วิทยาลยั สารพดั ช่างสระบุรี แผนกวิชาคอมพิวเตอร์ธรุ กจิ 20204-2005 อาจารยจ์ ักริน ทองดี
วทิ ยาลยั สารพดั ช่างสระบรุ ี แผนกวิชาคอมพิวเตอรธ์ ุรกจิ หน่วยท่ี 4 รปู แบบการเช่อื มต่อเครือขา่ ย คอมพิวเตอร์หรืออปุ กรณร์ ับ - สง่ ขอ้ มลู ทป่ี ระกอบกนั เปน็ เครอื ขา่ ย จะมเี ทคโนโลยีการออกแบบ เช่อื มโยงทีเ่ รียกวา่ จะมีเทคโนโลยีการออกแบบเช่อื มโยงทีเ่ รียกว่า รปู ร่างเครือข่าย จะมลี ักษณะของการเชอื่ มโยง 2 แบบดว้ ยกนั คือ การเชอ่ื มต่อแบบจดุ ต่อจดุ โดยมีรปู แบบการเชื่อมโยงเครือข่าย แบบ BUS, แบบ Ring แบบ STAR นอกจากนี้ ระบบเครือข่ายจะต้องมีหมายเลข IP Address ผตู้ ดิ ตั้งระบบเครือขา่ ยจาเป็นต้องกาหนดให้กบั เครื่องคอมพวิ เตอร์ การเชือ่ มต่อแบบจดุ ต่อจดุ การเชื่อมต่อแบบจุดตอ่ จุด( point- to- point) เปน็ การเช่ือมต่อระหว่างเครอ่ื งคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ ส่อื สาร 2 เครอ่ื ง โดยใช้สื่อกลางหรือช่องทางในการส่อื สารชอ่ งทางเดียวเป็นการจองสายในการสง่ ข้อมูลระหว่างกนั โดยไมม่ กี ารใช้งานสือ่ กลางนั้นร่วมกับอุปกรณ์ช้นิ หลงั อ่นื ๆ ลกั ษณะนเ้ี ปน็ การเช่ือมต่อท่ที าให้สิ้นเปลอื งช่องทาง การสื่อสาร อาจารยจ์ กั ริน ทองดี
วทิ ยาลัยสารพัดช่างสระบุรี แผนกวชิ าคอมพิวเตอรธ์ ุรกจิ การเช่อื มต่อแบบหลายจดุ การเชอ่ื มต่อแบบหลายจุด (multipoint) เป็นการใชง้ านช่องทางการสื่อสารเต็มประสทิ ธิภาพมากข้นึ เชอ่ื มตอ่ ลักษณะน้จี ะใชช้ ่องทางการสื่อสาร 1 ช่องทางเช่ือมตอ่ เข้ากับคอมพวิ เตอรห์ รืออปุ กรณส์ ่ือสารหลายช้ิน อาจารย์จักรนิ ทองดี
วทิ ยาลัยสารพดั ช่างสระบรุ ี แผนกวชิ าคอมพิวเตอรธ์ รุ กจิ รูปแบบการเชื่อมโยงเครือขา่ ย (topology) TOPOLOGY คือลักษณะทางกายภาพ (ภายนอก) ของระบบเครือข่าย ซ่ึงหมายถึง ลักษณะของการ เชือ่ มโยงสายสอ่ื สารเขา้ กับอุปกรณ์ อเิ ล็กทรอนิกสแ์ ละเครือ่ งคอมพิวเตอร์ ภายในเครือขา่ ยด้วยกนั น่ันเอง โทโปโล ยีของเครือข่าย LAN แต่ละแบบมคี วามเหมาะสมในการใช้งาน แตกตา่ งกันออกไป การนาไปใช้จงึ มีความจาเป็นท่ี เราจะต้องทาการศึกษาลักษณะและคุณสมบตั ิ ข้อดีและข้อเสียของโทโปโลยีแต่ละแบบ เพื่อนาไปใช้ในการ ออกแบบพิจารณาเครอื ข่าย ให้เหมาะสมกับการใชง้ าน มรี ูปแบบต่างๆ ดังนี้ 1.โทโปโลยีแบบบัส (BUS) 2.โทโปโลยีแบบวงแหวน (RING) 3.โทโปโลยีแบบดาว (STAR) 4.โทโปโลยีแบบ Hybrid 5.โทโปโลยีแบบ MESH TOPOLOGY ทน่ี ยิ มใช้กนั บนเครือข่ายทอ้ งถิ่นจะมีอยู่ 3 ชนดิ ดว้ ยกัน คอื 1. แบบบัส ( BUS Topology ) เปน็ การเชื่อมต่อคอมพิวเตอรท์ ุกเครื่องบนสายสัญญาณหลักเส้นเดียว ท่ี เรยี กวา่ BUS ทปี ลายทงั้ สองด้านปิดด้วยอุปกรณท์ ี่เรียกวา่ Teminator ไม่มีคอมพิวเตอร์เครอื่ งใดเครื่องหนึง่ เป็น ศนู ย์กลางในการเช่อื มตอ่ คอมพวิ เตอรเ์ ครือ่ งใดหยดุ ทางาน ก็ไมม่ ีผลกบั คอมพิวเตอร์เคร่ืองอื่น ๆ ในเครือขา่ ย อาจารย์จักรนิ ทองดี
วทิ ยาลัยสารพดั ช่างสระบุรี แผนกวิชาคอมพิวเตอรธ์ รุ กจิ ขอ้ ดี ของการเช่ือแบบบัส คือ สามารถตดิ ต้งั ไดง้ า่ ย เน่ืองจากเป็นโครงสร้างเครือข่ายทไ่ี ม่ซบั ซ้อน การเดินสายเพื่อต่อใชง้ าน สามารถทาได้งา่ ย ประหยดั ค่าใชจ้ ่าย กล่าวคอื ใชส้ ายส่งข้อมลู นอ้ ยกว่า เน่อื งจากสามารถเชื่อมต่อกบั สายหลกั ได้ทนั ที งา่ ยต่อการเพ่ิมสถานีใหมเ่ ข้าไปในระบบ โดยสถานนี ้ีสามารถใช้สายส่งข้อมูลท่มี ีอยแู่ ล้วได้ ข้อเสยี ของการเชอ่ื แบบบัส คอื 1. ถา้ มสี ายเสน้ ใดเสน้ หนึ่งหลดุ ไปจากสถานีใดสถานีหน่ึง กจ็ ะทาให้ระบบเครือข่ายนี้หยุดการทางานลงทันที 2. ถ้าระบบเกิดข้อผดิ พลาดจะหาข้อผิดพกลาดได้ยาก โดยเฉพาะถ้าเป็นระบบเครอื ข่ายขนาดใหญ่ 2. แบบดาว ( Star topology ) เป็นการเชอื่ มต่อสถานหี รือจดุ ต่าง ๆ ออกจากคอมพิวเตอร์ศูนย์กลางหรือ คอมพวิ เตอร์แม่ข่ายท่เี รยี กว่า File Server แตล่ ะสถานจี ะมสี ายสัญญาณเชอ่ื มตอ่ กบั ศูนยก์ ลาง ไม่มกี ารใช้ สายสัญญาณร่วมกัน เมื่อสถานใี ดเกดิ ความเสียหายจะไมม่ ีผลกระทบกับสถานีอื่น ๆ ปจั จบุ นั นิยมใชอ้ ปุ กรณ์ HUB เปน็ ตัวเชอื่ มต่อจากคอมพวิ เตอร์แม่ข่ายหรอื คอมพวิ เตอร์ศูนยก์ ลาง อาจารย์จกั รนิ ทองดี
วิทยาลยั สารพัดชา่ งสระบรุ ี แผนกวชิ าคอมพวิ เตอรธ์ รุ กจิ อาจารยจ์ กั ริน ทองดี
วิทยาลัยสารพดั ช่างสระบุรี แผนกวชิ าคอมพิวเตอร์ธุรกจิ ขอ้ ดีของการเชื่อมแบบดาว คือ ง่ายต่อการใชบ้ รกิ าร เพราะมีศูนย์กลางอยูท่ คี่ อมพิวเตอร์แม่ข่ายอยูเ่ ครือ่ งเดียว และเมื่อเกดิ ความเสียหายท่ีคอมพวิ เตอร์เครื่องใดเคร่ืองหนึ่ง คอมพิวเตอร์เครือ่ งอน่ื ก็จะไม่มผี ลกระทบอนั ใดเพราะ ใช้สายคนละเสน้ ขอ้ เสยี ของการเช่ือมแบบดาว คือ ตอ้ งใช้สายสญั ญาณจานวนมาก เพราะแตล่ ะสถานีมีสายสญั ญาณของตนเอง เชื่อมตอ่ กับศนู ย์กลางจงึ เหมาะสมกบั เครือข่ายระยะใกล้มาก กวา่ การเชื่อมต่อเครือขา่ ยระยะไกล การขยายระบบก็ ยงุ่ ยากเพราะต้องเชื่อมต่อสายจากศนู ยก์ ลางออกมา ถ้าศนู ยก์ ลางเสยี หายระบบจะใชก้ ารไมไ่ ด้ 3. แบบวงแหวน ( Ring Topology ) เปน็ การเชอ่ื มต่อเครือขา่ ยเป็นรปู วงแหวนหรือแบบวนรอบ โดยสถานี แรกเช่อื มต่อกับสถาน สุดท้าย การรับสง่ ข้อมลู ในเครือข่ายจะต้องผ่านทกุ สถานี โดยมีตวั นาสารว่ิงไปบน สายสัญญาณของแต่ละสถานี ตอ้ งคอยตรวจสอบขอ้ มูลท่สี ง่ มา ถา้ ไม่ใช่ของตนเองต้องส่งผ่านไปยังสถานีอ่นื ตอ่ ไป ขอ้ ดีของการเช่ือมแบบวงแหวน คือ ใช้สายสัญญาณน้อยกว่าแบบดาว เหมาะกับการเชือ่ มต่อด้วยสายสัญญาณใย แก้วนาแสง เพราะสง่ ข้อมูลทางเดียวกนั ดว้ ยความเรว็ สงู อาจารยจ์ กั ริน ทองดี
วทิ ยาลยั สารพดั ชา่ งสระบรุ ี แผนกวิชาคอมพิวเตอรธ์ รุ กิจ ขอ้ เสยี ของการเช่อื มแบบวงแหวน คือ ถ้าสถานีใดเสยี ระบบกจ็ ะไมส่ ามารถทางานต่อไปได้จนกว่าจะแก้ไขจุดเสยี นนั้ และยากในการตรวจสอบว่ามีปัญหาที่จดุ ใดและถ้าตอ้ งการเพ่ิมสถานีเข้าไปจะพกหระทาได้ยากดว้ ย Backbone (แบคโบน) คอื อะไร Backbone ระบบเครือข่าย Network (เน็ตเวิร์ก) เป็นการเชื่อมต่อระหว่างเคร่ืองคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เคร่ืองข้ึนไปเข้า ด้วยกัน เพ่ือทาให้คอมพิวเตอร์สามารถส่ือสารกันได้ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือระบบเน็ตเวิร์ก คือกลุ่ม ของคอมพวิ เตอร์และอุปกรณต์ ่างๆ ทถ่ี กู นามาเชื่อมต่อกันเพ่ือใหผ้ ู้ใช้ในเครอื ขา่ ยสามารถติดต่อสื่อสาร แลกเปลย่ี น ข้อมูล และใชอ้ ุปกรณ์ Backbone คือ เส้นทางหลักของระบบเน็ตเวิร์ก ถ้าเป็นถนนก็เป็นถนนสายหลักเช่น วิภาวดี ลาดเพร้าว สีลม เป็นต้น network backbone ก็จะเป็นเส้นทางหลักท่ีใช้ในการส่งข้อมูลและจะต้องออกแบบให้มีความเสถียรด้วย ระบบสารอง redundancy อาทิ เชน่ ถา้ ถนนสลี มมีปัญหา ก็ไปทางถนนสาธรได้เป็นต้น ถา้ เป็นการเดนิ network backbone ในอาคาร ก็จะใช้ Fiber optic เพ่ือเชื่อมต่อกับ Core switches ต่างเป็นหลัก เพื่อให้ม่ันใจว่าถ้าทาง หน่งึ มปี ัญหากส็ ามารถใชอ้ กี ทางหนง่ึ ไปได้ Fiber Optic (ไฟเบอร์ ออฟตกิ ) คอื ใยแก้วนาแสง เปน็ สายสัญญาณของระบบเครือข่ายอีกหนึ่งชนิดหนึ่ง ทีม่ ี ความสามารถในการรับ – ส่งสัญญาณ ได้ไกล ๆ เป็นกิโลเมตร และมีการสูญเสียของสัญญาณน้อยมาก เมื่อเทียบ กบั สายแลนทั่วๆ ไป อาจารยจ์ กั รนิ ทองดี
วิทยาลัยสารพัดชา่ งสระบรุ ี แผนกวชิ าคอมพวิ เตอรธ์ รุ กจิ Fiber Optic สรุป Backbone คือเส้นทางการส่งสัญญาณท่ีเป็นเส้นทางหลักและเสถียรต่อการส่งข้อมูล รวมไปถึงการ สญู เสยี ของสัญญาณทีว่ ิ่งผา่ นในระยะไกลกน็ ้อย หากเกดิ ปัญหาในการส่งข้อมูลก็จะมีเส้นทางที่เสริมในการส่งข้อมูล ไว้เรยี บร้อย IP Address IP Address คืออะไร ไอพี แอดเดรส คอื หมายเลขประจาเครอื่ งคอมพวิ เตอร์ อาจารย์จกั ริน ทองดี
วิทยาลัยสารพัดชา่ งสระบรุ ี แผนกวชิ าคอมพิวเตอร์ธุรกจิ IP Address ย่อมาจากคาเต็มวา่ Internet Protocal Address คอื หมายเลขประจาเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่ละเคร่ืองในระบบเครือข่ายท่ใี ช้โปรโตคอลแบบ TCP/IP ถา้ เปรยี บเทียบก็คอื บา้ นเลขทข่ี องเราน่นั เอง ในระบบเครือข่าย จาเป็นจะตอ้ งมหี มายเลข IP กาหนดไว้ให้กบั คอมพวิ เตอร์ และอปุ กรณ์อืน่ ๆ ทต่ี ้องการ IP ท้ังน้ีเวลามกี ารโอนยา้ ยข้อมูล หรอื ส่ังงานใดๆ จะสามารถทราบตาแหนง่ ของเครอ่ื งที่เราต้องการสง่ ข้อมลู ไป จะได้ไมผ่ ิดพลาดเวลาสง่ ข้อมลู ซงึ่ ประกอบด้วยตวั เลข 4 ชุด มเี ครอื่ งหมายจุดข้ันระหวา่ งชุด เชน่ 192.168.100.1 หรือ 172.16.10.1 เปน็ ต้น โดยหมายเลข IP Address ของเคร่ืองคอมพวิ เตอร์แตล่ ะเคร่ืองจะมคี า่ ไมซ่ า้ กนั สิ่งตวั เลข 4 ชุดนบี้ อก คือ Network ID กบั Host ID ซ่งึ จะบอกให้รู้ว่า เครื่อง Computer ของเราอยใู่ น Network ไหน และเป็นเคร่ืองไหนใน network น้ัน เราจะรู้ได้อย่างไรว่า Network ID และ Host ID มีค่าเท่าไหร่ ก็ข้ึนอยู่กับว่า IP Address น้ัน อยูใ่ น class อะไร Class ต่างๆ ของ IP Address - Class A ต้ังแต่ 10.xxx.xxx.xxx - Class B ตัง้ แต่ 172.16.xxx.xxx ถงึ 172.31.xxx.xxx - Class C ตัง้ แต่ 192.168.0.xxx ถงึ 192.168.255.xxx อาจารย์จักริน ทองดี
วทิ ยาลยั สารพัดช่างสระบรุ ี แผนกวชิ าคอมพวิ เตอรธ์ รุ กิจ IPv4 IPv4 (ไอพวี ี 4) คอื หมายเลข IP Address (ไอพี แอดเดรส)มขี นาด 32 บิท IPv4 ยอ่ มาจาก \"Internet Protocol Version 4 ถกู แบ่งออกเป็น 4 ชุดด้วยเครื่องหมายจุด โดยแตล่ ะชุดมขี นาด 8 บิท หมายเลขไอพี เปน็ รหัสประจาเคร่ืองคอมพิวเตอร์ เพื่อใชใ้ นการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อนื่ ๆในระบบเครอื ข่าย IPv4 จะเป็นหมายเลขที่มที งั้ หมด 32 บิต (แตล่ ะชว่ งเว้นวรรคจดุ . ) แบง่ เป็นชว่ งละ 8 บิต โดยตวั เลข 8 นกี ้ ็จะมีคา่ ตงั้ แต่ 0 - 255 ดงั นนั้ IPv4 จงึ มหี มายเลขได้ตง่ั แต่ 0.0.0.0 ถงึ 255.255.255.255 แตก่ ็ใช่วา่ ทกุ ตวั จะใช้ได้หมด เพราะจะมีบางหมายเลขทีถ่ กู เก็บไว้ใช้งานเฉพาะ อาจารย์จักริน ทองดี
วทิ ยาลัยสารพัดชา่ งสระบุรี แผนกวิชาคอมพวิ เตอร์ธรุ กจิ การแบง่ คลาสของ IPv4 เพอ่ื จุดประสงคใ์ นการใชง้ านทตี่ า่ งกนั ไป - คลาส A เรม่ิ ตั้งแต่ 1.0.0.1 ถงึ 127.255.255.254 - คลาส B เร่มิ ต้งั แต่ 128.0.0.1 ถงึ 191.255.255.254 - คลาส C เรม่ิ ตงั้ แต่ 192.0.1.1 ถึง 223.255.254.254 - คลาส D เร่ิมต้ังแต่ 224.0.0.0 ถงึ 239.255.255.255 ใชส้ าหรับงาน multicast - คลาส E เร่ิมต้งั แต่ 240.0.0.0 ถึง 255.255.255.254 ถูกสารองไว้ ยงั ไม่มกี ารใช้งาน IPv6 IPv6 (Internet Protocol version 6) เปน็ เวอร์ชันลา่ สดุ ของ Internet Protocol และไดร้ วมผลติ ภณั ฑ์ท่ีสนบั สนนุ IP มาเปน็ สว่ นหนง่ึ ดว้ ย รวมถึงระบบปฏิบัติการหลัก IPv6 ได้รับการเรียกวา่ \"IPng\" (IP Next Generation) โดยปกติ IPv6 เปน็ กลุม่ ของข้อกาหนดจาก Internet Engineering Task Force (IETF) โดย IPv6 ได้รับการออกแบบให้ปฏิรปู กล่มุ ของการ ปรบั ปรงุ IP เวอร์ชัน 4 โดย host ของเครือขา่ ยและ node แบบ intermediate ซง่ึ IPv4 หรอื IPv6 สามารถดูแลแพ็คเกตของ IP เวอร์ชนั อนื่ ผใู้ ช้และผู้ให้บรกิ ารสามารถปรบั รนุ่ เปน็ IPv6 โดยอสิ ระ อาจารยจ์ กั รนิ ทองดี
วิทยาลยั สารพัดชา่ งสระบรุ ี แผนกวชิ าคอมพวิ เตอรธ์ รุ กจิ อาจารยจ์ กั ริน ทองดี
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: