 2550 จาํ นวน 99,000 ตัว และปงบประมาณ 2549 จาํ นวน 335,270 ตวั (รายงานประจําป สํานักวิจัยและพัฒนาประมงน้ําจืด 2549, 2550 และ2551)
2 การเพาะพันธุปลาบกึ จากพอ แมพ นั ธทุ ี่เลย้ี งในบอ ดิน 1. ประวัติการเพาะพันธุ ปลาบึก (Mekong Giant Catfish) มีชื่อวิทยาศาสตร Pangasianodon gigas (Chevey, 1930) เปนปลาไมมี เกล็ดที่มีขนาดใหญทส่ี ดุ ในโลกปลาบึกจัดเปนปลาทอี่ ยูในกลุมสตั วหายากและใกลจะสญู พันธุใ นธรรมชาตจิ ะพบ แพรกระจายเฉพาะในแมน้ําโขง และสาขาเทานั้น กรมประมงสามารถเพาะพันธุปลาบึกไดสําเร็จครั้งแรกเมื่อป 2526 แตไดลูกปลาไมมากนัก ตอมาในป 2527 ไดดําเนินการเพาะพนั ธุอีกครง้ั ซ่ึงคร้ังนีไ้ ดล กู ปลาจาํ นวนมาก ลูกปลาท่ีได จากการเพาะพันธุครั้งนี้ไดสงไปทดลองเลี้ยงในบอดินตามสถานีประมงทั่วประเทศ รวมทั้งที่ศูนยพัฒนาประมงน้ําจืด เชยี งใหม จาํ นวน 90 ตัว ศูนยฯ ซ่งึ ไดท ําการเล้ยี งปลาเหลา น้ี เพ่อื ศึกษาอตั ราการเจริญเตบิ โต และลักษณะทาง ชีววทิ ยาอ่นื ๆ จนกระทัง่ ในป 2536 กองประมงน้ําจืดไดสั่งการใหแบงปลาไปเลี้ยงที่สถานีประมงน้ําจืดพะเยา จังหวัดพะเยา ดงั น้นั ทศ่ี นู ยฯ จึงเหลอื ปลาอยู 30 ตวั และไดเ ลย้ี งไวใ นบอ ขนาด 2,400 ตารางเมตร 3 บอ โดยปลอ ยบอ ละ 10 ตวั ใหอ าหารผสมโปรตีน 20, 20 และ 30 % ตามลําดับ จนกระทั่งป 2540 ศูนยฯ ไดร ับงบประมาณวิจัยตอจาก กองประมงน้ําจืด จึงไดปรับปรุงสูตรอาหารใหมโดยใหมีปริมาณโปรตีนในอาหารเพิ่มขึ้น (35 %) แตใ หอ าหาร นอ ยลง (0.5 % ของนํ้าหนกั ตัวตอ วนั )และทําการตรวจเช็คไขและน้ําเชื้อทุก 3 เดอื น จนถงึ ป 2543 พอแมพ นั ธปุ ลาท่ี เลย้ี งไวใ นบอ ดนิ โดยใชอ าหารผสมโปรตนี ระหวา ง 20 –35 % พบวา เมื่อปลาอายุ 1 6 ป จะเร่ิมสรางไข ซง่ึ จากการ ตรวจเช็คเม่อื วนั ที่ 1 มถิ นุ ายน 2543 พบวา ปลามีน้ําหนักระหวาง 55 –80 กิโลกรัม พบปลาเพศเมียมไี ขแก จํานวน 4 ตวั แตไ มพบวา มีนาํ้ เช้ือเลย ตอ มาวนั ท่ี 5 มถิ นุ ายน 2543 ไดตรวจภายในปลาโดยใชเครื่องมืออัลตราซาวด ( Ultra- sound) (ภาพท่ี 1) ที่ไดรับความอนุเคราะหจากคณะนายแพทย โรงพยาบาลสันทราย อ.สันทราย จ.เชียงใหม นํา เครื่องมอื มาตรวจเช็คท่ศี นู ยฯ ผลการตรวจอลั ตราซาวด ไมทราบผล ท่ีชัดเจน เนอื่ งจากปลาท่ีนาํ ไปตรวจพสิ จู นเปนปลาเพศเมยี แตไข ออน ตอมาเมือ่ วนั ที่ 20 มิถุนายน 2543 ไดรับปลาเพศผูขนาด น้าํ หนัก 35 กโิ ลกรมั มาจากสถานีประมงนํ้าจืดจังหวัดพะเยา เพ่ือใช ในการผสมพันธุแตเนื่องจากปลาเพศเมียที่จับมาตรวจเช็คแลวทิ้งไว นานกวา 15 วัน ทาํ ใหป ลา เกดิ อาการเครยี ดเมอ่ื ฉดี ฮอรโ มนเขา ไป ภาพท่ี 1 การใชเ ครื่องมอื อลั ตราซาวด กระตุน รางกายไมตอบสนองกับฮอรโมนที่ฉีดเขาไป และมีบาง ตวั ไข ตรวจเพศปลาบกึ สกุ เกนิ ไป (over ripe) ทําใหการเพาะพันธปุ ลาบกึ ในป 2543 ไม ประสบผลสําเร็จ ดังนั้นจงึ ไดว างแผนดําเนินการเพาะพันธใุ หมในป 2544 และกป็ ระสบผลสาํ เรจ็ ในการเพาะพนั ธไุ ดลกู ปลาที่เกดิ จากพอ แมพนั ธทุ ีเ่ ลีย้ งในบอดนิ เปนครั้งแรก
3 2. อนกุ รมวิธานและลักษณะทางชีววทิ ยา ปลาบึก (Maekong Giant catfish, Pangasius gigas (Chevey 1930) จดั เปน สัตวน ้าํ ในกลมุ หายากและใกล สูญพนั ธุ (endangered species) เปนปลาไมมีเกล็ด (catfish) ที่ใหญท สี่ ดุ ในโลก (สนทิ และเสนห , 2534) ตาม ธรรมชาติจะพบแพรกระจายเฉพาะในแมน้ําโขงและสาขาเทานั้น ศรีจันทรเพ็ญ (2533) ไดรวบรวมเรื่องราวของการ ตั้งช่อื สกุลของปลาบกึ โดยเรียบเรียงลาํ ดับเหตกุ ารณทเี่ กดิ ขน้ึ ชี้ใหเห็นวา ควรจดั ปลาบกึ อยใู นสกลุ Pangasius ไมใช สกุล Pangasianodon ซึ่งสอดคลองกับคํากลา วของ ดร .สมิท นักวิทยาศาสตรชาวอเมริกัน ดร .ไวยอง และ ดร.ดูรอง สองนักวิทยาศาสตรชาวฝรั่งเศส Robert (1991) และวนั เพญ็ (2531) ไดศึกษาปลาไมมีเกล็ดวงศ Pangasiidae ใน ทวปี เอเชีย พบวา มลี กู ปลาบึกและปลาสวายมีลักษณะคลายคลึงกัน จะแตกตางกันเมื่อปลามีขนาดโตขึ้น ปลาบึกมี ขนาดใหญม าก อาจมีขนาดยาวถึง 3 เมตร มนี าํ้ หนักกวา 300 กิโลกรมั ไมมฟี น ในปากมีแตเ ปน ตุม (gill raker) มี หนวดที่มุมขากรรไกรลาง (mandibular barbel) เล็กและสนั้ มาก จึงจัดปลาบึกไวในสกุล Pangasius เชน เดียวกบั ปลา สวาย และมีช่อื เฉพาะวา Pangasius gigas (Chevey 1930) เรื่องราวเกี่ยวกับการดํารงชีวิตของปลาบึกจึงยังคงเปน เรื่องลึกลับอยูตลอดมา ปลาบึกเปนปลาที่มีรสชาติดี ราคาแพงและหายาก ชาวประมงจึงมุงจับมากขึ้นทําใหปลาบึกใน แมน ้ําโขงอนั เปน แหลง กาํ เนดิ เพียงแหงเดยี วมจี าํ นวนลดลงไปทกุ ป จนนา เปนหวงวา ปลาบึกจะสูญพนั ธุ กรมประมง สาํ นกั วจิ ยั และพัฒนาประมงนา้ํ จดื โดยนายเสนห และคณะ ประสบความสําเร็จในการเพาะขยายพนั ธุปลาบึก ในป พ.ศ.2526 โดยอาศัยพอแมพันธุปลาที่รวบรวมไดจากแมน้ําโขง นับวาเปนความสําเร็จครั้งแรกของโลกที่ทําชื่อเสียง ใหแกประเทศชาติเปนอยางยิ่ง (เสนห , 2526) 3. การเตรยี มพอแมพันธุ สาํ หรบั การเลย้ี งพอแมพ ันธปุ ลาบกึ ในบอ ดนิ ขนาด 2.5 ไร เลยี้ งดว ยอาหารโปรตนี 35% ชนดิ จมนาํ้ ผสมดว ย สาหรา ยสไปรูลนิ า 2 % กอนฤดูการเพาะพนั ธจุ ะถูกปรับปริมาณอาหารท่ีไดร ับตอ วันลงเหลอื 0.5 % ของนาํ้ หนกั ตัว โดยใหอ าหารอาทิตยล ะ 3 วนั เปน เวลา 3 เดอื น กอนถึงฤดสู ืบพันธุวางไข ขณะเดยี วกันกเ็ ปล่ยี นถา ยนํ้าในบอ ปลาออก 2 ใน 3 ของบอในทุก 2 สัปดาห เพอื่ กระตุนการสรางไขและนํ้าเชือ้ พอ แมพ ันธุปลาจะใหอดอาหาร 2 สัปดาหกอนการเพาะพนั ธุ ท้งั นีเ้ พือ่ ลดปริมาณไขมันที่สะสมอยูในตัวปลา และวธิ ีนีจ้ ะชว ยใหป ลาแกรง ข้นึ ไมต าย หลังการเพาะพันธุ การคัดพอ แมป ลาเพ่ือการผสมพันธุ การคัดเลือกปลาจากบอดินซึ่งจะถูกจับขึ้นมาตรวจสภาพไข และน้าํ เชื้อทกุ ตัวโดยการใชย าสลบ (2- phenoxy ethanol) ความ เขมขน 3 ppm. ฉดี พนท่ีเหงอื กขางละ 25 ครงั้ อยา งทั่วถึง เพอ่ื ให ปลาสงบลงบางแลวใชทอสายยางขนาดเสนผาศูนยกลาง 3.5 มม. สอดเขา บริเวณชอ งเพศเพ่ือดูดไขหรอื น้ําเช้ือออกมาตรวจสอบวาอยู ในระยะพรอ มท่ีจะผสมพนั ธหุ รือไมเ ม่อื พบวา ปลามไี ขในระยะท่ี 3 ก็ ภาพท่ี 2 การตรวจเช็คระยะไขปลา
4 จะยา ยปลาไปขังไวใ นคอกในบอ ดนิ ขนาดเลก็ พ้นื ที่ 200 ตารางเมตรที่มีน้ําไหลผานตลอดเวลาเพื่อรอการฉีดฮอรโมน ผสมเทยี มตอไป สว นปลาท่ีตรวจเชค็ แลววา ไขยงั ออนอยหู รอื ตรวจไมพบอะไรก็จะปลอ ยกลบั บอเลีย้ งตามเดมิ ตารางที่ 1 สูตรอาหารสําหรับพอ แมพ ันธุปลาบึกโปรตีน 35 % วัตถุดิบ %โปรตนี สดั สว นวตั ถดุ บิ ในสตู รอาหาร (นาํ้ หนกั แหง ) โดยนาํ้ หนกั แหง (กโิ ลกรมั ) ปลาปน กากถั่วเหลอื ง 66 40 ราํ ละเอยี ด 40 18 12 10 ปลายขาว วติ ามนิ ซี 7.5 19.9 วติ ามนิ รวม 0.1 แรธ าตรุ วม 1 นา้ํ มันปลา 1 สารเหนยี ว 4 รวม 6 100 4. ความดกของไขและนา้ํ เชอื้ แมพนั ธุปลาบกึ อายตุ ้ังแต 16 ปขึน้ ไปขนาดนํา้ หนกั 62-100 กโิ ลกรัม สามารถรดี ไขไ ดนาํ้ หนกั 1,300-3,800 กรมั และสามารถใหไ ขต ดิ ตอ กนั ไดท กุ ปจนถึงเวน1-4 ป ปลาพอพันธุอ ายุตง้ั แต 16 ปข น้ึ ไปขนาดนํ้าหนัก 60-96 กโิ ลกรัมสามารถใหนา้ํ เชอื้ โดยการรีดไดตดิ ตอ กนั ทกุ ปจ นถงึ เวน 1-2 ป ขึ้นกับสภาพความบอบช้ําของพอแมพันธุภาย หลงั จากการเพาะพนั ธุ 5. การเพาะพันธุดวยการฉีดฮอรโมน การเตรียมสารเคมีและตอ มใตสมอง - ฮอรโมนสังเคราะห LHRHa (Luteinising Hormone Releasing Hormone Analogue) เกบ็ ไวใ นตูเยน็ จนกวา จะใช - Domperidone (ในชื่อทางการคา Motilium-M) ถกู ทาํ ละลายโดยใชนาํ้ กล่ันใหไ ดค วามเขมขน 10 มิลลิกรมั / มิลลลิ ติ ร)
5 - ตอมใตสมอง (Pituitary gland) ถูกเกบ็ จากปลาจีนน้ําหนักเฉลย่ี ไมต ํ่ากวา 2,000 กรัม โดยเก็บในนํา้ ยา acetone แลวแชไ วในตเู ย็น - Human Chorionic Gonadotropin ( HCG) เปนสารที่ทําใหแหงโดยการแชแข็งใชผสมกับตัวทําละลาย สําหรับฉีดเขากลา มเน้อื เก็บไวใ นตูเยน็ จนกวาจะใช การฉีดฮอรโ มน การฉีดฮอรโมนกระตุนการวางไขและน้ําเชื้อของปลาบึก เริม่ โดยการฉดี ฮอรโมนเขาไปในตัวปลาจะฉีดเขา 2 ตําแหนง คือ ฉีดเขา กลามเนื้อบริเวณหลังโคนครีบหลัง และฉีดเขาชองทอง (interperitoneal)โดยใชความเขมขน 3 สูตรดังนีค้ อื 1. การฉีดฮอรโมนสังเคราะหรวมกับตอมใตสมองและHCG ภาพท่ี 3 การฉดี ฮอรโ มนสงั เคราะห การฉดี ครงั้ ที่ 1 ใช HCG ในอตั รา 50 IU/Kg นํ้าหนัก เขา กลา มเนื้อ ปลา การฉดี คร้งั ที่ 2 ใช LHRHa + domperidone ในอัตรา 30 µg + 10 mg/Kg นํ้าหนกั ปลา รว มกบั ตอ มใตส มอง 1.0 โดส โดยฉีดหางจากการฉีดครั้งแรก 12 ช่วั โมง 2. การฉีดฮอรโมนสังเคราะหรวมกับHCG การฉีดคร้ังที่ 1 ใช ใช HCG ในอตั รา 50 IU/Kg นํา้ หนกั ปลา การฉีดคร้งั ที่ 2 ใช HCG+ LHRHa + domperidone ในอตั รา 70 IU + 30 µg + 10 mg/Kg นา้ํ หนักปลา โดยฉีดหางจากการฉีดครั้งแรก 12 ชวั่ โมง 3. การฉีดฮอรโมนสังเคราะหช นดิ เดยี ว การฉดี คร้งั ที่ 1 ใช LHRHa + domperidone ในอตั รา 10 µg + 10 mg /Kg นํ้าหนกั ปลา การฉีดครั้งที่ 2 ใช LHRHa + domperidone ในอัตรา 20 µg + 10 mg/Kg น้าํ หนักปลา โดยฉีดหางจาก การฉีดครั้งแรก 12 ชวั่ โมง การผสมเทยี ม ปลาที่ไดร ับการฉีดกระตุนแลวจะถกู ปลอยลงในคอกเดิม คอกละตวั หลังจากนั้น 12 ชั่วโมง ปลาเพศเมียจะถูกนําขึ้นมารีด ไขเพ่อื ผสมกบั นา้ํ เชอื้ การผสมพันธุ ใชวิธีการผสมแบบแหง (Dry method) โดยมีวธิ กี าร ปฏิบตั ิ ดังน้ีคอื หลงั จากฉีดคร้ังท่ี 2 แลวประมาณ 12 ชั่วโมง ภาพท่ี 4 การรีดไขปลาบกึ
6 (ชั่วโมงที่ 24-30) นําแมปลามาตรวจเช็คโดยวางแมปลาลงบนหมอนเพื่อหนุนใหไขไหลไดงายขึ้น จากนั้นก็ทําการรีด ไขทีละขางลงในกะละมังที่แหงและสะอาดแลวนําไขผสมกับน้ําเชื้อใชขนไกที่ทําความสะอาดแลวคนไขและน้ําเชื้อ ผสมกันประมาณ ½ นาที จงึ เตมิ น้ําเกลือ (NaCl 0.9 %) ลงไปในกะละมังประมาณ ¼ สวนของปริมาตรไข คนตอ ไป อีกประมาณ 3 นาที รนิ นํา้ ทงิ้ แลวจึงเติมน้ําสะอาดลงไปใหท วมไข ลา งไขใหส ะอาด 3 ครงั้ จึงนาํ ไขไ ปฟกในรางฟก ไขตอ ไป การฟกไขป ลาบกึ ไขป ลาท่ีไดร บั การผสมน้ําเชือ้ และลางจนสะอาดแลวนาํ ไป โรยบนรังไขที่ทําจากเชือกฟางหรือแผงฟกไขที่ทํามาจากตาขาย พลาสติกสีฟาขนาดตา 16 ในรางฟกไข ท่ีทําดว ยอลูมเิ นียมขนาดยาว 3 เมตร กวาง 0.3 เมตร ลึก 0.25 เมตร มนี ํ้าไหลผา นตลอดในอตั รา 9 ลิตรตอ นาที เม่อื ปลาฟก เปนตัวจะรวงลงบนพ้นื ราง จงึ เอาเชือก ฟางออก ไขปลาบึกใชเวลาในการฟกออก ประมาณ 29 –32 ช่ัวโมง ทีอ่ ุณหภมู นิ ้ํา 25–27 o C อัตราการฟกระหวาง 11.7-19.4 % 6. การพัฒนาการของคพั ภะและลกู ปลาวัยออ น ภาพที่ 5 รางฟกไขปลาบึก ไขปลาบึกมลี ักษณะกลม สเี หลืองใส เปน ลักษณะไขติดกบั วสั ดุ ไขท ่ีเพ่ิงไดรบั การผสมจะมี เสนผาศูนยกลางประมาณ 2 มลิ ลิเมตร การพัฒนาของคพั ภะปลาบกึ ภายใตสิง่ แวดลอมท่อี ุณหภมู นิ ้ํา 25–27 o C มีความ เปนดาง 110 ppm. ความกระดาง 90 ppm. ออกซเิ จนละลายน้าํ ไมต ่าํ กวา 6 ppm. pH 6.5 ไขปลาบึกจะใชเวลาในการ พฒั นาและฟกเปน ตวั ประมาณ 29 –32 ชว่ั โมง ลกู ปลาเมอ่ื ฟก ออกจากไขจ ะมีลาํ ตวั สใี ส และงอตัวอยปู ระมาณ 3 –5 นาที จึงเหยียดตัวตรง มีความยาวเหยียดประมาณ 4.5 มิลลิเมตร การพัฒนาของคัพภะปลาบึกแสดงในตารางที่ 2 และ ภาพท่ี 7 พฒั นาของตัวออนปลาบกึ การพัฒนาของตัวออนภายใตสิ่งแวดลอมเชนเดียวกับการพัฒนาของคัพภะ ลูกปลาบึกมีถุงสะสมอาหาร วาย ขนึ้ ลงในแนวด่ิงเมอื่ อายุ 1 วนั ความยาว 7 มิลลเิ มตร ลูกปลาอายุ 2 วนั ความยาว 8 มลิ ลเิ มตร หนวดพฒั นายาวขน้ึ มาก ครีบหางเริม่ พฒั นา ถุงไขเร่ิมยุบลงเลก็ นอ ย ลกู ปลาเร่มิ วายข้นึ ผวิ น้ํา และวายเขาหาแสงสวาง เริ่มใหอาหารผงสําเร็จรูป ถุงไขแดง (yolk sac) ยบุ หมดเม่อื อายุ 3 วนั ความยาว 9 มิลลเิ มตร ลกู ปลาอายุ 4 วัน จะมีความยาว 10 มิลลิเมตรลูกปลา อายุ 5 วัน จะมีความยาว 11 มิลลเิ มตร ลกู ปลาอายุ 7 วัน จะมีความยาว 16 มลิ ลิเมตร ลกู ปลาอายุ 9 วัน จะมีความยาว 20 มิลลเิ มตร 7. การอนุบาลปลาวยั ออ น การอนบุ าลลูกปลาวยั ออนเน่ืองจากลกู ปลาบึกมนี ิสยั ชอบกดั กนิ กนั โดยมกั จะเริ่มในชวั่ โมงที่ 24 หลังจาก การฟก ออกดังน้ัน จงึ กอนทลี่ ูกปลาจะเริ่มกดั กินกนั คือ หลงั จากฟก ออกเปนตัวอายุ 16-20 ช่วั โมง จึงยายลูกปลาลง
7 อนุบาลในบอซีเมนตขนาด 70 ม 3 ระดับน้ําในบออนบุ าลสงู 50 ซม. อัตราการปลอย 375 ตวั ตอ ตารางเมตร ใช พลาสติก พรางแสง(สแลนด 80 %) สีดําคลมุ บอ ซเี มนต อนบุ าลเพอ่ื พ รางแสงซึ่งจะชวยใหปลากัด กินกนั นอ ยลง อนุบาลโดยใหอาหารผงสําเร็จรูป (Artificial plankton) และไรแดง โดยจะเรมิ่ ใหอาหารหลังจากถงุ ไขแ ดงลดลงคร่งึ หนง่ึ เพ่ือใหปลา คุนเคยกับอาหาร การใหอาหารผงจะใหทุก 2 ช่ัวโมง ตลอดวนั สวน ไรแดงใหในปริมาณเพียงพอ และใหในเวลากลางคนื ดดู ตะกอน ใน บอ อนุบาลลูกปลาหลังจากปลากินอาหารอิ่มแลววันละ 2 ครั้ง ลูก ปลาอายุ 7วนั ใหอาหารผสมท่ีมโี ปรตีน 40 เปอรเซ็นต ปน เปนกอน วางไวใ หท ่ัวบอ และควรใหนํา้ ไหลผา นในบออนบุ าลเพอื่ ไมใ ห คณุ ภาพนาํ้ เสยี เนอื่ งจากการใหอาหารผสม อนุบาลในบอ ซเี มนต ภาพท่ี 6 บออนบุ าล 70 ลกู บาศกเมตร จนอายุ 15 วนั ไดลูกปลาขนาด 1น้ิว มอี ตั ราการรอด เฉลยี่ 29.6 % คลมุ พลาสตกิ พรางแสง (สแสนด ) สดี าํ สามารถกินอาหารเม็ดลอยน้ําสําหรับลูกปลาวัยออนโปรตีน 40 เปอรเ ซน็ ต จึงนําลกู ปลาลงเล้ียงในบอดินตอ ไป 8. อาหารและนสิ ัยการกนิ อาหารของลูกปลาวยั ออ น ปญหาในการอนบุ าลลูกปลาบึกวัยออนท่พี บ คอื มีการกินกันเองของลูกปลาคอนขางรุนแรง ทําใหอัตราการ รอดตายตาํ่ เนื่องจากปลาในตระกูล catfish วัยออ นมนี สิ ัยคอ นขางดรุ าย การลดปญ หาการกัดกินกันเองจะชวยเพ่มิ อัตราการรอดตายใหสูงขึ้นและควรใหอาหารที่มีชีวิตเชนไรแดงและอาทีเมีย โดยเฉพาะชวงสัปดาหแรกและใหมี ปริมาณอาหารในบออยางเพียงพอ หลังจากอายุ 7 วนั จงึ เสรมิ ดว ยอาหารผสมสาํ หรบั ลกู ปลาวยั ออ นโดยใหอ าหารให บอ ยคร้ังคือทุก 4 ชั่วโมงและกระจายอาหารใหทั่วบอ เพื่อ ใหลูกปลาไดรับอาหารอยางทั่วถึงทําใหมี พัฒนาการ เจรญิ เตบิ โตของลกู ปลาไดลูกปลาขนาดที่เทากัน การตางขนาดกันทําใหลูกปลามีการกินกันเองเพิ่มขึ้นดวย 9. คุณภาพนา้ํ ทเี่ หมาะสมตอ การดํารงชวี ติ ของสตั วนํ้า การเลี้ยงปลาบึก บอปลาควรจะสรางในบริเวณที่มีแหลงน้ํา เชน แมน้ํา คลองชลประทาน หรือบอบาดาลที่มี ปริมาณน้ํามากพอที่จะใชตลอดระยะเวลาการเลี้ยง รวมทั้งน้ําที่จะนํามาใช ตองมีคุณภาพดี เหมาะสมในการ เจรญิ เตบิ โตของปลา โดยปกตนิ า้ํ บอ เลี้ยงปลาบกึ ควรมีคา pH ระหวา ง 6.5-8.5 คาความเปนดาง ( Alkalinity) และ ความกระดาง (Hardness) ระหวา ง 80-120 ppm. มปี รมิ าณออกซเิ จนทล่ี ะลายในนํ้าไมน อยกวา 3 ppm. อณุ หภูมนิ ํ้า 25-28 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ควรจะพิจารณาดานคมนาคมที่สะดวกตอการขนสงและลําเลียงไปจําหนายตลอดจน ดา นสาธารณปู โภคท่เี ปนสว นสาํ คญั ในการดาํ เนนิ งานของกิจการเชนไฟฟา ซ่งึ มคี วามสําคัญทีจ่ ะใชก ับเครื่องสบู นา้ํ เครื่องเพิ่มออกซิเจน สถานที่เลี้ยงปลาที่ดีควรจะสามารถจัดหาแหลงอาหารปลาไดงายราคาถูก และไมควรอยูใน บริเวณทีม่ ีส่งิ แวดลอมที่จะทําใหเกดิ ภาวะนํ้าเสีย อนั เกดิ จากสารพษิ หรอื สิ่งปฏกิ ูลจากโรงงานท่ตี ัง้ อยูใ กลเคียง
8 ตารางท่ี 2 แสดงขั้นตอนพฒั นาการของคพั ภะและลูกปลาบกึ วยั ออน ท่ีอณุ หภมู ินํา้ 25–27 องศาเซลเซยี ส อายุไขปลาหลังการผสมน้ําเชือ้ ขั้นตอนการพฒั นา 0:00 ช่วั โมง ไขแ กท ่ีไดรับการผสมนํา้ เช้ือแลว จะมีลกั ษณะกลมสเี หลืองใส เสน ผาศนู ยกลาง 2:20 ช่วั โมง 2 มิลลเิ มตร 3:30 ช่วั โมง ไขปลาจะมกี ารแบงเซลอยา งรวดเรว็ ทส่ี วนบนของไขแดง ไขม กี ารพัฒนาจนถึงขัน้ Morula stage เมื่อเปรียบเทียบกับการเพาะปลาบึก 4:15 ช่วั โมง ทีแ่ มนาํ้ โขงพบวามกี ารพัฒนาของคัพภะครงั้ นีเ้ ร็วกวาท่แี มน ํา้ โขงซง่ึ ใชเวลาใน การพฒั นา 6–7 ช่วั โมง 4:30 ช่วั โมง เซลจะเรมิ่ แบง ตัวหนาขน้ึ จนได Blastomere ซอ นกันอยหู ลายช้นั เบยี ดกันแนน ทางดานบนของไขแดง (yolk) แตละเซลมีขนาดเล็กลง ในขณะเดียวกัน 8:30 ช่วั โมง Blastoderm จะคอ ย ๆ เจรญิ ขึน้ เรอื่ ย ๆ จนโคงมาคลมุ สวนของ yolk มากขน้ึ การพฒั นาเขาสรู ะยะ Early Gastrula ระยะนก้ี ลุม Blastoderm จะมว นตวั เขา ไป 9:50 ช่ัวโมง ในชอ ง Blastoceal ทําใหชองวา งนมี้ ขี นาดเลก็ ลงเรื่อย ๆ และมีชอง Gastoceal 11:30 ช่ัวโมง เกิดขนึ้ แทน 12:20 ช่วั โมง การพฒั นาเขาสูระยะ Late Gastrula สว นของ Blastoderm เคลอ่ื นมาคลมุ yolk จนหมด กลุมเซลรวมกันแนน จนเปนสันเกิด Embryonic shield สว นขอบยกตวั 14:10 ช่ัวโมง สงู ขน้ึ 18:00 ช่ัวโมง สว นของ Embryonic shield เจริญขึน้ จนกลายเปน ลาํ ตวั (Body formation) 19:10 ช่วั โมง เกดิ การพฒั นาการของสว นหวั (head fold) และสว นหาง (tail fold) ติดกับไข 21:20 ช่วั โมง แดง โดยกลุมเซลทีเ่ กิดขึ้นเปนสว นหวั จะมลี กั ษณะนนู ออกมากกวากลุมเซลที่ 21:50 ช่วั โมง เกิดเปนสวนหาง 24:05 ช่วั โมง เร่มิ เขา สรู ะยะ Somite stage โดยเรม่ิ เกิดจากเน้อื เยอ่ื ชัน้ กลาง (mesoderm) มี ลกั ษณะเปนส่ีเหล่ยี มบางใสตดิ กบั ผนงั ของไขแดง ระยะแรกจะสังเกตเหน็ 3 คู แลว จงึ พฒั นามากขน้ึ ตามลาํ ดบั จากหวั ไปทางดา นหาง อยู 2 ขางของ Notochord เกดิ Optic vesicle จงึ จะเจรญิ เปนตาตอ ไป เริ่มสังเกตเห็นกลุม เซลท่ีจะเจรญิ เปน Auditory placode ซึ่งจะเจรญิ ไปเปน หู หัวใจเรมิ่ เตน และรา งกายเริม่ เคลื่อนไหว สว นหวั เรม่ิ ขยายใหญแ ละยาวออก แยกจากสว นของไขแ ดงชดั เจน ปลาจะเริม่ ดิน้ แรงและถี่มากขึน้ ขอบเบาตาเร่มิ มีสีดํา และเหน็ สวนของสมองชดั เจน เริ่มปรากฏ pigment ตามลาํ ตวั สว นหางยาวขน้ึ จนถึงหวั เห็นหวั ใจและสวนหู ชดั เจนขึ้น
9 อายไุ ขป ลาหลังการผสมนาํ้ เชอ้ื ขั้นตอนการพฒั นา 25:00 ช่ัวโมง ปรากฏตา สมองแบง เปน สว นๆ 26:00 ช่วั โมง ตวั ออนเรม่ิ เคลอ่ื นไหวไดยากขน้ึ เพราะไดพัฒนาขนาดใหญขึน้ จนแนน เปลอื กไข 29:00 ช่วั โมง ตวั ออนขยับตวั ชาลง จนหยุดนงิ่ ประมาณ 10–12 นาที กอ นเปลอื กไขแ ตกออก ลกู ปลาทเ่ี พง่ิ ฟก ใหม มคี วามยาวเหยยี ด 4 มลิ ลเิ มตร ลาํ ตวั ใส yolk กลม หางยาว ลกู ปลาอายุ 1 วนั ปรากฏสว นของสมอง ตา กลา มเนอ้ื และหวั ใจชดั เจน มี pigment ทีด่ านทอง ลกู ปลาอายุ 2 วนั บรเิ วณ yolk sac ระยะนล้ี ูกปลาจะนอนบนพนื้ ราง ลกู ปลามคี วามยาวเหยยี ด 7 มิลลเิ มตร มีหนวด 1 คู เริ่มวายนํ้าในลกั ษณะพุงตัวขึ้น ลกู ปลาอายุ 3 วนั ลงท่พี น้ื ราง ลาํ ไสมเี สนเลอื ดแดงมาหลอ เลีย้ งชดั เจน ลกู ปลาอายุ 4 วนั ลกู ปลามคี วามยาวเหยยี ด 8 มิลลเิ มตร หนวดพฒั นายาวขน้ึ มาก ปลายหนวดยาว ลกู ปลาอายุ 5 วนั ถงึ สว นทา ยของถุงไขแดง ครบี หางเรม่ิ พัฒนา fin fold เรมิ่ พัฒนาสูงขึ้น เกดิ pigments บริเวณลาํ ตัว yolk เริ่มยุบเลก็ นอย ลูกปลาเรม่ิ วายขึ้นผวิ นาํ้ และวา ย ลกู ปลาอายุ 6 วนั หาแสงสวาง ปากเรมิ่ เปด ภายในมีฟนซเี่ ลก็ ๆ เรยี งกนั อยูเ ต็ม เรมิ่ วา ยขน้ึ ผวิ นาํ้ ลกู ปลาอายุ 7 วนั ในแนวระนาบ ลกู ปลามคี วามยาวเหยยี ด 9 มลิ ลเิ มตร yolk sac เรมิ่ หายไป เร่ิมกนิ โรติเฟอร และ อารท ีเมีย ครีบหางมีรูปรา งคลายครบี ปลาฉลาม หนวดยาวขนึ้ ประมาณ 1/3 ของลาํ ตวั กนิ อาหารไดม าก และเรม่ิ กดั หางกนิ กนั เอง ลกู ปลามคี วามยาวเหยยี ด 10 มลิ ลเิ มตร รปู รางโดยทว่ั ไปคลายลกู ปลาอายุ 3 วนั pigments ชดั เจนขน้ึ ครีบหาง และครบี ทอ งเริ่มแยกจากกันเห็นชัดเจน หนวด มี 2 คู โดยคทู ี่ 2 ยาวเปน ครง่ึ หนง่ึ ของคูแรก ลกู ปลามคี วามยาวเหยยี ด 11 มลิ ลเิ มตร เกดิ pigments บรเิ วณสว นหวั ใตค างและ โคนหาง สว นบรเิ วณกลางตวั มี pigments จาง ๆ บริเวณทองใสมองเห็นอาหาร ในลําไสชัดเจน ระยะนีเ้ รม่ิ กินไรแดงไดมากข้ึน ลกู ปลามคี วามยาวเหยยี ด 14.5 มลิ ลเิ มตร สขี อง pigments มคี วามเขม ขน้ึ ลกู ปลา เร่ิมกนิ อาหารขนาดใหญไดม ากขนึ้ ลกู ปลามคี วามยาวเหยยี ด 16 มิลลเิ มตร สขี อง pigments เรม่ิ ปรากฏบริเวณ ดานหลงั และโคนครบี กน ครบี หางดานบนและดา นลางมีขนาดเทากัน เร่มิ ฝกให กินอาหารสําเร็จรปู รวมกบั ไรแดงขนาดใหญ
10 ไขป ลาบึกกอนการปฏิสนธิ 1 cell stage 2 cell stage 0:00 ชัว่ โมง 0:25 ชวั่ โมง 0:40 ชว่ั โมง 4 cell stage 8 cell stage 16 cell stage 0:55 ชว่ั โมง 1:10 ชั่วโมง 1:25 ชั่วโมง 32 cell stage 64 cell stage Morula stage 1:45 ชว่ั โมง 2:05 ช่ัวโมง 2:30 ช่วั โมง ภาพท่ี 7 พัฒนาการของคพั ภะและตวั ออ นปลาบกึ Embryonic Development of Mekong Giant Catfish (Pangasianodon gigas Chevey, 1931)
11 Blastrula stage Early gastrula stage Late gastrula stage 3:30 ชว่ั โมง 4:30 ชวั่ โมง 8:30 ชวั่ โมง Haed bud and tail bud stage Somite stage Obtic bud stage 11:30 ชัว่ โมง 12:20 ชวั่ โมง 14:10 ชวั่ โมง Heart formation stage Hatch out stage 18:00 ชัว่ โมง 29:00 ชวั่ โมง ภาพที่ 7 (ตอ ) พัฒนาการของคพั ภะและตัวออนปลาบกึ Embryonic Development of Mekong Giant Catfish (Pangasianodon gigas Chevey, 1931)
12
13 เอกสารอา งองิ กรมประมง. 2544. ปลาบึกเสนทางอนุรักษปลาบึกสูทรัพยากรธรรมชาติที่ยั่งยืน.โรงพิมพค ุรสุ ภาลาดพรา ว กรงุ เทพ. หนา 21-24. โกมุท อุนศรีสง และคณะ. 2544 . การเพาะพันธปุ ลาบึกจากพอ แมพนั ธทุ ี่เล้ยี งในบอดนิ ศูนยว ิจยั และพัฒนาประมง นํ้าจดื เชยี งใหม.10 หนา (เอกสารอดั สาํ เนา) ธีรพันธุ ภคู าสวรรค. 2511. ปลาบึกตัวแรกของกรมประมง. วารสารการประมง ปที่ 21. ฉบับที่ 2. หนา 265–284. เสนห ผลประสทิ ธ์ิ และ คณะ. 2527. การเพาะพันธุปลาบึกป 2527. รายงานประจําป 2527-2528. สถานีประมงน้ําจืด จังหวัดพะเยา กองประมงน้ําจืด กรมประมง. หนา 30-48. เสนห ผลประสทิ ธ์ิ ภาณุ เทวรัตนม ณีกุล และกฤษณ มงคลปญญา. 2536. การพัฒนาและการเพาะขยายพันธุปลาบึก. วารสารการประมง ปที่ 46. ฉบับที่ 5. หนา 399-415. .................................................................. ทม่ี า : สํานักวิจยั และพัฒนาประมงนํา้ จืด กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ
14 ขอ แตกตา งระหวา งลกู ปลาบกึ กบั ลกู บก๊ิ หวาย ปญหาของเกษตรกรผูตองการเพาะเลี้ยงปลาบึก คือ มีความไขวเขวพันธุปลาที่จะนํามาเลี้ยง เพราะปจจุบันมี เกษตรกรบางรายใชลูกผสมระหวางปลาบึกกับปลาสวาย ลูกปลาที่ออกมาตั้งชื่อวา บิ๊กหวาย และนํามาปลอมปนกับ ลูกปลาบึก แตม คี ุณภาพตกตาํ่ ไปจากปลาบึกพันธแุ ท ลกั ษณะปลาบกึ แทนนั้ สังเกตไดจากไมมีแถบสีเงินขางลําตัว หวั ปา นแบน แฉกหางกวา ง หนวดสน้ั โตเรว็ เลยี้ งในบอ ดิน 2 ป ไดข นาด 20 กก./ตวั ถา เปน บก๊ิ หวายจะเหน็ แถบสี ขาวเงินขางลําตัว หัวแหลมคอนขางกลม แฉกหางแคบ หนวดยาว โตชากวา มีเสนผาศูนยกลางตามแนวราบของลูก ตาอยูสูงกวามุมปากชัดเจน แตถาเปน ลกู ปลาบกึ เสน ผาศนู ยก ลางดงั กลา วจะอยตู ่ํากวามุมปากเล็กนอย. ลักษณะภายนอกที่สามารถแยกแยะปลาบึกออกจากปลา catfish ขนาดใหญอ น่ื ในแมโ ขง ไดแกล ักษณะของ ฟน และหนวด ปลาบกึ ไมม ฟี น และเกอื บจะไมม หี นวด โดยที่ปลาวัยออนมีฟน และกินปลาอ่ืนเปนอาหาร แตเ มือ่ โต ขน้ึ ฟน จะหลดุ ไป และตาซึ่งจะอยูต่ํากวามุมปาก อาหารของปลาในธรรมชาติคือพืชชนิดตาง ๆ เชนตะไครน้ํา แตเมอ่ื นํามาเลี้ยงก็สามารถรับอาหารชนิดอื่นได สามารถโตไดถึง 3 เมตรและหนกั 150-200 กโิ ลกรัม ใน 5 ป ปลาทห่ี นัก ทีส่ ุดเทา ทีเ่ คยจับไดเปนตวั เมีย (บางรายงานระบุผิดวาเปนตัวผู) ยาว 2.7 เมตร และหนกั 293 กโิ ลกรมั (646 ปอนด) เจาหนาที่กรมประมงสามารถรีดไขไดสําเร็จแตปลาตัวนี้ก็ตายกอนที่จะปลอยกลับธรรมชาติ ปลาสวายมีสวนหัวคอนขางเล็ก แนวบริเวณหัวถึงครีบหลังลาดตรง ตาอยูเสมอหรือสูงกวามุมปาก ปากแคบ กวาปลาบึก รูปรางเพรียวแตปอมสั้นในปลาขนาดใหญ กานครีบทองมี 8 - 9 เสน ครบี กนยาว ปลาขนาดเล็กมีสีคล้ํา เหลือบเงิน ดานขางลําตัวสีจางและมีแถบสีคล้ําตามยาว ครีบสีจาง ครีบหางมีแถบสีคล้ําตามแนวยาวทั้งตอนบนและ ลาง ปลาขนาดใหญมีสีเทาหรือคล้ําอมน้ําตาล ดานขางลําตัวสีจาง มีขนาดประมาณ 50 ซ.ม. ใหญส ดุ 1.5 เมตร
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: