Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วันอัฏฐมีบูชา

วันอัฏฐมีบูชา

Published by Pornra Rara, 2021-06-03 06:29:28

Description: วันอัฏฐมีบูชา

Search

Read the Text Version

วนั อฏั ฐมบี ชู า

ประวัติวันอฏั ฐมีบชู า วันสาคญั ทางพระพุทธศาสนา พิธถี วายพระเพลงิ พระบรมศพ หลงั พระพุทธเจ้าเสดจ็ ดบั ขนั ธปรินพิ พาน วันอฏั ฐมบี ชู า ในปีน้ี ตรงกบั วนั ท่ี 3 มิถนุ ายน 2564 ซง่ึ เป็นอกี วันหน่งึ ท่มี คี วามสาคัญในพระ พทุ ธศานา คือ เป็นวันวันถวายพระเพลงิ พระพุทธสรรี ะเม่อื พระพทุ ธเจา้ เสด็จดบั ขนั ธปรนิ ิพพานคะ่ ตามเรามารู้จัก ประวตั วิ ันอฏั ฐมบี ชู า การถวายพระเพลิงพระบรมศพในพุทธประวัติ และระลึกถึง พระพทุ ธคณุ

ประวตั ิวนั อัฏฐมีบชู า วนั สาคัญทางพระพุทธศาสนา วันอฏั ฐมีบชู า ตรงกบั วันแรม 8 ค่า เดือน 6 คือ วันถวายพระเพลิง พระพทุ ธสรรี ะของ พระพทุ ธเจา้ หลังเสดจ็ ดบั ขันธปรนิ พิ พานได้ 8 วัน ถอื เป็นวันสาคญั ในพระพทุ ธศาสนา เม่อื พระพทุ ธเจ้าเสดจ็ ปรนิ ิพพานแล้ว 8 วนั มัลลกษัตรยิ ์แห่งนครกุสินารา พร้อมดว้ ยประชาชน และพระสงฆอ์ นั มี พระมหากสั สปเถระ เป็นประธาน ได้พร้อมกันกระทาการถวายพระเพลงิ พทุ ธสรรี ะ ณ มกฏุ พนั ธนเจดี แห่งกรุงกุสนิ ารา วันนน้ั เป็นวนั หนง่ึ ท่ชี าวพทุ ธตอ้ งมีความสังเวชสลดใจ และ โศกเศร้าเป็นอย่างยิ่ง เพราะการสูญเสยี แห่งพระพุทธสรรี ะ เมอ่ื วนั อัฏฐมีบชู าน้ัน เวยี นมาในแตล่ ะปี พทุ ธศาสนิกชน โดยเฉพาะพระสงฆ์และอุบาสกอบุ าสิกาจะ พร้อมกันประกอบพธิ ีบชู าขนึ้ เป็นการเฉพาะภายในวดั สืบทอดถือปฏิบตั ิกนั ต่อมาจนถงึ ปัจจบุ ัน

พิธถี วายพระเพลิงพระบรมศพ ท่ี กรุงกสุ นิ ารา ตามพุทธประวัติ กุสินารา เป็น สังเวชนียสถานที่สาคญั 1 ใน 4 สงั เวชนียสถาน ซึ่งตงั้ อยใู่ นรัฐอตุ ระประเทศ ประเทศอนิ เดีย ทีน่ ี่มคี วามสาคญั อยา่ งย่ิง เพราะเป็นสถานที่เสดจ็ ดบั ขันธปรนิ ิพพาน ในสมยั พทุ ธกาล เมอื งกุสินารา ต้ังอยใู่ นแควน้ มัลละ และสถานทปี่ รนิ ิพพานของพระพทุ ธองค์ อย่ใู น พระราชอทุ ยานของเจ้ามลั ละฝ่ายเหนือแหง่ กุสินารา ช่ือวา่ อุปวัตตนะสาลวนั ซ่ึงในคัมภรี ์ทาง พระพทุ ธศาสนาเรยี กว่า สาลวโนทยาน แปลวา่ สวนป่าไมส้ าละ

หลังการปรนิ พิ พานของพระพุทธองคแ์ ล้ว กษัตรยิ ์แหง่ มลั ละก็ไดป้ ระดิษฐานพระพุทธสรรี ะไว้ ณ เมืองกุ สินาราเป็นเวลากว่า 7 วัน ก่อนทีจ่ ะประกอบพิธีถวายพระเพลงิ พระบรมศพ ณ มกุฏพันธนเจดีย์ ใน วันท่ี 8 เจ้ามัลลกษตั รยิ ์ จัดบูชาดว้ ยของหอม ดอกไม้ และเคร่อื งดนตรที ุกชนดิ ทม่ี อี ยใู่ นเมืองกุสินารา ตลอด 7 วนั และใหเ้ จา้ มัลละ ระดบั หวั หน้า 8 คน สรงเกลา้ นุ่งห่มผา้ ใหม่ อัญเชญิ พระสรรี ะไปทางทิศ ตะวันออกของพระนครเพ่ือถวายพระเพลิง โดยทาตามวธิ ีปฏิบัตพิ ระสรรี ะตามทพี่ ระอานนท์เถระบอก คือ ห่อพระสรรี ะดว้ ยผ้าใหม่แล้วซบั ด้วยสาลี แลว้ ใช้ผ้าใหม่ห่อทับอีก ทาเช่นนี้จนหมดผา้ 500 คู่ แลว้ เชญิ ลงในรางเหลก็ ที่เตมิ ดว้ ยนา้ มัน แล้วทาจิตกาธานดว้ ยดอกไม้จันทน์ และของหอมทกุ ชนิด จากน้ัน อัญเชิญ พวกเจ้ามลั ละระดบั หวั หน้า 4 คน สระสรงเกลา้ และนุ่งห่มผ้าใหม่ พยายามจุดไฟท่ีเชิงตะกอน แต่กไ็ มอ่ าจทาใหไ้ ฟตดิ ได้ พระอนรุ ุทธะ พระเถระ แจ้งวา่ \"เพราะเทวดามีความประสงค์ให้รอ พระมหากสั สปะ และภกิ ษุหมู่ใหญ่ 500 รูป ผูก้ าลังเดินทางมาเพอื่ ถวายบังคมพระบาทเสยี กอ่ น ไฟก็จะลกุ ไหม้\" และเมื่อภิกษหุ มู่ 500 รูปโดยมพี ระมหากัสสปะเป็นประธานเดินทางมาพร้อมกนั ณ ทถี่ วายพระเพลงิ แลว้ ไฟจึงลุกโชนขึ้นเอง โดยไมต่ อ้ งมใี ครจุด

หลังจากทพ่ี ระเพลงิ เผาซึง่ เผาไหมพ้ ระพุทธสรรี ะดบั มอดลงแล้ว บรรดากษตั รยิ ม์ ลั ละท้ังหลายจึงได้ อญั เชิญพระบรมสารรี กิ ธาตทุ ้งั หมด ใส่ลงในหีบทองแลว้ นาไปรักษาไวภ้ ายในนครกุสินารา ส่วนเคร่อื ง บรขิ ารต่างๆ ของพระพุทธเจา้ ได้มกี ารอัญเชญิ ไปประดิษฐานตามที่ต่างๆ และเมอื่ บรรดากษัตรยิ ์จากแควน้ ต่างๆ ไดท้ ราบว่าพระพุทธเจ้าไดเ้ สด็จดับขันธปรนิ ิพพานที่กรุงกสุ ิ นารา จึงได้สง่ ตัวแทนไปขอแบ่งพระบรมสารรี กิ ธาตุ เพือ่ นากลับมาสักการะยังแควน้ ของตน แต่กถ็ กู กษตั รยิ ม์ ัลละปฏิเสธ จึงทาให้ทง้ั สองฝ่ายขัดแย้งและเตรยี มทาสงครามกัน

แต่ในสดุ โทณพราหมณ์ ไดเ้ ข้ามาเป็นตวั กลางเจรจาไกลเ่ กล่ยี เพอื่ ยุติความขัดแย้งโดยเสนอให้แบง่ พระบรมสารรี กิ ธาตอุ อกเป็น 8 สว่ นเท่าๆ กนั ซง่ึ กษตั รยิ ์แตล่ ะเมอื งทรงสร้างเจดยี ์ทีบ่ รรจุพระบรม สารรี กิ ธาตุ ตามเมอื งต่างๆ ดงั น้ี •กษตั รยิ ล์ จิ ฉว ี ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไวท้ ี่ เมืองเวสาลี •กษตั รยิ ์ศากยะ ทรงสร้างเจดยี บ์ รรจุไวท้ ่ี เมืองกบิลพสั ดุ์ •กษัตรยิ ์ถูลิยะ ทรงสร้างเจดียบ์ รรจไุ ว้ท่ี เมืองอัลลกปั ปะ •กษตั รยิ โ์ กลิยะ ทรงสร้างเจดยี ์บรรจไุ วท้ ่ี เมอื งรามคาม •มหาพราหมณ์ สร้างเจดียบ์ รรจไุ วท้ ่ี เมอื งเวฏฐทีปกะ •กษตั รยิ ์มัลละแห่งเมืองปาวา ทรงสร้างเจดยี ์บรรจุไวท้ ี่ เมืองปาวา •พระเจ้าอชาตศัตรู ทรงสร้างเจดยี ์บรรจุไว้ท่ี เมืองราชคฤห์ •มัลลกษตั รยิ ์แห่งกุสินารา ทรงสร้างเจดยี บ์ รรจุไว้ที่ เมืองกุสนิ ารา •กษตั รยิ เ์ มอื งโมรยิ ะ ทรงสร้างสถูปบรรจุพระองั คาร (องั คารสถปู ) ที่ เมอื งปิปผลิวนั •โทณพราหมณ์ สร้างสถปู บรรจุทะนานตวงพระบรมสารรี กิ ธาตุ ที่ เมืองกสุ ินารา ทาให้ตอ่ มา เมอื งกสุ ินารา กลายเป็นเมอื งสาคญั ศูนย์กลางแหง่ การสกั การะบูชาของ พทุ ธศาสนกิ ชน เหล่ามัลลกษัตรยิ ์ได้สร้างเจดยี แ์ ละวหิ ารเป็นจานวนมากไว้รอบๆสถูปใหญ่ คอื มหา ปรนิ พิ านสถูป อนั เป็นสถานทบี่ รรจพุ ระบรมสารรี กิ ธาตขุ องพระพทุ ธเจา้ และมหาสถูปน้ีแหง่ ได้ กลายเป็นศนู ย์กลางของปูชนียสถานอ่ืนๆ ทสี่ ร้างข้ึนมาภายหลงั ในบรเิ วณนนั้ อีกด้วย ในปัจจบุ ัน ชาวพทุ ธทว่ั โลกไดม้ ากอ่ สร้างวดั ไวม้ ากมายในเมืองกุสนิ าราแห่นี้ โดยมีวัดไทยที่นั่น ด้วยคะ่ ซ่งึ มีชือ่ ว่า วัดไทยกุสนิ าราเฉลิมราชย์

สถปู ปรนิ ิพพาน สถูปปรนิ ิพพาน เป็นศานสถานสาคญั ในเมืองกุสนิ ารา โดยมลี ักษณะเป็นสถปู แบบทรงโอควา่ สร้าง โดย พระเจา้ อโศกมหาราช บนสถปู มียอมมน มีฉัตรสามชัน้ และมี มหาปรนิ พิ พานวหิ าร ตงั้ อยู่ ดา้ นหน้าในฐานเดยี วกนั กบั สถปู ปรนิ ิพพาน ภายในประดษิ ฐาน พระพทุ ธรูปปางเสด็จดับขันธปรนิ พิ พาน คือพระพทุ ธรูปนอนบรรทม ตะแคงเบอ้ื งขวา ศิลปะมถรุ า มพี ทุ ธลักษณะอันพิเศษคือเหมือนคนนอนหลบั ธรรมดา แสดงให้เหน็ วา่ พระพุทธองค์ได้เสดจ็ ดบั ขนั ธปรนิ ิพพานจากไปอย่างผู้หมดกังวลในโลกทง้ั ปวงแลว้ ซึ่ง พระพุทธรูปองค์นี้มอี ายกุ ว่า 1,500 ปี

มกฏุ พันธนเจดีย์ สถานทีถ่ วายพระเพลงิ มกุฏพันธนเจดยี ์ ตง้ั อยู่ห่างจากปรนิ ิพพานสถูป 1 กโิ ลเมตร ชาวท้องถน่ิ เรยี กกนั วา่ รัมภาร์ สถปู เป็นสถานทีถ่ วายพระเพลิงพระพุทธสรรี ะ โดยเป็นเนนิ ดินก่อด้วยอฐิ ขนาดใหญ่ ซ่งึ ปัจจบุ นั รัฐบาลอินเดียได้เข้ามาบูรณะซ่อมแซมไวอ้ ยา่ งดใี หช้ าวพทุ ธไดม้ าเยีย่ มชม และสกั การะบชู า



วันอัฏฐมีบูชา วันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้า นับเป็ นวันทีม่ หา วิปโยคของชาวพุทธ แต่แท้จริงแล้ว ในความทุกข์นัน้ กไ็ ด้ยา้ หลักธรรมทีพ่ ระพุทธเจ้า เพียรสอนมาตลอด วันอัฏฐมบี ูชา คือวนั ถวายพระเพลงิ พระพทุ ธสรรี ะของพระพทุ ธเจา้ หลงั เสดจ็ ดบั ขนั ธปรนิ ิพพานท่ีเมืองกุสนิ าราได้ 8วนั การถวายพระเพลิงก็ไดจ้ ดั ขนึ้ ท่ี 'มกฎุ พนั ธนเจดยี '์ แห่งกสุ นิ ารา ซง่ึ เป็นอีกสถานท่ีท่ีพทุ ธศาสนิกชน เม่ือไป สงั เวชนียสถานหลกั ทงั้ 4 แหง่ แลว้ ตอ้ งไปสกั การะดว้ ย วนั อฏั ฐมีบชู า จดั เป็นวนั สาคญั วนั หนง่ึ ในพทุ ธศาสนา โดยตรงกบั วนั แรม 8 ค่า เดอื นวสิ าขะ (เดอื น 6 ของ ไทย) นอกจากเรอ่ื งราวท่ีปรากฏในพระสตู รและอรรถกถา ท่ีอธิบายเรอ่ื งราวการสญู เสยี พระพทุ ธเจา้ ไว้ มากมาย ซง่ึ เป็นความวปิ โยคส่นั คลอนดา้ นจิตใจของชาวพทุ ธ แตเ่ หตุการณน์ ั้นยง่ิ ตอกยา้ หลักคาสอนเร่ืองไตรลักษณ์ คอื อนิจจัง ทกุ ขัง อนัตตา หรือความไม่ เทยี่ ง เป็ นทกุ ข์ และความไมม่ ตี วั ตนใหย้ ดึ ถอื แม้แต่พระพุทธเจ้าซง่ึ เป็ นศาสดากไ็ ม่อาจหนีพน้ ไป ได้ พระพทุ ธสรรี ะของพระพทุ ธเจา้ ก็ถกู เพลงิ แผดเผา จนเหลือแตอ่ ฐั ิธาตุ

•ความสูญเสียคอื บทเรียนสาคัญ แมว้ ่าทกุ คนจะรบั รูว้ ่าสจั ธรรมท่ีทกุ คนตอ้ งเจอคือ ความไม่แนน่ อน ความชรา ความป่วยไข้ ความคาดไม่ ถึง จนถงึ ความตาย แตก่ ็ไมม่ ีใครท่ีจะยอมรบั ความตายไดอ้ ยา่ งเป็นปกติ การสญู เสยี บคุ คลอนั ท่ีรกั ไม่ว่าเป็นคนในครอบครวั ญาติสนิทมิตรสหาย ผใู้ กลช้ ิด ครูบาอาจารย์ ศาสดา หรอื บคุ คลท่ีมีผคู้ นจานวนมากเคารพนบั ถือเป็นสรณะ ทาใหค้ นท่ียงั อย่รู ูส้ กึ ส่นั คลอนในใจราวกบั เสาหลกั ในชีวิตหกั พงั ลง ไมม่ ีใครปรารถนาส่งิ นี้ แตค่ วามไม่น่าปรารถนานีแ้ หละคอื ส่งิ ท่ีมีค่าย่ิง •ความตายทมี่ ใิ ช่เพยี งการละสังขาร ความตายท่ีทกุ คนเขา้ ใจ คือการหมดลมหายใจ สรรี ะสญู สลายไป แตท่ ่ีจรงิ ความตายในทางพทุ ธหมาย รวมถึงความตายในทกุ ขณะ การเกิดขนึ้ ตงั้ อยู่ และดบั ไป คอื ความหมายสาคญั ของความตาย แตส่ ่งิ ท่ีเกิดขนึ้ เสมอคือ ความตายของความสขุ ช่ือเสียง ลาภยศ และลาภยศคือส่งิ ท่ีเราไมป่ รารถนา เรา ปรารถนาความตายของความทกุ ข์ ความโกรธ ความผิดหวงั ทงั้ ๆ ท่ีไมว่ ่าความสขุ ความทกุ ข์ ลาภ ยศ สรรเสรญิ นินทา ลว้ นมีความไมเ่ ท่ียง และความตาย (ดบั ไป) ไมต่ า่ งกนั เลย ในหนงั สอื เรอ่ื ง “เม่ือทกุ อยา่ งพงั ทลาย (When Things Fall Apart)” ของ ‘เพมา โชดรนั ’ อธิบายถงึ คณุ คา่ ของการสญู เสีย ความสนิ้ หวงั และความตายของความสขุ ลาภ ยศ สรรเสรญิ ว่าเป็นจดุ ท่ี ทาใหค้ นตระหนกั รูถ้ งึ การหยดุ อย่กู บั ปัจจบุ นั และเผชิญหนา้ กบั ความทกุ ขต์ า่ งๆ โดยเฉพาะความสนิ้ หวงั เม่ือเราไม่ “หนี” ความทกุ ขแ์ ละความตายในชีวติ ประจาวนั เพราะย่ิงหนีก็ย่ิงทกุ ข์ ไมจ่ บสนิ้

คาว่า ‘สังเวช’ แปลวา่ ความรูส้ กึ หดห่ทู ่ีเกิดขนึ้ ตอ่ ผทู้ ่ีไดร้ บั ความทกุ ขย์ ากลาบาก แลว้ ทาไมเราถึงใช้ คาว่า สงั เวชนียสถาน กบั สถานท่ีเพ่ือระลกึ ถงึ เหตกุ ารณอ์ นั สาคญั ของพระพทุ ธเจา้ ? ก็เพราะความ สงั เวชนีค้ ือธรรมสงั เวช ท่ีใหเ้ ราเผชิญหนา้ ตอ่ ความสญู เสยี หรอื สงิ่ ท่ีผา่ นไปแลว้ ไมม่ ีวนั หวนกลบั เช่น การปรนิ ิพพานของพระพทุ ธเจา้ นนั้ ผา่ นไปแลว้ กวา่ ก่งึ พทุ ธกาล แตท่ ่ีจรงิ ก็ไม่ตา่ งจากส่งิ ท่ีเพ่ิงผา่ นไป แลว้ เม่ือวาน เม่ือช่วั โมงท่ีแลว้ นาทีท่ีแลว้ หรอื เสีย้ ววนิ าทีท่ีแลว้ ก็มิอาจหวนกลบั มา วนั อฏั ฐมีบชู า ซง่ึ พทุ ธศาสนิกชนสญู เสียพระพทุ ธเจา้ ไป สอนใหเ้ ราไมย่ ดึ ติดอย่กู บั ทงั้ ความสขุ และ ความทกุ ข์ ไม่มอี ะไรคงทนอย่ไู ด้ ส่งิ ท่ีเกิดขนึ้ คือการเกิดดบั อยา่ งตอ่ เน่ือง จนเราคิดไปเองวา่ มนั จะอยู่ เชน่ นนั้ นิจนิรนั ดร์ วนั อฏั ฐมีบชู า สอนใหเ้ ราอย่กู บั ปัจจบุ นั ขณะ รบั รูถ้ งึ การเกิดขนึ้ และดบั ไปของสง่ิ ตา่ งๆ ท่ีเราตอ้ ง เผชิญหนา้ ในชีวิต ขอบคณุ ขอ้ มูลดๆี จาก https://www.rama.mahidol.ac.th http://www.dhammathai.org https://www.onab.go.th

จดั ทาโดย นางสาวสุภาภรณ์ สตาสิทธิ์ บรรณารักษอ์ ตั ราจา้ งเหมาบริการ หอ้ งสมุดการรถไฟฯจังหวัดบุรีรัมย์